หลินเซียงตกตะลึง มองดูชานมในมือตัวเอง เขาไม่ได้เป็นคนซื้อมันหรอกเหรอ?อย่างไรก็ตาม ความเฉยเมยบนใบหน้าของลู่สือเยี่ยนนั้นจริงจังเกินกว่าจะโกหกเธอเหยียดมุมปากเป็นรอยยิ้มขมขื่น เธอคิดไปเองว่าเขาจำเรื่องเก่า ๆ ได้ เมื่อนึกถึงเรื่องเลวร้ายที่เธอประสบ เลยกังวลว่าเธอจะกลัว ถึงได้ซื้อชานมมาปลอบใจที่แท้เธอก็คิดมากไปเองเธอสูดหายใจเข้าลึก โยนชานมลงในถังขยะ แล้วเดินตามเขาเข้าไปในวิลล่าตระกูลลู่พวกเขาขึ้นไปชั้นบนโดยตรงแล้วเข้าไปในห้องนอนลู่สือเยี่ยนเอื้อมมือออก ปลดกระดุมปกเสื้อแล้วพูดอย่างเย็นชา "ไปอาบน้ำซะ"หลินเซียงเข้าไปอาบน้ำเงียบ ๆ คิดถึงคำว่าใบลาออกตลอดกระบวนการลู่สือเยี่ยนเห็นภาพนั้นก็รู้สึกอยู่ไม่สุขมากยิ่งขึ้นเสียงน้ำไหลแว่วมา มองเห็นร่างที่สวยสง่าผ่านกระจกฝ้า เขานั่งลงบนโซฟา วางข้อศอกเท้าต้นขา จ้องมองกระจกด้วยดวงตาสีเข้มและซับซ้อนเป็นเวลานานลูกกระเดือกบนคอกลอกกลิ้ง ปากคอแห้งอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ยื่นมือออกไปดึงคอเสื้อ ราวกับว่าสิ่งนี้สามารถบรรเทาความหงุดหงิดและความร้อนรุ่มเกินกว่าจะอดทนได้เขาลุกขึ้น เดินออกจากห้องนอนแล้วไปที่ห้องรับแขกเพื่ออาบน้ำเมื่อหลินเซียงนุ่งผ้
เมื่อนึกถึงความบ้าคลั่งเมื่อคืน เธอก็รู้สึกขาอ่อน รีบสลัดความคิดเหล่านั้นออกไปเธอลุกขึ้นแล้วลงจากเตียง เมื่อเหยียบเท้าลงน้ำหนัก ขาของเธอก็อ่อนยวบแทบจะล้มลง!ไอ้คนบ้า!หลินเซียงสบถในใจสองสามคำ ใช้เวลาพักใหญ่จึงเดินไปห้องน้ำเธอซักเสื้อผ้าไปแล้วเมื่อคืนหลังจากอาบน้ำ ตอนนี้แห้งพอดี หลังจากที่เธอแปรงฟันเสร็จ ประตูห้องนอนก็เปิดออก คนใช้จัดที่นอนเรียบร้อยเธอทำเป็นเฉยเมยเดินออกไปแล้วลงบันไดพ่อบ้านฟู่เห็นเธอลงมา จึงทักทายด้วยรอยยิ้มว่า “คุณผู้หญิง ตื่นแล้วเหรอครับ อาหารเช้าเตรียมไว้แล้วครับ”หลินเซียงพยักหน้า แล้วเดินตรงไปที่ห้องอาหารเพิ่งเข้าไปก็ได้ยินเสียงฝีเท้าหนัก ๆ ของผู้ชายดังมาจากด้านหลัง เขาเลื่อนเก้าอี้ตัวข้าง ๆ แล้วนั่งลงหลินเซียงก้มหน้ามองโจ๊กตรงหน้า ตักกินทีละน้อยสายตาของลู่สือเยี่ยนกวาดไปทั่วตัวเธอ ดวงตาเข้มล้ำลึกหลินเซียงรู้สึกไม่สบายใจมาก แต่เธอไม่อยากพูดอะไรกับเขา หวังเพียงว่าพอถึงบริษัทแล้ว เขาจะอนุมัติให้เธอลาออก หลังจากกินเสร็จ หลินเซียงจึงเงยหน้ามองเขาแล้วถามว่า “เราไปบริษัทด้วยกันไหม?”ลู่สือเยี่ยนพูดว่า “ถ้าคุณอยากเดินไป ผมก็ไม่ว่า”หลินเซียง “…”ปากค
รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของเซี่ยหว่าน “ขอบคุณค่ะ ขอแค่คุณไม่กักขังหน่วงเหนี่ยวเธอไว้ก็พอแล้ว พอเธอกลับไป ฉันจะตักเตือนเธอให้ดี”“อืม”ลู่สือเยี่ยนตอบเสียงเรียบ กำลังจะพูดอะไรต่อ ก็ได้ยินเสียงปิดประตูรถ“ไม่ได้!”หลินเซียงเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว ดวงตาใส ๆ แสดงออกถึงความเด็ดขาด มองลู่สือเยี่ยน “คุณไม่ควรปล่อยจ้าวลี่ลี่!”ลู่สือเยี่ยนขมวดคิ้ว “คุณกำลังสั่งผมเหรอ?”นิ้วมือของหลินเซียงเกร็งขึ้น หัวใจเจ็บปวด มองใบหน้าที่เย็นชาและเฉียบคมของเขา รู้สึกเหมือนไม่เคยรู้จักเขาอย่างสิ้นเชิงเซี่ยหว่านพูดแทรกขึ้นมา “คุณหลิน รุ่นพี่ของฉันแค่ขาดสติทำเรื่องผิดพลาด เธอสำนึกแล้วว่าตัวเองผิด ถ้าคุณยังไม่พอใจ ฉันขอโทษแทนเธอก็ได้”พูดจบ เธอก็โค้งคำนับหลินเซียง แสดงให้เห็นถึงความอ่อนน้อมถ่อมตนอย่างสูง“คุณหลิน ขอโทษด้วยนะคะ!”ลู่สือเยี่ยนจับแขนเธอ ดึงเธอขึ้นมา “หว่านหว่าน ทำอะไรเนี่ย? เรื่องของเธอไม่เกี่ยวอะไรกับคุณเลยนะ”เซี่ยหว่านเงยหน้าขึ้น ดวงตาแดงก่ำ แต่เธอก็ยังพยายามฝืนยิ้ม พูดว่า “ทำไมจะไม่เกี่ยวล่ะคะ? นั่นก็รุ่นพี่คนสนิทของฉัน เธอทำผิดก็ต้องมีคนรับผิดชอบ ฉันแค่อยากให้คุณหลินอย่าถือสาหาความ อย่าง
“ไม่ไป!”หลินเซียงพูดจบก็ไม่แม้แต่จะเหลียวมองซ่งจั่ว รีบเดินเข้าลิฟต์ไปดื้อ ๆซ่งจั่วรู้สึกปวดหัวอย่างรุนแรงเมื่อคืนยังดี ๆ อยู่เลยนี่นา?ทำไมผ่านไปคืนเดียวถึงได้ทะเลาะกันอีกแล้ว?เขาเดินตามเข้าไปในลิฟต์ คิดจะเจรจาไกล่เกลี่ย “คุณหลินครับ ถ้ามีอะไรเข้าใจผิดต่อกัน ผมว่าคุณควรไปคุยกับประธานลู่ให้ชัดเจนดีกว่า เพราะสุดท้ายแล้ว…”หลินเซียงมองเขาอย่างเย็นชา “ออกไป”ซ่งจั่ว “…”ลำพังการถูกปฏิเสธการเจรจาก็ย่ำแย่พออยู่แล้ว!แต่สายตาเย็นชาของหลินเซียงทำให้ซ่งจั่วรู้สึกถึงแรงกดดันอย่างบอกไม่ถูก เหมือนกับว่าเขามองเห็นลู่สือเยี่ยนยืนอยู่ตรงหน้าซ่งจั่วไม่กล้าอยู่ต่อ รีบก้าวออกจากลิฟต์ มองประตูลิฟต์ที่ค่อย ๆ ปิดลง ก่อนจะถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ แล้วขึ้นลิฟต์อีกตัวไปที่ห้องทำงานประธานบริษัทเขาเคาะประตูห้องทำงานของประธาน ได้ยินเสียงอนุญาตจากข้างใน ซ่งจั่วสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วเปิดประตูเข้าไป “ประธานลู่ครับ คุณหลินเก็บของออกไปแล้วครับ”“ปัง!”ลู่สือเยี่ยนโยนเอกสารในมือลง บรรยากาศในห้องทำงานทั้งห้องเย็นยะเยือก เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา โทรหาหลินเซียง แต่กลับถูกตัดสาย!กล้ามาก!ชัดเจนว่าเป็นเพ
เธอจะลบร่องรอยของเขาออกจากชีวิตเธอทั้งหมด!ทางโทรศัพท์ ฉินโหย่วหานหัวเราะเบา ๆ แล้วพูดว่า “ได้ รอผมนะ เดี๋ยวผมไป”“ค่ะ”หลังจากวางสายแล้ว หลินเซียงก็เปิดแอปแล้วโพสต์ประกาศขายบ้านของเธอทันทีผ่านไปประมาณสิบห้านาที เสียงกริ่งประตูก็ดังขึ้นหลินเซียงเดินไปเปิดประตู ฉินโหย่วหานวันนี้ย้อมผมสั้นสีเทาอมม่วง ยืนอยู่ที่ประตูด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ใช้มือข้างหนึ่งยันไว้ที่กรอบประตู เมื่อเห็นเธอเขาก็ถามว่า “ทำไมถึงเปลี่ยนใจกะทันหันล่ะ?”หลินเซียงพูดว่า “บ้านหลังใหญ่เกินไป อยู่คนเดียวแล้ววังเวงพิลึก”ฉินโหย่วหานเลิกคิ้ว “เหตุผลนี้นี่เอง…”เขาไม่ได้พูดต่อ เห็นได้ชัดว่าไม่เชื่อ แต่ก็ไม่ได้ถามซักไซ้หลินเซียงยิ้มจาง ๆ “พี่หาน ลองดูรอบ ๆ ก่อนเถอะค่ะว่าชอบไหม”ฉินโหย่วหานเดินเข้ามา เดินไปมาในห้องสองสามรอบ แล้วพูดว่า “ได้อยู่แล้ว แต่หลินเซียง บ้านหลังนี้ถือเป็นบ้านมือสอง แม้ว่าทำเลจะดีมาก แต่ก็ไม่ใช่อะไรที่ต้องการอย่างเร่งด่วน อาจจะไม่ได้ราคาตามที่คุณหวังไว้หรอกนะ”ดวงตาใสแจ๋วของหลินเซียงมองเขา “คุณยังไม่ได้ถามฉันเลย รู้ได้ยังไงว่าราคาที่ฉันคาดหวังไว้อยู่ที่เท่าไหร่?”ฉินโหย่วหานมองเธอ “อ้อ? เท
หลินเซียงอึ้งไปเล็กน้อย แล้วบอกว่า “แต่ฉันไม่เคยเข้าร่วมงานเลี้ยงระดับนั้นมาก่อน กลัวจะไปทำอะไรเปิ่นเป๋อเข้า”ฉินโหย่วหาน “ไม่เป็นไร แค่แต่งตังสวย ๆ ก็พอ”หลินเซียงพยักหน้า “งั้นก็ได้ค่ะ ถ้าเกิดมีอะไรผิดพลาดขึ้นมา คุณอย่ามาตำหนิฉันก็แล้วกัน”ฉินโหย่วหานหัวเราะเบา ๆ “ไม่มีทางแน่นอน”หลินเซียงหันกลับมาเก็บของต่อของของเธอน้อยมาก กระเป๋าเดินทางใบเดียวก็ใส่ได้หมดแล้ว พอเก็บเสร็จ เธอก็รู้สึกโหวงแปลก ๆอยู่มาตั้งนาน ของส่วนตัวมีแค่นี้เองเหรอ?เพราะแบบนี้ไง ตั้งแต่แรกเธอจึงไม่เคยคิดว่าที่นี่เป็นที่ของเธอแววตาฉายแววขมขื่นเล็กน้อย หลินเซียงลากกระเป๋าเดินทางแล้วเดินออกจากห้องไปก่อนไปไม่ลืมแจ้งรหัสผ่านให้ฉินโหย่วหานฉินโหย่วหานพยักหน้าเล็กน้อย รับกระเป๋าเดินทางจากมือเธอ แล้วพูดว่า “ไปกันเถอะ”“ค่ะ”พวกเขาออกจากเฟิงหลินหย่วนและกลับไปที่อะพาร์ตเมนต์เดิมไม่ได้กลับมานานทีเดียว ห้องจึงค่อนข้างรกหลินเซียงกล่าวด้วยความเขินอายเล็กน้อยว่า “ฉันไม่ได้กลับมานาน ต้องทำความสะอาดก่อน พี่หาน รอแป๊บนะคะ”ฉินโหย่วหานพยักหน้า มองไปที่ห้องสองห้องนอนเล็ก ๆ นัยน์ตาสีเหมือนสุนัขจิ้งจอกสวยงามของเขาเป็
ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เด็ก ๆ หลายคนถูกพ่อแม่พามาทิ้งไว้หลินเซียงตัวน้อยอดคิดไม่ได้ว่าเธอเองก็ถูกทิ้งด้วยหรือเปล่า?ในเมื่อให้กำเนิดเธอแล้ว ทำไมถึงไม่เอาเธอไปเลี้ยงด้วยล่ะ?ดังนั้น ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เธอไม่เคยคิดจะตามหาพ่อแม่ที่แท้จริงเลยฉินโหย่วหนานมองเห็นสีหน้าที่ดูงุนงงของเธอ แล้วพูดว่า “บางที ครอบครัวของคุณอาจจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น หรือบางทีคุณอาจจะถูกลักพาตัวไป ทั้งหมดนี้เป็นไปได้ หลินเซียง คุณอยากตามหาพวกเขาไหม?”หลินเซียงตอบ “ฉันยังไม่คิดเรื่องนั้น”ฉินโหย่วหนาน “งั้นไว้ค่อยคิด ถ้าคิดได้เมื่อไหร่อย่าลืมบอกผมนะ ผมจะช่วยคุณอีกแรง”หลินเซียงมองเขา รู้สึกซาบซึ้ง “พี่หาน ทำไมคุณถึงได้ดีกับฉันขนาดนี้นะ?”ฉินโหย่วหนานมองสายตาที่คุ้นเคยคู่นั้นซึ่งเหมือนกำลังมองพี่ชาย รู้สึกเจ็บแน่นในอก พูดจาติด ๆ ขัด ๆ ว่า “ใครให้ผมเสนอตัวเป็นพี่คุณล่ะ ฮ่า ฮ่า”หลินเซียงส่งยิ้มให้เขา “ไว้ฉันจะลองคิดดูดี ๆ ค่ะ”“อืม”ฉินโหย่วหนานไม่ค่อยอยากคุยเรื่องนี้ต่อแล้วหน้าอย่างเขาสมควรเป็นแค่พี่ชายเท่านั้นเหรอ?เขาหลับตาลง จำฉากตอนที่เธอเห็นเขาครั้งแรกได้เป็นอย่างดี แววตาที่ประทับใจคู่นั้น ทำไมถึงไม
ฟู่จิ่นซิ่วเอื้อมมือลูบขนแขนที่ลุกชันพลางพูดว่า “ฉันได้ยินซ่งซ่งคุยโทรศัพท์กับหลินเซียง น่าจะไม่มีอะไรผิดพลาดนะ นายทำอะไรลงไป ถึงกับทำให้เธอต้องหนีออกจากเมืองอวิ๋นเฉิง?”“ตู๊ด!”แต่เขาก็ไม่ได้รับคำตอบ ลู่สือเยี่ยนวางสายไปอย่างรวดเร็ว“อารมณ์เสียอะไรนักหนา!”ฟู่จิ่นซิ่วบ่นพึมพำ แล้ววางโทรศัพท์ไว้ข้าง ๆ ก่อนจะเอนหลังพิงหัวเตียง“ซ่งซ่ง!”เขาตะโกนเรียกออกไปข้างนอกเสียงดัง ทันใดนั้นก็รู้สึกเวียนหัว ไม่สบายไปทั้งตัว!ไม่นานซ่งซ่งก็ผลักประตูเข้ามา โผล่หน้าเข้ามาถาม “มีอะไรคะ?”ฟู่จิ่นซิ่วลืมตาขึ้นครึ่งหนึ่ง พูดว่า “เพิ่มเพื่อนในวีแชทกับฉันหน่อย ผมไม่อยากเรียกคุณบ่อย ๆ เรียกดัง ๆ แล้วปวดหัว”ซ่งซ่ง “คุณโทรมาก็ได้นี่”ฟู่จิ่นซิ่ว “ผมว่ามันยุ่งยากกว่า”ซ่งซ่ง “…”เธอมองเขาด้วยสีหน้าประหลาดใจ กดเบอร์แล้วกดโทรออก กับเปิดแอปวีแชทแล้วส่งข้อความ อันไหนมันยุ่งยากกว่ากัน?คนคนนี้กินยาผิดหรือไง?แต่เมื่อนึกถึงว่าอีกหนึ่งสัปดาห์ก็จะหลุดพ้นจากเรื่องนี้แล้ว เธอเลยไม่พูดอะไรมาก เดินเข้ามาแล้วเพิ่มเขาเป็นเพื่อนในวีแชทฟู่จิ่นซิ่วมองรูปโปรไฟล์ของเธอ ถามขึ้นมาทันทีว่า “คุณชอบหิมะเหรอ?”ซ่งซ่งห