“ข้าขอให้เจ้าสมหวัง ส่วนของที่เจ้าให้ข้า ถ้าใช้ดีข้าจะบอกเพื่อนๆ ของข้าให้มาซื้อของเจ้า” “ขอบคุณนะคะคุณหนู” “คุณหนูอะไรกัน ต่อไปนี้เจ้าเรียกข้าว่าซูมี่ ส่วนข้าจะเรียกเจ้าว่าเหมยฮวาดีหรือไม่” เหมยฮวายิ้มด้วยความยินดี เธอได้รู้จักคนใหญ่คนโตมันก็จะเป็นประโยชน์กับตัวเธอเอง เผื่อวันข้างหน้าเธอเปิดร้านจะได้ไม่มีใครกล้ามาทำอันตรายร้านค้าของเธอได้ “ได้คะซูมี่ ถ้าข้ามีสินค้าออกใหม่ข้าจะส่งไปให้ท่านลองใช้เป็นคนแรก” “เจ้าบอกแล้วนะว่าจะให้ข้าใช้คนแรก ต่อไปนี้เราเป็นเพื่อนกันแล้ว เอาไว้คราวหน้าถ้าเจ้ามีสินค้ามาใหม่ เจ้าต้องเอามาให้ข้าลองคนแรกเลยนะ วันนี้ข้าต้องไปก่อน ข้าดีใจมากที่ได้พบกับเจ้า” ซูมี่พูดจบก็เดินจากไป เธอจะกลับบ้าน เพื่อจะกลับไปลองใช้ของที่เพิ่งได้มาวันนี้ เธอรู้สึกถูกชะตากับเหมยฮวายิ่งนัก“คุณหนูผู้นั้นสวยมาก ท่านว่าแบบนั้นหรือไม่” เธอหันไปถามอี้เฉิงที่เงียบอยู่นาน จนเธอคิดว่าเขาไม่ได้ยืนอยู่ข้างเธอ“หน้าตาของนางก็สวยพอได้ แต่เจ้าสวยและน่ารักกว่า” เขารู้สึกว่ามองใครก็ไม่สวยเท่าเหมยฮวาเลยสักคนเธอได้ยินคำตอบของอี้เฉิง เธอก็หน้าแดงขึ้นมาทันที “เราไปร้านซิ่วอิงกันเถอะเสี
หลังจากที่เธอได้ของครบแล้ว ก็เป็นเวลาที่รถเกวียนวัวของลุงหลีเอินนัดพอดี เธอและอี้เฉิงจึงรีบเดินมาให้ทันรถออก“พวกเจ้าอีกแล้วหรือ มาขึ้นรถก็สาย ขากลับพวกเจ้ายังช้าอยู่อีก รีบหน่อยเดี๋ยวจะมืดเสียก่อน” “ขอโทษนะลุง พอดีข้ากับสามีเดินดูของกันนานไปเสียหน่อย” “ไม่เป็นไรรีบขึ้นรถกันได้แล้ว” รอบนี้เธอและอี้เฉิงได้นั่งแยกกัน เพราะมีหลายคนที่กลับไปก่อนแล้ว จึงทำให้มีที่นั่งว่างเหลืออีกมาก และก็มีบางคนที่มาไม่ทัน เธอเห็นอี้เฉิงทำสีหน้าระแวงทุกครั้งที่เธอมองเขา แถมเขายังนั่งพับเพียบเรียบร้อยอีกด้วย เขาคงกลัวว่าเธอจะแกล้งสินะ บางครั้งอี้เฉิงก็ทำให้เธอขำได้เหมือนกัน และการอยู่กับเขาก็ทำให้เธอไม่เหงาเลย“ท่านนั่งดีๆ เถอะ ข้าไม่แกล้งท่านหรอก กว่าที่เราจะถึงหมู่บ้านก็อีกนาน ข้ากลัวว่าท่านจะเมื่อยเสียก่อน” “ข้าไม่ได้กลัวเจ้าแกล้ง ข้าแค่เมื่อยเท่านั้น” ที่จริงเขาก็ระแวงนางนิดหน่อย ถ้าแกล้งที่บ้านเขาก็ไม่กลัวนางเท่าไหร่ แต่นี่บนรถเขาอายคนอื่นเวลาเขารู้สึกร้อนรุ่มเธอก็ไม่ได้ตอบอะไรเขากลับไป เธอนั่งมองนั่นมองนี่ตลอดทาง ตอนนี้เริ่มมืดแล้วทางก็มืดมาก มีแค่ไฟที่หน้ารถเกวียนวัวเท่านั้นที่ส่องสว่าง ค
หนิงอันคิดว่าคนนี้คือนายท่านแน่แล้ว เขาก็รู้สึกดีใจมาก แต่การที่นายท่านความจำเสื่อมก็เป็นอันตราย ถ้าท่านจะกลับไป เขาจะรอจนกว่านายท่านจะความจำกลับมา เมื่อถึงเวลานั้น พวกเขาจะได้เริ่มแก้แค้นเสียที“ถ้าท่านเป็นนายของข้าจริง เมื่อวันหนึ่งที่ท่านความจำกลับมา ท่านจะรู้วิธีติดต่อกับข้าเอง” หนิงอันพูดจบก็หายตัวไปอี้เฉิงคิดว่าอดีตของเขา อาจจะไม่ได้สวยหรูก็ได้ ถ้าเขากลับไปแล้วนางละ เขายังกลับไปตอนนี้ไม่ได้ เขายังต้องรอความจำของเขากลับมาก่อน เขาล่าสัตว์และหาของบนป่าอีกสักพัก เขาก็กลับลงมาที่บ้าน เขามองเห็นควันไฟ บ่งบอกว่าเหมยฮวากำลังทำอาหารอยู่ เขาไม่อยากให้เวลานี้หายไป เขามีความสุขกับการมีนางอยู่ข้างเขา เขามีความสุขที่ได้กอดนางในตอนที่เขาหลับ เขารู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยทุกครั้งที่กอดนางเหมยฮวาที่เอาน้ำออกมาทิ้งด้านนอกบ้าน นางมองเห็นอี้เฉิงยืนเหม่ออยู่ “ท่านเป็นอะไร ทำไมถึงไม่เข้าบ้านกัน ข้าทำอาหารเสร็จแล้ว เรามากินข้าวกันเถอะ” เธอยิ้มให้เขาและเรียกเขาเข้ามาในบ้านเพื่อที่จะกินข้าวกันอี้เฉิงมองรอยยิ้มของเหมยฮวา เขาจดจำทุกสิ่งที่เป็นนางเอาไว้ในหัวใจ เขาขาดนางไม่ได้ เขาละทิ้งความคิดต่างๆ ออกไป
บ้านของผู้ใหญ่บ้าน เพื่อสวัสดีปีใหม่ พอเสร็จแล้วเธอก็กลับมาบ้านเพื่อทำของไปส่งร้านพี่ซิ่วอิง“ท่านมีความสุขหรือเปล่า” “ข้ามีความสุขสิ ทำไมเจ้าถึงถามข้าแบบนั้น” “ก็ท่านทำหน้าตาเหมือนโกรธใครมา ตอนที่มีเด็กๆ มาอวยพรให้พวกเรา” “ข้าแค่ยิ้มไม่เก่งก็แค่นั้น เจ้าคิดมากไปแล้ว” “ข้าก็นึกว่าท่านจะไม่มีความสุขเสียอีก ข้าอยากเข้าเมืองไปดูร้านค้า ข้าอยากจะเปิดร้านค้าขายเครื่องหอม ข้าเก็บเงินได้หลายร้อยทองแล้ว ไม่รู้ว่าจะพอซื้อร้านค้าในเมืองสักร้านได้หรือเปล่า” “ถ้าเจ้าอยากได้ เราเข้าเมืองไปหานายหน้า แล้วให้เขาหาร้านค้าดีๆ แต่ไม่แพงให้เราก็ได้” “ก็จริงของท่าน วันนี้เราเข้าเมืองกันเถอะ ข้าอยากไปดูร้านค้าจะแย่แล้ว” “วันนี้เป็นวันปีใหม่ ในเมืองน่าจะมีคนเยอะมาก รออีกสองสามวันก็แล้วกัน ข้าจะพาเจ้าเข้าไปดูร้านค้า” ก็จริงอย่างที่เขาพูด เธอยังต้องรอให้วันปีใหม่ผ่านไปก่อน ถึงจะเข้าเมืองได้ เธอมาอยู่ที่นี่ได้ครึ่งปีกว่าแล้ว มีอะไรหลายๆ อย่างเปลี่ยนไปมาก ที่เป็นเรื่องยากสำหรับเธอเลยก็คือการเขียนภาษาของที่นี่ เป็นอะไรที่ยากมากสำหรับเธอ และการดูเวลาของที่นี่ก็ดูลำบากยิ่งนักเธอเลยซื้อนาฬิกาจากร้า
“เป็นอย่างไร บ้านหลังนี้พวกเจ้าพอใจหรือไม่” “ข้าพอใจมาก ไม่ทราบว่าบ้านหลังนี้ราคาเท่าไหร่” “ข้าขอบอกพวกเจ้าตามตรง บ้านหลังนี้ถึงจะขายไม่ออกแต่ก็เป็นพื้นที่ ที่อยู่ในทำเลที่ดี ติดกับบ้านของเจ้าเมืองแถมยังติดกับโรงเรียนและร้านค้าอีกหลายร้าน ราคาอยู่ที่หนึ่งพันทอง” หนึ่งพันทองเลย เธอมีเงินที่เพิ่งได้จากพี่ซิ่วอิงมาห้าร้อยทอง รวมกับเงินของเธอก็เป็นทั้งหมด หนึ่งพันหนึ่งร้อยทอง เธอจะขอลดราคาบ้านหลังนี้อีกจะได้หรือไม่ เธอหันไปมองอี้เฉิงเพื่อที่จะถามความคิดเห็นกับเขา “ท่านว่าบ้านหลังนี้เป็นอย่างไรบ้าง” “เป็นบ้านที่ดีแถมยังติดกับร้านค้าอีกหลายแห่ง แถวนี้ก็ไม่มีร้านไหนขายของเหมือนเจ้าด้วย ถ้าเจ้ากลัวว่าเงินไม่พอเงินที่ข้ายังมีอีกเจ้าไม่ต้องกลัว” “หรือว่าพวกเจ้าจะลองไปดูบ้านหลังอื่นก่อนดีหรือไม่” เธอก็อยากลองไปดูหลายๆ ที่ก่อน ค่อยมาคิดอีกทีว่าตรงไหนคุ้มกว่ากัน ที่อื่นอาจจะดีกว่าบ้านหลังนี้ก็ได้“ข้าขอไปดูบ้านหลังอื่นก่อนได้หรือไม่” “ได้ ยังมีบ้านอยู่อีกหลายหลังถึงทำเลจะไม่ดีเท่าบ้านหลังนี้แต่ก็พออยู่ได้” เธอตามนายหน้าไปดูบ้านมาอีกสองหลัง บ้านทั้งสองหลังนั้นถ้าไม่อยู่ในทำเลที่ด
ส่วนร้านที่ติดหน้าบ้านของเธอ เป็นร้านสองชั้น เธอจะปรับเปลี่ยนร้านให้เป็นแบบทันสมัยใหม่ เธอจะให้ช่างมาต่อไม้ไว้ที่ผนังเพื่อวางสินค้า และเธออาจจะซื้อรูปภาพมาตบแต่งร้านค้า ให้ดูน่าสนใจมากขึ้น เธอจะเปลี่ยนชั้นแรกของร้านให้คนทุกระดับเข้าซื้อสินค้าของเธอได้ ส่วนชั้นที่สองเธอจะทำเป็นชั้นวางของที่แพงขึ้นมาหน่อยและมีโต๊ะเล็กๆ ให้ลูกค้าที่มาเลือกซื้อได้นั่งพัก ระหว่างที่รอซื้อของจากร้านของเธอ“เจ้าทำอะไรอยู่หรือ” เขาเห็นนางนั่งร่างอะไรบางอย่างอยู่นานแล้ว เขาคิดว่าสิ่งที่นางวาดน่าจะเป็นแบบบ้านที่นางเคยพูดกับเขา“ข้ากำลังร่างแบบร้านค้าที่จะสร้าง ท่านลองดูบ้านแบบนี้สวยหรือไม่” เธอส่งแบบบ้านและแบบร้านค้าของเธอให้อี้เฉิงได้ดูเขารับแบบที่เหมยฮวาส่งให้ดู เขารู้สึกว่าแบบบ้านของนางไม่เหมือนที่ไหน เขาไม่เคยเห็นบ้านแบบนี้มาก่อน เขาเริ่มที่จะสงสัยแล้ว ว่าบ้านของนางนั้นอยู่ที่ไหนกัน ถึงมีสิ่งของแปลกใหม่หลายอย่างที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนเลย“แบบบ้านที่เจ้าให้ข้าดูนั้น ข้าไม่เคยเห็นบ้านแบบนี้มาก่อนเลย บ้านที่เจ้าจากมามีบ้านแบบนี้หลายหลังหรือ” ที่จริงแบบบ้านที่เธอร่างขึ้นมา เป็นบ้านของคนมีเงินในระดับหนึ่งเ
“ข้าสนใจของที่เจ้าให้พวกข้าดู ข้าอยากจะลองทำสิ่งที่เจ้าเรียกว่าโถส้วมแบบนั่งว่ามันจะหน้าตาออกมาเป็นแบบไหน พวกเจ้าจะให้ข้าเริ่มงานวันไหน”“ท่านสามารถสร้างบ้านให้พวกเราได้เร็วที่สุดวันไหน ข้าอยากได้เร็วที่สุด” ยิ่งสร้างร้านเสร็จเร็วเท่าไหร่ เธอก็จะได้เปิดขายของได้เร็วมากเท่านั้น”“เร็วที่สุดก็เดือนหน้า เพราะข้ามีงานที่ต้องไปทำอีกประมาณหนึ่งเดือนถึงจะเสร็จพอดี แต่เจ้าสามารถเอาแบบโถส้วมของเจ้าให้ข้าลองทำไว้ก่อนก็ได้”หนึ่งเดือนถึงจะได้เริ่มสร้างบ้าน ถึงจะนานไปหน่อยแต่เธอรู้สึกว่าช่างคนนี้น่าเชื่อถือได้ “ข้าจะให้แบบโถส้วมกับท่านไว้ลองทำดู และข้าอยากรู้ราคาของบ้านและราคาของร้านค้าว่าจะใช้เงินเท่าไร”“จากที่ข้าดูแบบบ้านของเจ้าแล้ว และเจ้ายังสร้างไม่เหมือนคนอื่น ถ้าเจ้าใช้วัสดุที่ดีทุกอย่างและอยากให้เสร็จเร็ว ข้าต้องเพิ่มคนงานในการสร้างบ้านของเจ้า จากที่ข้าคิดแล้ว ราคาอยู่ที่สามร้อยทอง เจ้าไหวหรือไม่”สามร้อยทอง ถือว่าพอรับได้ เพราะของที่เธอจะทำคือการสร้างบ้านใหม่ทั้งหมด เธอให้ช่างรื้อถอนโครงสร้างบ้านหลังเก่าทิ้งทั้งหมด ส่วนร้านค้าที่ปล่อยไว้นาน ก็ต้องปรับปรุงทั้งหมด ราคานี้ถือว่าสมควร
“เจ้าเตรียมของพร้อมแล้วใช่ไหมเรารีบขึ้นไปบนเขากันเถอะ เดี๋ยวจะเข้าไปถึงที่นั่นสายเสียก่อน” เขาพูดพร้อมกับหยิบตะกร้าของเหมยฮวาที่เตรียมไว้เอามาถือทั้งสองคนเดินหายเข้าไปในป่า ที่มีหมอกหนาของอากาศหนาว หนึ่งคนตัวเล็กหนึ่งคนตัวใหญ่เดินเคียงคู่กันไปตลอดทางทางที่อี้เฉิงพาเธอเดินขึ้นเขามานั้น เป็นทางสูงชันแต่มีทางที่อี้เฉิงเคยทำไว้เพราะเขาเข้ามาที่แห่งนี้บ่อย และไม่ค่อยมีใครรู้จัก จึงเป็นที่สงบแห่งเดียวในป่านี้ ที่เขามักเข้ามาพักผ่อนบ่อยๆ“เจ้าเดินระวัง ทางตรงนี้จะสูงมากและจะลื่นได้ง่าย เจ้าจับมือข้าเดินไปดีกว่า” เธอจับมืออี้เฉิงเดินมาตลอดทาง “ที่เจ้าบอกว่าไม่มีคนรู้จัก ข้าว่าก็ไม่แปลกที่จะไม่มีคนรู้จัก เพราะที่นี่สูงและชันมาก ให้ข้ามาเองข้าก็คงไม่กล้าเดินมา” “ข้าถึงบอกเจ้าไง ว่าคนธรรมดาไม่มากันหรอก เพราะข้าไม่ธรรมดา” “ก็จริงของท่าน ท่านไม่ธรรมดาจริงๆ นั่นแหละ เพราะคนธรรมดาไม่ขึ้นกันมา” เธอตอบเขาไป เพราะเขาเป็นพรานป่าแถมยังเก่งต่อสู้อีกด้วย แต่ก็แปลกที่อี้เฉิงเก่งการต่อสู้เขาดูไม่เหมือนพรานป่าธรรมดาเลย“เจ้าอย่ามัวแต่พูดเดินตามข้ามาให้ดี” เธอดูนาฬิกาที่ข้อมือของเธอ เธอเดินตามอี้
เหมยฮวากลับมาที่โรงเตี๊ยม หลังจากที่เธอกินข้าวกันเสร็จแล้ว เธอคิดว่าเธอจะลองค้นหาเค้ก หรือขนมรูปแบบใหม่ๆ มาทำตอนเปิดร้านของเธอเสียหน่อย และวันที่เธอเปิดร้าน เธอก็จะทำเค้กกล้วยหอมแบบง่ายเพื่อแจกให้ผู้คน เพื่อทำให้ร้านค้าของเธอเป็นที่รู้จักเธอเปิดดูวิดีโอในโทรศัพท์ เกี่ยวกับคุณแม่ท้องแรก เธอเปิดเพลงให้ลูกน้อยของเธอฟัง เธอเอามือลูบท้องที่นูนออกมาอย่างเห็นได้ชัด นี่เธอกำลังจะเป็นแม่คนครั้งแรก เธอจะดูแลเด็กคนนี้ให้ดี ผ่านไปหนึ่งอาทิตย์หลังจากที่ เธอตกลงสร้างร้านและตบแต่งของภายในร้านของเธอ ตอนนี้ช่างได้ทำการสร้างร้านค้าบนชั้นสามของเธอมาได้ครึ่งทางแล้ว เหลืออีกแค่ไม่กี่วันเท่านั้น ร้านค้าของเธอก็จะเสร็จเสียที ในระหว่างที่รอให้ร้านทำเสร็จอยู่นั้น เธอก็มองหาสิ่งของใหม่ๆ มาขายภายในร้านของเธอ ตอนนี้ร้านเครื่องหอมที่เธอทำอยู่ มีสบู่ ครีมอาบน้ำ ครีมทาผิว และยังมีน้ำหอม เธอทำลิปบำรุงริมฝีปาก แต่เธอยังไม่ได้ทำลิปทาปากสีสวยๆ มาขายเลย เธอคิดว่าจะเริ่มทำลิปที่ทาแล้วให้ริมฝีปากดูน่าดึงดูด ขึ้นมาเธอมองดูแต้มในโทรศัพท์ที่เหลืออยู่แค่สองพันแต้มเท่านั้น เธอค้นหาวิธีทำลิปแบบแท่งซึ่งไม่มีขายในยุคนี้ เธอ
“ที่จริงข้าอยากได้ แค่สองสามคน ตอนนี้ข้าอยากได้ หญิงสาม ชายอีกสองคน ข้ามาคิดดูแล้ว ข้าอยากไปดูทาสตอนที่สร้างบ้านเสร็จเสียก่อนดีกว่า ข้าไม่รู้ว่าซื้อมาแล้วจะให้พวกเขาไปอยู่ที่ไหน พวกเราสามคน รวมทั้งป้าลี่ซื้อที่กำลังจะตามมาอีกคนก็คงจะพอแล้ว เอาไว้เมื่อทุกอย่างทำเสร็จทั้งหมดแล้ว ข้าค่อยไปหาซื้อทาสก็แล้วกัน” “เป็นความคิดที่ดีเจ้าคะนายหญิง ข้าไม่อยากให้ท่านทำอะไรกระชั้นชิดมากเกินไปนัก” เธอพูดคุยปรึกษากับพี่ลี่หลินมาตลอดทาง จนมาถึงร้านขายเครื่องเรือนพอดี“พี่เหมยฮวา ถึงร้านขายเครื่องเรือนแล้วขอรับ” หลังจากที่เสียงของหลีชางดังขึ้น เธอก็เดินเข้าไปดูภายในร้าน ที่มีโต๊ะหลายรูปแบบ แต่ก็ไม่ใช่แบบที่เธอต้องการอยู่ดี“ร้านของท่านมีของเท่านี้หรือ มีแบบโต๊ะและเก้าอี้อีกหรือไม่” “ร้านของข้ามีเท่านี้ ท่านอยากได้แบบไหนหรือ ข้าจะได้ดูว่ามีหรือไม่” เป็นชายอายุหกสิบหน้าตาใจดี พูดตอบเธอกลับมา เธอจึงรู้สึกสบายใจที่ได้พูดคุยกับเขา“ข้าต้องการเก้าอี้แบบนี้ มีหรือไม่” ดีที่เธอวาดแบบเก้าอี้และแบบโต๊ะเอาไว้แล้ว“ข้าไม่เคยเห็นของแบบนี้ที่ไหนเลย แต่ถ้าท่านอยากได้แบบนี้ ข้าก็สามารถทำให้ท่านได้ แต่ข้าต
“หลีชางเจ้าบังคับม้าช้าๆ หน่อย นายหญิงกำลังท้องอ่อนๆ เจ้าต้องระวังให้มาก” “ข้าเข้าใจแล้วขอรับพี่ลี่หลิน ข้าจะบังคับรถม้าให้ช้า และเบาที่สุดเลย” ลี่หลินได้ยินแบบนั้น เธอก็สบายใจ“ข้าบอกนายหญิงแล้ว ว่านายหญิงไม่เป็นอะไรหรอกเจ้าคะ ตอนนี้นายหญิงสบายใจหรือยังเจ้าคะ” “ข้าคงคิดมากไปจริงๆ นั่นแหละ ขอบคุณพี่ลี่หลินมากที่มาหาหมอเป็นเพื่อนข้า” “ข้ามีหน้าที่ดูแลนายหญิงอยู่แล้วเจ้าคะ นายหญิงเรียกใช้ข้าได้ตลอดเวลาเลย” เธอพลาดโอกาสมีลูกไปแล้ว เธอจะต้องดูแลนายน้อยที่กำลังจะเกิดมาให้ดี เสียดายก็แต่ว่า นายหญิงเลิกกับนายท่านไปเสียแล้ว ทำให้นายหญิงต้องเป็นหญิงม่ายลูกติด ซึ่งคนอื่นอาจจะมองนายหญิงไม่ดีได้ เธอหันไปมองนายหญิง ช่างน่าสงสารเสียจริง นายหญิงของเธอช่างอาภัพนัก“ถ้าข้าท้องแบบนี้ การเดินทางกลับเมืองสงบสุขก็คงต้องเลื่อนออกไปเสียแล้ว ข้าไม่อยากให้ลูกของข้าต้องเป็นอะไรระหว่างการเดินทาง” “ดีแล้วเจ้าคะ ให้แม่ของข้ามา ท่านจะได้ดูแลนายหญิงได้ นายหญิงจะได้ไม่ต้องเป็นกังวล และเราต้องหาหมอทำคลอดเอาไว้ก่อนด้วย” “มีหลายอย่างที่ข้าต้องเตรียมพร้อมมากเลยสินะ ถ้าอย่างนั้น บ้านของข้าต้องทำห้องเตรียมไว
วันนี้เธอมีนัดกับช่างจางเหว่ เพื่อมาทำการประปรุงบ้านที่เธอเพิ่งซื้อมา เธอนัดกับช่างจางเหว่ยไว้ที่ร้านค้าของเธอ ช่วงนี้เธอรู้สึกแปลกกับร่างกายของเธอ เพราะเธอกินข้าวได้เยอะขึ้น แถมอยากกินของที่มีรสจัด และตอนนี้เธอมีหน้าท้องที่ป่องออกมา ประจำเดือนของเธอก็ไม่มานานมากแล้ว ตอนที่ประจำเดือนของเธอไม่มาครั้งแรก เธอก็ไม่ได้สงสัยอะไร เพราะร่างกายของเธอก็ไม่ได้แข็งแรงมากนัก ประจำเดือนจะมาบ้างไม่มาบ้างเป็นปกติ แต่ครั้งนี้ไม่มาติดต่อกันหลายเดือนแล้วหรือว่าเธอจะท้อง เพราะเธอมีอะไรกับอี้เฉิงครั้งสุดท้ายก่อนที่เขาจะจากไปก็เป็นเวลาสี่เดือนกว่าแล้ว เธอจะท้องหรือ เธอก็ไม่แน่ใจตัวเองเหมือนกัน เพราะเธอก็ไม่รู้เรื่องพวกนี้เท่าไหร่นัก ถ้าเธอท้องแล้วทำไมเธอถึงไม่มีอาการอะไรเลย เธอจะปรึกษาใครได้บ้าง พี่ลี่หลินน่าจะพอรู้ เพราะพี่ลี่หลินเคยแต่งงานมาก่อน แถมพี่ลี่หลินก็เป็นผู้หญิงเหมือนกับเธอ นางก็น่าจะเข้าใจเธอที่สุดเธอเดินออกมาจากนอกห้องนอน เธอเดินไปหาพี่ลี่หลินในครัว เธอเห็นพี่ลี่หลินกำลังทำอาหารอยู่ เธอรอจนกว่าพี่ลี่หลินทำอาหารจนเสร็จแล้ว จึงเรียกพี่ลี่หลินออกมาคุย“พี่ลี่หลินท่านว่างหรือยัง” “นายหญิงม
“ทุกคนไม่เห็นจำเป็นต้องเป็นกังวลเลย ข้าก็ไม่ได้เป็นอะไรเสียหน่อย การบังคับเกวียนม้าก็ไม่ได้ยากเท่าไหร่นัก ข้าทำได้อยู่แล้ว” ทำไมพวกเขาทุกคนที่รู้ว่าเธอบังคับเกวียนม้าเอง ต้องมีอาการตกใจเช่นนี้กันด้วย ทั้งๆ ที่มันก็ไม่ได้ยากเท่าไหร่เลย“นายหญิงถ้าท่านเป็นอะไรไปพวกข้าก็จะลำบากเช่นกันนะเจ้าคะ เห็นแก่พวกข้าเถอะนะ ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่ท่านบังคับเกวียนม้าได้หรือไม่ได้เจ้าคะ แต่วันนี้ท่านเพิ่งซื้อม้ามาใหม่ ม้าตัวนั้นยังไม่คุ้นชินกับท่าน มันอาจจะทำร้ายท่านได้” “ข้ายอมพวกเจ้าแล้ว ต่อไปข้าจะไม่ทำเช่นนี้อีกแล้ว พอใจพวกเจ้าแล้วหรือยัง” เธอก็ลืมคิดถึงเรื่องนี้ไป ม้าตัวนี้เธอเพิ่งซื้อมาใหม่ ดีที่มันไม่ดุร้าย เธอก็ทำอะไรใจร้อนเสียจริง“พอใจแล้วเจ้าคะ” “พอใจแล้วพี่เหมยฮวา” ทั้งสองคนตอบพร้อมกัน“เลิกคุยเรื่องนี้เสียที ข้าได้บ้านที่ถูกใจแล้ว ข้าจะให้ช่างจางเหว่ย เข้าไปปรับปรุง และเราค่อยเข้าไปอยู่ที่นั่นกัน ข้ายังต้องหาทาสมาเรียนรู้การทำงาน และสอนงานอีก” ที่เธอไม่จ้างคนงานมาทำงาน ก็เพราะว่าเธอจะไม่ต้องกังวลว่าทาสเหล่านั้นจะหักหลังเธอหรือไม่ หรือจะเอาสูตรการทำสบู่หรือของใช้ของเธอไปเผยแพร่ที่ไหน ถ้า
นายหน้าพาเธอนั่งเกวียนม้าเข้ามาที่ถนนรื่นเริง รถม้าขับพาเธอเข้ามาตามถนน เธอยังผ่านร้านค้าของเธอ ตลอดทางที่ผ่านเข้ามา มีร้านค้าอยู่หลายร้าน แต่ยิ่งเข้าไปลึกเท่าไรก็จะเห็นว่าเป็นบ้านคนเสียมากกว่า นายหน้าขับเกวียนม้าพาเธอมาจนถึงบ้านหลังสุดท้าย เป็นบ้านชั้นเดียว มีหลายห้อง ด้านหลังของบ้าน มีพื้นที่โล่งและมีบ่อน้ำอยู่ บ้านหลังนี้ทำไมถึงว่าง เธอสงสัยอยู่บ้าง แต่เธอถูกใจบ้านหลังนี้ เพราะมันเป็นทางเดียวกันกับร้านค้าของเธอ แถมยังมีหลายห้องนอนอีกด้วย เธอต้องให้ช่างจางเหว่ยมาสร้างที่ทำสบู่ และเตาอบขนม มีพื้นที่ว่างแบบนี้เธอชอบ ต้องเปลี่ยนห้องน้ำใหม่ทั้งหมด ยังคงต้องซ่อมแซมอีกเยอะ“บ้านหลังนี้ทำไมถึงว่างหรือ ไม่ใช่ว่าท่านบอกกับข้า ว่าหาบ้านแถวนี้ยากไม่ใช่หรือ” “บ้านหลังนี้ มีประวัติ เจ้ากลัวผีหรือไม่” “ท่านจะบอกว่ามีคนตายในบ้านหลังนี้” “ใช่แล้วบ้านหลังนี้ เป็นบ้านของบัณฑิตผู้หนึ่ง เขาสอบติด และได้ย้ายไปอยู่ที่อื่น แต่แม่ของเขาไม่ได้ตามไปอยู่ด้วย จนมาวันหนึ่ง หญิงชราผู้นั้นก็นอนตายไปเฉยๆ เจ้ายังจะซื้อบ้านหลังนี้อยู่อีกหรือไม่” ถ้ามีคนอยู่เยอะ เธอก็ไม่ได้กลัวเรื่องผีอยู่แล้ว และอีกอย่างก็ไ
เธอเดินทางถึงเมืองหลวงในอีกสิบห้าวัน เธอไปร้านสรรค์สร้างเพื่อเอากุญแจร้านค้าที่เธอฝากเอาไว้ และก็พากันกลับไปที่ร้านค้าเครื่องหอม เธอเดินดูความเรียบร้อยอีกครั้ง ช่างจางเหว่ยไม่เคยทำให้เธอผิดหวังเลย ร้านที่เขาปรับปรุงตรงกับความต้องการของเธอทั้งหมด ไม่แตกต่างจากร้านที่อยู่เมืองสงบสุขมากนัก เธอวางแผนว่าจะอยู่จนกว่าทุกอย่างเข้าที่เข้าทางเสียก่อน ถึงจะกลับไปที่เมืองสงบสุข เธอต้องหาซื้อบ้าน และหาทาสเพิ่มอีกสองคนเอาไว้เฝ้าร้านที่อยู่ทางนี้ เมื่อเธอตรวจดูความเรียบร้อยทั้งหมดแล้ว ก็กลับไปที่โรงเตี๊ยมก้งเยว่ที่เธอได้เช่าทิ้งเอาไว้ เธอต้องมีบ้านอยู่ที่นี่สักหลังหรือไม่ หรือเธอจะรับลูกจ้างมาขายของที่ร้านของเธอดี แบบไปเช้าเย็นกลับ เมื่อเธอได้บ้าน เธอค่อยหาซื้อทาสมาเพิ่มอีก เธอเก็บของทุกอย่างที่ซื้อมาเอาไว้ในห้องว่างในร้านค้าของเธอก่อน และของส่วนมากเธอเก็บไว้ในช่องเก็บของ รวมถึงอาหารสดด้วยตอนนี้เธอเดินทางมาโรงเตี๊ยมก้งเยว่ ที่เธอได้เช่าทิ้งเอาไว้ก่อนที่เธอจะเดินทางไปเมืองทางใต้ลูกจ้างของโรงเตี๊ยมมองเห็นคนกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาในร้าน เขาก็ออกไปต้อนรับ พอสังเกตคนกลุ่มนั้นดีๆ ก็เป็นกลุ่มคนที่เคยเช่าห
ตอนนี้เป็นเวลาเกือบเย็น ผู้ใหญ่บ้านได้ขอตัวกลับบ้านไปตั้งนานแล้ว พวกเธอเดินดูทะเลแถวนั้นอยู่อีกสักพัก ก็กลับไปที่โรงเตี๊ยมที่เดิม เธอเดินเข้ามาในโรงเตี๊ยมก็ต้องแปลกใจ ที่มีคนเข้ามานั่งกินอาหารกันมากมายและทุกโต๊ะ เธอจะเห็นต้มยำกุ้งเป็นอาหารจานหลักของที่นี่ เธอเจอกับหลงจู๊ เขาทักทายด้วยการยิ้มให้เธอการเอาสูตรอาหารมาเผยแพร่ก็คงไม่เป็นอะไร เพราะประเทศจีนยุคนี้เป็นยุคที่ไม่มีในประวัติศาสตร์ เธอจึงไม่กลัวที่จะเอาข้อมูลออกมาเผยแพร่ หรือเธอจะเขียนหนังสือสักเล่มดี เกี่ยวกับสัตว์น้ำทะเล ในเมื่อเธอก็มีข้อมูลจากโทรศัพท์อยู่แล้ว หรือบางทีเธออาจจะสั่งซื้อหนังสือสัตว์น้ำทะเลจากร้านค้าของเธอ เรื่องนี้เธอจะกลับไปลองคิดดูอีกครั้งเมื่อเธอว่าง“นายหญิงพรุ่งนี้ท่านจะกลับไปที่เมืองหลวงเลยไหมเจ้าคะ” ลี่หลินถามนายหญิง เธอจะได้จัดเตรียมของได้ถูกหมู่บ้านเธอก็เที่ยวดูมาหมดแล้ว เหลือแค่หมู่บ้านหาปลาที่เธอยังไม่ได้ไป เธอคิดว่าคงยังไม่กลับพรุ่งนี้ เพราะเธอต้องไปหาซื้อของก่อน พรุ่งนี้เธอจะไปที่หมู่บ้านหาปลาก่อนก็แล้วกัน“พรุ่งนี้ยังไม่กลับ พรุ่งนี้เราจะไปเช่ารถม้าที่สำนักคุ้มภัย และก็จ้างคนไว้ อีกวันเราถึงค่อ
“มีใครอยู่ไหมขอรับ” หลีชางตะโกนร้องเรียกอยู่หน้าประตูบ้านหลังหนึ่ง ที่ไม่ใหญ่เท่าไหร่นัก“มาแล้ว ใครกันมาเรียกข้า เสียงไม่คุ้นเลย” ผู้ใหญ่บ้านเปิดประตูออกมา ก็พบคนอยู่สามคน“พวกเจ้าเป็นใคร มาหาข้าเรื่องอะไร?” “ข้าชื่อเหมยฮวามาจากเมืองหลวง พอดีข้าไปเที่ยวริมทะเลของหมู่บ้านท่าน และข้าเกิดถูกใจที่ดินตรงนั้นไม่ทราบท่านพอขายให้ข้าได้หรือไม่” พวกเจ้าอยากมาซื้อที่ดินหรือ เข้ามานั่งคุยข้างในกันก่อน” หลายคนมาถามซื้อที่ดินกับเขาหลายครั้ง พอได้ฟังสาเหตุแล้ว ก็ไม่มีใครซื้อที่ดินตรงนั้นอีกเลย ทุกคนที่อยากซื้อก็หายกันไปเธอมานั่งตรงโต๊ะในบ้านของผู้ใหญ่ เธอมองดูไปรอบๆ ก็เห็นว่าบ้านของผู้ใหญ่เป็นบ้านไม่ใหญ่เท่าไหร่นัก แต่พอดูดีกว่าบ้านหลังอื่นอยู่บ้าง หมู่บ้านนี้ไม่ค่อยมีบ้านหลังใหญ่เหมือนกับหมู่บ้านท่าเรือที่เธอไปมา“ข้าชื่อหวังตง เป็นผู้ใหญ่บ้านของหมู่บ้านน้ำเค็มแห่งนี้ เจ้าสนใจที่ดินติดทะเลตรงที่มีเนินสูงสวยๆ ตรงนั้นใช่หรือไม่ มีคนมาถามซื้อกับข้าหลายครั้งแล้ว แต่ก็ขายไม่ออกเสียทีเธอก็สงสัยที่ตรงนั้นสวยมาก จะต้องมีคนแย่งกันซื้อไม่ตกมาถึงมือของเธอแน่“ทำไมพวกเขาถึงไม่ซื้อกัน หรือที่ตรงนั้