Home / รักโบราณ / สามีอยากก้าวหน้าต้องช่วยข้าทำสวน / บทที่ 1.1 ชีวิตใหม่ข้าขอกำหนดเอง

Share

บทที่ 1.1 ชีวิตใหม่ข้าขอกำหนดเอง

last update Last Updated: 2025-02-13 15:14:28

บทที่ 1.1

ชีวิตใหม่ข้าขอกำหนดเอง

ซ่งไป๋ลู่มองข้าวต้มที่ใสจนแทบไม่ต่างจากน้ำเปล่าตรงหน้าแล้วได้แต่ยิ้มแห้ง แน่นอนว่าเรื่องชีวิตที่แสนยากจนของนางร้ายตัวประกอบผู้นี้ถูกกล่าวถึงในนิยายที่นางรีวิวอยู่บ้าง ทว่าให้จินตนาการอย่างไรซ่งไป๋ลู่ก็ไม่คิดว่านักเขียนจะสร้างความยากจนให้ตระกูลซ่งถึงขั้นนี้

“นี่คือ... ข้าวต้มที่ท่านทำหรือ”

หญิงสาววัยสามสิบที่ยามนี้กลายเป็นเด็กน้อยวัยสิบขวบเอ่ยถามด้วยความสงสัย พลางใช้ช้อนที่แตกบิ่นในมือตักน้ำในถ้วยขึ้นมอง

“อืม... โชคดีที่วันก่อนลูกสาวตระกูลเกาแต่งงาน ในครัวเขามีข้าวสุกเหลือจำนวนมาก พี่จึงเอามาตากแห้งไว้ น้องรองเจ้าไม่สบายรีบกินเร็วเข้า”

ข้าวตากแห้ง บัดซบ! นี่ยังนับว่าเป็นความโชคดีอีกหรือ หากนางย้อยกลับไปได้สาบานว่านางจะใช้นามลับเข้าไปโจมตีคนแต่งเรื่องนี้ให้หนักเลยทีเดียว

จ๊อก... เสียงท้องน้อยๆ ของซ่งหานลู่ดังขึ้นมือเล็กยกขึ้นกุมหน้าท้องของตนแล้วเม้มริมฝีปากเล็ก

“อาการป่วยของข้าดีขึ้นมากแล้ว พวกท่านเองก็ยังไม่ได้กินอะไรใช่หรือไม่ เช่นนั้นข้าวต้มถ้วยนี้เรามาแบ่งกันเถอะนะ”

“ข้าไม่หิวพี่รองท่านกินมากจะได้หายไวๆ”

เสียงเล็กใสเอ่ยบอกรัวเร็ว เขาจะกล้าแย่งของของนางมากินได้อย่างไร ท้องหิวยังคงทนไหว แต่หากถูกนางทุบตีจนขาหักคงยากจะทนได้

“เมื่อครู่ตอนต้มข้าวให้เจ้าข้าเองก็กินมาแล้ว น้องรองเจ้ารีบกินข้าวจะได้กินยา”

เมื่อถูกขยั้นขยอเช่นนี้ซ่งไป๋ลู่แม้รู้สึกละอายใจแต่ก็จำใจยกชามที่แตกบิ่นตรงหน้าขึ้นกินข้าวต้มใส

หลังจากกลืนข้าวต้มที่ซ่งไป๋ลู่แทบสัมผัสไม่ได้ถึงเม็ดข้าวลงท้องแล้ว นางก็ถูกเด็กชายวัยสิบสี่ปีบังคับให้นอนพักต่อ คนถูกบังคับ ถึงกับกุมขมับมองเด็กชายสองคนที่ทำราวกับเป็นผู้ปกครองของนางด้วยความอ่อนใจ

ทว่าเพราะร่างของเด็กหญิงซ่งไป๋ลู่ผู้นี้เองก็อ่อนล้าจากพิษไข้เป็นทุนเดิม ดังนั้นนางจึงไม่คิดโต้แย้งยอมทำตัวเป็นเด็กดีว่าง่าย ทิ้งกายลงนอนตามที่เด็กชายตัวผอมต้องการ เพียงแต่ยามที่เอนกายลงบนเตียงไม้ไผ่ที่แข็งกระด้างคิ้วเล็กก็ขมวดมุ่น แน่นอนว่าความคิดของซ่งไป๋ลู่ตอนนี้ก็คือ

หายดีเมื่อไหร่นางจะต้องทำที่นอนนุ่มๆ เป็นอันดับแรก

หากแต่เพราะนอนหลับมาครึ่งวันแล้ว แม้ร่างกายจะอ่อนล้าแต่ก็ไม่อาจข่มตาหลับ ดวงตากลมใสจึงกวาดมองไปรอบตัว เรือนที่ซ่งไป๋ลู่และพี่น้องทั้งสองของนางพักอาศัยอยู่หลังนี้เป็นเพียงบ้านหลังเล็กๆ ที่มุงด้วยกระเบื้องผุๆ หลายจุดยังมีรอยแตกร้าวจนแสงแดดทะลุผ่านเข้ามา ไม่ต้องคิดถึงยามฝนตกหลังคาเก่าๆ นี้คงไม่อาจช่วยอะไรได้เลย

ดูเหมือนนอกจากฟูกนอนแล้ว หลังคาก็เป็นอีกสิ่งที่นางต้องจัดการแก้ไขโดยเร็ว

เมื่อนอนไม่หลับร่างเล็กก็ค่อยๆ ลงจากเตียง เปิดประตูไม้ที่แทบจะหลุดออกมาจากวงกบหากนางออกแรงมากเกินไป

ประตูนี่ก็ควรต้องจัดการแก้ไขเช่นกัน

เมื่อเดินออกมานอกตัวบ้านดินหลังเล็ก เบื้องหน้าเป็นลานโล่ง ด้านซ้ายมือมีโรงเรือนเก่าๆ ที่คาดว่าน่าจะถูกใช้เป็นห้องครัว เพียงแต่ ทั้งสี่ทิศไร้กำแพง มีเพียงเตาเล็กและกะทะไร้ด้ามใบหนึ่งวางอยู่บนเตา ด้านข้างเป็นชามบิ่นๆ สองสามใบวางซ้อนกันอยู่บนชั้นไม้ไผ่ที่ทำอย่างง่ายๆ

ห้องครัวนี่ก็ควรต้องจัดการแก้ไขเช่นกัน

ดวงตากลมกวาดตามองไปรอบตัวทั้งสี่ทิศ นอกจากหน้าบ้านล้วนมีแต่หญ้าขึ้นรกชัน บ่งบอกถึงการขาดคนดูแล

หญ้าพวกนี้ก็ควรต้องจัดการแก้ไขเช่นกัน

ซ่งไป๋ลู่รู้สึกปวดขมับทั้งสองข้างขึ้นมา เพียงขยับตัวกวาดสายตาก็พบเพียงสิ่งที่ ควรต้องจัดการแก้ไข ไปเสียทุกอย่าง ทว่ายามยกมือทั้งสองข้างของตนเองขึ้นมองแล้วก็ได้แต่นึกสะท้อนใจ

อยู่ในร่างของเด็กสิบขวบเช่นนี้นางจะแก้ไขทุกอย่างได้อย่างไรกัน

.....................................................

“พี่รอง พวกเรากลับมาแล้ว”

เสียงของซ่งหานลู่ดังขึ้นที่ด้านนอกก่อนที่ประตูผุๆ จะถูกเปิดออก พร้อมกับร่างผอมแห้งของสองพี่น้องที่เดินเข้ามา ซ่งไป๋ลู่ได้แต่มองดูด้วยความกังวลใจว่าประตูบ้านนี้จะพังลงมาทับเด็กชายทั้งสองหรือไม่

“พี่รอง วันนี้ข้ากับพี่ใหญ่ไปช่วยท่านป้าชุนทำนา พวกเขาจึงแบ่งมันเทศมาให้พวกเราหนึ่งตะกร้า”

เสียงเล็กเจื้อยแจ้วเอ่ยบอกราวกับมีเรื่องยินดียิ่ง ทว่าคนได้ยินกลับขมวดคิ้วแน่น

“เจ้ากับพี่ใหญ่ไปทำนาทั้งวันได้ค่าแรงเป็นเพียงมันเทศหนึ่งตะกร้าเท่านั้นหรือ”

ซ่งไป๋ลู่ไม่รู้เรื่องอัตราการจ้างงานของคนในยุคนี้ แต่แม้ซ่งต้าลู่จะเป็นเพียงเด็กชายวัยสิบสี่ปีและซ่งหานลู่จะมีอายุแค่ห้าขวบ ทว่าอย่างน้อยไปทำงานก็ควรได้ค่าแรงไม่ใช่หรือไร เหตุใดจึงได้เพียงมันเทศหนึ่งตะกร้าเช่นนี้เล่า

“ท่านป้าชุนไม่ใช่คนเห็นแก่ตัวเช่นนั้น แต่น้องรองเจ้าลืมไปแล้วหรือท่านป้าใหญ่เป็นผู้ดูแลพวกเรา เงินค่าแรงของพวกเราย่อมต้องยกให้นาง”

เป็นผู้ดูแล ต้องยกเงินค่าแรงให้ หึ! สตรีนางนั้นน่ะหรืออย่าใช้คำว่าดูแลเลย เรียกว่ากดยี่ข่มเหงและรีดไถจึงจะเหมาะสมกว่า ซ่งไป๋ลู่ยังคงจำครั้งแรกที่พบเจอคนที่สองพี่น้องเรียกว่า ท่านป้าใหญ่ ได้ดี ในใจพลันนึกค่อนขอดดูแคลน หากแต่ก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา

ยามนี้ตัวนางอยู่ในร่างของเด็กหญิงวัยสิบขวบผู้อ่อนแอ หากสร้างเรื่องขึ้นมาคำพูดจะมีน้ำหนักสู้สตรีร้ายกาจนางนั้นได้อย่างไร ทว่าแม้ยามนี่นางไม่พูดก็ไม่ได้หมายความว่านางยินดีให้สตรีผู้นั้น

ข่มเหงรังแกตนเองและเด็กชายตรงหน้าทั้งสองคน เพียงแค่เรื่องนี้ต้องวางแผนให้ดีก็เท่านั้น

“พวกเจ้ารอหน่อยพี่จะเร่งไปก่อไฟ คืนนี้เราจะได้กินมันเผากัน”

“เย้!”

เสียงของซ่งหานลู่ร้องอย่างดีใจ ซ่งไป๋ลู่มองท่าทางนี้ของน้องชายแล้วสะท้านในอก ที่ผ่านมาสามพี่น้องตระกูลซ่งต้องใช้ชีวิตยากลำบากแค่ไหนกัน เพียงได้กินมันเผาสักมื้อก็ยินดีถึงเพียงนี้แล้ว

“ข้าเสียงดังรบกวนพี่รองแล้ว”

คนที่กระโดดร้องดีใจหันมาเห็นแววตากลมของพี่สาวจดจ้องมาที่ตนก็เม้มริมฝีปากเล็กเอ่ยเสียงเบา ขยับตัวไปยืนด้านหลังพี่ชายคนโต

“เรื่องแค่นี้จะเรียกว่ารบกวนได้อย่างไร”

ซ่งไป๋ลู่ที่สัมผัสได้ถึงความหวาดกลัวในแววตาเด็กชายตัวน้อยเอ่ยเสียงอ่อนโยน ไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้เจ้าของร่างทำสิ่งใดไว้ เด็กชายหานลู่ผู้นี้จึงได้หวาดกลัวทุกการเคลื่อนไหวของนางได้ถึงเพียงนี้

“พี่ใหญ่ มันพวกนี้ท่านตัดส่วนบนของหัวให้ข้าสักสองข้อนิ้วมือได้หรือไม่”

แม้ซ่งต้าลู่จะไม่รู้เหตุผลที่น้องสาวต้องการเศษหัวมันช่วงบน ทว่าเพียงแค่สองข้อนิ้วมือไม่นับว่ามากมายอะไรเขาจึงพยักหน้ารับคำของนาง

ยามที่ฝืนฟ้าเริ่มเปลี่ยนสี ซ่งหานลู่ก็ประคองหัวมันเผาเข้ามาให้พี่สาวของตน บนแก้มของเขามีรอยถ่านสีดำติดมอมแมมดูแล้วคงลงมือช่วยซ่งต้าลู่เผามันพวกนี้ด้วยอย่างแน่นอน

“พี่รองหัวมันสุกแล้ว ท่านรีบกินตอนที่กำลังร้อนๆ”

ซ่งไป๋ลู่มองท่าทางถือประคองอย่างระมัดระวังราวกับหัวมันในมือเล็กเป็นของล้ำค่าแล้วถอนหายใจยาว ไหล่เล็กสะดุ้งเล็กน้อย รีบเอ่ยบอกอย่างรวดเร็ว

“ข้าไม่ได้แอบกินก่อนท่านนะขอรับ”

จ๊อก... คล้ายกังวลว่านางจะไม่เชื่อคำของเด็กน้อย ท้องแห้งๆ ของเขาจึงได้ส่งเสียงยืนยันออกมา

“ก็แค่หัวมันเทศ หากเจ้าหิวก็กินก่อนได้เลย”

“ท่านป้าชุนบอกว่ามันเทศพวกนี้เป็นของดีที่ลูกชายของนางได้มาจากจวนเจ้าเมืองราคาในตลาดสูงมากทีเดียว ข้าจะกล้ากินก่อนท่านได้อย่างไร”

ตั้งแต่จำความได้ ของดีใดล้วนต้องให้พี่สาวก่อนเสมอ ดังนั้นให้ซ่งหานลู่อยากกินแค่ไหน มันเทศหัวแรกก็ต้องมอบให้คนบนเตียงก่อน

“กินก่อนกินหลังอะไรกัน พวกเราเป็นพี่น้องกันย่อมต้องแบ่งปันกัน”

ซ่งไป๋ลู่เอ่ยบอกเสียงราบเรียบ หากแต่กลับทำให้ดวงตากลมเล็กเอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำตา เพื่อแก้ไขสถานการณ์ตรงหน้า นางจึงเอื้อมไปหยิบมันเผาในมือเล็กมาปลอกกิน

“อืม... อร่อยสมกับที่เจ้าบอกจริงๆ น้องเล็กเจ้าลองกินดูสิ”

“ไม่ได้ขอรับ! พี่ใหญ่บอกว่าพวกเราเป็นผู้ชายต้องเสียสละ ดูแลปกป้องท่าน พี่รองหากท่านชอบข้าจะเอามาให้ท่านอีก”

“น้องเล็กเจ้าเห็นพี่สาวผู้นี้เป็นแม่หมูหรือไรแค่มันหัวเดียวข้าก็อิ่มมากแล้ว ที่เหลือเจ้ากับพี่ใหญ่ก็กินเถอะ”

ซ่งไป๋ลู่ สตรีนางนี้คืออดีตภรรยาของเขาไม่เพียงเป็นหญิงชาวไร่ที่ขาดการอบรมไร้ทั้งการศึกษาและมารยาท แม้แต่รูปร่างก็ใหญ่โตราวหมูแม่พันธ์ ผิวกายดำกระด้างหยาบกร้านเสียยิ่งกว่าหนังวัวตากแห้ง

เป็นบทบรรยายที่นักเขียนเอ่ยถึงซ่งไป๋ลู่ ดูแล้วสาเหตุที่นางในอนาคตมีรูปร่างเช่นนั้นทั้งที่สถานะทางบ้านยากจนถึงเพียงนี้คงเพราะสองพี่น้องแซ่ซ่งมักมอบของกินที่ดีที่สุดให้กับนางก่อนเสมอเช่นนี้

“ขอบคุณพี่รอง”

คนตัวเล็กเอ่ยขอบคุณหนึ่งคำแล้วก็หมุนตัวจากไป ซ่งไป๋ลู่มองตามแผ่นหลังของเขาแล้วถอนหายใจยาว ไม่ว่าบทบาทของนางร้ายตัวประกอบซ่งไป๋ลู่และพี่น้องของนางในนิยายจะถูกกำหนดไว้เช่นไรล้วนไม่สำคัญอีกต่อไป เพราะนับจากนี้นางจะเป็นผู้กำหนดบทบาทของตัวละครนี้ด้วยตัวเอง

ในเมื่อมีวาสนาได้พบเจอ ข้าจะปกป้อง ส่งเสริมพวกเขาเอง

.....................................................

Related chapters

  • สามีอยากก้าวหน้าต้องช่วยข้าทำสวน   บทที่ 1.2 ชีวิตใหม่ข้าขอกำหนดเอง

    บทที่ 1.2ชีวิตใหม่ข้าขอกำหนดเองหลังจากกินมันเผาเสร็จซ่งต้าลู่ก็พาซ่งหานลู่ไปล้างเนื้อล้างตัวที่หลังบ้าน ซ่งไป๋ลู่ลอบมองผ่านหน้าต่างบานเล็กในบ้าน ซ่งต้าลู่ผู้นี้มองผิวเผินคล้ายเป็นเพียงเด็กหนุ่มที่อ่อนแอ ไร้ความสามารถ ทว่าซ่งไป๋ลู่ผ่านชีวิตมายาวนานย่อมมองออก เด็กชายผู้นี้ไม่อาจดูแคลนจริงๆยามที่ซ่งไป๋ลู่สิ้นลม เมิ่งเฟยอวี่ก็ให้คนนำร่างที่ไร้วิญญาณของนางไปทิ้งที่ป่าตะวันตกอันเป็นสุสานของศพไร้ญาติ ทว่ายามที่หมาป่ากำลังจะเข้ามาแทะกินอาหารอันโอชะ ลำคอของพวกมันก็ขาดสะบั้น ก่อนที่ร่างไร้วิญญาณนั้นจะหายไปวิเคราะห์ดูแล้วซ่งไป๋ลู่ที่ยามนั้นบิดาและน้องชายล้วนตายจากไปหมดแล้ว ตัวละครข้างกายนางผู้เดียวที่นักเขียนละเว้นไว้ก็คือ ซ่งต้าลู่ พี่ชายใหญ่ผู้นี้นั่นเอง“พี่รองข้ายกน้ำมาให้ท่านเช็ดตัว”เสียงเล็กดังขึ้นที่ด้านหลังดึงความคิดของซ่งไป๋ลู่กลับมาสู่ปัจจุบัน ภาพสองพี่น้องที่อาบน้ำหลังเรือนตอนนี้ว่างเปล่าไร้เงาคน เมื่อหมุนตัวกลับมาก็พบซ่งหานลู่ตัวน้อยที่ถืออ่างไม้ใบใหญ่กว่าตัวเดินเข้ามา มือเล็กบิดผ้าสีหม่นส่งให้พี่สาวอย่างใส่ใจ“ท่านลุงเกาตัดแต่งต้นกุหลาบหน้าบ้าน ข้าจึงเอาดอกกุหลาบที่เขาไม่ใช้เก็

    Last Updated : 2025-02-13
  • สามีอยากก้าวหน้าต้องช่วยข้าทำสวน   บทที่ 1.3 ชีวิตใหม่ข้าขอกำหนดเอง

    บทที่ 1.3ชีวิตใหม่ข้าขอกำหนดเองหลังจากที่หลอกล่อให้ซ่งหานลู่กินซาลาเปาจนหมดลูก ซ่งไป๋ลู่ก็เปิดประตูบ้านออกมาดวงตากลมเบิกกว้างเมื่อพบว่าตลอดริมรั้วหน้าบ้านล้วนมีกิ่งกุหลาบปักชำเอาไว้ ไม่ต้องเอ่ยถามก็รับรู้ได้ว่าทั้งหมดนี่ล้วนเป็นฝีมือ ซ่งต้าลู่“พี่ใหญ่ ท่านไม่เหนื่อยบ้างหรือ”ทั้งที่เป็นเพียงเด็กชายวัยสิบสี่ปี แต่กลับต้องเลี้ยงดูน้องทั้งสองคน ทั้งยังต้องคอยทำงานให้ญาติผู้ใหญ่ที่เห็นแก่ตัวอย่างซ่งหลี่เถียน ช่างแบกภาระไว้เกินตัวจริงๆ“ขอเพียงเจ้ารู้ความเช่นนี้ ข้าย่อมไม่เหนื่อย”รู้ความ คำพูดนี้ใช่หมายถึงซ่งไป๋ลู่ในอดีตที่วันๆ เอาแต่กิน นอน ข่มเหงรังแกซ่งหานลู่จริงๆ หรือไม่“ตอนบ่ายข้าจะพา น้องรองออกไปทำนาด้วยกันจะได้ไม่รบกวนเจ้า”ซ่งไป๋ลู่พยักหน้ารับคำ ยามเมื่อสองพี่น้องออกไปแล้วนางก็ลงมือเกี่ยวหญ้งหลังบ้านต่อแม้จะทำได้ไม่เร็วมากนักแต่รวมๆ แล้วก็กว้างยาวถึงด้านละสามผิน (1 ผิง=3.3 เมตร) เลยทีเดียวมือเรียวยกขึ้นปาดเหงื่อบนใบหน้าออก เกลี่ยหญ้าที่นางเกี่ยวเมื่อครู่ให้กระจายตัวตากแดดเอาไว้ ยามที่แห้งดีค่อยเก็บเอาไว้ใช้งานต่อดวงตากลมหันกลับมามองบ้านที่นางและพี่น้องแซ่ซ่งทั้งสองอาศัยอยู่ด

    Last Updated : 2025-02-13
  • สามีอยากก้าวหน้าต้องช่วยข้าทำสวน   ​ บทที่ 2.1 ค้าขายย่อมมีกำไร

    ​ บทที่ 2.1ค้าขายย่อมมีกำไรซ่งไป๋ลู่ซ่อนตัวในตะกร้าใบเล็กบนเกวียนของกู้ฉินรอจนพ้นหมู่บ้าน กู้เหยียนก็ยกตะกร้าออกให้นาง“อาไป๋ออกมาได้แล้ว”กู้เหยียน เป็นเด็กชายวัยเดียวกับซ่งต้าลู่ เรียกได้ว่าทั้งสองเป็นสหายสนิทกันเลยก็ว่าได้ หลายครั้งที่สามพี่น้องตระกูลซ่งได้ความช่วยเหลือจากคนบ้านตระกูลกู้ ในใจของซ่งไป๋ลู่เจ้าของร่างเดิมยังชื่นชอบกู้เหยียนมากอีกด้วย ส่วนมากขนาดไหนน่ะหรือ ก็มากขนาดที่อาศัยยามเขาเมามายแสร้งสร้างเรื่องว่าตนเองกับกู้เหยียนได้เสียกัน หากแต่กู้เหยียนแม้เมาจนหมดแรงแต่ก็ไม่ขาดสติ เรื่องนี้เขาจึงไม่ยอมรับจนเรื่องราวบานปลายทำให้ซ่งต้าลู่ตัดขาดกับสหายผู้นี้ ช่างเป็นบทนางร้ายตัวประกอบที่ไร้สมองสิ้นดี“ขอบคุณพี่กู้เหยียน”“ไม่เป็นไร เจ้าเป็นน้องสาวอาต้า ก็นับเป็นน้องสาวของข้าด้วย”กู้เหยียนเอ่ยบอกด้วยความจริงใจ ซ่งไป๋ลู่พยักหน้ารับคำ บุรุษที่ดีเพียงนี้ กลับถูกวางบทให้เป็นเพียงเบี้ยหมากไร้ค่าผู้หนึ่ง ภายหน้าถูกเมิ่งเฟยอวี่พระเอกของเรื่องหลอกใช้ให้มาประจานเรื่องราวต่ำทรามของซ่งไป๋ลู่ จนตัวเขาถูกซ่งต้าลู่ที่แค้นใจแทนน้องสาวสังหารอย่างโหดเหี้ยมแน่นอนว่าตัวนางที่เป็นซ่งไป๋ลู่ในวันน

    Last Updated : 2025-02-13
  • สามีอยากก้าวหน้าต้องช่วยข้าทำสวน   บทที่ 2.2 ค้าขายย่อมมีกำไร

    บทที่ 2.2ค้าขายย่อมมีกำไร“พี่ใหญ่ท่านเร่งมาดูเร็วเข้า”เสียงของซ่งหานลู่ดังก้อง เมื่อกลับมาถึงบ้านแล้วพบว่าบนโต๊ะเล็กมีอาหารสามจาน และข้าวพูนจานอีกสามถ้วย“พี่ใหญ่ท่านตีข้าที นี่ข้าไม่ได้ฝันไปใช่หรือไม่ นะ... นี่ เนื้อหรือขอรับ”ซ่งหานลู่ใช้ตะเกียบคีบเนื้อมาจากจานผัด ดวงตากลมเปล่งประกายฉ่ำวาวไปด้วยน้ำตาแห่งความยินดี ไม่เพียงมีข้าวพูนจาน วันนี้เขายังมีเนื้อกินด้วย หรือว่านี่จะเป็นอาหารมื้อสุดท้ายในชีวิตที่สวรรค์ประทานมาให้“น้องเล็ก เจ้าอย่ามัวแต่ตื่นเต้นรีบไปล้างเนื้อล้างตัวแล้วมากินข้าวตอนที่ยังร้อนๆ จะได้ไม่เสียรส”เมื่อได้ยินพี่สาวเอ่ยบอก คนที่ตื่นเต้นกับอาหารตรงหน้าก็รีบไปล้างเนื้อล้างตัวก่อนจะกลับมานั่งที่เก้าอี้ตัวเก่าจวนพัง ใช้ตะเกียบคีบเนื้อและข้าวในชามใส่ปาก ดวงตากลมเบิกกว้างเอ่ยเสียงอู้อี้“พี่รองนี่เป็นอาหารฝีมือของท่านจริงๆ หรือ”เพราะที่ผ่านมาซ่งไป๋ลู่ไม่เคยจับงานทั้งหนักทั้งเบา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องนอกบ้านในบ้านล้วนมีซ่งต้าลู่จัดการ ดังนั้นอาหารมื้อแรกที่นางทำและยังทำได้ดีถึงเพียงนี้จึงทำให้น้องชายตัวน้อยตื่นเต้นยินดียิ่ง“แน่นอนว่าเป็นฝีมือพี่รองของเจ้า”“เช่นนั้นท่านทำอ

    Last Updated : 2025-02-13
  • สามีอยากก้าวหน้าต้องช่วยข้าทำสวน   บทที่ 2.3 ค้าขายย่อมมีกำไร

    บทที่ 2.3ค้าขายย่อมมีกำไรในทุกวันซ่งหานลู่ยังคงต้องไปช่วยงานป้าใหญ่ซ่งหลี่เถียน ส่วนซ่งไป๋ลู่และซ่งหานลู่จะขึ้นเขาเพื่อไปเก็บผลท้อและบ๊วยที่เริ่มสุก เพียงหนึ่งเดือนเศษเงินที่ซ่งไป๋ลู่ซ่อนไว้ก็เต็มถุง มือเล็กนับเงินที่เก็บสะสมมาตลอดเดือนแล้วยิ้มกว้าง ดูเหมือนจำนวนเงินจะเพียงพอต่อการต่อเติมสร้างห้องครัวแล้ว“พี่ใหญ่ข้าอยากได้ห้องครัวใหม่”เสียงหวานเอ่ยบอกหลังจากส่งนมแพะให้ซ่งต้าลู่“ทำห้องครัวต้องใช้เงิน น้องรองเรื่องนี้ข้าคิดว่าพวกเราคงต้องอดทนอีกสักหน่อย รอท่านพ่อกลับมาค่อยคิดกันอีกที”รอท่านพ่อกลับมา หากคิดตามเส้นเรื่องในนิยายนับดูแล้วก็ร่วมสี่ห้าปี นางจะรอนานขนาดนั้นได้อย่างไร ซ่งไป๋ลู่ขยับตัววางมือลงบนต้นแขนของพี่ชาย ใช้ดวงตากลมใสช้อนมองเขาแล้วเอ่ยเสียงหวานออดอ้อน ในฐานะพี่ชายที่มีน้องสาวเพียงคนเดียววิธีนี้นางมั่นใจว่าสามารถทำให้ซ่งต้าลู่ใจอ่อนได้อย่างแน่นอน“พี่ใหญ่เรื่องเงินค่าจ้างท่านไม่ต้องกังวล ข้ากับน้องรองช่วยกันเก็บผลไม้ป่าไปขายตอนนี้เงินที่ได้มามีไม่น้อยแล้ว”คิ้วเข้มของซ่งต้าลู่ขมวดเข้าหากันเล็กน้อย ทว่าเมื่อสบแววตากลมใสออดอ้อนก็เอ่ยคำดุออกมาไม่ได้แม้แต่ครึ่งคำ ทำได้เพี

    Last Updated : 2025-02-13
  • สามีอยากก้าวหน้าต้องช่วยข้าทำสวน   บทที่ 3.1 หลุดพ้นจากคนชั่ว

    บทที่ 3.1หลุดพ้นจากคนชั่ว“พี่ใหญ่วันนี้ข้าจะเข้าไปขายของกับพี่กู้เหยียนฝากท่านดูแลน้องเล็กด้วยนะเจ้าคะ”ซ่งต้าลู่ที่กำลังตักโจ๊กข้าวพลันขมวดคิ้วหนา ตั้งแต่ได้ยินว่านชุนเอ่ยว่าอยากได้ซ่งไป๋ลู่เป็นสะใภ้ ในใจเขาก็รู้สึกกังวลเรื่องความใกล้ชิดของน้องสาวกับสหายแซ่กู้ผู้นี้ขึ้นมาซ่งไป๋ลู่เห็นท่าทางนิ่งเงียบของพี่ชายก็หวาดหวั่นว่าเขาอาจจะไม่อนุญาต ดังนั้นนางจึงยื่นมือเล็กออกไปจับที่ชายเสื้อของเขา ช้อนตาขึ้นมองอย่างเว้าวอน“พี่ใหญ่ข้ามีความจำเป็นต้องไปจัดการเรื่องบางอย่างจริงๆ นะเจ้าคะ”เมื่อถูกน้องสาวใช้ท่าทางเช่นนี้ออดอ้อน คนตัวโตก็ถอนหายใจยาว แม้ไม่ยินดีก็ไม่อาจเอ่ยปากหักห้าม“พี่ใหญ่ท่านใจอ่อนกับพี่รองอีกแล้ว”ซ่งหานลู่เอ่ยเย้าพี่ชาย จนเรียกสายตาดุจากเขามาได้หนึ่งวง พร้อมกับตะเกียบในมือหนาที่คีบลงบนเนื้อหมูทอดชิ้นสุดท้ายในจาน“อะ! พี่ใหญ่เนื้อของข้า”ซ่งหานลู่ร้องลั่นเมื่อเนื้อหมูที่เขาเล็งไว้ถูกตะเกียบของพี่ใหญ่จับเอาไว้“พี่ใหญ่ น้องเล็กคนนี้ผิดไปแล้ว”ซ่งหานลู่เอ่ยเสียงอ่อนมองเนื้อหมูในตะเกียบของพี่ชายอย่างอ้อนวอนระคนสำนึกผิด แน่นอนว่าเดิมทีซ่งต้าลู่ก็ไม่ได้คิดแย่งของกินกับน้องชาย

    Last Updated : 2025-02-20
  • สามีอยากก้าวหน้าต้องช่วยข้าทำสวน   บทที่ 3.2 หลุดพ้นจากคนชั่ว

    บทที่ 3.2 หลุดพ้นจากคนชั่ววันต่อมาซ่งไป๋ลู่ยังคงพาซ่งหานลู่ขึ้นเขาไปเก็บผลไม้ป่าตามปกติ รอจนตะวันใกล้ตกดินซ่งต้าลู่จึงมารับของไปส่งที่บ้านตระกูลกู้เช่นเดิม“อาไป๋เจ้ามาพอดี ข้ากำลังจะเอาของพวกนี้ไปส่งที่บ้านเจ้า”ซ่งไป๋ลู่มองเครื่องครัวที่แสนธรรมดา ทว่ายังคงใช้งานได้ดีแล้วยิ้มกว้างเอ่ยขอบคุณอีกฝ่าย“เรื่องเล็กน้อยเหตุใดต้องขอบคุณด้วยเล่า”ซ่งต้าลู่ขนผลไม้ลงจากรถลาก โดยที่สายตายังคงจดจ้องไปยังสหายที่ยืนสนทนากับน้องสาวของเขาอย่างสนิทสนม“อ้อ... ส่วนนี่เป็นของที่เจ้าฝากให้ข้าไปซื้อมา”กู้เหยียนส่งถุงหนังสัตว์ให้ซ่งไป๋ลู่ ริมฝีปากเล็กยิ้มกว้างรับของมาด้วยความยินดี ท่าทางสนิทสนมของคนทั้งสองทำให้คนเป็นพี่ใหญ่หงุดหงิดใจเป็นทบทวี จนอดเอ่ยถามไม่ได้“น้องรอง เจ้าฝากอาเหยียนซื้ออะไรมาหรือ”“นมแพะและเนื้อหมูเจ้าค่ะ”ซ่งไป๋ลู่เอ่ยตอบพี่ชายของตน หากแต่ความสนใจกลับยังคงอยู่ที่พี่ชายต่างแซ่ ซ่งต้าลู่เม้มริมฝีปาก ตวัดหางตามองสหายด้วยความขุ่นเคือง โดยที่อีกฝ่ายไม่รู้ตัว“ลำบากพี่กู้เหยียนแล้ว พรุ่งนี้ยังต้องรบกวนท่านอีก”“ลำบากอะไรกัน เรื่องของเจ้าก็เหมือนเรื่องของข้า”เพราะยุคนี้ไม่มีตู้เย็นซ่งไป๋ลู

    Last Updated : 2025-02-20
  • สามีอยากก้าวหน้าต้องช่วยข้าทำสวน   บทที่ 3.3 หลุดพ้นจากคนชั่ว

    บทที่ 3.3 หลุดพ้นจากคนชั่วซ่งหลี่เถียนวันนี้ข้าจะทวงคืนความยากลำบากทั้งหมด“ท่านป้าใหญ่ ของพวกนั้นพวกข้าล้วนใช้เงินของตัวเองซื้อมาทั้งสิ้น จะเป็นของท่านได้อย่างไร”“นางตัวดี เจ้ากล้าซุกซ่อนเงินหรือเอามาให้ข้าเดี๋ยวนี้”“ข้าไม่ให้ เงินที่ท่านพ่อส่งมาท่านก็ยึดไปจนหมดตอนนี้ยังจะมาเอาเงินของพวกเราอีก ท่านไม่ละอายใจบ้างหรือ”“เงินของพ่อเจ้าอะไรกัน พ่อเจ้าไม่เคยส่งเงินมาให้สักหน่อย”“เช่นนั้นพี่ใหญ่ทำงานทุกวันเงินค่าแรงก็สมควรได้รับ เหตุใดจึงเป็นท่านที่ยึดไปหมด”“สารเลว ล้วนสารเลวกันทั้งสิ้น สมแล้วที่เป็นเด็กเหลือขอไร้บิดามารดาอบรม ซ่งไป๋ลู่! นางตัวดีเจ้ากล้าถามเอาเงินจากข้าหรือ พี่เจ้าทำงานทดแทนบุญคุณให้ข้าจะมาถามเอาเงินอะไรกัน”ซ่งไป๋ลู่ได้ยินคำพูดของสตรีตรงหน้าในใจก็นึกเย้ยหยัน หากแต่บนใบหน้ากลับอาบไปด้วยน้ำตาโผเข้าไปโอบกอดพี่ชายเอาไว้“ท่านป้าพวกเราเป็นหลานของท่าน ไม่ใช่ทาสนะเจ้าคะจะได้ทำงานให้ท่านโดยไม่ได้แม้แต่ข้าวเป็นการตอบแทนเช่นนี้ได้อย่างไร”“หลานอะไร พวกเจ้าล้วนเป็นตัวภาระทั้งสิ้น ส่งเงินมาให้ข้า”เอ่ยจบซ่งหลี่เถียนที่ตีคนจนเจ็บมือก็หันไปหยิบไม้กวาดขึ้นหมายฟาดลงบนตัวซ่งไป๋ลู่ท

    Last Updated : 2025-02-20

Latest chapter

  • สามีอยากก้าวหน้าต้องช่วยข้าทำสวน   บทที่ 5.5 ทางรอด

    บทที่ 5.5 ทางรอดซ่งไป๋ลู่มองถุงเงินในมือแล้วยิ้มกว้าง ดวงตากลมเปล่งประกาย ครั้งนี้ไม่เพียงทำการค้าสำเร็จ นางยังสามารถเช่าพื้นที่เล็กๆ บนถนนอวิ๋นให้ว่านชุนได้อีกด้วย“อาไป๋ เมื่อครู่เจ้าบอกว่าอะไรนะ”“ข้าถามท่านป้าว่าท่านทำซาลาเปาเป็นหรือไม่เจ้าคะ”“ก็แค่ซาลาเปาข้าจะทำไม่เป็นได้อย่างไร ประโยคต่อมาของเจ้าต่างหากเจ้าว่าอย่างไรนะ”“อ๋อ... ข้าเพียงบอกว่าหาที่ตั้งร้านให้ท่านได้แล้วอยู่ที่...”“ที่ตั้งร้านหรือ!”ว่านชุนเบิกตากว้าง แม้นางจะเคยกล่าวว่าต้องการดูแลใส่ใจคนในบ้านแต่ส่วนลึกในใจยังคงปรารถนาการค้าเช่นอดีต ทว่านางแต่งงานแล้วเรื่องนี้อย่างไรก็ไม่อาจตัดสินใจได้ด้วยตนเอง“เพียงแต่อาจทำการค้าได้เพียงขายซาลาเปาเท่านั้น”“แค่ซาลาเปาก็พอแล้ว ชุนเอ๋อร์เจ้าจะได้ไม่เหนื่อยเกินไป”กู้ฉินที่เพิ่งนำวัวไปเข้าคอกเอ่ยบอก ว่านชุนพลันเบิกตากว้างเอ่ยถามเขาเสียงสั่น“ท่านพี่ ท่านหมายความว่าอย่างไร”ผู้เป็นสามีเดินเข้ามากุมมือของภรรยา สายตาคมกล้าจดจ้องดวงตาเรียวคลอหยาดน้ำตาของนาง“ชุนเอ๋อร์เป็นข้าที่ไม่ดี ทั้งที่เจ้าเสียสละความปรารถนาของตนเอง ยอมมาเป็นสตรีบ้านนอกใช้ชีวิตอย่างยากลำบากอยู่กับข้า แต่ข้ากลั

  • สามีอยากก้าวหน้าต้องช่วยข้าทำสวน   บทที่ 5.4 ทางรอด

    บทที่ 5.4 ทางรอดเช้าวันต่อมากู้ฉินต้องเข้าไปส่งของในเมือง อีกทั้งถั่วเหลืองแค่หมู่เดียวอาศัยแรงของซ่งต้าลู่และกู้เหยียนแค่สองคนก็เพียงพอดังนั้นสองสหายจึงลงงานตั้งแต่ฟ้าสาง และเพราะว่านชุนต้องตามกู้ฉินเข้าเมืองไปแทนกู้เหยียนดังนั้นมื้อเที่ยงจึงเป็นซ่งไป๋ลู่ที่ต้องลงครัวจัดการ“อาไป๋ เจ้าทำอาหารได้รสชาติดีไม่น้อย เช่นนี้ภายหน้าข้าก็ไม่ต้องกังวลเรื่องปากท้องแล้ว”คำพูดนี้ของกู้เหยียนทำให้สหายสนิทที่นั่งข้างๆ ตวัดสายตามองอย่างไม่พอใจ แน่นอนว่าคนที่เห็นสายตาพิฆาตนี้มีเพียงซ่งไป๋ลู่เท่านั้น“เอ่อ... พี่กู้เหยียน พรุ่งนี้ท่านลุงกู้จะเข้าเมืองอีกหรือไม่”“ท่านป้าชุนจะเอาข้าวไปขายในเมือง ท่านพ่อเห็นว่าเจ้าไม่ได้ขึ้นเขาไปเก็บลูกพลับจึงได้รับปากป้าชุนไปแล้ว แต่หากเจ้าจะเอาของไปขายข้าจะไปบอกท่านพ่อให้ไปแจ้งแก่ป้าชุน”“ข้าไม่ได้จะฝากของไปขาย เพียงอยากขอติดเกวียนไปด้วยเจ้าค่ะ”“น้องรอง เจ้าจะเข้าเมืองไปทำไม”ซ่งต้าลู่ลืมความขุ่นเคืองสหายหันมาสนใจน้องสาวของตนเองในทันทีที่ได้ยินว่านางจะเข้าเมือง“ข้าเพียงอยากลองเอากุหลาบแห้งไปขายเจ้าค่ะ”เพราะซ่งต้าลู่ปลูกกุหลาบและหอมหมื่นลี้ไว้ที่ริมรั้วเป็นจำนวนมาก

  • สามีอยากก้าวหน้าต้องช่วยข้าทำสวน   บทที่ 5.3 ทางรอด

    บทที่ 5.3 ทางรอดหลังจากเก็บเกี่ยวข้าวโพดที่สวนหลังบ้านเสร็จ วันต่อมาซ่งต้าลู่ก็ออกจากบ้านไปช่วยงานที่บ้านตระกูลฉี ซ่งไป๋ลู่มองข้าวโพดแห้งกองโตแล้วก็หยิบมีดขนาดพอเหมาะกับมือเล็กแบกตะกร้าสานขึ้นบ่า“พี่รองท่านจะขึ้นเขาไปเก็บลูกพลับหรือขอรับ”“วันนี้ข้าจะไปตัดไม้ไผ่มาทำราวตากข้าวโพดก่อน”“เช่นนั้นข้าไปช่วยท่าน”ซ่งหานลู่เอ่ยอย่างแข็งขัน ท่าทางเช่นนี้ของเขาเรียกรอยยิ้มกว้างบนใบหน้าคนเป็นพี่ในทันที“แต่เย็นนี้ท่านทำหมูตุ๋นน้ำแดงให้ข้ากินสักชามได้หรือไม่”รอยยิ้มบนใบหน้าของซ่งไป๋ลู่พลันหุบลง ถอนหายใจส่ายหน้า เจ้าเด็กน้อยผู้นี้หายใจเข้าออกก็เป็นเนื้อหมูไปเสียแล้ว“เจ้าคนตะกละ”“ข้าไม่ได้ตะกละ ข้าเป็นเพียงเด็กกำลังโตจึงจำเป็นต้องบำรุงให้มาก ภายหน้าสุขภาพจะได้แข็งแรง”ซ่งไป๋ลู่ได้ยินคำพูดของคนตัวเล็กก็ยกมือขึ้นบีบจมูกของเขาเบาๆ ไม่คิดว่าน้องเล็กของนางรู้จักเอาคำพูดนางมาล้อเลียนแล้วห้าเดือนมานี้ซ่งไป๋ลู่ขึ้นเขาบ่อยครั้ง และทุกครั้งก็จะขยับเข้ามาลึกขึ้นทีละนิด แน่นอนว่าทุกอย่างต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของนางและซ่งหานลู่เสมอ“พี่รองลูกพลับต้นนี้สุกแล้ว เราเก็บลงไปด้วยดีหรือไม่ขอรับ”ซ่งไป๋ลู่แหงน

  • สามีอยากก้าวหน้าต้องช่วยข้าทำสวน   บทที่ 5.2 ทางรอด

    บทที่ 5.2 ทางรอดวันถัดมาซ่งไป๋ลู่ตื่นตั้งแต่เช้าเพื่อหุงข้าวหม้อใหญ่ ทว่าข้าวยังไม่ทันสุก คนจากบ้านตระกูลกู้ก็มาถึงแล้ว“อาไป๋!”กู้เหยียนที่เดินเข้ามาในครัวเอ่ยทักทายพร้อมกับวางตะกร้าผักกาดและไข่ไก่ลง“ได้ยินว่าเจ้าจะลงครัวทำอาหารเลี้ยงพวกเราข้าจึงเอาผักแล้วก็ไข่ไก่มาด้วย”ใบหน้าของเด็กหนุ่มมีรอยยิ้มกว้างก่อนจะเดินไปหยิบพัดมาช่วยพัดเตาเล็กที่ซ่งไป๋ลู่กำลังจุด เมื่อเห็นว่ามีคนมาช่วยซ่งไป๋ลู่ก็ยิ้มกว้างหันไปหยิบมีดมาหั่นผัก“อาไป๋ ส่งมีดมาให้ข้าจัดการเอง อาเหยียนพ่อของเจ้ากับอาต้าเข้าไปเก็บข้าวโพดกันแล้ว รีบตามไปช่วยงานเร็ว อย่าได้คิดกินแรงผู้อื่นเชียว”“ขอรับ อาไป๋ข้ารอกินอาหารฝีมือเจ้านะ”คนพัดเตาหันมาบอกเด็กหญิง ก่อนจะรีบออกไปจากห้องครัว ว่านชุนมองบุตรชายแล้วยิ้มขบขัน ซ่งไป๋ลู่ยังไม่ทันปักปิ่นลูกชายตัวดีก็รู้จักทำคะแนนแล้ว ช่างเป็นเด็กหนุ่มที่รู้จักมองอนาคตจริงๆซ่งไป๋ลู่มองดูว่านชุนจัดการหั่นผักอย่างชำนาญแล้วเบิกตากว้าง แม้ว่าสตรีในยุคนี้เข้าครัวตั้งแต่ยังเด็ก แต่ท่าทางเชี่ยวชาญเช่นนี้ย่อมไม่ใช่สตรีในเรือนทั่วไปจะมี พริบตาทั้งผักที่ซ่งไป๋ลู่เตรียมไว้ และวัตถุดิบในตะกร้าที่ว่านชุ

  • สามีอยากก้าวหน้าต้องช่วยข้าทำสวน   บทที่ 5.1 ทางรอด

    บทที่ 5.1ทางรอดเมื่อเข้าสู่ช่วงเก็บเกี่ยวผลผลิตผู้คนในหมู่บ้านอันฉีก็วุ่นวายกันมากขึ้น ซ่งต้าลู่ต้องออกจากบ้านไปทำงานหนักทุกวัน แน่นอนว่าเขาไม่ยินดีให้ซ่งไป๋ลู่ออกไปพบเจอความยากลำบากเหล่านั้น ในทุกวันซ่งไป๋ลู่จึงทำเพียงตื่นเช้าเข้าครัวทำอาหาร หลังจากนั้นก็จัดการปล่อยน้ำเข้าสวนหลังบ้าน ก่อนจะขึ้นเขาเก็บผลพลับ ที่เพิ่มเติมก็คือก่อนจะออกจากบ้านนางมักจะเก็บดอกกุหลาบและดอกหอมหมื่นลี้ที่ริมรั้วมาตากแห้งทิ้งไว้“พี่รองท่านจะเอาดอกไม้พวกนี้ไปทำอะไรหรือขอรับ”“เอาไว้ทำของดีให้เจ้ากินอย่างไรเล่า”ซ่งหานลู่ขมวดคิ้วเล็ก ดอกไม้เหล่านี้จะเอามาทำของกินได้อย่างไร ทว่าเมื่อพี่รองบอกว่าได้ย่อมต้องได้สามวันต่อมาหลังมื้อค่ำบนโต๊ะก็มีชาเหมยกุ้ยฮวาเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งกา“พี่รองนี่คือดอกกุหลาบที่ท่านเก็บวันนั้นหรือขอรับ”“ใช่แล้วเจ้าลองชิมดู”เอ่ยจบซ่งไป๋ลู่ก็รินชาร้อนใส่ถ้วยชาหินที่ดูไม่มีราคา ทว่าแท้จริงกลับมีราคาเท่ากับข้าวสารถึงสามสิบจิน“เป็นอย่างไรรสชาติดีหรือไม่”“ดีขอรับ ดีมากๆ นับเป็นของดีเช่นที่ท่านบอกจริงๆ”เสียงเล็กเอ่ยชมคนเป็นพี่พร้อมยิ้มกว้างจนดวงตาหยี ส่งถ้วยชาใบเล็กยื่นมาขอเพิ่มอีกถ้วย แน่

  • สามีอยากก้าวหน้าต้องช่วยข้าทำสวน   บทที่ 4.4 วาสนาดีไม่สู้ชีวิตดี

    บทที่ 4.4 วาสนาดีไม่สู้ชีวิตดี“พี่ใหญ่ข้ามีเรื่องหนึ่งอยากปรึกษาท่าน”ซ่งไป๋ลู่เอ่ยขึ้นหลังจากที่กินมื้อค่ำเสร็จ ซ่งต้าลู่ไม่ได้ขานรับ ทว่าท่าทีสบตานิ่งพร้อมรับฟังของเขาก็ทำให้ซ่งไป๋ลู่มั่นใจที่จะเอ่ยบอกความคิดของตนเอง“ตอนนี้ฝนเริ่มไม่ค่อยตกแล้ว ที่ดินที่ท่านป้าใหญ่ยกให้เราติดกับแม่น้ำ อีกทั้งมีทางน้ำสำหรับเข้านา หากข้าลอกร่องทำทางน้ำต่อมาที่บ้านเราจะได้ไหมเจ้าคะ ท่านจะได้ไม่ต้องลำบากไปตักน้ำที่ลำธารมาให้พวกเราใช้”ที่สำคัญนางกับน้องชายตัวน้อยจะได้ไม่ต้องเหน็ดเหนื่อยกับการหาบน้ำมารดพืชผลเหล่านั้นด้วย“หากเจ้าจะลอกร่องทำทางน้ำเพื่อใช้รดน้ำพืชผักนั้นย่อมได้ ทว่าน้ำที่ไหลผ่านทางลอก นำมาใช้ในบ้านไม่ได้”ซ่งต้าลู่เอ่ยตอบน้องสาว นางยังเด็กอาจไม่เข้าใจว่าการนำน้ำมาใช้ในบ้านนั้น ต้องตักน้ำจากต้นน้ำ อีกทั้งยังต้องตักอย่างระวัง ไม่เช่นนั้นจะได้น้ำที่ขุ่นและสกปรกไม่สามารถนำมาใช้ได้เรื่องความสะอาดของน้ำที่ใช้ซ่งไป๋ลู่ย่อมรู้ดี แต่การไปตักน้ำที่อยู่ห่างจากบ้านถึงสี่ลี้ก็นับว่ายากลำบากไม่น้อย ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันแน่นก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยท่าทางดีใจ“แล้วถ้าเรามีถังกรองน้ำเล่าเจ้าคะ”สำหรับซ่งไ

  • สามีอยากก้าวหน้าต้องช่วยข้าทำสวน   บทที่ 4.3 วาสนาดีไม่สู้ชีวิตดี

    บทที่ 4.3 วาสนาดีไม่สู้ชีวิตดียามที่ซ่งต้าลู่กลับมาถึงบ้านก็พบว่าอาหารมื้อค่ำถูกจัดวางบนโต๊ะ ส่วนน้องทั้งสองคนหมดแรงนอนหลับอยู่บนเตียงเสียแล้ว“น้องรอง น้องเล็ก ลุกขึ้นมากินข้าวก่อนค่อยนอนต่อ”เสียงเอ่ยเรียกอย่างอ่อนโยนของซ่งต้าลู่ดังขึ้น คนที่หมดแรงหลับไปจึงลุกขึ้นมากินข้าวด้วยอาการกินไปหลับไปอย่างแท้จริง หลังกลืนข้าวคำสุดท้ายลงท้องก็หมุนตัวทิ้งกายลงนอนหลับต่อในทันทีซ่งต้าลู่มองน้องทั้งสองด้วยรอยยิ้มระคนรู้สึกผิด เป็นเพราะเขาทำหน้าที่พี่ชายได้ไม่ดี น้องทั้งสองจึงต้องยากลำบากเช่นนี้ ดังนั้นนอกจากจัดการเก็บถ้วยชาม และตักน้ำใส่ถังไม้ในบ้านจนเต็มทุกใบแล้ว ในยามฟ้าสางซ่งต้าลู่ยังเร่งตื่นก่อนผู้อื่น แบกถังไม้ไปตักน้ำมารดข้าวโพดที่น้องทั้งสองของเขาช่วยกันลงแรงปลูก รวมถึงหยิบจอบมาขึ้นแปลงเพิ่มไว้ให้พวกเขาอีกสองหมู่เมื่อซ่งไป๋ลู่ตื่นขึ้นมาก็พบว่าทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว ริมฝีปากเล็กก็ยิ้มกว้างเอ่ยขอบคุณซ่งต้าลู่จากใจจริง“พี่ใหญ่มากินข้าวเถิดเจ้าค่ะ”หลังจากกินมื้อเช้าเสร็จ ซ่งต้าลู่ยังคงออกจากบ้านไปทำงานเช่นเดิม ซ่งไป๋ลู่หยิบถุงเมล็ดพันธุ์ถั่วเหลืองมาคัดแยกแล้วพาน้องชายตัวน้อยลงแรงป

  • สามีอยากก้าวหน้าต้องช่วยข้าทำสวน   บทที่ 4.2 วาสนาดีไม่สู้ชีวิตดี

    บทที่ 4.2 วาสนาดีไม่สู้ชีวิตดีเช้าวันต่อมาซ่งต้าลู่ก็ตื่นแต่ฟ้าสางหยิบจอบเดินไปยังลานหลังบ้านขึ้นแปลงผักอย่างขะมักเขม้น ซ่งไป๋ลู่จึงเข้าครัวทำอาหารเช้าง่ายๆ อย่างโจ๊กหมูและไข่ต้มไว้รอสองพี่น้อง ยามที่ตะวันเริ่มเคลื่อนตัวขึ้นไอเย็นของหยาดน้ำค้างระเหยไปจนหมด นางก็ยกผลท้อที่ฝานเป็นชิ้นออกไปตากแห้ง สัมผัสดูความชื้นแล้วตากแดดวันนี้อีกแค่วันเดียวก็สามารถเก็บลงโถเอาไปรวมกับของวันก่อนๆ ได้แล้ว“พี่ใหญ่ท่านหยุดมือแล้วมากินข้าวก่อนเถิด”ซ่งไป๋ลู่เดินไปเรียกเด็กหนุ่มที่ยามนี้มีกล้ามเนื้อมากขึ้นสมกับเป็นบุรุษแล้ว ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเพราะฝีมือการบำรุงร่างกายเขาของนาง ซ่งต้าลู่ถูกแววตากลมใสจ้องมองร่างกายที่เปลือยท่อนบนสองแก้มก็ร้อนผ่าวรีบล้างตัวหยิบเสื้อตัวนอกมาสวมอย่างรวดเร็วรู้จักอายเสียด้วย เขาลืมไปหรือไม่ว่ายามนี้นางคือน้องสาววัยสิบขวบของเขา ไม่ใช่หญิงสาววัยปักปิ่นที่ไหน“ข้าขึ้นร่องแปลงผักให้เจ้าเรียบร้อยแล้ว”“ขอบคุณท่านมาก หลังกินข้าวเช้าเสร็จข้าจะลงมือปลูกข้าวโพด”ข้าวโพดเป็นพืชที่ปลูกง่ายและดูแลไม่ยาก อีกทั้งยังเก็บเอาไว้ได้นาน หรือจะนำมาแปรรูปเป็นแป้งเก็บไว้ทำอาหารก็ได้หลากหลาย ดังนั้นซ

  • สามีอยากก้าวหน้าต้องช่วยข้าทำสวน   บทที่ 4.1 วาสนาดีไม่สู้ชีวิตดี

    บทที่ 4.1วาสนาดีไม่สู้ชีวิตดีซ่งไป๋ลู่มองตะกร้าผลท้อและผลบ๊วยตะกร้าสุดท้ายแล้วถอนหายใจยาว สามเดือนแล้วที่นางเข้ามาอยู่ในนิยายเรื่องนี้ แม้ไม่มีวาสนาได้ทะลุมิติเข้ามาเป็นบุตรีขุนนางใหญ่ หรือเชื้อพระวงศ์เช่นที่นักเขียนนิยมกัน แต่ชีวิตเช่นนี้ของนางก็ไม่นับว่ายากลำบากอะไร คิดดูแล้วหากนางต้องเข้ามาตบตีแย่งชิงความรักจากบุรุษ หรือต้องขบคิดประลองไหวพริบปะทะวาจา นางกลับรู้สึกว่าชีวิตเช่นนี้สบายมากกว่า เรียกว่าวาสนาดีไม่สู้มีชีวิตที่ดี“พี่รองลูกท้อกับลูกบ๊วยบนเขาไม่มีให้เก็บแล้ว ข้าจะยังมีเนื้อกินหรือไม่”ซ่งหานลู่ที่ยามนี้หายใจเข้าออกเป็นเนื้อหมูเอ่ยเสียงเศร้า ซ่งไป๋ลู่ถอนหายใจยาวเอ่ยเสียงจริงจัง“หากเจ้าอยากมีเนื้อกินทุกวัน ต่อไปก็ต้องช่วยข้าทำสวนเข้าใจหรือไม่”“ล้วนเชื่อฟังพี่รอง”เชื่อฟังพี่รองอะไรกัน ทั้งหมดล้วนเพื่อกระเพาะน้อยๆ ของเขาต่างหาก ซ่งไป๋ลู่มองเด็กชายวัยห้าขวบที่ตอนนี้มีเนื้อมีหนังขึ้นมาก แก้มแห้งตอบกลมยุ้ย ผิวพรรณกระจ่างสดใส เพียงมองเห็นก็รับรู้ได้ถึงสุขภาพที่ดีหลังจากที่รู้ว่าต่อไปซ่งไป๋ลู่จะไม่มีผลไม้มาฝากขายอีกแล้วกู้เหยียนก็มีสีหน้าสลดลง เพราะสามเดือนที่ผ่านมานี้นอกจาก

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status