"ท่านอ๋องสืบหาหมอยาฝีมือดีเพื่อปรุงยาถอนพิษให้กับนายท่านและนายหญิงโดยเฉพาะ ส่วนเรื่องที่ท่านอ๋องรู้เรื่องนี้ได้อย่างไรอี้เหลียวก็ไม่บังอาจถาม""ท่านพี่เราเชื่อใจอ๋องฟู่ได้หรือคะในเมื่อเป็นเขาที่โปรดปรานจิงชินเกินใคร"จินเกอวางยาลงบนโต๊ะจ้องเม็ดยาราวกับจะหาคำตอบของคำถามจากยาเม็ดนั้นจิงเชียวกับลู่เย่ว ทะยานขึ้นมาอยู่บนขอบผาสูงชัน"ในที่สุด ในที่สุดข้าก็ทำสำเร็จแล้วอาจารย์"ตะโกนลั่นหุบเขาจิงเชียวยืนกางแขนกว้าง ริมฝีปากแต้มรอยยิ้มสดใสใบหน้างดงามคิ้วเค้มดวงตากลมโตแววตาสดใส รูปร่างอ้อนแอ้นอรชร"ไม่แปลกใจเลยว่าคุณชายวังจิ้งจอกทำไมถึงหลงรักนาง"ลู่เย่วพึมพำเบาๆ ก้มหน้ายิ้มเศร้าๆ เมื่อคิดถึงอนาคตของกัวหลงหลง"ข้าจะไปที่บ้านฉิน ท่านเล่าลู่เย่ว""คุณหนูท่านจะไปในฐานะอะไรและชื่อแซ่ใดกัน"ลู่เย่วเอ่ยปากถาม ก็เมื่อก่อนหน้านั้นที่เขากับกัวหลงหลงแอบหนีขึ้นมาจากวังจิ้งจอกเพื่อมาดูความเป็นอยู่ของจิงเชียวว่าสุขสบายดีไหมตอนนั้นจิงเชียวอ้วนราวกับแม่หมู"ข้าก็ไปในฐานะคุณหนูใหญ่บ้านฉิน""คุณหนู ท่านเปลี่ยนไปเพียงนี้ใครกันจะจำท่านได้ แล้วใครจะเชื่อว่านี่คือคุณหนูใหญ่จิงเชียว ที่อวบอ้วนคนนั้น"จิงเชียวเม้มป
ฟู่อ๋องยิ้มเมื่อคิดถึงคุณหนูจิงเชียวของอี้เหลียว เงยหน้าขึ้นช้าๆภาพตรงหน้า คือหญิงงามอ้อนแอ้นเอวบาง ในอาภรณ์สีดำขลิบแดงสวยสง่าและอ่อนหวานปนเปกันไปใบหน้างดงามจนเขาถึงกับตกตะลึง ใบหน้างดงามที่ไม่ได้แต่งเต็มถึงกระนั้นริมฝีปากสีชมพูอวบอิ่มน่าสัมผัส กลืนน้ำลายลงคอเมื่อเผลอจินตนาการไปถึงริมฝีปากอวบอิ่มนั้นยามสัมผัสจะนุ่มเพียงใดหวานหอมเพียงใด ส่ายหัวไปมาไล่ความคิดของตัวเขาที่เตลิดไปไกลแค่เพียงพบหน้าหญิงนางนี้ ผมยาวสลวยเรียบไว้จนตึงในมือกลับมีกระบี่ราวกับจอมยุทธ์ เขาอดที่จะยิ้มมุมปากกลับท่าทีห้าวหาญที่ขัดตากับใบหน้างามนั้นเสียไม่ได้หันไปหยิบกระบี่ไม้ พุ่งตัวออกจากห้องรับรองวาดกระบี่ไม้เข้าใส่ จิงเชียวแบบต้องการท้าประลอง“เคร้งงงง”จิงเชียวพลิกตัวตวัดกระบี่ออกจากฝักเข้าขวางกระบี่ไม้ของฟู่อ๋องไว้เต็มกำลัง ฟู่อ๋องยิ้มนางมิใช่แค่ระวังตัวแต่กลับรับมือได้ราวกับผ่านการฝึกปรือมาอย่างดี ฟู่อ๋องจ้องใบหน้างามยิ้มๆ จิงเชียวกำกระบี่ไว้ในมือไม่ยอมลดกระบี่ลงแต่ภายในใจยามนี้ใจของจิงเชียวอยู่ที่ตาตุ่มไปเสียแล้ว เมื่อเห็นรอยยิ้มที่ไม่ได้เห็นมานานแสนนานครั้งสุดท้ายที่เห็นคือเมื่อจิงเชียวอายุได้ เก้าปีอี้เหลี
"ข้าไม่ใส่ใจ อภัยให้ท่านอ๋องของเจ้าก็ได้อี้เหลียว แต่นั่นใช่ข้าจะเชื่อเรื่องที่เจ้าพูดมาหรอกนะ แต่ข้าสงสารชายาเอกของท่านอ๋องที่หายไปต่างหาก นางคงจะตกระกำลำบาก และสามีอย่างฟู่อ๋องก็ไม่คิดติดตามถามถึง"อี้เหลียวขมวดคิ้ว เมื่อเห็นท่าทีขึงขังของจิงเชียวจิงเชียว ก้าวเดินออกจากตรงนั้นวังจิ้งจอกกัวหลงหลงในอาภรณ์สีขาวสะอาดตา ร่างสูงกลับมีพวงหางสีขาวสะอาดคล้ายดังปุยนุ่นถึงเก้าหางรางเลือนด้วยมนตร์ลวงตา ยืนกอดอกผึ่งผายมองลอดทางช่องหน้าต่างท่าทางครุ่นคิด"องค์ชาย ลู่เย่วส่งคุณหนูจิงเชียวถึงบ้านแล้ว"คิ้วคมเลิกสูง"นางสงสัยละครที่เราแสดงกันหรือไม่”ยิ้มเมื่อได้คิดถึงจิงเชียว“ไม่ขอรับ คุณหนูมีความมุ่งมั่นที่จะทำให้อาจารย์ภาคภูมิใจ”กัวหลงหลงอมยิ้ม“ข้าจะไปพบนางอีกครั้ง เร็วๆนี้”“องค์ชาย จะไปอีกแล้วหรือฝ่าบาทเพิ่งจะ มีบัญชาให้องค์ชายกลับเข้าวัง”“ข้าก็มาแล้วนี่ ข้ามาแบบนี้อดห่วงศิษย์ข้าไม่ได้แค่เพียงแวะไปช่วยนางให้สมดังใจ จึงหมดห่วง”ลู่เย่วถอนหายใจ“องค์ชายจะทำแบบนี้ไม่ได้ก่อนหน้านั้นองค์ชายบอกกับลู่เย่วว่าแค่นางพร้อมก็จะกลับมาวังจิ้งจอกแต่นี่นางไปแล้วองค์ชายยังจะกลับไปพบนางอีกครั้ง ทั้งที่เราเล่
อี้เหลียวจ้องใบหน้าของจิงเชียวตามสั่ง จิงเชียวนั่งลงกับเก้าอี้ ยื่นหน้ากับตากลมโตให้อี้เหลียวจ้องมองไม่ขยับตัวอี้เหลียว จ้องมองใบหน้างดงามนิ่งมองไล่มาตั้งแต่ร่างบางอ้อนแอ้น ริมฝีปากสีชมพูแก้มใส และสุดท้ายหยุดที่ดวงตากลมโต“คะคะคุณหนู”“เห็น…อะ….ไร”อี้เหลียวยกมือขึ้นปิดปากกลัวว่าจะส่งเสียงร้องด้วยความตื่นเต้นและดีใจ“อี้เหลียวบอกข้าว่าเจ้าเห็นอะไร”“เป็นไปไม่ได้เจ้าค่ะเป็นไปไม่ได้อี้เหลียวเห็นชัดๆ ว่าคุณหนูจิงเชียว….. คุณหนูไม่ได้กระโดดลงไปที่หุบเขาปราบเซียนหรอกหรือ ไม่จริงเป็นไปไม่ได้ไม่มีทางที่คุณหนูจิงเชียว คือคุณหนูอิงเอ่อร์”“อี้เหลียว เจ้ามองให้ดีดี”อี้เหลียวจ้องใบหน้างามตาไม่กะพริบจะปฏิเสธได้อย่างไรว่านี่คือจิงเชียว หากจะมีใครสักคนที่จำจิงเชียวได้นั่นก็ควรจะเป็นอี้เหลียวเดินถอยห่างออกจากจิงเชียว อย่างไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่เห็น“อี้เหลียวของขวัญแต่งงานจากฝ่าบาท ที่เป็นแหวนหยกแดงกับกวานสวมศีรษะทำจากทองและทับทิม ที่ข้าให้เจ้าเอากลับมาซ่อนไว้ที่ห้องนอนของข้าที่บ้านฉินไม่ให้น้องรองจิงชินได้เห็นมันกลัวว่าน้องจะเสียใจ ของสองสิ่งนั้นยังอยู่ไหม”อี้เหลียวปล่อยหยาดน้ำตาไหลริน พุ่งตัวเข
“เจ้าโง่ ฮ่องเต้ มีสนมสามพันนางหกตำหนัก ข้าเป็นไท่จือก็ควรจะสั่งสมไว้ก่อนที่จะนั่งบัลลังก์ สายเลือดมังกรก็ควรจะให้แผ่ไปให้ไพศาล”“โครมมมมมม”เสียงบางอย่างกระแทกเกี้ยวอย่างจัง“คุ้มกันไท่จือๆ”องครักษ์ต่างรายล้อมเกี้ยวไว้ อู้ตี้เปิดหน้าต่างชะโงกหน้ามาด้านนอก“ใต้เท้าอภัยด้วย ลูกชายของข้า เป็นเด็กไม่สมประกอบ หญิงนางหนึ่งกอดร่างของเด็กวัยสิบห้าที่ริมฝีปากบิดเบี้ยวถือก้อนหินในมือซ้ายก้อนหินที่มือขวาตกอยู่บนพื้นเมื่อถูกขว้างเขาใส่เกี้ยวพระที่นั่ง“ประหาร จะสมประกอบหรือไม่เจ้าปล่อยลูกเจ้ามาทำไมกัน” องครักษ์หันมองหน้ากัน อู้ตี้กระโดดลงจากเกี้ยว ชักกระบี่จากมือขององครักษ์ เงื้อขึ้นสุดแรง“ไท่จือโปรดอภัย”จิงเชียวและอี้เหลียวที่มายังตลาดเช่นกันและเห็นคนกำลังรายล้อมเหมือนกำลังเกิดอะไรบางอย่างขึ้นและเห็นว่าป้าหยูแม่ครัวของบ้านฉินกับเสี่ยวจือเด็กชายไม่สมประกอบกำลังยืนตัวสั่นต่อหน้าไท่จืออู้ตี้ จิงเชียวเข้าไปขวางคมกระบี่ไว้อู้ตี้อ้าปากค้าง จ้องมองใบหน้างดงามของจิงเชียวตาไม่กะพริบ หัวใจหล่นลงไปที่ตาตุ่ม มือไม้อ่อนแรงปล่อยกระบี่คมตกลงข้างกาย“เคร้งงงง”“ไท่จือได้โปรดเมตตา ท่านป้าหยูเสี่ยวจือคุกเข่
“ใครกันอยากจะเป็นชายาสามของเขากัน” อี้เหลียวยิ้ม“เอก่อนหน้านั้นใครน้าที่ดีใจที่จะได้เป็นชายาเอกของท่านอ๋อง” จิงเชียวใบหน้าแดงระเรื่อด้วยความเขินอาย“ก็ตอนนั้นข้า ข้า”อึกอักหาคำตอบไม่ได้“ท่านอ๋องเองก็ดีกับคุณหนูนี่เจ้าค่ะ แม้ตอนนี้จะไม่ใช่คุณหนูจิงเชียวท่านอ๋องก็ยอมก้าวขามาปกป้องยอมบาดหมางกับไท่จือ”“นั่นเพราะเขาเห็นว่าข้าคือหญิงงามต่างหาก เขาเห็นว่าข้าคือหญิงงามเลยต้องการที่จะบอกกับใครต่อใครว่ารู้จักกับข้าก่อนใครรวมทั้งไท่จือ”“คุณหนูขาท่านอ๋องไม่แน่ว่าจะมองออกว่าคุณหนู คือคุณหนูจิงเชียว”“ช่างเขาสิเจ้าได้ยินเขาพูดไหม …ชายาเอกข้าหายไปตั้งสามเดือนแล้ว เขานับวันคืนเพียงนั้นเชียวหรือเขาพะวงว่าข้าไม่อยู่เพียงนั้นเชียวหรือจึงนับวันคืนแต่สุดท้ายก็อยากจะแต่งชายาสาม”อี้เหลียวอดขำเสียไม่ได้ ไหน้ำส้มของคุณหนูแตกทว่าเป็นการหึงหวงตัวเอง จิงเชียวหึงหวงคุณหนูจิงเชียวที่ผอมกว่างดงามกว่า“แต่คุณหนูก็คือชายาเอกนะเจ้าค่ะ หากความจริงปรากฏคุณหนูก็คือชายาเอกอยู่ดีถึงจะต้องแต่งกับท่านอ๋องในตำแหน่งชายาสามก็ตาม”“นั่นสิ ข้าไม่อยากเป็นชายาสามอย่างไรเล่า ข้าจะว่าเห็นแก่ตัวก็ใช่เพราะข้าอยากเป็นชายาเอกหากไม่ใ
“ตำแหน่งหวังตี้ เป็นรองเพียงฮ่องเต้เพียงคนเดียว ข้าคงร่วมยินดีด้วยหากว่าท่านอาไม่ทำชายาอ้วนหายไป ป่านนี้คงได้เป็นหวังไปแล้วหากจะให้ตำแหน่งนี้เป็นของท่านอาข้าเห็นควรว่า หาศพหญิงอ้วนที่ไหนสักคนมาแทนศพของ ชายาอ้วนคนนั้น คนอย่างท่านอาทำได้ทุกอย่างอยู่แล้ว”คราวนี้เป็นฟู่อ๋องที่กัดฟันแน่น อู้ตี้หัวเราะร่าเอามือไพล่หลังก้าวเดินจากไป“กลับจวนเสียพร้อมกัน ผ้าที่เจ้าจะใช้ไว้มาเลือกในคราวต่อไป” จิงชินก้มหน้า“จิงชินตั้งใจแวะไป ที่บ้านฉินสอบถามสารทุกข์สุกดิบท่านพ่อกับท่านแม่”หาทางที่จะอยู่ต่อรู้ดีว่าอู้ตี้ไปรอที่นัดหมายก่อนแล้ว“ดีเลย ข้าก็คิดว่าจะไปที่บ้านฉินเจ้ายังไม่รู้สินะ หลานสาวของท่านลุงฉินอิงเอ่อร์นางมาพำนักที่บ้านฉินรอการคัดตัวนางใน ข้าอยากให้เจ้าพบนาง”พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยทว่าแกว่งๆ ในตอนท้าย“เอ่อเอ่อ ท่านอ๋อง ไปก่อนดีไหม จิงชินเลือกผ้าไม่เกินหนึ่งชั่วยามท่านอ๋องจะได้มีเวลาคุยเรื่องในราชสำนักกับท่านพ่อ”หาทางจนได้ เรื่องรักอยู่ในหัวใจแต่ความกระหายในความใคร่นั้นไม่อาจปฏิเสธว่าไม่สำคัญบ้านฉิน“คุณหนูเจ้าขา อี้เหลียวเตรียมน้ำร้อนไว้พร้อมแล้วมาอาบเสียก่อนเจ้าค่ะอี้เหลียวจะไปยกอาหารวา
งูตัวน้อยอ้วนพีเลื้อยขึ้นมาจากน้ำอุ่น รีบหาที่ซ่อนตัว"เจ้าก็แค่ได้อุ้มนาง เจ้าอ๋องหน้าเฉย ส่วนข้าได้แช่น้ำอุ่นกับร่างเปลือยเปล่าของนาง ได้เห็นทรวดทรงองค์เอวงดงามของนาง" กัวหลงหลงในร่างงูน้อยถอนหายใจยาว จะบอกว่าได้เห็นร่างเปลือยเปล่าก็ไม่ถูก เขาใช้มนตร์บังตากลายร่างเป็นงู เลื้อยเข้ามารอจิงเชียวในห้องทว่ากลับคิดขึ้นได้ว่าจิงเชียวกลัวงู จึงเลื้อยขึ้นไปบนขื่อไม้ แต่ก็นั่นแหละดันหลบไปในห้องน้ำที่นางมาแช่น้ำอุ่นพอดี พอนางปลดอาภรณ์เผยร่างเปลือยเปล่าเขาแม้อยากจะมอง กลับหลับตาปี๋ไม่กล้ามองให้ใจสั่น กัวหลงหลงเอ๊ยกัวหลงหลวยังกล้าอวดอ้างว่าเห็นเรือนร่างเปลือยเปล่านาง บำเพ็ญเพียรมา3500ปีไม่เคยเข้าใกล้นางจิ้งจอกนางไหน เรื่องที่บุรุษควรกระทำก็ไม่เคยได้ลอง ครั้นพอนางแช่น้ำอุ่นกลับใจสั่นท่องมนตร์บังตาผิดถูกร่วงลงจากขื่อตกลงไปในน้ำ ดีที่จิงเชียวหลับตา แต่ก็ไม่วายพยายามว่ายน้ำขึ้นมาสูดอากาศหายใจได้ทัน ดีที่ไม่จมน้ำตาย"ทะทะท่านอ๋อง คะคะคุณหนู"เสียงอี้เหลียวที่ยกอาหารว่างเข้ามาพบอ๋องหน้าเฉยกับจิงเชียวแนบชิดกันเจ้าอ๋องหน้าเฉยนั่นยังอุ้มจิงเชียวให้ใจเขาเจ็บแปลบจะอุ้มนางทำไมเขาก็แค่งูกินปลาไร้พิษสง รอ
อู้ตี้ปากไวเท่าความคิด ทำเอาเหล่าหญิงงามต่างหัวเราะขบขัน จิงเชียวกัดเม้มริมฝีปากแน่นฟู่อ๋องอมยิ้มกับดอกท้อสีแดงสดตรงกลางผ้าสีขาวสะอาดดอกท้อสีแดงโดดเด่นบนนั้นเหมือน จิงเชียวในตอนนี้ยิ่งแน่ใจว่านี่คือจิงเชียวน้อยของเขาที่กี่ปีก็ไม่เคยเปลี่ยนนางปักได้เพียงดอกท้อสีแดงตั้งแต่เก้าขวบกัวหลงหลงดึงเอาผ้าขาวจากมือฟู่อ๋อง"งดงาม งดงามจริงๆ ช่างเป็นดอกท้อที่แตกต่างแต่มีมนต์ขลังพวกท่านเห็นไหม ไม่ใช่ใครจะปักลวดลายแบบนี้ได้ง่ายๆ งดงามแต่เรียบง่าย ธรรมดาแต่น่าจดจำ"หญิงงามที่กำลังซุบซิบต่างเงียบเสียงมองไปที่ดอกท้อสีแดงสดเพียงดอกเดียวนั้น"ท่านองครักษ์ท่านเลอะเลือนไปแล้วหรือ เช่นไรจึงได้กล่าวชื่นขมเพียงแค่คนที่ทำอะไรง่ายๆอย่างนี้ นางไร้ความสามรถท่านยังเอ่ยชมเห็นว่านางมีใบหน้างดงามเป็นต่อพวกเราหรือไร"บุตรีของขุนนางใหญ่แซ่จือกล่าวติเตือนกัวหลงหลง"หืม. ..พวกเจ้าล้วนคิดว่าลวดลายงดงาม เท่านั้นที่จะผ่านการคัดเลือก จริงๆแล้วการที่ใครสักคนใส่ใจงานที่ได้รับมอบหมายให้เสร็จสิ้น รู้จักพลิกแพงนั่นนับว่าหลักแหลมยิ่งแล้ว เขาสั่งให้ปักจึงปัก ลวดลายสะท้อนความเป็นตัวตนนางเป็นง่ายๆ ทว่าก็ทำตามกฎ"อู้หลงฮ่องเต้ก้าวเข
“เสด็จพ่อแค่นี้ก็ยากจะตัดสินใจแล้วยังจะให้เขามาช่วยสังเกตการณ์เรื่องใดกันเล่า”ออกอาการเพราะเรียกรับผลประโยชน์จากบรรดาพ่อๆที่เป็นขุนนางชั้นผู้ใหญ่ไปแล้วว่าจะให้บุตรีของขุนนางกังฉินทั้งหลายผ่านการคัดตัวนางในปีนี้“ฝ่าบาท หลายคนเหมาะแล้วพ่ะย่ะค่ะไท่จือก็ยังอ่อนประสบการณ์ท่านอ๋องเองก็เก่งแต่เรื่องรบรา ท่านองครักษ์กัวหน่วยก้านไม่เลวบางทีหลายหัวย่อมดีกว่าหัวเดียว”ใต้เท้าเหวินที่เป็นขุนนางที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดรีบสนองกัวหลงหลงยิ้มเปลี่ยนเรื่องราวตึงเครียดให้กลายเป็นเรื่องการคัดตัวนางในเสียทุกคนต่างลืมเลือนเรื่องการลอบสังหารไปเสียสิ้น แต่คนผู้หนึ่งที่ไม่ลืม นั่นก็คืออู้หลงฮ่องเต้ตำหนักกุ้ยฮวาสำหรับคัดตัวนางใน ลานกว้างที่ปูด้วยหินสีขาวสะอาดเหล่านางกำนัลสวมใส่อาภรณ์ของนางกำนัลฝึกหัด อวดรูปร่างอ้อนแอ้นของแต่ละนางไม่ต้องบอกก็รู้ว่าจิงเชียวงดงามทั้งรูปร่างและใบหน้าที่หาใครเทียบเคียงได้พวกนางต่างกำลัง นั่งอยู่บนโต๊ะตัวเตี้ยของแต่ละนางบรรจงปักลวดลายลงบนผ้าขาวด้วยด้ายหลากสีเพื่อให้อวดฝีมือด้านหารเย็บปักคราวนี้เองไม่บอกก็รู้ว่า งานเย็บปักของจิงเชียวไม่ได้เรื่องแค่ไหน“หมดเวลาาาาาา”เวลาหนึ่งชั่วยามที
“พ่ะย่ะค่ะ เอ่อเรื่องมีอยู่ว่า กงฉือพำนักที่บ้านท่านป้าฉินตั้งใจจะเข้ามาสอบจอหงวน และบังเอิญได้พบท่านอ๋องและก็บังเอิญอีกเช่นกันที่ท่านลุงฉินมีหลานสาวที่กำลังจะเข้ามาคัดตัวนางในนามว่าอิงเอ่อร์งดงามที่สุดในสามแคว้น และเราสองคนข้าหมายถึงท่านอ๋องกับข้าเราจึงไม่ต้องชะตากัน เพราะหญิงงามแล้วบังเอิญอีกครั้งที่ข้า เป็นคนที่นอนไม่หลับอยากจะรู้ว่าวังหลวงของแคว้นเป่ยฉียิ่งใหญ่เพียงใด และอยู่ที่ไกลจากบ้านท่านป้าแค่ไหนจึงออกเดินลัดเลาะตั้งแต่พลบค่ำ และบังเอิญ ข้าเดินเฉี่ยวจวนอ๋อง ท่านอ๋องที่ไม่กินเส้นกันเห็นว่าเป็นข้า ด้วยความที่เราไม่ถูกกันอยู่แล้วท่านอ๋องจึง ตั้งใจหาเรื่องข้าข้าก็เลยหาทางเลี่ยงโดยการหนีไปเสีย และท่านอ๋องก็ตามไม่เลิกจนกระทั่งเราทั้งสองเข้ามาในวังหลวงและข้าช่วยฝ่าบาทจากมือสังหารไว้ได้” เงยหน้ามองไปยังฟู่อ๋องที่กำลังมองอยู่ก่อนแล้วเช่นกัน“อืมมมม แบบนี้นี่เองมิน่าเล่า ฟู่อ๋องจะพูดว่าตามท่านองครักษ์มาก็เกรงว่าจะทำให้คนอื่นมองว่าแค่เรื่องหญิงงามก็ถึงกับต้องห่ำหั่นกันข้าเข้าใจแล้ว ข้าชักอยากจะเห็นหน้า หลานสาวใต้เท้าฉินอิงเอ่อร์เสียแล้วสิ”อู้หลงพูดไปยิ้มไป อู้ตี้กัดฟันจนเป็นสันนูนเจ้า
“ฝ่าบาทป่านนี้ยังจับมือสังหารไม่ได้คงต้องเพิ่มกำลังอารักขา อย่างแข็งขัน”ใต้เท้าเหวิน ที่คุมกองกำลังองครักษ์ก้าวออกมาตรงหน้าอู้หลงฮ่องเต้ นั่งบนบัลลังก์มังกร ข้างๆเป็นกัวหลงหลงที่ยืนทำท่าทีแข็งขัน“มือสังหารเข้านอกออกในได้ง่ายดายราวกับคุ้นเคยกับวังหลวงเป็นอย่างดีไม่แน่ว่าอาจจะมีคนในหนุนหลัง” ใต้เท้าฉินเอ่ยปากดังๆ“ถึงกับลอบสังหารฝ่าบาทช่างอาจหาญยิ่งนัก มุ่งหวังในบัลลังก์อย่างไม่ต้องสงสัย”ไท่จืออู้ตี้ใช้คำพูดยุยง“บังอาจ กล้าเอ่ยคำว่ามุ่งหวังในบัลลังก์ เจ้าตั้งใจหมายถึงใครอู้ตี้”อู้หลงฮ่องเต้เต็มไปด้วยโทสะ“เสด็จพ่ออู้ตี้พูดความจริง บัลลังก์มังกรใครบ้างไม่มุ่งหวังนอกจากลูกที่เป็นถึงไท่จือใครๆก็ล้วนแต่ต้องการบัลลังก์ โดยเฉพาะคนที่พลาดหวังในบัลลังก์”ฟู่ฉวีช่ายยิ้มเย็น“ไท่จือท่านพูดแบบนี้ เหมือนจงใจใส่ร้ายท่านอ๋องฟู่ที่เป็นอนุชาของฝ่าบาท”อู้หลงตบโต๊ะเบื้องหน้าดังลั่น“จริงอย่างที่ใต้เท้าฉินกล่าวหรือไม่ อู้ตี้อย่ากล่าวหาลอยๆ”ฟู่อ๋องยังมีท่าทีเฉยชา กัวหลงหลงเหลือบตามองท่าทีของฟู่อ๋อง“จะมีสักกี่คนที่ ….ยามจื่อแต่ทว่ากลับเดินเล่นรับลมจนมาถึงวังหลวงทั้งที่จวนอ๋องห่างออกไปเกือบครึ่งลี้”
โน้มตัวลงใกล้สุดใกล้“ได้หรือ เจ้ายินดีแต่งกับข้าเลยไหมเล่าหากเจ้ายินดีข้าก็พร้อมที่จะเข้าเฝ้ากราบบังคมทูลขออนุญาตแต่งเจ้า”น้ำเสียงราวกับผู้ชนะจิงเชียวย่นจมูก“ไม่มีทาง ชายาเอกท่านหายไปนอกจากไม่ติดตามถามข่าวท่านยัง…คิดแต่งชายาใหม่ข้าไม่มีทางยอม”คราวนี้ฟู่อ๋องรู้ทันทีว่าตัวเขาคือผู้ชนะอย่างแท้จริง“จะติดตามทำไมในเมื่อข้าพบนางแล้ว หรือเจ้าว่าข้าโง่ถึงกับมองไม่ออก”กระซิบข้างหูให้ได้ยินเพียงแค่สองคน“อย่ามาพูดแบบนี้นะ ท่านก็แค่ก็แค่……เห็นหญิงงามไม่ได้ก็เท่านั้นท่านมันคน …คนไม่ซื่อตรงต่อชายาของท่านคนใจโลเล”ฟู่อ๋องถอนหายใจยาว“ยอม ข้ายอมให้เจ้า จะว่าอย่างไรก็เชิญเจ้าตามสะดวก”“ท่านอาฟู่อ๋อง วันนี้ว่างจากราชกิจมายุ่ง อุ๊ยข้าใช้คำผิด ให้เกียรติมาดูแลความเรียบร้อยของการรับตัวผู้เข้าคัดตัวนางในด้วยตัวเองกลัวว่าอู้ตี้จะไร้สามารถทำการโดยลำพังหรือไร”“ข้ามาเพื่อนาง ข้ามาเพื่อคนของข้า”อู้ตี้ยิ้มหยัน“คุณหนู แซ่กัว มาคัดตัวนางในตอนนี้มีรายชื่ออยู่ในระเบียนผู้เข้าคัดตัวแล้วเท่ากับคุณหนูกัวเป็นคนของวังหลวงท่านอาจะอุปโลกน์ว่านางเป็นคนของท่านอาโดยอาศัยอำนาจอ๋องฟู่เช่นนั้นข้าในฐานะผู้ดูแลการคัดตัวนางใน
กัวหลงหลงพยักหน้าขึ้นลงยิ้มมุมปาก"ท่านยินดี ช่วยไท่จือหรือไม่”“จะให้ข้าช่วยอย่างไร”กัวหลงหลงแสร้งโง่“ท่านก็แค่พูดเหมือนที่ข้าสงสัย และช่วยชี้ให้เห็นว่าจะมีกี่คนกันที่เข้ามาพอดีกับที่ฝ่าบาทกำลังถูกลอบสังหาร”“ได้ๆๆๆ แต่ข้าหวังว่าสิ่งที่ข้าทำครั้งนี้จะช่วยไท่จือผู้บริสุทธิ์ให้พ้นมลทินได้”ขันทีเจ้าเล่ห์ยิ้ม“ครั้งนี้ถือว่าเป็นบุญคุณ ไท่จือรับปากว่าหากท่านช่วยแก้ต่างให้กับไท่จือ ต่อไปหากท่านมีสิ่งใดที่รับมือไม่ไหวหรืออยากจะได้ ไท่จือยินดีให้ท่านตามที่ขอ”“ข้าจะจำใส่ใจ ข้าก็แค่คนบ้านป่า ได้รับใช้ไท่จือนับว่าเป็นบุญของข้ายิ่งแล้ว”จวนอ๋อง“ท่านอ๋องไม่เคยเหลียวแลข้าทั้งที่ ข้าไม่ได้อัปลักษณ์หรือน่ารังเกียจตรงไหนเจ้าช่วยข้าหาเหตุผลว่าเหตุใดท่านอ๋องจึงไม่สนใจไยดีข้าเหมือนที่ควรจะเป็นเมื่อคืนข้าเปลือยกายตรงหน้าเขากลับเลือกที่จะวิ่งตามงูที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าไปทางไหน”สาวใช้ข้างกายเสี่ยวฟางก้มหน้าถอนหายใจพูดอ้อมแอ้ม“พระชายา บางทีท่านอ๋องอาจมีบางอย่างในใจ หรือไม่อาจจะสืบรู้ว่าเอ่อ เอ่อพระชายาเป็นคนของไท่จือมาก่อนแล้ว”จิงชินขมวดคิ้ว“เป็นไปไม่ได้ เรื่องนี้เป็นความลับอย่างที่สุด มีแค่ข้ากับเจ้าเท่
ลู่เยว่ยืนรีรอหน้าห้องพักของจิงเชียว“คุณหนูขอรับ”จิงเชียวยิ้ม สาวเท้ามาหยุดตรงหน้าลู่เยว่ด้วยสายตาที่บ่งบอกว่าดีใจอย่างที่สุด“อาจารย์เป็นอย่างไรบ้าง”ลู่เยว่เพียงแค่ยิ้ม กัวหลงหลงเป็นจิ้งจอกเก้าหางที่บำเพ็ญเพียรและมีคุณธรรมมาตลอด การบำเพ็ญเพียงสู่จุดสูงสุดแล้ว อาวุธไม่อาจทำร้ายได้ จึงไม่มีอะไรน่าห่วง เขาไปถึงกัวหลงหลงก็ฟื้นจากอาการบาดเจ็บแล้วที่ที่สำคัญนั้นเป็นเพราะฝ่าบาทที่ให้คนคอยดูแลจนกัวหลงหลงไม่อาจขยับตัวและหนีออกจากวังหลวงมาได้สิ่งเดียวที่ทำได้ในตอนนี้คือ อยู่เฉยๆเสียในวังหลวงมีม่านอาคมที่ไม่อาจแปลงกายได้ตามใจ อีกทั้งป้ายหยกที่ฝ่าบาทแขวนไว้ยังทำให้กัวหลงหลงอ่อนแรง“คุณชายเอ่อท่านอาจารย์ของคุณหนูปลอดภัยแล้ว บอกให้ลู่เยว่ส่งข่าวคุณหนู ว่าอีกไม่นานจะหาทางออกมาพบคุณหนูไม่ให้เป็นห่วง”“เฮ้อ โล่งใจที่สุด ดีจังอาจารย์ปลอดภัยแล้วพรุ่งนี้ข้าจะต้องเข้าวังก็คงได้พบกันที่นั่น ลู่เย่วแจ้งข่าวบอกท่านแม่เสียจะได้ไม่สงสัยว่าอาจารย์หายไปไหน”“ลู่เยว่กับอาจารย์ปรึกษากันแล้ว ตอนนี้ฝ่าบาททรงห่วงใยคุณชายกัวมากจึงไม่ให้ไปไหน บางทีคุณหนูควรจะพูดกับท่านแม่คุณหนูแทนคุณชาย"จิงเชียวยิ้มเจื่อนๆ ก็ฟู่อ๋อ
“แต่นี่ข้าทำให้ท่านกงฉือโดยเฉพาะ ท่านอ๋องไม่ควรจะกินมันในเมื่อท่านกงฉือเองก็บาดเจ็บและไม่มีโอกาสได้กิน” ฟู่อ๋องยิ้มเศร้าๆ“อิจฉาจริง กงฉือผู้นั้น มาไม่ทันไรใครต่อใครต่างรุมเอาใจเขาแม้กระทั่งฝ่าบาทที่วิ่งวุ่นหาหมอหายา แล้วยังบัญชาให้ข้าคอยดูแลเขา ไหนจะคุณหนูอิงเอ่อร์ที่ใส่ใจแม้กระทั่งอาหารการกิน”จิงเชียวยิ้มแห้งๆ เหมือนจะนึกขึ้นได้“เอาแบบนี้ดีไหมข้าไปทำอาหารง่ายๆ ให้ท่านอ๋องสักสองสามอย่าง ท่านอ๋องชอบกินอะไรเป็นพิเศษ”จิงเชียวก็คือจิงเชียวนางไม่เคยโกรธใครนางไม่เคยไม่ดีกับใคร“ข้าครั้งหนึ่งเคยทำ กุ้งผัดซอสเฉฉวนให้คนที่ข้าคิดว่านางคือหญิงหนึ่งในใจ นางกินมันด้วยความเอร็ดอร่อย และตั้งแต่นั้นมาเมื่อพบกันในทุกๆ ครั้งนางมักจะให้ข้าทำกุ้งผัดซอสเฉฉวนให้เป็นประจำและนางจะชวนข้ากินทุกครั้งนางบอกว่ามันรสดีที่สุดแต่ข้ามักจะโกหกนางว่า ข้าไม่ชอบกินกุ้งทั้งๆ…ที่ ข้าไม่อยากจะแย่งนางเห็นนางกินก็มีความสุขแล้วได้นั่งมองนางกินของที่ข้าตั้งใจทำให้ก็มีความสุขแล้ว จนกระทั่งข้าต้องไปรบสามปีจึงไม่เคยได้นั่งมองนางกินกุ้งผัดซอสเฉฉวนฝีมือข้าอีกเลย”จิงเชียวน้ำตารื้นขอบตา ก็เรื่องที่ฟู่อ๋องพูดมาเป็นเรื่องราวระหว่างฟ
“เขาไปไหนของเขากันนะ”จิงเชียวเดินรอบๆ ห้องพักลู่เย่วประสานมือตรงหน้า“คุณหนู เออองค์ เอ่อคุณชายออกไปตั้งแต่เมื่อคืนป่านนี้ยังไม่กลับมา”สีหน้าเป็นกังวลไม่น้อย“แล้วทำไมท่านไม่ติดตามท่านอาจารย์ไปเล่า”จิงเชียวพูดตามความจริง“เอ่อคุณชายไม่ให้ลู่เยว่ตามไป”จิงเชียวถอนหายใจ“พวกท่านทั้งสองคนมีอะไรที่จะบอกข้าไหม เรื่องราวที่ผ่านมายังไม่ได้รับความกระจ่าง”ลู่เย่วรีบหลบตา“บอกมาอย่าปิดบังข้า”ลู่เยว่ ก้มหน้านิ่งกำลังจะหาทางออกว่าควรจะแก้ตัวว่าอย่างไรไม่ได้ซักซ้อมไว้กับกัวหลงหลง“คุณหนูอิงเอ่อร์ที่เป็นแขกของบ้านฉิน มีน้ำใจยิ่งนักยกอาหารเช้าให้กับแขกของบ้านฉิน”ร่างสูงชะลูดของฟู่อ๋องเอามือไพล่หลังเดินมาจากด้านหน้าบ้านฉิน“ขอบคุณท่านอ๋องที่เอ่ยชม ความจริงจิง..อิงเอ่อร์ก็ดีกับทุกคนไม่เว้นใครท่านอ๋องลองมาเป็นแขกที่บ้านฉินดูจะดีไหม”ยิ้มสดใสแววตาใสซื่อฟู่อ๋องถอนหายใจยาว“ข้ามาส่งข่าวเรื่องหลานของฮูหยินฉินกงฉือ ที่บัดนี้พักรักษาตัวที่วังหลวงด้วยอาการบาดเจ็บ”จิงเชียวหน้าซีดเผือดยกมือขึ้นกุมที่อก“อะอะอุ๊ป”ยกมือขึ้นปิดปากตัวเอง ฟู่อ๋องสังเกตท่าทีตื่นตกใจนั้นตลอดเวลา“อี้เหลียว ข้าจะเข้าวังหลวงเดี๋ยวนี้