หลังจากที่เธอได้ของครบแล้ว ก็เป็นเวลาที่รถเกวียนวัวของลุงหลีเอินนัดพอดี เธอและอี้เฉิงจึงรีบเดินมาให้ทันรถออก“พวกเจ้าอีกแล้วหรือ มาขึ้นรถก็สาย ขากลับพวกเจ้ายังช้าอยู่อีก รีบหน่อยเดี๋ยวจะมืดเสียก่อน” “ขอโทษนะลุง พอดีข้ากับสามีเดินดูของกันนานไปเสียหน่อย” “ไม่เป็นไรรีบขึ้นรถกันได้แล้ว” รอบนี้เธอและอี้เฉิงได้นั่งแยกกัน เพราะมีหลายคนที่กลับไปก่อนแล้ว จึงทำให้มีที่นั่งว่างเหลืออีกมาก และก็มีบางคนที่มาไม่ทัน เธอเห็นอี้เฉิงทำสีหน้าระแวงทุกครั้งที่เธอมองเขา แถมเขายังนั่งพับเพียบเรียบร้อยอีกด้วย เขาคงกลัวว่าเธอจะแกล้งสินะ บางครั้งอี้เฉิงก็ทำให้เธอขำได้เหมือนกัน และการอยู่กับเขาก็ทำให้เธอไม่เหงาเลย“ท่านนั่งดีๆ เถอะ ข้าไม่แกล้งท่านหรอก กว่าที่เราจะถึงหมู่บ้านก็อีกนาน ข้ากลัวว่าท่านจะเมื่อยเสียก่อน” “ข้าไม่ได้กลัวเจ้าแกล้ง ข้าแค่เมื่อยเท่านั้น” ที่จริงเขาก็ระแวงนางนิดหน่อย ถ้าแกล้งที่บ้านเขาก็ไม่กลัวนางเท่าไหร่ แต่นี่บนรถเขาอายคนอื่นเวลาเขารู้สึกร้อนรุ่มเธอก็ไม่ได้ตอบอะไรเขากลับไป เธอนั่งมองนั่นมองนี่ตลอดทาง ตอนนี้เริ่มมืดแล้วทางก็มืดมาก มีแค่ไฟที่หน้ารถเกวียนวัวเท่านั้นที่ส่องสว่าง ค
หนิงอันคิดว่าคนนี้คือนายท่านแน่แล้ว เขาก็รู้สึกดีใจมาก แต่การที่นายท่านความจำเสื่อมก็เป็นอันตราย ถ้าท่านจะกลับไป เขาจะรอจนกว่านายท่านจะความจำกลับมา เมื่อถึงเวลานั้น พวกเขาจะได้เริ่มแก้แค้นเสียที“ถ้าท่านเป็นนายของข้าจริง เมื่อวันหนึ่งที่ท่านความจำกลับมา ท่านจะรู้วิธีติดต่อกับข้าเอง” หนิงอันพูดจบก็หายตัวไปอี้เฉิงคิดว่าอดีตของเขา อาจจะไม่ได้สวยหรูก็ได้ ถ้าเขากลับไปแล้วนางละ เขายังกลับไปตอนนี้ไม่ได้ เขายังต้องรอความจำของเขากลับมาก่อน เขาล่าสัตว์และหาของบนป่าอีกสักพัก เขาก็กลับลงมาที่บ้าน เขามองเห็นควันไฟ บ่งบอกว่าเหมยฮวากำลังทำอาหารอยู่ เขาไม่อยากให้เวลานี้หายไป เขามีความสุขกับการมีนางอยู่ข้างเขา เขามีความสุขที่ได้กอดนางในตอนที่เขาหลับ เขารู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยทุกครั้งที่กอดนางเหมยฮวาที่เอาน้ำออกมาทิ้งด้านนอกบ้าน นางมองเห็นอี้เฉิงยืนเหม่ออยู่ “ท่านเป็นอะไร ทำไมถึงไม่เข้าบ้านกัน ข้าทำอาหารเสร็จแล้ว เรามากินข้าวกันเถอะ” เธอยิ้มให้เขาและเรียกเขาเข้ามาในบ้านเพื่อที่จะกินข้าวกันอี้เฉิงมองรอยยิ้มของเหมยฮวา เขาจดจำทุกสิ่งที่เป็นนางเอาไว้ในหัวใจ เขาขาดนางไม่ได้ เขาละทิ้งความคิดต่างๆ ออกไป
บ้านของผู้ใหญ่บ้าน เพื่อสวัสดีปีใหม่ พอเสร็จแล้วเธอก็กลับมาบ้านเพื่อทำของไปส่งร้านพี่ซิ่วอิง“ท่านมีความสุขหรือเปล่า” “ข้ามีความสุขสิ ทำไมเจ้าถึงถามข้าแบบนั้น” “ก็ท่านทำหน้าตาเหมือนโกรธใครมา ตอนที่มีเด็กๆ มาอวยพรให้พวกเรา” “ข้าแค่ยิ้มไม่เก่งก็แค่นั้น เจ้าคิดมากไปแล้ว” “ข้าก็นึกว่าท่านจะไม่มีความสุขเสียอีก ข้าอยากเข้าเมืองไปดูร้านค้า ข้าอยากจะเปิดร้านค้าขายเครื่องหอม ข้าเก็บเงินได้หลายร้อยทองแล้ว ไม่รู้ว่าจะพอซื้อร้านค้าในเมืองสักร้านได้หรือเปล่า” “ถ้าเจ้าอยากได้ เราเข้าเมืองไปหานายหน้า แล้วให้เขาหาร้านค้าดีๆ แต่ไม่แพงให้เราก็ได้” “ก็จริงของท่าน วันนี้เราเข้าเมืองกันเถอะ ข้าอยากไปดูร้านค้าจะแย่แล้ว” “วันนี้เป็นวันปีใหม่ ในเมืองน่าจะมีคนเยอะมาก รออีกสองสามวันก็แล้วกัน ข้าจะพาเจ้าเข้าไปดูร้านค้า” ก็จริงอย่างที่เขาพูด เธอยังต้องรอให้วันปีใหม่ผ่านไปก่อน ถึงจะเข้าเมืองได้ เธอมาอยู่ที่นี่ได้ครึ่งปีกว่าแล้ว มีอะไรหลายๆ อย่างเปลี่ยนไปมาก ที่เป็นเรื่องยากสำหรับเธอเลยก็คือการเขียนภาษาของที่นี่ เป็นอะไรที่ยากมากสำหรับเธอ และการดูเวลาของที่นี่ก็ดูลำบากยิ่งนักเธอเลยซื้อนาฬิกาจากร้า
“เป็นอย่างไร บ้านหลังนี้พวกเจ้าพอใจหรือไม่” “ข้าพอใจมาก ไม่ทราบว่าบ้านหลังนี้ราคาเท่าไหร่” “ข้าขอบอกพวกเจ้าตามตรง บ้านหลังนี้ถึงจะขายไม่ออกแต่ก็เป็นพื้นที่ ที่อยู่ในทำเลที่ดี ติดกับบ้านของเจ้าเมืองแถมยังติดกับโรงเรียนและร้านค้าอีกหลายร้าน ราคาอยู่ที่หนึ่งพันทอง” หนึ่งพันทองเลย เธอมีเงินที่เพิ่งได้จากพี่ซิ่วอิงมาห้าร้อยทอง รวมกับเงินของเธอก็เป็นทั้งหมด หนึ่งพันหนึ่งร้อยทอง เธอจะขอลดราคาบ้านหลังนี้อีกจะได้หรือไม่ เธอหันไปมองอี้เฉิงเพื่อที่จะถามความคิดเห็นกับเขา “ท่านว่าบ้านหลังนี้เป็นอย่างไรบ้าง” “เป็นบ้านที่ดีแถมยังติดกับร้านค้าอีกหลายแห่ง แถวนี้ก็ไม่มีร้านไหนขายของเหมือนเจ้าด้วย ถ้าเจ้ากลัวว่าเงินไม่พอเงินที่ข้ายังมีอีกเจ้าไม่ต้องกลัว” “หรือว่าพวกเจ้าจะลองไปดูบ้านหลังอื่นก่อนดีหรือไม่” เธอก็อยากลองไปดูหลายๆ ที่ก่อน ค่อยมาคิดอีกทีว่าตรงไหนคุ้มกว่ากัน ที่อื่นอาจจะดีกว่าบ้านหลังนี้ก็ได้“ข้าขอไปดูบ้านหลังอื่นก่อนได้หรือไม่” “ได้ ยังมีบ้านอยู่อีกหลายหลังถึงทำเลจะไม่ดีเท่าบ้านหลังนี้แต่ก็พออยู่ได้” เธอตามนายหน้าไปดูบ้านมาอีกสองหลัง บ้านทั้งสองหลังนั้นถ้าไม่อยู่ในทำเลที่ด
ส่วนร้านที่ติดหน้าบ้านของเธอ เป็นร้านสองชั้น เธอจะปรับเปลี่ยนร้านให้เป็นแบบทันสมัยใหม่ เธอจะให้ช่างมาต่อไม้ไว้ที่ผนังเพื่อวางสินค้า และเธออาจจะซื้อรูปภาพมาตบแต่งร้านค้า ให้ดูน่าสนใจมากขึ้น เธอจะเปลี่ยนชั้นแรกของร้านให้คนทุกระดับเข้าซื้อสินค้าของเธอได้ ส่วนชั้นที่สองเธอจะทำเป็นชั้นวางของที่แพงขึ้นมาหน่อยและมีโต๊ะเล็กๆ ให้ลูกค้าที่มาเลือกซื้อได้นั่งพัก ระหว่างที่รอซื้อของจากร้านของเธอ“เจ้าทำอะไรอยู่หรือ” เขาเห็นนางนั่งร่างอะไรบางอย่างอยู่นานแล้ว เขาคิดว่าสิ่งที่นางวาดน่าจะเป็นแบบบ้านที่นางเคยพูดกับเขา“ข้ากำลังร่างแบบร้านค้าที่จะสร้าง ท่านลองดูบ้านแบบนี้สวยหรือไม่” เธอส่งแบบบ้านและแบบร้านค้าของเธอให้อี้เฉิงได้ดูเขารับแบบที่เหมยฮวาส่งให้ดู เขารู้สึกว่าแบบบ้านของนางไม่เหมือนที่ไหน เขาไม่เคยเห็นบ้านแบบนี้มาก่อน เขาเริ่มที่จะสงสัยแล้ว ว่าบ้านของนางนั้นอยู่ที่ไหนกัน ถึงมีสิ่งของแปลกใหม่หลายอย่างที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนเลย“แบบบ้านที่เจ้าให้ข้าดูนั้น ข้าไม่เคยเห็นบ้านแบบนี้มาก่อนเลย บ้านที่เจ้าจากมามีบ้านแบบนี้หลายหลังหรือ” ที่จริงแบบบ้านที่เธอร่างขึ้นมา เป็นบ้านของคนมีเงินในระดับหนึ่งเ
“ข้าสนใจของที่เจ้าให้พวกข้าดู ข้าอยากจะลองทำสิ่งที่เจ้าเรียกว่าโถส้วมแบบนั่งว่ามันจะหน้าตาออกมาเป็นแบบไหน พวกเจ้าจะให้ข้าเริ่มงานวันไหน”“ท่านสามารถสร้างบ้านให้พวกเราได้เร็วที่สุดวันไหน ข้าอยากได้เร็วที่สุด” ยิ่งสร้างร้านเสร็จเร็วเท่าไหร่ เธอก็จะได้เปิดขายของได้เร็วมากเท่านั้น”“เร็วที่สุดก็เดือนหน้า เพราะข้ามีงานที่ต้องไปทำอีกประมาณหนึ่งเดือนถึงจะเสร็จพอดี แต่เจ้าสามารถเอาแบบโถส้วมของเจ้าให้ข้าลองทำไว้ก่อนก็ได้”หนึ่งเดือนถึงจะได้เริ่มสร้างบ้าน ถึงจะนานไปหน่อยแต่เธอรู้สึกว่าช่างคนนี้น่าเชื่อถือได้ “ข้าจะให้แบบโถส้วมกับท่านไว้ลองทำดู และข้าอยากรู้ราคาของบ้านและราคาของร้านค้าว่าจะใช้เงินเท่าไร”“จากที่ข้าดูแบบบ้านของเจ้าแล้ว และเจ้ายังสร้างไม่เหมือนคนอื่น ถ้าเจ้าใช้วัสดุที่ดีทุกอย่างและอยากให้เสร็จเร็ว ข้าต้องเพิ่มคนงานในการสร้างบ้านของเจ้า จากที่ข้าคิดแล้ว ราคาอยู่ที่สามร้อยทอง เจ้าไหวหรือไม่”สามร้อยทอง ถือว่าพอรับได้ เพราะของที่เธอจะทำคือการสร้างบ้านใหม่ทั้งหมด เธอให้ช่างรื้อถอนโครงสร้างบ้านหลังเก่าทิ้งทั้งหมด ส่วนร้านค้าที่ปล่อยไว้นาน ก็ต้องปรับปรุงทั้งหมด ราคานี้ถือว่าสมควร
“เจ้าเตรียมของพร้อมแล้วใช่ไหมเรารีบขึ้นไปบนเขากันเถอะ เดี๋ยวจะเข้าไปถึงที่นั่นสายเสียก่อน” เขาพูดพร้อมกับหยิบตะกร้าของเหมยฮวาที่เตรียมไว้เอามาถือทั้งสองคนเดินหายเข้าไปในป่า ที่มีหมอกหนาของอากาศหนาว หนึ่งคนตัวเล็กหนึ่งคนตัวใหญ่เดินเคียงคู่กันไปตลอดทางทางที่อี้เฉิงพาเธอเดินขึ้นเขามานั้น เป็นทางสูงชันแต่มีทางที่อี้เฉิงเคยทำไว้เพราะเขาเข้ามาที่แห่งนี้บ่อย และไม่ค่อยมีใครรู้จัก จึงเป็นที่สงบแห่งเดียวในป่านี้ ที่เขามักเข้ามาพักผ่อนบ่อยๆ“เจ้าเดินระวัง ทางตรงนี้จะสูงมากและจะลื่นได้ง่าย เจ้าจับมือข้าเดินไปดีกว่า” เธอจับมืออี้เฉิงเดินมาตลอดทาง “ที่เจ้าบอกว่าไม่มีคนรู้จัก ข้าว่าก็ไม่แปลกที่จะไม่มีคนรู้จัก เพราะที่นี่สูงและชันมาก ให้ข้ามาเองข้าก็คงไม่กล้าเดินมา” “ข้าถึงบอกเจ้าไง ว่าคนธรรมดาไม่มากันหรอก เพราะข้าไม่ธรรมดา” “ก็จริงของท่าน ท่านไม่ธรรมดาจริงๆ นั่นแหละ เพราะคนธรรมดาไม่ขึ้นกันมา” เธอตอบเขาไป เพราะเขาเป็นพรานป่าแถมยังเก่งต่อสู้อีกด้วย แต่ก็แปลกที่อี้เฉิงเก่งการต่อสู้เขาดูไม่เหมือนพรานป่าธรรมดาเลย“เจ้าอย่ามัวแต่พูดเดินตามข้ามาให้ดี” เธอดูนาฬิกาที่ข้อมือของเธอ เธอเดินตามอี้
“ข้ามาแล้ว ท่านก่อไฟเสร็จแล้วหรือ ท่านเอาไก่ที่ข้าทำมาเอาไปย่างได้เลย เราจะได้กินกันร้อนๆ ” อี้เฉิงเอาไก่ที่เธอหมักไว้เอาออกมาย่างและยังมีหมูและไก่บางส่วนที่ทำเอาไว้แล้ว เขานำเอาออกมาอุ่นให้ร้อนอีกด้วย ส่วนเธอก็เอาข้าวเหนียวออกมาอุ่นกับหม้อต้มน้ำที่เขาเอามาด้วยเหมือนกัน“ทำไมไก่ที่เจ้าทำถึงหอมแบบนี้ ข้าไม่เคยได้กลิ่นไก่ที่ไหนหอมเช่นกลิ่นไก่ของเจ้าเลย” “เป็นสูตรของที่บ้านข้าเอง ท่านก็กินแล้วเมื่อตอนเช้า” “ถ้าเจ้าไม่ขายเครื่องหอม ข้าว่าแค่เจ้าเปิดร้านขายอาหารก็ขายดีจนไม่มีเวลาเลยละ” “แสดงว่าข้าทำอาหารอร่อยใช่หรือไม่ แต่อาหารของข้าจะมีไว้ให้ท่านกินคนเดียวก็พอแล้ว” เธอหยอดคำหวานใส่อี้เฉิงอี้เฉิงเขาที่มีความรู้สึกที่ดีให้เหมยฮวาอยู่แล้ว เขาได้ยินคำพูดของนางก็ทำให้ใจของเขาพองโตขึ้น “ข้าเป็นคนพิเศษของเจ้าใช่หรือไม่ ข้าดีใจที่ได้กินอาหารฝีมือของเจ้าคนเดียว” เขาพูดจบก็ก้มหน้าย่างไก่ต่อไป แต่หน้าของเขานั้นมีความแดงอยู่เล็กน้อยเหมยฮวาที่สังเกตเห็นแก้มแดงๆ ของอี้เฉิงก็พูดหยอกล้อเขาเล่นไปตลอด ในระหว่างที่เขาย่างไก่ให้เธอ เสียงหัวเราะของเธอและอี้เฉิงดังกังวานไปทั่วทุกที่แห่งนั้น เป็น
“ข้าไม่เคยเห็น หรือบางทีข้าอาจจะไม่ได้สนใจพวกมัน เพราะมันก็แค่ดอกไม้ธรรมดา ข้าเข้าป่าก็เพื่อล่าสัตว์เท่านั้น” “ท่านนี่ไม่มีความนุ่มนวลเหมือนผู้หญิงเลย” “ก็ข้าเป็นผู้ชายจะให้นุ่มนิ่มเหมือนผู้หญิงได้อย่างไร แต่บนเตียงข้าก็นุ่มนวลกับเจ้าอยู่นะ เจ้าว่าจริงหรือไม่” “ท่านนี่มันเปลี่ยนเรื่องไปเรื่อยเลย” เธอตีไปที่อกของอี้เฉิงเบาๆ“ถ้าไม่ให้ข้านุ่มนวลกับภรรยา เจ้าจะให้ข้านุ่มนวลกับคนอื่นหรือ” “ถ้าท่านกล้าทำก็ลองดู ข้าจะตอนส่วนล่างของท่านเสีย” อี้เฉิงแกล้งเอามือปิดตรงส่วนล่างของเขา “ข้ากลัวแล้ว แม่เสื่อตัวนี้ดุมาก” “ท่านยังทำเป็นเล่นอยู่อีก ถ้าท่านมองสาวอื่นข้าจะจะโกรธท่าน และข้าขอบอกกับท่านไว้เลยว่า ข้าไม่ขอใช้สามีร่วมกับใครทั้งนั้น” “ใจของข้ามีแค่เจ้าเท่านั้น เจ้าเชื่อใจข้าได้” “ใครจะรู้ ท่านอาจจะมีภรรยาอยู่ที่บ้านท่านแล้วก็ได้” “ไม่คุยเรื่องนี้แล้ว ข้าไม่อยากทำให้เจ้าโกรธ เรามาคุยเรื่องวันเปิดร้านกันดีหรือไม่” เธอเห็นว่าคุยกันไป คุยกันมาจะกลายเป็นว่าทะเลาะกันเสียแล้ว เธอจึงเปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่นตามที่อี้เฉิงบอก ถ้าเขามีภรรยาอยู่แล้ว เธอจะทำอย่างไร เธอจะเสียใจมากแค่ไหน
“เจ้าเป็นเด็กในหมู่บ้านนี้แห่งนี้หรือ ข้าไม่คุ้นหน้าเจ้าเลย เจ้ามาหาข้ามีเรื่องจะถามข้าหรือ ไม่ต้องกลัวข้าไม่ใช่คนใจร้าย” เธอพยายามพูดกับเด็กตรงหน้าเธอด้วยเสียงที่ดูใจดี ดูท่าทางเด็กคนนี้จะไม่ค่อยได้ออกมาข้างนอกมากนัก เพราะเธอไม่เคยเห็นหน้าเขามาก่อน“ข้าถามท่านได้หรือไม่ ท่านบอกว่าจะรับซื้อดอกไม้ที่มีกลิ่นหอมทุกชนิดใช่หรือไม่” “ใช่แล้ว ถ้าบ้านของเจ้ามีดอกไม้ที่ตากแห้งแล้วก็นำมาขายให้ข้าได้ เจ้ารู้จักเม็ดของดอกบัวหรือไม่” “ข้ารู้ ข้าเคยเก็บพวกมันไปกินบ่อยๆ แต่กินมากก็จะท้องอืดได้” “เจ้าชื่ออะไรและตอนนี้อยู่บ้านกับใคร ข้าไม่คุ้นหน้าเด็กแบบเจ้ามาก่อนเลย” “ข้าชื่อหลีชาง ข้าอยู่คนเดียวไม่มีพ่อแม่” “การที่เจ้าเข้าไปเก็บดอกบัวจะเป็นอันตรายมาก เจ้าว่ายน้ำเป็นหรือ” “ข้าว่ายน้ำเป็นข้าอายุสิบสองปีแล้ว ข้าอยู่คนเดียวมานานมาก” “ข้ารับซื้อรากของดอกบัวด้วย เจ้ารู้จักหรือไม่ ถ้าวันหนึ่งเจ้าไปเก็บเมล็ดบัวมาอีกเจ้าเก็บรากของดอกบัวมาให้ข้าดู ถ้าเจ้าเก็บรากบัวมาขายให้ข้า ข้าจะรับซื้อเจ้าจินละ2 กวน แต่การเก็บรากบัวจะอันตรายมาก ข้าว่าเจ้าเก็บดอกไม้เอามาขายให้ข้าเหมือนคนอื่นเถอะ” “รากบัวท่า
“เจ้ารอบคอบมาก เรารีบไปกันเถอะ” เขาขับเกวียนม้ามาทางหมู่บ้านป่าเขียว เขาขับเกวียนไปทางบ้านของผู้ใหญ่บ้านหลีอันก่อนอี้เฉิงเดินลงจากเกวียนม้า เขาเคาะไปที่ประตูหน้าบ้านและเรียกชื่อผู้ใหญ่บ้านเสียงดัง“ใครเรียกข้ากัน ข้ามาแล้ว” หลีอันเดินออกมาเปิดประตูหน้าบ้าน“นายพรานอี้เฉิงเองหรือ ท่านมาหาข้ามีธุระอันใด นั่นเกวียนม้าของท่านใช่หรือไม่ ถ้าแบบนั้นข่าวลือที่ชาวบ้านเขาพูดกันก็เป็นเรื่องจริง” “ชาวบ้านเขาพูดกันเรื่องอะไรหรือ” เหมยฮวาถามผู้ใหญ่บ้านออกไป“เขาบอกว่าเจ้าซื้อบ้านใหญ่โต และสร้างกิจการขายของอยู่ในเมือง พวกเจ้าเป็นอย่างที่ชาวบ้านพูดกันหรือไม่” “พวกข้าไม่ได้ร่ำรวยอะไร ก็แค่เอาของที่เคยทำที่บ้านเดิมของข้ามาขาย บังเอิญว่าของนั้นขายได้ดี พวกข้าก็เลยพอมีเงินเก็บนิดหน่อย ไม่ได้ร่ำรวยอะไรหรอก” “แล้ววันนี้พวกเจ้ามาหาข้ามีเรื่องอันใดล่ะ หรือจะมาบอกหนทางรวยให้พวกชาวบ้านบ้าง” เหมยฮวาฟังคำเหน็บแนมของผู้ใหญ่บ้าน เธอก็รู้สึกโมโหนิดหน่อย แต่ก็อย่างว่าถ้าใครได้ดีกว่าคนอื่นก็อิจฉาพวกเธอเป็นเรื่องธรรมดา เธอจึงคิดรับซื้อของจากคนในหมู่บ้านเพื่อไม่ให้คนอื่นพูดว่าเธอและอี้เฉิงได้“ที่พวกข้ามา
“ขอบคุณนายหญิงมากขอรับ” เขาจะรับใช้นายหญิงที่ใจดีกับเขาให้ดีที่สุด“พวกเจ้า เด็กน้อยทั้งสองยังกลัวข้าอยู่หรือไม่ เจ้าเรียกข้าว่าพี่สาวก็ได้ ไม่ต้องเรียกนายหญิงหรอก” เด็กหญิงมองไปที่เหมยฮวาแล้วก็ยิ้มตอบเธอกลับมา “พี่สาว พี่สาวสวยมาก” “ลี่อินจะพูดกับเจ้านายของพวกเราแบบนั้นไม่ได้” ลี่กังดุน้องสาวของเขาเบาๆ“ไม่เป็นอะไรหรอก ข้าก็อยากมีน้องสาวที่น่ารักแบบนี้สักคน และเจ้าก็อย่าดุน้องสาวของเจ้ามากนักลี่กัง” “ข้าแล้วแต่นายหญิง ข้าเหลือน้องสาวคนเดียวข้าไม่อยากให้น้องสาวของข้าทำตัวไม่ดีกับท่านขอรับ” “เจ้ายังเด็กอยู่ใช้ชีวิตที่เหลือให้มีความสุขเถอะ ถ้าพวกท่านทุกคนดีกับข้า ข้าก็จะดีกับพวกท่านกลับไปเหมือนกัน” ///หลังจากที่เธอตั้งชื่อให้พวกเขาแล้ว เธอก็พาทั้งห้าคนไปที่ร้านขายผ้าซิ่วอิง เพื่อเลือกซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่และของใช้จำเป็น เมื่อเธอมาถึงหน้าร้านก็เป็นเวลาที่เย็นมากแล้วเจ้าของร้านซิ่วอิงหันมาเห็นเหมยฮวาที่เดินเข้าร้านมาพอดี “น้องเหมยฮวาเจ้ามาหาพี่เสียเย็นเชียว ข้าได้ข่าวว่าร้านของเจ้าใกล้ที่จะเปิดขายเครื่องหอมแล้ว” “ใช่แล้วพี่ซิ่วอิงข้าเปิดร้านเมื่อไหร่ข้าจะเชิญพี่เป็นคนแรก วัน
“แสดงว่าแต่ละประตูก็จะดูแลแตกต่างกันไป” เธอเดินดูไปทีละห้อง เธอสะดุดตาอยู่ห้องหนึ่งที่มีเด็กชายและเด็กผู้หญิงนั่งกอดกันอยู่ เด็กผู้หญิงนั่งซบหน้าอยู่กับอกของเด็กผู้ชายที่นั่งกอดเธออยู่ แต่สายตาของเด็กผู้ชายที่จ้องตาของเธอดูเป็นคนไม่ยอมใคร เป็นเด็กที่รู้จักปกป้องคนอื่นได้ดี เธอสนใจเด็กสองคนนี้เธอเลือกเอาไว้ในใจก่อน เธอเดินดูตามห้องถัดไปเรื่อยๆ อีกห้องเป็นชายร่างสูงใหญ่อายุประมาณสี่สิบ นั่งก้มหน้าไม่ได้สนใจสิ่งใด แต่เธอสังเกตขาของชายคนนั้นว่ามีผ้าพันไว้ที่ขา เหมือนขาของเขาจะได้รับบาดเจ็บชายคนนั้นเขารู้สึกถึงสายตาว่ามีคนจ้องมองเขาอยู่ เขาจึงเงยหน้าขึ้น เขาเห็นผู้หญิงคนหนึ่งมองมาทางเขาด้วยสายตาสนใจ เขาก็ไม่ได้สนใจอะไร ตัวเขาจะอยู่ที่ไหนก็ได้ทั้งนั้น เขาเลิกสนใจชีวิตตัวเองมานานมากแล้ว และเขาก็ก้มหน้าลงเหมือนเดิม ทำเหมือนไม่รับรู้อะไร“เจ้าสนใจใครบ้างหรือยัง” เขาเห็นเธอมองคนที่อยู่ในห้องขังเหล่านั้น“ข้าสนใจอยู่สามคนเป็นเด็กชายหญิง และผู้ชายคนนั้น แต่ข้ายังอยากได้ผู้หญิงอีกสองคน ไม่รู้จะเจอคนถูกใจหรือไม่” “ยังมีอีกหลายห้องที่เจ้ายังไม่ได้ดู เจ้าลองเดินดูก่อนเถอะค่อยเลือกอีกครั้ง” “ก
ถึงว่าไม่มีคนมาซื้อม้าที่นี่ เพราะมันมีราคาที่แพงมาก “ลดให้ข้าหน่อยได้หรือไม่ ดูม้าตัวนี้ก็ไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไหร่นัก ถ้าพวกข้าไม่ซื้อมันก็คงไม่กินอาหารและป่วยตายก็ได้” เจาฉือเขาจำเป็นต้องขายม้าตัวนี้ออกไปให้เร็วที่สุดก่อนที่มันจะตายเพราะอาการตรอมใจก็ได้ เขามองไปทางด้านข้างของหญิงสาวที่มาซื้อม้า เป็นชายหนุ่มหน้าตาดุดัน เขาก็มีความรู้สึกกลัวขึ้นมา “ข้าขอไปถามเจ้านายของข้าก่อนได้หรือไม่” “ได้ ข้าจะรอเจ้าอยู่ตรงนี้” หลังจากที่เธอพูดจบ ลูกจ้างคนนั้นก็เดินไปทางหน้าร้านและพูดคุยอะไรบางอย่างกับคนที่นั่งเขียนบัญชีอยู่ที่โต๊ะด้านหน้าร้านค้า คนที่ก้มหน้าเขียนบัญชี เขาได้ฟังคำพูดของลูกน้องเขาพูดจนจบ เขาก็เงยหน้ามามองทางเธอที่กำลังมองเขาอยู่พอดี เธอเห็นแบบนั้นจึงหันไปมองทางอื่นแทน เธอรอไปอีกสักพักลูกจ้างคนนั้นก็เดินกลับมาหาเธอ“ข้าถามเจ้านายของข้าแล้ว ลดให้ท่านมากสุดสองตำลึงทอง ขายให้ท่านสามตำลึงทอง ท่านจะซื้อหรือไม่” เธอหันไปมองทางอี้เฉิงเพื่อให้เขาเป็นคนตัดสินใจ อี้เฉิงพยักหน้าให้เธอ บอกว่าตกลง เธอจึงทำการซื้อขายกับร้านค้าสัตว์แห่งนี้ทันที“ไม่ทราบว่าที่นี่มีเกวียนขายหรือไม่” “ร้าน
เอาไว้ตอนที่เธอมีเวลาว่าง และข้อสัญญาอื่นๆ เธอให้อี้เฉิงอ่านให้เธอฟังอีกครั้ง เธอคิดว่าต้องฝึกเรียนภาษาจีนเอาไว้บ้างแล้วตอนนี้ร้านของช่างจางเหว่ยมีคนมาจ้างงานและซื้อโถส้วมแบบใหม่เป็นจำนวนมาก ยิ่งขายได้มากเท่าไหร่ เธอก็จะได้มีเงินมากขึ้นเท่านั้น เธอคิดว่าหลังจากที่เธอเปิดร้านอย่างเป็นทางการเสร็จแล้ว เธอก็จะวาดสิ่งของชิ้นใหม่ให้ร้านสรรค์สร้างได้ทำขึ้นมา แต่ต้องหลังจากที่เธอจัดการเรื่องร้านเครื่องหอมของเธอเสร็จแล้วเสียก่อน“ตอนนี้บ้านและร้านของเจ้าก็เสร็จแล้ว เจ้าคิดชื่อร้านได้หรือยัง” อี้เฉิงถามเหมยฮวาออกไป เขาไม่รู้ว่าเธอมีชื่อร้านไว้บ้างแล้วหรือไม่“ข้าคิดชื่อร้านไว้แล้ว ท่านไม่ต้องห่วง ร้านแห่งนี้ข้าจะขายเครื่องหอมของใช้ประจำวันที่มีกลิ่นหอม และก็ยังมีน้ำหอมหลากหลายกลิ่นอีกด้วย ร้านค้าแห่งนี้ข้าจะตั้งชื่อว่า ร้านเครื่องหอมเหมยฮวา ท่านว่าเพราะหรือไม่” “เป็นชื่อที่เหมาะกับเจ้าดี ชื่อของเจ้าก็เป็นชื่อของดอกไม้อยู่แล้ว แถมของที่เจ้าทำก็มีกลิ่นที่หอม ชื่อนี้ถือว่าดี เจ้าทำของมากมายเช่นนี้ เจ้าจะเอาดอกไม้มาจากไหนมาทำกัน” “ข้าจะรับซื้อดอกไม้จากคนในหมู่บ้าน แต่ข้าต้องเอาเรื่องนี้ไปปร
“ถ้าเจ้าได้คุยกับหนิงอันเจ้าคงจะรู้แล้วว่าตัวข้าจำไม่ได้ เจ้ามาหาข้ามีธุระอันใด ข้าเคยบอกเจ้าไปแล้ว ว่าข้าจะติดต่อกลับไปเองเมื่อความจำของข้ากลับมาแล้ว” “ส่วนหนึ่งข้าแค่อยากมาเจอนายท่าน และอีกเรื่องที่พวกข้าต้องรีบมาหานายท่านก็เพราะว่าข้าจะมาเตือนนายท่าน ตอนนี้ฝ่ายศัตรูของเราเริ่มจะมีการเคลื่อนไหวมาทางเมืองสงบสุขแห่งนี้แล้ว พวกนั้นส่งคนแฝงตัวเข้ามาในเมืองแห่งนี้ถ้าพวกนั้นพบเจอกับนายท่าน พวกนั้นอาจจะทำร้ายนายท่านได้ และภรรยาของนายท่านอาจจะตกอยู่ในอันตราย” “แล้วข้าต้องทำอย่างไร พวกเจ้าคงจะไม่ได้มาเตือนข้าเฉยๆ หรอกใช่หรือไม่” “พวกข้าคุยกันแล้วว่า พวกข้าจะคอยปกป้องคุ้มครองนายท่านและภรรยา ในช่วงที่นายท่านความจำยังไม่กลับมา แต่ข้าอยากให้นายท่านกลับไปที่สำนักของนายท่าน เพื่อตบตาคนที่คิดร้ายต่อนายท่าน“ข้าจะเชื่อพวกเจ้าได้มากแค่ไหน ข้าความจำเสื่อมข้าจำไม่ได้ว่าพวกเจ้าคิดจะทำร้ายข้าหรือมาหลอกข้าหรือไม่” “สิ่งนี้เป็นสิ่งยืนยันว่าพวกข้าภักดีต่อนายท่าน” หนิงอันและหนิงหลง เปิดหน้าอกที่สักลายมังกรสีดำที่มีชื่อตรงมังกรตรงนั้นว่า อี้เฉิง “ถ้าเป็นสิ่งนี้ท่านพอจะเชื่อพวกข้าได้หรือไม่” อี้เฉ
เธอหันมาจัดการกับแม่แพะที่เพิ่งได้มา อี้เฉิงมัดเชือกไว้ที่คอของมัน เธอเดินเข้าไปใกล้แพะตัวนั้น และใช้ผ้าที่เปียกน้ำ เธอเช็ดไปตรงเต้านมของแพะ และเริ่มทำการคั้นน้ำนมแพะใส่ถังที่เธอเตรียมมา เธอคั้นน้ำนมแค่พอให้ลูกแมวกินเท่านั้น พรุ่งนี้เธอค่อยมาคั้นน้ำนมแพะตัวนี้เพิ่ม นี่ก็เป็นครั้งแรกที่เธอได้ลองคั้นน้ำนมของเพะออกมา เธอก็รู้สึกแปลกใหม่อยู่บ้างเหมือนกันเธอเอานมที่ได้ เข้าไปในครัวใช้หม้อต้มน้ำนมของแพะอีกครั้ง เธอคิดว่าต้องต้มถึงจะปลอดภัย เธอต้มจนน้ำนมเดือดก็เป็นเวลาที่อี้เฉิงอาบน้ำเสร็จพอดี“ท่านอาบน้ำเสร็จแล้วหรือ ทำไมผมท่านถึงเปียกแบบนี้ ท่านรอข้าสักครู่ข้าจะเข้าไปเอาผ้ามาเช็ดผมให้ท่าน” เหมยฮวายกเตาที่ต้มน้ำนมแพะออกพักไว้ให้เย็น เธอเดินเข้าไปในบ้านและเอาผ้าเช็ดผมที่เธอซื้อมาจากร้านค้ามาเช็ดผมให้อี้เฉิง“นี่ผ้าเช็ดผม ท่านเช็ดผมให้แห้งเราจะได้กินข้าวกัน” เธอยื่นผ้าไปตั้งนานแล้ว อี้เฉิงก็ไม่รับผ้าไปจากเธอเสียที“เจ้าเช็ดผมให้ข้าหน่อยได้ไหม วันนี้ข้าเหนื่อยมากเลย” เขาไม่คิดว่าจะมีวันที่เขาต้องใช้เสียงแบบนี้เพื่ออ้อนใครสักคนเธอยิ้มกับความขี้อ้อนที่เพิ่มมากขึ้นของอี้เฉิง “ข้าเช็ดผมให้ท