“เจ้าเตรียมของพร้อมแล้วใช่ไหมเรารีบขึ้นไปบนเขากันเถอะ เดี๋ยวจะเข้าไปถึงที่นั่นสายเสียก่อน” เขาพูดพร้อมกับหยิบตะกร้าของเหมยฮวาที่เตรียมไว้เอามาถือทั้งสองคนเดินหายเข้าไปในป่า ที่มีหมอกหนาของอากาศหนาว หนึ่งคนตัวเล็กหนึ่งคนตัวใหญ่เดินเคียงคู่กันไปตลอดทางทางที่อี้เฉิงพาเธอเดินขึ้นเขามานั้น เป็นทางสูงชันแต่มีทางที่อี้เฉิงเคยทำไว้เพราะเขาเข้ามาที่แห่งนี้บ่อย และไม่ค่อยมีใครรู้จัก จึงเป็นที่สงบแห่งเดียวในป่านี้ ที่เขามักเข้ามาพักผ่อนบ่อยๆ“เจ้าเดินระวัง ทางตรงนี้จะสูงมากและจะลื่นได้ง่าย เจ้าจับมือข้าเดินไปดีกว่า” เธอจับมืออี้เฉิงเดินมาตลอดทาง “ที่เจ้าบอกว่าไม่มีคนรู้จัก ข้าว่าก็ไม่แปลกที่จะไม่มีคนรู้จัก เพราะที่นี่สูงและชันมาก ให้ข้ามาเองข้าก็คงไม่กล้าเดินมา” “ข้าถึงบอกเจ้าไง ว่าคนธรรมดาไม่มากันหรอก เพราะข้าไม่ธรรมดา” “ก็จริงของท่าน ท่านไม่ธรรมดาจริงๆ นั่นแหละ เพราะคนธรรมดาไม่ขึ้นกันมา” เธอตอบเขาไป เพราะเขาเป็นพรานป่าแถมยังเก่งต่อสู้อีกด้วย แต่ก็แปลกที่อี้เฉิงเก่งการต่อสู้เขาดูไม่เหมือนพรานป่าธรรมดาเลย“เจ้าอย่ามัวแต่พูดเดินตามข้ามาให้ดี” เธอดูนาฬิกาที่ข้อมือของเธอ เธอเดินตามอี้
“ข้ามาแล้ว ท่านก่อไฟเสร็จแล้วหรือ ท่านเอาไก่ที่ข้าทำมาเอาไปย่างได้เลย เราจะได้กินกันร้อนๆ ” อี้เฉิงเอาไก่ที่เธอหมักไว้เอาออกมาย่างและยังมีหมูและไก่บางส่วนที่ทำเอาไว้แล้ว เขานำเอาออกมาอุ่นให้ร้อนอีกด้วย ส่วนเธอก็เอาข้าวเหนียวออกมาอุ่นกับหม้อต้มน้ำที่เขาเอามาด้วยเหมือนกัน“ทำไมไก่ที่เจ้าทำถึงหอมแบบนี้ ข้าไม่เคยได้กลิ่นไก่ที่ไหนหอมเช่นกลิ่นไก่ของเจ้าเลย” “เป็นสูตรของที่บ้านข้าเอง ท่านก็กินแล้วเมื่อตอนเช้า” “ถ้าเจ้าไม่ขายเครื่องหอม ข้าว่าแค่เจ้าเปิดร้านขายอาหารก็ขายดีจนไม่มีเวลาเลยละ” “แสดงว่าข้าทำอาหารอร่อยใช่หรือไม่ แต่อาหารของข้าจะมีไว้ให้ท่านกินคนเดียวก็พอแล้ว” เธอหยอดคำหวานใส่อี้เฉิงอี้เฉิงเขาที่มีความรู้สึกที่ดีให้เหมยฮวาอยู่แล้ว เขาได้ยินคำพูดของนางก็ทำให้ใจของเขาพองโตขึ้น “ข้าเป็นคนพิเศษของเจ้าใช่หรือไม่ ข้าดีใจที่ได้กินอาหารฝีมือของเจ้าคนเดียว” เขาพูดจบก็ก้มหน้าย่างไก่ต่อไป แต่หน้าของเขานั้นมีความแดงอยู่เล็กน้อยเหมยฮวาที่สังเกตเห็นแก้มแดงๆ ของอี้เฉิงก็พูดหยอกล้อเขาเล่นไปตลอด ในระหว่างที่เขาย่างไก่ให้เธอ เสียงหัวเราะของเธอและอี้เฉิงดังกังวานไปทั่วทุกที่แห่งนั้น เป็น
“อ่า.. อี้เฉิงข้าเจ็บบ..” เธอร้องบอกเขาด้วยเสียงกระเส่า“เจ้าเจ็บหรือข้าจะทำเบาๆ ” เขาตอบเธอกลับไปด้วยเสียงที่แหบพร่า เขาค่อยๆ ไล้ลิ้นของเขาออกจากปากสีดอกบ๊วยของนาง ไล้ลงมาจนถึงใบหูของนาง เขาหยอกเย้าใบหูของนางอีกเล็กน้อย เขาก็ค่อยๆ เลื่อนใบหน้าไล้ลงมาจนถึงเนินเนื้อนุ่มที่มีขนาดใหญ่และบนยอดของเนินเนื้อนั้นมีเมล็ดสีเชอร์รีสีสดน่ากินอยู่หนึ่งลูก เขาอดใจไม่ไหว เขาใช้ปากครอบผลเชอร์รีนั้นจนถึงเนินเนื้อนุ่มนั้นแรงๆ และดูดดึงด้วยความหมั่นเขี้ยว มืออีกข้างของเขาก็ใช้นิ้วมือที่แข็งแรงของเขาแทงเข้าออกตรงร่องเสียวของนางพร้อมกับใช้นิ้วหัวแม่มือขยี้ไปตรงติ่งเสียวไปพร้อมกัน เหมยฮวาทนไม่ไหว เธอก็กระตุกตอดนิ้วมือของเขาไปหนึ่งรอบ “เสร็จแล้วหรือคนดี” เขาถามนางออกไปในขณะที่ปากของเขายังดูดดึงผลเชอร์รีของนางอยู่“ท่านแกล้งข้าใช่หรือไม่” เธอตอบเขากลับไปด้วยเสียงที่หอบถี่ “ข้ายังไม่ได้ทำของจริงเลย เจ้าเก็บแรงเอาไว้หน่อยวันนี้ยังอีกยาวไกลนัก” เขาพูดบอกนางพร้อมกับปล่อยเชอร์รีสีสดออกจากปากของเขา บนเนินเนื้อและเชอร์รีทั้งสองข้างของนางมีน้ำลายของเขาเลอะอยู่เต็มไปหมด เขาเห็นนางหน้าแดง เขาก็ยิ่งได้ใจ เข
ทั้งสองคนหอบหายใจนอนกอดกันอยู่อีกสักพัก เกมรักรอบที่สองก็เริ่มต้นขึ้น เหมือนเวลานี้มีแค่พวกเขาสองคนเท่านั้น หลังจบเกมรักรอบที่สองจบลง เหมยฮวาก็หลับไปด้วยความเพลีย อี้เฉิงอุ้มเหมยฮวามาที่บ้านที่เขาสร้างไว้ เขาเช็ดตัวให้นาง และนอนกอดนาง โดยที่ทั้งตัวของพวกเขาทั้งสองคนไม่มีเสื้อผ้าสวมใส่อยู่ ตอนเช้าวันต่อมาทั้งสองคนลืมตาตื่นขึ้นมา ก็เริ่มเกมรักรอบที่สาม เขารู้สึกว่าไม่ว่าจะทำกับนางไปมากเท่าไหร่ เขาก็รู้สึกไม่พออยู่ดี เขาอยากจะนอนกอดนางไปทั้งวันทั้งคืนเลย“ท่านพอได้แล้ว ข้าไม่ไหวแล้ว” ตั้งแต่เมื่อคืนที่เขาทำกับเธอจนถึงตอนนี้ก็เป็นเวลาเที่ยงวันแล้ว เขายังไม่ยอมหยุด ไม่รู้ว่าเขาเอาเรี่ยวแรงมาจากที่ไหน นี่เขาจะทรมานเธอให้เธอตายไปเลยหรืออย่างไร“ก็ตัวเจ้าทั้งนุ่มแล้วก็หอม ข้าจะหยุดได้อย่างไรไหว” เขาชอบกลิ่นตัวของนาง ยิ่งเขาได้ทำกับนางเขาก็ยิ่งรักนางมากขึ้น ตอนนี้นางก็กลายเป็นภรรยาของเขาโดยสมบูรณ์แบบแล้ว“แต่ตอนนี้ข้าทั้งเหนื่อยแล้วก็หิวมากเลยด้วย ท่านไม่หิวข้าวบ้างหรือไร” รู้แบบนี้เธอไม่น่าจะยอมเขาเลย ยิ่งเขาได้ทำกับเธอจากเสือตัวเมื่อคืนที่เขากินเธอไม่หยุด ตอนนี้เขากลายเป็นแมวน้อยขี้อ้อน
เขาไม่คิดว่าวันนี้จะโชคดีแบบนี้ เขาเจอรังของแมวป่าที่มีลูกน้อยของแมวป่าคลานไปมาอยู่สี่ตัว แต่ละตัวสีไม่เหมือนกัน แต่เขาเลือกตัวที่สวยที่สุดเป็นตัวสีขาวทั้งตัว ดูน่ารักเป็นอย่างมาก ถ้าเขาเอาไปฝากนาง นางจะต้องชอบมากแน่ ตอนนี้แม่ของลูกแมวพวกนี้ไม่อยู่ที่รัง เขาจึงรีบเดินออกมา เพราะเขาคิดว่าอีกไม่นานแม่แมวป่าก็คงกลับรังมาแน่ เขาอุ้มลูกแมวที่ร้องไม่หยุด วิ่งกลับไปที่บ้านต้นไม้ของเขา เพื่อแบกกวางตัวใหญ่ลงจากเขา กวางตัวใหญ่ แต่เขาก็ยังพอแบกมันลงไปได้ เขาไม่อยากอยู่บนเขานานนัก เดี๋ยวแม่แมวป่าจะตามเขามาทัน เขาลงเขากลับมาที่บ้านทันทีกว่าอี้เฉิงจะลงจากเขาได้ก็เป็นเวลาเย็นมากแล้ว เขาคิดถึงเหมยฮวา ถ้านางเห็นแมวที่เขาเอามานางจะดีใจมากแค่ไหน เจ้าแมวน้อยตัวนี้ก็ร้องไม่หยุดไม่รู้ว่ามันต้องกินอะไร เขาต้องเอาไปให้นางดูว่าพอมีอะไรให้แมวน้อยกินได้บ้างเพราะตัวเขาก็ไม่เคยเลี้ยงแมวมาก่อนจึงไม่รู้วิธีดูแลมัน เขาเดินมาถึงหน้าบ้านของตัวเอง เขาเคาะไปที่ประตูบ้านเสียงดัง “ข้ากลับมาแล้ว” เขาร้องเรียกอยู่สักพัก ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของอีกฟากของบ้านที่วิ่งออกมาเปิดประตูให้เขา“ทำไมท่านกลับมาเร็วจัง ท่านล่ากวางมาห
เธอหันมาจัดการกับแม่แพะที่เพิ่งได้มา อี้เฉิงมัดเชือกไว้ที่คอของมัน เธอเดินเข้าไปใกล้แพะตัวนั้น และใช้ผ้าที่เปียกน้ำ เธอเช็ดไปตรงเต้านมของแพะ และเริ่มทำการคั้นน้ำนมแพะใส่ถังที่เธอเตรียมมา เธอคั้นน้ำนมแค่พอให้ลูกแมวกินเท่านั้น พรุ่งนี้เธอค่อยมาคั้นน้ำนมแพะตัวนี้เพิ่ม นี่ก็เป็นครั้งแรกที่เธอได้ลองคั้นน้ำนมของเพะออกมา เธอก็รู้สึกแปลกใหม่อยู่บ้างเหมือนกันเธอเอานมที่ได้ เข้าไปในครัวใช้หม้อต้มน้ำนมของแพะอีกครั้ง เธอคิดว่าต้องต้มถึงจะปลอดภัย เธอต้มจนน้ำนมเดือดก็เป็นเวลาที่อี้เฉิงอาบน้ำเสร็จพอดี“ท่านอาบน้ำเสร็จแล้วหรือ ทำไมผมท่านถึงเปียกแบบนี้ ท่านรอข้าสักครู่ข้าจะเข้าไปเอาผ้ามาเช็ดผมให้ท่าน” เหมยฮวายกเตาที่ต้มน้ำนมแพะออกพักไว้ให้เย็น เธอเดินเข้าไปในบ้านและเอาผ้าเช็ดผมที่เธอซื้อมาจากร้านค้ามาเช็ดผมให้อี้เฉิง“นี่ผ้าเช็ดผม ท่านเช็ดผมให้แห้งเราจะได้กินข้าวกัน” เธอยื่นผ้าไปตั้งนานแล้ว อี้เฉิงก็ไม่รับผ้าไปจากเธอเสียที“เจ้าเช็ดผมให้ข้าหน่อยได้ไหม วันนี้ข้าเหนื่อยมากเลย” เขาไม่คิดว่าจะมีวันที่เขาต้องใช้เสียงแบบนี้เพื่ออ้อนใครสักคนเธอยิ้มกับความขี้อ้อนที่เพิ่มมากขึ้นของอี้เฉิง “ข้าเช็ดผมให้ท
“ถ้าเจ้าได้คุยกับหนิงอันเจ้าคงจะรู้แล้วว่าตัวข้าจำไม่ได้ เจ้ามาหาข้ามีธุระอันใด ข้าเคยบอกเจ้าไปแล้ว ว่าข้าจะติดต่อกลับไปเองเมื่อความจำของข้ากลับมาแล้ว” “ส่วนหนึ่งข้าแค่อยากมาเจอนายท่าน และอีกเรื่องที่พวกข้าต้องรีบมาหานายท่านก็เพราะว่าข้าจะมาเตือนนายท่าน ตอนนี้ฝ่ายศัตรูของเราเริ่มจะมีการเคลื่อนไหวมาทางเมืองสงบสุขแห่งนี้แล้ว พวกนั้นส่งคนแฝงตัวเข้ามาในเมืองแห่งนี้ถ้าพวกนั้นพบเจอกับนายท่าน พวกนั้นอาจจะทำร้ายนายท่านได้ และภรรยาของนายท่านอาจจะตกอยู่ในอันตราย” “แล้วข้าต้องทำอย่างไร พวกเจ้าคงจะไม่ได้มาเตือนข้าเฉยๆ หรอกใช่หรือไม่” “พวกข้าคุยกันแล้วว่า พวกข้าจะคอยปกป้องคุ้มครองนายท่านและภรรยา ในช่วงที่นายท่านความจำยังไม่กลับมา แต่ข้าอยากให้นายท่านกลับไปที่สำนักของนายท่าน เพื่อตบตาคนที่คิดร้ายต่อนายท่าน“ข้าจะเชื่อพวกเจ้าได้มากแค่ไหน ข้าความจำเสื่อมข้าจำไม่ได้ว่าพวกเจ้าคิดจะทำร้ายข้าหรือมาหลอกข้าหรือไม่” “สิ่งนี้เป็นสิ่งยืนยันว่าพวกข้าภักดีต่อนายท่าน” หนิงอันและหนิงหลง เปิดหน้าอกที่สักลายมังกรสีดำที่มีชื่อตรงมังกรตรงนั้นว่า อี้เฉิง “ถ้าเป็นสิ่งนี้ท่านพอจะเชื่อพวกข้าได้หรือไม่” อี้เฉ
เอาไว้ตอนที่เธอมีเวลาว่าง และข้อสัญญาอื่นๆ เธอให้อี้เฉิงอ่านให้เธอฟังอีกครั้ง เธอคิดว่าต้องฝึกเรียนภาษาจีนเอาไว้บ้างแล้วตอนนี้ร้านของช่างจางเหว่ยมีคนมาจ้างงานและซื้อโถส้วมแบบใหม่เป็นจำนวนมาก ยิ่งขายได้มากเท่าไหร่ เธอก็จะได้มีเงินมากขึ้นเท่านั้น เธอคิดว่าหลังจากที่เธอเปิดร้านอย่างเป็นทางการเสร็จแล้ว เธอก็จะวาดสิ่งของชิ้นใหม่ให้ร้านสรรค์สร้างได้ทำขึ้นมา แต่ต้องหลังจากที่เธอจัดการเรื่องร้านเครื่องหอมของเธอเสร็จแล้วเสียก่อน“ตอนนี้บ้านและร้านของเจ้าก็เสร็จแล้ว เจ้าคิดชื่อร้านได้หรือยัง” อี้เฉิงถามเหมยฮวาออกไป เขาไม่รู้ว่าเธอมีชื่อร้านไว้บ้างแล้วหรือไม่“ข้าคิดชื่อร้านไว้แล้ว ท่านไม่ต้องห่วง ร้านแห่งนี้ข้าจะขายเครื่องหอมของใช้ประจำวันที่มีกลิ่นหอม และก็ยังมีน้ำหอมหลากหลายกลิ่นอีกด้วย ร้านค้าแห่งนี้ข้าจะตั้งชื่อว่า ร้านเครื่องหอมเหมยฮวา ท่านว่าเพราะหรือไม่” “เป็นชื่อที่เหมาะกับเจ้าดี ชื่อของเจ้าก็เป็นชื่อของดอกไม้อยู่แล้ว แถมของที่เจ้าทำก็มีกลิ่นที่หอม ชื่อนี้ถือว่าดี เจ้าทำของมากมายเช่นนี้ เจ้าจะเอาดอกไม้มาจากไหนมาทำกัน” “ข้าจะรับซื้อดอกไม้จากคนในหมู่บ้าน แต่ข้าต้องเอาเรื่องนี้ไปปร
เวลาผ่านไปหนึ่งปีที่เธออยู่เมืองหลวง ตอนนี้ลูกชายของเธอหัดเดินได้สองสามเดือนแล้ว เขาพูดเรียกแม่และพ่อได้เก่งขึ้น แต่ก็ยังพูดไม่ชัดเท่าไหร่นัก เขาซนเป็นอย่างมากในช่วงนี้ เดือนหน้าอี้เฉิงจะพาเธอไปไหว้หลุมศพพ่อกับแม่ของเขา และยังจะพาไปหาท่านลุงของเขาที่เป็นเจ้าสำนักเงาดารา อี้เฉิงได้เล่าให้เธอฟังว่า เขาได้สละตำแหน่งเจ้าสำนักให้ท่านลุงของเขาดูแลไปแล้ว เขาแค่ดูแลสำนักคุ้มภัยทั้งหมดเท่านั้น เขาอยากมีเวลาอยู่กับครอบครัวให้มากขึ้น เขาไม่อยากทำเรื่องที่มันเสี่ยงอันตรายมากเกินไปนักเวลาผ่านมาอีกหนึ่งเดือน อี้เฉิงก็พาเธอ และลูกรวมทั้งป้าลี่ซือเดินทางไปที่สำนักเงาดาราครั้งแรก เธอให้พี่ลี่หลินคอยช่วยงานหลีชางดูแลร้านค้าเครื่องหอมเหมยฮวาที่เมืองหลวง และมีบ่าวรับใช้อีกหลายคนที่เป็นงานแล้วคอยสลับกันไปช่วยอยู่บ่อยครั้ง ส่วนเรื่องการทำสินค้าเธอให้พี่ลี่หลินเป็นคนดูแลทั้งหมด เธอจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เธอจึงเดินทางไปที่อื่นได้อย่างสบายใจเดินทางอยู่สิบห้าวัน เธอก็มาถึงสำนักเงาดารา ท่านเจ้าสำนัก ซึ่งก็คือลุงของอี้เฉิงได้ออกมาต้อนรับพวกเธอ“อี้เฉิง หลานกลับมาแล้ว ลุงได้ข่าวมาว่าหลานได้ลูกชายใช่หรือ
“ข้าไม่ใช่คนที่โลกใบนี้หรอก ข้าเป็นคนที่อยู่ในโลกอนาคตที่แสนไกล ในอีกหลายร้อยปี ข้าเป็นคนที่มาจากประเทศอื่น ที่ไม่ใช่ประเทศจีนแห่งนี้ ที่นั่นข้าพูดอีกภาษาหนึ่ง ไม่ใช่ภาษาที่ข้าพูดอยู่ในตอนนี้ และที่นั้นข้าไม่มีครอบครัว ข้าอยู่ตัวคนเดียว จนวันหนึ่งข้าได้มาอยู่ในที่แห่งนี้ด้วยเหตุผลบางอย่าง” “เหตุผลอะไรหรือ” เขาตั้งใจฟังที่เหมยฮวาพูดให้เขาฟัง เรื่องที่นางเล่าให้เขาฟังมันเป็นเรื่องที่อัศจรรย์มาก“ข้าโดนเพื่อนที่ข้าไว้ใจทำร้าย ข้าคิดว่าตัวเองตายไปแล้ว แต่ข้าก็ได้โอกาสกลับมาเริ่มต้นชีวิตใหม่ในที่แห่งนี้ ท่านว่าแปลกหรือไม่ เราอยู่คนละที่กันเลย แต่ก็มาพบเจอกันได้ ท่านอาจเป็นคู่ที่ท่านแม่และท่านพ่อของข้า เลือกให้ข้าก็ได้” “ท่านแม่ของเจ้าอาจจะเห็นความดีของข้าก็ได้” “แต่ข้ารู้มาว่า สำนักของท่านเป็นนักฆ่าไม่ใช่หรือ ท่านก็ไม่น่าจะใช่คนดีเท่าไหร่นัก” “แต่ตอนที่เจ้าเจอข้า ข้าเป็นแค่พรานป่าตัวน้อยๆ เท่านั้น” “อี้เฉิง ท่านเข้าใจผิดแล้ว ท่านตัวใหญ่กว่าหมีเสียอีก” เธอขำคำพูดของเขาที่บอกว่าตัวของเขาเล็ก ตอนเจอเขาครั้งแรก เขาน่ากลัวมาก เธอนึกว่าเขาเป็นโจรป่าเสียอีก“ข้าตัวน้อยเสมอเมื่ออยู่กับ
ตอนนี้ลูกชายของเธออายุได้หนึ่งเดือนแล้ว แผลที่เกิดจากการคลอดลูกก็ดีขึ้นมากแล้ว เธอรู้สึกว่าร่างกายของเธอฟื้นฟูกับมาเกือบเป็นปกติแล้ว เธอนั่งเล่นกับลูกน้อยของเธอ ในตอนที่ทุกคนไม่อยู่กับเธอ เธอก็จะเอากล้องที่ใช้แต้มซื้อมาถ่ายรูปเธอและลูกชายของเธอ เธอต้องขอบคุณคุณยายท่านนั้นที่ช่วยให้เธอกลับมาคลอดลูกของเธอได้ ถ้าไม่มีคุณยายในวันนั้น เธอและลูกน้อยก็คงเสียชีวิตไปแล้วลูกชายของเธอที่กินนมจากเต้าของเธอก็แข็งแรงมากขึ้นทุกวัน ตัวเขาอ้วนนัก ใครเห็นก็อยากกอด และเอ็นดูเด็กน้อยคนนี้ อี้เฉิงอยากให้เธอไปกราบไหว้หลุมศพพ่อ และแม่ของเขา เธอคิดว่าก็ดีเหมือนกัน ฮุ่ยหมิ่งจะได้พบ และกราบไหว้หลุมศพคุณตาคุณยาย ให้พวกท่านทั้งสองคุ้มครองครอบครัวของเธอ“เจ้าทำอะไรกันหรือ” อี้เฉิงเดินเข้ามาในห้องเห็นเหมยฮวานั่งเล่นอยู่กับลูกชาย“ข้าก็กำลังเล่นกับลูกอยู่ ท่านเป็นอย่างไรบ้าง ทำงานเหนื่อยหรือไม่” ตั้งแต่เขากลับมา เธอก็แทบไม่ต้องทำอะไรเลย เพราะเขาจะเป็นคนดูแลครอบครัวทั้งหมด เขาไม่อยากให้เธอไปลำบาก มีบางครั้งที่เธอเข้าไปดูร้านและออกสินค้าใหม่ๆ ออกมาบ้าง“ข้าจะเหนื่อยได้อย่างไร ข้าก็แค่เข้าไปดูบัญชีเท่านั้น” เขา
“ทุกคนปลอดภัยแล้วเจ้าคะ ทั้งเด็กและก็แม่เด็ก” หมอทำคลอดตบก้นเด็กทารกที่เพิ่งคลอดออกมา จนมีเสียงร้องออกมา“เป็นเด็กผู้ชายเจ้าคะ ร่างกายแข็งแรงดีทั้งแม่และลูก” หมอทำคลอดพูดบอกกับคนที่รอฟังข่าวอยู่หน้าห้องเหมยฮวาหลังจากที่ได้ยินเสียงร้องของลูกเธอแล้ว เธอก็หลับลงไปอีกครั้ง ด้วยความเหนื่อยล้าที่เกิดจากการคลอดลูก“เจ้าไปตามหมอมาดูภรรยาของข้า นางหลับไปอีกแล้ว นางจะเป็นอะไรหรือไม่” อี้เฉิงที่อยู่ข้างเหมยฮวาตลอด เขาเห็นว่านางตื่นขึ้นมาและหลับลงไปอีกครั้งหมอทำคลอดที่อยู่ใกล้ ก็จับชีพจรของนายหญิง เธอเห็นว่าปกติดี“นายหญิงเพียงแค่หลับไปเพราะความเหนื่อยล้าจากร่างกายเท่านั้นเจ้าคะ ตอนนี้นายหญิงปลอดภัยแล้ว” เธอบอกอาการของนายหญิงให้นายท่านได้ฟัง เพื่อคลายความเป็นกังวลอี้เฉิงหลังจากที่รับรู้ว่าภรรยาของเขาปลอดภัยแล้ว เขาก็ให้คนเข้ามาเอาผ้าเช็ดตามเนื้อตัวของเหมยฮวา เหมยฮวาไม่ชอบให้ร่างกายตัวเองสกปรกเท่าไหร่นัก หลังจากเปลี่ยนชุดเสร็จแล้ว เขาก็อุ้มนางไปอีกห้อง เพื่อรอให้นางตื่น และทำการอยู่ไฟหลังคลอดหนึ่งเดือน“นายท่านอยากดูนายน้อยหน่อยไหมเจ้าคะ หน้าตาของเขาเหมือนนายหญิงยิ่งนัก” อี้เฉิงได้ยินแ
ลูกชายคงจะโมโหเขา ที่เขารังแกแม่ของเขาไปเสียนาน เขาใส่เสื้อผ้าให้เหมยฮวาและหอมแก้มของนาง และลูกน้อยที่อยู่ในท้อง เขานอนกอดเหมยฮวา และหลับไปพร้อมกันตอนสายของอีกวัน เหมยฮวาตื่นเช้าขึ้นมาก็ไม่เห็นคนที่นอนอยู่ด้านข้างเธอเสียแล้ว เธอรู้สึกปวดเมื่อยร่างกาย และหิวมาก เธอจึงค่อยๆ ลุก และเดินออกมาด้านนอกห้องนอน“นายหญิงตื่นแล้วหรือเจ้าคะ ข้ากำลังเตรียมเอาอาหารไปให้ท่านอยู่พอดี” ลี่หลินที่วันนี้ไม่ได้ไปที่ร้านเครื่องหอมถามนายหญิงที่เดินออกมาจากห้องนอนพอดี“พี่ลี่หลินเองหรือ ท่านไม่ได้ไปร้านเครื่องหอม” “วันนี้ข้าไม่ได้ไปเจ้าคะ เป็นบ่าวอีกคนหนึ่งไปแทนข้า นายหญิงหิวหรือไม่ ท่านตื่นสายเช่นนี้ต้องหิวเป็นแน่ ข้าทำอาหารไว้รอท่านตั้งหลายอย่าง” “ท่านช่างรู้ใจข้าเสียจริง ข้ากำลังหิวอยู่พอดี ข้าขอไปล้างหน้า อาบน้ำเสียหน่อย ข้าจะออกไปกินอาหาร” เธอบอกพี่ลี่หลินเสร็จแล้วก็เดินเข้ามาในห้องนอน เพื่ออาบน้ำล้างหน้า เธอถอดเสื้อผ้าก็เห็นรอยแดงที่อี้เฉิงทำไว้เมื่อคืนนี้ เขานี่ไปอดอยากมาจากที่ไหนกัน แต่เธอยอมมีอะไรกับเขา ก็ดีกว่าให้เขาไปหาสาวอื่นมาปลดปล่อย ดีที่อี้เฉิงตั้งแต่เกิดเรื่องนั้นก็ไม่เคยเห็นเขาชายต
ช่วงนี้เธอใช้ชีวิตอยู่แต่บ้าน ไม่ค่อยได้ออกไปไหนมากนัก แต่ละวันที่ผ่านไปเธอไม่กินก็จะนอน จนเธอจะอ้วนเป็นหมูแล้ว ตั้งแต่ที่เธอท้องก็ทำให้ร่างกายของเธอขยายมากขึ้นไปอีก จากตอนแรกที่เธอผอม ตอนนี้เธอมีน้ำมีนวล เปล่งปลั่งเหมือนสาวน้อยแรกรุ่น ที่จริงเธอก็เพิ่งอายุสิบเก้าเท่านั้น ก็ยังไม่ได้แก่เท่าไหร่นัก แต่คนยุคนี้จะแต่งงานกันตั้งแต่อายุสิบห้ากันแล้ว เกินสิบหกก็จะหาคู่ยาก ไม่เหมือนโลกเก่าของเธอ อายุสิบห้าถือว่ายังเด็กนัก แต่งตอนอายุยี่สิบห้าก็ยังไม่แก่เลยด้วยซ้ำ เธอนั่งคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย เธอเพิ่งกินข้าวเสร็จ และเดินวนรอบบ้านไปหนึ่งรอบ โดยอยู่ภายในสายตาของบ่าวรับใช้ที่อยู่ภายในบ้าน และตอนนี้บริเวณรอบบ้าน อี้เฉิงก็ให้คนที่สำนักคุ้มภัยมาคอยเฝ้าที่หน้าร้านและหน้าประตูบ้านอยู่หลายคนเธอเดินจนเหนื่อยแล้ว เธอก็เข้ามาในห้องและนอนหลับไป ตอนที่เธอหลับอยู่เธอรู้สึกว่ามีใครมาจับหน้าอกของเธอ เธอจึงลืมตาตื่นขึ้นก้มลงไปมองตรงหน้าอกของเธอ ก็เห็นว่าเป็นอี้เฉิงนั่นเอง“ท่านทำอะไรอยู่ ใยท่านถึงได้มากวนข้า” เธอถามเขาหลังจากเห็นเขาเอาหน้ามุดเข้ามาในเสื้อของเธอ เพื่อดูดดึงยอดอกที่ขยายใหญ่ขึ้นมาก“ข้าทำเจ้า
“ท่านตื่นแล้วหรือ เป็นอย่างไรบ้าง ยังเจ็บบาดแผลอยู่หรือไม่” เธอถือถ้วยข้าวต้มที่พี่ลี่หลินทำเอาไว้ก่อนที่จะออกไปขายของที่ร้านเครื่องหอม นำมาให้เขาได้กิน“ข้าดีขึ้นมากแล้ว เจ้าไม่โกรธข้าแล้วหรือ” “โกรธสิ ข้าโกรธที่ท่านไม่หลบข้าเมื่อคืนนี้ ท่านอยากตายหรือไร ใยท่านต้องทำถึงขนาดนั้นด้วย” “ใครกันจะอยากตาย แต่เจ้าก็ไม่ฟังเหตุผลของข้าเลย ข้าจึงต้องทำเช่นนั้น ตอนนี้เจ้าให้อภัยข้าได้หรือไม่ ลูกของเราก็กำลังจะเกิดมาแล้ว เขาจำเป็นต้องมีพ่อ” เขาพูดขอโทษกับนางอีกครั้ง เขาไม่คิดว่านางจะใจแข็งเช่นนี้“ข้าให้อภัยท่านก็ได้ แต่ถ้ามีครั้งหน้า ข้าจะพาลูกหนีท่านไม่ให้ท่านหาพวกข้าเจอได้อีก” เขาได้ยินแบบนั้นก็ดีใจมาก เขาดีใจจนลืมไปว่าตัวเองบาดเจ็บอยู่ “โอ้ย! เจ็บ” “ท่านทำไมต้องดีใจขนาดนั้น เป็นอย่างไรบาดแผลของท่านเลือดออกเลย เห็นหรือไม่ ท่านต้องเปลี่ยนผ้าพันแผลใหม่ทุกวัน ท่านหมอบอกมา” “ข้าบาดเจ็บเช่นนี้ เจ้าเปลี่ยนผ้าพันแผลให้ข้าได้หรือไม่” เขาอยากอ้อนนาง เขาดีใจมาก ถือว่าการบาดเจ็บครั้งนี้ของเขาไม่เสียเปล่าแล้ว“ก็ได้ ข้าเห็นว่าท่านบาดเจ็บมาก ข้าจะทำแผลและพันแผลให้ท่านใหม่เอง แต่ท่านต้องกินข้า
“ข้ากลัวว่าข้าจะไม่มีโอกาสนั้น ข้าขอโทษเจ้าจริงๆ ที่จริงข้าอยากบอกกับเจ้าหลายอย่าง ผู้หญิงคนนั้นที่เจ้าเห็น ข้าไม่เคยรักนาง นางเป็นคนที่ทำร้ายข้า ข้ากลัวว่านางจะมาทำร้ายเจ้า ข้าจึงได้ทำเช่นนั้นลงไป ข้ามันโง่เสียจริง หวังว่าเจ้าคงไม่โกรธข้า เจ้าให้อภัยข้าได้หรือไม่” “ข้ารู้แล้ว ข้าไม่โกรธท่านแล้ว ท่านอย่าพูดอีกเลย เดี๋ยวท่านหมอก็มาแล้ว ท่านจะต้องไม่เป็นอะไร” “ข้าง่วงเหลือเกิน ข้าขอนอนสักพักได้หรือไม่” “ไม่ได้! ท่านห้ามหลับเด็ดขาด ถ้าท่านหลับข้าจะไม่ให้อภัยท่าน ลูกก็จะโกรธท่านเช่นกัน” เธอพูดตอบเขาเสียงสั่น เธอไม่น่าเลย ถ้าเธอยอมที่จะพูดคุยกับเขา เขาก็คงไม่เจอเรื่องเช่นนี้“นายหญิงท่านหมอมาแล้วเจ้าคะ” ลี่หลินรีบวิ่งเข้ามาบอกนายหญิง ที่นั่งร้องไห้กอดนายท่านอยู่ภายในห้องนอน“พวกเจ้าออกไปก่อน ข้าจะดูแลคนเจ็บเอง พวกเจ้าเตรียมน้ำอุ่นเอามาให้ข้าด้วย” “ข้าเตรียมน้ำอุ่นมาแล้วท่านหมอ” ลี่ซือเอาน้ำอุ่นที่เตรียมไว้พร้อมผ้าสะอาด นำไปวางไว้ภายในห้องของท่านหมอ“ข้าจะอยู่กับเขา ให้ข้าอยู่กับเขาได้หรือไม่” “เจ้าอยู่กับเขา ก็ไม่สามารถช่วยอะไรเขาได้หรอก เจ้าออกไปอยู่ด้านนอกนั่นแหละ ข้ารักษาเข
เธอส่งไซมอนกลับไปได้สักพักหนึ่งแล้ว เธอช่วยทุกคนเก็บร้านและเตรียมของเอาไว้ขายในวันพรุ่งนี้ กว่าที่เธอจะได้กลับไปพักที่โรงเตี๊ยมก็เป็นยามซวี ท้องของเธอก็แข็งเป็นพักๆ ลูกของเธอคงจะเหนื่อยมากในวันนี้ เธอให้หลีชางไปส่งพวกเธอที่โรงเตี๊ยม และให้เขากลับมานอนเฝ้าที่ร้านเครื่องหอม เธอจึงกลับไปพักกับพี่ลี่หลิน และป้าลี่ซือ ซึ่งสองแม่ลูกก็นอนพักอยู่ในห้องเดียวกัน ทุกคนกินข้าวมาจากที่ร้านเครื่องหอมจนอิ่มแล้ว ก่อนที่จะมาพักในโรงเตี๊ยม จึงแยกย้ายกันไปพักผ่อน“นายหญิงหิวไหมเจ้าคะ เดี๋ยวข้าต้มข้าวต้มและทำกับข้าวไว้ให้ท่านทานยามดึก เผื่อว่าท่านจะหิว” ลี่ซือกลัวว่าถ้านายหญิงหิวตอนกลางดึกจะไม่มีอะไรกิน“ก็ดีเหมือนกัน ท่านไม่ต้องทำไว้เยอะมากก็ได้” เธอตอบป้าลี่ซือกลับไป ที่จริงถ้าเธอหิว เธอก็แค่ซื้อของจากร้านค้าในโทรศัพท์ของเธอมากินก็ได้หลังจากที่ป้าลี่ซือเตรียมอาหารไว้ให้เธอจนเสร็จแล้ว ทุกคนก็เตรียมตัวกันเข้าไปนอนตามห้องของตัวเอง เธออาบน้ำจนสบายตัว และเตรียมตัวจะเข้าไปพักผ่อน แต่ก็แปลกที่วันนี้อี้เฉิงไม่ได้มากวนใจเธอเหมือนอย่างเช่นทุกวัน เป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว เขาคงถอดใจไปแล้วก็ได้เธอเปิดเข้ามาในห้องนอ