เช้าวันจันทร์ อากาศตอนเช้าค่อนข้างมืดครึ้ม ลมพัดโชยเอากลิ่นอายฝนมาจากที่ห่างไกล คล้ายว่าที่อื่นฝนกำลังตก บรรยากาศเรียกได้ว่าค่อนข้างโรแมนติก
ทางเข้ามหาลัยเริ่มมีนักศึกษาทยอยกันเดินเข้ามา ถ้าเป็นพวกปีสองขึ้นไป ส่วนใหญ่จะมาด้วยรถส่วนตัว ลิตาคือหนึ่งในนั้น เด็กสาวที่ไม่มีจุดเด่น เธอเดินเข้ามาพร้อมคนอื่น ๆ และกลมกลืนไปกับฝูงชนโดยไม่มีใครสังเกตเห็น ขณะที่เธอกำลังจะเดินไปที่ตึกของคณะ บังเอิญได้ยินนักศึกษาสาวหลายคนส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดราวกับว่าได้เจอดารา “พี่วายุโคตรเท่เลยว่ะแก นาน ๆ จะเห็นพี่เขาขับ BMWเปิดประทุนมาเรียน” “ทำไงเราจะได้มีวาสนาเป็นตุ๊กตาหน้ารถของพี่เขาบ้าง” “ฝันไปก่อนเถอะ” เสียงหัวเราะคิกคักของนักศึกษาหญิงกลุ่มใหญ่ ทำให้ลิตาต้องมองไปที่รถยนต์สีดำคันหรูที่เพิ่งจะเลี้ยวเข้าไปจอดหน้าตึกคณะวิศวกรรมศาสตร์ แต่ก่อนที่เจ้าของรถจะก้าวลงมา เธอก็ดึงสายตากลับ บ้านของลิตาไม่ใช่คนมีฐานะ เธอจึงมักหลีกเลี่ยงพวกลูกคนรวย เมื่อเห็นรถหรูราคาหลายล้าน เธอเลยไม่ให้ความสนใจ สองเท้าหนักของวายุสาวเท้าเดินเข้ามาในกลุ่มของตัวเองที่นั่งอยู่โต๊ะหินอ่อนบริเวณข้างตึกวิศวะพร้อมกับสายตาของนักศึกษาหลายคนที่คอยจับจ้องมาที่เขา เพราะเขาคือหนุ่มฮอตอันดับหนึ่งของมหาลัย ที่บ้านทำธุรกิจเกี่ยวกับการส่งออกอาหารแปรรูปหลายอย่าง และยังมีอสังหาริมทรัพย์ทั้งโครงการบ้านหรูและคอนโดใจกลางเมืองอีกมากมาย “ไอ้วายุ บิ๊กไบค์มึงไปไหนวะ ทำไมถึงขับBMมา” เสียงปันถามวายุทันทีเมื่อเขาเดินมาถึง “อยู่อู่เฮียโจ้” วายุตอบด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง “อยู่อู่? ทำไมถึงอยู่อู่วะ” สานัสเพื่อนในกลุ่มอีกคนเอ่ยถามต่อด้วยสีหน้าสงสัยอยากรู้ “เมื่อวันปฐมนิเทศ กูดันดวงซวยไปเจอยัยเด็กบ้าที่พวกมึงเล่นพนันกับกู จู่ ๆ แม่งเดินตัดหน้ารถกู ดีนะกูหักหลบทันเลยล้มนิดหน่อย” “กูขับของกูมาดี ๆ” “พูดแล้วก็หงุดหงิดวะ” วายุดันตัวเองลุกขึ้นพร้อมกับควักซองบุหรี่ในกระเป๋าเสื้อช็อปออกมา ก่อนจะเดินสาวเท้าไปสูบที่หลังตึกที่ประจำใจของเขา “จะดูดอีกเหรอวะ จะถึงเวลาขึ้นห้องเรียนแล้วนะเว้ย” สานัสเอ่ยบอกกับวายุพร้อมกับมองนาฬิกาที่ข้อมือตัวเอง “พวกมึงไปกันก่อนเลย กูไม่รีบ” วายุเอ่ยตอบด้วยสีหน้าเรียบนิ่งก่อนจะสาวเท้าเดินออกไปอย่างไม่สนใจ เขาเป็นคนนิสัยแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ไม่ชอบวุ่นวายและรักพื้นที่ส่วนตัวของตัวเองเป็นที่สุด “จ้าพ่อคนไม่สนโลก เดี๋ยวแม่มึงก็โผ่มาไล่หรอก รีบตามมานะโว้ย” เสียงปันตะโกนขึ้นตามหลัง วายุไม่ตอบกลับอะไรได้แต่ยกนิ้วกลางขึ้นมาชูให้เพื่อนสนิทของตัวเอง จากนั้นร่างสูงก็สาวเท้าเดินไปบริเวณหลังตึกคณะพร้อมกับซองบุหรี่ในมือ อีกด้าน ตึกคณะศิลปศาตร์ ที่หน้าตึกคณะตอนนี้เต็มไปด้วยนักศึกษาปีหนึ่งที่กำลังเดินขวักไขว่เพื่อเข้าเรียนในวิชาคาบแรกของวัน ลิตากวาดสายตามองไปรอบ ๆ คณะแล้วพลันนึกถึงเพื่อน ๆ ตอนที่เรียนสมัยมัธยมพวกเราเกาะกลุ่มกันแน่น ไปไหนไปกัน กินก็กินด้วยกัน พอมาตอนนี้ทุกคนต่างก็เติบโตแยกย้ายไปเรียนต่อตามสายที่ตัวเองชอบหรือเรียนตามที่พ่อแม่กำหนดไว้ บ้างก็ได้ไปเรียนต่อเมืองนอกเมืองนาเพราะฐานะทางบ้านร่ำรวย ส่วนตัวเราเองพ่อกับแม่ไม่ได้บังคับกะเกณฑ์อะไร เราเลยเลือกเรียนสายที่เราชอบ ลิตาดึงสติกลับมาแล้วก็สาวเท้าเดินไปเรียนในวิชาคาบแรกของตัวเอง ผ่านไปเกือบสองชั่วโมงเราก็เรียนคาบแรกเสร็จ ลิตาหลุบมองนาฬิกาที่ข้อมือเล็กของตัวเอง “มีเวลาเหลืออีกเกือบสามชั่วโมงกว่าจะเรียนคาบบ่าย” คนตัวเล็กเดินสาวเท้าออกจากห้องเรียนหมายจะเดินอ้อมไปที่ทางหลังตึกคณะ ในตอนนั้นก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น กริ๊ง…กริ๊ง…. ลิตาหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าผ้าสีขาวใบใหญ่ เขาหลุบมองดูปลายสายที่โทรเข้ามาก่อนจะกดรับสายนั้นทันที “ลิตาเป็นไงบ้าง เพื่อนใหม่ที่คณะสู้เพื่อนเก่าสมัยมัธยมอย่างเราได้ปะ” ส้มโอเอ่ยถาม “ไม่รู้สิ ยังไม่มีเพื่อนใหม่สักคนเลย” “ถามจริง?” “ตอบจริง ก็ไม่มีใครเข้ามาทัก ส่วนเราก็ไม่ได้ชอบเข้าไปทักใครก่อนด้วย” ลิตาเอ่ยตอบกับเพื่อนสนิทในสาย “แล้วแบบนี้จะมีเพื่อนใหม่ได้ไง แกต้องเลิกนิสัยไม่กล้าเข้าสังคมแบบนี้ได้แล้ว ไม่งั้นแกจะไม่มีเพื่อนเลย จะใช้ชีวิตลำบากนะเว้ยขอบอก” ส้มโอเอ่ยบอกด้วยความเป็นห่วง “เออเลิกบ่นได้แล้ว บ่นยิ่งกว่าแม่ซะอีก เดี๋ยวต่อไปก็มีเพื่อนเองนั่นแหละ ถึงไม่มีเพื่อนเราเดินไปหาส้มโอที่คณะก็ได้ตึกคณะเราก็ไม่ได้ห่างกันเท่าไหร่เดินไม่กี่ก้าวก็ถึงละ” ลิตาเอ่ยตอบกับส้มโอ ซึ่งส้มโอเรียนอยู่คณะบัญชี “แล้วตอนนี้อยู่ไหน” “เดินอยู่หลังตึกคณะ กำลังจะเดินไปโรงอาหาร มีเรียนอีกทีช่วงบ่าย” “โอเค งั้นแค่นี้ก่อนนะลิตารุ่นพี่เรียกไปแล้ว แม่งดุฉิบหายเลย” “โอเค ๆ ไว้ค่อยคุยกันใหม่” หลังจากกดวางสายกับส้มโอเสร็จ คนตัวเล็กก็เดินผ่านมาถึงทางด้านหลังตึกคณะวิศวะเธอก็เหลือบมองไปเห็นร่างสูงใหญ่ของวายุกำลังยืนสูบบุหรี่อยู่“เชี่ยยย นั่นมันพี่เขานี่ เอาไงดีวะ” เสียงคนตัวเล็กพูดบ่นเบาๆ ก่อนจะค่อยๆ ย่องหมุนตัวหนีออกมาจากตรงนั้นให้ไวที่สุด แต่ทว่าเธอไม่อาจรอดพ้นสายตาอันแหลมคมของเขาได้ “ไง” เสียงทุ้มเอ่ยทักคนตัวเล็กที่อยู่ตรงหน้า “เชี่ยยแล้ว เห็นจนได้” คำอุทานหลุดออกมาจากปากของลิตาก่อนที่เธอจะหมุนตัวไปหาเขา “เจอกันอีกแล้ว” เรียวปากสวยเอ่ยพูดพร้อมกับฉีกยิ้มหวาน พยายามใจดีสู้เสือ “ทำให้ฉันรถล้มแล้วก็วิ่งหนีไปหน้าตาเฉย” วายุเลิกคิ้วขึ้นก่อนจะจับข้อมือของลิตาแน่น “ปล่อยสิ จับทำไมมันเจ็บ” ลิตาสะบัดแขนที่ถูกมือแกร่งของวายุจับไว้แน่น แต่ทว่ายิ่งเธอสะบัดเขาก็ยิ่งจับแน่นขึ้นอีก “ถ้าพี่ไม่ปล่อยเจอดีแน่” “ตัวเท่าลูกหมาจะทำอะไรฉันได้” “ก็ซัดพี่ร่วงลงได้เหมือนกันนั่นแหละ” “ประสาท! แค่ฉันจับเธอยังดิ้นไม่หลุดเลย” “แล้วพี่จะมาจับเราไว้ทำไม” “เธอไม่คิดจะรับผิดชอบอะไรเลยเหรอ” วายุเลิกคิ้วถามคนตัวเล็กด้วยสีหน้าเอาเรื่อง “รับผิดชอบเรื่องอะไร” ลิตาทำหน้านิ่งใส่คนตรงหน้า “ที่เธอทำรถสุดหวงของฉันล้มเมื่อวาน” “แล้วพี่จะให้เรารับผิดชอบยังไง ถ้าเงินเราไม่มีหรอกนะ” “ทำได้ทุกอย่างเลยใช่ไหมรับปากมาสิ” เสียงทุ้มหนักเอ่ยถามก
ป้ายรถเมล์คนตัวเล็กเดินสาวเท้ามาหยุดอยู่ที่ป้ายรถเมล์พร้อมกับเอามือขึ้นมายีที่หัวของตัวเองด้วยความโมโหให้กับคนตัวสูงร่างใหญ่ที่พึ่งจะแยกกันที่ลานจอดรถของมหาลัยเมื่อสักครู่“ยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิด หลอกให้เราพาวิ่งเหนื่อยหอบจนแทบจะหยุดหายใจ” หลังจากพูดจบคนตัวเล็กก็ยกเท้าขึ้นมาเตะไปที่กระป๋องเปล่าน้ำอัดลมที่ถูกวางทิ้งไว้กับพื้นที่อยู่ตรงหน้าอย่างเต็มแรง“อ๊ากกก นิ้วฉันหักแล้วมั้งโคตรเจ็บเลย มีน้ำในกระป๋องนี่หว่าใครมาโยนทิ้งไว้เนี่ย”คนตัวเล็กทรุดตัวนั่งลงไปนั่งที่เก้าอี้นั่งรอรถโดยสารด้วยความเจ็บปวด จากนั้นก็เอื้อมมือไปถอดรองเท้าคัชชูสีดำออก ลิตาถึงกับร้องตกใจเมื่อเห็นมีเลือดไหลซึมออกมาที่บริเวณนิ้วโป้งข้างขวา“โอ๊ยยย เจ็บสุด ๆ เอาไงดีวะเนี่ยจะเดินไปขึ้นรถยังไงเนี่ย ส้มโอก็ยังไม่เลิกเรียนด้วย” ลิตาบ่นให้กับความเซ่อซ่าของตัวเองก่อนจะเงยหน้ามองรถBMเปิดประทุนคันหรูที่มีชายร่างสูงที่พึ่งจะแยกกันเมื่อสักครู่กำลังขับผ่านตรงหน้าไปแต่ทว่าขณะที่ร่างเล็กกำลังนั่งก้มหน้าด้วยความเจ็บปวดอยู่นั้นก็มีชายร่างสูงใหญ่ที่ดูคุ้นตากำลังยืนตรงหน้าเธอ“ไง!ไปฟัดกับหมาที่ไหนมาอีกถึงได้มานั่งเจ็บอยู่ตรงนี้” พูดจ
ห้องปฐมพยาบาลเสียงเคาะประตูดังขึ้นเพื่อให้คนด้านในได้ยิน“เข้ามาได้ค่ะ” เสียงหวานของหมอเจนส่งเสียงบอกให้คนที่อยู่ด้านนอกได้ยิน“สวัสดีค่ะหมอเจน” มุมปากสวยของส้มโอยกยิ้มให้กับคุณหมอ“มาค่ะ คนเจ็บมานั่งตรงนี้ ขอหมอเจนดูแผลหน่อยค่ะ” คุณหมอเอ่ยพูดพร้อมกับส่งยิ้มหวานก่อนจะเลื่อนเก้าอี้มาให้คนเจ็บ“ไปโดนอะไรมาคะ”“เดินไปเตะกระป๋องน้ำอัดลมค่ะ”“น่าจะอักเสบนะ เดี๋ยวหมอทำแผลให้แล้วสั่งยาแก้อักเสบไปไว้ให้กิน” คุณหมอเอ่ยพร้อมกับรอยยิ้มก่อนจะสาวเท้าไปหยิบอุปกรณ์ทำแผล“เสร็จแล้วค่ะ” คุณหมอเอ่ยบอกกับหญิงสาวทั้งสองคนก่อนจะเดินไปหยิบซองยาแก้อักเสบและยาแก้ปวดที่จัดเตรียมไว้ในกล่องเพื่อความสะดวกรวดเร็วกับการจ่ายยา“นี่ยาแก้อักเสบกับยาแก้ปวดค่ะ” ถ้าปวดแผลก็ให้กินยาได้เลยค่ะ“ขอบคุณค่ะ” ลิตายื่นมือเรียวยาวของเธอไปรับยามาก่อนจะส่งยิ้มหวานให้กับคุณหมอคนสวยนานเกือบชั่วโมงหญิงสาวทั้งสองคนก็สาวเท้าเดินออกมาจากห้องปฐมพยาบาล ส้มโอหลุบมองนาฬิกาที่ข้อมือเล็กของตัวเอง ก่อนจะเอ่ยบอกกับเพื่อนสนิท“ลิตาแยกกันตรงนี้นะ จะได้เวลาเข้าเรียนแล้ว”“โอเค ๆ แล้วค่อยคุยกัน”คนตัวเล็กสาวเท้าเดินไปตามริมฟุตบาทที่เป็นระหว่างทาง
วันปฐมนิเทศคณะศิลปศาสตร์ในสวนหย่อมมหาวิทยาลัยเวลานี้มีรุ่นพี่หลายคณะมาคอยรับน้องกันอย่างเนืองแน่น เสียงเด็กวิศวะกลุ่มหนึ่งดังขึ้นให้โต๊ะข้าง ๆ ได้ยิน“เฮ้ย มาเล่นเกมทายกัน”“เหมือนเดิมใช่ไหม” หนุ่มหล่อสูงขาวท่าทางไฮโซคนหนึ่งถามขึ้นพลางมองไปที่เส้นแดงบนทางเข้ามหาลัยเกมที่พวกเขากำลังพูดถึงเป็นเกมที่เด็กวิศวะนิยมเล่นกันเป็นประจำ คือการทายว่าน้องที่เดินผ่านเส้นแดงเข้ามาเรียนคณะอะไรบ้าง กฏิกาคือถ้าใครทายผิด ต้องไปจีบน้องคนนั้นให้ติดเด็กวิศวะกลุ่มนี้ เรียกได้ว่าเป็นตัวท็อปของมหาลัย เพราะนอกจากแต่ละคนจะมีรูปร่างหน้าตาดีแล้ว ยังมีฐานะร่ำรวย เวลาที่พวกเขามารวมตัวกันจึงมักตกเป็นเป้าสายตาของนักศึกษาสาวจากทุกคณะ ถ้าจะพูดกันตามจริง พวกเขาไม่จำเป็นต้องไปตามจีบใคร เพราะทุกวันนี้มีผู้หญิงที่มาต่อคิวรอให้เด็กหนุ่มกลุ่มนี้สนใจมีจนนับไม่ถ้วน“ตามึงแล้วไอ้ยุ พวกกูเล่นกันไปหมดแล้ว”คนที่ถูกเรียกชื่อเงยหน้าจากมือถือในมือมามองเพื่อน ก่อนจะมองไปที่นักศึกษาสาวที่กำลังทยอยเดินเข้ามา เท่าที่มองผ่านตา เขายังไม่เห็นว่าจะมีน้องคนไหนถูกสเปกเลยสักคน“ไม่เล่นได้ไหมวะ หน้าตาไม่เข้าเบ้าเลยสักคน” วายุส่ายหน้าบอกเพื่อ
ห้องปฐมพยาบาลเสียงเคาะประตูดังขึ้นเพื่อให้คนด้านในได้ยิน“เข้ามาได้ค่ะ” เสียงหวานของหมอเจนส่งเสียงบอกให้คนที่อยู่ด้านนอกได้ยิน“สวัสดีค่ะหมอเจน” มุมปากสวยของส้มโอยกยิ้มให้กับคุณหมอ“มาค่ะ คนเจ็บมานั่งตรงนี้ ขอหมอเจนดูแผลหน่อยค่ะ” คุณหมอเอ่ยพูดพร้อมกับส่งยิ้มหวานก่อนจะเลื่อนเก้าอี้มาให้คนเจ็บ“ไปโดนอะไรมาคะ”“เดินไปเตะกระป๋องน้ำอัดลมค่ะ”“น่าจะอักเสบนะ เดี๋ยวหมอทำแผลให้แล้วสั่งยาแก้อักเสบไปไว้ให้กิน” คุณหมอเอ่ยพร้อมกับรอยยิ้มก่อนจะสาวเท้าไปหยิบอุปกรณ์ทำแผล“เสร็จแล้วค่ะ” คุณหมอเอ่ยบอกกับหญิงสาวทั้งสองคนก่อนจะเดินไปหยิบซองยาแก้อักเสบและยาแก้ปวดที่จัดเตรียมไว้ในกล่องเพื่อความสะดวกรวดเร็วกับการจ่ายยา“นี่ยาแก้อักเสบกับยาแก้ปวดค่ะ” ถ้าปวดแผลก็ให้กินยาได้เลยค่ะ“ขอบคุณค่ะ” ลิตายื่นมือเรียวยาวของเธอไปรับยามาก่อนจะส่งยิ้มหวานให้กับคุณหมอคนสวยนานเกือบชั่วโมงหญิงสาวทั้งสองคนก็สาวเท้าเดินออกมาจากห้องปฐมพยาบาล ส้มโอหลุบมองนาฬิกาที่ข้อมือเล็กของตัวเอง ก่อนจะเอ่ยบอกกับเพื่อนสนิท“ลิตาแยกกันตรงนี้นะ จะได้เวลาเข้าเรียนแล้ว”“โอเค ๆ แล้วค่อยคุยกัน”คนตัวเล็กสาวเท้าเดินไปตามริมฟุตบาทที่เป็นระหว่างทาง
ป้ายรถเมล์คนตัวเล็กเดินสาวเท้ามาหยุดอยู่ที่ป้ายรถเมล์พร้อมกับเอามือขึ้นมายีที่หัวของตัวเองด้วยความโมโหให้กับคนตัวสูงร่างใหญ่ที่พึ่งจะแยกกันที่ลานจอดรถของมหาลัยเมื่อสักครู่“ยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิด หลอกให้เราพาวิ่งเหนื่อยหอบจนแทบจะหยุดหายใจ” หลังจากพูดจบคนตัวเล็กก็ยกเท้าขึ้นมาเตะไปที่กระป๋องเปล่าน้ำอัดลมที่ถูกวางทิ้งไว้กับพื้นที่อยู่ตรงหน้าอย่างเต็มแรง“อ๊ากกก นิ้วฉันหักแล้วมั้งโคตรเจ็บเลย มีน้ำในกระป๋องนี่หว่าใครมาโยนทิ้งไว้เนี่ย”คนตัวเล็กทรุดตัวนั่งลงไปนั่งที่เก้าอี้นั่งรอรถโดยสารด้วยความเจ็บปวด จากนั้นก็เอื้อมมือไปถอดรองเท้าคัชชูสีดำออก ลิตาถึงกับร้องตกใจเมื่อเห็นมีเลือดไหลซึมออกมาที่บริเวณนิ้วโป้งข้างขวา“โอ๊ยยย เจ็บสุด ๆ เอาไงดีวะเนี่ยจะเดินไปขึ้นรถยังไงเนี่ย ส้มโอก็ยังไม่เลิกเรียนด้วย” ลิตาบ่นให้กับความเซ่อซ่าของตัวเองก่อนจะเงยหน้ามองรถBMเปิดประทุนคันหรูที่มีชายร่างสูงที่พึ่งจะแยกกันเมื่อสักครู่กำลังขับผ่านตรงหน้าไปแต่ทว่าขณะที่ร่างเล็กกำลังนั่งก้มหน้าด้วยความเจ็บปวดอยู่นั้นก็มีชายร่างสูงใหญ่ที่ดูคุ้นตากำลังยืนตรงหน้าเธอ“ไง!ไปฟัดกับหมาที่ไหนมาอีกถึงได้มานั่งเจ็บอยู่ตรงนี้” พูดจ
“เชี่ยยย นั่นมันพี่เขานี่ เอาไงดีวะ” เสียงคนตัวเล็กพูดบ่นเบาๆ ก่อนจะค่อยๆ ย่องหมุนตัวหนีออกมาจากตรงนั้นให้ไวที่สุด แต่ทว่าเธอไม่อาจรอดพ้นสายตาอันแหลมคมของเขาได้ “ไง” เสียงทุ้มเอ่ยทักคนตัวเล็กที่อยู่ตรงหน้า “เชี่ยยแล้ว เห็นจนได้” คำอุทานหลุดออกมาจากปากของลิตาก่อนที่เธอจะหมุนตัวไปหาเขา “เจอกันอีกแล้ว” เรียวปากสวยเอ่ยพูดพร้อมกับฉีกยิ้มหวาน พยายามใจดีสู้เสือ “ทำให้ฉันรถล้มแล้วก็วิ่งหนีไปหน้าตาเฉย” วายุเลิกคิ้วขึ้นก่อนจะจับข้อมือของลิตาแน่น “ปล่อยสิ จับทำไมมันเจ็บ” ลิตาสะบัดแขนที่ถูกมือแกร่งของวายุจับไว้แน่น แต่ทว่ายิ่งเธอสะบัดเขาก็ยิ่งจับแน่นขึ้นอีก “ถ้าพี่ไม่ปล่อยเจอดีแน่” “ตัวเท่าลูกหมาจะทำอะไรฉันได้” “ก็ซัดพี่ร่วงลงได้เหมือนกันนั่นแหละ” “ประสาท! แค่ฉันจับเธอยังดิ้นไม่หลุดเลย” “แล้วพี่จะมาจับเราไว้ทำไม” “เธอไม่คิดจะรับผิดชอบอะไรเลยเหรอ” วายุเลิกคิ้วถามคนตัวเล็กด้วยสีหน้าเอาเรื่อง “รับผิดชอบเรื่องอะไร” ลิตาทำหน้านิ่งใส่คนตรงหน้า “ที่เธอทำรถสุดหวงของฉันล้มเมื่อวาน” “แล้วพี่จะให้เรารับผิดชอบยังไง ถ้าเงินเราไม่มีหรอกนะ” “ทำได้ทุกอย่างเลยใช่ไหมรับปากมาสิ” เสียงทุ้มหนักเอ่ยถามก
เช้าวันจันทร์ อากาศตอนเช้าค่อนข้างมืดครึ้ม ลมพัดโชยเอากลิ่นอายฝนมาจากที่ห่างไกล คล้ายว่าที่อื่นฝนกำลังตก บรรยากาศเรียกได้ว่าค่อนข้างโรแมนติก ทางเข้ามหาลัยเริ่มมีนักศึกษาทยอยกันเดินเข้ามา ถ้าเป็นพวกปีสองขึ้นไป ส่วนใหญ่จะมาด้วยรถส่วนตัว ลิตาคือหนึ่งในนั้น เด็กสาวที่ไม่มีจุดเด่น เธอเดินเข้ามาพร้อมคนอื่น ๆ และกลมกลืนไปกับฝูงชนโดยไม่มีใครสังเกตเห็น ขณะที่เธอกำลังจะเดินไปที่ตึกของคณะ บังเอิญได้ยินนักศึกษาสาวหลายคนส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดราวกับว่าได้เจอดารา “พี่วายุโคตรเท่เลยว่ะแก นาน ๆ จะเห็นพี่เขาขับ BMWเปิดประทุนมาเรียน” “ทำไงเราจะได้มีวาสนาเป็นตุ๊กตาหน้ารถของพี่เขาบ้าง” “ฝันไปก่อนเถอะ” เสียงหัวเราะคิกคักของนักศึกษาหญิงกลุ่มใหญ่ ทำให้ลิตาต้องมองไปที่รถยนต์สีดำคันหรูที่เพิ่งจะเลี้ยวเข้าไปจอดหน้าตึกคณะวิศวกรรมศาสตร์ แต่ก่อนที่เจ้าของรถจะก้าวลงมา เธอก็ดึงสายตากลับ บ้านของลิตาไม่ใช่คนมีฐานะ เธอจึงมักหลีกเลี่ยงพวกลูกคนรวย เมื่อเห็นรถหรูราคาหลายล้าน เธอเลยไม่ให้ความสนใจ สองเท้าหนักของวายุสาวเท้าเดินเข้ามาในกลุ่มของตัวเองที่นั่งอยู่โต๊ะหินอ่อนบริเวณข้างตึกวิศวะพร้อมกับสายตาของนักศึกษาหลายคนที่ค
วันปฐมนิเทศคณะศิลปศาสตร์ในสวนหย่อมมหาวิทยาลัยเวลานี้มีรุ่นพี่หลายคณะมาคอยรับน้องกันอย่างเนืองแน่น เสียงเด็กวิศวะกลุ่มหนึ่งดังขึ้นให้โต๊ะข้าง ๆ ได้ยิน“เฮ้ย มาเล่นเกมทายกัน”“เหมือนเดิมใช่ไหม” หนุ่มหล่อสูงขาวท่าทางไฮโซคนหนึ่งถามขึ้นพลางมองไปที่เส้นแดงบนทางเข้ามหาลัยเกมที่พวกเขากำลังพูดถึงเป็นเกมที่เด็กวิศวะนิยมเล่นกันเป็นประจำ คือการทายว่าน้องที่เดินผ่านเส้นแดงเข้ามาเรียนคณะอะไรบ้าง กฏิกาคือถ้าใครทายผิด ต้องไปจีบน้องคนนั้นให้ติดเด็กวิศวะกลุ่มนี้ เรียกได้ว่าเป็นตัวท็อปของมหาลัย เพราะนอกจากแต่ละคนจะมีรูปร่างหน้าตาดีแล้ว ยังมีฐานะร่ำรวย เวลาที่พวกเขามารวมตัวกันจึงมักตกเป็นเป้าสายตาของนักศึกษาสาวจากทุกคณะ ถ้าจะพูดกันตามจริง พวกเขาไม่จำเป็นต้องไปตามจีบใคร เพราะทุกวันนี้มีผู้หญิงที่มาต่อคิวรอให้เด็กหนุ่มกลุ่มนี้สนใจมีจนนับไม่ถ้วน“ตามึงแล้วไอ้ยุ พวกกูเล่นกันไปหมดแล้ว”คนที่ถูกเรียกชื่อเงยหน้าจากมือถือในมือมามองเพื่อน ก่อนจะมองไปที่นักศึกษาสาวที่กำลังทยอยเดินเข้ามา เท่าที่มองผ่านตา เขายังไม่เห็นว่าจะมีน้องคนไหนถูกสเปกเลยสักคน“ไม่เล่นได้ไหมวะ หน้าตาไม่เข้าเบ้าเลยสักคน” วายุส่ายหน้าบอกเพื่อ