ลู่สือเยี่ยนยังไม่ทันได้พูดอะไร คุณย่าลู่ก็ระเบิดเสียงขึ้นก่อน“หย่าเหรอ? ไม่ได้ ไม่ได้เด็ดขาด! หลานสะใภ้แสนดีขนาดนี้ ห้ามหย่านะ!”เธอคว้ามือลู่สือเยี่ยน ใบหน้าเหี่ยวย่นเต็มไปด้วยความน้อยใจ “หลานรัก ถ้าเธอหย่ากับหลานสะใภ้ ฉันจะร้องไห้ ฉันจะร้องไห้จริง ๆ นะ…”พูดจบ คุณย่าลู่ก็ร้องไห้จริง ๆ!เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ทุกคนต่างตั้งตัวไม่ทันดวงตาของลู่สือเยี่ยนเต็มไปด้วยความตกใจ เมื่อเห็นคุณย่าลู่ร้องไห้หนักขึ้นเรื่อย ๆ เขาก็กลัวว่าเธอจะสะเทือนใจจนร่างกายแย่ลงจึงรีบพูดว่า “คุณย่า ไม่หย่าครับ ไม่หย่าแล้ว”เสียงร้องไห้ของคุณย่าลู่หยุดชะงักลงทันที “จริงหรือเปล่า?”ลู่สือเยี่ยน “จริงครับ”คุณย่าลู่พูดต่อ “ถ้าอย่างนั้น คืนนี้พาหลานสะใภ้กลับบ้านด้วยกันนะ แนะนำให้คนในตระกูลลู่รู้จักหลานสะใภ้!”ลู่สือเยี่ยนพูดไม่ออก “...”คุณย่าลู่ยังคงเกลี้ยกล่อม “ถ้าเธอไม่ตกลง ฉันจะร้องไห้ต่อหน้าเธอเดี๋ยวนี้แหละ!”อวิ๋นหลานยืนยิ้มอยู่ข้าง ๆ “ดูเหมือนคุณย่าจะชอบหลินเซียงมากเลยนะคะ สือเยี่ยน ฉันว่าเธอควรพิจารณาให้ดี ๆ การแต่งงานถือเป็นเรื่องใหญ่”ริมฝีปากบางของลู่สือเยี่ยนเม้มเข้าหากันเป็นเส
“ลงมา”เขาพูดสั้นๆอย่างเย็นชา พูดจบก็วางสายไปหลินเซียงยังไม่ได้พูดอะไรสักคำ มองโทรศัพท์ที่หน้าจอดำสนิท แล้วขบฟันเขี้ยวเคี้ยวฟัน!น่ารังเกียจจริง ๆ!ไม่เห็นน่ารักเหมือนตอนที่ความจำเสื่อมเลยสักนิดเธอลงบันไดมา แสงอาทิตย์ยามเย็นส่องลงมาบนร่างของเธอ แสงสีส้มอ่อน ๆ โอบล้อมเธอไว้ เส้นผมของเธอราวกับเปล่งประกายแสงในตัวเองได้แต่เมื่อเห็นว่าคนที่ยืนอยู่ข้างรถไม่ใช่ลู่สือเยี่ยน รอยยิ้มบนริมฝีปากของหลินเซียงก็หายไป“ลู่สือเยี่ยนอยู่ไหน?”เธอเดินเข้าไปถามซ่งจั่วตอบกลับ “ประธานลู่มีธุระอื่น ให้ผมมารับคุณไปที่คฤหาสน์ตระกูลลู่แทนครับ”จู่ ๆ หัวใจของเธอก็จมดิ่งลงไปอย่างหนักหน่วงมีธุระอะไรที่สำคัญกว่าการพาเธอไปพบผู้ใหญ่อีก?เธอเม้มริมฝีปากแล้วก้าวขึ้นรถเธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาลู่สือเยี่ยน แต่เขากลับไม่รับสาย!ผู้ชายสารเลวเอ๊ย!หลินเซียงกำโทรศัพท์ไว้ มองออกไปนอกหน้าต่างตลอดเวลาไม่นานนัก ทิวทัศน์โดยรอบก็เริ่มเผยให้เห็นความสวยงาม คฤหาสน์ตระกูลลู่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเมืองอวิ๋นเฉิง ล้อมรอบด้วยภูเขา อยู่ติดกับแม่น้ำ เป็นทำเลที่ตั้งที่ยอดเยี่ยมมากรถแล่นเข้าไปในประตูรั้วสีดำทอง แล้วจ
อวิ๋นหลานยิ้ม “หว่านหว่าน มาแล้วเหรอ? รถไม่ติดใช่ไหม?”เซี่ยหว่านสวมชุดเดรสสีขาว ผมยาวสีดำสลวยพาดลงมาที่ไหล่ อุปนิสัยดูเป็นเด็กดีที่เชื่อฟังและอ่อนโยน “คุณป้า รถไม่ติดเลยค่ะ ต้องขอบคุณทักษะการขับรถของสือเยี่ยนที่ดีมาก ๆ ไม่ทันรู้ตัวก็มาถึงแล้ว”ลู่เจิ้งหรงพูดขึ้น “มาถึงแล้วก็เตรียมล้างมือ จะได้ทานข้าวกัน”ท่าทีของเขาช่างอ่อนโยนไม่เหมือนกับที่ปฏิบัติต่อหลินเซียงอย่างเย็นชาใบหน้าของคนรับใช้ทุกคนต่างก็ประดับไปด้วยรอยยิ้มมากกว่าก่อนหน้านี้ “คุณหนูเซี่ยคะ พอรู้ว่าคุณจะมาวันนี้ พ่อครัวเลยทำอาหารที่คุณชอบไว้เยอะเลยค่ะ”บรรยากาศที่ตึงเครียดก่อนหน้านี้ ผ่อนคลายลงทันทีเมื่อเซี่ยหว่านปรากฏตัวหลินเซียงยืนอยู่ด้านข้าง มองดูฉากนี้อย่างตกตะลึงคนในตระกูลลู่ไม่ชอบเธอแต่พวกเขาทุกคนชอบเซี่ยหว่านทันใดนั้นเธอก็เข้าใจแล้วว่าทำไมอยู่ดี ๆ ลู่สือเยี่ยนถึงยอมตกลงพาเธอมาที่คฤหาสน์ตระกูลลู่เขาทำแบบนี้เพื่อบอกเธอทางอ้อมว่าคนในตระกูลลู่ไม่ชอบเธอ และไม่ต้อนรับเธอ!ฆ่าคนให้ตายทั้งเป็น เป็นเช่นนี้เองน่าขันสิ้นดีที่เธออุตส่าห์แต่งตัวอย่างพิถีพิถัน แถมยังฝันว่าคนในตระกูลลู่จะยอมรับและชอบเธออีกหลิน
“อะไรกัน? แค่กินข้าว ต้องให้คนมาตามสามสี่ครั้งเลยเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของลู่สือเยี่ยนดังขึ้นจากด้านหลังหลินเซียงลืมตาขึ้น มองไปที่เขา “ลู่สือเยี่ยน ฉันไม่เคยทำอะไรที่ทำให้คุณต้องเจ็บแค้นใจใช่ไหม?”ลู่สือเยี่ยนขมวดคิ้ว “คุณจะพูดอะไร?”หลินเซียงยิ้มเศร้า “แล้วทำไมตอนนี้คุณถึงไม่ยอมแม้แต่จะยิ้มให้ฉันล่ะ?”ริมฝีปากบางของลู่สือเยี่ยนเม้มเข้าหากันเป็นเส้นตรงหลินเซียงเดินเข้าไปหาเขา “หรือแค่เพราะฉันไม่ยอมหย่ากับคุณ แต่เรื่องแค่นี้ก็ไม่น่าถือเป็นความแค้นที่ร้ายแรงอะไรไม่ใช่เหรอ?”ดวงตาของเธอเป็นประกาย จ้องมองดวงตาสีดำสนิทของเขา พยายามเพ่งมองเงาตัวเองในนั้นเธอเห็นแล้ว แต่ดวงตาของเขาไม่หลงเหลือความอ่อนโยนอีกต่อไป มีเพียงความเย็นชาเขาต้องรับผิดชอบต่อเซี่ยหว่านส่วนการเสียสละของเธอตลอดหนึ่งปี ความดีงามเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านั้น กลับกลายเป็นเพียงเรื่องตลกลู่สือเยี่ยนมองดูแสงในดวงตาของเธอที่ค่อยๆ ดับลง จากนั้นก็ได้ยินเธอพูดว่า “ได้ ฉันยอมหย่า”ลู่สือเยี่ยนเป็นแบบนี้ ต่อให้เธอยื้อไว้ก็ไม่มีความหมายอะไรเธอชอบแค่เขาในรูปแบบที่อ่อนโยน เอาใจใส่ และมีแค่เธออยู่ในสายตาเท่านั้นแต่เมื่ออาเยี่
ขณะที่ร่างของเธอลอยขึ้นไปในอากาศ หลินเซียงผวาโอบเขาโดยไม่รู้ตัว ดวงตาสีน้ำตาลใสฉายแววประหลาดใจเขา… หมายความว่ายังไง?ลู่สือเยี่ยนไม่สนใจสายตาของเธอ อุ้มเธอขึ้นรถ แล้วหยิบกล่องปฐมพยาบาลแบบพกพาออกมา เปิดฝาออกแล้วหยิบอุปกรณ์มาทำแผลที่เท้าของเธอหลินเซียงมองดูการกระทำของเขาด้วยสีหน้ามึนงงพร่ามัว ราวกับเธอเห็นอาเยี่ยนอยู่ตรงหน้าเขาคืออาเยี่ยน“อาเยี่ยน…”“อย่าคิดฟุ้งซ่าน” เสียงทุ้มต่ำของลู่สือเยี่ยนขัดจังหวะคำพูดของเธอ “ผมแค่กลัวตัวเองจะเสียใจที่เราหย่ากันเพราะเรื่องไม่เป็นเรื่อง”ราวกับน้ำเย็นราดรดใส่หัวเธอ ทำลายจินตนาการในหัวใจไปจนสิ้นอย่างนี้นี่เองเขากลัวว่าเธอจะเปลี่ยนใจหึ!เธอชักเท้ากลับทันที “วางใจได้ ฉันพูดอะไรออกไปแล้วไม่มีทางกลับคำ”แต่ข้อเท้าอันบอบบาง กลับถูกนิ้วมือเย็นเฉียบของชายหนุ่มจับไว้ ทำให้เธอขยับไปไหนไม่ได้เมื่อเธอขัดขืน ชายกระโปรงก็ยิ่งถลกขึ้นสูง เผยให้เห็นเรียวขาขาวเนียนทั้งหมด เหลือเพียงนิดเดียว แต่เพราะนิดเดียวนี้กลับเพิ่มความยั่วยวนอย่างเลือนรางสายตาของลู่สือเยี่ยนกวาดไปที่ขาของเธอ จากมุมมองของเขา สามารถมองเห็นทิวทัศน์วับแวมบางส่วนได้เป็นอย่างดี
ลมหายใจของลู่สือเยี่ยนหนักขึ้น ดวงตาสีดำสนิทจ้องมองเธอ อารมณ์ในนั้นช่างยากจะหยั่งถึง หลินเซียงหันหลังกลับ หยิบรองเท้าของตัวเองขึ้นมา แล้วเดินก้าวไปข้างหน้าทีละก้าว“ขึ้นรถ”เสียงต่ำทุ้มของชายหนุ่มดังขึ้นอีกครั้งจากด้านหลัง ดวงตาของหลินเซียงฉายแววขมขื่น “คุณคงไม่ใช่ว่าไม่อยากหย่าแล้วหรอกนะ?”ถ้าเป็นอย่างนั้น เขาคงจะทำผิดต่อเซี่ยหว่านที่ต้องเสียสละขาของตัวเองเพื่อช่วยชีวิตเขาไว้“ที่นี่คืออาณาเขตของตระกูลลู่ ถ้ามีคนเห็นคุณเดินกะเผลกออกไปจากที่นี่ ชื่อเสียงของตระกูลลู่จะเสียหาย”ลู่สือเยี่ยนพูดอย่างเย็นชา ขนตายาวของหลินเซียงสั่นไหวเล็กน้อย ตลกจริง ๆ เธอคิดไปได้ยังไงว่าเขาไม่อยากหย่า“หลินเซียง คุณพูดเองนี่ว่าระหว่างเราไม่ได้มีความแค้นที่ร้ายแรงอะไรต่อกัน”เขาย้อนคำพูดของเธอซ้ำให้ฟังคำต่อคำ หลินเซียงกำมือแน่นขึ้น จากนั้นก็หันกลับมาแล้วขึ้นรถเมื่อเห็นว่าเธอยอมเดินกลับมา ไม่รู้ทำไม หัวใจของเขารู้สึกโล่งขึ้นอย่างฉับพลันอารมณ์ของเขาสงบลง แล้วก็ก้าวขึ้นไปนั่งประจำที่นั่งคนขับจากกระจกมองหลัง เขาเห็นเธอที่นั่งอยู่เบาะหลังเงียบ ๆ ราวกับสูญเสียความมีชีวิตชีวาไปในพริบตา“มานั่ง
วันรุ่งขึ้นเวลาสิบโมงเช้าเสียงโทรศัพท์ของหลินเซียงดังครั้งแล้วครั้งเล่า เธอเหลือบมองแล้วก็เมินเฉยไปหัวหน้าของเธอที่อยู่หน้าไซต์งานก่อสร้างกำลังบอกเล่าสถานการณ์ปัจจุบันกับเธอ เธอตั้งใจจดบันทึกทั้งหมดจนกระทั่งเที่ยงวัน เธอถึงมีเวลาว่างได้นั่งพักสักหน่อย หยิบน้ำขึ้นมาจิบหนึ่งอึก จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูมีสายที่ไม่ได้รับสิบแปดสายทั้งหมดมาจากลู่สือเยี่ยนหึ!เธอหัวเราะเบา ๆ กำลังจะโทรกลับ แต่แล้วสายที่สิบเก้าก็โทรเข้ามาเสียก่อน“สวัสดี?”“หลินเซียง คุณล้อผมเล่นเหรอ?”พอรับสาย เสียงที่เย็นชาและมืดมนก็ดังขึ้น ได้ยินแม้กระทั่งเสียงลมหายใจที่อัดอั้นของเขาถ้าตอนนี้เขาอยู่ตรงหน้าเธอ คงพุ่งเข้ามาฉีกร่างเธอเป็นชิ้น ๆ แล้วหลินเซียงพูดด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ “ลู่สือเยี่ยน รู้สึกยังไงบ้างเวลาโดนคนอื่นหลอก?”เขาฟื้นความทรงจำแล้ว กลับมาพูดได้เหมือนคนปกติ แต่กลับปิดบังไว้จากเธอมาตลอด แล้วยังแกล้งทำเป็นเหมือนเดิมต่อหน้าเธอถ้าเธอไม่ค้นพบความจริงด้วยตัวเอง เขาจะเสแสร้งแกล้งทำไปอีกนานแค่ไหน?เห็นเธอทำท่าโง่ ๆ ใช้ภาษามือกับเขา ในใจลึก ๆ ของเขากำลังเยาะเย้ยเธออยู่หรือเปล่า?เขาทำเรื่อ
‘แปลกจัง ช่วงพักเที่ยงแบบนี้ ทำไมถึงไม่มีใครอยู่เลย?’หลินเซียงรู้สึกกระวนกระวายใจ สีหน้าตึงเครียดสุดขีด“หยุดนะ!”“ฉันเห็นบัตรพนักงานของผู้หญิงคนนั้นแล้ว เธอต้องเป็นคนของดีเคกรุ๊ปแน่!”“จับเธอไว้! เราต้องเรียกร้องความยุติธรรมให้ได้!”ผู้คนจำนวนมากวิ่งไล่ตามเธอมาอย่างดุเดือดหลินเซียงยิ่งร้อนรน วิ่งหนีไปทิศทางหนึ่ง แต่แล้วเท้าก็พลิกลง เธอเสียหลักล้มคะมำไปข้างหน้า พอกลับมาทรงตัวได้อย่างทุลักทุเล แต่วิ่งหนีต่อไปไม่ได้แล้วคนกลุ่มนั้นมีกันสิบกว่าคน กรูเข้ามาขวางทางหลินเซียงด้วยท่าทางก้าวร้าว“พวกคุณเป็นใคร?”หลินเซียงพยายามตั้งสติ ดวงตาอัลมอนด์คู่งามจ้องมองพวกเขาชายไว้หนวดเคราพูดว่า “หวังปิน น้องชายของฉันทำงานที่นี่ เกิดอุบัติเหตุทำให้เขาขาหัก ฉันเห็นเธอเป็นพนักงานของดีเคกรุ๊ป ดังนั้นไม่ว่ายังไงเธอก็ต้องให้คำอธิบายเรื่องนี้กับเรา!” หลินเซียงขมวดคิ้ว “น้องชายคุณบาดเจ็บ ฉันเข้าใจว่าคุณไม่พอใจ แต่เรื่องแบบนี้ควรมีคนจากทางบริษัทมาเจรจากับพวกคุณด้วยตัวเองสิ”หวังเฉียงโบกมือ “เจรจาอะไรกัน ไอ้หมอนั่นมาคนเดียว หน้าตาไม่รับแขก ควักเงินจ่ายค่าชดเชยให้ฉันไม่กี่แสน น้องชายฉันขาหักเลยนะ!
ใบหน้าของลู่สือเยี่ยนแสดงออกถึงความซับซ้อนเล็กน้อย เขาพูดอย่างสงบว่า “เรื่องนี้ยังบอกไม่ได้ ต้องรอผลตรวจของแพทย์”หลินเซียงพยักหน้า ตอนนี้คงทำได้แค่นี้ลู่เจิ้งหรงมองหลินเซียงด้วยสายตาไม่เป็นมิตร แล้วพูดกับลู่สือเยี่ยนว่า “อาการของย่าแกดูเหมือนจะดีขึ้น ความคิดของผู้ใหญ่ แกคงรู้ดี น่าจะอยากเห็นแกแต่งงานกับหว่านหว่าน ตอนนั้นแกเป็นคนพาหว่านหว่านไปหาท่านเอง ตอนนี้ถ้าท่านขอร้อง แกก็ปฏิเสธไม่ได้”อวิ๋นหลานกล่าวว่า “เจิ้งหรง แต่สือเยี่ยนกับหลินเซียงรักกันดี ทำแบบนี้ไม่ค่อยดีหรอกมั้ง?”“เหอะ!” ลู่เจิ้งหรงหัวเราะเยาะ “รักกันดี? หลินเซียงไม่ใช่เหรอที่อยากหย่ามาตลอด? ใช้โอกาสนี้หย่ากันไปซะสิ ไม่ต้องมีใครขัดขวางใคร!”อวิ๋นหลานมองหลินเซียงด้วยความกังวล กลัวว่าเธอจะเสียใจแต่หลินเซียงเหมือนไม่ได้ยิน ยืนอยู่มุมห้อง ก้มหน้าลง ปากสวยเม้มเป็นเส้นตรงลู่สือเยี่ยนไม่ได้สนใจคำพูดของลู่เจิ้งหรงเลยเขาตามหาลู่จิ้นหนานจนแทบคลั่ง ยังมีเวลาสนใจเรื่องของเขากับหลินเซียงอีกเหรอ?ดูเหมือนว่าเขาควรหาอะไรให้อีกฝ่ายทำบ้าง!ประมาณสองชั่วโมงผ่านไปผลการตรวจของคุณย่าลู่ออกมาแล้วแพทย์ถือรายงานผลการตรวจแล้วพูด
เสียงของคุณย่าลู่ดังขึ้น ทุกคนในห้องนั่งเล่นต่างก็ตกตะลึง!สีหน้าของลู่สือเยี่ยนตึงเครียดขึ้น เขาคุกเข่าครึ่งตัวอยู่ข้างหน้าคุณย่าลู่แล้วถามว่า “คุณย่าครับ ตอนนี้คุณย่าจำอะไรได้แล้วเหรอครับ?”คุณย่าลู่เอามือลูบหัวเขา “ย่าต้องจำได้อยู่แล้วสิ ย่ายังไม่แก่จนความจำเลอะเลือนซะหน่อย ก่อนหน้านี้เธอบอกว่าจะแต่งงานกับหว่านหว่าน แล้วทำไมวันนี้ถึงไม่พาเธอมาด้วย?”ลู่สือเยี่ยนรู้สึกถึงความผิดปกติอย่างรวดเร็ว เขาชี้ไปที่หลินเซียงแล้วถามว่า “แล้วคุณย่าจำเธอได้ไหมครับ?”คุณย่าลู่มองตามนิ้วมือของเขาไป แล้วส่ายหัว “ไม่รู้จัก เธอเป็นใคร? คนใช้ใหม่ของบ้านเราเหรอ?”หลินเซียงได้ยินคำพูดของเธอ เหมือนกับถูกตบหน้าอย่างแรง ก่อนหน้านี้ตอนที่คุณย่าลู่ความจำเสื่อม เธอมักจะคิดว่าเซี่ยหว่านเป็นคนใช้ของบ้านตระกูลลู่ และยังดีกับหลินเซียงเป็นพิเศษแต่ตอนนี้กลับกัน!ลู่สือเยี่ยนลุกขึ้นยืนแล้วพูดว่า “ผมจะพาคุณย่าไปโรงพยาบาลครับ”คุณย่าลู่ขมวดคิ้ว ใบหน้าที่แก่ชราเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ “ไปโรงพยาบาลทำไม? ย่ารู้สึกว่าย่าสบายดีนะ”ลู่สือเยี่ยน “ตรวจร่างกายคุณย่านิดหน่อย เชื่อผมเถอะครับ”คุณย่าลู่ก็ยังไม่ค่อยเต็มใจ
หลังจากที่ลู่สือเยี่ยนพูดจบ เขาก็ไม่ได้วางสาย ได้ยินเสียงเขาเปิดประตูรถลงจากรถ ตามมาด้วยเสียงฝีเท้าที่เร่งรีบหลินเซียงกำโทรศัพท์แน่น ยื่นมือไปกดปุ่มปิดประตูอีกครั้งครั้งนี้ประตูลิฟต์ปิดลง หัวใจที่สั่นไหวก็ค่อยผ่อนคลายลงอย่างเฉียบพลัน"ประตูลิฟต์ปิดแล้ว" หลินเซียงพูด ตอนนี้เธอเพิ่งรู้ว่าขาของตัวเองอ่อนแรงแค่ไหน!ลู่สือเยี่ยนพูดว่า "อย่าออกจากลิฟต์ก่อนถึงชั้นหนึ่งนะ""อืม"หลินเซียงตอบ ยังไม่วางสายโชคดีที่ลิฟต์มาถึงชั้นหนึ่งอย่างรวดเร็ว ตอนนี้ไม่มีใครทำงานล่วงเวลาในตึกแล้วเมื่อประตูลิฟต์เปิดออก หลินเซียงก็เห็นลู่สือเยี่ยนยืนอยู่ที่ประตู เธอวิ่งออกไปทันที!ลู่สือเยี่ยนกอดเธอไว้พลางปลอบเบา ๆ "ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมจะตรวจสอบให้ชัดเจน"ด้วยกลิ่นอายที่สดชื่นของเขา หลินเซียงจึงผ่อนคลายลง ตามมาด้วยความหวาดกลัวอย่างรุนแรง!จมูกของเธอรู้สึกแสบร้อน น้ำตาเกือบไหล แต่เธอก็อดทนไว้!ลู่สือเยี่ยนประกองกอดเธอแล้วออกจากอาคารพอก้าวขึ้นรถ ความอบอุ่นจากเครื่องทำความร้อนทำให้ร่างกายที่เย็นเยือกเริ่มอุ่นขึ้นลู่สือเยี่ยนจับมือเธอ ถามว่า "คุณเห็นใครหรือเปล่า?"หลินเซียงส่ายหัว "ไม่มีนะ"แล้วถา
หลินเซียงรู้สึกใจสั่นระรัวเสียงน้ำไหลในห้องน้ำดังขึ้น หลินเซียงจึงโล่งใจเล็กน้อยเธอค่อย ๆ ผ่อนคลายและกอดตัวเองขณะกำลังจะหลับ เตียงข้าง ๆ ก็ยุบลงไป ร่างกายของลู่สือเยี่ยนที่ยังเปียกชื้นจากน้ำ เข้ามากอดเธอแน่น หลินเซียงไม่ขยับหรือดิ้นรน ลู่สือเยี่ยนจูบที่ไหล่เธอเบา ๆ "ราตรีสวัสดิ์ ที่รัก"ขนตาของหลินเซียงกระตุกเล็กน้อย แต่เธอก็ยังไม่ตอบสนองอะไร…วันรุ่งขึ้น หลินเซียงไปทำงานก็พบว่าสวี่ซิงเย่มาถึงแล้ว เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาด ดูสดใสและมีเสน่ห์ เป็นหนุ่มน้อยที่สดใสสวี่ซินหรานกำลังคุยกับเขาอยู่และสวี่ซิงเย่ก็ตอบด้วยรอยยิ้มเมื่อเห็นเธอมาถึง สวี่ซิงเย่รีบลุกขึ้นยืนและเดินมาหาเธอ "คุณหลิน อรุณสวัสดิ์ครับ!"หลินเซียงยิ้มบาง "ตอนนี้เราเป็นเพื่อนร่วมงานกันแล้ว นายเรียกฉันว่าหลินเซียงก็ได้"สวี่ซิงเย่เกาจมูกด้วยความเขินอายเล็กน้อย "หลินเซียง""อืม อรุณสวัสดิ์ค่ะ" หลินเซียงพยักหน้าเล็กน้อยสวี่ซินหรานนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย "ถ้าไม่รู้ว่าเธอแต่งงานแล้ว ฉันนึกว่าพวกเธอเป็นแฟนกันซะอีก"เมื่อได้ยินแบบนั้น สวี่ซิงเย่ขมวดคิ้ว พูดว่า "อย่าพูดอย่างนั้นเลยครับ ผมกั
“ลู่สือเยี่ยน คุณเป็นอะไรมากไหม?”หลินเซียงรู้สึกงงกับเขา!เธอไม่ได้ทำอะไรเลย แต่เขากลับจะยัดเยียดให้เธอไปเปิดห้องกับผู้ชายคนอื่น?เขาเป็นบ้าหรือเปล่า?ลู่สือเยี่ยนจ้องมองเธออย่างเงียบ ๆ แล้วพูดว่า “หลินเซียง ห้ามรับของจากผู้ชายคนอื่น และห้ามชอบผู้ชายคนอื่นด้วย ถ้าผมรู้ คุณอาจไม่ตาย แต่ผู้ชายคนนั้นต้องตายแน่!”เขาเตือนอย่างจริงจังด้วยความเคร่งขรึม ดวงตาของเขาแสดงความต้องการครอบครองเธออย่างไม่มีปิดบังหลินเซียงกัดริมฝีปาก มองเขาด้วยสายตาซับซ้อนถ้าเป็นก่อนหน้านี้ เขาแสดงออกแบบนี้เธอคงดีใจมาก!แต่หลังจากผ่านเรื่องราวต่าง ๆ มาแล้ว เมื่อได้ยินเขาพูดแบบนี้ เธอกลับไม่รู้สึกอะไร!เธอเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย “ตอนนี้ฉันไปอาบน้ำได้แล้วใช่ไหม? ทำงานมาทั้งวัน เหนื่อยมากจริง ๆ”ลู่สือเยี่ยนมองเธออีกสักพัก แล้วปล่อยเธอไปหลินเซียงเดินไปที่ห้องน้ำลู่สือเยี่ยนเรียกคนใช้มาเก็บเค้กเมื่อหลินเซียงออกมา เธอก็เห็นเขานั่งอยู่บนโซฟา บนโต๊ะมีขี้ผึ้งวางอยู่“ทายา”เมื่อเห็นเธอหันมามอง เขาพูดเสียงต่ำหลินเซียงกัดริมฝีปาก แล้วพูดว่า “ฉันทาเองได้”พูดจบ เธอก็เดินไปหยิบขี้ผึ้งแต่ลู่สือเยี่ยนมือไวกว่
หลินเซียงตกใจ เค้กชิ้นเล็กในมือหล่นลงบนพรมนุ่ม ๆ“ทำอะไร?”ร่างกายของเธอตึงเครียดขึ้นทันทีที่เขาเข้ามาใกล้ เธอรู้สึกเจ็บปวด! เห็นได้ชัดว่าร่างกายของเธอมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อเขาอย่างรุนแรง!ห้องนอนมืดมิด มองไม่เห็นหน้ากันและกันแต่หลินเซียงรู้สึกได้ถึงสายตาที่มืดมนของลู่สือเยี่ยนที่จ้องมองเธออย่างไม่ละสายตา ลมหายใจร้อนผ่าวพัดมาที่ใบหน้าของเธอ อารมณ์ที่แข็งกร้าวปกคลุมอยู่หลินเซียงไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้เลยความรู้สึกที่ถูกเขาควบคุมอย่างสมบูรณ์ ไม่มีช่องว่างให้หายใจ เธอรู้สึกอึดอัดอย่างมาก!“ลู่สือเยี่ยน ดึกดื่นขนาดนี้คุณเป็นบ้าอะไรอีก?” หลินเซียงถามอีกครั้งเมื่อเห็นเขาไม่พูดอะไรจู่ ๆ ลู่สือเยี่ยนก็จูบลงมาลมหายใจร้อน ๆ ปะปนกลิ่นบุหรี่ ครอบงำประสาทสัมผัสของหลินเซียงอย่างรุนแรง!หลินเซียงครางเบา ๆ พยายามดิ้นรน!แต่ลู่สือเยี่ยนเหมือนรู้ว่าเธอจะดิ้น จึงคว้าข้อมือทั้งสองข้างของเธอ บิดไปด้านหลัง แล้วดันเธอเข้าไปกอดจูบร้อนแรง ลมหายใจพันกันอย่างยุ่งเหยิง…ลู่สือเยี่ยนเหมือนสัตว์ป่าที่ไม่รู้จักพอ ทิ้งร่องรอยกลิ่นของตัวเองไว้บนตัวเธอ ทำให้ร่างกายของเธอเต็มไปด้วยกลิ่นของเขา! เหมือนสัต
สวี่ซิงเย่ได้เริ่มงานพรุ่งนี้ก่อนกลับ หลินเซียงออกไปส่งเขาที่ลิฟต์ เธอยิ้มแล้วพูดว่า “ขอแสดงความยินดีด้วย!”สวี่ซิงเย่ยิ้มเขินอาย “ต้องขอบคุณคุณด้วย ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ ผมคงไม่ตัดสินใจทำอาชีพที่ชอบต่อ”หลินเซียงพูดว่า “ฉันแค่ให้โอกาสนายเลือก ผลจะเป็นยังไง ขึ้นอยู่ที่การเลือกของนายเอง ไม่ต้องขอบคุณฉัน”สวี่ซิงเย่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา “ผมขอเพิ่มคุณเป็นเพื่อนได้ไหมครับ? ต่อไปเราเป็นเพื่อนร่วมงานกัน มีอะไรผมก็จะได้ติดต่อคุณได้ง่ายขึ้น”“ได้สิ”หลินเซียงพยักหน้า หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาให้เขาสแกนคิวอาร์โค้ดทั้งสองคนเพิ่มเพื่อนกันเสร็จ ลิฟต์ก็มาถึงพอดี สวี่ซิงเย่เดินเข้าไป แล้วโบกมือลาเธอหลินเซียงกลับไปที่ออฟฟิศ ซืออวี่ยืนพิงอยู่ที่โต๊ะทำงานของเธอ มองเธออย่างขบขัน “เป็นไงบ้าง?”หลินเซียงมองเธออย่างสงสัย “เป็นไงอะไรคะ?”ซืออวี่พยักพเยิดคางไปทางประตู แสดงว่าหมายถึงสวี่ซิงเย่ “เธอกับเขา…?”หลินเซียงยิ้มอย่างหมดหนทาง “คุณคิดมากไปแล้ว เขาเป็นแค่เพื่อนน่ะค่ะ”ซืออวี่โล่งใจเล็กน้อย แล้วก็พูดว่า “พรสวรรค์ของเขาดีเลย ในเมื่อเป็นเพื่อนเธอ งั้นเธอก็รับผิดชอบดูแลเขาด้วยแล้วกันนะ”หลินเซียงพยักหน้า
ลู่สือเยี่ยน ไอ้ผู้ชายสารเลวคนนั้นมีดีอะไรกัน?ไม่ชอบหลินเซียง แต่ก็ไม่ยอมหย่าซ่งซ่งทุกครั้งที่นึกถึงเขาแล้วต้องสบถออกมาทุกที น่าโมโห!…15 นาทีต่อมาหลินเซียงปรากฏตัวที่หน้าร้านอาหารซ่งซ่งรีบเดินไป พาเธอไปที่โต๊ะ ชี้ไปที่ผู้ชายที่กำลังเสิร์ฟอาหาร แล้วพูดว่า “ดูสิ เขาอยู่ตรงนั้น”หลินเซียงมองไปก็เห็นสวี่ซิงเย่สวมชุดพนักงานเสิร์ฟ กำลังเดินเสิร์ฟอาหารซ่งซ่งยกมือขึ้น “น้องคะ!”สวี่ซิงเย่ตอบรับโดยไม่รู้ตัว “ครับ?”พอหันไปมองก็เห็นสายตายิ้มแย้มเป็นประกายของหลินเซียงสวี่ซิงเย่อึ้ง แล้วยิ้มออกมา ก่อนจะเดินเข้ามาถามว่า “คุณหลิน มาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ?”หลินเซียง “เพิ่งมาน่ะ ทำไมนายมาเป็นพนักงานเสิร์ฟอยู่ที่นี่?”ดวงตาของสวี่ซิงเย่กะพริบปริบ และพูดว่า “ผมโดนไล่ออกน่ะ เลยมาสมัครที่นี่แทน”หลินเซียงได้ยินดังนั้นก็ขมวดคิ้ว “เกิดอะไรขึ้น?”ทำไมถึงถูกไล่ออก?ซ่งซ่งหัวเราะเยาะ “ต้องเป็นฝีมือลู่สือเยี่ยนแน่! เรื่องแบบนี้มันเคยทำมาแล้ว!”หลินเซียงขมวดคิ้ว ใบหน้าเคร่งขรึมลู่สือเยี่ยนจงใจกลั่นแกล้งสวี่ซิงเย่?ทำไม?หรือว่าเพราะว่าเธอทำตัวสนิทสนมกับสวี่ซิงเย่?แต่สวี่ซิงเย่เป็นคน
หลินเซียงขัดขืนอย่างหนัก “ลู่สือเยี่ยน ปล่อย!”แต่ลู่สือเยี่ยนไม่ยอมลุก เขาไม่ได้บังคับให้เธอใช้มือ แค่กอดเธอเอาไว้ ลมหายใจหนักหน่วงขึ้นเรื่อย ๆใบหน้าของหลินเซียงแดงก่ำ เสียงหายใจเบา ๆ ดังอยู่ข้างหู กระตุ้นประสาทสัมผัสของเธอเธอหันไปกัดไหล่เขาลู่สือเยี่ยนครางเบา ๆ แต่ลมหายใจยิ่งขาดห้วงมากขึ้นเรื่อย ๆนานมาก…เขาอุ้มเธอไปที่ห้องน้ำ มองดูร่องรอยบนชุดนอนของเธอ แสงในดวงตามืดมน แต่ใบหน้าหล่อเหลากลับเรียบเฉยหลินเซียงพูดเสียงเย็น “ฉันไม่ได้พิการ อาบเองได้”ลู่สือเยี่ยนจ้องมองเธอ แล้วก็หันหลังเดินออกไปตอนปิดประตู หลินเซียงก็ถอดชุดนอนออก โยนลงถังขยะเธออาบน้ำ สวมเสื้อคลุมอาบน้ำ พอเดินออกมาแล้วเห็นว่าลู่สือเยี่ยนไม่อยู่ในห้องนอน เธอก็โล่งใจเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จจึงเดินลงไปชั้นล่าง พ่อบ้านพูดว่า “คุณผู้หญิง อาหารเช้าพร้อมแล้วครับ”“ค่ะ”หลินเซียงตอบรับ เดินไปที่ห้องอาหารเพื่อกินข้าวลู่สือเยี่ยนเดินเข้ามา เห็นว่าเธอกินเสร็จแล้ว กำลังจะถือกระเป๋าออกไปลู่สือเยี่ยนขมวดคิ้ว “ร่างกายคุณยังไม่หายเลย ไม่ต้องไปทำงานหรอก”แต่หลินเซียงพูดเสียงเรียบว่า “ฉันไม่ได้กระดูกหัก ไม่ได้ไข้ขึ้นสู