ร่างกายของหลินเซียงสั่นสะท้าน เธอพยายามผลักเขาออกไปตามสัญชาตญาณ แต่ลู่สือเยี่ยนจับข้อมือเธอไว้แน่น แล้วดึงแขนเธอลงมา ก่อนจะจูบลงบนริมฝีปากของเธอ“อื้อ!”หลินเซียงพยายามดิ้นรนแต่ลู่สือเยี่ยนฉวยจูบอย่างเร่าร้อนและดุดัน จนริมฝีปากของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงสด เขาถึงพอใจและหยุดลง“แบบนี้ถึงจะสวย”หลินเซียงผลักเขาออกอย่างแรง “ลู่สือเยี่ยน คุณไม่รู้สึกอึดอัดบ้างหรือไง?”ลู่สือเยี่ยนมองเธอด้วยสีหน้าโกรธเคือง ดวงตาของเขามืดมนและลึกล้ำ “รีบร้อนอะไร? เดือนนี้ผ่านไปแล้วหรือยัง?”หลินเซียงชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะจ้องมองเขา “หมายความว่าคุณจะหย่ากับฉันเดือนหน้า?”ลู่สือเยี่ยนเลิกคิ้ว แต่ไม่พูดอะไร แล้วหันหลังเดินออกไป“คนเลว!”หลินเซียงมองตามแผ่นหลังของเขาแล้วสบถออกมาเบา ๆรู้อยู่แล้วว่าเขาก็แค่หลอกให้เธอดีใจเล่น!ทำไมการหย่าถึงได้ยากเย็นนัก?ขณะเดียวกัน ซ่งซ่งก็เดินออกมา เห็นว่าสีหน้าของหลินเซียงไม่ดีนักจึงถามว่า “เกิดอะไรขึ้น?”หลินเซียงเปลี่ยนเรื่อง “พวกเธอตกลงกันได้หรือยัง?”ซ่งซ่งพยักหน้า “อืม เขาตกลงแล้ว แต่ฉันเห็นว่าเขาดูไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่”หลินเซียงหัวเราะเยาะ “เขาก็ต้องไม่เต็มใ
หลินเซียงละสายตา หันกลับมาอย่างเย็นชา แล้วหันหลังเดินออกไปซ่งซ่งรีบตามเธอไป เธอชูหัวแม่โป้งขึ้น “เซียงเซียงที่รักของฉันลุกขึ้นสู้แล้ว”หลินเซียงพูดว่า “ถ้าไม่มาทำร้ายฉันก่อน คนอย่างฉันก็ไม่ทำร้ายใคร”เหมือนกับเจิ้งซินเอ้อร์ที่เข้ามาหาเรื่องเองแบบเมื่อกี้นี้ เธอย่อมไม่ออมมือซ่งซ่งพึมพำสองสามครั้ง แล้วพูดว่า “ไม่รู้ว่าไอ้สารเลวคนนั้นคิดอะไรอยู่ ในเมื่อรักเซี่ยหว่านมาก ทำไมไม่หย่ากับเธอซะ? ตอนนี้เซี่ยหว่านป่วยเป็นโรคซึมเศร้า เธอเองก็ลำบากใจ เขาคิดจะทำอะไรกันแน่?”หลินเซียง “ถ้าฉันรู้ว่าเขาคิดจะทำอะไรก็ดีน่ะสิ”ถ้าเป็นอย่างนั้น เธอจะไม่รู้สึกทรมานแบบนี้การที่ต้องวนเวียนอยู่ในวังวนแบบนี้มีความหมายอะไรกัน?ซ่งซ่งจับแขนเธอ ยิ้มแย้มพูด “เซียงเซียง คืนนี้ไปนอนห้องฉันนะ เพราะหลังจากพรุ่งนี้ไป ฉันจะไม่ว่างแล้ว”หลินเซียงพยักหน้าตอบตกลงทันทีซ่งซ่งดีใจมาก พาหลินเซียงไปที่อะพาร์ตเมนต์เล็ก ๆ ของตัวเอง แบ่งเป็นห้องนอนหนึ่งห้อง ห้องนั่งเล่นหนึ่งห้อง กำลังพอดีสำหรับอยู่คนเดียวทั้งยังซื้อปีกไก่ทอด ปากเป็ดทอดพริกกระเทียมติดมาด้วย สองสาวนั่งดูรายการวาไรตี้ ดื่มเบียร์ แทะปีกไก่ทอดเสพความสุ
เสียงหัวเราะคิกคักของซ่งซ่งดังขึ้นในขบวนรถไฟฟ้าใต้ดิน “เมื่อกี้เธอเห็นสีหน้าบูดบึ้งของเขาไหม? ขำตายเลย ฮ่าฮ่าฮ่า”ใบหน้าของหลินเซียงเรียบเฉย “ถ้าไม่หย่า ต่อไปเขาก็จะเป็นแบบนี้ทุกวัน”ซ่งซ่งถอนหายใจ “นี่มันสงครามประสาทชัด ๆ ดูซิว่าใครจะทนไม่ไหวก่อนกัน”หลินเซียงไม่ตอบอะไร มองโทรศัพท์มือถืออย่างเหม่อลอยเมื่อถึงบริษัท หลินเซียงก็ถูกซ่งจั่วเรียกตัวไปยังห้องทำงานของประธานเธอไม่อยากไป แต่ในฐานะลูกจ้าง เธอไม่มีทางเลือกอื่นหลินเซียงพยายามปรับอารมณ์ ก่อนลุกขึ้นเดินไปยังห้องทำงานของประธานเธอเคาะประตูเบา ๆ เมื่อได้ยินเสียงตอบรับจากภายใน เธอก็เปิดประตูเข้าไปภายในห้องทำงานมืดสลัว มีจอโปรเจคเตอร์ขนาดใหญ่ฉายภาพใบหน้าของชาวต่างชาติหลายคนอยู่ตรงกลางห้องลู่สือเยี่ยนกำลังประชุมอยู่หลินเซียงชะงัก กำลังจะถอยออกไป แต่ลู่สือเยี่ยนกลับกวักมือเรียกเธอเข้าไปหลินเซียงรู้สึกไม่พอใจ ริมฝีปากสวยเม้มเป็นเส้นตรงลู่สือเยี่ยนกดรีโมท หยุดการประชุมผ่านวิดีโอ“เข้ามา”ดวงตาเรียวเล็กคมกริบของเขาจ้องมองเธอ แววตาลึกลับทำให้ยากที่จะอ่านอารมณ์ออกหลินเซียงยืนอยู่ที่ประตู จึงถามว่า “ท่านประธานลู่มีอะไรคะ
หลินเซียงถึงกับตกใจ หันไปมองเขาด้วยความประหลาดใจเธอคิดว่าเขาจะขออะไรที่เกินเลยกว่านั้นซะอีกลู่สือเยี่ยน “มองผมแบบนั้นทำไม? คิดว่าง่ายเกินไปเหรอ? งั้นผมขออย่างอื่นดีกว่า…”“ก็ได้”หลินเซียงกลัวว่าเขาจะขออะไรที่เกินเลยกว่านั้น จึงตอบตกลงไปลู่สือเยี่ยนโบกมือ “เอาล่ะ ไปได้แล้ว”หลินเซียงหันหลังเดินออกไปขณะนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน เธอยังคงรู้สึกงุนงงแค่ทำอาหารให้เขามื้อเดียวงั้นเหรอ?ง่ายมากต้มมาม่าก็ถือเป็นอาหารมื้อหนึ่งเหมือนหลินเซียงหัวเราะ ไม่เคยรู้สึกสบายใจขนาดนี้มาก่อนในไม่ช้าก็ถึงเวลาเลิกงานหลินเซียงเก็บของแล้วเดินออกไป แต่เมื่อถึงหน้าบริษัท เธอก็เห็นรถยนต์อัสตันมาร์ตินคุ้นเคยคันนั้นตอนเช้า เธอก็เห็นรถคันนี้จอดอยู่ที่หน้าอะพาร์ตเมนต์ของซ่งซ่ง แถมยังมารยาทแย่ เอาแต่บีบแตรตลอดเวลาหลินเซียง “…”ตอนเช้าทำเป็นรังเกียจ แต่ตอนเย็นกลับต้องขึ้นรถคันนี้เฮ้อ…หลินเซียงมองซ้ายมองขวา พบว่ายังมีเพื่อนร่วมงานหลายคนยืนอยู่ เธอหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา พึมพำ “รถเรียกผ่านแอปมาเร็วจริง ๆ”จากนั้นเธอก็เดินไปที่รถอัสตันมาร์ตินคันหรูคนที่อยู่ใกล้ ๆ ได้ยินที่เธอพูดก็ไม่ได้คิดอะไ
ใบหน้าของหลินเซียงกลายเป็นไร้อารมณ์ทันที “อย่างนั้นฉันขอร้องคุณแล้วกัน อย่าก่อเรื่องอะไรอีก อย่างน้อยก็รอให้เราหย่ากันก่อนแล้วค่อยว่ากันนะ”พูดจบ เธอก็เข็นรถเข็นหันหลังเดินจากไปลู่สือเยี่ยนจ้องมองตามแผ่นหลังของเธอ มุมปากยกเป็นรอยยิ้มเย็นชาหลินเซียงมาถึงโซนผัก เลือกผักใส่รถเข็น แล้วก็เดินไปยังโซนขนมขบเคี้ยวแต่ขณะเดินผ่านทางแยกของชั้นวางสินค้า มีผู้หญิงคนหนึ่งเข็นรถเข็นวิ่งผ่านมาอย่างรีบร้อน ชนเข้ากับรถเข็นของเธออย่างแรง รถเข็นทั้งสองคันล้มระเนระนาด ของต่าง ๆ กระจัดกระจายเต็มพื้น!“ขอโทษค่ะ ขอโทษค่ะ!”หญิงสาวตรงข้ามทำท่าขอโทษ รีบก้มลงเก็บของหลินเซียงก็ก้มลงเก็บของเช่นกัน แล้วพูดเสียงเรียบ “ในซูเปอร์มาร์เก็ตคนเยอะ ระวังหน่อยก็ดีนะคะ”“ค่ะ ครั้งต่อไปฉันจะระวังค่ะ”ทั้งสองคนเก็บของใส่รถเข็นเสร็จแล้ว ลู่สือเยี่ยนก็เดินตามมาเมื่อหญิงสาวเห็นเขาก็รีบหันหลังเดินจากไป“เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”ลู่สือเยี่ยนขมวดคิ้วมองหลินเซียง เอ่ยถามเสียงเบาหลินเซียง “ไม่มีอะไร ยังมีอะไรที่ต้องซื้ออีกไหม? ถ้าไม่มีแล้วก็กลับบ้านกันเถอะ”“อืม ไม่มีแล้ว”ลู่สือเยี่ยนพูดทั้งสองคนไปถึงเคาน์เตอร์คิดเงิ
รถพยาบาลมาถึงอย่างรวดเร็วหลินเซียงขึ้นรถไปโรงพยาบาลด้วยไม่ไกลจากประตูหมู่บ้านเฟิ่งหลินหย่วน หญิงสาวสวมหมวกเบสบอลสีดำ หน้ากากอนามัยสีดำ จ้องมองรถพยาบาลที่ขับออกไป แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออก“คุณนายคะ เขาถูกวางยาพิษค่ะ”…โรงพยาบาลลู่สือเยี่ยนถูกนำตัวส่งห้องฉุกเฉินหลังจากตรวจสอบและทดสอบแล้ว เขาถูกวางยา และพิษกำลังแพร่กระจายไปทั่วอย่างรวดเร็วเมื่อได้ยินผลลัพธ์ หลินเซียงถึงกับอึ้งไปถูกวางยาเหรอ?ทำไมถึงถูกวางยาได้?ตอนนี้หลินเซียงสับสน ใบหน้าซีดเผือด มือและเท้าสั่นเล็กน้อยเมื่อเห็นพยาบาลกำลังจะเข้าไปในห้องฉุกเฉิน เธอก็รีบวิ่งเข้าไปคว้ามือพยาบาลไว้ แล้วถามว่า “ล้างท้องทันไหมคะ?”พยาบาลกล่าว “ฉันไม่ทราบค่ะ ต้องถามคุณหมอ”พูดจบเธอก็ผลักหลินเซียงออก แล้วเดินเข้าไปในห้องฉุกเฉินไฟสีแดงฉานบนห้องฉุกเฉินส่องอยู่เหนือหัวของหลินเซียง เธอมองไปข้างหน้าอย่างงุนงง ไม่รู้จะทำอย่างไรดีเธอบีบแขนตัวเองอย่างแรง ความเจ็บปวดทำให้กลับมาเธอมีสติและใจเย็นลงจากนั้นเธอก็รีบโทรแจ้งตำรวจ “ฉันขอแจ้งความค่ะ มีคนวางยาพิษในอาหาร…”หลังจากนั้นเธอต้องกลับบ้าน พาตำรวจเข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ น
หลินเซียงลดสายตาลงเล็กน้อย รู้สึกไม่สบายใจในใจทันทีที่อวิ๋นหลานมาถึง เธอก็ชี้นิ้วมาที่เธอทันทีเมื่อนึกถึงสิ่งที่อวิ๋นหลานเคยทำก่อนหน้านี้ เธอรู้สึกถึงความเย็นยะเยือกที่อธิบายไม่ได้ผุดขึ้นมาจากก้นบึ้งของหัวใจ แพร่กระจายไปทั่วร่างกายของเธอ“เฮ้ย ทำอะไร?”ในขณะนี้ เสียงของฟู่จิ่นซิ่วก็ดังขึ้นหลินเซียงมองตามเสียง ก็เห็นซ่งซ่งปล่อยมือจากเขา เดินไปหาเธอ จับมือเธอแล้วพูดด้วยความกังวล "เซียงเซียง ทุกอย่างจะต้องเรียบร้อยดี"แม้ว่าเธอจะแอบด่าลู่สือเยี่ยนอยู่เสมอแต่เธอรู้ว่าหลินเซียงรักลู่สือเยี่ยนมากแม้ว่าตอนนี้ฉันจะอยากหย่าเต็มทนก็ตามแต่คนที่เคยรักกันอย่างลึกซึ้ง จะเปลี่ยนใจเป็นไม่รักง่าย ๆ ได้อย่างไร?เพียงแค่กลบเกลื่อนความปวดร้าวในใจเท่านั้น“ซ่งซ่ง!”เสียงไม่พอใจของฟู่จิ่นซิ่วก็ดังขึ้น “ไม่เห็นเหรอว่าฉันเวียนหัว อยากเห็นฉันล้มหัวฟาดพื้นตายใช่ไหม?”ซ่งซ่งมองย้อนกลับไปที่เขา "ในเมื่อรู้ว่าตัวเองเวียนหัว ทำไมไม่นอนอยู่ในห้องผู้ป่วยล่ะ?"ฟู่จิ่นซิ่วปวดหัวเพราะความโกรธ เขาจึงเอื้อมมือไปจับหัวหลินเซียงพูดกับซ่งซ่ง "อย่าทำแบบนี้เลย ยิ่งเขาฟื้นตัวเร็วเท่าไหร่ เธอก็จะยิ่งเป็นอิส
หลังจากพูดอย่างนั้น ลู่เจิ้งหรงก็ไออย่างรุนแรงอวิ๋นหลานอยู่ข้าง ๆ ช่วยปลอบให้เขาสงบสติอารมณ์ "คุณคะ อย่าเพิ่งตัดสินไป เรื่องนี้ยังไม่ได้รับการตรวจสอบอย่างชัดเจน รอก่อนเถอะค่ะ"หลินเซียงทำเพียงจ้องไปที่ลู่สือเยี่ยนที่อยู่บนเตียงผู้ป่วยอย่างไรก็ตาม บอดี้การ์ดเข้ามาลากเธอออกไปจากห้องประตูห้องผู้ป่วยปิดลงต่อหน้าเธอ“เซียงเซียง!”ซ่งซ่งส่งฟูจิ่นซิ่วกลับห้อง ทันทีที่เดินเข้ามาแล้วเห็นเธอถูกไล่ออกมา ก็รู้สึกทุกข์ใจมาทันที!หลินเซียงพูดว่า "ฉันไม่เป็นไร"ซ่งซ่งกอดเธออย่างทุกข์ใจ “ฉันจะรออยู่ที่นี่เป็นเพื่อนนะ”หลินเซียงส่ายหัว “ไม่ เธอควรกลับไปก่อน ฟู่จิ่นซิ่วไม่ใช่คนที่รับมือได้ง่าย ๆ ถ้าเธอทำให้เขาไม่มีความสุข คนที่ต้องทนทุกข์ทรมานก็คือเธอนะ”ซ่งซ่งเม้มริมฝีปากแล้วพูดว่า "ไม่เป็นไรซะหน่อย เขาไม่ใช่เด็กแล้ว ไม่มีคนอยู่ด้วยแล้วจะตายก็ให้มันรู้ไป!"หลินเซียงยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ “เชื่อฟังหน่อยได้ไหม?”ดวงตาของซ่งซ่งเปลี่ยนเป็นแดงก่ำ “เซียงเซียง ฉันอยากอยู่กับเธอ”หลินเซียงบอก "เขายังไม่ตื่น ไม่ว่าจะทำอะไรตอนนี้ก็ไร้ประโยชน์ ฉันจะไม่ยอมให้ตัวเองต้องเดือดร้อน เธอไปก่อนเถอะ ถ้าฉันมีป