นัยน์ตาเข้มบนใบหน้าหล่อเหลาของนิโคลัสเบิกกว้างเมื่อเห็นเช็คเงินสดที่คริสวางมันลงตรงหน้าเขา
“เนเน่บอกว่าที่เธอต้องมาเป็นพี่เลี้ยงโซอี้ก็เพราะว่าต้องทำงานใช้หนี้ให้กับพี่เธอบอกผมว่าเธอกู้เงินจากพี่มา 3 ล้านดอลลาร์เพื่อเอาไปรักษาเป็นค่าผ่าตัดน้องชายของเธอที่เกิดอุบัติเหตุ ผมรู้ว่าเงิน 3 ล้านดอลลาร์สำหรับพี่มันเป็นแค่เศษเงินเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่สำหรับเนเน่แล้วมันเป็นเงินมหาศาลที่เธอหาทั้งชีวิตก็คงจะใช้หนี้พี่ไม่หมด เพราะฉะนั้นผมก็จะขอใช้หนี้แทนเธอ พี่จะรับหรือไม่รับไว้ก็แล้วแต่ แต่ผมอยากให้พี่รู้ไว้ว่านี่คือสิ่งสุดท้ายที่ผมอยากจะทำเพื่อผู้หญิงที่ผมรักมากที่สุดในชีวิตซึ่งสำหรับพี่แล้วคงจะไม่เคยมีความรู้สึกแบบนี้กับผู้หญิงคนไหนหรอกใช่ไหมครับ ในเมื่อพี่ไม่เคยรู้จักมันด้วยซ้ำ...ความรักยังไงล่ะครับ!”
พูดจบเขาก็เดินออกไปอย่างเงียบ ๆ ปล่อยให้นิโคลัสยืนนิ่งอึ้งกับเหตุการณ์ที่เขาไม่นึกว่ามันจะบานปลายจนเป็นปัญหาใหญ่เสียแล้ว ตอนนี้เขาไม่ได้อยากรู้ว่าคลิปนั่นมาจากไหนเพราะในสมองของเขามีแต่ความสับสนวุ่นวาย เสียงอื้ออึงดังขึ้นในหัวใจ ที่สุดแล้วเขาต่างหากตกหลุมพรางที่ตัวเขาวางกับดักไว้ทำร้ายคนอื่น เขาจะรับเช็คเงินสด 3 ล้านดอลลาร์ที่คริสตั้งใจจะใช้หนี้แทนภิณไลย์ญาได้ยังไงในเมื่อตอนนี้สิ่งที่เขาต้องการจากเธอมันไม่ใช่ เงิน อีกแล้ว
ขณะนิโคลัสอยู่ในห้องของเขา ที่ด้านนอกในมุมมืดมุมหนึ่งลาริสาค่อย ๆ ก้าวออกมา ใบหน้าสวยเปรอะเปื้อนด้วยน้ำตา เมื่อครู่ที่สองพี่น้องโต้เถียงกันอย่างเผ็ดร้อนไม่มีใครรู้เลยว่าเสียงการสนทนาอันชัดเจนนั้นมีใครอีกคนที่มายืนแอบฟังอยู่ที่บานประตูซึ่งมันแง้มอยู่ เธอได้ยินทุกคำพูดที่มันทิ่มแทงความรู้สึก คริสยังรักผู้หญิงคนนั้นถึงขนาดทุ่มเงินนับล้านใช้หนี้ให้พี่ชาย ไม่ต่างจากการซื้อตัวแม่พริตตี้สาวจากเจ้าหนี้แม้แต่น้อย ยิ่งคิดยิ่งเสียใจ ลาริสาค่อย ๆ ถอยหลังกลับไป เธอไม่อาจทานทนได้กับเรื่องบ้า ๆ ที่ต้องมารับรู้ด้วยความเจ็บช้ำนี้อีกแล้ว
ภิณไลย์ญาต้องสะดุ้งตกใจขณะกำลังจะเข้านอนเมื่อเสียงโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่ข้างเตียงดังขึ้นเธอหยิบมันขึ้นมาแล้วมาเห็นว่าสายเรียกเข้าเป็นใครก็รีบรับในทันใด
“ฮัลโหล...แม่เหรอคะ”
“เนเน่เป็นยังไงบ้างล่ะลูก นี่ลูกน่ะไม่ได้โทรมาหาแม่เป็นเดือนแล้วนะ แม่เป็นห่วงรู้ไหม”
“ขอโทษทีค่ะแม่พอดีว่างานของหนูมันเยอะและก็รัดตัวมาก นี่หนูก็เพิ่งจบงานที่มอเตอร์โชว์ครั้งล่าสุดนะคะ แม่ไม่ต้องเป็นกังวลไปหรอกค่ะหนูสบายดี”
“แล้วเมื่อไหร่หนูจะกลับบ้านล่ะ แม่คิดถึงลูกแล้วนะนี่แม่คิดอยู่ทุกวันเลยว่าถ้าหนูกลับมาแม่จะทำคุกกี้อร่อย ๆ ไว้เอาไว้ให้หนูคุกกี้ที่หนูชอบยังไงล่ะจ๊ะ”
คำพูดของมารดาทำให้ภิณไลย์ญาแทบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ทำไมเธอจะไม่คิดถึงบ้าน เธออยากกลับไปหาแม่ใจแทบขาดหากไม่ติดพันธะสัญญาที่เป็นเหมือนโซ่ตรวนใหญ่พันธนาการทั้งชีวิตและวิญญาณของเธอเอาไว้ กับคนเลือดเย็นอย่างนิโคลัส ซาเวียร์ เธอพยายามบังคับน้ำเสียงให้เป็นปกติขณะตอบกลับไปว่า
“เดี๋ยวหนูจะเซ็ตเวลาแล้วก็คุยกับเอเจนซี่ว่าจะขอกลับบ้านไปหาแม่สักวันสองวันนะคะ แม่ก็ไม่ต้องเป็นห่วงด้วยค่ะหนูสบายดี ถ้าหนูกลับไปเมื่อไหร่ก็จะรีบไปหาแม่ไปกินคุกกี้ของแม่นะคะ”
“อ้อ...แล้วพิชญ์ล่ะลูก น้องอาการเป็นยังไงบ้าง แม่ไปเยี่ยมพิชย์ที่โรงพยาบาลแต่คุณหมอบอกว่ายังงดให้ญาติเข้าเยี่ยม แม่ก็เลยได้แต่รออยู่ที่บ้านฟังข่าวจากโรงพยาบาลนี่ล่ะ”
“หนูก็แวะไปมาแล้วนะคะแม่ หมอบอกว่าน้องอาการพ้นขีดอันตรายแล้ว ตอนนี้ดีขึ้นมากค่ะเพียงแต่ต้องดูแลอาการอย่างใกล้ชิด”
“ที่พิชญ์เข้ารับการรักษาครั้งนี้ค่าใช้จ่ายสูงมาก ๆ เลยนะลูกมีเงินพอจ่ายค่าหมออย่างนั้นเหรอ”
“พอค่ะแม่ เพราะช่วงนี้หนูรับงานจนแทบไม่ได้พักผ่อนเลย แม่ไม่ต้องกังวลหรอกนะคะเกี่ยวกับเรื่องของค่ารักษาพยาบาลหนูเคลียร์ให้ทุกสิ่งทุกอย่างเรียบร้อยดีทั้งหมดแล้วล่ะค่ะ”
“แต่แม่ก็ยังเป็นห่วงอยู่ดีค่าใช้จ่ายสูงมากขนาดนั้นน่ะแล้วคิดดูซิว่าน้องอยู่ในโรงพยาบาลนานเป็นเดือน ๆ แล้ว ไหนจะค่าผ่าตัดค่าดูแลรักษาหลังจากผ่าตัดอีกล่ะ”
“แม่ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกค่ะ หนูจัดการทุกอย่างได้ ถ้ายังไงหนูกลับไปเมื่อไหร่ก็จะโทรบอกแม่อีกครั้งนะคะ”
“ถ้าจะบอกว่าแม่ไม่ห่วงก็คงจะพูดแบบนั้นไม่ได้ ใจจริงแล้วแม่ไม่ได้อยากให้ลูกต้องไประหกระเหินทำงานในที่ไกล ๆ เลยแต่ทั้งภาระค่าใช้จ่ายในครอบครัวและยังจะน้องอีกแม่เองก็ไม่รู้ว่าจะช่วยลูกของแม่ได้ยังไง เนเน่ต้องดูแลรักษาตัวเองด้วยนะลูก แม่เป็นห่วงและรักลูกเสมอ”
คำพูดทิ้งท้ายของมารดาทำให้ภิณไลย์ญาถึงกับน้ำตาซึมเธอวางสายแต่ยังกุมโทรศัพท์มือถือไว้ในมือ รู้สึกร้อนผะผ่าวรอบดวงตา แล้วน้ำหยดเล็ก ๆ ก็ค่อย ๆ ถั่งออกมาจากตาคู่สวย เธอเองก็คิดถึงบ้าน คิดถึงแม่ที่ตอนนี้ต้องอยู่คนเดียวเพียงลำพัง เธอรู้ดีว่าแม่เป็นห่วงและมีความกังวลเรื่องของลูกชายคนเล็กมากแค่ไหน ถ้าเลือกได้เธอก็อยากมีเงินมากเพียงพอที่จะนำพาครอบครัวให้พ้นจากวิกฤตที่เกิดขึ้น แต่สิ่งที่เธอทำได้ตอนนี้ก็คือต้องก้มหน้ายอมรับโชคชะตาและคิดว่าเธอได้ทำในสิ่งที่ดีที่สุดแล้วเพื่อครอบครัว แต่แล้วความคิดอันวุ่นวายกลับถูกรบกวนด้วยบางสิ่งบางอย่างเมื่อเธอเริ่มรู้สึกวิงเวียนศีรษะขึ้นมาอีก หลังจากมื้อเย็นที่ภิณไลย์ญาไม่ได้อยากกินเหมือนดังเช่นปกติและหลายวันมานี้เธอมีอาการแปลก ๆ นั่นคือผะอีดผะอมเมื่อถึงเวลาอาหาร บ่อยครั้งเธอมึนหัวจนต้องนั่งพักและอยากนอน หากไม่ติดว่าต้องคอยดูแลโซอี้เธอก็อยากหลับยาว ๆ ทั้งวัน ไม่เคยขี้เกียจมากขนาดนี้มาก่อน แถมยังเหม็นเบื่ออาหารที่ชอบ หรือว่าเธอคิดมากเรื่องน้องชายจนทำให้พักผ่อนน้อย มันอาจเป็นอาการที่มีผลพวงจากความกังวลกระมัง ขณะที่กำลังนั่งคิดเรื่องอาการแปลก ๆ ของตัวเองอยู่นั้นภิ
“ฉันไม่รู้”“ผมจะเชื่อว่าคุณไม่รู้ทั้ง ๆ ที่บางทีคุณอาจจะแกล้งทำเป็นไม่รู้ก็ได้ว่าเจ้าของเช็คเงิน 3 ล้านดอลลาร์ก็คือคริสน้องชายของผมที่มันใจป้ำอยากจะช่วยเหลือให้คุณพ้นจากสภาพการเป็นลูกหนี้ของผมด้วยการช่วยปลดหนี้ผู้หญิงที่มันเคยรักมากที่สุดยังไงล่ะ!”คำตอบของนิโคลัสทำให้นัยน์ตางามเบิกกว้าง มันเป็นสิ่งที่ทำให้พิไลยาทั้งตกใจ ประหลาดใจและแปลกใจจนพูดแทบไม่ออก“ว่ายังไงนะคะ...คริสเป็นเจ้าของเช็คเงินสด 3 ล้านดอลลาร์ คริสให้มันกับคุณอย่างนั้นเหรอคะ”“ใช่...ก็ผมบอกแล้วไงว่ามันอยากจะใช้หนี้แทนคุณ ก็คุณบอกมันเองไม่ใช่เหรอว่าเป็นหนี้ผม ต้องกู้เงินจากผมและพอใช้หนี้ไม่ได้ก็เลยต้องมาเป็นพี่เลี้ยงให้กับโซอี้ คริสมันคงสงสารหรือไม่มันอาจจะเผลอตกหลุมพรางที่คุณเอาเสน่ห์ไปหว่านให้มันตั้งแต่เข้ามาอยู่ที่นี่อีกครั้ง คุณนีมันเสน่ห์แรงจริง ๆ นะเนเน่ไหนบอกว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับมันเพราะว่าคริสแต่งงานมีครอบครัวแล้ว คุณบอกเองไม่ใช่เหรอว่ามีศีลธรรมมากพอที่จะไม่ทำให้ครอบครัวคนอื่นแตกแยก แต่สำหรับผมแล้วคำพูดของคุณมันหลอกลวงทั้งเพ!”“คุณอยากจะพูดอะไรก็พูดไปเถอะค่ะ แต่สิ่งที่ฉันรู้อยู่แก่ใจก็คือฉันไม่รู้เรื่องที่คริสเอ
“แต่อิสรภาพของฉันมีเงินเป็นเดิมพัน คุณต้องการเงินไม่ใช่เหรอนิค คุณเคยพูดว่าคุณไม่เคยรักใคร คุณใช้แต่เงินซื้อทุกอย่างแล้วอะไรที่คุณคิดว่าใช้เงินซื้อไม่ได้ล่ะ”“ความพอใจของผมไง!” เขาคำรามและทำให้ภิณไลย์ญาถึงกับสะอึก เธอคับแค้นจนจิกปลายเล็บลงบนต้นแขนของเขาแต่นิโคลัสกลับไม่สะท้าน เขาหยัดยิ้มหยัน“ผมซื้อทุกอย่างได้แต่ใครหน้าไหนจะมาซื้อความพอใจของผมไม่ได้ น้องชายของผมมันโง่ มันคิดว่าถ้าเอาเงินมาให้แล้วคุณก็จะได้หมดหนี้เสียที แต่...เสียใจนะ...ผมจะไม่มีวันปล่อยคุณไป บอกแล้วยังไงว่าสัญญาระหว่างผมกับคุณมีผมเท่านั้นที่มีสิทธิ์ตัดสินใจว่าจะให้คุณเป็นอิสระหรือจะให้คุณเป็นทาสผมตลอดชีวิต”“นิค...อย่า!” ภิณไลย์ญาตะเบ็งเสียงแต่ไม่มีอะไรหยุดยั้งความหยาบร้ายของนิโคลัสได้ เขาโหมตัวเข้าหา ใช้กำลังแข็งแกร่งกว่ากดเธอไว้ใต้ร่าง เสียงร้องไห้ราวกับระเหิดหายไปในอากาศ เขายัดเยียดความเจ็บปวดให้เธอราวกับตอกหมุดทรมานลงบนร่างกายและวิญญาณของหญิงสาว ภิณไลย์ญาอ่อนแรงกำลังลงในที่สุด ปล่อยให้เขาครอบครองและรองรับอารมณ์ร้อนราวคลื่นคลั่งของเขาด้วยความจำนน เธอไม่อยากรับรู้อะไรอีกต่อไป ไม่ว่าเขาจะทรมานเธอด้วยวิธีการไหนมันก็เก
ลาริสาทิ้งน้ำเสียงหนักหน่วงในตอนท้ายและเป็นคำพูดที่ทำให้ภิณไลย์ญาตกใจ เธอผงะนิ่งทั้งร้อนผ่าวไปหมดบนแก้มเนียนที่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นซีดเซียวลงกว่าเดิม ดวงตาคู่นั้นรื้นน้ำขึ้นมา มันแดงก่ำอย่างเห็นได้ชัด แทบไม่มีคำพูดใดหลุดออกมาจากปากระริกสั่นที่แม้เคลือบหลอสสีชมพูแวววาวหากทว่ามันก็ดูซูบเซียวอย่างน่าใจหาย เธอกำลังจะอ้าปากพูดแต่ก็ไม่ทันอีกฝ่ายที่ชิงพูดขึ้นว่า“คุณไม่ต้องปฏิเสธหรือหาข้อแก้ตัวหรอกนะเนเน่ ฉันจะบอกให้ว่าเรื่องของคุณกับนิโคลัส ให้คุณบอกว่ามันไม่เป็นความจริงแต่คุณคงปฏิเสธว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในคลิปวีดีโอที่ฉันบันทึกไว้เนี่ย มันไม่เป็นเรื่องจริงไม่ได้แน่ ๆ!”บทที่ 27คราวนี้ลาริสาชูโทรศัพท์มือถือของเธอขึ้นทำให้ภิณไลย์ญาเห็นภาพของเธอและนิโคลัสในคลิปวีดีโอที่ถูกบันทึกเอาไว้มันทำให้เธอยิ่งตกใจและถึงกับเซไปข้างหลัง ลาลิสายิ้มเหยียดอย่างผู้ถือไพ่เหนือกว่า ถึงอย่างนั้นแล้วเธอก็ไม่สามารถเก็บกดความเคียดแค้นที่มันอัดแน่นอยู่ในหัวใจ เธอก้าวเข้าไปหาและหยุดตรงหน้าภิณไลย์ญาที่จ้องมองคลิปวีดีโอในโทรศัพท์มือถือจนกระทั่งคลิปนั้นหยุดลง“คุณลาริสา....เอ้อ...”“เนเน่...ฉันเพิ่งรู้ประวัติของคุณเมื่อไม่นา
ทุกคำพูดของลาริสาเหมือนมีดเสียดแทงลึกเข้าไปในความรู้สึกของภิณไลย์ญา เธอพยายามทรงตัวลุกขึ้นยืนเพื่อเผชิญหน้ากับภรรยาของคริสที่ตอนนี้กำลังเข้าใจผิดอย่างใหญ่หลวง ลาริสารู้ทุกอย่างแต่ไม่รู้ถึงความคิดอันแท้จริงของเธอและเธอต้องพยายามบอกให้น้องสะใภ้ของนิโคลัสได้รับรู้ว่ามันไม่ได้เป็นอย่างที่เข้าใจแม้แต่น้อย ภิณไลย์ญารวบรวมกำลังใจพูดออกไปว่า“เรื่องนี้ฉันไม่รู้เลย แต่ฉันก็ยอมรับว่าบางทีเขาอาจจะหวังดีต้องการช่วยเหลือคนที่เคยมีความรู้สึกที่ดีต่อกัน แต่ฉันขอยืนยันนะว่าไม่เคยไปร้องขอให้คริสมาช่วยล้างหนี้ให้ ขอให้คุณเข้าใจด้วยเถอะค่ะคุณลาริสาว่าฉันไม่เคยมีเจตนาที่จะทำให้ความรักของคุณทั้งสองต้องพังทลาย”“โกหก! เธอน่ะมันหน้าด้านที่สุดเลยเนเน่!”สิ้นเสียงนั้นลลิสาก็ตวัดฝ่ามือลงบนแก้มของภิณไลย์ญาจนทำให้อีกฝ่ายเสียหลักและเซล้มลงไปบนพื้นอีกครั้งแต่คราวนี้ภิณไลย์ญาถึงกับหมดแรงและนอนฟุบอยู่กับพื้น เธอพยายามทรงตัวลุกขึ้นขณะที่ลาริสาปรี่เข้าไปกระชากไหล่ของเธอก่อนจะเงื้อมือขึ้นหวังจะฟาดฝ่ามือซ้ำลงบนใบหน้าซีดเซียวนั้นอีกครั้งแต่แล้วต้องชะงักเมื่อจู่ ๆ ก็มีเสียงกรีดร้องเล็ก ๆ ดังขึ้น“คุณน้าลาลิสาอย่าทำอะไรคุณ
“เกิดอะไรขึ้นลาริสา แล้วนี่เนเน่เป็นอะไร”“คุณไม่ต้องไปช่วยหล่อนหรอก!”ลาริสายื้อแขนของคริสขณะที่เขากำลังจะก้าวไปหาภิณไลย์ญาที่นอนฟุบกับพื้นโดยมีโซอี้เข้าไปนั่งกอดด้วยความเป็นห่วง หนูน้อยหันมาบอกเขาว่า“คุณอาคริสขา คุณน้าเนเน่ไม่รู้เป็นอะไรค่ะ ไม่มีแรงจะขยับตัว ช่วยคุณน้าเนเน่ด้วยค่ะ”“นี่มันเกิดอะไรขึ้น แล้วทำไมเนเน่ถึงได้เป็นแบบนี้ ลาริสาคุณทำอะไรเธอ”คริสหันไปถามลาลิสาที่ยืนเม้มปากแน่น เธอบอกเขาว่า“ก็คุณเนเน่คุย ๆ อยู่กับฉันแล้วก็ล้มลงไปนั่งแบบนั้น ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเธอเป็นอะไร”“ไม่จริงค่ะคุณอาคริสขา คุณน้าลาริสาผลักคุณน้าเนเน่จนล้มลงแล้วเป็นแบบนี้ค่ะ”โซอี้พูดออกมาด้วยเสียงสั่นเครือและทำให้คริสตกใจ เขาสะบัดแขนจากการเกาะกุมของลาริสาทันใดแล้วรีบวิ่งเข้าไปช่วยประคองร่างของภิณไลย์ญา ท่าทางของเธอเหมือนคนไร้เรี่ยวแรงเสียงหอบหายใจของเธอทำให้เขาทั้งตกใจและเป็นห่วง“โซอี้ หนูรีบวิ่งไปบอกป้าเจนนี่นะว่าให้เรียกรถพยาบาลมารับคุณน้าเนเน่ตอนนี้เลย”โซอี้พยักหน้าก่อนรีบวิ่งกลับเข้าไปในบ้าน ขณะนั้นคริสประครองร่างของภิณไลย์ญาไว้ในอ้อมแขนซึ่งเป็นภาพบาดตาสำหรับลาริสา เธอแทบทนไม่ไหวและร้องกรี๊ด
“ผมเกรงว่าจะยังติดต่อไม่ได้ครับ...เอ่อ...พอดีว่าสามีของเธอไม่ได้อยู่ที่นี่ครับ แล้ว...มีความจำเป็นที่จะต้องให้สามีของเธอมาที่โรงพยาบาลตอนนี้หรือเปล่าครับ”“อ๋อ...เปล่าหรอกค่ะ เพียงแต่หมอน่ะเห็นว่าคนไข้กำลังอยู่ในสภาวะที่อ่อนแอในช่วงของการตั้งครรภ์ไตรมาสแรกก็เลยคิดว่าบางทีถ้าสามีของเธอได้มาคอยดูแลก็จะเป็นกำลังใจและทำให้เธอแข็งแรงขึ้นเร็วกว่านี้นะคะ แต่ถ้าไม่สามารถที่จะติดต่อสามีของเธอได้ในตอนนี้หมอก็อยากจะให้เธอนอนพักอยู่ที่โรงพยาบาลเพื่อดูอาการอีกสัก 2-3 วันก่อนจะให้เธอกลับบ้าน ไม่ทราบว่าคุณคริสซึ่งตอนนี้เราถือว่าเป็นญาติของคนไข้จะว่ายังไงบ้างคะ”“ให้อยู่ที่การตัดสินใจของคุณหมอจะดีกว่าครับเพราะว่าผมเองก็ไม่เคยมีประสบการณ์กับเรื่องแบบนี้และคิดว่าการตัดสินใจของคุณหมอคงจะเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดครับ”“โอเคค่ะ ถ้าอย่างนั้นหมอจะให้เธอนอนพักผ่อนที่โรงพยาบาลอีกสัก 2-3 วันแล้วถึงอนุญาตให้กลับได้นะคะ”“ขอบคุณมากครับคุณหมอ”คริสกล่าวก่อนออกจากห้องนั้น พอเขาก้าวออกมาก็พบว่าโซอี้ยืนรออยู่ก่อนแล้ว“อาคริสขา...คุณหมอว่าไงบ้างคะ?”“คุณหมอให้น้าเนเน่พักอยู่ที่นี่อีกสองสามวันจ้ะ”“อ้าว...ทำไมคุณหมอไ
“ได้ค่ะ คุณคริส ดิฉันจะพาคุณหนูโซอี้ไปอาบน้ำแล้วก็ให้กินมื้อเย็นเลยก็แล้วกันนะคะ”“ป้าเจนนี่ขาเดี๋ยวก่อนค่ะ”โซอี้รั้งแขนของแม่บ้านวัยกลางคนให้ต้องหยุดชะงัก ป้าเจนนี่จึงถามว่า“มีอะไรเหรอคะคุณหนูโซอี้”“อาบน้ำกินมื้อเย็นเสร็จแล้ว ป้าเจนนี่พาหนูไปที่ห้องของคุณน้าเนเน่หน่อยได้ไหมคะ”“คุณหนูโซอี้จะทำอะไรหรอคะ”“หนูจะไปจัดห้องเอาไว้ให้คุณน้าเนเน่ค่ะ”“ว่ายังไงนะคะ จัดห้องอย่างนั้นเหรอคะ”“ใช่แล้วล่ะค่ะ ป้าเจนนี่ช่วยเตรียมผ้าปูที่นอนใหม่แล้วก็ปลอกหมอนใบใหม่เอาไว้ให้หนูด้วยนะคะ หนูจะไปจัดที่นอนเอาไว้รอคุณน้าเนเน่กลับมาค่ะ”“โถ...แม่คุณน่าเอ็นดูจริง ๆ คงคิดถึงคุณน้าเนเน่มากสินะคะ คุณน้าน่ะก็แค่ไปนอนโรงพยาบาล 2-3 วันเองนะคะเดี๋ยวก็กลับมาแล้ว”“ไม่ได้หรอกค่ะ คุณน้าเนเน่น่ะไม่ได้กลับมาที่ห้องเดี๋ยวจะมีฝุ่นบนที่นอน หนูกลัวว่าจะทำให้คุณน้าเนเน่ไม่สบายอีกนะคะ...อาคริสขา”“ มีอะไรเหรอโซอี้”คริสก้าวเข้ามาหยุดตรงหน้าเด็กหญิงเมื่อโซอี้หันไปเรียกเขา หนูน้อยจับมือของเขาเอาไว้และทำท่ากวักมือให้เขาโน้มตัวลงไปใกล้ก่อนที่เธอจะพูดว่า“คุณอาคริสขา พอคุณน้าเนเน่กลับมาคุณอาคริสช่วยบอกคุณน้าลาริสาด้วยนะคะว่าอย่
นิโคลัสหยิบอะไรบางอย่างจากกระเป๋าเสื้อของเขาด้วยมือข้างหนึ่ง มันเป็นกล่องกำมะหยี่สีชมพูเล็ก ๆ และเมื่อเขาเปิดมันออกก็ทำให้เป็นภิณไลย์ญาดวงตาเบิกกว้างเพราะภายในนั้นเป็นแหวนแพลตตินัมประดับเพชรแม้เม็ดไม่ใหญ่แต่ประกายของมันก็ล้อเล่นกับแสงแดดอุ่นที่สาดส่องลงมาอาบไล้ เขาบรรจงหยิบมันและสวมลงบนนิ้วนางข้างซ้ายของภิณไลย์ญาก่อนที่เขาจะก้มหน้าลงไปประทับริมฝีปากของเขาบนเรือนแหวนที่อยู่บนนิ้วของเธอหญิงสาวมองดูราวกับไม่อยากเชื่อสายตา นิโคลัสเงยหน้าขึ้นและเอ่ยว่า“คริสเคยบอกผมเหมือนกันว่าคนอย่างผมคิดถึงแต่ตัวเองและเห็นค่าของเงินเป็นใหญ่ ผมไม่เคยคิดถึงใคร แต่ตอนนี้ผมอยากพิสูจน์ให้น้องชายของผมได้เห็นว่าผมได้เปลี่ยนแปลงตัวเองไม่ได้เป็นเหมือนอย่างที่เขาเคยว่าเอาไว้ ผมอาจจะเลวร้ายกับคุณมาก่อนแต่คนเราก็สามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้นี่ไม่ใช่เหรอ คุณอาจไม่ต้องอภัยให้ผมวันนี้ มันอาจต้องใช้เวลาเป็นเดือนหรือเป็นปี ว่าแต่คุณจะยินยอมให้โอกาสนั้นกับผมไหม”“บอกแล้วไงคะว่าฉันต่ำต้อยมากเกินไป คนที่ต้องขอร้องโอกาสคุณเป็นฉันมากกว่าที่จะร้องขอจากคุณ”“ผมจะไม่ให้คุณร้องขออะไร แต่เป็นผมที่จะต้องขอร้องคุณ”นิโคลัสทรุดตัวลงนั่
“แต่ฉันยังเป็นหนี้คุณนะคะนิค ฉันเป็นหนี้คุณตั้ง 3 ล้านดอลลาร์ ฉันจะพยายามหามันมาใช้คุณ”“ลืมเรื่องนั้นไปเถอะนะ รู้หรือเปล่าว่าจริง ๆ ผมลืมมันไปตั้งนานแล้ว”“ฉันรู้ค่ะนิคว่าเงินสำคัญสำหรับคุณเสมอและไม่ใช่สิ่งที่คุณจะลืมมันได้ง่าย ๆ”“อยากรู้ไหมว่าผมลืมมันไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมลืมมันไปตั้งแต่ที่คุณเป็นของผมครั้งแรก”เธอเม้มปากแน่นน้ำตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว“คุณคงอยากให้ฉันดีใจ คุณคงแค่อยากจะปลอบใจฉัน”“เปล่าเลย...นี่เป็นคำสารภาพแบบโง่ ๆ ของคนที่ไม่เคยมีและไม่เคยเห็นค่าในความรักอย่างผม แม้แต่จะพูดคำนี้ก็ยังไม่เคย ผมได้แต่ภาวนาขอให้คุณเข้าใจ”“ฉันเข้าใจว่าคุณไม่เคยรักใครไม่เคยจริงจัง”“ผมอาจจะไม่เคยรักใครอย่างที่คุณว่าแต่ผมไม่เคยหลอกผู้หญิงเล่น ๆ และคุณก็เป็นคนแรกที่ทำให้ผมได้เห็นคุณค่าของความรักจากที่ผมรู้จักแต่งการใช้เงิน รู้ไหมว่าตอนที่คริสต์อยากจะใช้หนี้แทนคุณมันทำให้ผมโกรธมาก ผมรู้ว่าผมกำลังหึงคุณและคิดบ้าๆ ว่าคริสมันคงอยากได้คุณกลับคืนไป ผมลืมไปว่าสัมพันธภาพอันยิ่งใหญ่ระหว่างผู้ชายกับผู้หญิงมันไม่ได้มีแค่เรื่องนั้น แต่มันหมายถึงความรักและความหวังดี คริสหวังดีกับคุณมากกว่าที่จะรู้สึกรั
“ผมยอมรับนะว่าตอนแรกตกใจมากที่รู้เรื่องระหว่างคุณกับนิคแต่มันก็ทำให้ผมมาคิดได้ในหลาย ๆ เรื่องว่าที่ผ่านมาหลาย ๆ เหตุการณ์และเรื่องแย่ ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตของผมมันก็ล้วนเกิดขึ้นมาจากตัวผมเองและคนที่เข้ามาคอยจัดการให้ผมทุกสิ่งทุกอย่างก็คือพี่ชายของผม บางทีถ้าเราสองคนยังรักกันมันก็อาจจะทำให้ผมไม่ได้คิดถึงสิ่งสวยงามที่สุดที่ผมทอดทิ้งไปนานนั่นก็คือโซอี้ ถึงแม้ว่าผมจะต้องเลิกกับลาลิสาแต่มันก็ทำให้ผมคิดได้ว่าสิ่งสำคัญที่สุดก็คือความรับผิดชอบและมันทำให้ได้มองเห็นตัวเอง มองเห็นความจริงว่าถ้าหากผมยังไม่กล้าคิดและตัดสินใจคงจะไม่มีวันค้นพบว่าต้องจัดการชีวิตตัวเองยังไงบ้างการไปอยู่ฝรั่งเศสมันเกิดจากการเลือกของผมเองและนิคก็ไม่ปฏิเสธที่จะให้โซอี้ไปอยู่กับผมเพราะอย่างน้อยที่สุดเขาก็ยังมีคุณกับชีวิตเล็ก ๆ”“ฉันกับเขาไม่คู่ควรกัน เหมือนที่เขามองฉันกับคุณว่าไม่คู่ควร ฉันต่ำต้อยเหลือเกินค่ะคริส ฉันคิดว่า...”“ว่าไงล่ะคริส...จะไปกันแล้วเหรอ?”เสียงทุ้มห้าวที่ดังขึ้นขัดจังหวะการสนทนาของคริสและภิณไลย์ญาแต่โซอี้กลับกระโดดลงจากโซฟาแล้ววิ่งเข้าไปหาเจ้าของเสียงทรงอำนาจนั้น นิโคลัสช้อนร่างเด็กน้อยขึ้นอุ้มและจูบแ
“คุณอาคริสจะพาหนูไปฝรั่งเศสค่ะ”โซอี้เป็นฝ่ายตอบขณะที่นั่งอยู่บนตักของคริส เขาโอบกอดหนูน้อยเอาไว้และจูบแก้มยุ้ยเบาๆแสดงความรักความห่วงใยพร้อมกันนั้นก็มีรอยยิ้มบนใบหน้าหล่อเหลา“ผมจะมารับโซอี้ไปฝรั่งเศสวันนี้ นี่ก็ให้คนของผมจัดกระเป๋ากับของใช้เรียบร้อยแล้ว พวกเขารอผมอยู่ที่สนามบิน”กล่าวจบเขาก็จับเด็กหญิงให้เลื่อนลงจากตักและนั่งบนโซฟา เขาลุกขึ้นและก้าวเข้าไปหาภิณไลย์ญาซึ่งตอนนี้เธออยู่ในชุดนอนสวมทับด้วยเสื้อคลุมผ้าไหมสีละมุนตา คริสหยุดยืนตรงหน้าเธอ รอยยิ้มจางผุดขึ้นบนมุมปากได้รูป“เป็นยังไงบ้าง คุณสบายดีแล้วใช่ไหม?”“ฉันสบายดีค่ะ ว่าแต่คุณเถอะค่ะ คุณจะไปฝรั่งเศสแล้วจะพาโซอี้ไปด้วยเหรอคะ”“ใช่...ผมจะไปอยู่ที่ฝรั่งเศสและรับตำแหน่ง CEO ของบริษัทในเครือของซาเวียร์กรุ๊ปที่นั่น”“คุณลาริสาไปด้วยใช่ไหมคะ พวกคุณเข้าใจกันแล้วใช่ไหมคะ”เขาส่ายหน้าและตอบว่า “ผมหย่ากับลาลิสาแล้ว เราเพิ่งหย่ากันเมื่อสัปดาห์ที่แล้วนี่เอง”“ว่ายังไงนะคะ! คุณหย่ากับลาริสา...คุณพระ...เธอคงโกรธเรื่องของฉันอย่างนั้นสินะคะ ฉันต้องขอโทษด้วยค่ะคริส ฉันไม่ตั้งใจที่จะทำให้ครอบครัวของคุณต้องแตกหักกันอย่างนี้เลย”เขาส่ายหน้าอีก
“คุณน้าเนเน่นอนพักผ่อนก่อนนะคะ เดี๋ยวหนูจะเช็ดตัวให้คุณน้านะคะ”โซอี้กระวีกระวาดทำเหมือนผู้ใหญ่ไม่มีผิด เด็กหญิงวิ่งออกไปจากห้องนั้นนิโคลัสจึงหันมาทางภิณไลย์ญาที่นอนบนเตียงโดยมีเขานั่งอยู่ข้าง ๆ“ผมรู้ว่าคุณไม่สบายและต้องการพักผ่อน”“ใช่...ฉันต้องการพักผ่อนแต่เป็นบ้านของฉันไม่ใช่ที่นี่ ฉันอยากกลับบ้าน ถ้าคุณไม่ว่างไปส่งฉันก็เรียกคนขับรถของคุณให้พาฉันไปส่งก็ได้ค่ะนิค”“วันนี้คนของผมไม่มีใครว่างหรอกนะ”“ฉันไม่เชื่อ คุณโกหก คุณอยากจะกักตัวฉันไว้ที่นี่ หรือว่าถ้าคุณอยากจะให้ฉันอยู่ที่นี่ก็ให้ฉันกลับไปที่บ้านก่อนแล้วฉันจะบอกแม่ฉันว่าฉันต้องออกมาทำงานท่านจะได้เข้าใจจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงฉัน”“ท่านไม่เป็นห่วงคุณหรอกนะ ท่านรู้ว่าคุณอยู่กับโซอี้และผมก็อยากจะขอร้องให้คุณอยู่กับแกที่นี่คืนนี้”“ด้วยเหตุผลอะไรกันคะ ได้โปรดเถอะค่ะ คุณไม่ควรจะใช้คำว่าขอร้องกับฉันเพราะนี่เป็นการบังคับ”“OK… ถ้าคุณอยากจะกลับก็ได้แต่โซอี้จะรู้สึกยังไงในเมื่อแกคิดว่าคุณไม่สบายและแกก็ตั้งใจที่จะดูแลคุณ ถ้าคุณกลับไปมันก็เหมือนเป็นการทำร้ายจิตใจแก”“คุณกำลังสร้างเงื่อนไขและกำลังกดดันฉันอยู่นะคะ”“ผมพูดความจริงต่างหากและมันก
“ คุณคิดแบบนั้นเหรอเนเน่”“ ใช่ค่ะ...และฉันก็คิดถูกใช่ไหมคะ ฉันพูดถูกทุกอย่าง ไม่ต้องห่วงหรอกนะคะ คุณจะไม่สูญเสียผลประโยชน์ใด ๆ ทั้งสิ้นเพราะฉันจะไม่ผิดสัญญาเรื่องที่จะหาเงินมาชดใช้ให้คุณ”“ผมรู้ว่าคุณจะไม่ผิดสัญญาแต่คุณก็ผิดคำพูดกับผม ““แล้วคุณจะให้ฉันทำยังไง จะให้ฉันทำยังไงคะนิค ฉันไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงต่อไปแล้ว”ภิณไลย์ญาเผลอร้องไห้ออกมาและทรุดตัวลงนั่งบนพื้นห้องน้ำ เธอกอดเข่าแล้วร้องไห้อย่างคนสิ้นหวัง ตอนนี้หัวใจของเธอแหลกสลายทั้งจากความผิดหวังและร่างกายที่ยิ่งนับวันยิ่งอ่อนแอ เธอดูเหมือนคนสิ้นไร้ไม้ตอกและถึงทางตันของชีวิต นิโคลัสทรุดตัวลงนั่งคุกเข่าตรงหน้าเธอ จ้องมองร่างเล็กที่ก้มหน้าร้องไห้เหมือนแทบขาดใจแต่ภิณไลย์ญาก็ไม่ส่งเสียงออกมาดัง ๆ เธอกดเก็บตัวเองไว้เพราะกลัวโซอี้จะได้ยินแต่ในเวลานี้เธอช่างดูอ่อนแอและเป็นภาพที่ฉุดรั้งความรู้สึกของนิโคลัสให้ยิ่งดำดิ่ง เขารู้ตัวดีว่าทำให้เธอเจ็บช้ำอย่างสาหัสหากทว่าคนที่เจ็บปวดยิ่งกว่ากลับเป็นเขาเสียเอง ขณะที่เขากำลังจะเอื้อมมือเพื่อลูบเรือนผมของภิณไลย์ญาที่นั่งก้มหน้ากอดเข่าร้องไห้นั้นก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงเล็ก ๆ ดังขึ้นข้างหลั
“เข้าไปในบ้านกันเถอะเนเน่ โซอี้หิวขนมแล้ว”“ค่ะ” เธอรับปากสั้น ๆ และเดินตามเขากับเด็กหญิงตัวเล็กเข้าไปโดยที่นิโคลัสก็ยังจูงมือไม่ยอมปล่อยมือของเธอจากมือของเขา มันไม่ได้ทำให้ภิณไลย์ญาอบอุ่นแม้แต่น้อยยิ่งใกล้ชิดเขามากเท่าไหร่มันก็ยิ่งหนาวยะเยือกในหัวใจมากขึ้นเท่านั้น นิโคลัสเหมือนซาตานเขาอาจกลายร่างเป็นเทพบุตรก่อนที่จะกลายเป็นปีศาจร้ายภายในเสี้ยววินาที เธอรู้ดีและไม่เคยลืมสิ่งที่เขากระทำกับเธอเมื่อประตูบ้านเปิดออกทั้งสามก็ก้าวเข้าไปในห้องรับแขกภายในได้รับการตกแต่งอย่างเรียบหรู มันดูกว้างขวาง หลังคาทรงสูงทำให้บ้านดูโอ่อ่าหากทว่าสำหรับภิณไลย์ญาแล้วเธอยิ่งรู้สึกอึดอัด ไม่ได้คิดว่าบรรยากาศโล่งหรือโปร่งสบายเลย เมื่อเข้าไปในห้องรับแขกนิโคลัสก็วางถุงใส่ขนมลงบนโต๊ะ โซอี้เปิดถุงขนมดูและล้วงหยิบเค้กกับคุกกี้ออกมาก่อนหันมาทางภิณไลย์ญาและพูดด้วยประกายตาใสแจ๋วว่า“คุณน้าเนเน่ขา คุณน้าเนเน่ชอบขนมนี้หรือเปล่าคะ”“ว่าแล้วเด็กหญิงก็หยิบคุกกี้ในห่อสีสวยอยู่ในภิณไลย์ญาที่รับไปเธอยิ้มตอบและบอกว่า”“ชอบค่ะ...เอ้อ...”“ชอบก็กินเลยสิคะ แดดี๊ขา มากินขนมด้วยกันเถอะค่ะหนูหิวแล้ว”“ได้สิจ๊ะทูนหัวของ daddy มาเราม
“แต่ตอนนี้มันไม่เหมือนเมื่อก่อน ฉันไม่ได้อยู่กับคุณแล้ว “คุณจะมาทำอะไรแบบนี้ไม่ได้นะคะนิค”“ลืมไปแล้วหรอเนเน่ว่าคุณยังติดค้างอะไรผมอยู่ คุณเป็นคนผิดกฎและทำผิดสัญญากับผมหรือว่าคุณไม่ยอมรับว่าการที่คุณหนีมานี่มันเป็นการไม่รักษาสัญญาที่คุณเคยให้ไว้”“แล้วคุณต้องการอะไรกันล่ะคะ ถ้าคุณต้องการเงินฉันจะพยายามหามาคืนคุณ คุณจะไม่สูญเสียผลประโยชน์ของคุณแม้แต่เซ็นเดียว”“เรื่องนี้คนที่ได้รับผลประโยชน์ไปเต็ม ๆ ก็คือคุณนะเนเน่ผมจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้น้องชายของคุณและพอเขาหายดีคุณก็คิดจะหนีผมไปดื้อ ๆ แบบนี้น่ะหรือ มันไม่ยุติธรรมสำหรับผมรู้ไหม”เขาพูดจบก็บัยดตัวเข้าหาเธอโดยไม่สนใจใครในที่นั้น แต่แล้วนิโคลัสต้องชะงักเมื่อภิณไลย์ญาเงยหน้ามองเขาดวงตาของเธอแดงก่ำ ปากของเธอระริกสั่นและร่างนั้นสั่นสะท้านอยู่ในอ้อมแขนทรงพลัง“ได้โปรดปล่อยฉันไปเถอะค่ะนิค คุณจะให้ฉันทำยังไงก็ได้ ฉันขอร้องเถอะนะคะ”“ผมปล่อยคุณไปไม่ได้หรอกและจะไม่มีวันยอมปล่อยคุณไปไหนด้วย”เขากดน้ำเสียงต่ำแต่คำพูดนั้นหนักแน่นและมีพลังสั่นไหวความรู้สึกของภิณไลย์ญา เธอแทบทรงตัวไว้ไม่อยู่แต่แล้วเสียงของโซอี้ก็ดังขึ้นจากด้านหลัง“แดดี๊ขา...หนูเลือกข
“ไม่เป็นไรหรอกนะ ตอนนี้พิชญ์ดีขึ้นมากแล้ว แม่ก็แค่คอยดูแลให้เขากินอาหาร กินยาให้ตรงเวลาก็เท่านั้นเอง นอกเหนือจากนี้ก็ไม่ได้มีอะไรที่น่าเป็นกังวลเลย ลูกไปกับหนูโซอี้เถอะนะ เขาอุตส่าห์มาหาถึงที่นี่แสดงว่าคิดถึงลูกจริง ๆ”“นั่นน่ะสิครับ...เหมือนอย่างที่คุณแม่ว่า เนเน่อย่าขัดใจโซอี้เลยนะ แกคิดถึง อยากอยู่กับคุณน่ะ”นิโคลัสกล่าวเสริมแต่ภิณไลย์ญารู้สึกราวกับว่าเขากำลังบีบบังคับเธอทางอ้อมอีกแล้ว มันทำให้เธออึดอัดและเครียดขึ้นมาแต่แล้วหัวใจดวงนั้นก็อ่อนยวบลงเมื่อโซอี้เข้ามาสวมกอดและพูดว่า“ไปกินขนมกับหนูเถอะนะคะ คุณน้าเนเน่ขา หนูอยากชวนคุณน้าเนเน่ไปซื้อพาเล็ทสวย ๆ ด้วยค่ะ คุณน้าเนเน่แต่งหน้าให้หนูสวยที่สุดเลย หนูอยากให้คุณน้าเนเน่แต่งหน้าให้หนูอีกค่ะ แดดี๊ก็ไม่ว่าอะไรแล้วนะคะ”“ค่ะ...ก็ได้ค่ะ”ภิญญารับปากทั้งที่ใจจริงเธออยากปฏิเสธและขณะที่พูดกับโซอี้เธอก็พยายามไม่สบนัยน์ตาเข้มของนิโคลัสที่จ้องมองหญิงสาวตลอดเวลา เธอไม่รู้ว่าเขากำลังคิดหรือวางแผนอะไรอยู่การที่เขามาที่นี่คงไม่ได้อยากรู้จักครอบครัวของเธอซึ่งอยู่ในย่านของคนที่มีฐานะการเงินต่ำกว่าเขามากนัก เขาอาจรังเกียจด้วยซ้ำ คนอย่างนิโคลัสซาเวีย