ป้ายรถเมล์
คนตัวเล็กเดินสาวเท้ามาหยุดอยู่ที่ป้ายรถเมล์พร้อมกับเอามือขึ้นมายีที่หัวของตัวเองด้วยความโมโหให้กับคนตัวสูงร่างใหญ่ที่พึ่งจะแยกกันที่ลานจอดรถของมหาลัยเมื่อสักครู่ “ยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิด หลอกให้เราพาวิ่งเหนื่อยหอบจนแทบจะหยุดหายใจ” หลังจากพูดจบคนตัวเล็กก็ยกเท้าขึ้นมาเตะไปที่กระป๋องเปล่าน้ำอัดลมที่ถูกวางทิ้งไว้กับพื้นที่อยู่ตรงหน้าอย่างเต็มแรง “อ๊ากกก นิ้วฉันหักแล้วมั้งโคตรเจ็บเลย มีน้ำในกระป๋องนี่หว่าใครมาโยนทิ้งไว้เนี่ย” คนตัวเล็กทรุดตัวนั่งลงไปนั่งที่เก้าอี้นั่งรอรถโดยสารด้วยความเจ็บปวด จากนั้นก็เอื้อมมือไปถอดรองเท้าคัชชูสีดำออก ลิตาถึงกับร้องตกใจเมื่อเห็นมีเลือดไหลซึมออกมาที่บริเวณนิ้วโป้งข้างขวา “โอ๊ยยย เจ็บสุด ๆ เอาไงดีวะเนี่ยจะเดินไปขึ้นรถยังไงเนี่ย ส้มโอก็ยังไม่เลิกเรียนด้วย” ลิตาบ่นให้กับความเซ่อซ่าของตัวเองก่อนจะเงยหน้ามองรถBMเปิดประทุนคันหรูที่มีชายร่างสูงที่พึ่งจะแยกกันเมื่อสักครู่กำลังขับผ่านตรงหน้าไป แต่ทว่าขณะที่ร่างเล็กกำลังนั่งก้มหน้าด้วยความเจ็บปวดอยู่นั้นก็มีชายร่างสูงใหญ่ที่ดูคุ้นตากำลังยืนตรงหน้าเธอ “ไง!ไปฟัดกับหมาที่ไหนมาอีกถึงได้มานั่งเจ็บอยู่ตรงนี้” พูดจบวายุก็เหลือบมองไปเห็นกระป๋องน้ำอัดลมที่เหมือนถูกกระแทกด้วยความแรงจนเกิดเป็นรอยบุบกลิ้งอยู่ข้างเสาก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างพอใจ ฮ่าๆ “นักเลงเหมือนกันนี่หว่า เตะจนกระป๋องบุบเลย” “นี่พี่จะมาขำเราทำไม คนยิ่งเจ็บอยู่” ลิตาเบะปากเบาๆ ดวงตากลมเบิกกว้างแววตาตกใจเมื่อเห็นใบหน้าหล่อกำลังยกมือขึ้นมาเช็ดเลือดให้กับคนตัวเล็กอย่างเบาๆ ก่อนจะพยุงตัวเธอให้ลุกขึ้นพร้อมกับพาเธอเดินไปขึ้นรถBMเปิดประทุนคันหรูของเขา “เจ็บไหม” ดวงตาคมของวายุเลื่อนสายตามองไปที่ใบหน้าเนียนใสของคนตรงหน้าที่อยู่ใกล้เขาจนได้กลิ่นกายจากน้ำหอมที่ตัวเธอออกมา “เจ็บสิ” เสียงหวานเอ่ยตอบ “ไปหาหมอไหม จะพาไป” เสียงทุ้มเอ่ยถาม “ไม่ไป เดี๋ยวเราทำแผลเอง” ขณะที่ปากเรียวสวยยังไม่ทันพูดจบวายุก็พูดแทรกขึ้นมาทันที “เจ็บอยู่ยังทำอวดเก่ง” หลังจากพูดจบรถBMคันหรูก็ขับออกไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานรถBMเปิดประทุนคันหรูของเขาก็ขับเคลื่อนมาจอดที่หน้าร้านสะดวกซื้อที่อยู่ไม่ไกลจากมหาลัยมากนัก “นั่งรอก่อนนะ” วายุเอ่ยบอกกับลิตาด้วยน้ำเสียงกำชับก่อนจะลุกลงจากรถเดินเข้าไปในร้านสะดวกซื้อ ไม่นานวายุก็เดินสาวเท้าออกมาพร้อมกับอุปกรณ์ล้างแผลในมือ “เอาขายื่นออกมาจะทำแผลที่นิ้วเท้าให้” คนตัวเล็กอึ้งไปครู่ใหญ่กับคำพูดของคนใบหน้าหล่อที่อยู่ตรงหน้าก่อนจะยื่นเท้าออกมาที่ข้างรถ “ยังเจ็บอยู่ไหม ถ้าเจ็บบอกนะเดี๋ยวจะค่อยๆ ทำให้” เสียงทุ้มเอ่ยบอกแบบนั้น ทำให้ลิตาเผลอหลุดยิ้มหวานออกมา “เสร็จละ แผลไม่ลึกมากตอนนี้แค่ระบมเดี๋ยวพรุ่งนี้ก็รู้สึกดีขึ้น” “ขอบคุณค่ะ” “คอนโดอยู่ไหนคอยบอกทางมาแล้วกัน” จากนั้นรถBMคันหรูของเขาก็ขับเคลื่อนออกจากร้านสะดวกซื้อมา ดวงตากลมของหญิงสาวเบิกกว้างอีกครั้งเมื่อเห็นชายตรงหน้าขับรถมาด้วยความเร็ว ลิตาได้แต่นั่งหลับตา “กลัวเหรอ ฉันไม่เคยขับชนใครตายนะ” “ขับช้าๆ หน่อยค่ะเรายังไม่อยากตาย” ลิตาเอ่ยบอกเขามืออีกข้างของเธอก็ไปจับที่ข้างประตูไว้อย่างแน่น ไม่กี่นาทีรถBMเปิดประทุนคันหรูของเขาก็ขับมาจอดที่หน้าคอนโดของหญิงสาว “ให้ลงไปส่งไหม?ปกติฉันไม่ทำให้ใครนะ สงสารหรอกนะถึงทำให้” “ไม่เป็นไร เราเดินไปเองได้” พูดจบลิตาก็ยกมือขึ้นมาไหว้ขอบคุณเขาอีกครั้ง “คือมาไหว้กูทำไม รู้สึกเหมือนเป็นศาลเจ้าที่อะไรแบบนั้นเลยว่ะ” หลังจากพูดบ่นให้คนตัวเล็กจบเขาก็ขับรถBMคันหรูของเขาออกจากคอนโดด้วยความไว “วันนี้เหนื่อยเอาเรื่องนะเนี่ยร่างเล็กบ่นออกมาเบา ๆ ก่อนจะเอนตัวลงนอนที่โซฟาขนาดใหญ่กลางห้องโถง “จะว่าไปเรื่องที่เกิดขึ้นมันต้องเกี่ยวข้องกับรุ่นพี่คนนั้นตลอด หวังว่าต่อไปคงไม่มีเรื่องอะไรที่ต้องเกี่ยวข้องกันแล้วมั้ง” “เชี่ยยย ดันไปรับปากพี่เขาไว้ว่าจะรับผิดชอบ” “พยายามเลี่ยงเอาก็แล้วกัน” เช้าวันต่อมา หน้ามหาลัยตอนนี้ปกคลุมไปด้วยแสงแดดอ่อน ๆ ระยิบระยับเพราะเข้าสู่ช่วงฤดูร้อน ริมฟุตบาทของมหาลัยตอนนี้เต็มไปด้วยนักศึกษาที่กำลังสาวเท้าเดินไปตามตึกเรียนของตัวเอง “เดินไม่ถนัดเลยเรา อยู่ดี ๆ ก็ต้องมาเจ็บตัว” คนตัวเล็กพูดบ่นให้กับตัวเองก่อนจะมีเสียงที่คุ้นหูของใครบางคนตะโกนเสียงดังมาจากทางด้านหลัง “ลิตาเท้าไปโดนอะไรมา?” “เกิดเรื่องนิดหน่อย ดันดวงซวยไปเตะกระป๋องน้ำอัดลมที่มีน้ำอยู่เต็มกระป๋อง สภาพเลยเป็นแบบที่แกเห็นนี่แหละ” “แล้วยังเจ็บอยู่ไหม ไปล้างแผลที่ห้องพยาบาลไหมเดี๋ยวเราพาไป ยังพอมีเวลากว่าจะเข้าเรียน” “แค่ปวด ๆ เวลาเดินมันน่าจะอักเสบ” “งั้นไปกัน” “ไปไหน?” “ห้องพยาบาล” เพื่อนสนิทรีบจับแขนเรียวยาวของลิตาหมายจะเดินไปที่ห้องปฐมพยาบาลของมหาลัยห้องปฐมพยาบาลเสียงเคาะประตูดังขึ้นเพื่อให้คนด้านในได้ยิน“เข้ามาได้ค่ะ” เสียงหวานของหมอเจนส่งเสียงบอกให้คนที่อยู่ด้านนอกได้ยิน“สวัสดีค่ะหมอเจน” มุมปากสวยของส้มโอยกยิ้มให้กับคุณหมอ“มาค่ะ คนเจ็บมานั่งตรงนี้ ขอหมอเจนดูแผลหน่อยค่ะ” คุณหมอเอ่ยพูดพร้อมกับส่งยิ้มหวานก่อนจะเลื่อนเก้าอี้มาให้คนเจ็บ“ไปโดนอะไรมาคะ”“เดินไปเตะกระป๋องน้ำอัดลมค่ะ”“น่าจะอักเสบนะ เดี๋ยวหมอทำแผลให้แล้วสั่งยาแก้อักเสบไปไว้ให้กิน” คุณหมอเอ่ยพร้อมกับรอยยิ้มก่อนจะสาวเท้าไปหยิบอุปกรณ์ทำแผล“เสร็จแล้วค่ะ” คุณหมอเอ่ยบอกกับหญิงสาวทั้งสองคนก่อนจะเดินไปหยิบซองยาแก้อักเสบและยาแก้ปวดที่จัดเตรียมไว้ในกล่องเพื่อความสะดวกรวดเร็วกับการจ่ายยา“นี่ยาแก้อักเสบกับยาแก้ปวดค่ะ” ถ้าปวดแผลก็ให้กินยาได้เลยค่ะ“ขอบคุณค่ะ” ลิตายื่นมือเรียวยาวของเธอไปรับยามาก่อนจะส่งยิ้มหวานให้กับคุณหมอคนสวยนานเกือบชั่วโมงหญิงสาวทั้งสองคนก็สาวเท้าเดินออกมาจากห้องปฐมพยาบาล ส้มโอหลุบมองนาฬิกาที่ข้อมือเล็กของตัวเอง ก่อนจะเอ่ยบอกกับเพื่อนสนิท“ลิตาแยกกันตรงนี้นะ จะได้เวลาเข้าเรียนแล้ว”“โอเค ๆ แล้วค่อยคุยกัน”คนตัวเล็กสาวเท้าเดินไปตามริมฟุตบาทที่เป็นระหว่างทาง
วันปฐมนิเทศคณะศิลปศาสตร์ในสวนหย่อมมหาวิทยาลัยเวลานี้มีรุ่นพี่หลายคณะมาคอยรับน้องกันอย่างเนืองแน่น เสียงเด็กวิศวะกลุ่มหนึ่งดังขึ้นให้โต๊ะข้าง ๆ ได้ยิน“เฮ้ย มาเล่นเกมทายกัน”“เหมือนเดิมใช่ไหม” หนุ่มหล่อสูงขาวท่าทางไฮโซคนหนึ่งถามขึ้นพลางมองไปที่เส้นแดงบนทางเข้ามหาลัยเกมที่พวกเขากำลังพูดถึงเป็นเกมที่เด็กวิศวะนิยมเล่นกันเป็นประจำ คือการทายว่าน้องที่เดินผ่านเส้นแดงเข้ามาเรียนคณะอะไรบ้าง กฏิกาคือถ้าใครทายผิด ต้องไปจีบน้องคนนั้นให้ติดเด็กวิศวะกลุ่มนี้ เรียกได้ว่าเป็นตัวท็อปของมหาลัย เพราะนอกจากแต่ละคนจะมีรูปร่างหน้าตาดีแล้ว ยังมีฐานะร่ำรวย เวลาที่พวกเขามารวมตัวกันจึงมักตกเป็นเป้าสายตาของนักศึกษาสาวจากทุกคณะ ถ้าจะพูดกันตามจริง พวกเขาไม่จำเป็นต้องไปตามจีบใคร เพราะทุกวันนี้มีผู้หญิงที่มาต่อคิวรอให้เด็กหนุ่มกลุ่มนี้สนใจมีจนนับไม่ถ้วน“ตามึงแล้วไอ้ยุ พวกกูเล่นกันไปหมดแล้ว”คนที่ถูกเรียกชื่อเงยหน้าจากมือถือในมือมามองเพื่อน ก่อนจะมองไปที่นักศึกษาสาวที่กำลังทยอยเดินเข้ามา เท่าที่มองผ่านตา เขายังไม่เห็นว่าจะมีน้องคนไหนถูกสเปกเลยสักคน“ไม่เล่นได้ไหมวะ หน้าตาไม่เข้าเบ้าเลยสักคน” วายุส่ายหน้าบอกเพื่อ
เช้าวันจันทร์ อากาศตอนเช้าค่อนข้างมืดครึ้ม ลมพัดโชยเอากลิ่นอายฝนมาจากที่ห่างไกล คล้ายว่าที่อื่นฝนกำลังตก บรรยากาศเรียกได้ว่าค่อนข้างโรแมนติก ทางเข้ามหาลัยเริ่มมีนักศึกษาทยอยกันเดินเข้ามา ถ้าเป็นพวกปีสองขึ้นไป ส่วนใหญ่จะมาด้วยรถส่วนตัว ลิตาคือหนึ่งในนั้น เด็กสาวที่ไม่มีจุดเด่น เธอเดินเข้ามาพร้อมคนอื่น ๆ และกลมกลืนไปกับฝูงชนโดยไม่มีใครสังเกตเห็น ขณะที่เธอกำลังจะเดินไปที่ตึกของคณะ บังเอิญได้ยินนักศึกษาสาวหลายคนส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดราวกับว่าได้เจอดารา “พี่วายุโคตรเท่เลยว่ะแก นาน ๆ จะเห็นพี่เขาขับ BMWเปิดประทุนมาเรียน” “ทำไงเราจะได้มีวาสนาเป็นตุ๊กตาหน้ารถของพี่เขาบ้าง” “ฝันไปก่อนเถอะ” เสียงหัวเราะคิกคักของนักศึกษาหญิงกลุ่มใหญ่ ทำให้ลิตาต้องมองไปที่รถยนต์สีดำคันหรูที่เพิ่งจะเลี้ยวเข้าไปจอดหน้าตึกคณะวิศวกรรมศาสตร์ แต่ก่อนที่เจ้าของรถจะก้าวลงมา เธอก็ดึงสายตากลับ บ้านของลิตาไม่ใช่คนมีฐานะ เธอจึงมักหลีกเลี่ยงพวกลูกคนรวย เมื่อเห็นรถหรูราคาหลายล้าน เธอเลยไม่ให้ความสนใจ สองเท้าหนักของวายุสาวเท้าเดินเข้ามาในกลุ่มของตัวเองที่นั่งอยู่โต๊ะหินอ่อนบริเวณข้างตึกวิศวะพร้อมกับสายตาของนักศึกษาหลายคนที่ค
“เชี่ยยย นั่นมันพี่เขานี่ เอาไงดีวะ” เสียงคนตัวเล็กพูดบ่นเบาๆ ก่อนจะค่อยๆ ย่องหมุนตัวหนีออกมาจากตรงนั้นให้ไวที่สุด แต่ทว่าเธอไม่อาจรอดพ้นสายตาอันแหลมคมของเขาได้ “ไง” เสียงทุ้มเอ่ยทักคนตัวเล็กที่อยู่ตรงหน้า “เชี่ยยแล้ว เห็นจนได้” คำอุทานหลุดออกมาจากปากของลิตาก่อนที่เธอจะหมุนตัวไปหาเขา “เจอกันอีกแล้ว” เรียวปากสวยเอ่ยพูดพร้อมกับฉีกยิ้มหวาน พยายามใจดีสู้เสือ “ทำให้ฉันรถล้มแล้วก็วิ่งหนีไปหน้าตาเฉย” วายุเลิกคิ้วขึ้นก่อนจะจับข้อมือของลิตาแน่น “ปล่อยสิ จับทำไมมันเจ็บ” ลิตาสะบัดแขนที่ถูกมือแกร่งของวายุจับไว้แน่น แต่ทว่ายิ่งเธอสะบัดเขาก็ยิ่งจับแน่นขึ้นอีก “ถ้าพี่ไม่ปล่อยเจอดีแน่” “ตัวเท่าลูกหมาจะทำอะไรฉันได้” “ก็ซัดพี่ร่วงลงได้เหมือนกันนั่นแหละ” “ประสาท! แค่ฉันจับเธอยังดิ้นไม่หลุดเลย” “แล้วพี่จะมาจับเราไว้ทำไม” “เธอไม่คิดจะรับผิดชอบอะไรเลยเหรอ” วายุเลิกคิ้วถามคนตัวเล็กด้วยสีหน้าเอาเรื่อง “รับผิดชอบเรื่องอะไร” ลิตาทำหน้านิ่งใส่คนตรงหน้า “ที่เธอทำรถสุดหวงของฉันล้มเมื่อวาน” “แล้วพี่จะให้เรารับผิดชอบยังไง ถ้าเงินเราไม่มีหรอกนะ” “ทำได้ทุกอย่างเลยใช่ไหมรับปากมาสิ” เสียงทุ้มหนักเอ่ยถามก
ห้องปฐมพยาบาลเสียงเคาะประตูดังขึ้นเพื่อให้คนด้านในได้ยิน“เข้ามาได้ค่ะ” เสียงหวานของหมอเจนส่งเสียงบอกให้คนที่อยู่ด้านนอกได้ยิน“สวัสดีค่ะหมอเจน” มุมปากสวยของส้มโอยกยิ้มให้กับคุณหมอ“มาค่ะ คนเจ็บมานั่งตรงนี้ ขอหมอเจนดูแผลหน่อยค่ะ” คุณหมอเอ่ยพูดพร้อมกับส่งยิ้มหวานก่อนจะเลื่อนเก้าอี้มาให้คนเจ็บ“ไปโดนอะไรมาคะ”“เดินไปเตะกระป๋องน้ำอัดลมค่ะ”“น่าจะอักเสบนะ เดี๋ยวหมอทำแผลให้แล้วสั่งยาแก้อักเสบไปไว้ให้กิน” คุณหมอเอ่ยพร้อมกับรอยยิ้มก่อนจะสาวเท้าไปหยิบอุปกรณ์ทำแผล“เสร็จแล้วค่ะ” คุณหมอเอ่ยบอกกับหญิงสาวทั้งสองคนก่อนจะเดินไปหยิบซองยาแก้อักเสบและยาแก้ปวดที่จัดเตรียมไว้ในกล่องเพื่อความสะดวกรวดเร็วกับการจ่ายยา“นี่ยาแก้อักเสบกับยาแก้ปวดค่ะ” ถ้าปวดแผลก็ให้กินยาได้เลยค่ะ“ขอบคุณค่ะ” ลิตายื่นมือเรียวยาวของเธอไปรับยามาก่อนจะส่งยิ้มหวานให้กับคุณหมอคนสวยนานเกือบชั่วโมงหญิงสาวทั้งสองคนก็สาวเท้าเดินออกมาจากห้องปฐมพยาบาล ส้มโอหลุบมองนาฬิกาที่ข้อมือเล็กของตัวเอง ก่อนจะเอ่ยบอกกับเพื่อนสนิท“ลิตาแยกกันตรงนี้นะ จะได้เวลาเข้าเรียนแล้ว”“โอเค ๆ แล้วค่อยคุยกัน”คนตัวเล็กสาวเท้าเดินไปตามริมฟุตบาทที่เป็นระหว่างทาง
ป้ายรถเมล์คนตัวเล็กเดินสาวเท้ามาหยุดอยู่ที่ป้ายรถเมล์พร้อมกับเอามือขึ้นมายีที่หัวของตัวเองด้วยความโมโหให้กับคนตัวสูงร่างใหญ่ที่พึ่งจะแยกกันที่ลานจอดรถของมหาลัยเมื่อสักครู่“ยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิด หลอกให้เราพาวิ่งเหนื่อยหอบจนแทบจะหยุดหายใจ” หลังจากพูดจบคนตัวเล็กก็ยกเท้าขึ้นมาเตะไปที่กระป๋องเปล่าน้ำอัดลมที่ถูกวางทิ้งไว้กับพื้นที่อยู่ตรงหน้าอย่างเต็มแรง“อ๊ากกก นิ้วฉันหักแล้วมั้งโคตรเจ็บเลย มีน้ำในกระป๋องนี่หว่าใครมาโยนทิ้งไว้เนี่ย”คนตัวเล็กทรุดตัวนั่งลงไปนั่งที่เก้าอี้นั่งรอรถโดยสารด้วยความเจ็บปวด จากนั้นก็เอื้อมมือไปถอดรองเท้าคัชชูสีดำออก ลิตาถึงกับร้องตกใจเมื่อเห็นมีเลือดไหลซึมออกมาที่บริเวณนิ้วโป้งข้างขวา“โอ๊ยยย เจ็บสุด ๆ เอาไงดีวะเนี่ยจะเดินไปขึ้นรถยังไงเนี่ย ส้มโอก็ยังไม่เลิกเรียนด้วย” ลิตาบ่นให้กับความเซ่อซ่าของตัวเองก่อนจะเงยหน้ามองรถBMเปิดประทุนคันหรูที่มีชายร่างสูงที่พึ่งจะแยกกันเมื่อสักครู่กำลังขับผ่านตรงหน้าไปแต่ทว่าขณะที่ร่างเล็กกำลังนั่งก้มหน้าด้วยความเจ็บปวดอยู่นั้นก็มีชายร่างสูงใหญ่ที่ดูคุ้นตากำลังยืนตรงหน้าเธอ“ไง!ไปฟัดกับหมาที่ไหนมาอีกถึงได้มานั่งเจ็บอยู่ตรงนี้” พูดจ
“เชี่ยยย นั่นมันพี่เขานี่ เอาไงดีวะ” เสียงคนตัวเล็กพูดบ่นเบาๆ ก่อนจะค่อยๆ ย่องหมุนตัวหนีออกมาจากตรงนั้นให้ไวที่สุด แต่ทว่าเธอไม่อาจรอดพ้นสายตาอันแหลมคมของเขาได้ “ไง” เสียงทุ้มเอ่ยทักคนตัวเล็กที่อยู่ตรงหน้า “เชี่ยยแล้ว เห็นจนได้” คำอุทานหลุดออกมาจากปากของลิตาก่อนที่เธอจะหมุนตัวไปหาเขา “เจอกันอีกแล้ว” เรียวปากสวยเอ่ยพูดพร้อมกับฉีกยิ้มหวาน พยายามใจดีสู้เสือ “ทำให้ฉันรถล้มแล้วก็วิ่งหนีไปหน้าตาเฉย” วายุเลิกคิ้วขึ้นก่อนจะจับข้อมือของลิตาแน่น “ปล่อยสิ จับทำไมมันเจ็บ” ลิตาสะบัดแขนที่ถูกมือแกร่งของวายุจับไว้แน่น แต่ทว่ายิ่งเธอสะบัดเขาก็ยิ่งจับแน่นขึ้นอีก “ถ้าพี่ไม่ปล่อยเจอดีแน่” “ตัวเท่าลูกหมาจะทำอะไรฉันได้” “ก็ซัดพี่ร่วงลงได้เหมือนกันนั่นแหละ” “ประสาท! แค่ฉันจับเธอยังดิ้นไม่หลุดเลย” “แล้วพี่จะมาจับเราไว้ทำไม” “เธอไม่คิดจะรับผิดชอบอะไรเลยเหรอ” วายุเลิกคิ้วถามคนตัวเล็กด้วยสีหน้าเอาเรื่อง “รับผิดชอบเรื่องอะไร” ลิตาทำหน้านิ่งใส่คนตรงหน้า “ที่เธอทำรถสุดหวงของฉันล้มเมื่อวาน” “แล้วพี่จะให้เรารับผิดชอบยังไง ถ้าเงินเราไม่มีหรอกนะ” “ทำได้ทุกอย่างเลยใช่ไหมรับปากมาสิ” เสียงทุ้มหนักเอ่ยถามก
เช้าวันจันทร์ อากาศตอนเช้าค่อนข้างมืดครึ้ม ลมพัดโชยเอากลิ่นอายฝนมาจากที่ห่างไกล คล้ายว่าที่อื่นฝนกำลังตก บรรยากาศเรียกได้ว่าค่อนข้างโรแมนติก ทางเข้ามหาลัยเริ่มมีนักศึกษาทยอยกันเดินเข้ามา ถ้าเป็นพวกปีสองขึ้นไป ส่วนใหญ่จะมาด้วยรถส่วนตัว ลิตาคือหนึ่งในนั้น เด็กสาวที่ไม่มีจุดเด่น เธอเดินเข้ามาพร้อมคนอื่น ๆ และกลมกลืนไปกับฝูงชนโดยไม่มีใครสังเกตเห็น ขณะที่เธอกำลังจะเดินไปที่ตึกของคณะ บังเอิญได้ยินนักศึกษาสาวหลายคนส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดราวกับว่าได้เจอดารา “พี่วายุโคตรเท่เลยว่ะแก นาน ๆ จะเห็นพี่เขาขับ BMWเปิดประทุนมาเรียน” “ทำไงเราจะได้มีวาสนาเป็นตุ๊กตาหน้ารถของพี่เขาบ้าง” “ฝันไปก่อนเถอะ” เสียงหัวเราะคิกคักของนักศึกษาหญิงกลุ่มใหญ่ ทำให้ลิตาต้องมองไปที่รถยนต์สีดำคันหรูที่เพิ่งจะเลี้ยวเข้าไปจอดหน้าตึกคณะวิศวกรรมศาสตร์ แต่ก่อนที่เจ้าของรถจะก้าวลงมา เธอก็ดึงสายตากลับ บ้านของลิตาไม่ใช่คนมีฐานะ เธอจึงมักหลีกเลี่ยงพวกลูกคนรวย เมื่อเห็นรถหรูราคาหลายล้าน เธอเลยไม่ให้ความสนใจ สองเท้าหนักของวายุสาวเท้าเดินเข้ามาในกลุ่มของตัวเองที่นั่งอยู่โต๊ะหินอ่อนบริเวณข้างตึกวิศวะพร้อมกับสายตาของนักศึกษาหลายคนที่ค
วันปฐมนิเทศคณะศิลปศาสตร์ในสวนหย่อมมหาวิทยาลัยเวลานี้มีรุ่นพี่หลายคณะมาคอยรับน้องกันอย่างเนืองแน่น เสียงเด็กวิศวะกลุ่มหนึ่งดังขึ้นให้โต๊ะข้าง ๆ ได้ยิน“เฮ้ย มาเล่นเกมทายกัน”“เหมือนเดิมใช่ไหม” หนุ่มหล่อสูงขาวท่าทางไฮโซคนหนึ่งถามขึ้นพลางมองไปที่เส้นแดงบนทางเข้ามหาลัยเกมที่พวกเขากำลังพูดถึงเป็นเกมที่เด็กวิศวะนิยมเล่นกันเป็นประจำ คือการทายว่าน้องที่เดินผ่านเส้นแดงเข้ามาเรียนคณะอะไรบ้าง กฏิกาคือถ้าใครทายผิด ต้องไปจีบน้องคนนั้นให้ติดเด็กวิศวะกลุ่มนี้ เรียกได้ว่าเป็นตัวท็อปของมหาลัย เพราะนอกจากแต่ละคนจะมีรูปร่างหน้าตาดีแล้ว ยังมีฐานะร่ำรวย เวลาที่พวกเขามารวมตัวกันจึงมักตกเป็นเป้าสายตาของนักศึกษาสาวจากทุกคณะ ถ้าจะพูดกันตามจริง พวกเขาไม่จำเป็นต้องไปตามจีบใคร เพราะทุกวันนี้มีผู้หญิงที่มาต่อคิวรอให้เด็กหนุ่มกลุ่มนี้สนใจมีจนนับไม่ถ้วน“ตามึงแล้วไอ้ยุ พวกกูเล่นกันไปหมดแล้ว”คนที่ถูกเรียกชื่อเงยหน้าจากมือถือในมือมามองเพื่อน ก่อนจะมองไปที่นักศึกษาสาวที่กำลังทยอยเดินเข้ามา เท่าที่มองผ่านตา เขายังไม่เห็นว่าจะมีน้องคนไหนถูกสเปกเลยสักคน“ไม่เล่นได้ไหมวะ หน้าตาไม่เข้าเบ้าเลยสักคน” วายุส่ายหน้าบอกเพื่อ