Share

บทที่ 2.2 ค้าขายย่อมมีกำไร

last update Last Updated: 2025-02-13 15:15:49

บทที่ 2.2

ค้าขายย่อมมีกำไร

“พี่ใหญ่ท่านเร่งมาดูเร็วเข้า”

เสียงของซ่งหานลู่ดังก้อง เมื่อกลับมาถึงบ้านแล้วพบว่าบนโต๊ะเล็กมีอาหารสามจาน และข้าวพูนจานอีกสามถ้วย

“พี่ใหญ่ท่านตีข้าที นี่ข้าไม่ได้ฝันไปใช่หรือไม่ นะ... นี่ เนื้อหรือขอรับ”

ซ่งหานลู่ใช้ตะเกียบคีบเนื้อมาจากจานผัด ดวงตากลมเปล่งประกายฉ่ำวาวไปด้วยน้ำตาแห่งความยินดี ไม่เพียงมีข้าวพูนจาน วันนี้เขายังมีเนื้อกินด้วย หรือว่านี่จะเป็นอาหารมื้อสุดท้ายในชีวิตที่สวรรค์ประทานมาให้

“น้องเล็ก เจ้าอย่ามัวแต่ตื่นเต้นรีบไปล้างเนื้อล้างตัวแล้วมากินข้าวตอนที่ยังร้อนๆ จะได้ไม่เสียรส”

เมื่อได้ยินพี่สาวเอ่ยบอก คนที่ตื่นเต้นกับอาหารตรงหน้าก็รีบไปล้างเนื้อล้างตัวก่อนจะกลับมานั่งที่เก้าอี้ตัวเก่าจวนพัง ใช้ตะเกียบคีบเนื้อและข้าวในชามใส่ปาก ดวงตากลมเบิกกว้างเอ่ยเสียงอู้อี้

“พี่รองนี่เป็นอาหารฝีมือของท่านจริงๆ หรือ”

เพราะที่ผ่านมาซ่งไป๋ลู่ไม่เคยจับงานทั้งหนักทั้งเบา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องนอกบ้านในบ้านล้วนมีซ่งต้าลู่จัดการ ดังนั้นอาหารมื้อแรกที่นางทำและยังทำได้ดีถึงเพียงนี้จึงทำให้น้องชายตัวน้อยตื่นเต้นยินดียิ่ง

“แน่นอนว่าเป็นฝีมือพี่รองของเจ้า”

“เช่นนั้นท่านทำอาหารทุกวันได้หรือไม่ ข้าชอบฝีมือท่าน”

แน่นอนว่าประโยคนี้ซ่งหานลู่เอ่ยมาจากความจริงแปดส่วน อีกสองส่วนล้วนเอ่ยขึ้นเพราะต้องการให้พี่รองของตนช่วยงานพี่ใหญ่ที่แสนดีของเขา

“พี่รองของเจ้าอายุยังน้อย เรื่องเข้าครัวข้าจะจัดการเอง”

ซ่งไป๋ลู่ไม่ทันตอบรับคำขอของน้องชาย ซ่งต้าลู่ก็ขัดขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบก่อนจะยื่นตะเกียบคีบผักในจานใส่ถ้วยข้าวของตนเอง ตลอดมื้ออาหารไม่แตะต้องเนื้อหมูเลยสักชิ้น ของดีๆ ควรมีไว้ให้น้องทั้งสองของเขา

“พี่ใหญ่ท่านทำงานเหนื่อยมากแล้ว เรื่องในครัวต่อไปให้ข้าดูแลเถอะนะเจ้าคะ”

ซ่งไป๋ลู่เอ่ยบอกพลางคีบเนื้อหมูให้คนเป็นพี่ชาย ซ่งต้าลู่มองความใส่ใจของน้องสาวตรงหน้าด้วยความเต็มตื้นในอก ก่อนจะพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย

“เช่นนั้นก็ได้”

“พี่ใหญ่ท่านลำเอียง! ยามเป็นข้าบอกท่านไม่เคยรับฟัง ทว่าพอเป็นพี่รองบอกไม่ว่าคำใดก็ล้วนตามใจนาง”

ซ่งหานลู่เอ่ยเสียงน้อยใจ หากแต่ตะเกียบยังคงคีบข้าวในถ้วยลงท้อง ซ่งไป๋ลู่ยกยิ้มกว้างแสร้งหยิบจานเนื้อหนีตะเกียบเล็ก

“อ่ะ! พี่รองท่านจะเอาผัดเนื้อของข้าไปไหน”

“เจ้าไม่เชื่อฟังพี่รอง...”

“ฟังๆ ข้าล้วนฟังท่าน พี่รองข้าขอกินเนื้ออีกสักชิ้นนะ ชิ้นเดียวเท่านั้น”

ซ่งหานลู่เอ่ยเสียงอ่อนพร้อมส่งสายตาอ้อนวอน ซ่งไป๋ลู่ที่ไม่ได้คิดรังแกอีกฝ่ายจริงจังเห็นเช่นนี้ก็ยื่นจานเนื้อส่งให้คนเป็นน้อง แล้วคีบหมูใส่ชามให้คนเป็นพี่อีกสองชิ้น

“พี่ใหญ่ท่านเองก็ควรกินเนื้อให้มากหน่อย เป็นบุรุษต้องมีร่างกายกำยำจึงจะปกป้องข้ากับน้องเล็กได้”

ซ่งต้าลู่มองเด็กหญิงที่คล้ายจะเติบโตขึ้นในช่วงข้ามคืนแล้วพลันเกิดแววตาสงสัยหวาดระแวง นางใช่ซ่งไป๋ลู่น้องสาวคนเดิมของเขาอยู่หรือไม่

“ผ่านความตายมาครั้งหนึ่งให้ข้าก่อนหน้าโง่งมแค่ไหนก็ต้องมีความคิดขึ้นมาบ้าง”

ซ่งไป๋ลู่อ่านสายตาของเด็กชายตรงหน้าออกก็รีบเอ่ยบอกเขา โชคดีที่นางเตรียมคำตอบเอาไว้แล้วจึงสามารถหลบเลี่ยงข้อสงสัยของซ่งต้าลู่ไปได้อย่างแนบเนียน

“น้องเล็ก พรุ่งนี้ไปช่วยข้าเก็บลูกท้อบนเขาดีหรือไม่”

“ข้าเชื่อฟังพี่รอง”

ซ่งหานลู่ตอบทั้งที่ยังมีข้าวอยู่เต็มกระพุ้งแก้มทั้งสอง มือเล็กจับจานเนื้อเอาไว้ เกรงว่าถ้าคำตอบของตนไม่ถูกใจพี่สาวอีกฝ่ายจะยึดจานเนื้อตรงหน้าไปอีกรอบ

ซ่งไป๋ลู่เห็นท่าทางเช่นนี้ก็อดที่จะขบขันไม่ได้ บ้านหลังเล็กจึงก้องไปด้วยเสียงหัวเราะเป็นครั้งแรก

......................................................

วันต่อมาซ่งไป๋ลู่พาน้องชายตัวน้อยขึ้นเขามาเก็บผลท้อ หลังจากสอนอีกฝ่ายแยกแยะผลสุกผลดิบตัวนางก็เดินไปสำรวจรอบๆ แม้ผลท้อจะขายได้ดี ทว่าคงไม่สามารถใช้เลี้ยงชีวิตไปได้ตลอด อีกอย่างต้นท้อบนเขามีไม่มากไม่นานก็คงถูกนางเก็บจนหมด ดังนั้นซ่งไป๋ลู่จึงต้องหาผลผลิตอย่างอื่นเพิ่มเติม

เดินมาได้ไม่ไกลนักนางก็พบผักป่า มือเล็กเดินเก็บมาหนึ่งหอบก็พบต้นบ๊วยใหญ่ ริมฝีปากเล็กยิ้มอย่างพึงพอใจ วางผักป่าในมือปีนป่ายขึ้นต้นบ้วยเก็บผลของมันใส่จนเต็มตะกร้า

สองพี่น้องคนหนึ่งเก็บผลท้อ อีกคนเก็บผลบ๊วยยามที่ตะวันคล้อยต่ำ ซ่งต้าลู่ก็เอาล้อลากมาขนตะกร้าสานแปดใบที่ตีนเขาไปส่งยังบ้านตระกูลกู้

“อาไป๋เจ้ามาแล้ว”

กู้เหยียนร้องอย่างดีใจก่อนจะวิ่งออกจากบ้านมารับตะกร้าท้อจากไหล่เล็ก โดยไม่สนใจสหายที่กำลังเข็นผลท้อแปดตะกร้า

“ข้ากำลังเป็นห่วงกลัวว่าอาต้าจะไปรับเจ้าที่ตีนเขาไม่ทันฟ้ามืด”

“พี่ใหญ่เป็นคนตรงเวลามาก พี่กู้เหยียนไม่ต้องกังวลแทนพี่รองไปหรอกขอรับ”

ซ่งหานลู่เอ่ยแทนพี่ชาย พร้อมทั้งขยับตัวไปแทรกตรงกลางระหว่างพี่สาวและพี่ชายต่างแซ่

“พี่สาวข้าอายุสิบปีแล้ว พี่กู้เหยียนท่านต้องระวังสักหน่อยอย่าอยู่ใกล้นางมากเกินไป คนจะนินทาพี่สาวข้าได้”

คิ้วเล็กของซ่งไป๋ลู่ขมวดเข้าหากันเล็กน้อย ก่อนจะขบขันกับท่าทางหวงพี่สาวของซ่งหานลู่

“พี่กู้เหยียนอย่าถือสาน้องเล็กของข้าเลยนะเจ้าคะ”

“อาหาน ห่วงใยเจ้าข้าจะถือสาเขาได้อย่างไร เป็นพี่กู้เหยียนของเจ้าที่คิดไม่รอบคอบอาหานอย่าได้ตำหนิเลย”

กู้เหยียนเอ่ยเสียงอ่อนอย่างเอาใจ ซ่งไป๋ลู่ให้ความสำคัญกับพี่น้อง ดังนั้นเขาย่อมต้องใส่ใจพี่น้องของนางเช่นกัน

“อ่อ... นี่เมล็ดพืชที่เจ้าฝากข้าซื้อมา”

กู้เหยียนบอกพร้อมกับส่งถุงผ้าหลายใบให้ซ่งไป๋ลู่

“ขอบคุณพี่กู้หยียน”

“เรื่องเล็กน้อยจะขอบคุณทำไมกัน ว่าแต่เจ้าซื้อเมล็ดพันธุ์มามากมายจะปลูกผักหรือ”

“เจ้าค่ะ ที่ดินหลังบ้านว่างอยู่ข้าเลยคิดว่าจะปลูกผักไว้กินสักหน่อย”

“เช่นนั้นหากอยากให้ข้าไปช่วยขึ้นแปลงก็บอก ข้าจะไปทำให้”

เมื่อกู้เหยียนอาสาเสียงหนักแน่น ซ่งไป๋ลู่จึงทำได้เพียงเอ่ยขอบคุณในน้ำใจของอีกฝ่าย

“ส่งของเสร็จแล้วพวกเราไม่รบกวนท่าน ขอตัวก่อน”

เมื่อเห็นว่าซ่งต้าลู่ขนของลงจากรถลากหมดแล้ว ซ่งไป๋ลู่ก็เอ่ยขอตัวกลับบ้านในทันที

“เย็นมากแล้วข้าจะไปตักน้ำมาให้พวกเจ้าใช้ล้างเนื้อล้างตัว”

เมื่อกลับถึงบ้านซ่งต้าลู่เอ่ยบอกพร้อมกับหยิบถังไม้เดินจากไป ซ่งไป๋ลู่หยิบผักป่าที่เก็บมาวันนี้ออกมาล้าง จัดการทำมือเย็นง่ายๆ

“พี่รองวันนี้มีเนื้อกินหรือไม่”

ซ่งหานลู่ขยับตัวเล็กๆ ของตนเองมาประชิดพี่สาวแล้วเอ่ยถามเสียงคาดหวัง ซ่งไป๋ลู่ใช้ปลายนิ้วหงิกแก้มตอบของน้องชายที่สูงแค่เอวของนางเบาๆ แล้วเอ่ยเสียงดุไม่จริงจังนัก

“ก่อนหน้าพี่ใหญ่ลงครัวเจ้าก็ก่อกวนเขาเช่นนี้ใช่หรือไม่”

“พี่ใหญ่ทั้งเข้มงวด ทั้งดุขนาดนั้น ข้าจะกล้าได้อย่างไร มีเพียงพี่รองที่ใจดีข้าจึงกล้ามาออดอ้อนเช่นนี้”

“น้องเล็ก อย่ากวนพี่รองของเจ้า เร่งไปอาบน้ำล้างตัว”

น้ำเสียงราบเรียบของซ่งต้าลู่ที่ดังขึ้นกะทันหันจากด้านหลัง ทำเอาซ่งหานลู่ตกใจจนไหล่เล็กยกขึ้น หมุนตัวช้าๆ หันไปยิ้มให้พี่ชายคนโต ไม่ใช่ว่าเมื่อครู่พี่ใหญ่ออกไปตักน้ำที่ลำธารหรือเหตุใดกลับมาเร็วนัก เช่นนี้ประโยคเมื่อครู่ของเขาอีกฝ่ายก็ย่อมได้ยินใช่หรือไม่

“พี่ใหญ่เมื่อครู่ท่านไม่ได้ยินสิ่งใดใช่หรือไม่”

“ย่อมไม่ได้ยิน”

ซ่งหานลู่ถอนหายใจยาว ยิ้มกว้าง หากแต่เมื่อได้ยินประโยคต่อมาของพี่ชายใบหน้าก็พลันซีดลงในทันที

“เพียงแต่ข้าเป็นคนที่ค่อนข้างเข้มงวดและดุมาก หากเจ้ายังไม่เชื่อฟังข้าวเย็นมื้อนี้ก็คงต้องงด”

“เชื่อฟัง เชื่อฟัง ข้าเชื่อฟังพี่ใหญ่จะเร่งไปอาบน้ำเดี๋ยวนี้”

ซ่งไป๋ลู่มองน้องชายคนเล็กที่กลายร่างเป็นม้าเร็ววิ่งออกจากห้องครัวออกไปแล้วหัวเราะขบขัน ขณะที่ซ่งต้าลู่เดินเข้ามารับตะหลิวจากมือเล็ก

“เจ้าเองก็ไปล้างตัวเถิดงานในครัวเดี๋ยวข้าทำต่อเอง”

“แล้วท่านเล่าไม่ไปล้างตัวหรือเจ้าคะ”

“ข้าจัดการตัวเองเรียบร้อย”

เมื่อได้ยินพี่ชายเอ่ยเช่นนี้ซ่งไป๋ลู่ก็ยอมปล่อยมือจากตะหลิว แล้วไปจัดการตนเอง ราวครึ่งชั่วยามต่อมาบนโต๊ะเล็กเก่าๆ กลางบ้านก็มีอาหารสองจาน และข้าวสวยพูนชามอีกสามชาม คนที่ยินดีจนยิ้มกว้างย่อมเป็นซ่งหานลู่ ดวงตากลมมองผักป่าผัดหมูสามชั้นด้วยสายตาเป็นประกาย สองแก้มเคี้ยวข้าวจนใบหน้าตอบกลมขึ้นมา

ซ่งไป๋ลู่มองน้องชายของตนแล้วจินตนาการถึงยามที่ซ่งหานลู่มีเนื้อมีหนังขึ้นมา ย่อมต้องเป็นเด็กชายที่น่ารักมากผู้หนึ่ง ดังนั้นหลังจากที่ข้าวของอีกฝ่ายพร่องไปครึ่งถ้วยนางก็แบ่งข้าวในชามของตนเองให้เขาอีกครึ่งชาม

“ขอบคุณพี่รอง ท่านใจดีที่สุด”

ซ่งหานลู่เอ่ยเสียงยินดี ใช้ตะเกียบพุ้ยข้าวใส่ปากอย่างรวดเร็ว ขณะที่ซ่งต้าลู่ขมวดคิ้วแน่น มองการกระทำของน้องสาวอย่างไม่ยินดีนัก

“น้องรอง เจ้าทำเช่นนี้ตนเองจะอิ่มได้อย่างไร”

เมื่อได้ยินคำของพี่ชาย ตะเกียบของซ่งหานลู่ก็ชะงัก กลืนข้าวในปากลงท้องแล้วส่งชามข้าวของตนให้พี่สาว

“ใช่แล้วๆ พี่รองท่านต้องกินให้มากๆ ท้องอิ่มจะได้มีแรงทำงานหาเงินมาซื้อเนื้อให้พวกเรากินอีก”

ซ่งไป๋ลู่ที่เดิมทีกำลังจะซาบซึ้งกับคำพูดของเจ้าก้อนแป้งตัวกลมพลันชะงักค้าง ก่อนจะขบขันดันชามข้าวคืนคนช่างพูด

“วันนี้เจ้ากินมากหน่อย แล้วพรุ่งนี้ค่อยเก็บผลท้อเพิ่มอีกสักสองตะกร้าชดเชยดีหรือไม่”

“ย่อมได้ ข้าจะเก็บชดเชยให้ท่านสี่ตะกร้าเลย”

ซ่งไป๋ลู่ยิ้มกว้างกับท่าทีของน้องชาย แล้วคีบเนื้อหมูใส่ชามพี่ชายของตน

“ข้าเป็นสตรีกินมากไปหากอ้วนเป็นแม่หมู ภายหน้าคงไม่มีใครกล้ามาสู่ขอไปเป็นภรรยา”

“เป็นเช่นนั้นก็ดี”

ซ่งต้าลู่เอ่ยน้ำเสียงจริงจัง หากแต่ซ่งไป๋ลู่กลับคิดว่าเขาหยอกเย้า คีบหมูใส่ชามข้าวเขาเพิ่มแล้วเอ่ยอีกประโยค

“จะดีได้อย่างไร ยามที่ท่านกับน้องเล็กแต่งภรรยาเข้ามา ข้าจะไปอยู่ที่ใดเล่า”

“ชีวิตนี้ข้าไม่แต่งภรรยา เช่นนี้เจ้าก็ไม่ต้องกังวล”

ซ่งไป๋ลู่ได้ยินคำของเด็กหนุ่มก็ยิ้มกว้างส่ายหน้าไปมา ยามนี้อีกฝ่ายยังไม่รู้จักเรื่องราวความรักระหว่างชายหญิงจะยึดติดกับพี่น้องเช่นนางและซ่งหานลู่ก็ไม่แปลกนัก เพียงแต่เมื่อนึกเรื่องราวในนิยาย ตั้งแต่ต้นจนจบล้วนไม่กล่าวถึงภรรยาของซ่งต้าลู่ หรือว่าทั้งชีวิตเขาจะไม่แต่งภรรยาจริงๆ

หลังมื้อเย็นซ่งไป๋ลู่ก็เข้าครัวอีกครั้งไม่นานนักก็ยกกระบอกไม้ไผ่ที่ถูกขัดจนเกลี้ยงเกลาเข้ามาสามใบ

“พี่รองนั่นอะไรหรือขอรับ”

“นมแพะอุ่นอย่างไรเล่า”

“สิ่งนี้เป็นของมีราคามากไม่ใช่หรือขอรับพี่รอง พวกเรากินบ่อยๆ จะดีหรือ”

นับจากที่พี่สาวเขาเริ่มขายผลท้อ นอกจากอาหารจานเนื้อและข้าวสวยพูนจานแล้ว สิ่งที่นางมักนำมาให้เขากับพี่ใหญ่กินเป็นประจำก็คือนมแพะ ทว่าของเหล่านี้ล้วนมีราคา หากกินบ่อยๆ ย่อมไม่สมควร

“ของดีย่อมต้องมีราคา”

ซ่งไป๋ลู่เอ่ยตอบพร้อมกับหยิบนมแพะส่งให้เจ้าก้อนแป้งตัวน้อย ซ่งต้าลู่ขมวดคิ้วหนาเมื่อเขาก็ได้รับนมแพะจากน้องสาวด้วยเช่นกัน

“น้องรอง ข้าไม่จำเป็นต้องดื่มนมแล้ว”

ตอนนี้เขาอายุสิบสี่ ชุนเกาอี้ลูกชายของนายช่างชุนอายุสิบห้าก็แต่งภรรยาแล้ว ยังจะให้ดื่มนมราวเด็กน้อยเช่นน้องเล็กของเขาได้อย่างไร

“ข้าอยากได้พี่ชายที่แข็งแรง พี่ใหญ่ท่านดื่มเถิดสิ่งนี้ข้าใช้ความยากลำบากไม่น้อยจึงแลกมาได้ หากทิ้งไปย่อมน่าเสียดายนะเจ้าคะ”

ซ่งต้าลู่เดิมทีไม่คิดจะรับนมแพะมาดื่ม ทว่าเมื่อได้ฟังคำของน้องสาวก็ไม่อาจต่อต้าน ยื่นมือไปรับมาดื่มอย่างว่าง่าย

ความหวังดีของน้องรองเขาจะปฏิเสธได้อย่างไร

......................................................

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Related chapters

  • สามีอยากก้าวหน้าต้องช่วยข้าทำสวน   บทที่ 2.3 ค้าขายย่อมมีกำไร

    บทที่ 2.3ค้าขายย่อมมีกำไรในทุกวันซ่งหานลู่ยังคงต้องไปช่วยงานป้าใหญ่ซ่งหลี่เถียน ส่วนซ่งไป๋ลู่และซ่งหานลู่จะขึ้นเขาเพื่อไปเก็บผลท้อและบ๊วยที่เริ่มสุก เพียงหนึ่งเดือนเศษเงินที่ซ่งไป๋ลู่ซ่อนไว้ก็เต็มถุง มือเล็กนับเงินที่เก็บสะสมมาตลอดเดือนแล้วยิ้มกว้าง ดูเหมือนจำนวนเงินจะเพียงพอต่อการต่อเติมสร้างห้องครัวแล้ว“พี่ใหญ่ข้าอยากได้ห้องครัวใหม่”เสียงหวานเอ่ยบอกหลังจากส่งนมแพะให้ซ่งต้าลู่“ทำห้องครัวต้องใช้เงิน น้องรองเรื่องนี้ข้าคิดว่าพวกเราคงต้องอดทนอีกสักหน่อย รอท่านพ่อกลับมาค่อยคิดกันอีกที”รอท่านพ่อกลับมา หากคิดตามเส้นเรื่องในนิยายนับดูแล้วก็ร่วมสี่ห้าปี นางจะรอนานขนาดนั้นได้อย่างไร ซ่งไป๋ลู่ขยับตัววางมือลงบนต้นแขนของพี่ชาย ใช้ดวงตากลมใสช้อนมองเขาแล้วเอ่ยเสียงหวานออดอ้อน ในฐานะพี่ชายที่มีน้องสาวเพียงคนเดียววิธีนี้นางมั่นใจว่าสามารถทำให้ซ่งต้าลู่ใจอ่อนได้อย่างแน่นอน“พี่ใหญ่เรื่องเงินค่าจ้างท่านไม่ต้องกังวล ข้ากับน้องรองช่วยกันเก็บผลไม้ป่าไปขายตอนนี้เงินที่ได้มามีไม่น้อยแล้ว”คิ้วเข้มของซ่งต้าลู่ขมวดเข้าหากันเล็กน้อย ทว่าเมื่อสบแววตากลมใสออดอ้อนก็เอ่ยคำดุออกมาไม่ได้แม้แต่ครึ่งคำ ทำได้เพี

    Last Updated : 2025-02-13
  • สามีอยากก้าวหน้าต้องช่วยข้าทำสวน   บทที่ 3.1 หลุดพ้นจากคนชั่ว

    บทที่ 3.1หลุดพ้นจากคนชั่ว“พี่ใหญ่วันนี้ข้าจะเข้าไปขายของกับพี่กู้เหยียนฝากท่านดูแลน้องเล็กด้วยนะเจ้าคะ”ซ่งต้าลู่ที่กำลังตักโจ๊กข้าวพลันขมวดคิ้วหนา ตั้งแต่ได้ยินว่านชุนเอ่ยว่าอยากได้ซ่งไป๋ลู่เป็นสะใภ้ ในใจเขาก็รู้สึกกังวลเรื่องความใกล้ชิดของน้องสาวกับสหายแซ่กู้ผู้นี้ขึ้นมาซ่งไป๋ลู่เห็นท่าทางนิ่งเงียบของพี่ชายก็หวาดหวั่นว่าเขาอาจจะไม่อนุญาต ดังนั้นนางจึงยื่นมือเล็กออกไปจับที่ชายเสื้อของเขา ช้อนตาขึ้นมองอย่างเว้าวอน“พี่ใหญ่ข้ามีความจำเป็นต้องไปจัดการเรื่องบางอย่างจริงๆ นะเจ้าคะ”เมื่อถูกน้องสาวใช้ท่าทางเช่นนี้ออดอ้อน คนตัวโตก็ถอนหายใจยาว แม้ไม่ยินดีก็ไม่อาจเอ่ยปากหักห้าม“พี่ใหญ่ท่านใจอ่อนกับพี่รองอีกแล้ว”ซ่งหานลู่เอ่ยเย้าพี่ชาย จนเรียกสายตาดุจากเขามาได้หนึ่งวง พร้อมกับตะเกียบในมือหนาที่คีบลงบนเนื้อหมูทอดชิ้นสุดท้ายในจาน“อะ! พี่ใหญ่เนื้อของข้า”ซ่งหานลู่ร้องลั่นเมื่อเนื้อหมูที่เขาเล็งไว้ถูกตะเกียบของพี่ใหญ่จับเอาไว้“พี่ใหญ่ น้องเล็กคนนี้ผิดไปแล้ว”ซ่งหานลู่เอ่ยเสียงอ่อนมองเนื้อหมูในตะเกียบของพี่ชายอย่างอ้อนวอนระคนสำนึกผิด แน่นอนว่าเดิมทีซ่งต้าลู่ก็ไม่ได้คิดแย่งของกินกับน้องชาย

    Last Updated : 2025-02-20
  • สามีอยากก้าวหน้าต้องช่วยข้าทำสวน   บทที่ 3.2 หลุดพ้นจากคนชั่ว

    บทที่ 3.2 หลุดพ้นจากคนชั่ววันต่อมาซ่งไป๋ลู่ยังคงพาซ่งหานลู่ขึ้นเขาไปเก็บผลไม้ป่าตามปกติ รอจนตะวันใกล้ตกดินซ่งต้าลู่จึงมารับของไปส่งที่บ้านตระกูลกู้เช่นเดิม“อาไป๋เจ้ามาพอดี ข้ากำลังจะเอาของพวกนี้ไปส่งที่บ้านเจ้า”ซ่งไป๋ลู่มองเครื่องครัวที่แสนธรรมดา ทว่ายังคงใช้งานได้ดีแล้วยิ้มกว้างเอ่ยขอบคุณอีกฝ่าย“เรื่องเล็กน้อยเหตุใดต้องขอบคุณด้วยเล่า”ซ่งต้าลู่ขนผลไม้ลงจากรถลาก โดยที่สายตายังคงจดจ้องไปยังสหายที่ยืนสนทนากับน้องสาวของเขาอย่างสนิทสนม“อ้อ... ส่วนนี่เป็นของที่เจ้าฝากให้ข้าไปซื้อมา”กู้เหยียนส่งถุงหนังสัตว์ให้ซ่งไป๋ลู่ ริมฝีปากเล็กยิ้มกว้างรับของมาด้วยความยินดี ท่าทางสนิทสนมของคนทั้งสองทำให้คนเป็นพี่ใหญ่หงุดหงิดใจเป็นทบทวี จนอดเอ่ยถามไม่ได้“น้องรอง เจ้าฝากอาเหยียนซื้ออะไรมาหรือ”“นมแพะและเนื้อหมูเจ้าค่ะ”ซ่งไป๋ลู่เอ่ยตอบพี่ชายของตน หากแต่ความสนใจกลับยังคงอยู่ที่พี่ชายต่างแซ่ ซ่งต้าลู่เม้มริมฝีปาก ตวัดหางตามองสหายด้วยความขุ่นเคือง โดยที่อีกฝ่ายไม่รู้ตัว“ลำบากพี่กู้เหยียนแล้ว พรุ่งนี้ยังต้องรบกวนท่านอีก”“ลำบากอะไรกัน เรื่องของเจ้าก็เหมือนเรื่องของข้า”เพราะยุคนี้ไม่มีตู้เย็นซ่งไป๋ลู

    Last Updated : 2025-02-20
  • สามีอยากก้าวหน้าต้องช่วยข้าทำสวน   บทที่ 3.3 หลุดพ้นจากคนชั่ว

    บทที่ 3.3 หลุดพ้นจากคนชั่วซ่งหลี่เถียนวันนี้ข้าจะทวงคืนความยากลำบากทั้งหมด“ท่านป้าใหญ่ ของพวกนั้นพวกข้าล้วนใช้เงินของตัวเองซื้อมาทั้งสิ้น จะเป็นของท่านได้อย่างไร”“นางตัวดี เจ้ากล้าซุกซ่อนเงินหรือเอามาให้ข้าเดี๋ยวนี้”“ข้าไม่ให้ เงินที่ท่านพ่อส่งมาท่านก็ยึดไปจนหมดตอนนี้ยังจะมาเอาเงินของพวกเราอีก ท่านไม่ละอายใจบ้างหรือ”“เงินของพ่อเจ้าอะไรกัน พ่อเจ้าไม่เคยส่งเงินมาให้สักหน่อย”“เช่นนั้นพี่ใหญ่ทำงานทุกวันเงินค่าแรงก็สมควรได้รับ เหตุใดจึงเป็นท่านที่ยึดไปหมด”“สารเลว ล้วนสารเลวกันทั้งสิ้น สมแล้วที่เป็นเด็กเหลือขอไร้บิดามารดาอบรม ซ่งไป๋ลู่! นางตัวดีเจ้ากล้าถามเอาเงินจากข้าหรือ พี่เจ้าทำงานทดแทนบุญคุณให้ข้าจะมาถามเอาเงินอะไรกัน”ซ่งไป๋ลู่ได้ยินคำพูดของสตรีตรงหน้าในใจก็นึกเย้ยหยัน หากแต่บนใบหน้ากลับอาบไปด้วยน้ำตาโผเข้าไปโอบกอดพี่ชายเอาไว้“ท่านป้าพวกเราเป็นหลานของท่าน ไม่ใช่ทาสนะเจ้าคะจะได้ทำงานให้ท่านโดยไม่ได้แม้แต่ข้าวเป็นการตอบแทนเช่นนี้ได้อย่างไร”“หลานอะไร พวกเจ้าล้วนเป็นตัวภาระทั้งสิ้น ส่งเงินมาให้ข้า”เอ่ยจบซ่งหลี่เถียนที่ตีคนจนเจ็บมือก็หันไปหยิบไม้กวาดขึ้นหมายฟาดลงบนตัวซ่งไป๋ลู่ท

    Last Updated : 2025-02-20
  • สามีอยากก้าวหน้าต้องช่วยข้าทำสวน   บทที่ 3.4 หลุดพ้นจากคนชั่ว

    บทที่ 3.4 หลุดพ้นจากคนชั่วหลังจากที่ซ่งหลี่เถียนถูกตัดออกจากการเป็นผู้ดูแลสามพี่น้องตระกูลซ่ง ซ่งต้าลู่ก็ไม่ต้องออกไปทำงานหนักเช่นทุกวันอีก และเพราะอีกฝ่ายเอาที่ดินสิบหมู่ แม่หมูหกตัว แม่ไก่สิบตัวมาชดเชยเงินที่ยึดไปถึงสองปี ตอนนี้ซ่งต้าลู่จึงต้องเร่งทำเล้าหมู และเล้าไก่ อีกทั้งยังต้องวางแผนเร่งปลูกพืชผลให้ทันทั้งสิบหมู่ภายในเดือนนี้ แน่นอนว่าที่ดินมากมายถึงเพียงนั้นเขาที่เป็นเพียงเด็กหนุ่มวัยสิบสี่ปีจะทำคนเดียวไหวได้อย่างไร“ข้าได้ยินว่าท่านลุงกู้ฉิน กับพี่กู้เหยียนไม่มีที่ดิน ทุกวันเลยต้องขับเกวียนรับฝากของเข้าเมือง หากเราแบ่งที่ดินให้เขาสามหมู่แลกกับข้อตกลงให้เขาช่วยเราปลูกข้าวเจ็ดหมู่ พี่ใหญ่ท่านเห็นเป็นอย่างไรเจ้าคะ”ในเมื่อเขาทำคนเดียวก็ไม่หมด แบ่งให้กู้เหยียนช่วยทำย่อมดีกว่าปล่อยทิ้งร้าง อีกทั้งยังได้แรงงานของพวกเขาทั้งครอบครัวมาช่วยนี่นับว่าเป็นความคิดที่ดี“เช่นนั้นข้าจะลองไปคุยกับท่านลุงกู้ดู”“สมแล้วที่เป็นพี่รองของข้า”ซ่งไป๋ลู่ส่ายหน้าไปมากับคำเยินยอของน้องชายตัวน้อย มือเล็กปอกเปลือกลูกพลับแล้วร้อยเป็นพวง เอาไปแขวนตากแดด ส่วนที่ยังไม่สุกดีก็เอาดองใส่ไหเอาไว้“พี่ใหญ่ไม้ไ

    Last Updated : 2025-02-20
  • สามีอยากก้าวหน้าต้องช่วยข้าทำสวน   บทที่ 3.5 หลุดพ้นจากคนชั่ว

    บทที่ 3.5 หลุดพ้นจากคนชั่วหลังจากกินมื้อเช้าร่วมกัน สามพี่น้องตระกูลซ่งก็แยกย้ายกันออกจากบ้าน วันนี้ซ่งไป๋ลู่ยังคงให้ซ่งหานลู่เก็บผลท้อและนางเก็บผลบ๊วยเช่นเดิม ทว่ายามที่ซ่งต้าลู่มาขนของไปไว้ที่ตระกูลกู้ ซ่งไป๋ลู่ก็แยกผลท้อและบ๊วยออกมาอีกอย่างละหนึ่งตะกร้ากลับมาที่บ้านด้วย“พี่รองท่านเอาผลท้อกับบ๊วยกลับมาทำไมตั้งมากมาย”ซ่งหานลู่เอ่ยอย่างเสียดาย ผลไม้สองตะกร้านี้หากเอาไปขายย่อมซื้อเนื้อหมูกลับมาเพิ่มได้อีกสองจินแน่ๆ ซ่งไป๋ลู่มองสายตาของน้องชายแล้วยิ้มกว้างเอ่ยเสียงสดใส“ผลท้อกับบ๊วยบนเขาเหลือไม่มากแล้ว หากไม่แบ่งมาตอนนี้ยามฤดูหนาวมาถึงคงไม่มีบ๊วยดอง ท้อแห้งให้เจ้ากิน”ซ่งต้าลู่ที่เดิมทีก็สงสัยไม่ต่างจากน้องชายเมื่อได้ยินน้องสาวอธิบายมุมปากก็ยกยิ้มขึ้นมองแผ่นหลังเล็กที่เดินอยู่เบื้องหน้าด้วยความภาคภูมิใจเมื่อกลับถึงบ้านซ่งต้าลู่จึงเป็นคนเข้าครัว และให้ซ่งไป๋ลู่จัดการกับผลท้อและผลบ๊วยที่เก็บมาเหล่านั้น“พี่รองท่านทำบ๊วยดองเป็นด้วยหรือ”ซ่งไป๋ลู่ถึงกับยิ้มแห้งเมื่อได้ยินคำของเด็กชายตัวน้อย แน่นอนว่าหากเป็นซ่งไป๋ลู่คนเดิมคงทำเรื่องเหล่านี้ไม่ได้ แต่นางคือซ่งไป๋ลู่นักรีวิวนิยายที่ติดท็อป

    Last Updated : 2025-02-20
  • สามีอยากก้าวหน้าต้องช่วยข้าทำสวน   บทที่ 4.1 วาสนาดีไม่สู้ชีวิตดี

    บทที่ 4.1วาสนาดีไม่สู้ชีวิตดีซ่งไป๋ลู่มองตะกร้าผลท้อและผลบ๊วยตะกร้าสุดท้ายแล้วถอนหายใจยาว สามเดือนแล้วที่นางเข้ามาอยู่ในนิยายเรื่องนี้ แม้ไม่มีวาสนาได้ทะลุมิติเข้ามาเป็นบุตรีขุนนางใหญ่ หรือเชื้อพระวงศ์เช่นที่นักเขียนนิยมกัน แต่ชีวิตเช่นนี้ของนางก็ไม่นับว่ายากลำบากอะไร คิดดูแล้วหากนางต้องเข้ามาตบตีแย่งชิงความรักจากบุรุษ หรือต้องขบคิดประลองไหวพริบปะทะวาจา นางกลับรู้สึกว่าชีวิตเช่นนี้สบายมากกว่า เรียกว่าวาสนาดีไม่สู้มีชีวิตที่ดี“พี่รองลูกท้อกับลูกบ๊วยบนเขาไม่มีให้เก็บแล้ว ข้าจะยังมีเนื้อกินหรือไม่”ซ่งหานลู่ที่ยามนี้หายใจเข้าออกเป็นเนื้อหมูเอ่ยเสียงเศร้า ซ่งไป๋ลู่ถอนหายใจยาวเอ่ยเสียงจริงจัง“หากเจ้าอยากมีเนื้อกินทุกวัน ต่อไปก็ต้องช่วยข้าทำสวนเข้าใจหรือไม่”“ล้วนเชื่อฟังพี่รอง”เชื่อฟังพี่รองอะไรกัน ทั้งหมดล้วนเพื่อกระเพาะน้อยๆ ของเขาต่างหาก ซ่งไป๋ลู่มองเด็กชายวัยห้าขวบที่ตอนนี้มีเนื้อมีหนังขึ้นมาก แก้มแห้งตอบกลมยุ้ย ผิวพรรณกระจ่างสดใส เพียงมองเห็นก็รับรู้ได้ถึงสุขภาพที่ดีหลังจากที่รู้ว่าต่อไปซ่งไป๋ลู่จะไม่มีผลไม้มาฝากขายอีกแล้วกู้เหยียนก็มีสีหน้าสลดลง เพราะสามเดือนที่ผ่านมานี้นอกจาก

    Last Updated : 2025-02-20
  • สามีอยากก้าวหน้าต้องช่วยข้าทำสวน   บทที่ 4.2 วาสนาดีไม่สู้ชีวิตดี

    บทที่ 4.2 วาสนาดีไม่สู้ชีวิตดีเช้าวันต่อมาซ่งต้าลู่ก็ตื่นแต่ฟ้าสางหยิบจอบเดินไปยังลานหลังบ้านขึ้นแปลงผักอย่างขะมักเขม้น ซ่งไป๋ลู่จึงเข้าครัวทำอาหารเช้าง่ายๆ อย่างโจ๊กหมูและไข่ต้มไว้รอสองพี่น้อง ยามที่ตะวันเริ่มเคลื่อนตัวขึ้นไอเย็นของหยาดน้ำค้างระเหยไปจนหมด นางก็ยกผลท้อที่ฝานเป็นชิ้นออกไปตากแห้ง สัมผัสดูความชื้นแล้วตากแดดวันนี้อีกแค่วันเดียวก็สามารถเก็บลงโถเอาไปรวมกับของวันก่อนๆ ได้แล้ว“พี่ใหญ่ท่านหยุดมือแล้วมากินข้าวก่อนเถิด”ซ่งไป๋ลู่เดินไปเรียกเด็กหนุ่มที่ยามนี้มีกล้ามเนื้อมากขึ้นสมกับเป็นบุรุษแล้ว ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเพราะฝีมือการบำรุงร่างกายเขาของนาง ซ่งต้าลู่ถูกแววตากลมใสจ้องมองร่างกายที่เปลือยท่อนบนสองแก้มก็ร้อนผ่าวรีบล้างตัวหยิบเสื้อตัวนอกมาสวมอย่างรวดเร็วรู้จักอายเสียด้วย เขาลืมไปหรือไม่ว่ายามนี้นางคือน้องสาววัยสิบขวบของเขา ไม่ใช่หญิงสาววัยปักปิ่นที่ไหน“ข้าขึ้นร่องแปลงผักให้เจ้าเรียบร้อยแล้ว”“ขอบคุณท่านมาก หลังกินข้าวเช้าเสร็จข้าจะลงมือปลูกข้าวโพด”ข้าวโพดเป็นพืชที่ปลูกง่ายและดูแลไม่ยาก อีกทั้งยังเก็บเอาไว้ได้นาน หรือจะนำมาแปรรูปเป็นแป้งเก็บไว้ทำอาหารก็ได้หลากหลาย ดังนั้นซ

    Last Updated : 2025-02-20

Latest chapter

  • สามีอยากก้าวหน้าต้องช่วยข้าทำสวน   บทที่ 7.5 เคราะห์ร้ายนำพาวาสนา

    “ทั้งหมดสามตำลึง”แม้จะเสียดายเงิน แต่เสื้อผ้าเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่สมควรจ่าย ดังนั้นซ่งไป๋ลู่จึงควักเงินยื่นให้อีกฝ่ายอย่างไม่ลังเล ก่อนจะเดินเล่นบนตรอกอวิ๋นสำรวจสินค้าต่างๆ ที่ผู้คนนิยม ตลอดจนสินค้าที่ขาดตลาด“เจ้าสุนัขขี้ขโมย กล้าขโมยเนื้อของข้า วันนี้ข้าจะตีให้ตาย”เสียงคนขายหมูร้องด่าลูกสุนัขตัวสีน้ำตาลมอมแมมดังลั่นถนน ซ่งไป๋ลู่เดิมทีไม่คิดสนใจเรื่องวุ่นวายของผู้อื่น ทว่าเจ้าลูกสุนัขตัวดีกลับคล้ายต้องการให้นางใส่ใจ ขาสั้นๆ ทั้ง 4 จึงวิ่งตรงมาหยุดที่ด้านหน้าซ่งไป๋ลู่ วางชิ้นเนื้อลงบนเท้าเล็กก่อนจะวิ่งไปหลบด้านหลัง ทำราวกับนางคือเจ้าของของมัน“อ๋อ... ที่แท้ก็เป็นหนึ่งคนหนึ่งสุนัขร่วมมือกันขโมยของ ช่างดีจริงๆ อย่างนั้นวันนี้ข้าจะตีทั้งสุนัขทั้งคนสั่งสอนไปพร้อมๆ กัน”คิ้วเล็กของซ่งไป๋ลู่ขมวดเข้าหากันแน่น คนตรงหน้าไม่ถามไม่ไถ่คิดเองเออเองก็จะตีนาง หึ! อยากสั่งสอนนางก็ต้องดูก่อนว่า อีกฝ่ายมีความสามารถหรือไม่ ซ่งไป๋ลู่ขบกรามในหัวคิดถึงศิลปะการป้องกันตัวที่ตนเองเคยร่ำเรียนเพื่อใช้รีวิวนิยายในภพก่อน ทว่ายังไม่ทันแสดงฝีมือเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น“หยุดเดี๋ยวนี้!”มือของชายขายหมูชะงักค้างอยู่ที่

  • สามีอยากก้าวหน้าต้องช่วยข้าทำสวน   บทที่ 7.4 เคราะห์ร้ายนำพาวาสนา

    ใช้เวลาร่วมชั่วยามในที่สุดสามพี่น้องตระกูลซ่งก็เดินมาถึงเหลาอาหารกู้ไป๋ ทว่าเท้าไม่ทันก้าวข้ามประตูก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายดังออกมาจากด้านใน ซ่งต้าลู่รีบดึงแขนน้องทั้งสองไว้เบื้องหลัง พลางกวาดสายตามองสถานการณ์ตรงหน้าในทันที“ใครไม่เกี่ยวก็ถอยไป!”สิ้นเสียงแข็งกร้าวดุดันดังลั่นเหลาอาหาร ลูกค้าต่างก็พากันลุกขึ้นแตกตื่นออกมาจากร้าน ซ่งไป๋ลู่ขมวดคิ้วเล็กมองอันธพาลแปลกหน้าในเหลาอาหารของตนด้วยความไม่พอใจ“ถ้าไม่อยากเดือดร้อนก็ส่งคนมา”ชายแปลกหน้าชี้นิ้วไปทางกู้เหยียน ซึ่งยืนบังจางหย่งที่ตัวโตกว่าเอาไว้“ท่านเป็นใคร แล้วทำไมต้องจับตัวพี่จางหย่งไปด้วย”กู้เหยียนตะโกนถามเสียงก้อง มือยังคงจับแขนของจางหย่งเอาไว้มั่น ราวกับจะสื่อสารให้เขารับรู้ว่าเด็กหนุ่มคนนี้จะปกป้องเขาเอง“ข้าเป็นใครไม่สำคัญ ส่งคนมาก็พอ”“ข้าไม่ส่ง! หากพี่จางหย่งเคยไปทำให้ท่านเดือดร้อนก็เรียกค่าชดเชยมา ข้าจะรับผิดชอบเอง”จางหย่งมองเด็กชายที่ออกโรงปกป้องตนเองแล้วเกิดความสงสัยอยู่ในที บนแผ่นดินนี้ยังมีคนที่ช่วยเหลือผู้อื่นโดยไม่กลัวความเดือดร้อนอยู่อีกหรือ“อายุของเจ้าดูแล้วคงไม่เกินสิบห้าแต่ใจกล้าไม่เบา ได้! ข้าจะบอกให้ ไอ้ขอทา

  • สามีอยากก้าวหน้าต้องช่วยข้าทำสวน   บทที่ 7.3 เคราะห์ร้ายนำพาวาสนา

    หลังจากเจรจาตกลงซื้อขายกันเสร็จแล้ว เกาจ้านเผิงก็รีบหมุนตัววิ่งจากไปในทันที ต่อจากนี้ในบ้านจะมีหนทางหาเงินเพิ่มแล้ว ภายหน้าหนี่เอ๋อร์ของเขาก็มีโอกาสซื้อยาดีๆ มากิน หรืออาจโชคดีถึงขั้นสามารถจ้างหมอมีฝีมือมารักษา เช่นนี้นางก็ไม่ต้องทรมานกับอาการเจ็บป่วยเรื้อรังนั่นอีกซ่งไป๋ลู่ยืนส่งคนจนลับตาก็เปิดประตูรั้วเข้าบ้าน เดิมทีคิดจะเข้าไปทักทายซ่งต้าลู่และซ่งหานลู่สักประโยค แต่เมื่อเห็นทั้งสองตั้งใจอ่านตำราก็ไม่คิดเข้าไปรบกวน เดินไปที่สวนหลังบ้านจัดการวัชพืชและเก็บแตงกวากับพริกสดติดมือกลับมาอู๊ดๆ... เสียงของหมูในเล้าร้องดังขึ้น ซ่งไป๋ลู่จึงสังเกตเห็นว่าหมูเหล่านี้ถึงเวลาเปลี่ยนเป็นเงินลงกระเป๋านางได้แล้ว ดังนั้นวันต่อมานางจึงกลับไปที่บ้านตระกูลเกาอีกครั้งเพื่อให้พวกเขาช่วยเป็นธุระติดต่อคนมาซื้อหมู ผ่านไปเพียงสองวันหมูในเล้าก็เปลี่ยนเป็นเงินตำลึงในกระเป๋านาง“พี่รอง ท่านขายหมูไปแล้วเช่นนั้นจะเลี้ยงอะไรแทน”การเลี้ยงหมูขายนั้นแม้จะทำกำไรได้ดี แต่ต้นทุนก็สูงไม่น้อย อีกทั้งความเสี่ยงก็มากเพราะหากพวกมันตายก่อนจะได้ขายทุกอย่างที่ลงทุนไปก็ล้วนสูญเปล่า ในทุกวันนางยังต้องหาอาหารปริมาณมากมาบำรุงให้พวก

  • สามีอยากก้าวหน้าต้องช่วยข้าทำสวน   บทที่ 7.2 เคราะห์ร้ายนำพาวาสนา

    เช้าวันต่อมาหลังจากที่กินมื้อเช้าแล้ว ซ่งไป๋ลู่ก็นำเห็ดที่ผึ่งลมจนแห้งใส่ตะกร้าออกเดินทางเข้าเมือง เดิมทีซ่งต้าลู่ตั้งใจติดตามไปส่งน้องสาว แต่ซ่งไป๋ลู่กลับไม่ยินยอม ด้วยเหตุผลที่ว่าตอนนี้การสอบถงเซิงใกล้เข้ามาทุกที เวลาของพี่ชายจึงมีค่ามากกว่าทองคำ นางจะให้การสอบของเขาพังลงเพราะเรื่องของนางไม่ได้เด็ดขาด ไม่เช่นนั้นแล้วภายหน้าคงยากจะรับมือกับเมิ่งเฟยอวี่แล้ว“อาไป๋มีเรื่องอะไรหรือ เห็นท่านลุงกู้ของเจ้าบอกว่าเจ้าต้องการพบข้า”ว่านชุนเดินออกมาจากห้องครัวด้วยท่าทางร้อนใจ หากแต่เด็กหญิงตรงหน้ากลับยิ้มกว้างวางตะกร้าบนบ่าลง“นี่คืออะไรหรือ”“นี่เป็นเห็ดผิงกูอ่อนเจ้าค่ะ”“เห็ดผิงกูอ่อน เจ้าเอามาเสียมากมายเช่นนี้ทำไมกัน หรือว่าจะนำมาทำอาหาร”ถึงแม้เห็ดผิงกูจะหาง่าย ทว่ากลับนำมาปรุงอาหารได้เพียงไม่กี่ชนิด เมื่อว่านชุนเห็นเด็กสาวพยักหน้าแสดงการยืนยันว่าจะใช้เห็ดผิงกูอ่อนทำอาหารจริงๆ ใบหน้าของว่านชุนก็อาบไปด้วยความกังวลในทันที“อาไป๋ ไม่ใช่ว่าข้าไม่อยากรับน้ำใจเจ้า แต่เห็ดผิงกูนั้นทำอาหารได้ไม่ดีนัก ยิ่งเป็นเห็ดผิงกูอ่อนพวกนี้ยิ่งไม่เป็นที่นิยม”“เช่นนั้นท่านป้ากู้ให้ข้ายืมครัวสักครู่ได้ไหมเจ้าคะ

  • สามีอยากก้าวหน้าต้องช่วยข้าทำสวน   บทที่ 7.1 เคราะห์ร้ายนำพาวาสนา

    ซ่งไป๋ลู่เดินออกจากบ้านมาได้ไม่นานก็เห็นประตูรั้วบ้านตระกูลเกา ริมฝีปากเล็กจึงเอ่ยร้องเรียกคน เจิ้งซุนหนี่ลูกสะใภ้ของบ้านตระกูลเกาได้ยินเสียงคนเรียกก็เดินออกมาต้อนรับเด็กสาวด้วยท่าทางเป็นมิตร“อาไป๋ เจ้ามาหาท่านพ่อหรือ”“ข้าเพียงอยากมาสอบถามว่าต้นกุหลาบที่บ้านของท่านยังมีดอกอยู่หรือไม่”“ยังมีอยู่อีกมากทีเดียว ถ้าเจ้าอยากได้ก็เข้ามาเก็บได้เลย แค่กๆ”เจิ้งซุนหนี่เอ่ยอย่างมีน้ำใจก่อนจะไอเบาๆ ซ่งไป๋ลู่ยิ้มกว้างเดินตามหญิงสาวเข้าไปด้านในบ้าน หากแต่นางไม่ได้เข้ามาเก็บดอกกุหลาบอย่างที่เจิ้งซุนหนี่คิด เด็กหญิงนั่งลงที่เก้าอี้ไม้หน้าบ้านแล้วดึงหญิงสาวนั่งลงตรงข้ามกัน“พี่สะใภ้เกา ท่านสนใจร่วมทำการค้ากับข้าหรือไม่”เมื่อได้ยินเด็กหญิงวัยเพียงสิบเอ็ดปีเอ่ยเจรจาการค้ากับตน เจิ้งซุนหนี่ก็เบิกตากว้างความไม่เชื่อถือเกิดขึ้นในใจ แต่เมื่อคิดถึงเรื่องที่สามีเล่าให้ฟังว่าเมื่อหลายเดือนก่อนที่พี่น้องบ้านซ่งให้ชุนเหยียนนายช่างประจำหมู่บ้านไปต่อเติมห้องเก็บของ แต่ยังไม่ทันลงมือสร้างเด็กสาวซ่งไป๋ลู่ก็มาเจรจาว่าจ้างให้สร้างบ้านหลังใหม่จนนายช่างชุนต้องมาขอให้เกาเทียนเย่ผู้เป็นบิดาสามีไปช่วยก่อสร้าง ในใจของเจ

  • สามีอยากก้าวหน้าต้องช่วยข้าทำสวน   บทที่ 6.5 สุราดีย่อมไม่กลัวตรอกลึก

    “คารวะคุณชายเฟย”“อืม นั่งลงสิ”ซ่งไป๋ลู่ทิ้งตัวลงนั่ง ตั้งท่าจะเจรจาขอเพิ่มราคาดอกไม้แห้ง เพียงแต่ไม่ทันเอ่ยปาก เฟยอวิ๋นก็วางหมากล้อมลงบนกระดานตรงหน้า“เวลาข้าเล่นหมากล้อมไม่ชอบให้ใครส่งเสียงรบกวน”หากไม่อยากให้ใครรบกวน เช่นนั้นเรียกนางเข้ามาทำไมกัน คุณชายเฟยอวิ๋นผู้นี้ช่างน่าโมโหนัก ยิ่งเห็นเขาเล่นหมากสองฝั่งขบคิดร่วมหนึ่งชาเย็นจึงวางหมากหนึ่งตัวซ่งไป๋ลู่ก็อดไม่ได้ หยิบหมากดำมาถือร่วมลงกระดานประลองกับเขา ไม่คิดว่าท่ามกลางความเงียบไร้สุ้มเสียงสนทนา สองชายหญิงต่างวัยกลับโต้ตอบกันอย่างดุเดือด ร่วมหนึ่งชั่วยามก็ยังไม่สามารถตัดสินแพ้ชนะเฟยอวิ๋นมองหมากบนกระดาน ไม่น่าเชื่อว่าตนเองจะเดินหมากได้เสมอกับเด็กหญิงวัยเพียงสิบปีตรงหน้า“หมากบนกระดานจบลงแล้ว เช่นนั้นคุณชายคงสามารถเจรจากับข้าเรื่องราคาดอกไม้แห้งได้แล้วใช่หรือไม่เจ้าคะ”“หากกระดานนี้เจ้าชนะข้าได้ ราคาดอกไม้แห้งของเจ้า ข้าจะเพิ่มราคาขึ้นให้อีกหนึ่งเท่าตัว”เมื่อได้ยินว่าคนตรงหน้าจะเพิ่มราคาดอกไม้แห้งให้อีกหนึ่งเท่าตัวเพียงแค่ชนะหมากล้อมกระดานนี้ซ่งไป๋ลู่ก็ยิ้มกว้าง ก่อนที่จะทะลุมิติมาตัวนางเป็นถึงแชมป์หมากล้อมประจำภาค ไหนเลยจะกลัวการ

  • สามีอยากก้าวหน้าต้องช่วยข้าทำสวน   บทที่ 6.4 สุราดีย่อมไม่กลัวตรอกลึก

    ในขณะที่สามพี่น้องตระกูลซ่งกำลังนั่งสนทนากับกู้เหยียน เสียงเอะอะโวยวายก็ดังมาจากทางหน้าร้าน ทุกคนจึงเร่งรุดไปดู ภาพที่เห็นคือชายขอทานวัยกลางคนเนื้อตัวมอมแมม เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่งกำลังถูกขอทานอีกกลุ่มใหญ่ไล่ทุบตี จนต้องหนีเข้ามาภายในร้านกู้ไป๋ ทำให้เกิดความโกลาหลวุ่นวายภายในร้านจนลูกค้าหนีหายไปจนหมดกู้ฉินยืนกอดภรรยาที่ร่ำไห้ด้วยความตื่นตระหนก ซ่งต้าลู่จับแขนเล็กของน้องๆ ดึงมาหลบที่ด้านหลัง เหยียดตัวตรงเป็นเกราะกำบังแล้วตะโกนเสียงดังก้องดุดัน“ตามกฎหมายแคว้นต้าหยาง ผู้ใดก่อความเสียหายให้บุคคลอื่นต้องเสียค่าปรับตามราคาทรัพย์สินที่เสียหาย หากมิอาจชำระก็ให้จำคุกชดเชย”ได้ยินคำขู่ของเด็กชายท่าทางภูมิฐานมีความรู้ เหล่ากลุ่มคนขอทานก็ชะงักมือไม้ที่กำลังง้างตีคนที่หมอบอยู่ใต้โต๊ะอาหาร แต่แล้วชายขอทานคนหนึ่งก็พูดขึ้น“พวกเราเป็นแค่ขอทาน ไม่มีชื่อในทะเบียนราษฎร์คิดจะจับเรารึ ถุย!”ซ่งต้าลู่ขมวดคิ้วเข้มเข้าหากัน ตวัดสายตาดุจ้องมองอีกฝ่าย ท่าทางเช่นนี้ของเขาทำให้ขอทานใจกล้าเมื่อครู่ใจฝ่อในทันที“ถึงแม้พวกเจ้าจะเป็นขอทานไม่มีชื่อในทะเบียนราษฎร์ แต่ทั่วทั้งแคว้นต้าหยางมีสถานที่หลบซ่อนไม่มากนัก ข้ารับร

  • สามีอยากก้าวหน้าต้องช่วยข้าทำสวน   บทที่ 6.3 สุราดีย่อมไม่กลัวตรอกลึก

    ซ่งไป๋ลู่นั่งลงมองผ่านประตูเรือนไปด้านนอก ตอนนี้นางทะลุมิติมาครึ่งปีแล้วสิ่งต่างๆ รอบตัวเปลี่ยนแปลงไปชนิดที่กล่าวได้ว่า จากหน้ามือเป็นหลังมือ ทว่าสิ่งเดียวที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงก็คือ... ซ่งต้าลู่ พี่ชายที่แสนดีคนนี้ เวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนเขาก็ถนอมน้องสาวคนนี้ไม่เปลี่ยนแปลง“พี่ใหญ่เดือนหน้าท่านต้องไปสอบแล้ว ช่วงนี้งานนอกบ้านท่านก็พักเอาไว้ก่อนเถิดเจ้าค่ะ เงินที่ท่านพ่อส่งมากับส่วนแบ่งที่ท่านป้ากู้มอบให้ พวกเราใช้ทั้งปีก็ยังไม่หมด”ตอนนี้พวกเขาสามพี่น้องตระกูลซ่งแม้ไม่อาจกล่าวว่าร่ำรวย แต่ก็ไม่ขัดสนเรื่องเงินเช่นในอดีต เนื่องจากซ่งไห่เฟิ่งผู้เป็นบิดานั้นส่งเงินมาให้ทุกหกเดือน แต่ละครั้งก็มากถึง 10 ตำลึง คำนวณดูแล้วที่ผ่านมาในหนึ่งปีบิดาผู้นี้ส่งเงินมาให้สามพี่น้องตระกูลซ่งถึง 20 ตำลึง กลับเป็นซ่งหลี่เถียนป้าใหญ่ผู้นั้นที่ละโมบเอาเงินไปจนหมด อีกทั้งยังรังแกพวกตน ใช้แรงงานซ่งต้าลู่จนเขาต้องหยุดพักการเรียน สูญเสียโอกาสในการสอบมาถึงสองปี คิดถึงตรงนี้ ในใจของซ่งไป๋ลู่ก็ยิ่งคับแค้นคนจนใบหน้าเคร่งขรึม“ขมวดคิ้วจนแน่นเช่นนี้ ในใจกำลังขุ่นเคืองผู้ใดกัน”น้ำเสียงหยอกเย้าของพี่ชายทำให้ซ่งไป๋ลู่ออกจา

  • สามีอยากก้าวหน้าต้องช่วยข้าทำสวน   บทที่ 6.2 สุราดีย่อมไม่กลัวตรอกลึก

    ตรอกหนิงอันเป็นถนนฝั่งตะวันตกตรงข้ามกับตรอกอวิ๋น ระยะทางนับว่าไม่ไกลกันมาก อีกอย่างที่นั่นไม่มีเหลาอาหารเรียกได้ว่าไร้คู่แข่ง ดังนั้นจึงนับเป็นทำเลดีในการเริ่มต้นกิจการเหลาอาหารด้วยเหตุนี้ในเดือนต่อมาบนถนนตะวันตก ตรอกหนิงอันจึงมีเหลาอาหารกู้ไป๋เกิดขึ้น และเพราะชื่อเสียงเดิมของว่านชุนทำให้เหลาอาหารกู้ไป๋นี้กลายเป็นที่นิยมในระยะเวลาอันรวดเร็ว ว่านชุนมองเงินตำลึงที่เก็บลงหีบด้วยรอยยิ้มกว้างเปล่งประกาย “อ่า... เงินของข้า ช่างดีจริงๆ”กู้ฉินที่บีบนวดไหล่ให้ภรรยาเห็นนางมีความสุขเช่นนี้บนใบหน้าของเขาก็พลอยมีรอยยิ้มกว้างตามไปด้วย“นางหนูซ่ง ช่างเป็นคนมองการณ์ไกลจริงๆ เวลาเพียงไม่นานก็ช่วยพวกเราให้เติบโตก้าวหน้าได้เช่นนี้แล้ว”“อาไป๋คือขาทองคำของพวกเรา ดังนั้นให้ต้องทุ่มหมดตัวข้าก็ต้องได้นางเป็นสะใภ้”ว่านชุนเอ่ยอย่างมุ่งมั่น สตรีที่มีควมคิดเฉลียวฉลาดเช่นนี้นางจะปล่อยให้หลุดมือไปได้อย่างไร“ได้เวลาไปรับอาเหยียนกับอาหานแล้ว ฮูหยินเจ้าเองก็เร่งปิดร้านพักผ่อนเถอะนะ”เพราะกิจการเหลาอาหารรุ่งเรืองเติบโตอย่างรวดเร็ว ดังนั้นบ้านตระกูลกู้จึงย้ายเข้ามาพักในเมือง และเพื่อความสะดวกในการเดินทางไปสำนักศึ

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status