“เชี่ยยย นั่นมันพี่เขานี่ เอาไงดีวะ” เสียงคนตัวเล็กพูดบ่นเบาๆ ก่อนจะค่อยๆ ย่องหมุนตัวหนีออกมาจากตรงนั้นให้ไวที่สุด แต่ทว่าเธอไม่อาจรอดพ้นสายตาอันแหลมคมของเขาได้
“ไง” เสียงทุ้มเอ่ยทักคนตัวเล็กที่อยู่ตรงหน้า “เชี่ยยแล้ว เห็นจนได้” คำอุทานหลุดออกมาจากปากของลิตาก่อนที่เธอจะหมุนตัวไปหาเขา “เจอกันอีกแล้ว” เรียวปากสวยเอ่ยพูดพร้อมกับฉีกยิ้มหวาน พยายามใจดีสู้เสือ “ทำให้ฉันรถล้มแล้วก็วิ่งหนีไปหน้าตาเฉย” วายุเลิกคิ้วขึ้นก่อนจะจับข้อมือของลิตาแน่น “ปล่อยสิ จับทำไมมันเจ็บ” ลิตาสะบัดแขนที่ถูกมือแกร่งของวายุจับไว้แน่น แต่ทว่ายิ่งเธอสะบัดเขาก็ยิ่งจับแน่นขึ้นอีก “ถ้าพี่ไม่ปล่อยเจอดีแน่” “ตัวเท่าลูกหมาจะทำอะไรฉันได้” “ก็ซัดพี่ร่วงลงได้เหมือนกันนั่นแหละ” “ประสาท! แค่ฉันจับเธอยังดิ้นไม่หลุดเลย” “แล้วพี่จะมาจับเราไว้ทำไม” “เธอไม่คิดจะรับผิดชอบอะไรเลยเหรอ” วายุเลิกคิ้วถามคนตัวเล็กด้วยสีหน้าเอาเรื่อง “รับผิดชอบเรื่องอะไร” ลิตาทำหน้านิ่งใส่คนตรงหน้า “ที่เธอทำรถสุดหวงของฉันล้มเมื่อวาน” “แล้วพี่จะให้เรารับผิดชอบยังไง ถ้าเงินเราไม่มีหรอกนะ” “ทำได้ทุกอย่างเลยใช่ไหมรับปากมาสิ” เสียงทุ้มหนักเอ่ยถามกับลิตา “อืม รับปาก แล้วจะให้ทำอะไร พี่ก็บอกเรามาสิ” “เดี๋ยวนึกออกแล้วจะบอก อย่าลืมที่รับปากไว้แล้วกัน” “เราไม่ใช่คนผิดคำพูดนะ” เสียงหวานของคนตัวเล็กเอ่ยบอกกับวายุ แต่ขณะที่ทั้งคู่กำลังฉุดกระชากกันอยู่นั่นเอง อาจารย์สุนีย์ก็ส่งเสียงตะโกนดุดังกังวานมาแต่ไกล “นี่พวกเธอกำลังทำอะไรกัน” ลิตาหันขวับคอแทบเคล็ดเมื่อได้ยินเสียงของอาจารย์สุนีย์ตะโกนดังสนั่น “ไป วิ่ง!” พูดจบลิตาก็รีบคว้าไปจับมือหนาของวายุวิ่งออกไปทางหน้าตึกคณะทันที แต่ดูเหมือนอาจารย์สุนีย์ก็ยังคงวิ่งตามแบบติด ๆ “หยุด หยุดเดี๋ยวนี้นะ ฉันบอกให้พวกเธอหยุดไง” เสียงอาจารย์สุนีย์ตะโกนไล่ตามหลังมา ลิตาที่กำลังจับมือวายุวิ่งหนีอยู่นั้น สุดท้ายวายุก็เปลี่ยนมาเป็นจับมือลิตาวิ่งหนีแทน “หยุด หยุดพักก่อน อาจารย์ตามมาไม่ทันแล้ว” ลิตาพูดด้วยเสียงหายใจหอบเหนื่อยก่อนจะชะโงกหน้าไปมองดูว่าอาจารย์สุนีย์ยังตามมาอยู่ไหม “นี่เราวิ่งมากันถึงโรงจอดรถเลยเหรอเนี่ย โคตรไกลเลย” “เธอจะพาฉันวิ่งหนีอาจารย์สุนีย์ทำไม?บ้ารึเปล่า ” คนตัวสูงเอ่ยถามด้วยสีหน้าเรียบนิ่งใส่เธอ “เราอุตส่าห์หวังดีพาวิ่งหนีกลัวจะโดนทำโทษ ขาลากหมดแล้วเนี่ยยังจะมาหาว่าเราบ้าอีก” เรียวปากสวยบ่นออกมาให้คนตรงหน้าได้ยิน “ทำไมเธอถึงคิดว่าฉันต้องวิ่งหนีอาจารย์สุนีย์ด้วยล่ะ” “ไม่หนีแล้วมาวิ่งกับเราทำไม?” “เธอเป็นคนจับมือฉันวิ่งเองนะ” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยขึ้น “แล้วทำไมไม่ปล่อยล่ะ” ลิตาสวนกลับ คนอุตส่าห์หวังดีแล้วทำไมพี่ถึงจะไม่หนีอาจารย์สุนีย์ล่ะ” เสียงหวานคนตัวเล็กเอ่ยถาม “อาจารย์สุนีย์เป็นป้าของฉันเอง” เสียงทุ้มหนักของวายุเอ่ยบอกด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ห๊ะ! “แล้วทำไมไม่บอกตั้งแต่ตอนแรกให้เราวิ่งหนีให้เหนื่อยทำไมเนี่ย” ปากไม่มีพูดหรือไง อย่างว่าแหละพวกเด็กใช้เส้นสายลูกคนรวยใครก็ไม่กล้าทำอะไรลิตาบ่นให้กับตัวเองเบา ๆ ก่อนจะหลุบมองนาฬิกาที่ข้อมือเล็กของตัวเอง ตาย ตาย! “ได้เวลาเข้าเรียนคาบบ่ายแล้วด้วย” “ขาดครั้งแรกไม่เป็นไรหรอก” “เพราะพี่นั่นแหละทำให้เราขาดเรียนเลย” พูดจบคนตัวเล็กก็สาวเท้าเดินไปตามริมฟุตบาทของมหาลัยเพื่อที่จะไปขึ้นรถเมล์ที่หน้ามหาลัยเพื่อกลับคอนโด แต่ทว่าลิตายังไม่ทันได้เดินออกไปจากตรงนั้นมือหนาของใครบางคนก็เอื้อมมาจับที่แขนเรียวของคนตัวเล็กไว้อย่างไว “นี่พี่มาจับเราไว้ทำไม เราเจ็บนะ” “เธอพาฉันวิ่งมาถึงตรงนี้ แล้วจะมาปล่อยฉันทิ้งไว้เนี่ยนะ” วายุเลิกคิ้วมองหญิงสาวด้วยใบหน้าที่หล่อเหลาจนทำให้ลิตาถึงกับสะดุดตาในความหล่อของเขา “คนอะไรแม่งหล่อฉิบ ยิ่งมองใกล้ ๆ แม่งโคตรหล่อ ดูดีไปหมดทั้งรูปร่างหน้าตาผิวพรรณไม่แปลกใจที่สาว ๆ รุมกรี๊ด” เสียงหวานของคนตัวเล็กพูดให้กับตัวเอง “เราจะกลับคอนโดแล้ว ไหน ๆ ก็เข้าเรียนไม่ทัน พี่ก็ให้เพื่อนมารับก็แล้วกันนะ” หลังจากพูดจบลิตาก็เดินออกไปตามริมฟุตบาทของมหาลัย “เฮ้ย อะไรของมันวะพากูวิ่งมาถึงตรงนี้แล้วมาปล่อยกูทิ้งเนี่ยนะ” เขาก็มองตามแผ่นหลังของหญิงสาวไปก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาเพื่อนสนิทให้มารับป้ายรถเมล์คนตัวเล็กเดินสาวเท้ามาหยุดอยู่ที่ป้ายรถเมล์พร้อมกับเอามือขึ้นมายีที่หัวของตัวเองด้วยความโมโหให้กับคนตัวสูงร่างใหญ่ที่พึ่งจะแยกกันที่ลานจอดรถของมหาลัยเมื่อสักครู่“ยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิด หลอกให้เราพาวิ่งเหนื่อยหอบจนแทบจะหยุดหายใจ” หลังจากพูดจบคนตัวเล็กก็ยกเท้าขึ้นมาเตะไปที่กระป๋องเปล่าน้ำอัดลมที่ถูกวางทิ้งไว้กับพื้นที่อยู่ตรงหน้าอย่างเต็มแรง“อ๊ากกก นิ้วฉันหักแล้วมั้งโคตรเจ็บเลย มีน้ำในกระป๋องนี่หว่าใครมาโยนทิ้งไว้เนี่ย”คนตัวเล็กทรุดตัวนั่งลงไปนั่งที่เก้าอี้นั่งรอรถโดยสารด้วยความเจ็บปวด จากนั้นก็เอื้อมมือไปถอดรองเท้าคัชชูสีดำออก ลิตาถึงกับร้องตกใจเมื่อเห็นมีเลือดไหลซึมออกมาที่บริเวณนิ้วโป้งข้างขวา“โอ๊ยยย เจ็บสุด ๆ เอาไงดีวะเนี่ยจะเดินไปขึ้นรถยังไงเนี่ย ส้มโอก็ยังไม่เลิกเรียนด้วย” ลิตาบ่นให้กับความเซ่อซ่าของตัวเองก่อนจะเงยหน้ามองรถBMเปิดประทุนคันหรูที่มีชายร่างสูงที่พึ่งจะแยกกันเมื่อสักครู่กำลังขับผ่านตรงหน้าไปแต่ทว่าขณะที่ร่างเล็กกำลังนั่งก้มหน้าด้วยความเจ็บปวดอยู่นั้นก็มีชายร่างสูงใหญ่ที่ดูคุ้นตากำลังยืนตรงหน้าเธอ“ไง!ไปฟัดกับหมาที่ไหนมาอีกถึงได้มานั่งเจ็บอยู่ตรงนี้” พูดจ
ห้องปฐมพยาบาลเสียงเคาะประตูดังขึ้นเพื่อให้คนด้านในได้ยิน“เข้ามาได้ค่ะ” เสียงหวานของหมอเจนส่งเสียงบอกให้คนที่อยู่ด้านนอกได้ยิน“สวัสดีค่ะหมอเจน” มุมปากสวยของส้มโอยกยิ้มให้กับคุณหมอ“มาค่ะ คนเจ็บมานั่งตรงนี้ ขอหมอเจนดูแผลหน่อยค่ะ” คุณหมอเอ่ยพูดพร้อมกับส่งยิ้มหวานก่อนจะเลื่อนเก้าอี้มาให้คนเจ็บ“ไปโดนอะไรมาคะ”“เดินไปเตะกระป๋องน้ำอัดลมค่ะ”“น่าจะอักเสบนะ เดี๋ยวหมอทำแผลให้แล้วสั่งยาแก้อักเสบไปไว้ให้กิน” คุณหมอเอ่ยพร้อมกับรอยยิ้มก่อนจะสาวเท้าไปหยิบอุปกรณ์ทำแผล“เสร็จแล้วค่ะ” คุณหมอเอ่ยบอกกับหญิงสาวทั้งสองคนก่อนจะเดินไปหยิบซองยาแก้อักเสบและยาแก้ปวดที่จัดเตรียมไว้ในกล่องเพื่อความสะดวกรวดเร็วกับการจ่ายยา“นี่ยาแก้อักเสบกับยาแก้ปวดค่ะ” ถ้าปวดแผลก็ให้กินยาได้เลยค่ะ“ขอบคุณค่ะ” ลิตายื่นมือเรียวยาวของเธอไปรับยามาก่อนจะส่งยิ้มหวานให้กับคุณหมอคนสวยนานเกือบชั่วโมงหญิงสาวทั้งสองคนก็สาวเท้าเดินออกมาจากห้องปฐมพยาบาล ส้มโอหลุบมองนาฬิกาที่ข้อมือเล็กของตัวเอง ก่อนจะเอ่ยบอกกับเพื่อนสนิท“ลิตาแยกกันตรงนี้นะ จะได้เวลาเข้าเรียนแล้ว”“โอเค ๆ แล้วค่อยคุยกัน”คนตัวเล็กสาวเท้าเดินไปตามริมฟุตบาทที่เป็นระหว่างทาง
วันปฐมนิเทศคณะศิลปศาสตร์ในสวนหย่อมมหาวิทยาลัยเวลานี้มีรุ่นพี่หลายคณะมาคอยรับน้องกันอย่างเนืองแน่น เสียงเด็กวิศวะกลุ่มหนึ่งดังขึ้นให้โต๊ะข้าง ๆ ได้ยิน“เฮ้ย มาเล่นเกมทายกัน”“เหมือนเดิมใช่ไหม” หนุ่มหล่อสูงขาวท่าทางไฮโซคนหนึ่งถามขึ้นพลางมองไปที่เส้นแดงบนทางเข้ามหาลัยเกมที่พวกเขากำลังพูดถึงเป็นเกมที่เด็กวิศวะนิยมเล่นกันเป็นประจำ คือการทายว่าน้องที่เดินผ่านเส้นแดงเข้ามาเรียนคณะอะไรบ้าง กฏิกาคือถ้าใครทายผิด ต้องไปจีบน้องคนนั้นให้ติดเด็กวิศวะกลุ่มนี้ เรียกได้ว่าเป็นตัวท็อปของมหาลัย เพราะนอกจากแต่ละคนจะมีรูปร่างหน้าตาดีแล้ว ยังมีฐานะร่ำรวย เวลาที่พวกเขามารวมตัวกันจึงมักตกเป็นเป้าสายตาของนักศึกษาสาวจากทุกคณะ ถ้าจะพูดกันตามจริง พวกเขาไม่จำเป็นต้องไปตามจีบใคร เพราะทุกวันนี้มีผู้หญิงที่มาต่อคิวรอให้เด็กหนุ่มกลุ่มนี้สนใจมีจนนับไม่ถ้วน“ตามึงแล้วไอ้ยุ พวกกูเล่นกันไปหมดแล้ว”คนที่ถูกเรียกชื่อเงยหน้าจากมือถือในมือมามองเพื่อน ก่อนจะมองไปที่นักศึกษาสาวที่กำลังทยอยเดินเข้ามา เท่าที่มองผ่านตา เขายังไม่เห็นว่าจะมีน้องคนไหนถูกสเปกเลยสักคน“ไม่เล่นได้ไหมวะ หน้าตาไม่เข้าเบ้าเลยสักคน” วายุส่ายหน้าบอกเพื่อ
เช้าวันจันทร์ อากาศตอนเช้าค่อนข้างมืดครึ้ม ลมพัดโชยเอากลิ่นอายฝนมาจากที่ห่างไกล คล้ายว่าที่อื่นฝนกำลังตก บรรยากาศเรียกได้ว่าค่อนข้างโรแมนติก ทางเข้ามหาลัยเริ่มมีนักศึกษาทยอยกันเดินเข้ามา ถ้าเป็นพวกปีสองขึ้นไป ส่วนใหญ่จะมาด้วยรถส่วนตัว ลิตาคือหนึ่งในนั้น เด็กสาวที่ไม่มีจุดเด่น เธอเดินเข้ามาพร้อมคนอื่น ๆ และกลมกลืนไปกับฝูงชนโดยไม่มีใครสังเกตเห็น ขณะที่เธอกำลังจะเดินไปที่ตึกของคณะ บังเอิญได้ยินนักศึกษาสาวหลายคนส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดราวกับว่าได้เจอดารา “พี่วายุโคตรเท่เลยว่ะแก นาน ๆ จะเห็นพี่เขาขับ BMWเปิดประทุนมาเรียน” “ทำไงเราจะได้มีวาสนาเป็นตุ๊กตาหน้ารถของพี่เขาบ้าง” “ฝันไปก่อนเถอะ” เสียงหัวเราะคิกคักของนักศึกษาหญิงกลุ่มใหญ่ ทำให้ลิตาต้องมองไปที่รถยนต์สีดำคันหรูที่เพิ่งจะเลี้ยวเข้าไปจอดหน้าตึกคณะวิศวกรรมศาสตร์ แต่ก่อนที่เจ้าของรถจะก้าวลงมา เธอก็ดึงสายตากลับ บ้านของลิตาไม่ใช่คนมีฐานะ เธอจึงมักหลีกเลี่ยงพวกลูกคนรวย เมื่อเห็นรถหรูราคาหลายล้าน เธอเลยไม่ให้ความสนใจ สองเท้าหนักของวายุสาวเท้าเดินเข้ามาในกลุ่มของตัวเองที่นั่งอยู่โต๊ะหินอ่อนบริเวณข้างตึกวิศวะพร้อมกับสายตาของนักศึกษาหลายคนที่ค
ห้องปฐมพยาบาลเสียงเคาะประตูดังขึ้นเพื่อให้คนด้านในได้ยิน“เข้ามาได้ค่ะ” เสียงหวานของหมอเจนส่งเสียงบอกให้คนที่อยู่ด้านนอกได้ยิน“สวัสดีค่ะหมอเจน” มุมปากสวยของส้มโอยกยิ้มให้กับคุณหมอ“มาค่ะ คนเจ็บมานั่งตรงนี้ ขอหมอเจนดูแผลหน่อยค่ะ” คุณหมอเอ่ยพูดพร้อมกับส่งยิ้มหวานก่อนจะเลื่อนเก้าอี้มาให้คนเจ็บ“ไปโดนอะไรมาคะ”“เดินไปเตะกระป๋องน้ำอัดลมค่ะ”“น่าจะอักเสบนะ เดี๋ยวหมอทำแผลให้แล้วสั่งยาแก้อักเสบไปไว้ให้กิน” คุณหมอเอ่ยพร้อมกับรอยยิ้มก่อนจะสาวเท้าไปหยิบอุปกรณ์ทำแผล“เสร็จแล้วค่ะ” คุณหมอเอ่ยบอกกับหญิงสาวทั้งสองคนก่อนจะเดินไปหยิบซองยาแก้อักเสบและยาแก้ปวดที่จัดเตรียมไว้ในกล่องเพื่อความสะดวกรวดเร็วกับการจ่ายยา“นี่ยาแก้อักเสบกับยาแก้ปวดค่ะ” ถ้าปวดแผลก็ให้กินยาได้เลยค่ะ“ขอบคุณค่ะ” ลิตายื่นมือเรียวยาวของเธอไปรับยามาก่อนจะส่งยิ้มหวานให้กับคุณหมอคนสวยนานเกือบชั่วโมงหญิงสาวทั้งสองคนก็สาวเท้าเดินออกมาจากห้องปฐมพยาบาล ส้มโอหลุบมองนาฬิกาที่ข้อมือเล็กของตัวเอง ก่อนจะเอ่ยบอกกับเพื่อนสนิท“ลิตาแยกกันตรงนี้นะ จะได้เวลาเข้าเรียนแล้ว”“โอเค ๆ แล้วค่อยคุยกัน”คนตัวเล็กสาวเท้าเดินไปตามริมฟุตบาทที่เป็นระหว่างทาง
ป้ายรถเมล์คนตัวเล็กเดินสาวเท้ามาหยุดอยู่ที่ป้ายรถเมล์พร้อมกับเอามือขึ้นมายีที่หัวของตัวเองด้วยความโมโหให้กับคนตัวสูงร่างใหญ่ที่พึ่งจะแยกกันที่ลานจอดรถของมหาลัยเมื่อสักครู่“ยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิด หลอกให้เราพาวิ่งเหนื่อยหอบจนแทบจะหยุดหายใจ” หลังจากพูดจบคนตัวเล็กก็ยกเท้าขึ้นมาเตะไปที่กระป๋องเปล่าน้ำอัดลมที่ถูกวางทิ้งไว้กับพื้นที่อยู่ตรงหน้าอย่างเต็มแรง“อ๊ากกก นิ้วฉันหักแล้วมั้งโคตรเจ็บเลย มีน้ำในกระป๋องนี่หว่าใครมาโยนทิ้งไว้เนี่ย”คนตัวเล็กทรุดตัวนั่งลงไปนั่งที่เก้าอี้นั่งรอรถโดยสารด้วยความเจ็บปวด จากนั้นก็เอื้อมมือไปถอดรองเท้าคัชชูสีดำออก ลิตาถึงกับร้องตกใจเมื่อเห็นมีเลือดไหลซึมออกมาที่บริเวณนิ้วโป้งข้างขวา“โอ๊ยยย เจ็บสุด ๆ เอาไงดีวะเนี่ยจะเดินไปขึ้นรถยังไงเนี่ย ส้มโอก็ยังไม่เลิกเรียนด้วย” ลิตาบ่นให้กับความเซ่อซ่าของตัวเองก่อนจะเงยหน้ามองรถBMเปิดประทุนคันหรูที่มีชายร่างสูงที่พึ่งจะแยกกันเมื่อสักครู่กำลังขับผ่านตรงหน้าไปแต่ทว่าขณะที่ร่างเล็กกำลังนั่งก้มหน้าด้วยความเจ็บปวดอยู่นั้นก็มีชายร่างสูงใหญ่ที่ดูคุ้นตากำลังยืนตรงหน้าเธอ“ไง!ไปฟัดกับหมาที่ไหนมาอีกถึงได้มานั่งเจ็บอยู่ตรงนี้” พูดจ
“เชี่ยยย นั่นมันพี่เขานี่ เอาไงดีวะ” เสียงคนตัวเล็กพูดบ่นเบาๆ ก่อนจะค่อยๆ ย่องหมุนตัวหนีออกมาจากตรงนั้นให้ไวที่สุด แต่ทว่าเธอไม่อาจรอดพ้นสายตาอันแหลมคมของเขาได้ “ไง” เสียงทุ้มเอ่ยทักคนตัวเล็กที่อยู่ตรงหน้า “เชี่ยยแล้ว เห็นจนได้” คำอุทานหลุดออกมาจากปากของลิตาก่อนที่เธอจะหมุนตัวไปหาเขา “เจอกันอีกแล้ว” เรียวปากสวยเอ่ยพูดพร้อมกับฉีกยิ้มหวาน พยายามใจดีสู้เสือ “ทำให้ฉันรถล้มแล้วก็วิ่งหนีไปหน้าตาเฉย” วายุเลิกคิ้วขึ้นก่อนจะจับข้อมือของลิตาแน่น “ปล่อยสิ จับทำไมมันเจ็บ” ลิตาสะบัดแขนที่ถูกมือแกร่งของวายุจับไว้แน่น แต่ทว่ายิ่งเธอสะบัดเขาก็ยิ่งจับแน่นขึ้นอีก “ถ้าพี่ไม่ปล่อยเจอดีแน่” “ตัวเท่าลูกหมาจะทำอะไรฉันได้” “ก็ซัดพี่ร่วงลงได้เหมือนกันนั่นแหละ” “ประสาท! แค่ฉันจับเธอยังดิ้นไม่หลุดเลย” “แล้วพี่จะมาจับเราไว้ทำไม” “เธอไม่คิดจะรับผิดชอบอะไรเลยเหรอ” วายุเลิกคิ้วถามคนตัวเล็กด้วยสีหน้าเอาเรื่อง “รับผิดชอบเรื่องอะไร” ลิตาทำหน้านิ่งใส่คนตรงหน้า “ที่เธอทำรถสุดหวงของฉันล้มเมื่อวาน” “แล้วพี่จะให้เรารับผิดชอบยังไง ถ้าเงินเราไม่มีหรอกนะ” “ทำได้ทุกอย่างเลยใช่ไหมรับปากมาสิ” เสียงทุ้มหนักเอ่ยถามก
เช้าวันจันทร์ อากาศตอนเช้าค่อนข้างมืดครึ้ม ลมพัดโชยเอากลิ่นอายฝนมาจากที่ห่างไกล คล้ายว่าที่อื่นฝนกำลังตก บรรยากาศเรียกได้ว่าค่อนข้างโรแมนติก ทางเข้ามหาลัยเริ่มมีนักศึกษาทยอยกันเดินเข้ามา ถ้าเป็นพวกปีสองขึ้นไป ส่วนใหญ่จะมาด้วยรถส่วนตัว ลิตาคือหนึ่งในนั้น เด็กสาวที่ไม่มีจุดเด่น เธอเดินเข้ามาพร้อมคนอื่น ๆ และกลมกลืนไปกับฝูงชนโดยไม่มีใครสังเกตเห็น ขณะที่เธอกำลังจะเดินไปที่ตึกของคณะ บังเอิญได้ยินนักศึกษาสาวหลายคนส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดราวกับว่าได้เจอดารา “พี่วายุโคตรเท่เลยว่ะแก นาน ๆ จะเห็นพี่เขาขับ BMWเปิดประทุนมาเรียน” “ทำไงเราจะได้มีวาสนาเป็นตุ๊กตาหน้ารถของพี่เขาบ้าง” “ฝันไปก่อนเถอะ” เสียงหัวเราะคิกคักของนักศึกษาหญิงกลุ่มใหญ่ ทำให้ลิตาต้องมองไปที่รถยนต์สีดำคันหรูที่เพิ่งจะเลี้ยวเข้าไปจอดหน้าตึกคณะวิศวกรรมศาสตร์ แต่ก่อนที่เจ้าของรถจะก้าวลงมา เธอก็ดึงสายตากลับ บ้านของลิตาไม่ใช่คนมีฐานะ เธอจึงมักหลีกเลี่ยงพวกลูกคนรวย เมื่อเห็นรถหรูราคาหลายล้าน เธอเลยไม่ให้ความสนใจ สองเท้าหนักของวายุสาวเท้าเดินเข้ามาในกลุ่มของตัวเองที่นั่งอยู่โต๊ะหินอ่อนบริเวณข้างตึกวิศวะพร้อมกับสายตาของนักศึกษาหลายคนที่ค
วันปฐมนิเทศคณะศิลปศาสตร์ในสวนหย่อมมหาวิทยาลัยเวลานี้มีรุ่นพี่หลายคณะมาคอยรับน้องกันอย่างเนืองแน่น เสียงเด็กวิศวะกลุ่มหนึ่งดังขึ้นให้โต๊ะข้าง ๆ ได้ยิน“เฮ้ย มาเล่นเกมทายกัน”“เหมือนเดิมใช่ไหม” หนุ่มหล่อสูงขาวท่าทางไฮโซคนหนึ่งถามขึ้นพลางมองไปที่เส้นแดงบนทางเข้ามหาลัยเกมที่พวกเขากำลังพูดถึงเป็นเกมที่เด็กวิศวะนิยมเล่นกันเป็นประจำ คือการทายว่าน้องที่เดินผ่านเส้นแดงเข้ามาเรียนคณะอะไรบ้าง กฏิกาคือถ้าใครทายผิด ต้องไปจีบน้องคนนั้นให้ติดเด็กวิศวะกลุ่มนี้ เรียกได้ว่าเป็นตัวท็อปของมหาลัย เพราะนอกจากแต่ละคนจะมีรูปร่างหน้าตาดีแล้ว ยังมีฐานะร่ำรวย เวลาที่พวกเขามารวมตัวกันจึงมักตกเป็นเป้าสายตาของนักศึกษาสาวจากทุกคณะ ถ้าจะพูดกันตามจริง พวกเขาไม่จำเป็นต้องไปตามจีบใคร เพราะทุกวันนี้มีผู้หญิงที่มาต่อคิวรอให้เด็กหนุ่มกลุ่มนี้สนใจมีจนนับไม่ถ้วน“ตามึงแล้วไอ้ยุ พวกกูเล่นกันไปหมดแล้ว”คนที่ถูกเรียกชื่อเงยหน้าจากมือถือในมือมามองเพื่อน ก่อนจะมองไปที่นักศึกษาสาวที่กำลังทยอยเดินเข้ามา เท่าที่มองผ่านตา เขายังไม่เห็นว่าจะมีน้องคนไหนถูกสเปกเลยสักคน“ไม่เล่นได้ไหมวะ หน้าตาไม่เข้าเบ้าเลยสักคน” วายุส่ายหน้าบอกเพื่อ