หลินเซียงตกตะลึง มองดูชานมในมือตัวเอง เขาไม่ได้เป็นคนซื้อมันหรอกเหรอ?อย่างไรก็ตาม ความเฉยเมยบนใบหน้าของลู่สือเยี่ยนนั้นจริงจังเกินกว่าจะโกหกเธอเหยียดมุมปากเป็นรอยยิ้มขมขื่น เธอคิดไปเองว่าเขาจำเรื่องเก่า ๆ ได้ เมื่อนึกถึงเรื่องเลวร้ายที่เธอประสบ เลยกังวลว่าเธอจะกลัว ถึงได้ซื้อชานมมาปลอบใจที่แท้เธอก็คิดมากไปเองเธอสูดหายใจเข้าลึก โยนชานมลงในถังขยะ แล้วเดินตามเขาเข้าไปในวิลล่าตระกูลลู่พวกเขาขึ้นไปชั้นบนโดยตรงแล้วเข้าไปในห้องนอนลู่สือเยี่ยนเอื้อมมือออก ปลดกระดุมปกเสื้อแล้วพูดอย่างเย็นชา "ไปอาบน้ำซะ"หลินเซียงเข้าไปอาบน้ำเงียบ ๆ คิดถึงคำว่าใบลาออกตลอดกระบวนการลู่สือเยี่ยนเห็นภาพนั้นก็รู้สึกอยู่ไม่สุขมากยิ่งขึ้นเสียงน้ำไหลแว่วมา มองเห็นร่างที่สวยสง่าผ่านกระจกฝ้า เขานั่งลงบนโซฟา วางข้อศอกเท้าต้นขา จ้องมองกระจกด้วยดวงตาสีเข้มและซับซ้อนเป็นเวลานานลูกกระเดือกบนคอกลอกกลิ้ง ปากคอแห้งอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ยื่นมือออกไปดึงคอเสื้อ ราวกับว่าสิ่งนี้สามารถบรรเทาความหงุดหงิดและความร้อนรุ่มเกินกว่าจะอดทนได้เขาลุกขึ้น เดินออกจากห้องนอนแล้วไปที่ห้องรับแขกเพื่ออาบน้ำเมื่อหลินเซียงนุ่งผ้
เมื่อนึกถึงความบ้าคลั่งเมื่อคืน เธอก็รู้สึกขาอ่อน รีบสลัดความคิดเหล่านั้นออกไปเธอลุกขึ้นแล้วลงจากเตียง เมื่อเหยียบเท้าลงน้ำหนัก ขาของเธอก็อ่อนยวบแทบจะล้มลง!ไอ้คนบ้า!หลินเซียงสบถในใจสองสามคำ ใช้เวลาพักใหญ่จึงเดินไปห้องน้ำเธอซักเสื้อผ้าไปแล้วเมื่อคืนหลังจากอาบน้ำ ตอนนี้แห้งพอดี หลังจากที่เธอแปรงฟันเสร็จ ประตูห้องนอนก็เปิดออก คนใช้จัดที่นอนเรียบร้อยเธอทำเป็นเฉยเมยเดินออกไปแล้วลงบันไดพ่อบ้านฟู่เห็นเธอลงมา จึงทักทายด้วยรอยยิ้มว่า “คุณผู้หญิง ตื่นแล้วเหรอครับ อาหารเช้าเตรียมไว้แล้วครับ”หลินเซียงพยักหน้า แล้วเดินตรงไปที่ห้องอาหารเพิ่งเข้าไปก็ได้ยินเสียงฝีเท้าหนัก ๆ ของผู้ชายดังมาจากด้านหลัง เขาเลื่อนเก้าอี้ตัวข้าง ๆ แล้วนั่งลงหลินเซียงก้มหน้ามองโจ๊กตรงหน้า ตักกินทีละน้อยสายตาของลู่สือเยี่ยนกวาดไปทั่วตัวเธอ ดวงตาเข้มล้ำลึกหลินเซียงรู้สึกไม่สบายใจมาก แต่เธอไม่อยากพูดอะไรกับเขา หวังเพียงว่าพอถึงบริษัทแล้ว เขาจะอนุมัติให้เธอลาออก หลังจากกินเสร็จ หลินเซียงจึงเงยหน้ามองเขาแล้วถามว่า “เราไปบริษัทด้วยกันไหม?”ลู่สือเยี่ยนพูดว่า “ถ้าคุณอยากเดินไป ผมก็ไม่ว่า”หลินเซียง “…”ปากค
รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของเซี่ยหว่าน “ขอบคุณค่ะ ขอแค่คุณไม่กักขังหน่วงเหนี่ยวเธอไว้ก็พอแล้ว พอเธอกลับไป ฉันจะตักเตือนเธอให้ดี”“อืม”ลู่สือเยี่ยนตอบเสียงเรียบ กำลังจะพูดอะไรต่อ ก็ได้ยินเสียงปิดประตูรถ“ไม่ได้!”หลินเซียงเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว ดวงตาใส ๆ แสดงออกถึงความเด็ดขาด มองลู่สือเยี่ยน “คุณไม่ควรปล่อยจ้าวลี่ลี่!”ลู่สือเยี่ยนขมวดคิ้ว “คุณกำลังสั่งผมเหรอ?”นิ้วมือของหลินเซียงเกร็งขึ้น หัวใจเจ็บปวด มองใบหน้าที่เย็นชาและเฉียบคมของเขา รู้สึกเหมือนไม่เคยรู้จักเขาอย่างสิ้นเชิงเซี่ยหว่านพูดแทรกขึ้นมา “คุณหลิน รุ่นพี่ของฉันแค่ขาดสติทำเรื่องผิดพลาด เธอสำนึกแล้วว่าตัวเองผิด ถ้าคุณยังไม่พอใจ ฉันขอโทษแทนเธอก็ได้”พูดจบ เธอก็โค้งคำนับหลินเซียง แสดงให้เห็นถึงความอ่อนน้อมถ่อมตนอย่างสูง“คุณหลิน ขอโทษด้วยนะคะ!”ลู่สือเยี่ยนจับแขนเธอ ดึงเธอขึ้นมา “หว่านหว่าน ทำอะไรเนี่ย? เรื่องของเธอไม่เกี่ยวอะไรกับคุณเลยนะ”เซี่ยหว่านเงยหน้าขึ้น ดวงตาแดงก่ำ แต่เธอก็ยังพยายามฝืนยิ้ม พูดว่า “ทำไมจะไม่เกี่ยวล่ะคะ? นั่นก็รุ่นพี่คนสนิทของฉัน เธอทำผิดก็ต้องมีคนรับผิดชอบ ฉันแค่อยากให้คุณหลินอย่าถือสาหาความ อย่าง
“ไม่ไป!”หลินเซียงพูดจบก็ไม่แม้แต่จะเหลียวมองซ่งจั่ว รีบเดินเข้าลิฟต์ไปดื้อ ๆซ่งจั่วรู้สึกปวดหัวอย่างรุนแรงเมื่อคืนยังดี ๆ อยู่เลยนี่นา?ทำไมผ่านไปคืนเดียวถึงได้ทะเลาะกันอีกแล้ว?เขาเดินตามเข้าไปในลิฟต์ คิดจะเจรจาไกล่เกลี่ย “คุณหลินครับ ถ้ามีอะไรเข้าใจผิดต่อกัน ผมว่าคุณควรไปคุยกับประธานลู่ให้ชัดเจนดีกว่า เพราะสุดท้ายแล้ว…”หลินเซียงมองเขาอย่างเย็นชา “ออกไป”ซ่งจั่ว “…”ลำพังการถูกปฏิเสธการเจรจาก็ย่ำแย่พออยู่แล้ว!แต่สายตาเย็นชาของหลินเซียงทำให้ซ่งจั่วรู้สึกถึงแรงกดดันอย่างบอกไม่ถูก เหมือนกับว่าเขามองเห็นลู่สือเยี่ยนยืนอยู่ตรงหน้าซ่งจั่วไม่กล้าอยู่ต่อ รีบก้าวออกจากลิฟต์ มองประตูลิฟต์ที่ค่อย ๆ ปิดลง ก่อนจะถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ แล้วขึ้นลิฟต์อีกตัวไปที่ห้องทำงานประธานบริษัทเขาเคาะประตูห้องทำงานของประธาน ได้ยินเสียงอนุญาตจากข้างใน ซ่งจั่วสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วเปิดประตูเข้าไป “ประธานลู่ครับ คุณหลินเก็บของออกไปแล้วครับ”“ปัง!”ลู่สือเยี่ยนโยนเอกสารในมือลง บรรยากาศในห้องทำงานทั้งห้องเย็นยะเยือก เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา โทรหาหลินเซียง แต่กลับถูกตัดสาย!กล้ามาก!ชัดเจนว่าเป็นเพ
เธอจะลบร่องรอยของเขาออกจากชีวิตเธอทั้งหมด!ทางโทรศัพท์ ฉินโหย่วหานหัวเราะเบา ๆ แล้วพูดว่า “ได้ รอผมนะ เดี๋ยวผมไป”“ค่ะ”หลังจากวางสายแล้ว หลินเซียงก็เปิดแอปแล้วโพสต์ประกาศขายบ้านของเธอทันทีผ่านไปประมาณสิบห้านาที เสียงกริ่งประตูก็ดังขึ้นหลินเซียงเดินไปเปิดประตู ฉินโหย่วหานวันนี้ย้อมผมสั้นสีเทาอมม่วง ยืนอยู่ที่ประตูด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ใช้มือข้างหนึ่งยันไว้ที่กรอบประตู เมื่อเห็นเธอเขาก็ถามว่า “ทำไมถึงเปลี่ยนใจกะทันหันล่ะ?”หลินเซียงพูดว่า “บ้านหลังใหญ่เกินไป อยู่คนเดียวแล้ววังเวงพิลึก”ฉินโหย่วหานเลิกคิ้ว “เหตุผลนี้นี่เอง…”เขาไม่ได้พูดต่อ เห็นได้ชัดว่าไม่เชื่อ แต่ก็ไม่ได้ถามซักไซ้หลินเซียงยิ้มจาง ๆ “พี่หาน ลองดูรอบ ๆ ก่อนเถอะค่ะว่าชอบไหม”ฉินโหย่วหานเดินเข้ามา เดินไปมาในห้องสองสามรอบ แล้วพูดว่า “ได้อยู่แล้ว แต่หลินเซียง บ้านหลังนี้ถือเป็นบ้านมือสอง แม้ว่าทำเลจะดีมาก แต่ก็ไม่ใช่อะไรที่ต้องการอย่างเร่งด่วน อาจจะไม่ได้ราคาตามที่คุณหวังไว้หรอกนะ”ดวงตาใสแจ๋วของหลินเซียงมองเขา “คุณยังไม่ได้ถามฉันเลย รู้ได้ยังไงว่าราคาที่ฉันคาดหวังไว้อยู่ที่เท่าไหร่?”ฉินโหย่วหานมองเธอ “อ้อ? เท
หลินเซียงอึ้งไปเล็กน้อย แล้วบอกว่า “แต่ฉันไม่เคยเข้าร่วมงานเลี้ยงระดับนั้นมาก่อน กลัวจะไปทำอะไรเปิ่นเป๋อเข้า”ฉินโหย่วหาน “ไม่เป็นไร แค่แต่งตังสวย ๆ ก็พอ”หลินเซียงพยักหน้า “งั้นก็ได้ค่ะ ถ้าเกิดมีอะไรผิดพลาดขึ้นมา คุณอย่ามาตำหนิฉันก็แล้วกัน”ฉินโหย่วหานหัวเราะเบา ๆ “ไม่มีทางแน่นอน”หลินเซียงหันกลับมาเก็บของต่อของของเธอน้อยมาก กระเป๋าเดินทางใบเดียวก็ใส่ได้หมดแล้ว พอเก็บเสร็จ เธอก็รู้สึกโหวงแปลก ๆอยู่มาตั้งนาน ของส่วนตัวมีแค่นี้เองเหรอ?เพราะแบบนี้ไง ตั้งแต่แรกเธอจึงไม่เคยคิดว่าที่นี่เป็นที่ของเธอแววตาฉายแววขมขื่นเล็กน้อย หลินเซียงลากกระเป๋าเดินทางแล้วเดินออกจากห้องไปก่อนไปไม่ลืมแจ้งรหัสผ่านให้ฉินโหย่วหานฉินโหย่วหานพยักหน้าเล็กน้อย รับกระเป๋าเดินทางจากมือเธอ แล้วพูดว่า “ไปกันเถอะ”“ค่ะ”พวกเขาออกจากเฟิงหลินหย่วนและกลับไปที่อะพาร์ตเมนต์เดิมไม่ได้กลับมานานทีเดียว ห้องจึงค่อนข้างรกหลินเซียงกล่าวด้วยความเขินอายเล็กน้อยว่า “ฉันไม่ได้กลับมานาน ต้องทำความสะอาดก่อน พี่หาน รอแป๊บนะคะ”ฉินโหย่วหานพยักหน้า มองไปที่ห้องสองห้องนอนเล็ก ๆ นัยน์ตาสีเหมือนสุนัขจิ้งจอกสวยงามของเขาเป็
ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เด็ก ๆ หลายคนถูกพ่อแม่พามาทิ้งไว้หลินเซียงตัวน้อยอดคิดไม่ได้ว่าเธอเองก็ถูกทิ้งด้วยหรือเปล่า?ในเมื่อให้กำเนิดเธอแล้ว ทำไมถึงไม่เอาเธอไปเลี้ยงด้วยล่ะ?ดังนั้น ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เธอไม่เคยคิดจะตามหาพ่อแม่ที่แท้จริงเลยฉินโหย่วหนานมองเห็นสีหน้าที่ดูงุนงงของเธอ แล้วพูดว่า “บางที ครอบครัวของคุณอาจจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น หรือบางทีคุณอาจจะถูกลักพาตัวไป ทั้งหมดนี้เป็นไปได้ หลินเซียง คุณอยากตามหาพวกเขาไหม?”หลินเซียงตอบ “ฉันยังไม่คิดเรื่องนั้น”ฉินโหย่วหนาน “งั้นไว้ค่อยคิด ถ้าคิดได้เมื่อไหร่อย่าลืมบอกผมนะ ผมจะช่วยคุณอีกแรง”หลินเซียงมองเขา รู้สึกซาบซึ้ง “พี่หาน ทำไมคุณถึงได้ดีกับฉันขนาดนี้นะ?”ฉินโหย่วหนานมองสายตาที่คุ้นเคยคู่นั้นซึ่งเหมือนกำลังมองพี่ชาย รู้สึกเจ็บแน่นในอก พูดจาติด ๆ ขัด ๆ ว่า “ใครให้ผมเสนอตัวเป็นพี่คุณล่ะ ฮ่า ฮ่า”หลินเซียงส่งยิ้มให้เขา “ไว้ฉันจะลองคิดดูดี ๆ ค่ะ”“อืม”ฉินโหย่วหนานไม่ค่อยอยากคุยเรื่องนี้ต่อแล้วหน้าอย่างเขาสมควรเป็นแค่พี่ชายเท่านั้นเหรอ?เขาหลับตาลง จำฉากตอนที่เธอเห็นเขาครั้งแรกได้เป็นอย่างดี แววตาที่ประทับใจคู่นั้น ทำไมถึงไม
ฟู่จิ่นซิ่วเอื้อมมือลูบขนแขนที่ลุกชันพลางพูดว่า “ฉันได้ยินซ่งซ่งคุยโทรศัพท์กับหลินเซียง น่าจะไม่มีอะไรผิดพลาดนะ นายทำอะไรลงไป ถึงกับทำให้เธอต้องหนีออกจากเมืองอวิ๋นเฉิง?”“ตู๊ด!”แต่เขาก็ไม่ได้รับคำตอบ ลู่สือเยี่ยนวางสายไปอย่างรวดเร็ว“อารมณ์เสียอะไรนักหนา!”ฟู่จิ่นซิ่วบ่นพึมพำ แล้ววางโทรศัพท์ไว้ข้าง ๆ ก่อนจะเอนหลังพิงหัวเตียง“ซ่งซ่ง!”เขาตะโกนเรียกออกไปข้างนอกเสียงดัง ทันใดนั้นก็รู้สึกเวียนหัว ไม่สบายไปทั้งตัว!ไม่นานซ่งซ่งก็ผลักประตูเข้ามา โผล่หน้าเข้ามาถาม “มีอะไรคะ?”ฟู่จิ่นซิ่วลืมตาขึ้นครึ่งหนึ่ง พูดว่า “เพิ่มเพื่อนในวีแชทกับฉันหน่อย ผมไม่อยากเรียกคุณบ่อย ๆ เรียกดัง ๆ แล้วปวดหัว”ซ่งซ่ง “คุณโทรมาก็ได้นี่”ฟู่จิ่นซิ่ว “ผมว่ามันยุ่งยากกว่า”ซ่งซ่ง “…”เธอมองเขาด้วยสีหน้าประหลาดใจ กดเบอร์แล้วกดโทรออก กับเปิดแอปวีแชทแล้วส่งข้อความ อันไหนมันยุ่งยากกว่ากัน?คนคนนี้กินยาผิดหรือไง?แต่เมื่อนึกถึงว่าอีกหนึ่งสัปดาห์ก็จะหลุดพ้นจากเรื่องนี้แล้ว เธอเลยไม่พูดอะไรมาก เดินเข้ามาแล้วเพิ่มเขาเป็นเพื่อนในวีแชทฟู่จิ่นซิ่วมองรูปโปรไฟล์ของเธอ ถามขึ้นมาทันทีว่า “คุณชอบหิมะเหรอ?”ซ่งซ่งห
ซ่งซ่งนอนไม่หลับ พลิกตัวไปมาอยู่บนเตียง ทั้งตื่นเต้นและกังวลใจ เมื่อคิดว่าตัวเองกำลังจะออกจากเมืองอวิ๋น ออกไปจากฟู่จิ่นซิ่ว คนที่น่ารังเกียจนั่น เธอก็รู้สึกตื่นเต้นแทบแย่แทบนับเวลาถอยหลัง“ปัง ปัง ปัง!”แต่ในขณะนั้นเอง เสียงเคาะประตูดังสนั่นก็ดังขึ้นซ่งซ่งตกใจ รีบลุกขึ้นมองออกไปข้างนอก เด็กผู้หญิงก็ตกใจตื่นเช่นกัน “ใครน่ะ?”ในใจของซ่งซ่งมีความรู้สึกไม่ดีแวบเข้ามา หรือว่าเขาจะตามทันแล้ว?เร็วขนาดนี้เลยเหรอ?เธอลุกจากเตียงพูดว่า “ฉันไปดูเอง พวกเธออย่าออกมาล่ะ”เด็กผู้หญิงกังวลใจ “ซ่งซ่ง จะไม่เป็นไรใช่ไหม?”ซ่งซ่งพยักหน้า “ไม่ต้องห่วง ไม่มีอะไรหรอก”เธอสวมเสื้อผ้าออกจากบ้าน “ใคร?”เธอถามอย่างระมัดระวัง“ซ่งซ่ง ฉันเอง รีบออกมาเร็ว!”เสียงของหลินเซียงดังขึ้นที่หน้าประตูซ่งซ่งชะงัก รีบไปเปิดประตู “ที่รัก กลับมาทำไม?”เธอไม่ได้กลับบ้านไปแล้วเหรอ?พอคำนวณเวลาแล้ว ตอนนี้ควรจะถึงเฟิงหลินหย่วนแล้วสิหลินเซียงจับข้อมือเธอ สีหน้ากระวนกระวาย “ฉันเห็นรถของฟู่จิ่นซิ่ว เขาหาเธอเจอแล้ว ไปกันเร็ว!”เมื่อได้ยินดังนั้น ซ่งซ่งก็ตกตะลึง “หาฉันเจอแล้ว? หาฉันเจอได้ยังไง?”การเคลื่อนไหวขอ
หลินเซียงใส่ขนมปังกรอบลงในถุง จัดเตรียมให้เรียบร้อย พลางพูดว่า “เวลาจำกัด ฉันเลยทำแค่อาหารที่เก็บรักษาง่ายและรสชาติใช้ได้ ให้เธอมีอะไรรองท้องระหว่างทาง”เมื่อได้ยินแบบนั้น ซ่งซ่งก็กะพริบตา แล้ววิ่งเข้ามากอดเธอ “ที่รัก ทำไมน่ารักแบบนี้นะ หรือพวกเราหนีไปด้วยกันเลยดีไหม!”หลินเซียงยิ้ม “พอแล้ว ไปล้างหน้าเร็ว ฉันจะไปส่งเธอที่ชานเมือง”รถบัสรอบแรกมาถึงพรุ่งนี้เช้า ซ่งซ่งต้องไปรอตั้งแต่คืนนี้แต่ซ่งซ่งส่ายหน้า “ไม่ต้อง ฉันติดต่อคนไว้แล้ว เธอพักผ่อนที่บ้านเถอะ ฉันไม่เป็นไร”หลินเซียงพูดว่า “ไม่ได้ ถ้าฉันไม่ไปส่งเธอด้วยตัวเอง ฉันไม่สบายใจ”ซ่งซ่งมองสีหน้าจริงจังของเธอ รู้ว่าเธอตัดสินใจแล้ว จึงกอดเธออีกครั้ง “ฮือ ฮือ ไม่อยากจากเธอเลย”หลินเซียงพาเธอไปที่ห้องน้ำ ดูแลเธอขณะล้างหน้าล้างตา ตรวจสอบสิ่งของที่จำเป็นอาหาร เครื่องดื่ม และของใช้ส่วนตัวง่าย ๆ ล้วนเป็นแบบใช้แล้วทิ้งอืม เกือบครบแล้วหลังจากจัดของเสร็จ ทั้งสองคนก็อยู่ด้วยกันอีกพักหนึ่ง ก่อนจะออกเดินทางตอนตีสองเมืองอวิ๋นในยามดึกเงียบสงบ ถนนแทบไม่มีรถสัญจร ผู้คนยิ่งไม่มีหลินเซียงขับรถไปทางชานเมือง ส่วนซ่งซ่งก็พูดถึงความหวังในอน
หลินเซียง “…”แม้ว่าครั้งที่แล้วจะสังเกตเห็นความผิดปกติของคนทั้งสอง แต่เมื่อได้ยินสิ่งที่ซ่งซ่งพูดออกมาในตอนนี้ เธอก็พูดอะไรไม่ออกการที่เรื่องราวพัฒนามาถึงจุดนี้ จริง ๆ แล้วมีร่องรอยให้เห็นฟู่จิ่นซิ่วให้ความสนใจกับซ่งซ่งมากเกินไป และซ่งซ่งก็ไม่ได้ระวังตัวเพียงแต่…ตอนนี้เพิ่งจะคิดได้ จะสายเกินไปหรือเปล่า?หลินเซียงพูดความกังวลของตัวเองออกมาซ่งซ่งเข้ามาใกล้ และกระซิบว่า “ที่รัก ฉันวางแผนไว้แล้ว ฉันจะไม่นั่งเครื่องบินหรือรถไฟ แต่จะนั่งรถบัสไป เป็นรถบัสแบบที่วิ่งตามท้องถนนในชนบท ตราบใดที่ฉันออกจากเมืองอวิ๋นไปได้อย่างปลอดภัย ถึงเขาจะอยากหาฉันก็หาไม่เจอ”หลินเซียงขมวดคิ้ว “แต่แบบนั้นไม่ปลอดภัยนะ”ซ่งซ่ง “ตอนนี้ฉันยังต้องสนใจเรื่องความปลอดภัยอยู่อีกเหรอ? ถ้ายังอยู่ในเมืองอวิ๋น ฉันก็ไม่ปลอดภัยอยู่ดี ฉันเลยต้องคิดแล้วตัดสินใจไปแบบกะทันหัน เขาคงเดาไม่ได้ว่าฉันจะไปเมื่อไหร่”หลินเซียงยังคงรู้สึกไม่ดี เปลี่ยนมาถามว่า “แล้วงานของเธอล่ะ?”ซ่งซ่งพูดว่า “ฉันขอลาออกแล้ว และวันนี้ก็เริ่มส่งใบสมัครงาน สร้างภาพลวงตาว่าฉันแค่อยากเปลี่ยนงานเฉยๆ”เธอวางแผนทุกอย่างไว้แล้ว หลินเซียงไม่รู้จะพูดอะ
บรรยากาศในลิฟต์ค่อนข้างแปลกประหลาดมีความเย็นชาปะปนกับความผ่อนคลาย บรรยากาศที่กดดันแผ่ซ่านไปทั่ว แต่เมื่อปะทะกับฉินโหย่วหานและหลินเซียง มันก็หายไปความรู้สึกแปลกประหลาดที่อธิบายไม่ได้ ทำให้รู้สึกอึดอัดลิฟต์เคลื่อนขึ้นไปอย่างราบรื่น ไม่นานประตูลิฟต์ก็เปิดออก ลู่สือเยี่ยนก้าวออกไปด้วยสีหน้าเย็นชาเป็นอย่างมากฉินโหย่วหานมองตามแผ่นหลังของเขา เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยด้วยความประหลาดใจ เขาไม่ทำอะไรเลย นี่ไม่เหมือนนิสัยปกติของเขาหรือว่าเขาจะยอมปล่อยหลินเซียงแล้วจริง ๆ?ประตูลิฟต์ปิดลง สายตาของฉินโหย่วหานจับจ้องไปที่ใบหน้าของหลินเซียง แต่เห็นเธอมองประตูลิฟต์อย่างเหม่อลอยไม่ใช่สิ่งที่เธอมองน่าจะเป็นลู่สือเยี่ยนเพียงแต่ตอนนี้ประตูลิฟต์ปิดลง บดบังสายตาของเธอไว้ในดวงตาของฉินโหย่วหานมีความเย็นชาเพิ่มขึ้น เขาถามว่า “คิดอะไรอยู่?”ขนตาของหลินเซียงสั่นเล็กน้อย “ฉันแค่คิดว่า ในเรื่องนี้ เขากำลังรับบทบาทเป็นอะไร”ฉินโหย่วหานกล่าวว่า “ไม่ว่าเขาจะแสดงบทบาทไหน ก็ไม่เกี่ยวกับพวกเราแล้ว”หลินเซียงเหม่อลอยไปครู่หนึ่งแล้วพยักหน้า “คุณพูดถูก”เธอและลู่สือเยี่ยนหย่ากันแล้วดังนั้นจึงไม่มีความเกี่
ฉินโหย่วหานครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “บอกเรื่องที่คุณรู้ทั้งหมดให้ผมฟังหน่อย”หลินเซียงพยักหน้า เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เขาฟังอย่างละเอียดครู่หนึ่ง ฉินโหย่วหานก็หัวเราะเบา ๆหลินเซียงมองเขา “เป็นอะไรไป?”ฉินโหย่วหานพูดว่า “หลินเซียง ผมขอเดาแบบบ้า ๆ เลยนะ”“พูดมาก่อนค่ะ” หลินเซียงมองเขาอย่างจริงจัง ในดวงตาเต็มไปด้วยความสงสัยฉินโหย่วหานจอดรถข้างทาง เอามือวางบนพวงมาลัย บนใบหน้าหล่อเหลาและอ่อนโยนปรากฏรอยยิ้มขบขัน “คุณว่ามีความเป็นไปได้ไหม ที่มีคนปลอมตัวเป็นจ้าวข่ายไปทำเรื่องพวกนั้น แล้วโยนความผิดให้เขา?”เมื่อได้ยินดังนั้น ดวงตาของหลินเซียงก็เบิกกว้างขึ้นเรื่อย ๆ มือของเธอกำขนมปังกรอบแน่นความเป็นไปได้นี้ เธอไม่เคยคิดถึงมาก่อน!เมื่อคิดดูให้ดี ไม่ว่าจะเป็นวิดีโอหรือรูปถ่ายที่ลู่สือเยี่ยนให้เธอดู ‘จ้าวข่าย’ คนนั้นสวมหมวกและหน้ากากตลอดเวลา มองจากรูปร่างก็คิดว่าเป็นจ้าวข่ายได้ไม่ยากแต่ถ้าไม่ใช่ล่ะ?ถ้าเป็นแค่คนที่มีรูปร่างคล้ายกับจ้าวข่ายมาก ๆ ล่ะ?เมื่อนึกถึงห้องใต้ดินที่มืดมิด จ้าวข่ายที่ล้มลุกคลุกคลานอยู่บนพื้น พยายามอธิบายด้วยความเจ็บปวดเขาพูดมาตลอดว่าเขาไม่ได้ขโมย เ
“ตกใจมากใช่ไหม?” ซ่งจั่วมองสีหน้าตกตะลึงของเขาแล้วยิ้มขมขื่น“แหงล่ะ พวกเราทุกคนคิดว่าเซี่ยหว่านเป็นคนช่วยท่านประธานลู่จริง ๆ ถือว่าเธอเป็นผู้มีบุญคุณอย่างมาก แต่ต่อมาพวกเราก็รู้ความจริง เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของตัวเอง เธอทำได้ทุกวิถีทาง”ซ่งจั่วเก็บแท็บเล็ต “ซือเยี่ยน สิ่งที่นายยึดมั่นมานานผิดทั้งหมด”“ทำไมเป็นแบบนี้?” ซือเยี่ยนพึมพำกับตัวเอง “ทำไมเป็นแบบนี้ไปได้?”ลู่สือเยี่ยนมองเขาอย่างเย็นชา “อยู่กับฉันมานานขนาดนี้ หัวคิดไม่มีความก้าวหน้าเลยสักนิด”ซือเยี่ยนตัวสั่น มองลู่สือเยี่ยนด้วยสายตาอ้อนวอน “ท่านประธานลู่ครับ ผมรู้ตัวแล้วว่าผิด ผมสำนึกผิดจริง ๆ ได้โปรดให้โอกาสผมอีกครั้ง…”เสียงของเขาเริ่มสั่นเครือ ตัวสั่นสะท้านอย่างรุนแรงเพราะเขารู้ว่าลู่สือเยี่ยนจะไม่ให้โอกาสเขาอีกลู่สือเยี่ยนมองเขาอย่างเย็นชา แล้วพูดกับซ่งจั่วว่า “ตัดเอ็นข้อมือข้อเท้าเขาซะ แล้วเอาไปทิ้งที่สามเหลี่ยมปากแม่น้ำ”“ครับ”ซ่งจั่วรู้สึกสงสาร แต่นี่เป็นคำสั่งของลู่สือเยี่ยนลู่สือเยี่ยนหันหลังเดินจากไปซือเยี่ยนมองตามลู่สือเยี่ยนที่จากไปด้วยสีหน้าสิ้นหวัง ในดวงตาเต็มไปด้วยความเสียใจ!…หลินเซียงออกมา
สวีซินหรานหยิบโทรศัพท์ออกมากดโทรออก ในระหว่างนั้น สายตาของเธอมองไปยังหลินเซียงที่อยู่ไม่ไกลนัก ในดวงตาปรากฏความเคียดแค้น“ฮัลโหล คุณเซี่ย ช่วยฉันหน่อยได้ไหม? ฉันอยากฆ่าหลินเซียง นังสารเลวนั่น!”…ซืออวี่สังเกตเห็นความผิดปกติของหลินเซียงเธอเย็นชามาก ไม่สนใจอะไรเลย แต่ก็ยังคงทำงานที่ได้รับมอบหมายได้เป็นอย่างดีซืออวี่บอกข่าวนี้กับลู่สือเยี่ยนในขณะนั้น ลู่สือเยี่ยนกำลังดูสิ่งที่ซ่งจั่วได้มาจากการสืบสวน คิ้วขมวดแน่นฉินโหย่วหานจับเซี่ยหว่านขังไว้ในตู้คอนเทนเนอร์ ถือเป็นการแก้แค้นแทนหลินเซียง แต่สิ่งนี้เกี่ยวข้องอะไรกับการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ของเธอกัน?ลู่สือเยี่ยนพูดเสียงต่ำ “จับตาดูซือเยี่ยนไว้ เขาดูไม่ปกติ”ซ่งจั่วชะงัก “คงไม่ใช่มั้งครับ เขาคอยปกป้องคุณหลินมาตลอดไม่ใช่เหรอ?”ลู่สือเยี่ยนพูดอย่างเย็นชา “บอกให้ไปก็ไป ทำไมต้องพูดมาก?”ซ่งจั่ว “ครับ”การตรวจสอบพฤติกรรมของซือเยี่ยนเป็นเรื่องง่ายสำหรับเขา แต่เมื่อเขาเห็นสิ่งที่ได้จากการตรวจสอบ เขาก็ตกใจมากช่วงเย็น ซ่งจั่วก็นำหลักฐานที่ได้มาส่งให้ลู่สือเยี่ยนเขามองลู่สือเยี่ยนอย่างหวาดหวั่น มือที่กำแน่นมีเหงื่อออกลู่สือเยี่ย
เขามองซ่งจั่วอย่างเย็นชา “เธอเป็นอะไรไป?”ซ่งจั่วทำหน้างง “ผม ผมไม่รู้ครับ”ตอนเจอหลินเซียงที่โรงพยาบาลก่อนหน้านี้ เธอยังไม่เป็นแบบนี้ แต่หลินเซียงตอนนี้ เรียกได้ว่าเย็นชาและไม่เป็นมิตรอย่างมากช่วงนี้เกิดอะไรขึ้นกับเธอ?ลู่สือเยี่ยนพูดเสียงเย็น “ไปสืบมาให้ชัดเจน”“ครับ” ซ่งจั่วพยักหน้าลู่สือเยี่ยนไม่ออกไป แต่ไปที่ชั้นใต้ดิน ราวกับนึกอะไรขึ้นมาได้จึงพูดว่า “เรียกซือเยี่ยนมาพบฉัน”“ครับ”ดีเค กรุ๊ปทันทีที่ลู่สือเยี่ยนเข้าไปในห้องส่วนตัวของประธาน ซือเยี่ยนก็เคาะประตูห้อง“เข้ามา”ซือเยี่ยนเปิดประตูเข้าไป สีหน้าค่อนข้างเกร็ง “ท่านประธานลู่”ลู่สือเยี่ยนนั่งลงบนเก้าอี้ ถามด้วยเสียงเย็นชา “นายติดตามหลินเซียงมาตลอด เห็นความผิดปกติของเธอบ้างไหม?”ดวงตาของซือเยี่ยนกะพริบเล็กน้อย เมื่อคืนเขาไม่ได้ติดตามหลินเซียงตลอดเวลา แต่เรื่องก่อนหน้านี้ก็ยังพอจะตอบคำถามได้“ฉินโหย่วหานไปรับคุณหลิน แล้วทั้งสองคนไปที่ชายหาด ที่เดียวกับที่ที่คุณหลินถูกจับตัวไปครั้งก่อน” ซือเยี่ยนเริ่มเล่าเมื่อได้ยินดังนั้น ลู่สือเยี่ยนก็หรี่ตาลงเล็กน้อย “พวกเขาไปที่นั่นทำไม?”ซือเยี่ยน “ผม ผมไม่ทราบครับ ผมอย
สีหน้าของหลินเซียงชะงักไปเล็กน้อย นิ้วที่กำโทรศัพท์แน่นขึ้น เสียงพูดแห้งผาก “ฉันเหมือนจะไม่เคยพูดว่าเขารักฉันนี่คะ”เซี่ยซือซือถอนหายใจ “หลินเซียง พวกเราแพ้แล้ว”หลินเซียงหลับตาลง “ขอโทษนะคะ คุณเซี่ย แผนการฉันดันไปดึงคุณลงมาซวยด้วย ถ้ามันสร้างความเสียหายอะไรให้คุณ คุณบอกฉันได้เลย”เซี่ยซือซือหัวเราะขมขื่น “ไม่ ไม่มีอะไรเสียหาย ฉันเต็มใจร่วมมือกับคุณเอง ไม่ว่าผลที่ตามมาจะเป็นยังไง ฉันก็ต้องรับผิดชอบ”หลินเซียงพูดอะไรไม่ออก เพราะพวกเขาไม่เคยคิดว่าเรื่องราวจะดำเนินไปในทิศทางนี้ไม่เคยคิดเลยว่าลู่สือเยี่ยนจะยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเซี่ยหว่านทำไมกัน?คำถามนี้ เธอคิดไม่ตกมาตลอดทำไมเขาต้องช่วยเซี่ยหว่าน?ในใจของหลินเซียง ตอนนี้มีความรู้สึกอยากจะไปหาลู่สือเยี่ยน ถามเขาว่านี่มันหมายความว่ายังไงกันแน่เสียงของเซี่ยซือซือดังขึ้น “หลินเซียง ฉันขอจัดการเรื่องของตัวเองก่อน มีความคืบหน้าอะไร เราค่อยติดต่อกันใหม่”“ค่ะ”หลังจากวางสายหลินเซียงยังคงอยู่ในสภาพเหม่อลอยไม่รู้ทำไม เสียงของเซี่ยซือซือถึงดังก้องอยู่ในหูเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่าลู่สือเยี่ยนรักเธอจริงเหรอ?เคยรักจริง ๆ บ้างหรือเปล่า?