ขณะที่ร่างของเธอลอยขึ้นไปในอากาศ หลินเซียงผวาโอบเขาโดยไม่รู้ตัว ดวงตาสีน้ำตาลใสฉายแววประหลาดใจเขา… หมายความว่ายังไง?ลู่สือเยี่ยนไม่สนใจสายตาของเธอ อุ้มเธอขึ้นรถ แล้วหยิบกล่องปฐมพยาบาลแบบพกพาออกมา เปิดฝาออกแล้วหยิบอุปกรณ์มาทำแผลที่เท้าของเธอหลินเซียงมองดูการกระทำของเขาด้วยสีหน้ามึนงงพร่ามัว ราวกับเธอเห็นอาเยี่ยนอยู่ตรงหน้าเขาคืออาเยี่ยน“อาเยี่ยน…”“อย่าคิดฟุ้งซ่าน” เสียงทุ้มต่ำของลู่สือเยี่ยนขัดจังหวะคำพูดของเธอ “ผมแค่กลัวตัวเองจะเสียใจที่เราหย่ากันเพราะเรื่องไม่เป็นเรื่อง”ราวกับน้ำเย็นราดรดใส่หัวเธอ ทำลายจินตนาการในหัวใจไปจนสิ้นอย่างนี้นี่เองเขากลัวว่าเธอจะเปลี่ยนใจหึ!เธอชักเท้ากลับทันที “วางใจได้ ฉันพูดอะไรออกไปแล้วไม่มีทางกลับคำ”แต่ข้อเท้าอันบอบบาง กลับถูกนิ้วมือเย็นเฉียบของชายหนุ่มจับไว้ ทำให้เธอขยับไปไหนไม่ได้เมื่อเธอขัดขืน ชายกระโปรงก็ยิ่งถลกขึ้นสูง เผยให้เห็นเรียวขาขาวเนียนทั้งหมด เหลือเพียงนิดเดียว แต่เพราะนิดเดียวนี้กลับเพิ่มความยั่วยวนอย่างเลือนรางสายตาของลู่สือเยี่ยนกวาดไปที่ขาของเธอ จากมุมมองของเขา สามารถมองเห็นทิวทัศน์วับแวมบางส่วนได้เป็นอย่างดี
ลมหายใจของลู่สือเยี่ยนหนักขึ้น ดวงตาสีดำสนิทจ้องมองเธอ อารมณ์ในนั้นช่างยากจะหยั่งถึง หลินเซียงหันหลังกลับ หยิบรองเท้าของตัวเองขึ้นมา แล้วเดินก้าวไปข้างหน้าทีละก้าว“ขึ้นรถ”เสียงต่ำทุ้มของชายหนุ่มดังขึ้นอีกครั้งจากด้านหลัง ดวงตาของหลินเซียงฉายแววขมขื่น “คุณคงไม่ใช่ว่าไม่อยากหย่าแล้วหรอกนะ?”ถ้าเป็นอย่างนั้น เขาคงจะทำผิดต่อเซี่ยหว่านที่ต้องเสียสละขาของตัวเองเพื่อช่วยชีวิตเขาไว้“ที่นี่คืออาณาเขตของตระกูลลู่ ถ้ามีคนเห็นคุณเดินกะเผลกออกไปจากที่นี่ ชื่อเสียงของตระกูลลู่จะเสียหาย”ลู่สือเยี่ยนพูดอย่างเย็นชา ขนตายาวของหลินเซียงสั่นไหวเล็กน้อย ตลกจริง ๆ เธอคิดไปได้ยังไงว่าเขาไม่อยากหย่า“หลินเซียง คุณพูดเองนี่ว่าระหว่างเราไม่ได้มีความแค้นที่ร้ายแรงอะไรต่อกัน”เขาย้อนคำพูดของเธอซ้ำให้ฟังคำต่อคำ หลินเซียงกำมือแน่นขึ้น จากนั้นก็หันกลับมาแล้วขึ้นรถเมื่อเห็นว่าเธอยอมเดินกลับมา ไม่รู้ทำไม หัวใจของเขารู้สึกโล่งขึ้นอย่างฉับพลันอารมณ์ของเขาสงบลง แล้วก็ก้าวขึ้นไปนั่งประจำที่นั่งคนขับจากกระจกมองหลัง เขาเห็นเธอที่นั่งอยู่เบาะหลังเงียบ ๆ ราวกับสูญเสียความมีชีวิตชีวาไปในพริบตา“มานั่ง
วันรุ่งขึ้นเวลาสิบโมงเช้าเสียงโทรศัพท์ของหลินเซียงดังครั้งแล้วครั้งเล่า เธอเหลือบมองแล้วก็เมินเฉยไปหัวหน้าของเธอที่อยู่หน้าไซต์งานก่อสร้างกำลังบอกเล่าสถานการณ์ปัจจุบันกับเธอ เธอตั้งใจจดบันทึกทั้งหมดจนกระทั่งเที่ยงวัน เธอถึงมีเวลาว่างได้นั่งพักสักหน่อย หยิบน้ำขึ้นมาจิบหนึ่งอึก จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูมีสายที่ไม่ได้รับสิบแปดสายทั้งหมดมาจากลู่สือเยี่ยนหึ!เธอหัวเราะเบา ๆ กำลังจะโทรกลับ แต่แล้วสายที่สิบเก้าก็โทรเข้ามาเสียก่อน“สวัสดี?”“หลินเซียง คุณล้อผมเล่นเหรอ?”พอรับสาย เสียงที่เย็นชาและมืดมนก็ดังขึ้น ได้ยินแม้กระทั่งเสียงลมหายใจที่อัดอั้นของเขาถ้าตอนนี้เขาอยู่ตรงหน้าเธอ คงพุ่งเข้ามาฉีกร่างเธอเป็นชิ้น ๆ แล้วหลินเซียงพูดด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ “ลู่สือเยี่ยน รู้สึกยังไงบ้างเวลาโดนคนอื่นหลอก?”เขาฟื้นความทรงจำแล้ว กลับมาพูดได้เหมือนคนปกติ แต่กลับปิดบังไว้จากเธอมาตลอด แล้วยังแกล้งทำเป็นเหมือนเดิมต่อหน้าเธอถ้าเธอไม่ค้นพบความจริงด้วยตัวเอง เขาจะเสแสร้งแกล้งทำไปอีกนานแค่ไหน?เห็นเธอทำท่าโง่ ๆ ใช้ภาษามือกับเขา ในใจลึก ๆ ของเขากำลังเยาะเย้ยเธออยู่หรือเปล่า?เขาทำเรื่อ
‘แปลกจัง ช่วงพักเที่ยงแบบนี้ ทำไมถึงไม่มีใครอยู่เลย?’หลินเซียงรู้สึกกระวนกระวายใจ สีหน้าตึงเครียดสุดขีด“หยุดนะ!”“ฉันเห็นบัตรพนักงานของผู้หญิงคนนั้นแล้ว เธอต้องเป็นคนของดีเคกรุ๊ปแน่!”“จับเธอไว้! เราต้องเรียกร้องความยุติธรรมให้ได้!”ผู้คนจำนวนมากวิ่งไล่ตามเธอมาอย่างดุเดือดหลินเซียงยิ่งร้อนรน วิ่งหนีไปทิศทางหนึ่ง แต่แล้วเท้าก็พลิกลง เธอเสียหลักล้มคะมำไปข้างหน้า พอกลับมาทรงตัวได้อย่างทุลักทุเล แต่วิ่งหนีต่อไปไม่ได้แล้วคนกลุ่มนั้นมีกันสิบกว่าคน กรูเข้ามาขวางทางหลินเซียงด้วยท่าทางก้าวร้าว“พวกคุณเป็นใคร?”หลินเซียงพยายามตั้งสติ ดวงตาอัลมอนด์คู่งามจ้องมองพวกเขาชายไว้หนวดเคราพูดว่า “หวังปิน น้องชายของฉันทำงานที่นี่ เกิดอุบัติเหตุทำให้เขาขาหัก ฉันเห็นเธอเป็นพนักงานของดีเคกรุ๊ป ดังนั้นไม่ว่ายังไงเธอก็ต้องให้คำอธิบายเรื่องนี้กับเรา!” หลินเซียงขมวดคิ้ว “น้องชายคุณบาดเจ็บ ฉันเข้าใจว่าคุณไม่พอใจ แต่เรื่องแบบนี้ควรมีคนจากทางบริษัทมาเจรจากับพวกคุณด้วยตัวเองสิ”หวังเฉียงโบกมือ “เจรจาอะไรกัน ไอ้หมอนั่นมาคนเดียว หน้าตาไม่รับแขก ควักเงินจ่ายค่าชดเชยให้ฉันไม่กี่แสน น้องชายฉันขาหักเลยนะ!
ดวงตาสีดำขลับของลู่สือเยี่ยนจ้องมองเธออยู่นาน ก่อนจะนั่งลงอีกครั้ง “ตอนแรกผมก็คิดจะทำแบบนั้น แต่พอเห็นคุณเป็นแบบนี้แล้ว ผมไม่ชอบรังแกคนป่วย”หลินเซียงกระตุกริมฝีปาก “ขอบคุณคุณลู่ที่อุตส่าห์มีน้ำใจ”คำขอบคุณจอมปลอมบทสนทนาจอมปลอมระหว่างคนทั้งสองเหมือนมีกำแพงใส ๆ กั้นอยู่ มองเห็นกันได้ จับต้องกันได้ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีความรู้สึกเหมือนก่อนหน้านี้ต่อไปอีกแล้วก่อนเมื่อวาน มันไม่เคยเป็นแบบนี้เลยทุกอย่างเริ่มต้นขึ้นหลังจากที่เธอเป็นฝ่ายพูดเรื่องหย่าออกมาก่อนอารมณ์ของลู่สือเยี่ยนหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก ยื่นมือไปขยับคลายปกเสื้อแล้วพูดว่า “ช่วงนี้ก็พักผ่อนให้เต็มที่ ให้คนอื่นมารับผิดชอบเรื่องโปรเจ็กต์แทนก่อน”หลินเซียงถาม “แบบนี้ถือว่าฉันได้รับบาดเจ็บในระหว่างการทำงานหรือเปล่า?”ลู่สือเยี่ยนมองเธอ ไม่ได้พูดอะไรหลินเซียงพูดต่อ “ถ้าได้รับบาดเจ็บจากการทำงานก็ต้องได้รับเงินค่าชดเชย ฉันไม่รังเกียจเงินไม่กี่แสนหรอกนะ คุณลู่คงรู้หมายเลขบัญชีของฉันดีอยู่แล้ว โอนเข้าบัญชีฉันได้เลยค่ะ”ลู่สือเยี่ยน “...”ผู้หญิงคนนี้หลังเสนอหย่า ก็กลายเป็นคนหมกมุ่นเรื่องเงินไปแล้วเหรอ?ก่อนหน้านี้เธ
หลินเซียงหลับตาลง ปวดหัวรุนแรงจนทนไม่ไหวข้างนอกฟ้ามืดแล้ว เธอหันไปมองนอกหน้าต่าง สายตาค่อย ๆ ว่างเปล่าความจริงแล้วมันไม่มีอะไรน่าสนใจเลยทันใดนั้น เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เธอหยิบขึ้นมาดู ดวงตาของเธอสว่างขึ้นทันที“ซ่งซ่ง!”“เฮ้! ว่าไงเพื่อนรัก ทายสิว่าฉันอยู่ที่ไหน?”ในโทรศัพท์ เสียงของหญิงสาวที่แหลมสูงเล็กน้อยดังเล็ดลอดออกมาหลินเซียง “อวิ๋นเฉิงเหรอ?”“ตอบถูกแล้วล่ะ ฉันอยู่ข้างล่างตึกเธอแล้ว รีบออกมาต้อนรับฉันเร็ว” ซ่งซ่งหัวเราะหลินเซียงพูดว่า “โถ่ เจ้าหญิงของฉัน คงไม่ได้หรอก ฉันบาดเจ็บในเวลางาน ตอนนี้แอดมิดอยู่ที่โรงพยาบาลน่ะ”ซ่งซ่ง “ส่งที่อยู่มาเดี๋ยวนี้เลย เร็วเข้า!”เมื่อได้ยินน้ำเสียงที่จริงจังของเธอ หลินเซียงก็อดขำไม่ได้ “เอาสิ”หลังจากส่งที่อยู่ไป ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ประตูห้องผู้ป่วยก็ถูกเปิดเข้ามา หญิงสาวหน้าเก๋สวยสะดุดตาคนหนึ่งรีบร้อนเดินเข้ามา“เซียงเซียง เกิดอะไรขึ้น? ทำไมถึงบาดเจ็บในระหว่างทำงานล่ะ? แล้วทำไมเธอถึงอยู่คนเดียว? สามีใบ้ของเธอไปไหนแล้ว?”ซ่งซ่งถามคำถามรัว ๆหลินเซียงรีบเอามือกุมศีรษะตัวเอง “โอ๊ย ค่อย ๆ ถามสิ ถามทีละหลาย ๆ อย่างแบบนี้ ฉันปวดหัว
ริมฝีปากของหลินเซียงเม้มเข้าหากัน เธอกดโทรหาซ่งซ่ง แต่ไม่มีใครรับสายพวกเธอเพิ่งแยกกันได้ไม่นาน อีกฝ่ายจะไปโผล่ที่อาคารเยว่ปินได้ยังไง?เมื่อนึกถึงคำพูดเมื่อคืน หลินเซียงก็เริ่มหายใจไม่ทั่วท้อง ไปแก้แค้นลู่สือเยี่ยน คนแบบเธอสามารถทำได้จริง ๆเธอไม่กล้าใช้เวลาคิดฟุ้งซ่านอะไรไปมากกว่านี้ รีบออกไปเรียกรถแท็กซี่ตรงไปที่อาคารเยว่ปินทันทีเธอเร่งฝีเท้าเดินเข้าไป เห็นว่าโถงทางเข้ารกไปหมด เศษแก้วกระจัดกระจายไปทั่ว เหมือนกับที่นี่เพิ่งถูกโจรบุกปล้น“ซ่งซ่งอยู่ที่ไหน?”หลินเซียงคว้าตัวพนักงานเสิร์ฟคนหนึ่งมาถามอย่างใจร้อนพนักงานเสิร์ฟชี้ไปที่ห้องส่วนตัวในโถงทางเดิน “อยู่ที่นั่นค่ะ”หลินเซียงรีบจ้ำอ้าวไปเปิดประตูห้องส่วนตัว เห็นซ่งซ่งถูกการ์ดสองคนจับตัวไว้ ใบหน้าที่สวยงามเต็มไปด้วยความโกรธ“ปล่อยฉันนะ!”เธอยังคงดิ้นรนไม่หยุดบนโซฟา สีหน้าของลู่สือเยี่ยนเข้มขรึม เสื้อเชิ้ตสีขาวเปื้อนเลือด ดวงตาดำขลับกำลังจ้อมเขม็งมองซ่งซ่งเหมือนมองคนตายแขนเสื้อข้างขวาของเขาพับทบขึ้นไปถึงข้อศอก มีรอยบาดแผลที่แขน เซี่ยหว่านนั่งอยู่ข้าง ๆ กำลังทำแผลให้เขารูม่านตาของหลินเซียงหดลงทันที รีบเดินเข้าไปผลักก
“ซ่งซ่งเป็นคนใจร้อน ถ้าเธอไปทำอะไรที่ทำให้คุณเจ็บช้ำ ฉันหวังว่าคุณจะไม่ถือสา รับรองได้ว่าหลังจากนี้เธอจะไม่ทำอีก”ดวงตาของซ่งซ่งแดงก่ำทันที “เซียงเซียง เธอจะไปขอโทษทำไม เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเธอเสียซะหน่อย!”แต่หลินเซียงไม่สนใจเธอ หันไปมองลู่สือเยี่ยน “ตอนนี้พอใจหรือยัง?”ใบหน้าของเธอซีดลงเล็กน้อย ดวงตาเป็นประกายวาววับเขากำลังบีบให้เธอยอมจำนนไม่ใช่เหรอ?ตอนนี้เธอทำตามความปรารถนาของเขาแล้วนี่ ยังไม่พออีกเหรอ?เธอนี่ตามืดบอดจริง ๆ เลยทำไมตอนนั้นถึงไม่ฟังคำเตือนของซ่งซ่งนะผลที่ได้จากการกระทำของตัวเองนั้นไม่น่าอภิรมย์เอาเสียเลยลู่สือเยี่ยนมองเธอด้วยดวงตาลึกล้ำ ในใจรู้สึกหงุดหงิด เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับเธอกันเล่า?ความเย็นยะเยือกแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายในเวลานี้เซี่ยหว่านพูดขึ้น “ฉันไม่เป็นไรค่ะ สือเยี่ยนต่างหากที่ได้รับบาดเจ็บ ฉันรู้ว่าคุณซ่งโกรธ แต่การทำร้ายร่างกายคนอื่นถือเป็นเรื่องผิดกฎหมาย หวังว่าวันข้างหน้าคุณซ่งจะไม่ทำแบบนี้อีก”เธอมองไปที่บอดี้การ์ดทั้งสอง “ปล่อยคุณซ่งเถอะ”บอดี้การ์ดทั้งสองปล่อยมือจากซ่งซ่งทันที“เซียงเซียง…”ซ่งซ่งมองไปที่หลินเซียงหลินเซียงพูดว่า “