Home / รักโบราณ / สามีอยากก้าวหน้าต้องช่วยข้าทำสวน / บทที่ 4.1 วาสนาดีไม่สู้ชีวิตดี

Share

บทที่ 4.1 วาสนาดีไม่สู้ชีวิตดี

last update Last Updated: 2025-02-20 12:44:33

บทที่ 4.1

วาสนาดีไม่สู้ชีวิตดี

ซ่งไป๋ลู่มองตะกร้าผลท้อและผลบ๊วยตะกร้าสุดท้ายแล้วถอนหายใจยาว สามเดือนแล้วที่นางเข้ามาอยู่ในนิยายเรื่องนี้ แม้ไม่มีวาสนาได้ทะลุมิติเข้ามาเป็นบุตรีขุนนางใหญ่ หรือเชื้อพระวงศ์เช่นที่นักเขียนนิยมกัน แต่ชีวิตเช่นนี้ของนางก็ไม่นับว่ายากลำบากอะไร คิดดูแล้วหากนางต้องเข้ามาตบตีแย่งชิงความรักจากบุรุษ หรือต้องขบคิดประลองไหวพริบปะทะวาจา นางกลับรู้สึกว่าชีวิตเช่นนี้สบายมากกว่า เรียกว่าวาสนาดีไม่สู้มีชีวิตที่ดี

“พี่รองลูกท้อกับลูกบ๊วยบนเขาไม่มีให้เก็บแล้ว ข้าจะยังมีเนื้อกินหรือไม่”

ซ่งหานลู่ที่ยามนี้หายใจเข้าออกเป็นเนื้อหมูเอ่ยเสียงเศร้า

ซ่งไป๋ลู่ถอนหายใจยาวเอ่ยเสียงจริงจัง

“หากเจ้าอยากมีเนื้อกินทุกวัน ต่อไปก็ต้องช่วยข้าทำสวนเข้าใจหรือไม่”

“ล้วนเชื่อฟังพี่รอง”

เชื่อฟังพี่รองอะไรกัน ทั้งหมดล้วนเพื่อกระเพาะน้อยๆ ของเขาต่างหาก ซ่งไป๋ลู่มองเด็กชายวัยห้าขวบที่ตอนนี้มีเนื้อมีหนังขึ้นมาก แก้มแห้งตอบกลมยุ้ย ผิวพรรณกระจ่างสดใส เพียงมองเห็นก็รับรู้ได้ถึงสุขภาพที่ดี

หลังจากที่รู้ว่าต่อไปซ่งไป๋ลู่จะไม่มีผลไม้มาฝากขายอีกแล้วกู้เหยียนก็มีสีหน้าสลดลง เพราะสามเดือนที่ผ่านมานี้นอกจากความยินดีที่ได้เห็นหน้าเด็กหญิงทุกวันแล้ว ในใจของกู้เหยียนยังภาคภูมิใจกับเงินในกระเป๋าที่เพิ่มขึ้นอีกด้วย

“รอเดือนหน้าผลพลับบนเขาเริ่มสุก พวกเราค่อยมาร่วมหุ้นกันอีกนะเจ้าคะ”

เมื่อได้ยินว่าเดือนหน้านางจะร่วมหุ้นกับตนอีก กู้เหยียนก็ยิ้มกว้าง แววตาที่เศร้าหมองเปล่งประกายเบิกบาน

“ข้าจะรอร่วมหุ้นกับเจ้า”

ซ่งต้าลู่ไม่เข้าใจ ร่วมหุ้น ที่คนทั้งสองเจรจากัน แต่ที่แน่ๆ เขารู้สึกหงุดหงิดทุกครั้งที่เห็นว่าสหายสนิททำตัวใกล้ชิดน้องสาวของเขา

“วันนี้ข้ายังถอนมันเทศมาได้สามตะกร้า ป้าชุนเคยบอกว่าเป็นของดีมีราคานิยมกินในหมู่ขุนนาง คงต้องรบกวนพี่กู้ช่วยเป็นธุระจัดการแล้ว”

ซ่งไป๋ลู่บอกด้วยรอยยิ้มกว้าง คราวก่อนซ่งต้าลู่ได้มันเทศพันธุ์ดีมาจากป้าชุน หลังดูแลมาสามเดือนกว่าในที่สุดก็สามารถนำมาสร้างเงินได้เสียที

“ไม่ใช่เรื่องยาก ข้าค้าขายมาหลายเดือนรู้จักสาวใช้จวนขุนนางแทบทุกหลัง เรื่องนี้ย่อมจัดการให้เจ้าได้อย่างดีแน่นอน”

“ขอบคุณพี่กู้มาก”

“ว่าแต่อาไป๋ ระหว่างนี้เจ้ายังต้องการให้ข้าซื้อนมแพะมาให้อยู่หรือไม่”

“เจ้าค่ะ หากวันไหนท่านลุงกู้เข้าเมืองรบกวนพี่กู้เหยียนซื้อมาฝากข้าด้วยได้หรือไม่เจ้าคะ”

“ขอเพียงอาไป๋ต้องการ ต่อให้ท่านพ่อไม่เข้าเมืองข้าก็จะเดินไปซื้อให้”

“พี่กู้เหยียนซื้อเนื้อหมูมาด้วยได้หรือไม่”

ยังคงเป็นซ่งหานลู่ที่ร้องอยากกินเนื้อหมูทุกวัน ซ่งไป๋ลู่ถอนหายใจยาวส่ายหน้าอย่างระอาใจ

เมื่อกู้เหยียนจากไปแล้วซ่งไป๋ลู่ก็เข้ามาในครัวตรวจดูของใช้ว่ายังขาดเหลืออะไรอีกหรือไม่ ยามนี้ไม่มีเงินมาเติมในกระเป๋า เรื่องใดไม่ควรจ่ายนางก็ต้องระวังให้มากขึ้น

“น้องรอง เจ้าไม่ควรตามใจน้องเล็กมากเกินไป นมแพะกับเนื้อหมูเป็นของมีราคาไม่จำเป็นต้องกินทุกวันก็ได้”

ซ่งต้าลู่ที่เดินตามหลังนางเข้ามาเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงห่วงใย น้องสาวของเขาหาเงินมาด้วยความยากลำบาก ทว่าแปดในสิบล้วนเอามาลงท้องพวกเขาจนหมดสิ้น

“น้องเล็กเป็นเด็กกำลังโตจำเป็นต้องบำรุงให้มาก ภายหน้าสุขภาพจะได้แข็งแรง”

“แต่ว่า...”

“พี่ใหญ่... สำหรับข้าไม่มีสิ่งใดล้ำค่ามีราคาไปกว่าพวกท่าน”

ซ่งไป๋ลู่เอ่ยบอกด้วยความจริงใจ ชีวิตของซ่งไป๋ลู่ผู้นี้ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของร่างเดิมในอดีตหรือตัวนางในปัจจุบันล้วนมีเพียงสองพี่น้องแซ่ซ่งที่ห่วงใยนางจากใจจริง ดวงตากลมของซ่งไป๋ลู่แดงก่ำเล็กน้อยเมื่อคิดถึงประโยคหนึ่งในนิยาย

เพราะของดีๆ ล้วนเอามาลงท้องซ่งไป๋ลู่จนหมด น้องชายคนเล็กที่อดๆ อยากๆ อายุสิบสามก็ล้มป่วยและตายจากไป

เมื่อคิดว่าอีกแปดปีเจ้าก้อนแป้งช่างเจรจาซ่งหานลู่ต้องตายจากไป หัวใจของซ่งไป๋ลู่ก็ไม่อาจยอมรับ ดังนั้นทุกวันนี้ของดีล้วนสรรหามาบำรุงให้เขา อีกทั้งยังพาขึ้นเขาฝึกร่างกายเล็กๆ ให้แข็งแรง

“น้องรองเจ้าเป็นคนฉลาดรู้ความ ย่อมรู้ว่าเงินทองสำคัญมากแค่ไหน หากใช้จ่ายอย่างสิ้นเปลืองเช่นนี้ภายหน้าจะลำบาก”

“ขอเพียงมีท่านกับน้องเล็กอยู่เคียงข้าง ให้ยากลำบากอีกสักหน่อยข้าก็ทนได้เจ้าค่ะ”

“พี่รอง!”

เสียงเล็กสั่นเครือวิ่งเข้ามาในครัวโผเข้ากอดเอวบางเล็กของพี่สาว ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่พี่สาวของเขาผอมลงเช่นนี้ ในใจของซ่งหานลู่พลันรู้สึกผิดขึ้นมา ยิ่งคิดถึงข้าวในถ้วยที่นางมักแบ่งให้เขากินในใจของเด็กชายก็ยิ่งสั่นสะท้านกระชับอ้อมแขนเล็กแน่น

“น้องเล็กเจ้าเป็นอะไรไป หรือว่าอยากกินเนื้อเพิ่ม”

“ไม่เอาข้าไม่กินแล้ว ต่อไปข้าไม่กินเนื้อ ไม่กินนมแล้ว”

ซ่งไป๋ลู่ขมวดคิ้วเล็ก ดูเหมือนเรื่องที่นางกับซ่งต้าลู่สนทนากันเมื่อครู่เจ้าก้อนแป้งตัวน้อยผู้นี้จะได้ยินหมดแล้ว

“น้องเล็กเจ้าอย่าเพิ่งเข้าใจผิด พี่รองให้เจ้ากินเนื้อกินนมนั่นเพราะต้องการให้เจ้าแข็งแรง ภายหน้าจะได้ไม่เจ็บไม่ป่วย รู้หรือไม่ค่าหมอค่ายานั้นแพงกว่าค่าหมูค่านมเสียอีก”

“จริงหรือขอรับ”

“พี่รองเคยหลอกเจ้าหรือ”

“ท่านหลอกข้าเสมอ”

ซ่งไป๋ลู่พลันยิ้มแห้ง เรื่องนี้หากจะโทษก็ต้องโทษนักเขียนที่สร้างตัวละครซ่งไป๋ลู่ให้เห็นแก่ตัว ไม่ว่าเรื่องใดขอเพียงทำให้ตัวเองสบายล้วนไม่ลังเลจะลงมือและผู้ที่ถูกนางล่อลวงรังแกมากที่สุดก็คือซ่งหานลู่

“แต่ไม่เป็นไร... คำพูดของท่านจริงเท็จข้าล้วนเชื่อฟัง”

คนตัวเล็กเอ่ยเสียงขึ้นจมูก แขนเล็กที่เริ่มกลมป้อมเพราะได้รับการบำรุงอย่างดีกระชับเอวบางแน่น

“เช่นนั้นระหว่างรอลูกพลับบนเขาสุก พวกเรามาช่วยกันทำสวนก่อนดีหรือไม่”

“ล้วนเชื่อฟังพี่รอง”

ซ่งไป๋ลู่ยิ้มกว้างเงยหน้าขึ้นสบสายตาคมที่เต็มไปด้วยความกังวลของซ่งต้าลู่แล้วเอ่ยเสียงอ่อนโยน

“พรุ่งนี้ข้าต้องไปช่วยท่านลุงอี้ขึ้นแปลงข้าวโพด เจ้ารออีกสักสองวันข้าจะขึ้นแปลงให้”

“พี่ใหญ่พลิกหน้าดินไว้ให้พวกเราแล้ว เหลือแค่ลงเมล็ดเท่านั้นไม่ได้ยากลำบากอะไรเจ้าค่ะ”

ก่อนหน้านี้ซ่งต้าลู่ตื่นแต่ฟ้าสางทุกวันมาพลิกหน้าดินที่บริเวณลานโล่งหลังบ้านทั้งสามหมู่จนแล้วเสร็จ ดังนั้นงานที่เหลือจึงมีเพียงขึ้นแปลง ลงเมล็ดและรดน้ำเท่านั้น

“ขึ้นร่องทำแปลงใช้แรงมาก ข้าจะขึ้นให้เอง”

“ช่วงนี้ท่านงานล้นมือ อีกทั้งที่นาที่ท่านป้าใหญ่ให้มาก็ต้องเร่งลงกล้า งานเล็กๆ ในสวนหลังบ้านก็ให้ข้ากับน้องเล็กจัดการเถิดเจ้าค่ะ”

เดือนนี้เป็นช่วงสุดท้ายของการลงกล้าปลูกผักทำสวนแล้ว หากยังชักช้าเกรงว่าเรี่ยวแรงที่ลงไปก่อนหน้าจะสูญเปล่าทั้งหมด

“เช่นนั้นข้าจะตื่นแต่เช้ามาช่วยพวกเจ้าขึ้นร่องแปลงก่อน”

อย่างไรเสียน้องสาวเขาก็เพิ่งสิบขวบ ส่วนน้องชายก็ห้าขวบ จะให้ทนเห็นคนทั้งสองต้องทำงานหนักเพียงนั้นซ่งต้าลู่ย่อมไม่อาจทำใจได้

“แต่...”

“น้องรองหากเจ้าไม่ฟังคำข้า เรื่องปลูกผักทำสวนนี่ก็ไม่ต้องทำอีก”

ซ่งต้าลู่เอ่ยเสียงดุ ใบหน้าจริงจัง เห็นท่าทางเช่นนี้ของเขาแล้วซ่งไป๋ลู่ก็ได้แต่ยอมถอยให้หนึ่งก้าว อย่างไรเสียร่างกายนี้ก็เป็นของน้องสาวเขา อีกฝ่ายจะรักและห่วงใยย่อมไม่ผิด

“เจ้าค่ะๆ ข้าฟังท่าน... ยอมท่านแล้ว เช่นนี้หายโมโหได้หรือไม่เจ้าคะ”

คนที่เผลอตัวเอ่ยเสียงดุพลันตระหนักได้ ใบหน้าพลันร้อนผ่าวขึ้นมาจนมือไม้เก้กัง สุดท้ายจึงทำได้เพียงหมุนตัวจากไป

“พี่รอง เมื่อครู่พี่ใหญ่โมโหท่านหรือ อ่า... เป็นไปได้อย่างไร หรือปีนี้ฝนจะแล้งกัน”

ซ่งไป๋ลู่เห็นสีหน้าท่าทางประหลาดใจของน้องชายตัวน้อยก็ยกมือขึ้นดีดหน้าผากเล็ก

“หากฝนแล้งพืชผักในสวนไม่ได้ผลผลิต เจ้าก็จะไม่มีเนื้อกินอีก”

“ไม่ได้นะขอรับ”

“เช่นนั้นก็รีบไปกินนมแล้วเข้านอน พรุ่งนี้จะได้ตื่นมาทำสวนหลังบ้าน”

Related chapters

  • สามีอยากก้าวหน้าต้องช่วยข้าทำสวน   บทที่ 4.2 วาสนาดีไม่สู้ชีวิตดี

    บทที่ 4.2 วาสนาดีไม่สู้ชีวิตดีเช้าวันต่อมาซ่งต้าลู่ก็ตื่นแต่ฟ้าสางหยิบจอบเดินไปยังลานหลังบ้านขึ้นแปลงผักอย่างขะมักเขม้น ซ่งไป๋ลู่จึงเข้าครัวทำอาหารเช้าง่ายๆ อย่างโจ๊กหมูและไข่ต้มไว้รอสองพี่น้อง ยามที่ตะวันเริ่มเคลื่อนตัวขึ้นไอเย็นของหยาดน้ำค้างระเหยไปจนหมด นางก็ยกผลท้อที่ฝานเป็นชิ้นออกไปตากแห้ง สัมผัสดูความชื้นแล้วตากแดดวันนี้อีกแค่วันเดียวก็สามารถเก็บลงโถเอาไปรวมกับของวันก่อนๆ ได้แล้ว“พี่ใหญ่ท่านหยุดมือแล้วมากินข้าวก่อนเถิด”ซ่งไป๋ลู่เดินไปเรียกเด็กหนุ่มที่ยามนี้มีกล้ามเนื้อมากขึ้นสมกับเป็นบุรุษแล้ว ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเพราะฝีมือการบำรุงร่างกายเขาของนาง ซ่งต้าลู่ถูกแววตากลมใสจ้องมองร่างกายที่เปลือยท่อนบนสองแก้มก็ร้อนผ่าวรีบล้างตัวหยิบเสื้อตัวนอกมาสวมอย่างรวดเร็วรู้จักอายเสียด้วย เขาลืมไปหรือไม่ว่ายามนี้นางคือน้องสาววัยสิบขวบของเขา ไม่ใช่หญิงสาววัยปักปิ่นที่ไหน“ข้าขึ้นร่องแปลงผักให้เจ้าเรียบร้อยแล้ว”“ขอบคุณท่านมาก หลังกินข้าวเช้าเสร็จข้าจะลงมือปลูกข้าวโพด”ข้าวโพดเป็นพืชที่ปลูกง่ายและดูแลไม่ยาก อีกทั้งยังเก็บเอาไว้ได้นาน หรือจะนำมาแปรรูปเป็นแป้งเก็บไว้ทำอาหารก็ได้หลากหลาย ดังนั้นซ

    Last Updated : 2025-02-20
  • สามีอยากก้าวหน้าต้องช่วยข้าทำสวน   บทที่ 4.3 วาสนาดีไม่สู้ชีวิตดี

    บทที่ 4.3 วาสนาดีไม่สู้ชีวิตดียามที่ซ่งต้าลู่กลับมาถึงบ้านก็พบว่าอาหารมื้อค่ำถูกจัดวางบนโต๊ะ ส่วนน้องทั้งสองคนหมดแรงนอนหลับอยู่บนเตียงเสียแล้ว“น้องรอง น้องเล็ก ลุกขึ้นมากินข้าวก่อนค่อยนอนต่อ”เสียงเอ่ยเรียกอย่างอ่อนโยนของซ่งต้าลู่ดังขึ้น คนที่หมดแรงหลับไปจึงลุกขึ้นมากินข้าวด้วยอาการกินไปหลับไปอย่างแท้จริง หลังกลืนข้าวคำสุดท้ายลงท้องก็หมุนตัวทิ้งกายลงนอนหลับต่อในทันทีซ่งต้าลู่มองน้องทั้งสองด้วยรอยยิ้มระคนรู้สึกผิด เป็นเพราะเขาทำหน้าที่พี่ชายได้ไม่ดี น้องทั้งสองจึงต้องยากลำบากเช่นนี้ ดังนั้นนอกจากจัดการเก็บถ้วยชาม และตักน้ำใส่ถังไม้ในบ้านจนเต็มทุกใบแล้ว ในยามฟ้าสางซ่งต้าลู่ยังเร่งตื่นก่อนผู้อื่น แบกถังไม้ไปตักน้ำมารดข้าวโพดที่น้องทั้งสองของเขาช่วยกันลงแรงปลูก รวมถึงหยิบจอบมาขึ้นแปลงเพิ่มไว้ให้พวกเขาอีกสองหมู่เมื่อซ่งไป๋ลู่ตื่นขึ้นมาก็พบว่าทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว ริมฝีปากเล็กก็ยิ้มกว้างเอ่ยขอบคุณซ่งต้าลู่จากใจจริง“พี่ใหญ่มากินข้าวเถิดเจ้าค่ะ”หลังจากกินมื้อเช้าเสร็จ ซ่งต้าลู่ยังคงออกจากบ้านไปทำงานเช่นเดิม ซ่งไป๋ลู่หยิบถุงเมล็ดพันธุ์ถั่วเหลืองมาคัดแยกแล้วพาน้องชายตัวน้อยลงแรงป

    Last Updated : 2025-02-20
  • สามีอยากก้าวหน้าต้องช่วยข้าทำสวน   บทที่ 4.4 วาสนาดีไม่สู้ชีวิตดี

    บทที่ 4.4 วาสนาดีไม่สู้ชีวิตดี“พี่ใหญ่ข้ามีเรื่องหนึ่งอยากปรึกษาท่าน”ซ่งไป๋ลู่เอ่ยขึ้นหลังจากที่กินมื้อค่ำเสร็จ ซ่งต้าลู่ไม่ได้ขานรับ ทว่าท่าทีสบตานิ่งพร้อมรับฟังของเขาก็ทำให้ซ่งไป๋ลู่มั่นใจที่จะเอ่ยบอกความคิดของตนเอง“ตอนนี้ฝนเริ่มไม่ค่อยตกแล้ว ที่ดินที่ท่านป้าใหญ่ยกให้เราติดกับแม่น้ำ อีกทั้งมีทางน้ำสำหรับเข้านา หากข้าลอกร่องทำทางน้ำต่อมาที่บ้านเราจะได้ไหมเจ้าคะ ท่านจะได้ไม่ต้องลำบากไปตักน้ำที่ลำธารมาให้พวกเราใช้”ที่สำคัญนางกับน้องชายตัวน้อยจะได้ไม่ต้องเหน็ดเหนื่อยกับการหาบน้ำมารดพืชผลเหล่านั้นด้วย“หากเจ้าจะลอกร่องทำทางน้ำเพื่อใช้รดน้ำพืชผักนั้นย่อมได้ ทว่าน้ำที่ไหลผ่านทางลอก นำมาใช้ในบ้านไม่ได้”ซ่งต้าลู่เอ่ยตอบน้องสาว นางยังเด็กอาจไม่เข้าใจว่าการนำน้ำมาใช้ในบ้านนั้น ต้องตักน้ำจากต้นน้ำ อีกทั้งยังต้องตักอย่างระวัง ไม่เช่นนั้นจะได้น้ำที่ขุ่นและสกปรกไม่สามารถนำมาใช้ได้เรื่องความสะอาดของน้ำที่ใช้ซ่งไป๋ลู่ย่อมรู้ดี แต่การไปตักน้ำที่อยู่ห่างจากบ้านถึงสี่ลี้ก็นับว่ายากลำบากไม่น้อย ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันแน่นก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยท่าทางดีใจ“แล้วถ้าเรามีถังกรองน้ำเล่าเจ้าคะ”สำหรับซ่งไ

    Last Updated : 2025-02-20
  • สามีอยากก้าวหน้าต้องช่วยข้าทำสวน   บทที่ 5.1 ทางรอด

    บทที่ 5.1ทางรอดเมื่อเข้าสู่ช่วงเก็บเกี่ยวผลผลิตผู้คนในหมู่บ้านอันฉีก็วุ่นวายกันมากขึ้น ซ่งต้าลู่ต้องออกจากบ้านไปทำงานหนักทุกวัน แน่นอนว่าเขาไม่ยินดีให้ซ่งไป๋ลู่ออกไปพบเจอความยากลำบากเหล่านั้น ในทุกวันซ่งไป๋ลู่จึงทำเพียงตื่นเช้าเข้าครัวทำอาหาร หลังจากนั้นก็จัดการปล่อยน้ำเข้าสวนหลังบ้าน ก่อนจะขึ้นเขาเก็บผลพลับ ที่เพิ่มเติมก็คือก่อนจะออกจากบ้านนางมักจะเก็บดอกกุหลาบและดอกหอมหมื่นลี้ที่ริมรั้วมาตากแห้งทิ้งไว้“พี่รองท่านจะเอาดอกไม้พวกนี้ไปทำอะไรหรือขอรับ”“เอาไว้ทำของดีให้เจ้ากินอย่างไรเล่า”ซ่งหานลู่ขมวดคิ้วเล็ก ดอกไม้เหล่านี้จะเอามาทำของกินได้อย่างไร ทว่าเมื่อพี่รองบอกว่าได้ย่อมต้องได้สามวันต่อมาหลังมื้อค่ำบนโต๊ะก็มีชาเหมยกุ้ยฮวาเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งกา“พี่รองนี่คือดอกกุหลาบที่ท่านเก็บวันนั้นหรือขอรับ”“ใช่แล้วเจ้าลองชิมดู”เอ่ยจบซ่งไป๋ลู่ก็รินชาร้อนใส่ถ้วยชาหินที่ดูไม่มีราคา ทว่าแท้จริงกลับมีราคาเท่ากับข้าวสารถึงสามสิบจิน“เป็นอย่างไรรสชาติดีหรือไม่”“ดีขอรับ ดีมากๆ นับเป็นของดีเช่นที่ท่านบอกจริงๆ”เสียงเล็กเอ่ยชมคนเป็นพี่พร้อมยิ้มกว้างจนดวงตาหยี ส่งถ้วยชาใบเล็กยื่นมาขอเพิ่มอีกถ้วย แน่

    Last Updated : 2025-02-20
  • สามีอยากก้าวหน้าต้องช่วยข้าทำสวน   บทที่ 5.2 ทางรอด

    บทที่ 5.2 ทางรอดวันถัดมาซ่งไป๋ลู่ตื่นตั้งแต่เช้าเพื่อหุงข้าวหม้อใหญ่ ทว่าข้าวยังไม่ทันสุก คนจากบ้านตระกูลกู้ก็มาถึงแล้ว“อาไป๋!”กู้เหยียนที่เดินเข้ามาในครัวเอ่ยทักทายพร้อมกับวางตะกร้าผักกาดและไข่ไก่ลง“ได้ยินว่าเจ้าจะลงครัวทำอาหารเลี้ยงพวกเราข้าจึงเอาผักแล้วก็ไข่ไก่มาด้วย”ใบหน้าของเด็กหนุ่มมีรอยยิ้มกว้างก่อนจะเดินไปหยิบพัดมาช่วยพัดเตาเล็กที่ซ่งไป๋ลู่กำลังจุด เมื่อเห็นว่ามีคนมาช่วยซ่งไป๋ลู่ก็ยิ้มกว้างหันไปหยิบมีดมาหั่นผัก“อาไป๋ ส่งมีดมาให้ข้าจัดการเอง อาเหยียนพ่อของเจ้ากับอาต้าเข้าไปเก็บข้าวโพดกันแล้ว รีบตามไปช่วยงานเร็ว อย่าได้คิดกินแรงผู้อื่นเชียว”“ขอรับ อาไป๋ข้ารอกินอาหารฝีมือเจ้านะ”คนพัดเตาหันมาบอกเด็กหญิง ก่อนจะรีบออกไปจากห้องครัว ว่านชุนมองบุตรชายแล้วยิ้มขบขัน ซ่งไป๋ลู่ยังไม่ทันปักปิ่นลูกชายตัวดีก็รู้จักทำคะแนนแล้ว ช่างเป็นเด็กหนุ่มที่รู้จักมองอนาคตจริงๆซ่งไป๋ลู่มองดูว่านชุนจัดการหั่นผักอย่างชำนาญแล้วเบิกตากว้าง แม้ว่าสตรีในยุคนี้เข้าครัวตั้งแต่ยังเด็ก แต่ท่าทางเชี่ยวชาญเช่นนี้ย่อมไม่ใช่สตรีในเรือนทั่วไปจะมี พริบตาทั้งผักที่ซ่งไป๋ลู่เตรียมไว้ และวัตถุดิบในตะกร้าที่ว่านชุ

    Last Updated : 2025-02-20
  • สามีอยากก้าวหน้าต้องช่วยข้าทำสวน   บทที่ 5.3 ทางรอด

    บทที่ 5.3 ทางรอดหลังจากเก็บเกี่ยวข้าวโพดที่สวนหลังบ้านเสร็จ วันต่อมาซ่งต้าลู่ก็ออกจากบ้านไปช่วยงานที่บ้านตระกูลฉี ซ่งไป๋ลู่มองข้าวโพดแห้งกองโตแล้วก็หยิบมีดขนาดพอเหมาะกับมือเล็กแบกตะกร้าสานขึ้นบ่า“พี่รองท่านจะขึ้นเขาไปเก็บลูกพลับหรือขอรับ”“วันนี้ข้าจะไปตัดไม้ไผ่มาทำราวตากข้าวโพดก่อน”“เช่นนั้นข้าไปช่วยท่าน”ซ่งหานลู่เอ่ยอย่างแข็งขัน ท่าทางเช่นนี้ของเขาเรียกรอยยิ้มกว้างบนใบหน้าคนเป็นพี่ในทันที“แต่เย็นนี้ท่านทำหมูตุ๋นน้ำแดงให้ข้ากินสักชามได้หรือไม่”รอยยิ้มบนใบหน้าของซ่งไป๋ลู่พลันหุบลง ถอนหายใจส่ายหน้า เจ้าเด็กน้อยผู้นี้หายใจเข้าออกก็เป็นเนื้อหมูไปเสียแล้ว“เจ้าคนตะกละ”“ข้าไม่ได้ตะกละ ข้าเป็นเพียงเด็กกำลังโตจึงจำเป็นต้องบำรุงให้มาก ภายหน้าสุขภาพจะได้แข็งแรง”ซ่งไป๋ลู่ได้ยินคำพูดของคนตัวเล็กก็ยกมือขึ้นบีบจมูกของเขาเบาๆ ไม่คิดว่าน้องเล็กของนางรู้จักเอาคำพูดนางมาล้อเลียนแล้วห้าเดือนมานี้ซ่งไป๋ลู่ขึ้นเขาบ่อยครั้ง และทุกครั้งก็จะขยับเข้ามาลึกขึ้นทีละนิด แน่นอนว่าทุกอย่างต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของนางและซ่งหานลู่เสมอ“พี่รองลูกพลับต้นนี้สุกแล้ว เราเก็บลงไปด้วยดีหรือไม่ขอรับ”ซ่งไป๋ลู่แหงน

    Last Updated : 2025-02-20
  • สามีอยากก้าวหน้าต้องช่วยข้าทำสวน   บทที่ 5.4 ทางรอด

    บทที่ 5.4 ทางรอดเช้าวันต่อมากู้ฉินต้องเข้าไปส่งของในเมือง อีกทั้งถั่วเหลืองแค่หมู่เดียวอาศัยแรงของซ่งต้าลู่และกู้เหยียนแค่สองคนก็เพียงพอดังนั้นสองสหายจึงลงงานตั้งแต่ฟ้าสาง และเพราะว่านชุนต้องตามกู้ฉินเข้าเมืองไปแทนกู้เหยียนดังนั้นมื้อเที่ยงจึงเป็นซ่งไป๋ลู่ที่ต้องลงครัวจัดการ“อาไป๋ เจ้าทำอาหารได้รสชาติดีไม่น้อย เช่นนี้ภายหน้าข้าก็ไม่ต้องกังวลเรื่องปากท้องแล้ว”คำพูดนี้ของกู้เหยียนทำให้สหายสนิทที่นั่งข้างๆ ตวัดสายตามองอย่างไม่พอใจ แน่นอนว่าคนที่เห็นสายตาพิฆาตนี้มีเพียงซ่งไป๋ลู่เท่านั้น“เอ่อ... พี่กู้เหยียน พรุ่งนี้ท่านลุงกู้จะเข้าเมืองอีกหรือไม่”“ท่านป้าชุนจะเอาข้าวไปขายในเมือง ท่านพ่อเห็นว่าเจ้าไม่ได้ขึ้นเขาไปเก็บลูกพลับจึงได้รับปากป้าชุนไปแล้ว แต่หากเจ้าจะเอาของไปขายข้าจะไปบอกท่านพ่อให้ไปแจ้งแก่ป้าชุน”“ข้าไม่ได้จะฝากของไปขาย เพียงอยากขอติดเกวียนไปด้วยเจ้าค่ะ”“น้องรอง เจ้าจะเข้าเมืองไปทำไม”ซ่งต้าลู่ลืมความขุ่นเคืองสหายหันมาสนใจน้องสาวของตนเองในทันทีที่ได้ยินว่านางจะเข้าเมือง“ข้าเพียงอยากลองเอากุหลาบแห้งไปขายเจ้าค่ะ”เพราะซ่งต้าลู่ปลูกกุหลาบและหอมหมื่นลี้ไว้ที่ริมรั้วเป็นจำนวนมาก

    Last Updated : 2025-02-20
  • สามีอยากก้าวหน้าต้องช่วยข้าทำสวน   บทที่ 5.5 ทางรอด

    บทที่ 5.5 ทางรอดซ่งไป๋ลู่มองถุงเงินในมือแล้วยิ้มกว้าง ดวงตากลมเปล่งประกาย ครั้งนี้ไม่เพียงทำการค้าสำเร็จ นางยังสามารถเช่าพื้นที่เล็กๆ บนถนนอวิ๋นให้ว่านชุนได้อีกด้วย“อาไป๋ เมื่อครู่เจ้าบอกว่าอะไรนะ”“ข้าถามท่านป้าว่าท่านทำซาลาเปาเป็นหรือไม่เจ้าคะ”“ก็แค่ซาลาเปาข้าจะทำไม่เป็นได้อย่างไร ประโยคต่อมาของเจ้าต่างหากเจ้าว่าอย่างไรนะ”“อ๋อ... ข้าเพียงบอกว่าหาที่ตั้งร้านให้ท่านได้แล้วอยู่ที่...”“ที่ตั้งร้านหรือ!”ว่านชุนเบิกตากว้าง แม้นางจะเคยกล่าวว่าต้องการดูแลใส่ใจคนในบ้านแต่ส่วนลึกในใจยังคงปรารถนาการค้าเช่นอดีต ทว่านางแต่งงานแล้วเรื่องนี้อย่างไรก็ไม่อาจตัดสินใจได้ด้วยตนเอง“เพียงแต่อาจทำการค้าได้เพียงขายซาลาเปาเท่านั้น”“แค่ซาลาเปาก็พอแล้ว ชุนเอ๋อร์เจ้าจะได้ไม่เหนื่อยเกินไป”กู้ฉินที่เพิ่งนำวัวไปเข้าคอกเอ่ยบอก ว่านชุนพลันเบิกตากว้างเอ่ยถามเขาเสียงสั่น“ท่านพี่ ท่านหมายความว่าอย่างไร”ผู้เป็นสามีเดินเข้ามากุมมือของภรรยา สายตาคมกล้าจดจ้องดวงตาเรียวคลอหยาดน้ำตาของนาง“ชุนเอ๋อร์เป็นข้าที่ไม่ดี ทั้งที่เจ้าเสียสละความปรารถนาของตนเอง ยอมมาเป็นสตรีบ้านนอกใช้ชีวิตอย่างยากลำบากอยู่กับข้า แต่ข้ากลั

    Last Updated : 2025-02-20

Latest chapter

  • สามีอยากก้าวหน้าต้องช่วยข้าทำสวน   บทที่ 5.5 ทางรอด

    บทที่ 5.5 ทางรอดซ่งไป๋ลู่มองถุงเงินในมือแล้วยิ้มกว้าง ดวงตากลมเปล่งประกาย ครั้งนี้ไม่เพียงทำการค้าสำเร็จ นางยังสามารถเช่าพื้นที่เล็กๆ บนถนนอวิ๋นให้ว่านชุนได้อีกด้วย“อาไป๋ เมื่อครู่เจ้าบอกว่าอะไรนะ”“ข้าถามท่านป้าว่าท่านทำซาลาเปาเป็นหรือไม่เจ้าคะ”“ก็แค่ซาลาเปาข้าจะทำไม่เป็นได้อย่างไร ประโยคต่อมาของเจ้าต่างหากเจ้าว่าอย่างไรนะ”“อ๋อ... ข้าเพียงบอกว่าหาที่ตั้งร้านให้ท่านได้แล้วอยู่ที่...”“ที่ตั้งร้านหรือ!”ว่านชุนเบิกตากว้าง แม้นางจะเคยกล่าวว่าต้องการดูแลใส่ใจคนในบ้านแต่ส่วนลึกในใจยังคงปรารถนาการค้าเช่นอดีต ทว่านางแต่งงานแล้วเรื่องนี้อย่างไรก็ไม่อาจตัดสินใจได้ด้วยตนเอง“เพียงแต่อาจทำการค้าได้เพียงขายซาลาเปาเท่านั้น”“แค่ซาลาเปาก็พอแล้ว ชุนเอ๋อร์เจ้าจะได้ไม่เหนื่อยเกินไป”กู้ฉินที่เพิ่งนำวัวไปเข้าคอกเอ่ยบอก ว่านชุนพลันเบิกตากว้างเอ่ยถามเขาเสียงสั่น“ท่านพี่ ท่านหมายความว่าอย่างไร”ผู้เป็นสามีเดินเข้ามากุมมือของภรรยา สายตาคมกล้าจดจ้องดวงตาเรียวคลอหยาดน้ำตาของนาง“ชุนเอ๋อร์เป็นข้าที่ไม่ดี ทั้งที่เจ้าเสียสละความปรารถนาของตนเอง ยอมมาเป็นสตรีบ้านนอกใช้ชีวิตอย่างยากลำบากอยู่กับข้า แต่ข้ากลั

  • สามีอยากก้าวหน้าต้องช่วยข้าทำสวน   บทที่ 5.4 ทางรอด

    บทที่ 5.4 ทางรอดเช้าวันต่อมากู้ฉินต้องเข้าไปส่งของในเมือง อีกทั้งถั่วเหลืองแค่หมู่เดียวอาศัยแรงของซ่งต้าลู่และกู้เหยียนแค่สองคนก็เพียงพอดังนั้นสองสหายจึงลงงานตั้งแต่ฟ้าสาง และเพราะว่านชุนต้องตามกู้ฉินเข้าเมืองไปแทนกู้เหยียนดังนั้นมื้อเที่ยงจึงเป็นซ่งไป๋ลู่ที่ต้องลงครัวจัดการ“อาไป๋ เจ้าทำอาหารได้รสชาติดีไม่น้อย เช่นนี้ภายหน้าข้าก็ไม่ต้องกังวลเรื่องปากท้องแล้ว”คำพูดนี้ของกู้เหยียนทำให้สหายสนิทที่นั่งข้างๆ ตวัดสายตามองอย่างไม่พอใจ แน่นอนว่าคนที่เห็นสายตาพิฆาตนี้มีเพียงซ่งไป๋ลู่เท่านั้น“เอ่อ... พี่กู้เหยียน พรุ่งนี้ท่านลุงกู้จะเข้าเมืองอีกหรือไม่”“ท่านป้าชุนจะเอาข้าวไปขายในเมือง ท่านพ่อเห็นว่าเจ้าไม่ได้ขึ้นเขาไปเก็บลูกพลับจึงได้รับปากป้าชุนไปแล้ว แต่หากเจ้าจะเอาของไปขายข้าจะไปบอกท่านพ่อให้ไปแจ้งแก่ป้าชุน”“ข้าไม่ได้จะฝากของไปขาย เพียงอยากขอติดเกวียนไปด้วยเจ้าค่ะ”“น้องรอง เจ้าจะเข้าเมืองไปทำไม”ซ่งต้าลู่ลืมความขุ่นเคืองสหายหันมาสนใจน้องสาวของตนเองในทันทีที่ได้ยินว่านางจะเข้าเมือง“ข้าเพียงอยากลองเอากุหลาบแห้งไปขายเจ้าค่ะ”เพราะซ่งต้าลู่ปลูกกุหลาบและหอมหมื่นลี้ไว้ที่ริมรั้วเป็นจำนวนมาก

  • สามีอยากก้าวหน้าต้องช่วยข้าทำสวน   บทที่ 5.3 ทางรอด

    บทที่ 5.3 ทางรอดหลังจากเก็บเกี่ยวข้าวโพดที่สวนหลังบ้านเสร็จ วันต่อมาซ่งต้าลู่ก็ออกจากบ้านไปช่วยงานที่บ้านตระกูลฉี ซ่งไป๋ลู่มองข้าวโพดแห้งกองโตแล้วก็หยิบมีดขนาดพอเหมาะกับมือเล็กแบกตะกร้าสานขึ้นบ่า“พี่รองท่านจะขึ้นเขาไปเก็บลูกพลับหรือขอรับ”“วันนี้ข้าจะไปตัดไม้ไผ่มาทำราวตากข้าวโพดก่อน”“เช่นนั้นข้าไปช่วยท่าน”ซ่งหานลู่เอ่ยอย่างแข็งขัน ท่าทางเช่นนี้ของเขาเรียกรอยยิ้มกว้างบนใบหน้าคนเป็นพี่ในทันที“แต่เย็นนี้ท่านทำหมูตุ๋นน้ำแดงให้ข้ากินสักชามได้หรือไม่”รอยยิ้มบนใบหน้าของซ่งไป๋ลู่พลันหุบลง ถอนหายใจส่ายหน้า เจ้าเด็กน้อยผู้นี้หายใจเข้าออกก็เป็นเนื้อหมูไปเสียแล้ว“เจ้าคนตะกละ”“ข้าไม่ได้ตะกละ ข้าเป็นเพียงเด็กกำลังโตจึงจำเป็นต้องบำรุงให้มาก ภายหน้าสุขภาพจะได้แข็งแรง”ซ่งไป๋ลู่ได้ยินคำพูดของคนตัวเล็กก็ยกมือขึ้นบีบจมูกของเขาเบาๆ ไม่คิดว่าน้องเล็กของนางรู้จักเอาคำพูดนางมาล้อเลียนแล้วห้าเดือนมานี้ซ่งไป๋ลู่ขึ้นเขาบ่อยครั้ง และทุกครั้งก็จะขยับเข้ามาลึกขึ้นทีละนิด แน่นอนว่าทุกอย่างต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของนางและซ่งหานลู่เสมอ“พี่รองลูกพลับต้นนี้สุกแล้ว เราเก็บลงไปด้วยดีหรือไม่ขอรับ”ซ่งไป๋ลู่แหงน

  • สามีอยากก้าวหน้าต้องช่วยข้าทำสวน   บทที่ 5.2 ทางรอด

    บทที่ 5.2 ทางรอดวันถัดมาซ่งไป๋ลู่ตื่นตั้งแต่เช้าเพื่อหุงข้าวหม้อใหญ่ ทว่าข้าวยังไม่ทันสุก คนจากบ้านตระกูลกู้ก็มาถึงแล้ว“อาไป๋!”กู้เหยียนที่เดินเข้ามาในครัวเอ่ยทักทายพร้อมกับวางตะกร้าผักกาดและไข่ไก่ลง“ได้ยินว่าเจ้าจะลงครัวทำอาหารเลี้ยงพวกเราข้าจึงเอาผักแล้วก็ไข่ไก่มาด้วย”ใบหน้าของเด็กหนุ่มมีรอยยิ้มกว้างก่อนจะเดินไปหยิบพัดมาช่วยพัดเตาเล็กที่ซ่งไป๋ลู่กำลังจุด เมื่อเห็นว่ามีคนมาช่วยซ่งไป๋ลู่ก็ยิ้มกว้างหันไปหยิบมีดมาหั่นผัก“อาไป๋ ส่งมีดมาให้ข้าจัดการเอง อาเหยียนพ่อของเจ้ากับอาต้าเข้าไปเก็บข้าวโพดกันแล้ว รีบตามไปช่วยงานเร็ว อย่าได้คิดกินแรงผู้อื่นเชียว”“ขอรับ อาไป๋ข้ารอกินอาหารฝีมือเจ้านะ”คนพัดเตาหันมาบอกเด็กหญิง ก่อนจะรีบออกไปจากห้องครัว ว่านชุนมองบุตรชายแล้วยิ้มขบขัน ซ่งไป๋ลู่ยังไม่ทันปักปิ่นลูกชายตัวดีก็รู้จักทำคะแนนแล้ว ช่างเป็นเด็กหนุ่มที่รู้จักมองอนาคตจริงๆซ่งไป๋ลู่มองดูว่านชุนจัดการหั่นผักอย่างชำนาญแล้วเบิกตากว้าง แม้ว่าสตรีในยุคนี้เข้าครัวตั้งแต่ยังเด็ก แต่ท่าทางเชี่ยวชาญเช่นนี้ย่อมไม่ใช่สตรีในเรือนทั่วไปจะมี พริบตาทั้งผักที่ซ่งไป๋ลู่เตรียมไว้ และวัตถุดิบในตะกร้าที่ว่านชุ

  • สามีอยากก้าวหน้าต้องช่วยข้าทำสวน   บทที่ 5.1 ทางรอด

    บทที่ 5.1ทางรอดเมื่อเข้าสู่ช่วงเก็บเกี่ยวผลผลิตผู้คนในหมู่บ้านอันฉีก็วุ่นวายกันมากขึ้น ซ่งต้าลู่ต้องออกจากบ้านไปทำงานหนักทุกวัน แน่นอนว่าเขาไม่ยินดีให้ซ่งไป๋ลู่ออกไปพบเจอความยากลำบากเหล่านั้น ในทุกวันซ่งไป๋ลู่จึงทำเพียงตื่นเช้าเข้าครัวทำอาหาร หลังจากนั้นก็จัดการปล่อยน้ำเข้าสวนหลังบ้าน ก่อนจะขึ้นเขาเก็บผลพลับ ที่เพิ่มเติมก็คือก่อนจะออกจากบ้านนางมักจะเก็บดอกกุหลาบและดอกหอมหมื่นลี้ที่ริมรั้วมาตากแห้งทิ้งไว้“พี่รองท่านจะเอาดอกไม้พวกนี้ไปทำอะไรหรือขอรับ”“เอาไว้ทำของดีให้เจ้ากินอย่างไรเล่า”ซ่งหานลู่ขมวดคิ้วเล็ก ดอกไม้เหล่านี้จะเอามาทำของกินได้อย่างไร ทว่าเมื่อพี่รองบอกว่าได้ย่อมต้องได้สามวันต่อมาหลังมื้อค่ำบนโต๊ะก็มีชาเหมยกุ้ยฮวาเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งกา“พี่รองนี่คือดอกกุหลาบที่ท่านเก็บวันนั้นหรือขอรับ”“ใช่แล้วเจ้าลองชิมดู”เอ่ยจบซ่งไป๋ลู่ก็รินชาร้อนใส่ถ้วยชาหินที่ดูไม่มีราคา ทว่าแท้จริงกลับมีราคาเท่ากับข้าวสารถึงสามสิบจิน“เป็นอย่างไรรสชาติดีหรือไม่”“ดีขอรับ ดีมากๆ นับเป็นของดีเช่นที่ท่านบอกจริงๆ”เสียงเล็กเอ่ยชมคนเป็นพี่พร้อมยิ้มกว้างจนดวงตาหยี ส่งถ้วยชาใบเล็กยื่นมาขอเพิ่มอีกถ้วย แน่

  • สามีอยากก้าวหน้าต้องช่วยข้าทำสวน   บทที่ 4.4 วาสนาดีไม่สู้ชีวิตดี

    บทที่ 4.4 วาสนาดีไม่สู้ชีวิตดี“พี่ใหญ่ข้ามีเรื่องหนึ่งอยากปรึกษาท่าน”ซ่งไป๋ลู่เอ่ยขึ้นหลังจากที่กินมื้อค่ำเสร็จ ซ่งต้าลู่ไม่ได้ขานรับ ทว่าท่าทีสบตานิ่งพร้อมรับฟังของเขาก็ทำให้ซ่งไป๋ลู่มั่นใจที่จะเอ่ยบอกความคิดของตนเอง“ตอนนี้ฝนเริ่มไม่ค่อยตกแล้ว ที่ดินที่ท่านป้าใหญ่ยกให้เราติดกับแม่น้ำ อีกทั้งมีทางน้ำสำหรับเข้านา หากข้าลอกร่องทำทางน้ำต่อมาที่บ้านเราจะได้ไหมเจ้าคะ ท่านจะได้ไม่ต้องลำบากไปตักน้ำที่ลำธารมาให้พวกเราใช้”ที่สำคัญนางกับน้องชายตัวน้อยจะได้ไม่ต้องเหน็ดเหนื่อยกับการหาบน้ำมารดพืชผลเหล่านั้นด้วย“หากเจ้าจะลอกร่องทำทางน้ำเพื่อใช้รดน้ำพืชผักนั้นย่อมได้ ทว่าน้ำที่ไหลผ่านทางลอก นำมาใช้ในบ้านไม่ได้”ซ่งต้าลู่เอ่ยตอบน้องสาว นางยังเด็กอาจไม่เข้าใจว่าการนำน้ำมาใช้ในบ้านนั้น ต้องตักน้ำจากต้นน้ำ อีกทั้งยังต้องตักอย่างระวัง ไม่เช่นนั้นจะได้น้ำที่ขุ่นและสกปรกไม่สามารถนำมาใช้ได้เรื่องความสะอาดของน้ำที่ใช้ซ่งไป๋ลู่ย่อมรู้ดี แต่การไปตักน้ำที่อยู่ห่างจากบ้านถึงสี่ลี้ก็นับว่ายากลำบากไม่น้อย ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันแน่นก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยท่าทางดีใจ“แล้วถ้าเรามีถังกรองน้ำเล่าเจ้าคะ”สำหรับซ่งไ

  • สามีอยากก้าวหน้าต้องช่วยข้าทำสวน   บทที่ 4.3 วาสนาดีไม่สู้ชีวิตดี

    บทที่ 4.3 วาสนาดีไม่สู้ชีวิตดียามที่ซ่งต้าลู่กลับมาถึงบ้านก็พบว่าอาหารมื้อค่ำถูกจัดวางบนโต๊ะ ส่วนน้องทั้งสองคนหมดแรงนอนหลับอยู่บนเตียงเสียแล้ว“น้องรอง น้องเล็ก ลุกขึ้นมากินข้าวก่อนค่อยนอนต่อ”เสียงเอ่ยเรียกอย่างอ่อนโยนของซ่งต้าลู่ดังขึ้น คนที่หมดแรงหลับไปจึงลุกขึ้นมากินข้าวด้วยอาการกินไปหลับไปอย่างแท้จริง หลังกลืนข้าวคำสุดท้ายลงท้องก็หมุนตัวทิ้งกายลงนอนหลับต่อในทันทีซ่งต้าลู่มองน้องทั้งสองด้วยรอยยิ้มระคนรู้สึกผิด เป็นเพราะเขาทำหน้าที่พี่ชายได้ไม่ดี น้องทั้งสองจึงต้องยากลำบากเช่นนี้ ดังนั้นนอกจากจัดการเก็บถ้วยชาม และตักน้ำใส่ถังไม้ในบ้านจนเต็มทุกใบแล้ว ในยามฟ้าสางซ่งต้าลู่ยังเร่งตื่นก่อนผู้อื่น แบกถังไม้ไปตักน้ำมารดข้าวโพดที่น้องทั้งสองของเขาช่วยกันลงแรงปลูก รวมถึงหยิบจอบมาขึ้นแปลงเพิ่มไว้ให้พวกเขาอีกสองหมู่เมื่อซ่งไป๋ลู่ตื่นขึ้นมาก็พบว่าทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว ริมฝีปากเล็กก็ยิ้มกว้างเอ่ยขอบคุณซ่งต้าลู่จากใจจริง“พี่ใหญ่มากินข้าวเถิดเจ้าค่ะ”หลังจากกินมื้อเช้าเสร็จ ซ่งต้าลู่ยังคงออกจากบ้านไปทำงานเช่นเดิม ซ่งไป๋ลู่หยิบถุงเมล็ดพันธุ์ถั่วเหลืองมาคัดแยกแล้วพาน้องชายตัวน้อยลงแรงป

  • สามีอยากก้าวหน้าต้องช่วยข้าทำสวน   บทที่ 4.2 วาสนาดีไม่สู้ชีวิตดี

    บทที่ 4.2 วาสนาดีไม่สู้ชีวิตดีเช้าวันต่อมาซ่งต้าลู่ก็ตื่นแต่ฟ้าสางหยิบจอบเดินไปยังลานหลังบ้านขึ้นแปลงผักอย่างขะมักเขม้น ซ่งไป๋ลู่จึงเข้าครัวทำอาหารเช้าง่ายๆ อย่างโจ๊กหมูและไข่ต้มไว้รอสองพี่น้อง ยามที่ตะวันเริ่มเคลื่อนตัวขึ้นไอเย็นของหยาดน้ำค้างระเหยไปจนหมด นางก็ยกผลท้อที่ฝานเป็นชิ้นออกไปตากแห้ง สัมผัสดูความชื้นแล้วตากแดดวันนี้อีกแค่วันเดียวก็สามารถเก็บลงโถเอาไปรวมกับของวันก่อนๆ ได้แล้ว“พี่ใหญ่ท่านหยุดมือแล้วมากินข้าวก่อนเถิด”ซ่งไป๋ลู่เดินไปเรียกเด็กหนุ่มที่ยามนี้มีกล้ามเนื้อมากขึ้นสมกับเป็นบุรุษแล้ว ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเพราะฝีมือการบำรุงร่างกายเขาของนาง ซ่งต้าลู่ถูกแววตากลมใสจ้องมองร่างกายที่เปลือยท่อนบนสองแก้มก็ร้อนผ่าวรีบล้างตัวหยิบเสื้อตัวนอกมาสวมอย่างรวดเร็วรู้จักอายเสียด้วย เขาลืมไปหรือไม่ว่ายามนี้นางคือน้องสาววัยสิบขวบของเขา ไม่ใช่หญิงสาววัยปักปิ่นที่ไหน“ข้าขึ้นร่องแปลงผักให้เจ้าเรียบร้อยแล้ว”“ขอบคุณท่านมาก หลังกินข้าวเช้าเสร็จข้าจะลงมือปลูกข้าวโพด”ข้าวโพดเป็นพืชที่ปลูกง่ายและดูแลไม่ยาก อีกทั้งยังเก็บเอาไว้ได้นาน หรือจะนำมาแปรรูปเป็นแป้งเก็บไว้ทำอาหารก็ได้หลากหลาย ดังนั้นซ

  • สามีอยากก้าวหน้าต้องช่วยข้าทำสวน   บทที่ 4.1 วาสนาดีไม่สู้ชีวิตดี

    บทที่ 4.1วาสนาดีไม่สู้ชีวิตดีซ่งไป๋ลู่มองตะกร้าผลท้อและผลบ๊วยตะกร้าสุดท้ายแล้วถอนหายใจยาว สามเดือนแล้วที่นางเข้ามาอยู่ในนิยายเรื่องนี้ แม้ไม่มีวาสนาได้ทะลุมิติเข้ามาเป็นบุตรีขุนนางใหญ่ หรือเชื้อพระวงศ์เช่นที่นักเขียนนิยมกัน แต่ชีวิตเช่นนี้ของนางก็ไม่นับว่ายากลำบากอะไร คิดดูแล้วหากนางต้องเข้ามาตบตีแย่งชิงความรักจากบุรุษ หรือต้องขบคิดประลองไหวพริบปะทะวาจา นางกลับรู้สึกว่าชีวิตเช่นนี้สบายมากกว่า เรียกว่าวาสนาดีไม่สู้มีชีวิตที่ดี“พี่รองลูกท้อกับลูกบ๊วยบนเขาไม่มีให้เก็บแล้ว ข้าจะยังมีเนื้อกินหรือไม่”ซ่งหานลู่ที่ยามนี้หายใจเข้าออกเป็นเนื้อหมูเอ่ยเสียงเศร้า ซ่งไป๋ลู่ถอนหายใจยาวเอ่ยเสียงจริงจัง“หากเจ้าอยากมีเนื้อกินทุกวัน ต่อไปก็ต้องช่วยข้าทำสวนเข้าใจหรือไม่”“ล้วนเชื่อฟังพี่รอง”เชื่อฟังพี่รองอะไรกัน ทั้งหมดล้วนเพื่อกระเพาะน้อยๆ ของเขาต่างหาก ซ่งไป๋ลู่มองเด็กชายวัยห้าขวบที่ตอนนี้มีเนื้อมีหนังขึ้นมาก แก้มแห้งตอบกลมยุ้ย ผิวพรรณกระจ่างสดใส เพียงมองเห็นก็รับรู้ได้ถึงสุขภาพที่ดีหลังจากที่รู้ว่าต่อไปซ่งไป๋ลู่จะไม่มีผลไม้มาฝากขายอีกแล้วกู้เหยียนก็มีสีหน้าสลดลง เพราะสามเดือนที่ผ่านมานี้นอกจาก

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status