ชายาเอกเหตุใดต้องเป็นคนของเหอตงหยวนแต่ไม่อาจมีคำใดเอื้อนเอ่ยออกมาได้แต่ก้มหน้านิ่ง“ท่านคิดว่าอย่างไรเสีย ก็ยังปักใจให้จิวซินน้องเป็นชายาเอกเช่นนั้นหรือ”“ไม่เป็นการอยุติธรรมไปหน่อยหรือหากข้าจะรีบตัดสินน้องของท่านเพียงเพราะคำพูดของท่านเท่านั้นองค์ชายใหญ่” ชงไฉ่แสดงให้เห็นถึงความเป็นบุรุษอย่างแท้จริงที่ไม่อาจตัดสินหญิงใดเพียงแค่คำนินทา จิวซินเผลอยิ้มด้วยความพึงใจ“ดีเช่นนั้นท่านต้องได้พานพบนางอย่างแน่นอนเมื่อนั้นค่อยตัดสินนางยังไม่สาย” ยกชาขึ้นจิบละเมียดรสชาที่ขมปนฝาดเยว่ฉีเหลือบตามองจิวซินอย่างค้นคว้าแม่เป็นสตรีหากแต่นางก็ไม่สามารถมองออกได้ว่าจิวซินมิใช่บุรุษอย่างแท้จริงจิวซินระมัดระวังตัวอย่างมากเมื่ออยู่ต่อหน้าหญิงสาวเพราะกิริยาบางอย่างมีเพียงอิสตรีด้วยกันเท่านั้นที่สามารถมองทะลุปรุโปร่ง“องค์ชายใหญ่จิ่นเกอ องอาจงดงามมิเสียแรงที่ทั่วทั้งวังกล่าวขานถึงความองอาจของท่าน” เยว่ฉีลองหยั่งเชิงดู“แม่นางเยว่ฉี กล่าวเช่นนี้องค์รัชทายาทจะเคืองขุ่นเมื่อภรรยากับเห็นผู้อื่นองอาจกว่าคนที่ร่วมเตียงทุกคืนวัน” ชงไฉ่อมยิ้มกับคำกล่าวของจิวซิน เยว่ฉีทำหน้าตากลืนไม่เข้าคายไม่ออก ไม่คิดว่าตัวเองจะพูดผิด
การเดินทางรวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อสองข้างทางแม้จะรกเรือหากแต่ทางที่ไปนับว่าสะดวกสบายเหลืออีกไม่กี่ลี้ก็จะเข้าเขตแดนของเหอตงหยวนซิงซาบังคับม้าให้หยุด“องค์ชายเบื้องหน้าเป็นเขตแดนของเหอตงหยวนแล้วเราพักที่นี่เสียก่อนพรุ่งนี้ค่อยเดินทางต่อ”“เร่งเดินทางดีกว่าซิงซาอาจมีโรงเตี้ยมสักแห่งให้พักแรมดีกว่านอนกลางป่าเขา” ซิงซากระตุกม้าให้ตะบึงแทนคำตอบทั้งคู่ เข้าสู่ชายแดนเหอตงหยวนดวงอาทิตย์เริ่มอัสดงคล้อยแสงต่ำลงหาได้พบโรงเตี้ยมอย่างที่คิดไว้ไม่ชงไฉ่กระตุกม้าเร่งความเร็วจนเคียงคู่ม้าของซิงซา“คงต้องพักค้างแรมเสียแล้วม้าและเราทั้งคู่เหนื่อยล้ามากคงต้องพักเสียที่นี่ไม่มีโรงเตี้ยมอย่างที่คิดไว้”“องค์ชายซิงซาจะหายิงไก่ป่ามาย่าง” ซิงซาอาสาคว้าธนูมาถือไว้มั่นเหมาะควบม้าจากไปชงไฉ่หากิ่งไม้แห้งมาก่อกองไฟ ตัดกิ่งไม้มาปูนั่งรอซิงซาความมืดเข้าปกคลุมทั่วบริเวณแสงสุดท้ายกำลังจะลับขอบฟ้าซิงซาควบม้าตะบึงตามกระต่ายไปหาใช่ไก่ป่าไม่จนเข้าไปในดงไผ่หนาทึบ วกวน หาทางออกไม่เจอ ควบม้าวนไปวนมาจนเหนื่อยล้ามือสังหารนับสิบกรูกันเข้ามาล้อมกรอบชงไฉ่ไว้กระบี่ในมือไม่อาจดูดายถูกชักออกจากฝักด้วยท่วงท่าสง่างามเข้าพันตุด้วยไม
จิวซิน ผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นอาภรณ์ขององค์หญิงไม่ลืมที่จะหยิบผ้าแพรฝืนบางเบาคาดปิดใบหน้าครึ่งปากครึ่งจมูกทรุดตัวลงนั่งข้างชงไฉ่ บรรจงใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดตัว ดึกสงัดจิวซินเผลอฟุบหลับพร้อมกับผ้าเช็ดตัวในมือด้วยความง่วงและความอ่อนเพลียจากการเดินทางชงไฉ่งัวเงียอาการเจ็บแปลบที่แผลทำเอาไม่สามารถพยุงตัวลุกขึ้นได้กลอกตาไปมารอบๆ จนสะดุดเข้ากับร่างบางในอาภรณ์สีสวยสดข้างกาย ใบหน้างดงามแต่ถูกปิดบังไว้ด้วยผ้าแพรบางเบา ความสงสัยไม่อาจอดกลั้นได้ ชงเอื้อมมือหมายปลดผ้าแพรบนใบหน้างามที่มองขัดตาเหลือเกิน แต่ทว่ายังไม่ทันที่จะเอื้อมมือไปจับชายผ้าได้จิวซินกลับตื่นขึ้นมาเสียก่อน ปัดมือของชงไฉ่อย่างแรงด้วยความตกใจ“ใบหน้าข้าอัปลักษณ์ยิ่ง ท่านไม่สมควรจะได้เห็นมัน” ชงไฉ่หดมือกลับ“แม่นางขอบคุณที่ช่วยข้าไว้แม่นางมีชื่อแซ่ว่าอย่างไร”“ข้าจิวซินองค์หญิงรองของเหอตงหยวน หวังว่าท่านคงจะเคยได้ยิน” ชงไฉ่ตะลึงมอง คำพูดของจิ่นเกอที่เขาได้ยินว่าน้องสาวร่วมบิดาใบหน้าขี้ริ้วกิริยาหยาบกระด้างไม่อาจปฏิเสธได้“ข้าชงไฉ่องค์ชายสิบสององค์รัชทายาทของไห่ตงหยวนยินดีที่พบองค์หญิงรอง” ชงไฉ่รู้ว่าไม่จำเป็นต้องปิดบังฐานะของตนเองในเมื่อ
“ทำไม่ไม่เอ่ยปากสักคำเล่าข้าป้อนท่านก็ได้” จิวซินนึกเป็นห่วงชงไฉ่ไม่น้อยคิดว่าตัวเองเล่นแรงไปหน่อยเมื่อวานเขาก็ยังไม่ได้กินอะไรแล้วยังบาดเจ็บอีกยกชามข้าวต้มในมือขึ้นจ่อริมฝีปากขององค์ชายสิบสอง กลิ่นหอมนั้นทำเอาชงไฉ่ถึงกับกลืนน้ำลาย“ความกตัญญูของบุรุษคือล้างแค้นแทนพ่อ ความกตัญญูของลูกสาวคือการปรนนิบัติคนในครอบครัว” จิวซินตักข้าวต้มส่งถึงปากชงไฉ่ความหิวนั้นอาจไม่ถึงกับฆ่าคนแต่สามารถทำให้คนถูกฆ่าได้ ชงไฉ่กินอาหารด้วยความหิวโหยรสชาติที่ดีอยู่แล้วของเครื่องเทศของเหอตงหยวนยิ่งทำให้อาหารอร่อยจิวซินมองชงไฉ่คิดหาแผนการที่จะทำให้ชงไฉ่เห็นความร้ายกาจของจิวซิน“องค์หญิงอาหารของเหอตงหยวนรสชาติดีไม่เลว”“ท่านก็ว่าเช่นนั้นใช่ไหมเห็นไหมเล่าเสี่ยวถังเจ้าหาว่าข้ากินจุความจริงทุกอย่างที่นี่อร่อยข้าถึงกินไม่หยุด”“องค์หญิงหญิงงามกินแต่น้อย ไม่เช่นนั้น...”“เจ้าไม่ต้องกังวลเสี่ยวถัง ก็ในเมื่อองค์รัชทายาทเขาอย่างไรเสียต้องแต่งกับข้าแน่นอนข้าไม่จำเป็นต้องห่วงว่าข้าจะ...ไม่มีสวามี555” หัวเราะเสียงดังสนั่นโดยไม่มีอาการสำรวมแต่อย่างใดชงไฉ่รู้สึกกระอักกระอ่วนอย่างไรพิกลจนแทบจะสำลักนางช่างต่างจากองค์ชายใหญ่จ
“ที่เหอตงหยวนมีน้ำพุบำบัดอยากให้องค์รัชทายาทได้ลงไปแช่เพื่อสมานแผลตามแบบของเราให้จิวซินพาองค์ชายไปเถิด” จิวซินเปลี่ยนเรื่องพูดทันควัน ชงไฉ่เผลอยิ้มที่มุมปากนับว่านางฉลาดล้ำลึกรู้หลบหลีกไม่ปะทะตรงๆ ทำให้เขารู้สึกเหมือนได้พูดคุยกับคนอีกคนในตำหนักบูรพา ตอนนี้เองที่ไม่ได้มีความรู้สึกถวิลหาเหมือนก่อนคล้ายกับว่าคุยกับคนผู้เดียวกันพยุงชงไฉ่ลุกจากแท่นนอนอกอุ่นเบียดชิดอกแน่นด้วยมัดกล้าม ชงไฉ่เหลือบตามองใบหน้าภายใต้ผ้าคลุมอย่างลืมตัวจิวซินหลบตาวุ่นวาย ทั้งคู่มาถึงยังบ่อน้ำพุกลางสวนร่มรื่นชงไฉ่ นึกชื่นชมความงามของสวนน้ำพุแห่งนี้“สวยงามเกินกว่าที่ข้าจะคาดเดาได้”“ข้าจิวซินเป็นผู้จัดตกแต่งมันด้วยตัวเอง” ที่แห่งนี้เป็นที่แห่งเดียวในเหอตงหยวนที่จิวซินจะเร้นกายได้ในยามที่ทุกข์ระทม ชงไม่อยากเชื่อสายตาพี่น้องสองคนนี้มีหลายอย่างที่ทำให้เขาประหลาดใจชงไฉ่หย่อนตัวลงไปในบ่อน้ำพุ แต่ทว่าบ่อกลับลึกเกินกว่าที่เขาคาดคิดจึงลื่นไถลลงไป จิวซินเอื้มมือคว้าแต่ไม่ทันทำเอาทั้งสองคนหล่นโครมลงไปในน้ำพุด้วยกันเสียงดังสนั่นจิวซินยันกายลุกขึ้นได้ก่อนควานหาตัวของชงไฉ่ที่ยังอยู่ในน้ำอาภรณ์บางเบาไม่อาจปกปิดเรือนร่างที่อวบอ
“องค์รัชทายาทชิงซาด้อยสามารถไม่อาจปกป้ององค์ชายในยามวิกฤติ”“ลุกขึ้นเถิดชิงซา ไม่ใช่ความผิดของเจ้าหากแต่เป็นพวกมันที่ฉวยโอกาส”“องค์รัชทายาทหมายถึงผู้ใด”“ข้าไม่อาจรู้ได้ว่าพวกมันเป็นใครด้วย วรยุทธ์ล้ำลึกและยังไม่เปล่งสำเนียงของแคว้นใดออกมา”“เป็นไปได้ไหมว่าจะเป็นคำสั่งจากฮ่องเต้ของเหอตงหยวนที่ต้องการสังหารองค์ชายเพื่อแก้แค้นฝ่าบาท” ชงไฉ่หันมองชิงซาเเต็มตา“เสด็จพ่อกับเหอหยวนฮ่องเต้บาดหมางกันเรื่องใด” สายตาคาดคั้น“องค์ชายรู้ไหมว่าเสด็จแม่ขององค์ชายงดงามเพียงใดจึงไม่น่าแปลกใจที่สองสหายฝ่าบาทและเหอหยวนฮ่องเต้จะหมายปองหญิงงามคนเดียวกัน” ชงไฉ่ขมวดคิ้ว“แล้วเหตุใด ท่านพ่อต้องการให้จิ่นเกอและองค์หญิงรองจิวซิน เข้ามาอยู่ในไห่ตงหยวนเล่า”“ฝ่าบาทนั้นเป็นฝ่ายกุมหัวใจของเสด็จแม่ขององค์ชาย ผู้ที่พ่ายแพ้มีอยู่สองอย่างที่พึงกระทำคือหนึ่งยอมรับความพ่ายแพ้และสองคือแค้นเคืองผู้ที่เป็นฝ่ายชนะเช่นนั้นเสด็จพ่อของพระองค์จึงจำเป็นต้องหาทางชดเชยให้แก่เหอหยวนฮ่องเต้เพราะเห็นแก่คำว่าสหาย”“อย่างนี้นี่เององค์ชายใหญ่จิ่นเกอและเหอจิวซินถึงได้ไม่ชอบขี้หน้าข้านัก”“อันนี้ชิงซาคิดว่าเป็นองค์ชายเสียอีก ที่ทรงไม่ชอบ
“ปล่อยได้แล้ว องค์รัชทายาทไม่อายคนของท่านหรืออย่างไร” จิวซินพยายามยกมือขึ้นกระชับผ้าแพรบางเบาที่ปิดบังใบหน้าชงไฉ่ทำสีหน้ายียวน“หญิงใดที่เข้าใกล้ข้าชงไฉ่แล้วไม่มีใครปฏิเสธข้าได้เจ้าไยไม่เหมือนหญิงคนอื่นไหนว่าอยากแต่งกับข้ารอข้าส่งเกี้ยวมาจิวซินคิดว่าหากอยู่อย่างนี้ต้องเปลืองตัวแน่ขึงพยายามดิ้นรนแต่ยิ่งเหมือนชงไฉ่ยิ่งแกล้งอ้อมแขนแข็งแรงยิ่งกอดรัดแน่นขึ้น“ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วเจ้าเห็นไหมเหอจิวซินข้าไม่เคยรังเกียจใบหน้าอัปลักษณ์ของเจ้า ข้าชงว่าสู้เจ้าเปิดผ้าแพรออกเสียแล้วให้ข้าได้รู้จักเจ้ามากกว่านี้” มืออีกข้างที่ว่างยกขึ้นหมายปลดผ้าที่ปิดบังใบหน้าไว้จิวซินคิดหาหนทางเอาตัวรอด“ฮ่องเต้เสด็จจจจจ” เสียงขันทีขานมาแต่ไกลจิวซินใช้ศอกกระทุ้งชงไฉ่จนหลุดออกมาจากอ้อมกอด“จิวซินถวายพระพรเสด็จพ่อ”“ไห่ชงไฉ่ถวายพระพร เสด็จลุง” เหอหยวนสะบัดชายเสื้อด้วยท่าทียโส จะว่าไปใบหน้าของชงมิแตกต่างจากไห่หยวนยามหนุ่มแม้แต่น้อย ยิ่งทำให้เขารู้สึกขุ่นเคือง“ข้าเหอหยวนหวังว่าเจ้าจะได้รับความสะดวกสบายมิใช่น้อยในการเดินทางและพำนักที่เหอตงหยวน”“ข้าชงไฉ่ พำนักในตำหนักองค์หญิงรอง ได้รับความสะดวกอย่างดี”“เราชาวเหอตงหยวนเมื
แผนการที่วางไว้รัดกุมไม่น้อยยากที่ชงไฉ่องค์รัชทายาทของไห่ตงหยวนจะคาดเดาได้เหอหยวนเดินออกจากตำหนักของจิวซินจนลับตาจิวซินรู้สึกสับสนกับสิ่งที่ได้ยินเช่นไรถึงเรียกว่าในเหอตงหยวนแห่งนี้ใครกล้านินทาว่าร้ายองค์หญิงรอง“ชงไฉ่ยิ้มแย้มสมใจคิดว่าอย่างไรเสียต้องเปิดเผยโฉมหน้าของจิวซินให้ได้“เห็นไหมเล่าทุกอย่างช่างเป็นใจเหลือเกินเจ้ากับข้าเราสองต้องได้ทำความคุ้นเคยกันมากกว่าจริงเหอจิวซิน”“องค์ชายคิดว่าอย่างไรจิวซินคงไม่มีทางเลือกหรือคิดว่าอย่างไรเสียจิวซินก็เป็นเพียงลูกไก่ในกำมือ แต่องค์ชายลองทบทวนดูเถิดว่าใครกันแน่ที่เป็นลูกไก่ในกำมือที่นี่เหอตงหยวนหาใช่ไห่ตงหยวนที่องค์ชายเป็นถึงองค์รัชทายาทไม่” ชงไฉ่หาได้สนใจคำกล่าวของจิวซินไม่ยังคงมองดูจิวซินที่สารวนอยู่กับการดึงผ้าปิดปากปิดจมูกให้แน่นขึ้นกว่าเดิม เขาต้องรู้ให้ได้ว่าภายใต้ผ้าแพรผืนนั้นใบหน้าที่ซ่อนอยู่จะงดงามหรืออัปลักษณ์เพียงใด“คำพูดของเจ้าอันไหนจริงอันไหนเท็จข้าชงไฉ่ไม่อาจแยกแยะ”“เช่นนั้นจงรู้ไว้เถิดว่าข้าจิวซินคนนี้ไม่ใช่ลูกไก่”“ข้ากลับไปคราวนี้เห็นทีต้องทูลขอเสด็จพ่อประทานอนุญาตให้ส่งเกี้ยวมารับตัวเจ้าไปดัดนิสัยในตำหนักชงหยวนเสียทีเ
“หม่อมฉันไม่รู้สึกคุ้นเคยใดใด” เลี่ยงเฟิ่งตอบทั้งที่ใจคอก็รู้สึกหวั่นไหวเช่นกัน“ช่างเถอะปล่อยให้ข้าเป็นไปแค่ฝ่ายเดียวอย่างนี้ก็ดีแล้วเจ้าจะได้ไม่ต้องกังวล อย่างไรเสียข้าก็ไม่อาจฝืนใจเจ้าอยู่ดี” บ้างอย่างเหมือนเคยรู้สึกมาก่อนแล้ว หยู่เยียนยืนแอบฟังอยู่ด้านหลังประตูเงียบๆ จดจำทุกคำพูด“เราจะเคยคุ้นเคยกันได้อย่างไรเล่าฝ่าบาทในเมื่อเลี่ยงเฟิ่ง....เพิ่งจะเคยมาที่นี่”“ไม่สิเลี่ยงเฟิ่ง บางครั้งการได้พบก็เหมือนกับการไม่ได้พบ”“เลี่ยงเฟิ่งไม่เข้าใจ” เลี่ยงเฟิ่งแสร้งทำเป็นไม่สนใจสิ่งที่ชงไฉ่พูด“จิตใจ ของข้าตอนนี้...ไม่บอกเจ้าคงทำให้ร้อนรุ่มเลี่ยงเฟิ่งข้า...ข้าจะบอกเจ้าอย่างไรดี” ผุดลุกขึ้นเดินเข้าไปหาเลี่ยงเฟิ่งด้วยใจปรารถนา“ฝ่าบาท พระชายา หมดสติ” เสียงของนางกำนัลข้างกายของเยว่ฉี ชงไฉ่ชะงัก“เลี่ยงเฟิ่ง ข้าไว้คราวหน้าหวังว่าเจ้าจะฟังข้า” ออกจากห้องไปทันทีเลี่ยงเฟิ่งทรุดกายลงบนเก้าอี้เขี่ย เห็ดหอมไปมายิ้มหยันให้กับตัวเอง ทันใดนั้นเองน้ำตาที่ไม่รู้ว่ามาจากไหนกับไหลโดยไม่รู้ตัว เลี่ยงเฟิ่งรับรู้ถึงความรู้สึกนั้นว่าเหมือนกับถูกแย่งชิงสิ่งของที่รักไป และไม่อาจทวงคืนกลับมาได้ แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมร
“หากเจ้าอยากจะเป็นใหญ่จิตใจต้องเด็ดเดี่ยวกล้าตัดสินใจในเรื่องที่เป็นเสี้ยนหนาม ตัดรากถอนโคนให้สิ้นไปในคราวเดียว” คำพูดที่เหมือนจะตรอกย้ำความคิดภายในใจของเยว่ฉี“เยว่ฉีลาพ่อบุญธรรมไว้คราวหน้าเยว่ฉี จะมาคารวะพ่อบุญธรรมอีกที” กงกงยิ้มหันหลังให้เยว่ฉีเพราะรู้ดีว่าอย่างไรเสียนางก็ไม่ต่างจากเขานักเรื่องจิตใจที่เด็ดเดี่ยว“พระชายา” สาวใช้ที่รออยู่ข้างหน้ารีบมาขว้างไว้เพราะรู้อารมณ์ของเยว่ฉีดีว่าจะทำให้เสียเรื่อง“นำข้าไปห้องเครื่องเดี๋ยวนี้”“พระชายาหากทำเช่นนั้น ฝ่าบาทอาจไม่พอใจพระชายา เชื่อหม่อมฉันเรามีอีกหลายวิธีที่กำจัดนางให้พ้นทาง” เยว่ฉีชะงักใคร่ครวญก่อนจะหันหน้าเดินไปยังตำหนักใหญ่รอชงไฉ่อยู่ที่นั่นด้วยความอดทนและคิดแผนการที่จะกำจัดห้องเครื่องนาม เลี่ยงเฟิ่ง“เจ้าลองไปสืบดูว่านางน่าตานิสัยใจคอเป็นเช่นไร”“น้อมรับคำสั่งพระชายาแต่ ข้าน้อยกลัวว่า จะมีคนรู้สู้เราส่งคนของเรา คอยส่งข่าว”“นางอยู่เพียงลำพังไม่มีสาวใช้”“อย่างนั้นถือว่าเป็นโอกาสทองของเรา” เยว่ฉียิ้มเสียงโวยวายด่าทอพร้อมกับเสียงสะอื้นของสาวน้อยหน้าตาหมดจดที่ดังเล็ดลอดเข้าไปภายในห้องที่เลี่ยงเฟิ่งกำลังเตรียมวัตถุดิบสำหรับเช้าอี
เมื่ออยู่สองต่อสองเลี่ยงเฟิ่งแกล้งเฉไฉมองไปทางอื่นขณะที่ฝ่าบาทจ้องคนสวยตาไม่กระพริบมือกุมถ้วยชาแต่ใจอยู่กับคนชงชา“ฮุยเจินบอกข้าเรื่องจุดประสงค์” เลี่ยงเฟิ่งเบิกตากลมโตหันมาสนใจคนพูด“เรื่องไหนเพคะฝ่าบาท”“เรื่องที่เจ้าควบคุมดูแลเกี่ยวกับการค้าขายและการส่งสินค้าไปยังต่างแคว้น เพื่อแบ่งเบาฮุยเจิน เหอตงหยวนนับว่ามีทรัพยากรมากมาย ทั้งของกินของใช้ใน ฮุยเจินบอกข้าว่าเมื่อเจ้าดูแลด้านการจัดส่งสินค้าจึงอยากที่จะส่งสินค้าเกี่ยวกับอาหารของเหอตงหยวนมายังไห่ตงหยวน”“เลี่ยงเฟิ่งเพียงแค่อยากให้ผู้คนรู้จักอาหารเลิศรสของเหอตงหยวนที่มีมากมายเหลือเกิน ของบางอย่างมีเพียงแค่เดินทางไปยังเหอตงหยวนเท่านั้นที่จะสามารถลิ้มรส มันได้”“หากเจ้าตั้งใจจริง เช่นนั้นข้าส่งเสริมเจ้า”“เลี่ยงเฟิ่งต้องการ เปิดร้านค้าส่งวัตถุดิบหายากของเหอตงหยวนที่นี่ เพราะเหอตงหยวนและไห่ตงหยวนไปมาหาสู่ราษฎรของเหอตงหยวนย้ายถิ่นฐานมาที่นี่ก็เยอะ บางครั้งคิดถึงบ้านเพียงแค่ได้ลิ้มรสอาหารที่หากินได้ต่ในเหอตงหยวน ย่อมทำให้คลายความคิดถึงลงได้”“เจ้าช่าง นึกถึงผู้อื่นได้ถึงเพียงนี้ เจ้ามีสิ่งใดให้ช่วยวานบอกมา” ความรู้สึกดีๆ ได้ก่อตัวขึ้นในหัว
“นาง มาจากตระกูลใด หรือเป็นลูกของขุนนางของเหอตงหยวนคนใด” เยว่ฉีอดใจไว้ไม่ได้ฮุยเจินนิ่วหน้าคิดไม่ถึงว่าเยว่ฉีจะกล้าสอบหาที่มาที่ไป“เลี่ยงเฟิ่งนาง ที่มาที่ไปไม่ชัดเจนข้าพบนางนอนสลบไสลอยู่ตอนออกไปล่าสัตว์ เมื่อคราวฤดูกาลล่าสัตว์ของเหอตงหยวน” ชงไฉ่ทำท่าทางครุ่นคิด“ข้าอยากพบนางสักครั้ง”“อย่าเลยพระชายา นางไม่ค่อยสมประกอบอีกทั้งวาจาป่าเถื่อนหยาบกระด้าง ตามประสาคนนอกด่านอบรมสั่งสอนก็เคยจะเชื่อฟัง ไม่เชื่อท่านลองถาม เสด็จพี่ฮ่องเต้ดูก็ได้ เมื่อวานเขาเพิ่งถูกนางใช้วาจาเชือดเฉือน หากพบนาง เกรงว่าจะทำให้พระชายาขุ่นเคืองใจกับกิริยาของนางเสียเปล่า” ชงไฉ่สะดุ้งที่โดนโยนเผือกร้อนเข้าใส่“เอาไว้คราวหน้าหากเจ้าอยากพบนาง ข้าจะอนุญาต แต่หากพบนางแล้วเจ้าคงไม่อาจถือสานาง เจ้าอยู่สูงกว่าหญิงทั้งปวงอย่าได้ลดตัวเข้าไปเสวนากับคนป่าเถื่อนเช่นห้องเครื่องธรรมดาคนหนึ่งเลย” คำพูดโอ้โลมของชงไฉ่ได้ผลทำเอาเยว่ฉียิ้มจนแก้มแทบฉีก ฮุยเจินยิ้มมีชัยคิดไม่ผิดว่าชงไฉ่ต้องรู้สึกอยากปกป้องเลี่ยงเฟิ่ง“หากฝ่าบาทเห็นสมควรว่าเยว่ฉีไม่พบนางเยว่ฉีก็ไม่ฝืนบัญชาฝ่าบาทเพค่ะ” ชงไฉ่เอื้อมมือตบมือเยว่ฉีเบาๆ“เยว่ฉีเจ้าช่างวางตัวได้เ
“คืนนี้ อากาศค่อนข้างหนาวเลี่ยงเฟิ่งจะจัดถวายเป็นเครื่องเสวยยาม เฉิน (07.00-08.59) หรือยามซวี (19.00-20.59) เพื่อให้ได้ผลดี” ชงไฉ่พยักหน้าทำท่าทางเชื่อถือ“ดี เช่นนั้นข้าจะรอ ..เจ้าไปนอนเถิด” เหลือบตามองนกยวนยาง บนพื้นน้ำเดียวดายเลี่ยงเฟิ่งย่อตัว“สิ่งนี้ นำพาข้ามาที่นี่” ยกผอบที่มีกลิ่นหอมรัญจวนใจจากไปทันที เลี่ยงเฟิ่งยกชามใส่ไก่และเป็ดหมักไปเก็บ เดินมาทิ้งตัวลงนอน บนแท่นนอน ภาพชวนระทึกใจเมื่ออกนุ่มเบียดอยู่กับอกกว้างกลิ่นเครื่องหอมรัญจวนใจ กับบรรยากาศแบบนั้นเลี่ยงเฟิ่งข่มตานอน ชงไฉ่เองทิ้งตัวลงนอนหลังจากที่วางผอบไว้บนแท่นกำยานบนหัวเตียงหลับตาเป็นสุขใจความรู้สึกเหมือนมีอะไรสว่างสดใสรออยู่เบื้องหน้าในฝันนั้นลูกดอกจากคันธนูของใครบางคน พุ่งเข้าสู่จุดหมายเล็กๆ บนเป้าที่อยู่ไกลออกไปอย่างแม่นยำทว่ากลับมองไม่เห็นใบหน้า คนเบื้องหลังคันธนูคนนั้นภาพเดียวกันนี้ถูกซ้อนทับด้วยเลี่ยงเฟิ่งในอาภรณ์บุรุษงดงามกับคันธนูที่โค้งงอ ชงไฉ่มองอยู่ตรงนั้นภาพนี้เขาเคยเห็นมันมาแล้วอย่างแน่นอน สะดุ้งสุดตัวตื่นขึ้นเมื่อแขนข้างที่กอดอยู่กับเป็นแขนบอบบางของเยว่ฉี ชงไฉ่เผลอยกแขนของเยว่ฉีออกจากอกของตัวเอง“ฝ่าบาท”
“วางใจเถิดสหาย ข้าเลี่ยงเฟิ่งไม่ทำให้ฝ่าบาทพี่ชายสุดที่รักของเจ้าต้อง ป่วยไข้เพราะอากหารที่ข้าทำแน่นอนแม้จะไม่ค่อยชอบขี้หน้าฮ่องเต้ผู้หน้าตาดีแต่ท่าทางโอหังก็ตาม” ฮุยเจินยกมือเรียวปิดปากเลี่ยงเฟิ่งก่อนจะพูดจบด้วยซ้ำกลัวใครมาได้ยิน“ฮะแฮ่ม..” เสียงกระแอมดังๆ จากด้านหลังชงไฉ่กับชิงซาที่ยืนทำหน้าตากลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่ตรงนั้น ฮุยเจินเอามือออกจากปากบางของเลี่ยงเฟิ่งแต่กับลืมวงแขนที่กอดรัดเอวบางอยู่“ห้องเครื่องของเจ้าคนนี้ท่าทางจะพิเศษไม่น้อย ฮุยเจินถึงกับให้ความสนิทสนมขนาดนี้”“ฮุยเจินกับเลี่ยงเฟิ่งผ่านทุกข์ยาก ลำเข็ญ สนิทสนมกันเพราะความเคยชินหาใช่อย่างอื่นความรู้สึกไม่ต่างจากพี่น้องร่วมอุทร” ฮุยเจินรีบแก้ตัวชงไฉ่ยิ้ม“เจ้าเองก็ยัง ไม่มีชายาข้าไม่น่าละเลยเจ้าเลยฮุยเจินอายุเจ้าก็สมควรจะมีคู่ครองได้แล้ว” ฮุยเจินคุกเข่าทันที“ฝ่าบาททรงไตร่ตรอง” ฮุยเจินละล่ำละลักบอกชงไฉ่เลิกคิ้วสูง“ข้าเลี่ยงเฟิ่งมิใช่คนของไห่ตงหยวน ฉะนั้นไม่ว่าใครก็ไม่มีสิทธิ์มาบงการชีวิต” เลี่ยงเฟิ่งชิงพูดขึ้นก่อน และนี้เองคือสิ่งที่ฮุยเจินกลัวที่สุดชงไฉ่เดินเข้าไปหาเลี่ยงเฟิ่งช้าๆ มองอย่างสำรวจมือบางขาวจับคางสวย บิดไ
เยว่ฉีส่งตะเกียบสีเงินให้กับชงไฉ่ หมูสามชั้นที่แดง ขาวชิ้นพอดีคำ ราดด้วยน้ำจิ้มเผ็ดเปรี้ยวถูกส่งเข้าปาก ความเผ็ดจากพริกหอมภูเขา รสชาติเปรี้ยวอมหวานที่ปลายลิ้นจากผลส้ม และกลิ่นหอมจากสุรา ที่ฉุนขึ้นจมูก ที่ผสมกันอย่างลงตัวทำเอาชงไฉ่ถึงกับเผลอคีบหมูสามชั้นชิ้นต่อไปส่งเข้าปากอย่างลืมตัว ฮุยเจินหันไปอมยิ้มสบตากับชิงซาที่ยืนคอยสังเกตท่าทีของชงไฉ่ข้างๆ“รสชาติจัดจ้านไม่เหมือนอาหารของวังหลวงของไห่ตงหยวน กลิ่นสุราที่หอมหวนซึมซับเข้าไปข้างในชวนให้อยากลิ้มลอง นับว่าแปลกประหลาดไม่น้อย ““ฝ่าบาทลองชิมพร้อมกับเครื่องเคียงทั้งสามอย่างดูเถิด” ฮุยเจินออกปากเชิญชวน กลายเป็นเยว่ฉีที่คีบเอากวางตุ้ง สาหร่าย หัวไซเท้าหั่นวางบนจานคีบเอาเนื้อเป็ดส่งเข้าปากบ้าง รสชาติอาหารทำเอาเยว่ฉีถึงกับอึ้งชงไฉ่ คีบเครื่องเคียงมาวางที่จานบ้าง“สาหร่ายทะเลใช่ไหม เจ้านำมันมาจากเหอตงหยวนด้วยใช่ไหม” ส่งเข้าปากเคี้ยวด้วยความเอร็ดอร่อย“ต้องยกความดีให้นางวัตถุดิบทุกอย่างเลี่ยงเฟิ่ง นางคัดสรรด้วยความพิถีพิถัน” ชงไฉ่พยักหน้าตั้งหน้าตั้งตาคีบนู่นนี่มาลองลิ้มรสดู“ปูชนิดนี้รสชาติดีเหลือเกิน เพคะฝ่าบาท” เยว่ฉีออกปากชม“พระชายาคงยังไ
“ข้าเพียงอยากทดสอบยาลืมทุกข์ของกงกงเฒ่าว่าจะสามารถทำให้ฝ่าบาทลืมเลือน จิวซินได้จริงหรือไม่”“องค์ชายสิบสามจึงพานางมาด้วยเช่นนั้นหรือ”“ถูกต้อง ความรักความผูกพันหรือความรักจริงใจต่อกันไม่อาจมีสิ่งใดขว้างกั้นได้ ข้าเชื่อเช่นนั้น”“ข้าเอาใจช่วยให้ ความคิดของท่านถูกต้อง”“ข้าจะพานาง เข้าไปอยู่ในตำหนักของฝ่าบาทในฐานะนางในห้องเครื่อง เสวยของฝ่าบาทและต้องเป็นนางในที่ยกเครื่องเสวยด้วย”“หากให้นางไปคัดเลือกเป็นนางในเกรงว่าด้วยฐานันดรของนางสูงส่งและทุกอย่างที่เคยเป็นของเลี่ยงเฟิ่งอยู่แล้วไม่จำเป็นต้องไปแข่งกับใคร เพียงแค่ให้ฝ่าบาทออกโรงปกป้องนางด้วยตัวฝ่าบาทเองเพราะตอนนี้ฝ่าบาททรงเป็นถึงฮ่องเต้สูงสุดในแผ่นดินแล้ว หากอยู่ในฐานะสนมย่อมไม่รอดพ้นสายตาของชายาอย่างเยว่ฉี”“ท่านมั่นใจเช่นนั้นหรือ”“เลี่ยงเฟิ่งคนนี้นางชื่นชอบการทำอาหารไม่ว่าจะเป็นพี่ห้าหรือข้าฮุยเจินมักจะต้องกลายเป็นผู้ที่ต้องติชมรสมือนางไปแล้วทั้งสิ้น นับว่าฝีมือการทำอาหารของเลี่ยงเฟิ่งหาผู้เปรียบเปรยได้ยากข้าจึงคิดว่า ฝ่าบาท จะต้องตรึงใจในรสมือของนางไม่น้อย”จิ่นเกอทำไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน“ปกตินางไม่เคยเข้าใกล้ห้องเครื่องมาก
“เช่นนั้นรึ อย่างนั้นไม่สู้เจ้ารีบไปเยี่ยมองค์ชายน้อยเถิด เหลือเพียงเจ้าเท่านั้นที่ยังไม่เห็นหน้าองค์ชายน้อยมาก่อน”“เช่นนั้นข้าและเลี่ยงเฟิ่งขอลา” ฮุ่ยเจินกระตุกแขนเลี่ยงเฟิ่งให้คุกเข่าก่อนจะบ่ายหน้ายังตำหนักบูรพาที่ซึ่งบัดนี้องค์ชายใหญ่จิ่นเกอและเจียวซือเป็นผู้ครอบครอง ชงไฉ่มองตามฮุ่ยเจินและเลี่ยงเฟิ่งจนลับสายตาเบื้องหน้าตำหนักบูรพา จิ่นฉินตะลึงมองเลี่ยงเฟิ่ง ด้วยแววตาปีติ เช่นนั้นคำพูดหาหลุดออกมาจากปากไม่ ฮุ่ยเจิน เพียงแต่โคลงศรีษะไปมา พร้อมกับรอยยิ้มด้วยความสุนทรีย์หากไม่ได้แสดงอาการว่าอยากพูดอะไรเช่นกัน จิ่นฉินยกมือประสานกันเบื้องหน้าคารวะ องค์ชายสิบสาม“องค์ชายใหญ่กับเจียวซืออยู่ข้างในใช่ไหม” จิ่นฉินเหลือบตามองเลี่ยงเฟิ่ง แต่เจรจากับฮุยเจิน“องค์หญิงและองค์ชายใหญ่จิ่นเกอกำลัง หยอกล้อกับองค์ชายน้อยอยู่ข้างใน เชิญท่านทั้งสองรอสักครู่ ข้าน้อยจะไปบอกให้รุ้ว่าท่านทั้งสองมา”ฮุยเจินโบกมือ ห้ามถือวิสาสะเดินนำเลี่ยงเฟิ่งเข้าไปข้างในเบื้องหน้านั้นองค์ชายน้อย กำลังแย้มพระสรวลดวงตาใสซื่อจิ่นเกอยืนหันหลังเจียวซือนั่งยองๆ ข้างองค์ชายน้อยเสียงสาวใช้สองสามคน ทำความเคารพองค์ชายสิบสาม เลี่ยงเ