“อะไรกัน? แค่กินข้าว ต้องให้คนมาตามสามสี่ครั้งเลยเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของลู่สือเยี่ยนดังขึ้นจากด้านหลังหลินเซียงลืมตาขึ้น มองไปที่เขา “ลู่สือเยี่ยน ฉันไม่เคยทำอะไรที่ทำให้คุณต้องเจ็บแค้นใจใช่ไหม?”ลู่สือเยี่ยนขมวดคิ้ว “คุณจะพูดอะไร?”หลินเซียงยิ้มเศร้า “แล้วทำไมตอนนี้คุณถึงไม่ยอมแม้แต่จะยิ้มให้ฉันล่ะ?”ริมฝีปากบางของลู่สือเยี่ยนเม้มเข้าหากันเป็นเส้นตรงหลินเซียงเดินเข้าไปหาเขา “หรือแค่เพราะฉันไม่ยอมหย่ากับคุณ แต่เรื่องแค่นี้ก็ไม่น่าถือเป็นความแค้นที่ร้ายแรงอะไรไม่ใช่เหรอ?”ดวงตาของเธอเป็นประกาย จ้องมองดวงตาสีดำสนิทของเขา พยายามเพ่งมองเงาตัวเองในนั้นเธอเห็นแล้ว แต่ดวงตาของเขาไม่หลงเหลือความอ่อนโยนอีกต่อไป มีเพียงความเย็นชาเขาต้องรับผิดชอบต่อเซี่ยหว่านส่วนการเสียสละของเธอตลอดหนึ่งปี ความดีงามเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านั้น กลับกลายเป็นเพียงเรื่องตลกลู่สือเยี่ยนมองดูแสงในดวงตาของเธอที่ค่อยๆ ดับลง จากนั้นก็ได้ยินเธอพูดว่า “ได้ ฉันยอมหย่า”ลู่สือเยี่ยนเป็นแบบนี้ ต่อให้เธอยื้อไว้ก็ไม่มีความหมายอะไรเธอชอบแค่เขาในรูปแบบที่อ่อนโยน เอาใจใส่ และมีแค่เธออยู่ในสายตาเท่านั้นแต่เมื่ออาเยี่
ขณะที่ร่างของเธอลอยขึ้นไปในอากาศ หลินเซียงผวาโอบเขาโดยไม่รู้ตัว ดวงตาสีน้ำตาลใสฉายแววประหลาดใจเขา… หมายความว่ายังไง?ลู่สือเยี่ยนไม่สนใจสายตาของเธอ อุ้มเธอขึ้นรถ แล้วหยิบกล่องปฐมพยาบาลแบบพกพาออกมา เปิดฝาออกแล้วหยิบอุปกรณ์มาทำแผลที่เท้าของเธอหลินเซียงมองดูการกระทำของเขาด้วยสีหน้ามึนงงพร่ามัว ราวกับเธอเห็นอาเยี่ยนอยู่ตรงหน้าเขาคืออาเยี่ยน“อาเยี่ยน…”“อย่าคิดฟุ้งซ่าน” เสียงทุ้มต่ำของลู่สือเยี่ยนขัดจังหวะคำพูดของเธอ “ผมแค่กลัวตัวเองจะเสียใจที่เราหย่ากันเพราะเรื่องไม่เป็นเรื่อง”ราวกับน้ำเย็นราดรดใส่หัวเธอ ทำลายจินตนาการในหัวใจไปจนสิ้นอย่างนี้นี่เองเขากลัวว่าเธอจะเปลี่ยนใจหึ!เธอชักเท้ากลับทันที “วางใจได้ ฉันพูดอะไรออกไปแล้วไม่มีทางกลับคำ”แต่ข้อเท้าอันบอบบาง กลับถูกนิ้วมือเย็นเฉียบของชายหนุ่มจับไว้ ทำให้เธอขยับไปไหนไม่ได้เมื่อเธอขัดขืน ชายกระโปรงก็ยิ่งถลกขึ้นสูง เผยให้เห็นเรียวขาขาวเนียนทั้งหมด เหลือเพียงนิดเดียว แต่เพราะนิดเดียวนี้กลับเพิ่มความยั่วยวนอย่างเลือนรางสายตาของลู่สือเยี่ยนกวาดไปที่ขาของเธอ จากมุมมองของเขา สามารถมองเห็นทิวทัศน์วับแวมบางส่วนได้เป็นอย่างดี
ลมหายใจของลู่สือเยี่ยนหนักขึ้น ดวงตาสีดำสนิทจ้องมองเธอ อารมณ์ในนั้นช่างยากจะหยั่งถึง หลินเซียงหันหลังกลับ หยิบรองเท้าของตัวเองขึ้นมา แล้วเดินก้าวไปข้างหน้าทีละก้าว“ขึ้นรถ”เสียงต่ำทุ้มของชายหนุ่มดังขึ้นอีกครั้งจากด้านหลัง ดวงตาของหลินเซียงฉายแววขมขื่น “คุณคงไม่ใช่ว่าไม่อยากหย่าแล้วหรอกนะ?”ถ้าเป็นอย่างนั้น เขาคงจะทำผิดต่อเซี่ยหว่านที่ต้องเสียสละขาของตัวเองเพื่อช่วยชีวิตเขาไว้“ที่นี่คืออาณาเขตของตระกูลลู่ ถ้ามีคนเห็นคุณเดินกะเผลกออกไปจากที่นี่ ชื่อเสียงของตระกูลลู่จะเสียหาย”ลู่สือเยี่ยนพูดอย่างเย็นชา ขนตายาวของหลินเซียงสั่นไหวเล็กน้อย ตลกจริง ๆ เธอคิดไปได้ยังไงว่าเขาไม่อยากหย่า“หลินเซียง คุณพูดเองนี่ว่าระหว่างเราไม่ได้มีความแค้นที่ร้ายแรงอะไรต่อกัน”เขาย้อนคำพูดของเธอซ้ำให้ฟังคำต่อคำ หลินเซียงกำมือแน่นขึ้น จากนั้นก็หันกลับมาแล้วขึ้นรถเมื่อเห็นว่าเธอยอมเดินกลับมา ไม่รู้ทำไม หัวใจของเขารู้สึกโล่งขึ้นอย่างฉับพลันอารมณ์ของเขาสงบลง แล้วก็ก้าวขึ้นไปนั่งประจำที่นั่งคนขับจากกระจกมองหลัง เขาเห็นเธอที่นั่งอยู่เบาะหลังเงียบ ๆ ราวกับสูญเสียความมีชีวิตชีวาไปในพริบตา“มานั่ง
วันรุ่งขึ้นเวลาสิบโมงเช้าเสียงโทรศัพท์ของหลินเซียงดังครั้งแล้วครั้งเล่า เธอเหลือบมองแล้วก็เมินเฉยไปหัวหน้าของเธอที่อยู่หน้าไซต์งานก่อสร้างกำลังบอกเล่าสถานการณ์ปัจจุบันกับเธอ เธอตั้งใจจดบันทึกทั้งหมดจนกระทั่งเที่ยงวัน เธอถึงมีเวลาว่างได้นั่งพักสักหน่อย หยิบน้ำขึ้นมาจิบหนึ่งอึก จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูมีสายที่ไม่ได้รับสิบแปดสายทั้งหมดมาจากลู่สือเยี่ยนหึ!เธอหัวเราะเบา ๆ กำลังจะโทรกลับ แต่แล้วสายที่สิบเก้าก็โทรเข้ามาเสียก่อน“สวัสดี?”“หลินเซียง คุณล้อผมเล่นเหรอ?”พอรับสาย เสียงที่เย็นชาและมืดมนก็ดังขึ้น ได้ยินแม้กระทั่งเสียงลมหายใจที่อัดอั้นของเขาถ้าตอนนี้เขาอยู่ตรงหน้าเธอ คงพุ่งเข้ามาฉีกร่างเธอเป็นชิ้น ๆ แล้วหลินเซียงพูดด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ “ลู่สือเยี่ยน รู้สึกยังไงบ้างเวลาโดนคนอื่นหลอก?”เขาฟื้นความทรงจำแล้ว กลับมาพูดได้เหมือนคนปกติ แต่กลับปิดบังไว้จากเธอมาตลอด แล้วยังแกล้งทำเป็นเหมือนเดิมต่อหน้าเธอถ้าเธอไม่ค้นพบความจริงด้วยตัวเอง เขาจะเสแสร้งแกล้งทำไปอีกนานแค่ไหน?เห็นเธอทำท่าโง่ ๆ ใช้ภาษามือกับเขา ในใจลึก ๆ ของเขากำลังเยาะเย้ยเธออยู่หรือเปล่า?เขาทำเรื่อ
‘แปลกจัง ช่วงพักเที่ยงแบบนี้ ทำไมถึงไม่มีใครอยู่เลย?’หลินเซียงรู้สึกกระวนกระวายใจ สีหน้าตึงเครียดสุดขีด“หยุดนะ!”“ฉันเห็นบัตรพนักงานของผู้หญิงคนนั้นแล้ว เธอต้องเป็นคนของดีเคกรุ๊ปแน่!”“จับเธอไว้! เราต้องเรียกร้องความยุติธรรมให้ได้!”ผู้คนจำนวนมากวิ่งไล่ตามเธอมาอย่างดุเดือดหลินเซียงยิ่งร้อนรน วิ่งหนีไปทิศทางหนึ่ง แต่แล้วเท้าก็พลิกลง เธอเสียหลักล้มคะมำไปข้างหน้า พอกลับมาทรงตัวได้อย่างทุลักทุเล แต่วิ่งหนีต่อไปไม่ได้แล้วคนกลุ่มนั้นมีกันสิบกว่าคน กรูเข้ามาขวางทางหลินเซียงด้วยท่าทางก้าวร้าว“พวกคุณเป็นใคร?”หลินเซียงพยายามตั้งสติ ดวงตาอัลมอนด์คู่งามจ้องมองพวกเขาชายไว้หนวดเคราพูดว่า “หวังปิน น้องชายของฉันทำงานที่นี่ เกิดอุบัติเหตุทำให้เขาขาหัก ฉันเห็นเธอเป็นพนักงานของดีเคกรุ๊ป ดังนั้นไม่ว่ายังไงเธอก็ต้องให้คำอธิบายเรื่องนี้กับเรา!” หลินเซียงขมวดคิ้ว “น้องชายคุณบาดเจ็บ ฉันเข้าใจว่าคุณไม่พอใจ แต่เรื่องแบบนี้ควรมีคนจากทางบริษัทมาเจรจากับพวกคุณด้วยตัวเองสิ”หวังเฉียงโบกมือ “เจรจาอะไรกัน ไอ้หมอนั่นมาคนเดียว หน้าตาไม่รับแขก ควักเงินจ่ายค่าชดเชยให้ฉันไม่กี่แสน น้องชายฉันขาหักเลยนะ!
ดวงตาสีดำขลับของลู่สือเยี่ยนจ้องมองเธออยู่นาน ก่อนจะนั่งลงอีกครั้ง “ตอนแรกผมก็คิดจะทำแบบนั้น แต่พอเห็นคุณเป็นแบบนี้แล้ว ผมไม่ชอบรังแกคนป่วย”หลินเซียงกระตุกริมฝีปาก “ขอบคุณคุณลู่ที่อุตส่าห์มีน้ำใจ”คำขอบคุณจอมปลอมบทสนทนาจอมปลอมระหว่างคนทั้งสองเหมือนมีกำแพงใส ๆ กั้นอยู่ มองเห็นกันได้ จับต้องกันได้ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีความรู้สึกเหมือนก่อนหน้านี้ต่อไปอีกแล้วก่อนเมื่อวาน มันไม่เคยเป็นแบบนี้เลยทุกอย่างเริ่มต้นขึ้นหลังจากที่เธอเป็นฝ่ายพูดเรื่องหย่าออกมาก่อนอารมณ์ของลู่สือเยี่ยนหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก ยื่นมือไปขยับคลายปกเสื้อแล้วพูดว่า “ช่วงนี้ก็พักผ่อนให้เต็มที่ ให้คนอื่นมารับผิดชอบเรื่องโปรเจ็กต์แทนก่อน”หลินเซียงถาม “แบบนี้ถือว่าฉันได้รับบาดเจ็บในระหว่างการทำงานหรือเปล่า?”ลู่สือเยี่ยนมองเธอ ไม่ได้พูดอะไรหลินเซียงพูดต่อ “ถ้าได้รับบาดเจ็บจากการทำงานก็ต้องได้รับเงินค่าชดเชย ฉันไม่รังเกียจเงินไม่กี่แสนหรอกนะ คุณลู่คงรู้หมายเลขบัญชีของฉันดีอยู่แล้ว โอนเข้าบัญชีฉันได้เลยค่ะ”ลู่สือเยี่ยน “...”ผู้หญิงคนนี้หลังเสนอหย่า ก็กลายเป็นคนหมกมุ่นเรื่องเงินไปแล้วเหรอ?ก่อนหน้านี้เธ
หลินเซียงหลับตาลง ปวดหัวรุนแรงจนทนไม่ไหวข้างนอกฟ้ามืดแล้ว เธอหันไปมองนอกหน้าต่าง สายตาค่อย ๆ ว่างเปล่าความจริงแล้วมันไม่มีอะไรน่าสนใจเลยทันใดนั้น เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เธอหยิบขึ้นมาดู ดวงตาของเธอสว่างขึ้นทันที“ซ่งซ่ง!”“เฮ้! ว่าไงเพื่อนรัก ทายสิว่าฉันอยู่ที่ไหน?”ในโทรศัพท์ เสียงของหญิงสาวที่แหลมสูงเล็กน้อยดังเล็ดลอดออกมาหลินเซียง “อวิ๋นเฉิงเหรอ?”“ตอบถูกแล้วล่ะ ฉันอยู่ข้างล่างตึกเธอแล้ว รีบออกมาต้อนรับฉันเร็ว” ซ่งซ่งหัวเราะหลินเซียงพูดว่า “โถ่ เจ้าหญิงของฉัน คงไม่ได้หรอก ฉันบาดเจ็บในเวลางาน ตอนนี้แอดมิดอยู่ที่โรงพยาบาลน่ะ”ซ่งซ่ง “ส่งที่อยู่มาเดี๋ยวนี้เลย เร็วเข้า!”เมื่อได้ยินน้ำเสียงที่จริงจังของเธอ หลินเซียงก็อดขำไม่ได้ “เอาสิ”หลังจากส่งที่อยู่ไป ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ประตูห้องผู้ป่วยก็ถูกเปิดเข้ามา หญิงสาวหน้าเก๋สวยสะดุดตาคนหนึ่งรีบร้อนเดินเข้ามา“เซียงเซียง เกิดอะไรขึ้น? ทำไมถึงบาดเจ็บในระหว่างทำงานล่ะ? แล้วทำไมเธอถึงอยู่คนเดียว? สามีใบ้ของเธอไปไหนแล้ว?”ซ่งซ่งถามคำถามรัว ๆหลินเซียงรีบเอามือกุมศีรษะตัวเอง “โอ๊ย ค่อย ๆ ถามสิ ถามทีละหลาย ๆ อย่างแบบนี้ ฉันปวดหัว
ริมฝีปากของหลินเซียงเม้มเข้าหากัน เธอกดโทรหาซ่งซ่ง แต่ไม่มีใครรับสายพวกเธอเพิ่งแยกกันได้ไม่นาน อีกฝ่ายจะไปโผล่ที่อาคารเยว่ปินได้ยังไง?เมื่อนึกถึงคำพูดเมื่อคืน หลินเซียงก็เริ่มหายใจไม่ทั่วท้อง ไปแก้แค้นลู่สือเยี่ยน คนแบบเธอสามารถทำได้จริง ๆเธอไม่กล้าใช้เวลาคิดฟุ้งซ่านอะไรไปมากกว่านี้ รีบออกไปเรียกรถแท็กซี่ตรงไปที่อาคารเยว่ปินทันทีเธอเร่งฝีเท้าเดินเข้าไป เห็นว่าโถงทางเข้ารกไปหมด เศษแก้วกระจัดกระจายไปทั่ว เหมือนกับที่นี่เพิ่งถูกโจรบุกปล้น“ซ่งซ่งอยู่ที่ไหน?”หลินเซียงคว้าตัวพนักงานเสิร์ฟคนหนึ่งมาถามอย่างใจร้อนพนักงานเสิร์ฟชี้ไปที่ห้องส่วนตัวในโถงทางเดิน “อยู่ที่นั่นค่ะ”หลินเซียงรีบจ้ำอ้าวไปเปิดประตูห้องส่วนตัว เห็นซ่งซ่งถูกการ์ดสองคนจับตัวไว้ ใบหน้าที่สวยงามเต็มไปด้วยความโกรธ“ปล่อยฉันนะ!”เธอยังคงดิ้นรนไม่หยุดบนโซฟา สีหน้าของลู่สือเยี่ยนเข้มขรึม เสื้อเชิ้ตสีขาวเปื้อนเลือด ดวงตาดำขลับกำลังจ้อมเขม็งมองซ่งซ่งเหมือนมองคนตายแขนเสื้อข้างขวาของเขาพับทบขึ้นไปถึงข้อศอก มีรอยบาดแผลที่แขน เซี่ยหว่านนั่งอยู่ข้าง ๆ กำลังทำแผลให้เขารูม่านตาของหลินเซียงหดลงทันที รีบเดินเข้าไปผลักก
คุณย่าลู่ “จะมีใครทำร้ายเธอได้ยังไง? นั่นเป็นแค่การคาดเดาของเธอเท่านั้น”“เหอะ!”ลู่สือเยี่ยนหัวเราะเบา ๆ แล้วพูดต่อ “คุณย่าครับ คนคนหนึ่งที่เพิ่งฟื้นขึ้นมาแต่ความจำเสื่อม จะไปอยู่บนถนนได้ยังไง? คนดูแลที่บ้านเราล่ะ? หายหัวไปไหนหมด?”คุณย่าลู่เงียบไปลู่สือเยี่ยนพูดต่อ “ตอนนั้นเธอเป็นคนที่ช่วยผม พาผมกลับบ้าน ถ้าไม่ใช่เธอ วันนี้ย่าก็คงไม่ได้เจอหน้าผมแล้ว”คุณย่าลู่มองหลินเซียง แล้วพูดขึ้นมาทันทีว่า “ความจริงเป็นแค่เรื่องบังเอิญหรือเปล่า ตอนนี้ยังสรุปไม่ได้ ถ้าเกิดเธอรู้ตัวตนของหลานตั้งแต่แรกล่ะ?”“ฉันไม่รู้ค่ะ”หลินเซียงรู้สึกว่าเธอควรจะพูดอะไรสักอย่างเธอมองคุณย่าลู่อย่างสงบ “คุณย่าคะ ฉันไม่รู้ว่าทำไมคุณย่าถึงได้เกลียดฉันขนาดนี้ แต่เมื่อก่อนย่าไม่ใช่แบบนี้ แถมยังชอบฉันมาก ถึงกับบอกเขาว่า ถ้าเขาทำร้ายฉัน คุณย่าจะช่วยฉันตีเขา ฉันยังจำคำพูดพวกนั้นได้อยู่เลย”เธอหายใจออกเบา ๆ แล้วพูดต่อ “แต่แน่นอนค่ะ คุณย่าจำไม่ได้ งั้นก็ไม่สำคัญแล้ว ฉันไม่รู้จักตัวตนของเขาตั้งแต่แรก จนกระทั่งเขาได้ความทรงจำกลับมา แล้วมาเปิดตัวในที่ที่ฉันทำงานอยู่ ฉันถึงได้รู้จักตัวตนของเขา”คุณย่าลู่เงียบไป ใบหน้
หลินเซียงมองคุณย่าลู่ด้วยความประหลาดใจไม่เคยคิดมาก่อนว่าคุณย่าที่เคยใจดีกับเธอ ในระดับที่เรียกว่าเอาใจใส่ กลับคิดร้ายกับเธอแบบนี้ แล้วยังมองเธอด้วยสายตาเย็นชาหลินเซียงรู้สึกเจ็บปวดในใจที่แท้ไม่ใช่แค่ตอนที่ลู่สือเยี่ยนทำร้ายเธอเท่านั้นถึงจะรู้สึกเจ็บปวดการถูกคนที่เคยสนิทสนมทำร้าย ใจก็เจ็บปวดเช่นกันเธอเม้มริมฝีปาก แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาลู่สือเยี่ยน“ฮัลโหล?”ไม่นานปลายสายก็รับ ได้ยินเสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่มดังขึ้นหลินเซียงบอกว่า “คุณย่ามีเรื่องจะพูดกับพวกเรา ตอนนี้คุณช่วยมาโรงพยาบาลหน่อย”ลู่สือเยี่ยนถามว่า “เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”หลินเซียง “มาถึงเดี๋ยวก็รู้เอง”พูดจบก็วางสายไปเรื่องหย่าควรจะพูดต่อหน้าทั้งสองคนจะดีกว่าบอกกับเธอแค่คนเดียวมีประโยชน์อะไร?เธออยากหย่า แต่ลู่สือเยี่ยนไม่ยอม คุณย่าลู่ก็ไม่เชื่อเธอทำผิดอะไร?ถึงได้ถูกปฏิบัติแบบนี้?หลินเซียงนั่งลงบนโซฟา ก้มหน้าลง ไม่มองคุณย่าลู่อีกนิสัยของเธอค่อนข้างแปลกถ้าคนคนนั้นทำร้ายเธอ ก็ยากที่จะเข้าไปอยู่ในใจเธอได้อีกคุณย่าลู่ไม่ค่อยชอบท่าทางของหลินเซียง จึงจับมือเซี่ยหว่านแล้วคุยต่อ เพราะชอบท่าทางอ่อนโยนขอ
หลังจากออกจากโรงพยาบาล ลู่สือเยี่ยนมองเธอ “อย่าคิดมาก คุณย่าแค่ลืมความทรงจำไปสองปีเท่านั้นเอง”หลินเซียงมองเขา แล้วถามว่า “แล้วถ้าคุณย่ายืนกรานจะให้คุณแต่งงานกับเซี่ยหว่านล่ะ?”ลู่สือเยี่ยนมองเธออย่างลึกซึ้ง “หลินเซียง เธอควรเลิกคิดเรื่องนี้นะ เพราะผมไม่หย่ากับคุณแน่”หลินเซียงอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ แล้วพูดว่า “จริง ๆ แล้ว เราหย่ากันก็ไม่เลวนะ ฉัน…”“หยุด!”ลู่สือเยี่ยนมองเธอด้วยความหงุดหงิด “ฟังที่ผมพูดไม่รู้เรื่องเหรอ? ถ้าพูดถึงเรื่องหย่าอีก ผมจับคุณขังไว้แน่!”ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ รอบตัวเต็มไปด้วยออร่าเย็นชาหลินเซียงหยุดชะงัก ไม่พูดต่อเพราะเขาทำได้จริงเมื่อหันหลังเดินไป ใบหน้าเล็ก ๆ นั้นเย็นชายิ่งกว่าเก่าลู่สือเยี่ยนมองตามหลังเธอไป ริมฝีปากบางเม้มเป็นเส้นตรงเขาเปิดประตูแล้วก้าวขึ้นรถ สีหน้ามืดครึ้มอย่างที่สุดในขณะนั้น เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์เขาดังขึ้น เขาหยิบขึ้นมาดู เป็นสายจากซืออวี่“พูดมา!”ซืออวี่ตกใจกับน้ำเสียงเย็นชาของเขา ก่อนจะกลืนน้ำลายอึกใหญ่ “พี่ใหญ่ ฉันสืบได้เรื่องบ้างแล้ว แต่คนคนนั้นฉลาดเป็นกรด ปกปิดตัวตนได้ดีมาก รู้แค่ว่าเป็นผู้ชาย”ลู่สือเยี
วันรุ่งขึ้น ทั้งสองคนไปที่โรงพยาบาลคุณย่าลู่ทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว อวิ๋นหลานนั่งคุยกับเธออยู่“คุณย่าครับ”ลู่สือเยี่ยนเดินเข้าไปเรียกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนคุณย่าลู่เห็นเขา ใบหน้าที่แก่ชราพลันมีรอยยิ้ม“สือเยี่ยน เธอมาแล้ว” คุณย่าลู่จับมือเขาไว้ มองใบหน้าหล่อเหลาของเขาแล้วพูดขึ้นมาทันทีว่า “สือเยี่ยน ทำไมดูเปลี่ยนไปจังเลย? ดูเหมือนจะโตขึ้นมากเลยนะ”ริมฝีปากบางของลู่สือเยี่ยนโค้งเป็นรอยยิ้ม “โตขึ้นแล้วไม่ดีเหรอครับ?”คุณย่าลู่พยักหน้า “ดี แน่นอนว่าดี แต่ฉันยังชอบเธอตอนเด็ก ๆ ที่ไร้เดียงสามากกว่า เอาแต่วิ่งตามหลังพี่ชายตลอดเวลา แล้วยังทำหน้าบึ้งใส่เขา มีแต่พี่ชายที่ตามใจ ถ้าเป็นคนอื่นคงตีเธอไปแล้ว”รอยยิ้มที่มุมปากของลู่สือเยี่ยนแข็งทื่อไปชั่วขณะคุณย่าลู่สังเกตเห็นหลินเซียงในตอนนี้ จึงถามว่า “แล้วเธอล่ะ มายังไง?”ลู่สือเยี่ยนบอกว่า “ย่าครับ เธอเป็นภรรยาผม หลินเซียง”หลินเซียงมองคุณย่าลู่ “คุณย่า”คิ้วของคุณย่าลู่ขมวดเข้าหากันทันที เธอปล่อยมือลู่สือเยี่ยน “ก่อนหน้านี้เธอบอกว่าจะแต่งงานกับหว่านหว่านไม่ใช่เหรอ? ฉันเห็นว่าเด็กคนนั้นก็ใช้ได้นะ ทำไมถึงแต่งงานกับคนอื่นล่ะ?”ท่าทีนั้
ใบหน้าของลู่สือเยี่ยนแสดงออกถึงความซับซ้อนเล็กน้อย เขาพูดอย่างสงบว่า “เรื่องนี้ยังบอกไม่ได้ ต้องรอผลตรวจของแพทย์”หลินเซียงพยักหน้า ตอนนี้คงทำได้แค่นี้ลู่เจิ้งหรงมองหลินเซียงด้วยสายตาไม่เป็นมิตร แล้วพูดกับลู่สือเยี่ยนว่า “อาการของย่าแกดูเหมือนจะดีขึ้น ความคิดของผู้ใหญ่ แกคงรู้ดี น่าจะอยากเห็นแกแต่งงานกับหว่านหว่าน ตอนนั้นแกเป็นคนพาหว่านหว่านไปหาท่านเอง ตอนนี้ถ้าท่านขอร้อง แกก็ปฏิเสธไม่ได้”อวิ๋นหลานกล่าวว่า “เจิ้งหรง แต่สือเยี่ยนกับหลินเซียงรักกันดี ทำแบบนี้ไม่ค่อยดีหรอกมั้ง?”“เหอะ!” ลู่เจิ้งหรงหัวเราะเยาะ “รักกันดี? หลินเซียงไม่ใช่เหรอที่อยากหย่ามาตลอด? ใช้โอกาสนี้หย่ากันไปซะสิ ไม่ต้องมีใครขัดขวางใคร!”อวิ๋นหลานมองหลินเซียงด้วยความกังวล กลัวว่าเธอจะเสียใจแต่หลินเซียงเหมือนไม่ได้ยิน ยืนอยู่มุมห้อง ก้มหน้าลง ปากสวยเม้มเป็นเส้นตรงลู่สือเยี่ยนไม่ได้สนใจคำพูดของลู่เจิ้งหรงเลยเขาตามหาลู่จิ้นหนานจนแทบคลั่ง ยังมีเวลาสนใจเรื่องของเขากับหลินเซียงอีกเหรอ?ดูเหมือนว่าเขาควรหาอะไรให้อีกฝ่ายทำบ้าง!ประมาณสองชั่วโมงผ่านไปผลการตรวจของคุณย่าลู่ออกมาแล้วแพทย์ถือรายงานผลการตรวจแล้วพูด
เสียงของคุณย่าลู่ดังขึ้น ทุกคนในห้องนั่งเล่นต่างก็ตกตะลึง!สีหน้าของลู่สือเยี่ยนตึงเครียดขึ้น เขาคุกเข่าครึ่งตัวอยู่ข้างหน้าคุณย่าลู่แล้วถามว่า “คุณย่าครับ ตอนนี้คุณย่าจำอะไรได้แล้วเหรอครับ?”คุณย่าลู่เอามือลูบหัวเขา “ย่าต้องจำได้อยู่แล้วสิ ย่ายังไม่แก่จนความจำเลอะเลือนซะหน่อย ก่อนหน้านี้เธอบอกว่าจะแต่งงานกับหว่านหว่าน แล้วทำไมวันนี้ถึงไม่พาเธอมาด้วย?”ลู่สือเยี่ยนรู้สึกถึงความผิดปกติอย่างรวดเร็ว เขาชี้ไปที่หลินเซียงแล้วถามว่า “แล้วคุณย่าจำเธอได้ไหมครับ?”คุณย่าลู่มองตามนิ้วมือของเขาไป แล้วส่ายหัว “ไม่รู้จัก เธอเป็นใคร? คนใช้ใหม่ของบ้านเราเหรอ?”หลินเซียงได้ยินคำพูดของเธอ เหมือนกับถูกตบหน้าอย่างแรง ก่อนหน้านี้ตอนที่คุณย่าลู่ความจำเสื่อม เธอมักจะคิดว่าเซี่ยหว่านเป็นคนใช้ของบ้านตระกูลลู่ และยังดีกับหลินเซียงเป็นพิเศษแต่ตอนนี้กลับกัน!ลู่สือเยี่ยนลุกขึ้นยืนแล้วพูดว่า “ผมจะพาคุณย่าไปโรงพยาบาลครับ”คุณย่าลู่ขมวดคิ้ว ใบหน้าที่แก่ชราเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ “ไปโรงพยาบาลทำไม? ย่ารู้สึกว่าย่าสบายดีนะ”ลู่สือเยี่ยน “ตรวจร่างกายคุณย่านิดหน่อย เชื่อผมเถอะครับ”คุณย่าลู่ก็ยังไม่ค่อยเต็มใจ
หลังจากที่ลู่สือเยี่ยนพูดจบ เขาก็ไม่ได้วางสาย ได้ยินเสียงเขาเปิดประตูรถลงจากรถ ตามมาด้วยเสียงฝีเท้าที่เร่งรีบหลินเซียงกำโทรศัพท์แน่น ยื่นมือไปกดปุ่มปิดประตูอีกครั้งครั้งนี้ประตูลิฟต์ปิดลง หัวใจที่สั่นไหวก็ค่อยผ่อนคลายลงอย่างเฉียบพลัน"ประตูลิฟต์ปิดแล้ว" หลินเซียงพูด ตอนนี้เธอเพิ่งรู้ว่าขาของตัวเองอ่อนแรงแค่ไหน!ลู่สือเยี่ยนพูดว่า "อย่าออกจากลิฟต์ก่อนถึงชั้นหนึ่งนะ""อืม"หลินเซียงตอบ ยังไม่วางสายโชคดีที่ลิฟต์มาถึงชั้นหนึ่งอย่างรวดเร็ว ตอนนี้ไม่มีใครทำงานล่วงเวลาในตึกแล้วเมื่อประตูลิฟต์เปิดออก หลินเซียงก็เห็นลู่สือเยี่ยนยืนอยู่ที่ประตู เธอวิ่งออกไปทันที!ลู่สือเยี่ยนกอดเธอไว้พลางปลอบเบา ๆ "ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมจะตรวจสอบให้ชัดเจน"ด้วยกลิ่นอายที่สดชื่นของเขา หลินเซียงจึงผ่อนคลายลง ตามมาด้วยความหวาดกลัวอย่างรุนแรง!จมูกของเธอรู้สึกแสบร้อน น้ำตาเกือบไหล แต่เธอก็อดทนไว้!ลู่สือเยี่ยนประกองกอดเธอแล้วออกจากอาคารพอก้าวขึ้นรถ ความอบอุ่นจากเครื่องทำความร้อนทำให้ร่างกายที่เย็นเยือกเริ่มอุ่นขึ้นลู่สือเยี่ยนจับมือเธอ ถามว่า "คุณเห็นใครหรือเปล่า?"หลินเซียงส่ายหัว "ไม่มีนะ"แล้วถา
หลินเซียงรู้สึกใจสั่นระรัวเสียงน้ำไหลในห้องน้ำดังขึ้น หลินเซียงจึงโล่งใจเล็กน้อยเธอค่อย ๆ ผ่อนคลายและกอดตัวเองขณะกำลังจะหลับ เตียงข้าง ๆ ก็ยุบลงไป ร่างกายของลู่สือเยี่ยนที่ยังเปียกชื้นจากน้ำ เข้ามากอดเธอแน่น หลินเซียงไม่ขยับหรือดิ้นรน ลู่สือเยี่ยนจูบที่ไหล่เธอเบา ๆ "ราตรีสวัสดิ์ ที่รัก"ขนตาของหลินเซียงกระตุกเล็กน้อย แต่เธอก็ยังไม่ตอบสนองอะไร…วันรุ่งขึ้น หลินเซียงไปทำงานก็พบว่าสวี่ซิงเย่มาถึงแล้ว เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาด ดูสดใสและมีเสน่ห์ เป็นหนุ่มน้อยที่สดใสสวี่ซินหรานกำลังคุยกับเขาอยู่และสวี่ซิงเย่ก็ตอบด้วยรอยยิ้มเมื่อเห็นเธอมาถึง สวี่ซิงเย่รีบลุกขึ้นยืนและเดินมาหาเธอ "คุณหลิน อรุณสวัสดิ์ครับ!"หลินเซียงยิ้มบาง "ตอนนี้เราเป็นเพื่อนร่วมงานกันแล้ว นายเรียกฉันว่าหลินเซียงก็ได้"สวี่ซิงเย่เกาจมูกด้วยความเขินอายเล็กน้อย "หลินเซียง""อืม อรุณสวัสดิ์ค่ะ" หลินเซียงพยักหน้าเล็กน้อยสวี่ซินหรานนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย "ถ้าไม่รู้ว่าเธอแต่งงานแล้ว ฉันนึกว่าพวกเธอเป็นแฟนกันซะอีก"เมื่อได้ยินแบบนั้น สวี่ซิงเย่ขมวดคิ้ว พูดว่า "อย่าพูดอย่างนั้นเลยครับ ผมกั
“ลู่สือเยี่ยน คุณเป็นอะไรมากไหม?”หลินเซียงรู้สึกงงกับเขา!เธอไม่ได้ทำอะไรเลย แต่เขากลับจะยัดเยียดให้เธอไปเปิดห้องกับผู้ชายคนอื่น?เขาเป็นบ้าหรือเปล่า?ลู่สือเยี่ยนจ้องมองเธออย่างเงียบ ๆ แล้วพูดว่า “หลินเซียง ห้ามรับของจากผู้ชายคนอื่น และห้ามชอบผู้ชายคนอื่นด้วย ถ้าผมรู้ คุณอาจไม่ตาย แต่ผู้ชายคนนั้นต้องตายแน่!”เขาเตือนอย่างจริงจังด้วยความเคร่งขรึม ดวงตาของเขาแสดงความต้องการครอบครองเธออย่างไม่มีปิดบังหลินเซียงกัดริมฝีปาก มองเขาด้วยสายตาซับซ้อนถ้าเป็นก่อนหน้านี้ เขาแสดงออกแบบนี้เธอคงดีใจมาก!แต่หลังจากผ่านเรื่องราวต่าง ๆ มาแล้ว เมื่อได้ยินเขาพูดแบบนี้ เธอกลับไม่รู้สึกอะไร!เธอเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย “ตอนนี้ฉันไปอาบน้ำได้แล้วใช่ไหม? ทำงานมาทั้งวัน เหนื่อยมากจริง ๆ”ลู่สือเยี่ยนมองเธออีกสักพัก แล้วปล่อยเธอไปหลินเซียงเดินไปที่ห้องน้ำลู่สือเยี่ยนเรียกคนใช้มาเก็บเค้กเมื่อหลินเซียงออกมา เธอก็เห็นเขานั่งอยู่บนโซฟา บนโต๊ะมีขี้ผึ้งวางอยู่“ทายา”เมื่อเห็นเธอหันมามอง เขาพูดเสียงต่ำหลินเซียงกัดริมฝีปาก แล้วพูดว่า “ฉันทาเองได้”พูดจบ เธอก็เดินไปหยิบขี้ผึ้งแต่ลู่สือเยี่ยนมือไวกว่