“เกิดอะไรขึ้นลาริสา แล้วนี่เนเน่เป็นอะไร”
“คุณไม่ต้องไปช่วยหล่อนหรอก!”
ลาริสายื้อแขนของคริสขณะที่เขากำลังจะก้าวไปหาภิณไลย์ญาที่นอนฟุบกับพื้นโดยมีโซอี้เข้าไปนั่งกอดด้วยความเป็นห่วง หนูน้อยหันมาบอกเขาว่า
“คุณอาคริสขา คุณน้าเนเน่ไม่รู้เป็นอะไรค่ะ ไม่มีแรงจะขยับตัว ช่วยคุณน้าเนเน่ด้วยค่ะ”
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น แล้วทำไมเนเน่ถึงได้เป็นแบบนี้ ลาริสาคุณทำอะไรเธอ”
คริสหันไปถามลาลิสาที่ยืนเม้มปากแน่น เธอบอกเขาว่า
“ก็คุณเนเน่คุย ๆ อยู่กับฉันแล้วก็ล้มลงไปนั่งแบบนั้น ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเธอเป็นอะไร”
“ไม่จริงค่ะคุณอาคริสขา คุณน้าลาริสาผลักคุณน้าเนเน่จนล้มลงแล้วเป็นแบบนี้ค่ะ”
โซอี้พูดออกมาด้วยเสียงสั่นเครือและทำให้คริสตกใจ เขาสะบัดแขนจากการเกาะกุมของลาริสาทันใดแล้วรีบวิ่งเข้าไปช่วยประคองร่างของภิณไลย์ญา ท่าทางของเธอเหมือนคนไร้เรี่ยวแรงเสียงหอบหายใจของเธอทำให้เขาทั้งตกใจและเป็นห่วง
“โซอี้ หนูรีบวิ่งไปบอกป้าเจนนี่นะว่าให้เรียกรถพยาบาลมารับคุณน้าเนเน่ตอนนี้เลย”
โซอี้พยักหน้าก่อนรีบวิ่งกลับเข้าไปในบ้าน ขณะนั้นคริสประครองร่างของภิณไลย์ญาไว้ในอ้อมแขนซึ่งเป็นภาพบาดตาสำหรับลาริสา เธอแทบทนไม่ไหวและร้องกรี๊ดออกมา
“คริส...ปล่อยหล่อนเดี๋ยวนี้นะคะ ให้หล่อนตายอยู่ตรงนี้แหละคุณไม่ต้องไปช่วย”
“คุณพูดแบบนี้ได้ยังไงลาริสา เนเน่เขาไม่สบายนะ ผมจะปล่อยให้เขาเป็นอะไรไปตรงนี้ได้ยังไง”
“ใช่สิ...คุณปล่อยให้หล่อนตายที่นี่ไม่ได้หรอกเพราะว่าครั้งหนึ่งคุณกับผู้หญิงคนนี้เคยรักกัน พอเห็นหล่อนไม่สบายคุณก็ทนแทบไม่ได้เลยใช่ไหม”
“มันไม่เกี่ยวกันหรอกนะลาริสา เนเน่ไม่สบายคุณจะปล่อยให้เขานอนอยู่กับพื้นแบบนี้ได้ยังไง”
“รักมากก็ช่วยเองก็แล้วกัน...หึ...ขนาดพี่ชายของคุณยังไม่แสดงความเป็นห่วงหล่อนออกนอกหน้าเหมือนอย่างคุณเลยรักหล่อนนักหวงนักก็ช่วยเองก็แล้วกัน!”
พูดจบลาริสาก็สะบัดหน้าใส่แล้วเดินจากไปปล่อยให้คริสช่วยประคองร่างของภิณไลย์ญาเอาไว้ในอ้อมแขน เขาเห็นว่าหน้าตาของเธอตอนนี้ซีดเซียวเหมือนกระดาษ เสียงลมหายใจของเธอแผ่วอย่างน่าใจหาย เธออาจไม่สบายมาก หลังจากนั้นสักครู่ก็ได้ยินเสียงรถพยาบาลแล่นเข้ามา เขาคิดถึงลาริสา ท่าทางเธอโกรธมากเมื่อรู้ว่าภิณไลย์ญาเคยเป็นแฟนเก่าของเขามาก่อน สำหรับเขาแล้วตอนนี้สถานการณ์ในบ้านนับวันก็ยิ่งวุ่นวายมากขึ้นทุกที
คริสนั่งรออยู่ที่หน้าห้องคนไข้ฉุกเฉินโดยมีโซอี้นั่งอยู่ใกล้ชิดติดกันกับเขา ชายหนุ่มโอบกอดเด็กหญิงที่นั่งร้องไห้กระซิกอยู่ตลอดเวลากับคำถามที่ว่า
“คุณอาคริสขา คุณน้าเนเน่จะเป็นอะไรไหมคะ”
“ไม่หรอกค่ะ คุณน้าเนเน่ปลอดภัยดีแล้ว”
“คุณอาคริสรู้ได้ยังไงคะ”
“ก็เมื่อกี๊อาได้คุยกับคุณหมอและนางพยาบาลก็บอกเกี่ยวกับอาการของคุณน้าเนเน่มาเล็กน้อยแล้วว่าคุณน้าเนเน่ไม่ได้มีอะไรที่น่าเป็นห่วงจ้ะ”
“แล้วทำไมเขายังไม่ยอมให้คุณน้าเนเน่กลับบ้านของเราอีกละคะ”
“คุณพยาบาลบอกกับอาคริสว่าคุณน้าเนเน่จะต้องพักผ่อนอีกสักหน่อย”
“แล้วจะพักผ่อนอีกนานไหมคะ หนูอยากให้คุณน้าเนเน่กลับไปที่บ้านไปอยู่กับหนูไวๆค่ะ”
“ไม่ต้องเป็นห่วงนะอาคิดว่าคุณน้าของโซอี้จะต้องปลอดภัยเพราะอย่างน้อยที่สุดอาคริสก็พาเธอมาถึงมือหมอแล้ว”
“ขอโทษทีนะคะ...คุณคริส ซาเวียร์ คุณหมอต้องการพบคุณค่ะ”
เสียงของนางพยาบาลสาวทำให้ทั้งคริสต์และโซอี้ต้องหยุดชะงัก เขาลุกขึ้นและหันมาทางเด็กหญิงก่อนพูดว่า
“โซอี้...หนูรออาคริสอยู่ตรงนี้นะอย่าไปไหน อาคริสจะเข้าไปพบคุณหมอแป๊บเดียวเดี๋ยวเอาคริสจะกลับมา”
“เดี๋ยวค่ะคุณอาคริสขา” โซอี้รั้งแขนของเขาเอาไว้และพูดด้วยน้ำเสียงและประกายตาไร้เดียงสา
“คุณอาคริสบอกคุณหมอด้วยนะคะว่าให้คุณน้าเนเน่กลับบ้านไว ๆ บอกว่าหนูเป็นห่วงคุณน้าเนเน่มาก ๆ เลยนะคะ”
“เดี๋ยวอาจะบอกหมอให้นะ เป็นเด็กดีนะคะ นั่งรออาอยู่ที่ตรงนี้เดี๋ยวอากลับมาค่ะ”
เขาบอกก่อนก้าวตามพยาบาลเข้าไปในห้องของแพทย์หญิงซึ่งเป็นหมอที่ดูแลคนไข้ เมื่อเขาเข้าไปนั่งที่หน้าโต๊ะทำงานแพทย์หญิงจึงกล่าวว่า
“สวัสดีค่ะคุณคริส ซาเวียร์...ไม่ทราบว่าคุณเป็นสามีของคนไข้ใช่หรือเปล่าคะ?”
“เปล่าครับ...ผมเป็น....เอ้อ...ญาติของเธอน่ะครับ”
“ค่ะ...ถ้าอย่างนั้นหมอก็มีเรื่องที่จะแจ้งให้คุณคริสได้ทราบนะคะว่าอาการของคุณภิณไลย์ญาตอนนี้ไม่ได้มีอะไรที่เป็นอันตรายหรอกนะคะ แต่ว่าหมอแนะนำว่าจะต้องให้เธอพักผ่อนให้เต็มที่ก็เท่านั้น”
“ต้องขอโทษด้วยนะครับคุณหมอ แล้วไม่ทราบว่าเนเน่เป็นอะไรเหรอครับ?”
“มันเป็นอาการของคนแพ้ท้องนะคะ ตอนนี้เธอตั้งครรภ์ได้ประมาณเกือบ 8 สัปดาห์แล้ว ไม่ทราบว่าคุณคริสรู้จักกับสามีของเธอหรือเปล่าคะ?”
คำถามของแพทย์หญิงทำให้คริสนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ เขาคิดว่าตัวเองหูฝาดก็เลยจิกแขนตัวเองเบา ๆ แต่ก็รับรู้ได้ว่าเขากำลังอยู่ในความเป็นจริงไม่ใช่ความฝัน ภิณไลย์ญาตั้งท้องและเขาก็แน่ใจอย่างที่สุดด้วยว่าใครคือพ่อของเด็ก คริสกลืนน้ำลายลงคอเบา ๆ ก่อนที่จะกล่าวว่า
“ทราบครับคุณหมอ”
“แล้วสามารถที่จะติดต่อสามีของคุณภิณไลย์ญาตอนนี้ได้หรือเปล่าคะ”
“ผมเกรงว่าจะยังติดต่อไม่ได้ครับ...เอ่อ...พอดีว่าสามีของเธอไม่ได้อยู่ที่นี่ครับ แล้ว...มีความจำเป็นที่จะต้องให้สามีของเธอมาที่โรงพยาบาลตอนนี้หรือเปล่าครับ”“อ๋อ...เปล่าหรอกค่ะ เพียงแต่หมอน่ะเห็นว่าคนไข้กำลังอยู่ในสภาวะที่อ่อนแอในช่วงของการตั้งครรภ์ไตรมาสแรกก็เลยคิดว่าบางทีถ้าสามีของเธอได้มาคอยดูแลก็จะเป็นกำลังใจและทำให้เธอแข็งแรงขึ้นเร็วกว่านี้นะคะ แต่ถ้าไม่สามารถที่จะติดต่อสามีของเธอได้ในตอนนี้หมอก็อยากจะให้เธอนอนพักอยู่ที่โรงพยาบาลเพื่อดูอาการอีกสัก 2-3 วันก่อนจะให้เธอกลับบ้าน ไม่ทราบว่าคุณคริสซึ่งตอนนี้เราถือว่าเป็นญาติของคนไข้จะว่ายังไงบ้างคะ”“ให้อยู่ที่การตัดสินใจของคุณหมอจะดีกว่าครับเพราะว่าผมเองก็ไม่เคยมีประสบการณ์กับเรื่องแบบนี้และคิดว่าการตัดสินใจของคุณหมอคงจะเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดครับ”“โอเคค่ะ ถ้าอย่างนั้นหมอจะให้เธอนอนพักผ่อนที่โรงพยาบาลอีกสัก 2-3 วันแล้วถึงอนุญาตให้กลับได้นะคะ”“ขอบคุณมากครับคุณหมอ”คริสกล่าวก่อนออกจากห้องนั้น พอเขาก้าวออกมาก็พบว่าโซอี้ยืนรออยู่ก่อนแล้ว“อาคริสขา...คุณหมอว่าไงบ้างคะ?”“คุณหมอให้น้าเนเน่พักอยู่ที่นี่อีกสองสามวันจ้ะ”“อ้าว...ทำไมคุณหมอไ
“ได้ค่ะ คุณคริส ดิฉันจะพาคุณหนูโซอี้ไปอาบน้ำแล้วก็ให้กินมื้อเย็นเลยก็แล้วกันนะคะ”“ป้าเจนนี่ขาเดี๋ยวก่อนค่ะ”โซอี้รั้งแขนของแม่บ้านวัยกลางคนให้ต้องหยุดชะงัก ป้าเจนนี่จึงถามว่า“มีอะไรเหรอคะคุณหนูโซอี้”“อาบน้ำกินมื้อเย็นเสร็จแล้ว ป้าเจนนี่พาหนูไปที่ห้องของคุณน้าเนเน่หน่อยได้ไหมคะ”“คุณหนูโซอี้จะทำอะไรหรอคะ”“หนูจะไปจัดห้องเอาไว้ให้คุณน้าเนเน่ค่ะ”“ว่ายังไงนะคะ จัดห้องอย่างนั้นเหรอคะ”“ใช่แล้วล่ะค่ะ ป้าเจนนี่ช่วยเตรียมผ้าปูที่นอนใหม่แล้วก็ปลอกหมอนใบใหม่เอาไว้ให้หนูด้วยนะคะ หนูจะไปจัดที่นอนเอาไว้รอคุณน้าเนเน่กลับมาค่ะ”“โถ...แม่คุณน่าเอ็นดูจริง ๆ คงคิดถึงคุณน้าเนเน่มากสินะคะ คุณน้าน่ะก็แค่ไปนอนโรงพยาบาล 2-3 วันเองนะคะเดี๋ยวก็กลับมาแล้ว”“ไม่ได้หรอกค่ะ คุณน้าเนเน่น่ะไม่ได้กลับมาที่ห้องเดี๋ยวจะมีฝุ่นบนที่นอน หนูกลัวว่าจะทำให้คุณน้าเนเน่ไม่สบายอีกนะคะ...อาคริสขา”“ มีอะไรเหรอโซอี้”คริสก้าวเข้ามาหยุดตรงหน้าเด็กหญิงเมื่อโซอี้หันไปเรียกเขา หนูน้อยจับมือของเขาเอาไว้และทำท่ากวักมือให้เขาโน้มตัวลงไปใกล้ก่อนที่เธอจะพูดว่า“คุณอาคริสขา พอคุณน้าเนเน่กลับมาคุณอาคริสช่วยบอกคุณน้าลาริสาด้วยนะคะว่าอย่
“ทำไมฉันต้องเข้าใจเรื่องผู้หญิงคนนั้น ผู้หญิงแบบนั้นไม่ได้มีความสำคัญและไม่ได้มีคุณค่าให้ฉันต้องทำความเข้าใจอะไรทั้งสิ้น ฉันรู้แต่ว่าเธอเป็นผู้หญิงที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมถึงได้ไม่รู้จักให้เกียรติคนในบ้าน คุณก็รู้นี่ไม่ใช่เหรอว่าเนเน่เป็นหนี้พี่ชายของคุณ หล่อนไม่ต่างอะไรกับผู้หญิงขายตัวเลยสักนิด ยืมเงินผู้ชายไม่มีจะชดใช้ก็เอาตัวเข้าแลก”“หยุดพูดดูถูกเธอได้แล้วลาริสา ยิ่งคุณพูดมันไม่ได้ทำให้เนเน่ดูแย่หรอกนะแต่มันกลับจะยิ่งลดคุณค่าในตัวของคุณเองนั่นแหละเพราะการดูถูกเหยียดหยามคนอื่นมันไม่ได้ทำให้ตัวคุณดูดีขึ้นเลยสักนิด และที่เนเน่เจ็บตัวก็เพราะคุณผลักเธอใช่มั้ย?”“คุณรู้ได้ยังไง...อ้อ...โซอี้คงฟ้องคุณสินะ”“เด็กไม่พูดโกหกหรอก และนั่นไม่ได้เรียกว่าฟ้อง โซอี้พูดในสิ่งที่เธอเห็น”“แล้วถ้าฉันไม่ปฏิเสธล่ะว่าเป็นคนผลักเนเน่ล้ม”“เธอไม่สบายและเธอก็ตอบโต้อะไรคุณไม่ได้ด้วย”“ใช่สิ! สำหรับคุณแล้วอะไร ๆ มันก็ดูแย่ไปหมดถ้าเป็นฉัน แต่สำหรับผู้หญิงคนนั้น แม่พริตตี้ที่คุณเคยควงกับเจ้าหล่อนไปไหนต่อไหนด้วยกันเป็นคนที่น่าสงสารและเห็นใจ ฉันไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับเนเน่มันไปถึงไหนแล้ว แต่ฉันว่าผู้ห
“ผมทำเพื่อลูกของผมต่างหากลาริสา ผมทำเพื่อโซอี้...โซอี้คือลูกของผม!”ลาริสาถึงกับผงะนิ่งเมื่อได้ยินทุกคำพูดที่คริสโพล่งออกมา เธอนิ่งอึ้ง ดวงตาคู่นั้นเบิกกว้าง ปากระริกสั่นอ้าค้าง เธอหยุดทุบถองเขาและนิ่งงันเหมือนรูปปั้น มือของเธอเย็นเฉียบ ความหนาวเหน็บแล่นเข้าจับหัวใจแต่แล้วเธอก็ผละห่าง สะบัดมือจากการเกาะกุมของคริส“ว่ายังไงนะ...คุณพูดว่าโซอี้เป็นลูกของคุณอย่างนั้นเหรอ”“ใช่...คุณได้ยินไม่ผิดหรอก ที่จริงโซอี้เป็นลูกสาวของผมที่นิครับไปดูแลและตอนนี้เขาก็เป็นพ่อที่ถูกต้องตามกฎหมายของโซอี้”“ทะ...ทำไม...นี่มันอะไรกัน ยังมีเรื่องอะไรอีกไหมที่ฉันไม่รู้เกี่ยวกับคุณนอกเหนือจากเรื่องผู้หญิงโสเภณีคนนั้นแล้วเรื่องของโซอี้ที่เรียกนิโคลัสว่าแดดดี๊”“นี่คือทั้งหมดที่ผมอยากพูดและอยากบอกให้คุณรู้ไว้ ชีวิตของผมไม่ได้มีอะไรซับซ้อนมากไปกว่านี้หรอก มันก็แค่ความผิดพลาดในอดีตที่ผมไปมีความสัมพันธ์กับพริตตี้ประจำงานมอเตอร์โชว์ เธอท้องและพอคลอดลูกสิ่งที่เธอต้องการไม่ใช่ผม ไม่ใช่ครอบครัวแต่เธอต้องการเงิน ผมก็เลยยอมให้เงินเธอไปแลกกับการได้โซอี้มาดูแลเพียงแต่คนที่เข้ามาจัดการเรื่องทั้งหมดไม่ใช่ผมแต่เป็นนิโคลัส เขา
“ลาริสา!” เขาร้องเรียกได้แค่นั้นหากก็ดูเหมือนว่าลาริสาจะไม่ใส่ใจและไม่สนใจเขาอีกต่อไปแล้ว เธอออกไปจากห้องนั้นเดินลงส้นออกไปโดยเปิดประตูอ้าค้างเอาไว้ปล่อยให้คริสยืนนิ่งก่อนที่เขาจะขยับนั่งลงบนโซฟา ถึงเวลานี้เขาก็ถอนใจออกมาอีกครั้ง ครอบครัวของเขาพังทลายลงอีกครั้ง ลาริสาไม่ยอมรับสิ่งที่เขาเป็นและมันเป็นเรื่องที่เขาเคยกลัวมาก่อนหน้า เขาถอนหายใจออกมาราวกับอยากปลดปล่อยบางสิ่งบางอย่างที่อัดอั้นมานานแสนนานให้มันละลายออกมากับลมหายใจของเขาด้วยแต่แล้วชั่วอึดใจเหมือนเขานึกอะไรขึ้นได้ คริสลุกขึ้นและรีบเดินตามลาริสาลงไปที่ชั้นล่างหากแต่คนที่เขาพบกลับไม่ใช่ลาริสาแต่เป็นนิโคลัสที่ยืนอยู่ สีหน้าคร้ามเข้มแสดงความประหลาดใจขณะมองตามรถสปอร์ตคันหรูที่บึงออกไปจากคฤหาสน์ซาเวียร์ก่อนหันกลับมายังน้องชายและเอ่ยถามขึ้นว่า“คริส...มีอะไรกัน...ทำไมลาริสารีบร้อนออกไปอย่างนั้นล่ะ”“เธอกลับบ้านไปแล้วครับพี่”“ว่ายังไงนะ ลาริสากลับบ้าน...หมายความว่ายังไง”“ก็หมายความว่าจะกลับไปอยู่กับพ่อแม่ของเธอ เธอไม่อยู่ที่นี่แล้วครับ”“ทำไมแกไม่ห้ามเธอไว้ ทะเลาะเรื่องอะไรกัน ““ลาริสารับไม่ได้ที่ผมปิดบังเธอหลาย ๆ เรื่อง”“หมายควา
คริสตั้งคำถามกับพี่ชายแต่ยังไม่ทันที่นิโคลัสจะพูดว่าอะไรป้าเจนนี่ก็เข้ามาพร้อมทั้งพูดว่า“ต้องขอประทานโทษด้วยนะคะ คุณคริสคะมีโทรศัพท์ด่วนจากทางโรงพยาบาลค่ะ”“โทรศัพท์ด่วนจากโรงพยาบาลอย่างนั้นล่ะครับป้า”“ค่ะ...นี่ค่ะ...นางพยาบาลรอสายคุยกับคุณคริสอยู่ค่ะ”ป้าเจนนี่ยื่นโทรศัพท์มือถือให้คริสที่รับไปเมื่อได้รับโทรศัพท์จากแม่บ้านเขาก็คุยสายโดยได้ยินเสียงของนางพยาบาลแล้วเขาพูดโต้ตอบกลับไป“ครับ...ว่ายังไงนะครับ อะไรนะครับ...ครับ...เดี๋ยวผมจะไปที่โรงพยาบาลด่วนเลย ขอบคุณมากนะครับ”คริสต์วางสายและยื่นโทรศัพท์มือถือกลับไปให้ป้าเจนนี่ที่รับไว้ สีหน้าของแม่บ้านวัยกลางคนเต็มไปด้วยความสงสัยนางจึงเอ่ยถามขึ้น“คุณคริสคะ ทางโรงพยาบาลโทรมาแจ้งเรื่องอะไรเหรอคะ เห็นว่าเป็นเรื่องด่วนหรือว่าจะเป็นเรื่องของคุณเนเน่”“ใช่ครับป้า แต่ป้าอย่าเพิ่งพูดเรื่องนี้ไปนะครับและอย่าให้โซอี้รู้อย่างเด็ดขาด”“มีเรื่องอะไรกันคริส มันเกิดอะไรขึ้นที่โรงพยาบาลอย่างนั้นเหรอ” นิโคลัสเป็นฝ่ายถาม“นางพยาบาลโทรมาแจ้งว่าเนเน่หายออกไปจากโรงพยาบาลน่ะครับ เขาเลยรีบโทรมาแจ้งและผมก็ต้องรีบไปที่โรงพยาบาลตอนนี้เลย”ป้าเจนนี่เอามือทาบอกและ
“ขอบคุณมากนะครับคุณพยาบาล ถ้ายังไงเดี๋ยวผมกลับพี่ชายของผมจะตามไปดูเนเน่ที่บ้านของเธอและถ้าหากว่าเธอมีอาการไม่สบายขึ้นมาอีกผมจะพาเธอกลับมารักษาที่โรงพยาบาลครับ”“ค่ะถ้ายังไงก็ขอให้ดูแลเธอให้ดี ๆ ก็แล้วกันนะคะ ดิฉันจะรีบแจ้งกลับไปที่คุณหมอเจ้าของไข้ว่าญาติจะตามไปดูเธอที่บ้าน เจอกับเคสนี้พวกเราทั้งตกใจและก็เป็นห่วงคนไข้มากค่ะ”นางพยาบาลสาวกล่าวก่อนจะหันกลับไปทำงานของตัวเองซึ่งในขณะนั้นคริสต์ก็หันกลับไปยังพี่ชายของเขาที่ตอนนี้ยืนนิ่ง เขาเห็นใบหน้าของนิโคลัสดูเยือกเย็นราวกับรูปสลักหินหากแต่ประกายตาคู่นั้นกลับฉายความกังวลออกมา พี่ชายของเขานิ่งงันกับคำบอกกล่าวของนางพยาบาลซึ่งเขาคิดว่านิโคลัสได้ยินและคงซึมซับทุกคำพูดเหล่านั้นลงไปถึงใต้บึ้งของหัวใจเขาก็เป็นคนแบบนี้ แข็งนอกแต่อ่อนในซึ่งก็มีเพียงน้องชายคนเดียวเท่านั้นที่รู้ดี สักครู่คริสจึงกล่าวด้วยน้ำเสียงต่ำ ๆ“นิค...เรากลับกันก่อนเถอะ ผมว่าสิ่งที่เราต้องทำหลังจากนี้ก็คือตามไปดูว่าเนเน่กลับไปที่บ้านของเธอจริงไหม”“เธอท้อง...คริส...แกได้ยินไหม นางพยาบาลบอกว่าเธอท้อง...หรือว่า...แกคงรู้แล้วใช่ไหม”คริสไม่ตอบแต่จูงมือพี่ชายของเขาที่ยังนิ่งอึ้งและ
“บางทีนี่อาจจะเป็นคำตอบสำหรับพี่...เรื่องของเนเน่”คริสพูดไม่ทันจบประโยคก็ได้ยินเสียงของโซอี้ที่งัวเงียตื่นขึ้น เด็กหญิงขยับลุกขึ้นนั่งและยีตาด้วยหลังมือเล็กแต่เมื่อลืมตาตื่นและเห็นว่าใครเข้ามาในห้องหนูน้อยก็ร้องขึ้นว่า“อาคริส...แดดี๊...แดดี๊กลับมาแล้วหรอคะ”นิโคลัสรีบเข้าไปหาเด็กหญิง เขานั่งลงและกอดร่างเล็กเอาไว้พร้อมทั้งลูบเรือนผมนุ่มละมุนสีมะฮอกกานีและจูบบนหน้าผาก เปลือกตาและริมฝีปากเล็กเบา ๆ“daddy กลับมาแล้ว”บทที่ 31“ไหนอาคริสบอกว่าอีก 2-3 วัน daddy ถึงจะกลับมาล่ะคะ”“daddy เป็นคนเลื่อนหมายกำหนดการทุกอย่างออกไปเองจ้ะลูก แล้วทำไมลูกถึงได้มานอนอยู่ห้องของคุณน้าเนเน่เหรอจ๊ะ ทำไมถึงไม่นอนห้องของตัวเองล่ะ”“หนูมาจัดห้องให้คุณน้าเนเน่ค่ะ daddy รู้ไหมคะว่าคุณน้าเนเน่อยู่ที่โรงพยาบาล คุณน้าเนเน่ไม่สบายมากค่ะ”“แดดี๊รู้แล้ว daddy ไปเยี่ยมคุณน้าเนเน่ที่โรงพยาบาลด้วยแล้วนะ”“อาคริสบอกว่าอีก 2-3 วันคุณน้าเนเน่จะหายและออกจากโรงพยาบาลหนูก็เลยมาจัดห้องเอาไว้รอคุณน้าเนเน่ค่ะแด๊ดดี้ขาดาดี้อย่าเพิ่งไปไหนนะคะ”“ทำไมล่ะจ๊ะมีอะไรอย่างนั้นหรอ”“ก็คุณน้าเนเน่ไม่สบายนิคะ ถ้าคุณน้าเนเน่กลับมาเห็นแดดี๊
นิโคลัสหยิบอะไรบางอย่างจากกระเป๋าเสื้อของเขาด้วยมือข้างหนึ่ง มันเป็นกล่องกำมะหยี่สีชมพูเล็ก ๆ และเมื่อเขาเปิดมันออกก็ทำให้เป็นภิณไลย์ญาดวงตาเบิกกว้างเพราะภายในนั้นเป็นแหวนแพลตตินัมประดับเพชรแม้เม็ดไม่ใหญ่แต่ประกายของมันก็ล้อเล่นกับแสงแดดอุ่นที่สาดส่องลงมาอาบไล้ เขาบรรจงหยิบมันและสวมลงบนนิ้วนางข้างซ้ายของภิณไลย์ญาก่อนที่เขาจะก้มหน้าลงไปประทับริมฝีปากของเขาบนเรือนแหวนที่อยู่บนนิ้วของเธอหญิงสาวมองดูราวกับไม่อยากเชื่อสายตา นิโคลัสเงยหน้าขึ้นและเอ่ยว่า“คริสเคยบอกผมเหมือนกันว่าคนอย่างผมคิดถึงแต่ตัวเองและเห็นค่าของเงินเป็นใหญ่ ผมไม่เคยคิดถึงใคร แต่ตอนนี้ผมอยากพิสูจน์ให้น้องชายของผมได้เห็นว่าผมได้เปลี่ยนแปลงตัวเองไม่ได้เป็นเหมือนอย่างที่เขาเคยว่าเอาไว้ ผมอาจจะเลวร้ายกับคุณมาก่อนแต่คนเราก็สามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้นี่ไม่ใช่เหรอ คุณอาจไม่ต้องอภัยให้ผมวันนี้ มันอาจต้องใช้เวลาเป็นเดือนหรือเป็นปี ว่าแต่คุณจะยินยอมให้โอกาสนั้นกับผมไหม”“บอกแล้วไงคะว่าฉันต่ำต้อยมากเกินไป คนที่ต้องขอร้องโอกาสคุณเป็นฉันมากกว่าที่จะร้องขอจากคุณ”“ผมจะไม่ให้คุณร้องขออะไร แต่เป็นผมที่จะต้องขอร้องคุณ”นิโคลัสทรุดตัวลงนั่
“แต่ฉันยังเป็นหนี้คุณนะคะนิค ฉันเป็นหนี้คุณตั้ง 3 ล้านดอลลาร์ ฉันจะพยายามหามันมาใช้คุณ”“ลืมเรื่องนั้นไปเถอะนะ รู้หรือเปล่าว่าจริง ๆ ผมลืมมันไปตั้งนานแล้ว”“ฉันรู้ค่ะนิคว่าเงินสำคัญสำหรับคุณเสมอและไม่ใช่สิ่งที่คุณจะลืมมันได้ง่าย ๆ”“อยากรู้ไหมว่าผมลืมมันไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมลืมมันไปตั้งแต่ที่คุณเป็นของผมครั้งแรก”เธอเม้มปากแน่นน้ำตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว“คุณคงอยากให้ฉันดีใจ คุณคงแค่อยากจะปลอบใจฉัน”“เปล่าเลย...นี่เป็นคำสารภาพแบบโง่ ๆ ของคนที่ไม่เคยมีและไม่เคยเห็นค่าในความรักอย่างผม แม้แต่จะพูดคำนี้ก็ยังไม่เคย ผมได้แต่ภาวนาขอให้คุณเข้าใจ”“ฉันเข้าใจว่าคุณไม่เคยรักใครไม่เคยจริงจัง”“ผมอาจจะไม่เคยรักใครอย่างที่คุณว่าแต่ผมไม่เคยหลอกผู้หญิงเล่น ๆ และคุณก็เป็นคนแรกที่ทำให้ผมได้เห็นคุณค่าของความรักจากที่ผมรู้จักแต่งการใช้เงิน รู้ไหมว่าตอนที่คริสต์อยากจะใช้หนี้แทนคุณมันทำให้ผมโกรธมาก ผมรู้ว่าผมกำลังหึงคุณและคิดบ้าๆ ว่าคริสมันคงอยากได้คุณกลับคืนไป ผมลืมไปว่าสัมพันธภาพอันยิ่งใหญ่ระหว่างผู้ชายกับผู้หญิงมันไม่ได้มีแค่เรื่องนั้น แต่มันหมายถึงความรักและความหวังดี คริสหวังดีกับคุณมากกว่าที่จะรู้สึกรั
“ผมยอมรับนะว่าตอนแรกตกใจมากที่รู้เรื่องระหว่างคุณกับนิคแต่มันก็ทำให้ผมมาคิดได้ในหลาย ๆ เรื่องว่าที่ผ่านมาหลาย ๆ เหตุการณ์และเรื่องแย่ ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตของผมมันก็ล้วนเกิดขึ้นมาจากตัวผมเองและคนที่เข้ามาคอยจัดการให้ผมทุกสิ่งทุกอย่างก็คือพี่ชายของผม บางทีถ้าเราสองคนยังรักกันมันก็อาจจะทำให้ผมไม่ได้คิดถึงสิ่งสวยงามที่สุดที่ผมทอดทิ้งไปนานนั่นก็คือโซอี้ ถึงแม้ว่าผมจะต้องเลิกกับลาลิสาแต่มันก็ทำให้ผมคิดได้ว่าสิ่งสำคัญที่สุดก็คือความรับผิดชอบและมันทำให้ได้มองเห็นตัวเอง มองเห็นความจริงว่าถ้าหากผมยังไม่กล้าคิดและตัดสินใจคงจะไม่มีวันค้นพบว่าต้องจัดการชีวิตตัวเองยังไงบ้างการไปอยู่ฝรั่งเศสมันเกิดจากการเลือกของผมเองและนิคก็ไม่ปฏิเสธที่จะให้โซอี้ไปอยู่กับผมเพราะอย่างน้อยที่สุดเขาก็ยังมีคุณกับชีวิตเล็ก ๆ”“ฉันกับเขาไม่คู่ควรกัน เหมือนที่เขามองฉันกับคุณว่าไม่คู่ควร ฉันต่ำต้อยเหลือเกินค่ะคริส ฉันคิดว่า...”“ว่าไงล่ะคริส...จะไปกันแล้วเหรอ?”เสียงทุ้มห้าวที่ดังขึ้นขัดจังหวะการสนทนาของคริสและภิณไลย์ญาแต่โซอี้กลับกระโดดลงจากโซฟาแล้ววิ่งเข้าไปหาเจ้าของเสียงทรงอำนาจนั้น นิโคลัสช้อนร่างเด็กน้อยขึ้นอุ้มและจูบแ
“คุณอาคริสจะพาหนูไปฝรั่งเศสค่ะ”โซอี้เป็นฝ่ายตอบขณะที่นั่งอยู่บนตักของคริส เขาโอบกอดหนูน้อยเอาไว้และจูบแก้มยุ้ยเบาๆแสดงความรักความห่วงใยพร้อมกันนั้นก็มีรอยยิ้มบนใบหน้าหล่อเหลา“ผมจะมารับโซอี้ไปฝรั่งเศสวันนี้ นี่ก็ให้คนของผมจัดกระเป๋ากับของใช้เรียบร้อยแล้ว พวกเขารอผมอยู่ที่สนามบิน”กล่าวจบเขาก็จับเด็กหญิงให้เลื่อนลงจากตักและนั่งบนโซฟา เขาลุกขึ้นและก้าวเข้าไปหาภิณไลย์ญาซึ่งตอนนี้เธออยู่ในชุดนอนสวมทับด้วยเสื้อคลุมผ้าไหมสีละมุนตา คริสหยุดยืนตรงหน้าเธอ รอยยิ้มจางผุดขึ้นบนมุมปากได้รูป“เป็นยังไงบ้าง คุณสบายดีแล้วใช่ไหม?”“ฉันสบายดีค่ะ ว่าแต่คุณเถอะค่ะ คุณจะไปฝรั่งเศสแล้วจะพาโซอี้ไปด้วยเหรอคะ”“ใช่...ผมจะไปอยู่ที่ฝรั่งเศสและรับตำแหน่ง CEO ของบริษัทในเครือของซาเวียร์กรุ๊ปที่นั่น”“คุณลาริสาไปด้วยใช่ไหมคะ พวกคุณเข้าใจกันแล้วใช่ไหมคะ”เขาส่ายหน้าและตอบว่า “ผมหย่ากับลาลิสาแล้ว เราเพิ่งหย่ากันเมื่อสัปดาห์ที่แล้วนี่เอง”“ว่ายังไงนะคะ! คุณหย่ากับลาริสา...คุณพระ...เธอคงโกรธเรื่องของฉันอย่างนั้นสินะคะ ฉันต้องขอโทษด้วยค่ะคริส ฉันไม่ตั้งใจที่จะทำให้ครอบครัวของคุณต้องแตกหักกันอย่างนี้เลย”เขาส่ายหน้าอีก
“คุณน้าเนเน่นอนพักผ่อนก่อนนะคะ เดี๋ยวหนูจะเช็ดตัวให้คุณน้านะคะ”โซอี้กระวีกระวาดทำเหมือนผู้ใหญ่ไม่มีผิด เด็กหญิงวิ่งออกไปจากห้องนั้นนิโคลัสจึงหันมาทางภิณไลย์ญาที่นอนบนเตียงโดยมีเขานั่งอยู่ข้าง ๆ“ผมรู้ว่าคุณไม่สบายและต้องการพักผ่อน”“ใช่...ฉันต้องการพักผ่อนแต่เป็นบ้านของฉันไม่ใช่ที่นี่ ฉันอยากกลับบ้าน ถ้าคุณไม่ว่างไปส่งฉันก็เรียกคนขับรถของคุณให้พาฉันไปส่งก็ได้ค่ะนิค”“วันนี้คนของผมไม่มีใครว่างหรอกนะ”“ฉันไม่เชื่อ คุณโกหก คุณอยากจะกักตัวฉันไว้ที่นี่ หรือว่าถ้าคุณอยากจะให้ฉันอยู่ที่นี่ก็ให้ฉันกลับไปที่บ้านก่อนแล้วฉันจะบอกแม่ฉันว่าฉันต้องออกมาทำงานท่านจะได้เข้าใจจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงฉัน”“ท่านไม่เป็นห่วงคุณหรอกนะ ท่านรู้ว่าคุณอยู่กับโซอี้และผมก็อยากจะขอร้องให้คุณอยู่กับแกที่นี่คืนนี้”“ด้วยเหตุผลอะไรกันคะ ได้โปรดเถอะค่ะ คุณไม่ควรจะใช้คำว่าขอร้องกับฉันเพราะนี่เป็นการบังคับ”“OK… ถ้าคุณอยากจะกลับก็ได้แต่โซอี้จะรู้สึกยังไงในเมื่อแกคิดว่าคุณไม่สบายและแกก็ตั้งใจที่จะดูแลคุณ ถ้าคุณกลับไปมันก็เหมือนเป็นการทำร้ายจิตใจแก”“คุณกำลังสร้างเงื่อนไขและกำลังกดดันฉันอยู่นะคะ”“ผมพูดความจริงต่างหากและมันก
“ คุณคิดแบบนั้นเหรอเนเน่”“ ใช่ค่ะ...และฉันก็คิดถูกใช่ไหมคะ ฉันพูดถูกทุกอย่าง ไม่ต้องห่วงหรอกนะคะ คุณจะไม่สูญเสียผลประโยชน์ใด ๆ ทั้งสิ้นเพราะฉันจะไม่ผิดสัญญาเรื่องที่จะหาเงินมาชดใช้ให้คุณ”“ผมรู้ว่าคุณจะไม่ผิดสัญญาแต่คุณก็ผิดคำพูดกับผม ““แล้วคุณจะให้ฉันทำยังไง จะให้ฉันทำยังไงคะนิค ฉันไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงต่อไปแล้ว”ภิณไลย์ญาเผลอร้องไห้ออกมาและทรุดตัวลงนั่งบนพื้นห้องน้ำ เธอกอดเข่าแล้วร้องไห้อย่างคนสิ้นหวัง ตอนนี้หัวใจของเธอแหลกสลายทั้งจากความผิดหวังและร่างกายที่ยิ่งนับวันยิ่งอ่อนแอ เธอดูเหมือนคนสิ้นไร้ไม้ตอกและถึงทางตันของชีวิต นิโคลัสทรุดตัวลงนั่งคุกเข่าตรงหน้าเธอ จ้องมองร่างเล็กที่ก้มหน้าร้องไห้เหมือนแทบขาดใจแต่ภิณไลย์ญาก็ไม่ส่งเสียงออกมาดัง ๆ เธอกดเก็บตัวเองไว้เพราะกลัวโซอี้จะได้ยินแต่ในเวลานี้เธอช่างดูอ่อนแอและเป็นภาพที่ฉุดรั้งความรู้สึกของนิโคลัสให้ยิ่งดำดิ่ง เขารู้ตัวดีว่าทำให้เธอเจ็บช้ำอย่างสาหัสหากทว่าคนที่เจ็บปวดยิ่งกว่ากลับเป็นเขาเสียเอง ขณะที่เขากำลังจะเอื้อมมือเพื่อลูบเรือนผมของภิณไลย์ญาที่นั่งก้มหน้ากอดเข่าร้องไห้นั้นก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงเล็ก ๆ ดังขึ้นข้างหลั
“เข้าไปในบ้านกันเถอะเนเน่ โซอี้หิวขนมแล้ว”“ค่ะ” เธอรับปากสั้น ๆ และเดินตามเขากับเด็กหญิงตัวเล็กเข้าไปโดยที่นิโคลัสก็ยังจูงมือไม่ยอมปล่อยมือของเธอจากมือของเขา มันไม่ได้ทำให้ภิณไลย์ญาอบอุ่นแม้แต่น้อยยิ่งใกล้ชิดเขามากเท่าไหร่มันก็ยิ่งหนาวยะเยือกในหัวใจมากขึ้นเท่านั้น นิโคลัสเหมือนซาตานเขาอาจกลายร่างเป็นเทพบุตรก่อนที่จะกลายเป็นปีศาจร้ายภายในเสี้ยววินาที เธอรู้ดีและไม่เคยลืมสิ่งที่เขากระทำกับเธอเมื่อประตูบ้านเปิดออกทั้งสามก็ก้าวเข้าไปในห้องรับแขกภายในได้รับการตกแต่งอย่างเรียบหรู มันดูกว้างขวาง หลังคาทรงสูงทำให้บ้านดูโอ่อ่าหากทว่าสำหรับภิณไลย์ญาแล้วเธอยิ่งรู้สึกอึดอัด ไม่ได้คิดว่าบรรยากาศโล่งหรือโปร่งสบายเลย เมื่อเข้าไปในห้องรับแขกนิโคลัสก็วางถุงใส่ขนมลงบนโต๊ะ โซอี้เปิดถุงขนมดูและล้วงหยิบเค้กกับคุกกี้ออกมาก่อนหันมาทางภิณไลย์ญาและพูดด้วยประกายตาใสแจ๋วว่า“คุณน้าเนเน่ขา คุณน้าเนเน่ชอบขนมนี้หรือเปล่าคะ”“ว่าแล้วเด็กหญิงก็หยิบคุกกี้ในห่อสีสวยอยู่ในภิณไลย์ญาที่รับไปเธอยิ้มตอบและบอกว่า”“ชอบค่ะ...เอ้อ...”“ชอบก็กินเลยสิคะ แดดี๊ขา มากินขนมด้วยกันเถอะค่ะหนูหิวแล้ว”“ได้สิจ๊ะทูนหัวของ daddy มาเราม
“แต่ตอนนี้มันไม่เหมือนเมื่อก่อน ฉันไม่ได้อยู่กับคุณแล้ว “คุณจะมาทำอะไรแบบนี้ไม่ได้นะคะนิค”“ลืมไปแล้วหรอเนเน่ว่าคุณยังติดค้างอะไรผมอยู่ คุณเป็นคนผิดกฎและทำผิดสัญญากับผมหรือว่าคุณไม่ยอมรับว่าการที่คุณหนีมานี่มันเป็นการไม่รักษาสัญญาที่คุณเคยให้ไว้”“แล้วคุณต้องการอะไรกันล่ะคะ ถ้าคุณต้องการเงินฉันจะพยายามหามาคืนคุณ คุณจะไม่สูญเสียผลประโยชน์ของคุณแม้แต่เซ็นเดียว”“เรื่องนี้คนที่ได้รับผลประโยชน์ไปเต็ม ๆ ก็คือคุณนะเนเน่ผมจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้น้องชายของคุณและพอเขาหายดีคุณก็คิดจะหนีผมไปดื้อ ๆ แบบนี้น่ะหรือ มันไม่ยุติธรรมสำหรับผมรู้ไหม”เขาพูดจบก็บัยดตัวเข้าหาเธอโดยไม่สนใจใครในที่นั้น แต่แล้วนิโคลัสต้องชะงักเมื่อภิณไลย์ญาเงยหน้ามองเขาดวงตาของเธอแดงก่ำ ปากของเธอระริกสั่นและร่างนั้นสั่นสะท้านอยู่ในอ้อมแขนทรงพลัง“ได้โปรดปล่อยฉันไปเถอะค่ะนิค คุณจะให้ฉันทำยังไงก็ได้ ฉันขอร้องเถอะนะคะ”“ผมปล่อยคุณไปไม่ได้หรอกและจะไม่มีวันยอมปล่อยคุณไปไหนด้วย”เขากดน้ำเสียงต่ำแต่คำพูดนั้นหนักแน่นและมีพลังสั่นไหวความรู้สึกของภิณไลย์ญา เธอแทบทรงตัวไว้ไม่อยู่แต่แล้วเสียงของโซอี้ก็ดังขึ้นจากด้านหลัง“แดดี๊ขา...หนูเลือกข
“ไม่เป็นไรหรอกนะ ตอนนี้พิชญ์ดีขึ้นมากแล้ว แม่ก็แค่คอยดูแลให้เขากินอาหาร กินยาให้ตรงเวลาก็เท่านั้นเอง นอกเหนือจากนี้ก็ไม่ได้มีอะไรที่น่าเป็นกังวลเลย ลูกไปกับหนูโซอี้เถอะนะ เขาอุตส่าห์มาหาถึงที่นี่แสดงว่าคิดถึงลูกจริง ๆ”“นั่นน่ะสิครับ...เหมือนอย่างที่คุณแม่ว่า เนเน่อย่าขัดใจโซอี้เลยนะ แกคิดถึง อยากอยู่กับคุณน่ะ”นิโคลัสกล่าวเสริมแต่ภิณไลย์ญารู้สึกราวกับว่าเขากำลังบีบบังคับเธอทางอ้อมอีกแล้ว มันทำให้เธออึดอัดและเครียดขึ้นมาแต่แล้วหัวใจดวงนั้นก็อ่อนยวบลงเมื่อโซอี้เข้ามาสวมกอดและพูดว่า“ไปกินขนมกับหนูเถอะนะคะ คุณน้าเนเน่ขา หนูอยากชวนคุณน้าเนเน่ไปซื้อพาเล็ทสวย ๆ ด้วยค่ะ คุณน้าเนเน่แต่งหน้าให้หนูสวยที่สุดเลย หนูอยากให้คุณน้าเนเน่แต่งหน้าให้หนูอีกค่ะ แดดี๊ก็ไม่ว่าอะไรแล้วนะคะ”“ค่ะ...ก็ได้ค่ะ”ภิญญารับปากทั้งที่ใจจริงเธออยากปฏิเสธและขณะที่พูดกับโซอี้เธอก็พยายามไม่สบนัยน์ตาเข้มของนิโคลัสที่จ้องมองหญิงสาวตลอดเวลา เธอไม่รู้ว่าเขากำลังคิดหรือวางแผนอะไรอยู่การที่เขามาที่นี่คงไม่ได้อยากรู้จักครอบครัวของเธอซึ่งอยู่ในย่านของคนที่มีฐานะการเงินต่ำกว่าเขามากนัก เขาอาจรังเกียจด้วยซ้ำ คนอย่างนิโคลัสซาเวีย