Home / รักโบราณ / สามีอยากก้าวหน้าต้องช่วยข้าทำสวน / บทที่ 4.1 วาสนาดีไม่สู้ชีวิตดี

Share

บทที่ 4.1 วาสนาดีไม่สู้ชีวิตดี

last update Last Updated: 2025-02-20 12:44:33

บทที่ 4.1

วาสนาดีไม่สู้ชีวิตดี

ซ่งไป๋ลู่มองตะกร้าผลท้อและผลบ๊วยตะกร้าสุดท้ายแล้วถอนหายใจยาว สามเดือนแล้วที่นางเข้ามาอยู่ในนิยายเรื่องนี้ แม้ไม่มีวาสนาได้ทะลุมิติเข้ามาเป็นบุตรีขุนนางใหญ่ หรือเชื้อพระวงศ์เช่นที่นักเขียนนิยมกัน แต่ชีวิตเช่นนี้ของนางก็ไม่นับว่ายากลำบากอะไร คิดดูแล้วหากนางต้องเข้ามาตบตีแย่งชิงความรักจากบุรุษ หรือต้องขบคิดประลองไหวพริบปะทะวาจา นางกลับรู้สึกว่าชีวิตเช่นนี้สบายมากกว่า เรียกว่าวาสนาดีไม่สู้มีชีวิตที่ดี

“พี่รองลูกท้อกับลูกบ๊วยบนเขาไม่มีให้เก็บแล้ว ข้าจะยังมีเนื้อกินหรือไม่”

ซ่งหานลู่ที่ยามนี้หายใจเข้าออกเป็นเนื้อหมูเอ่ยเสียงเศร้า

ซ่งไป๋ลู่ถอนหายใจยาวเอ่ยเสียงจริงจัง

“หากเจ้าอยากมีเนื้อกินทุกวัน ต่อไปก็ต้องช่วยข้าทำสวนเข้าใจหรือไม่”

“ล้วนเชื่อฟังพี่รอง”

เชื่อฟังพี่รองอะไรกัน ทั้งหมดล้วนเพื่อกระเพาะน้อยๆ ของเขาต่างหาก ซ่งไป๋ลู่มองเด็กชายวัยห้าขวบที่ตอนนี้มีเนื้อมีหนังขึ้นมาก แก้มแห้งตอบกลมยุ้ย ผิวพรรณกระจ่างสดใส เพียงมองเห็นก็รับรู้ได้ถึงสุขภาพที่ดี

หลังจากที่รู้ว่าต่อไปซ่งไป๋ลู่จะไม่มีผลไม้มาฝากขายอีกแล้วกู้เหยียนก็มีสีหน้าสลดลง เพราะสามเดือนที่ผ่านมานี้นอกจากความยินดีที่ได้เห็นหน้าเด็กหญิงทุกวันแล้ว ในใจของกู้เหยียนยังภาคภูมิใจกับเงินในกระเป๋าที่เพิ่มขึ้นอีกด้วย

“รอเดือนหน้าผลพลับบนเขาเริ่มสุก พวกเราค่อยมาร่วมหุ้นกันอีกนะเจ้าคะ”

เมื่อได้ยินว่าเดือนหน้านางจะร่วมหุ้นกับตนอีก กู้เหยียนก็ยิ้มกว้าง แววตาที่เศร้าหมองเปล่งประกายเบิกบาน

“ข้าจะรอร่วมหุ้นกับเจ้า”

ซ่งต้าลู่ไม่เข้าใจ ร่วมหุ้น ที่คนทั้งสองเจรจากัน แต่ที่แน่ๆ เขารู้สึกหงุดหงิดทุกครั้งที่เห็นว่าสหายสนิททำตัวใกล้ชิดน้องสาวของเขา

“วันนี้ข้ายังถอนมันเทศมาได้สามตะกร้า ป้าชุนเคยบอกว่าเป็นของดีมีราคานิยมกินในหมู่ขุนนาง คงต้องรบกวนพี่กู้ช่วยเป็นธุระจัดการแล้ว”

ซ่งไป๋ลู่บอกด้วยรอยยิ้มกว้าง คราวก่อนซ่งต้าลู่ได้มันเทศพันธุ์ดีมาจากป้าชุน หลังดูแลมาสามเดือนกว่าในที่สุดก็สามารถนำมาสร้างเงินได้เสียที

“ไม่ใช่เรื่องยาก ข้าค้าขายมาหลายเดือนรู้จักสาวใช้จวนขุนนางแทบทุกหลัง เรื่องนี้ย่อมจัดการให้เจ้าได้อย่างดีแน่นอน”

“ขอบคุณพี่กู้มาก”

“ว่าแต่อาไป๋ ระหว่างนี้เจ้ายังต้องการให้ข้าซื้อนมแพะมาให้อยู่หรือไม่”

“เจ้าค่ะ หากวันไหนท่านลุงกู้เข้าเมืองรบกวนพี่กู้เหยียนซื้อมาฝากข้าด้วยได้หรือไม่เจ้าคะ”

“ขอเพียงอาไป๋ต้องการ ต่อให้ท่านพ่อไม่เข้าเมืองข้าก็จะเดินไปซื้อให้”

“พี่กู้เหยียนซื้อเนื้อหมูมาด้วยได้หรือไม่”

ยังคงเป็นซ่งหานลู่ที่ร้องอยากกินเนื้อหมูทุกวัน ซ่งไป๋ลู่ถอนหายใจยาวส่ายหน้าอย่างระอาใจ

เมื่อกู้เหยียนจากไปแล้วซ่งไป๋ลู่ก็เข้ามาในครัวตรวจดูของใช้ว่ายังขาดเหลืออะไรอีกหรือไม่ ยามนี้ไม่มีเงินมาเติมในกระเป๋า เรื่องใดไม่ควรจ่ายนางก็ต้องระวังให้มากขึ้น

“น้องรอง เจ้าไม่ควรตามใจน้องเล็กมากเกินไป นมแพะกับเนื้อหมูเป็นของมีราคาไม่จำเป็นต้องกินทุกวันก็ได้”

ซ่งต้าลู่ที่เดินตามหลังนางเข้ามาเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงห่วงใย น้องสาวของเขาหาเงินมาด้วยความยากลำบาก ทว่าแปดในสิบล้วนเอามาลงท้องพวกเขาจนหมดสิ้น

“น้องเล็กเป็นเด็กกำลังโตจำเป็นต้องบำรุงให้มาก ภายหน้าสุขภาพจะได้แข็งแรง”

“แต่ว่า...”

“พี่ใหญ่... สำหรับข้าไม่มีสิ่งใดล้ำค่ามีราคาไปกว่าพวกท่าน”

ซ่งไป๋ลู่เอ่ยบอกด้วยความจริงใจ ชีวิตของซ่งไป๋ลู่ผู้นี้ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของร่างเดิมในอดีตหรือตัวนางในปัจจุบันล้วนมีเพียงสองพี่น้องแซ่ซ่งที่ห่วงใยนางจากใจจริง ดวงตากลมของซ่งไป๋ลู่แดงก่ำเล็กน้อยเมื่อคิดถึงประโยคหนึ่งในนิยาย

เพราะของดีๆ ล้วนเอามาลงท้องซ่งไป๋ลู่จนหมด น้องชายคนเล็กที่อดๆ อยากๆ อายุสิบสามก็ล้มป่วยและตายจากไป

เมื่อคิดว่าอีกแปดปีเจ้าก้อนแป้งช่างเจรจาซ่งหานลู่ต้องตายจากไป หัวใจของซ่งไป๋ลู่ก็ไม่อาจยอมรับ ดังนั้นทุกวันนี้ของดีล้วนสรรหามาบำรุงให้เขา อีกทั้งยังพาขึ้นเขาฝึกร่างกายเล็กๆ ให้แข็งแรง

“น้องรองเจ้าเป็นคนฉลาดรู้ความ ย่อมรู้ว่าเงินทองสำคัญมากแค่ไหน หากใช้จ่ายอย่างสิ้นเปลืองเช่นนี้ภายหน้าจะลำบาก”

“ขอเพียงมีท่านกับน้องเล็กอยู่เคียงข้าง ให้ยากลำบากอีกสักหน่อยข้าก็ทนได้เจ้าค่ะ”

“พี่รอง!”

เสียงเล็กสั่นเครือวิ่งเข้ามาในครัวโผเข้ากอดเอวบางเล็กของพี่สาว ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่พี่สาวของเขาผอมลงเช่นนี้ ในใจของซ่งหานลู่พลันรู้สึกผิดขึ้นมา ยิ่งคิดถึงข้าวในถ้วยที่นางมักแบ่งให้เขากินในใจของเด็กชายก็ยิ่งสั่นสะท้านกระชับอ้อมแขนเล็กแน่น

“น้องเล็กเจ้าเป็นอะไรไป หรือว่าอยากกินเนื้อเพิ่ม”

“ไม่เอาข้าไม่กินแล้ว ต่อไปข้าไม่กินเนื้อ ไม่กินนมแล้ว”

ซ่งไป๋ลู่ขมวดคิ้วเล็ก ดูเหมือนเรื่องที่นางกับซ่งต้าลู่สนทนากันเมื่อครู่เจ้าก้อนแป้งตัวน้อยผู้นี้จะได้ยินหมดแล้ว

“น้องเล็กเจ้าอย่าเพิ่งเข้าใจผิด พี่รองให้เจ้ากินเนื้อกินนมนั่นเพราะต้องการให้เจ้าแข็งแรง ภายหน้าจะได้ไม่เจ็บไม่ป่วย รู้หรือไม่ค่าหมอค่ายานั้นแพงกว่าค่าหมูค่านมเสียอีก”

“จริงหรือขอรับ”

“พี่รองเคยหลอกเจ้าหรือ”

“ท่านหลอกข้าเสมอ”

ซ่งไป๋ลู่พลันยิ้มแห้ง เรื่องนี้หากจะโทษก็ต้องโทษนักเขียนที่สร้างตัวละครซ่งไป๋ลู่ให้เห็นแก่ตัว ไม่ว่าเรื่องใดขอเพียงทำให้ตัวเองสบายล้วนไม่ลังเลจะลงมือและผู้ที่ถูกนางล่อลวงรังแกมากที่สุดก็คือซ่งหานลู่

“แต่ไม่เป็นไร... คำพูดของท่านจริงเท็จข้าล้วนเชื่อฟัง”

คนตัวเล็กเอ่ยเสียงขึ้นจมูก แขนเล็กที่เริ่มกลมป้อมเพราะได้รับการบำรุงอย่างดีกระชับเอวบางแน่น

“เช่นนั้นระหว่างรอลูกพลับบนเขาสุก พวกเรามาช่วยกันทำสวนก่อนดีหรือไม่”

“ล้วนเชื่อฟังพี่รอง”

ซ่งไป๋ลู่ยิ้มกว้างเงยหน้าขึ้นสบสายตาคมที่เต็มไปด้วยความกังวลของซ่งต้าลู่แล้วเอ่ยเสียงอ่อนโยน

“พรุ่งนี้ข้าต้องไปช่วยท่านลุงอี้ขึ้นแปลงข้าวโพด เจ้ารออีกสักสองวันข้าจะขึ้นแปลงให้”

“พี่ใหญ่พลิกหน้าดินไว้ให้พวกเราแล้ว เหลือแค่ลงเมล็ดเท่านั้นไม่ได้ยากลำบากอะไรเจ้าค่ะ”

ก่อนหน้านี้ซ่งต้าลู่ตื่นแต่ฟ้าสางทุกวันมาพลิกหน้าดินที่บริเวณลานโล่งหลังบ้านทั้งสามหมู่จนแล้วเสร็จ ดังนั้นงานที่เหลือจึงมีเพียงขึ้นแปลง ลงเมล็ดและรดน้ำเท่านั้น

“ขึ้นร่องทำแปลงใช้แรงมาก ข้าจะขึ้นให้เอง”

“ช่วงนี้ท่านงานล้นมือ อีกทั้งที่นาที่ท่านป้าใหญ่ให้มาก็ต้องเร่งลงกล้า งานเล็กๆ ในสวนหลังบ้านก็ให้ข้ากับน้องเล็กจัดการเถิดเจ้าค่ะ”

เดือนนี้เป็นช่วงสุดท้ายของการลงกล้าปลูกผักทำสวนแล้ว หากยังชักช้าเกรงว่าเรี่ยวแรงที่ลงไปก่อนหน้าจะสูญเปล่าทั้งหมด

“เช่นนั้นข้าจะตื่นแต่เช้ามาช่วยพวกเจ้าขึ้นร่องแปลงก่อน”

อย่างไรเสียน้องสาวเขาก็เพิ่งสิบขวบ ส่วนน้องชายก็ห้าขวบ จะให้ทนเห็นคนทั้งสองต้องทำงานหนักเพียงนั้นซ่งต้าลู่ย่อมไม่อาจทำใจได้

“แต่...”

“น้องรองหากเจ้าไม่ฟังคำข้า เรื่องปลูกผักทำสวนนี่ก็ไม่ต้องทำอีก”

ซ่งต้าลู่เอ่ยเสียงดุ ใบหน้าจริงจัง เห็นท่าทางเช่นนี้ของเขาแล้วซ่งไป๋ลู่ก็ได้แต่ยอมถอยให้หนึ่งก้าว อย่างไรเสียร่างกายนี้ก็เป็นของน้องสาวเขา อีกฝ่ายจะรักและห่วงใยย่อมไม่ผิด

“เจ้าค่ะๆ ข้าฟังท่าน... ยอมท่านแล้ว เช่นนี้หายโมโหได้หรือไม่เจ้าคะ”

คนที่เผลอตัวเอ่ยเสียงดุพลันตระหนักได้ ใบหน้าพลันร้อนผ่าวขึ้นมาจนมือไม้เก้กัง สุดท้ายจึงทำได้เพียงหมุนตัวจากไป

“พี่รอง เมื่อครู่พี่ใหญ่โมโหท่านหรือ อ่า... เป็นไปได้อย่างไร หรือปีนี้ฝนจะแล้งกัน”

ซ่งไป๋ลู่เห็นสีหน้าท่าทางประหลาดใจของน้องชายตัวน้อยก็ยกมือขึ้นดีดหน้าผากเล็ก

“หากฝนแล้งพืชผักในสวนไม่ได้ผลผลิต เจ้าก็จะไม่มีเนื้อกินอีก”

“ไม่ได้นะขอรับ”

“เช่นนั้นก็รีบไปกินนมแล้วเข้านอน พรุ่งนี้จะได้ตื่นมาทำสวนหลังบ้าน”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Related chapters

  • สามีอยากก้าวหน้าต้องช่วยข้าทำสวน   บทที่ 4.2 วาสนาดีไม่สู้ชีวิตดี

    บทที่ 4.2 วาสนาดีไม่สู้ชีวิตดีเช้าวันต่อมาซ่งต้าลู่ก็ตื่นแต่ฟ้าสางหยิบจอบเดินไปยังลานหลังบ้านขึ้นแปลงผักอย่างขะมักเขม้น ซ่งไป๋ลู่จึงเข้าครัวทำอาหารเช้าง่ายๆ อย่างโจ๊กหมูและไข่ต้มไว้รอสองพี่น้อง ยามที่ตะวันเริ่มเคลื่อนตัวขึ้นไอเย็นของหยาดน้ำค้างระเหยไปจนหมด นางก็ยกผลท้อที่ฝานเป็นชิ้นออกไปตากแห้ง สัมผัสดูความชื้นแล้วตากแดดวันนี้อีกแค่วันเดียวก็สามารถเก็บลงโถเอาไปรวมกับของวันก่อนๆ ได้แล้ว“พี่ใหญ่ท่านหยุดมือแล้วมากินข้าวก่อนเถิด”ซ่งไป๋ลู่เดินไปเรียกเด็กหนุ่มที่ยามนี้มีกล้ามเนื้อมากขึ้นสมกับเป็นบุรุษแล้ว ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเพราะฝีมือการบำรุงร่างกายเขาของนาง ซ่งต้าลู่ถูกแววตากลมใสจ้องมองร่างกายที่เปลือยท่อนบนสองแก้มก็ร้อนผ่าวรีบล้างตัวหยิบเสื้อตัวนอกมาสวมอย่างรวดเร็วรู้จักอายเสียด้วย เขาลืมไปหรือไม่ว่ายามนี้นางคือน้องสาววัยสิบขวบของเขา ไม่ใช่หญิงสาววัยปักปิ่นที่ไหน“ข้าขึ้นร่องแปลงผักให้เจ้าเรียบร้อยแล้ว”“ขอบคุณท่านมาก หลังกินข้าวเช้าเสร็จข้าจะลงมือปลูกข้าวโพด”ข้าวโพดเป็นพืชที่ปลูกง่ายและดูแลไม่ยาก อีกทั้งยังเก็บเอาไว้ได้นาน หรือจะนำมาแปรรูปเป็นแป้งเก็บไว้ทำอาหารก็ได้หลากหลาย ดังนั้นซ

    Last Updated : 2025-02-20
  • สามีอยากก้าวหน้าต้องช่วยข้าทำสวน   บทที่ 4.3 วาสนาดีไม่สู้ชีวิตดี

    บทที่ 4.3 วาสนาดีไม่สู้ชีวิตดียามที่ซ่งต้าลู่กลับมาถึงบ้านก็พบว่าอาหารมื้อค่ำถูกจัดวางบนโต๊ะ ส่วนน้องทั้งสองคนหมดแรงนอนหลับอยู่บนเตียงเสียแล้ว“น้องรอง น้องเล็ก ลุกขึ้นมากินข้าวก่อนค่อยนอนต่อ”เสียงเอ่ยเรียกอย่างอ่อนโยนของซ่งต้าลู่ดังขึ้น คนที่หมดแรงหลับไปจึงลุกขึ้นมากินข้าวด้วยอาการกินไปหลับไปอย่างแท้จริง หลังกลืนข้าวคำสุดท้ายลงท้องก็หมุนตัวทิ้งกายลงนอนหลับต่อในทันทีซ่งต้าลู่มองน้องทั้งสองด้วยรอยยิ้มระคนรู้สึกผิด เป็นเพราะเขาทำหน้าที่พี่ชายได้ไม่ดี น้องทั้งสองจึงต้องยากลำบากเช่นนี้ ดังนั้นนอกจากจัดการเก็บถ้วยชาม และตักน้ำใส่ถังไม้ในบ้านจนเต็มทุกใบแล้ว ในยามฟ้าสางซ่งต้าลู่ยังเร่งตื่นก่อนผู้อื่น แบกถังไม้ไปตักน้ำมารดข้าวโพดที่น้องทั้งสองของเขาช่วยกันลงแรงปลูก รวมถึงหยิบจอบมาขึ้นแปลงเพิ่มไว้ให้พวกเขาอีกสองหมู่เมื่อซ่งไป๋ลู่ตื่นขึ้นมาก็พบว่าทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว ริมฝีปากเล็กก็ยิ้มกว้างเอ่ยขอบคุณซ่งต้าลู่จากใจจริง“พี่ใหญ่มากินข้าวเถิดเจ้าค่ะ”หลังจากกินมื้อเช้าเสร็จ ซ่งต้าลู่ยังคงออกจากบ้านไปทำงานเช่นเดิม ซ่งไป๋ลู่หยิบถุงเมล็ดพันธุ์ถั่วเหลืองมาคัดแยกแล้วพาน้องชายตัวน้อยลงแรงป

    Last Updated : 2025-02-20
  • สามีอยากก้าวหน้าต้องช่วยข้าทำสวน   บทที่ 4.4 วาสนาดีไม่สู้ชีวิตดี

    บทที่ 4.4 วาสนาดีไม่สู้ชีวิตดี“พี่ใหญ่ข้ามีเรื่องหนึ่งอยากปรึกษาท่าน”ซ่งไป๋ลู่เอ่ยขึ้นหลังจากที่กินมื้อค่ำเสร็จ ซ่งต้าลู่ไม่ได้ขานรับ ทว่าท่าทีสบตานิ่งพร้อมรับฟังของเขาก็ทำให้ซ่งไป๋ลู่มั่นใจที่จะเอ่ยบอกความคิดของตนเอง“ตอนนี้ฝนเริ่มไม่ค่อยตกแล้ว ที่ดินที่ท่านป้าใหญ่ยกให้เราติดกับแม่น้ำ อีกทั้งมีทางน้ำสำหรับเข้านา หากข้าลอกร่องทำทางน้ำต่อมาที่บ้านเราจะได้ไหมเจ้าคะ ท่านจะได้ไม่ต้องลำบากไปตักน้ำที่ลำธารมาให้พวกเราใช้”ที่สำคัญนางกับน้องชายตัวน้อยจะได้ไม่ต้องเหน็ดเหนื่อยกับการหาบน้ำมารดพืชผลเหล่านั้นด้วย“หากเจ้าจะลอกร่องทำทางน้ำเพื่อใช้รดน้ำพืชผักนั้นย่อมได้ ทว่าน้ำที่ไหลผ่านทางลอก นำมาใช้ในบ้านไม่ได้”ซ่งต้าลู่เอ่ยตอบน้องสาว นางยังเด็กอาจไม่เข้าใจว่าการนำน้ำมาใช้ในบ้านนั้น ต้องตักน้ำจากต้นน้ำ อีกทั้งยังต้องตักอย่างระวัง ไม่เช่นนั้นจะได้น้ำที่ขุ่นและสกปรกไม่สามารถนำมาใช้ได้เรื่องความสะอาดของน้ำที่ใช้ซ่งไป๋ลู่ย่อมรู้ดี แต่การไปตักน้ำที่อยู่ห่างจากบ้านถึงสี่ลี้ก็นับว่ายากลำบากไม่น้อย ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันแน่นก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยท่าทางดีใจ“แล้วถ้าเรามีถังกรองน้ำเล่าเจ้าคะ”สำหรับซ่งไ

    Last Updated : 2025-02-20
  • สามีอยากก้าวหน้าต้องช่วยข้าทำสวน   บทที่ 5.1 ทางรอด

    บทที่ 5.1ทางรอดเมื่อเข้าสู่ช่วงเก็บเกี่ยวผลผลิตผู้คนในหมู่บ้านอันฉีก็วุ่นวายกันมากขึ้น ซ่งต้าลู่ต้องออกจากบ้านไปทำงานหนักทุกวัน แน่นอนว่าเขาไม่ยินดีให้ซ่งไป๋ลู่ออกไปพบเจอความยากลำบากเหล่านั้น ในทุกวันซ่งไป๋ลู่จึงทำเพียงตื่นเช้าเข้าครัวทำอาหาร หลังจากนั้นก็จัดการปล่อยน้ำเข้าสวนหลังบ้าน ก่อนจะขึ้นเขาเก็บผลพลับ ที่เพิ่มเติมก็คือก่อนจะออกจากบ้านนางมักจะเก็บดอกกุหลาบและดอกหอมหมื่นลี้ที่ริมรั้วมาตากแห้งทิ้งไว้“พี่รองท่านจะเอาดอกไม้พวกนี้ไปทำอะไรหรือขอรับ”“เอาไว้ทำของดีให้เจ้ากินอย่างไรเล่า”ซ่งหานลู่ขมวดคิ้วเล็ก ดอกไม้เหล่านี้จะเอามาทำของกินได้อย่างไร ทว่าเมื่อพี่รองบอกว่าได้ย่อมต้องได้สามวันต่อมาหลังมื้อค่ำบนโต๊ะก็มีชาเหมยกุ้ยฮวาเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งกา“พี่รองนี่คือดอกกุหลาบที่ท่านเก็บวันนั้นหรือขอรับ”“ใช่แล้วเจ้าลองชิมดู”เอ่ยจบซ่งไป๋ลู่ก็รินชาร้อนใส่ถ้วยชาหินที่ดูไม่มีราคา ทว่าแท้จริงกลับมีราคาเท่ากับข้าวสารถึงสามสิบจิน“เป็นอย่างไรรสชาติดีหรือไม่”“ดีขอรับ ดีมากๆ นับเป็นของดีเช่นที่ท่านบอกจริงๆ”เสียงเล็กเอ่ยชมคนเป็นพี่พร้อมยิ้มกว้างจนดวงตาหยี ส่งถ้วยชาใบเล็กยื่นมาขอเพิ่มอีกถ้วย แน่

    Last Updated : 2025-02-20
  • สามีอยากก้าวหน้าต้องช่วยข้าทำสวน   บทที่ 5.2 ทางรอด

    บทที่ 5.2 ทางรอดวันถัดมาซ่งไป๋ลู่ตื่นตั้งแต่เช้าเพื่อหุงข้าวหม้อใหญ่ ทว่าข้าวยังไม่ทันสุก คนจากบ้านตระกูลกู้ก็มาถึงแล้ว“อาไป๋!”กู้เหยียนที่เดินเข้ามาในครัวเอ่ยทักทายพร้อมกับวางตะกร้าผักกาดและไข่ไก่ลง“ได้ยินว่าเจ้าจะลงครัวทำอาหารเลี้ยงพวกเราข้าจึงเอาผักแล้วก็ไข่ไก่มาด้วย”ใบหน้าของเด็กหนุ่มมีรอยยิ้มกว้างก่อนจะเดินไปหยิบพัดมาช่วยพัดเตาเล็กที่ซ่งไป๋ลู่กำลังจุด เมื่อเห็นว่ามีคนมาช่วยซ่งไป๋ลู่ก็ยิ้มกว้างหันไปหยิบมีดมาหั่นผัก“อาไป๋ ส่งมีดมาให้ข้าจัดการเอง อาเหยียนพ่อของเจ้ากับอาต้าเข้าไปเก็บข้าวโพดกันแล้ว รีบตามไปช่วยงานเร็ว อย่าได้คิดกินแรงผู้อื่นเชียว”“ขอรับ อาไป๋ข้ารอกินอาหารฝีมือเจ้านะ”คนพัดเตาหันมาบอกเด็กหญิง ก่อนจะรีบออกไปจากห้องครัว ว่านชุนมองบุตรชายแล้วยิ้มขบขัน ซ่งไป๋ลู่ยังไม่ทันปักปิ่นลูกชายตัวดีก็รู้จักทำคะแนนแล้ว ช่างเป็นเด็กหนุ่มที่รู้จักมองอนาคตจริงๆซ่งไป๋ลู่มองดูว่านชุนจัดการหั่นผักอย่างชำนาญแล้วเบิกตากว้าง แม้ว่าสตรีในยุคนี้เข้าครัวตั้งแต่ยังเด็ก แต่ท่าทางเชี่ยวชาญเช่นนี้ย่อมไม่ใช่สตรีในเรือนทั่วไปจะมี พริบตาทั้งผักที่ซ่งไป๋ลู่เตรียมไว้ และวัตถุดิบในตะกร้าที่ว่านชุ

    Last Updated : 2025-02-20
  • สามีอยากก้าวหน้าต้องช่วยข้าทำสวน   บทที่ 5.3 ทางรอด

    บทที่ 5.3 ทางรอดหลังจากเก็บเกี่ยวข้าวโพดที่สวนหลังบ้านเสร็จ วันต่อมาซ่งต้าลู่ก็ออกจากบ้านไปช่วยงานที่บ้านตระกูลฉี ซ่งไป๋ลู่มองข้าวโพดแห้งกองโตแล้วก็หยิบมีดขนาดพอเหมาะกับมือเล็กแบกตะกร้าสานขึ้นบ่า“พี่รองท่านจะขึ้นเขาไปเก็บลูกพลับหรือขอรับ”“วันนี้ข้าจะไปตัดไม้ไผ่มาทำราวตากข้าวโพดก่อน”“เช่นนั้นข้าไปช่วยท่าน”ซ่งหานลู่เอ่ยอย่างแข็งขัน ท่าทางเช่นนี้ของเขาเรียกรอยยิ้มกว้างบนใบหน้าคนเป็นพี่ในทันที“แต่เย็นนี้ท่านทำหมูตุ๋นน้ำแดงให้ข้ากินสักชามได้หรือไม่”รอยยิ้มบนใบหน้าของซ่งไป๋ลู่พลันหุบลง ถอนหายใจส่ายหน้า เจ้าเด็กน้อยผู้นี้หายใจเข้าออกก็เป็นเนื้อหมูไปเสียแล้ว“เจ้าคนตะกละ”“ข้าไม่ได้ตะกละ ข้าเป็นเพียงเด็กกำลังโตจึงจำเป็นต้องบำรุงให้มาก ภายหน้าสุขภาพจะได้แข็งแรง”ซ่งไป๋ลู่ได้ยินคำพูดของคนตัวเล็กก็ยกมือขึ้นบีบจมูกของเขาเบาๆ ไม่คิดว่าน้องเล็กของนางรู้จักเอาคำพูดนางมาล้อเลียนแล้วห้าเดือนมานี้ซ่งไป๋ลู่ขึ้นเขาบ่อยครั้ง และทุกครั้งก็จะขยับเข้ามาลึกขึ้นทีละนิด แน่นอนว่าทุกอย่างต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของนางและซ่งหานลู่เสมอ“พี่รองลูกพลับต้นนี้สุกแล้ว เราเก็บลงไปด้วยดีหรือไม่ขอรับ”ซ่งไป๋ลู่แหงน

    Last Updated : 2025-02-20
  • สามีอยากก้าวหน้าต้องช่วยข้าทำสวน   บทที่ 5.4 ทางรอด

    บทที่ 5.4 ทางรอดเช้าวันต่อมากู้ฉินต้องเข้าไปส่งของในเมือง อีกทั้งถั่วเหลืองแค่หมู่เดียวอาศัยแรงของซ่งต้าลู่และกู้เหยียนแค่สองคนก็เพียงพอดังนั้นสองสหายจึงลงงานตั้งแต่ฟ้าสาง และเพราะว่านชุนต้องตามกู้ฉินเข้าเมืองไปแทนกู้เหยียนดังนั้นมื้อเที่ยงจึงเป็นซ่งไป๋ลู่ที่ต้องลงครัวจัดการ“อาไป๋ เจ้าทำอาหารได้รสชาติดีไม่น้อย เช่นนี้ภายหน้าข้าก็ไม่ต้องกังวลเรื่องปากท้องแล้ว”คำพูดนี้ของกู้เหยียนทำให้สหายสนิทที่นั่งข้างๆ ตวัดสายตามองอย่างไม่พอใจ แน่นอนว่าคนที่เห็นสายตาพิฆาตนี้มีเพียงซ่งไป๋ลู่เท่านั้น“เอ่อ... พี่กู้เหยียน พรุ่งนี้ท่านลุงกู้จะเข้าเมืองอีกหรือไม่”“ท่านป้าชุนจะเอาข้าวไปขายในเมือง ท่านพ่อเห็นว่าเจ้าไม่ได้ขึ้นเขาไปเก็บลูกพลับจึงได้รับปากป้าชุนไปแล้ว แต่หากเจ้าจะเอาของไปขายข้าจะไปบอกท่านพ่อให้ไปแจ้งแก่ป้าชุน”“ข้าไม่ได้จะฝากของไปขาย เพียงอยากขอติดเกวียนไปด้วยเจ้าค่ะ”“น้องรอง เจ้าจะเข้าเมืองไปทำไม”ซ่งต้าลู่ลืมความขุ่นเคืองสหายหันมาสนใจน้องสาวของตนเองในทันทีที่ได้ยินว่านางจะเข้าเมือง“ข้าเพียงอยากลองเอากุหลาบแห้งไปขายเจ้าค่ะ”เพราะซ่งต้าลู่ปลูกกุหลาบและหอมหมื่นลี้ไว้ที่ริมรั้วเป็นจำนวนมาก

    Last Updated : 2025-02-20
  • สามีอยากก้าวหน้าต้องช่วยข้าทำสวน   บทที่ 5.5 ทางรอด

    บทที่ 5.5 ทางรอดซ่งไป๋ลู่มองถุงเงินในมือแล้วยิ้มกว้าง ดวงตากลมเปล่งประกาย ครั้งนี้ไม่เพียงทำการค้าสำเร็จ นางยังสามารถเช่าพื้นที่เล็กๆ บนถนนอวิ๋นให้ว่านชุนได้อีกด้วย“อาไป๋ เมื่อครู่เจ้าบอกว่าอะไรนะ”“ข้าถามท่านป้าว่าท่านทำซาลาเปาเป็นหรือไม่เจ้าคะ”“ก็แค่ซาลาเปาข้าจะทำไม่เป็นได้อย่างไร ประโยคต่อมาของเจ้าต่างหากเจ้าว่าอย่างไรนะ”“อ๋อ... ข้าเพียงบอกว่าหาที่ตั้งร้านให้ท่านได้แล้วอยู่ที่...”“ที่ตั้งร้านหรือ!”ว่านชุนเบิกตากว้าง แม้นางจะเคยกล่าวว่าต้องการดูแลใส่ใจคนในบ้านแต่ส่วนลึกในใจยังคงปรารถนาการค้าเช่นอดีต ทว่านางแต่งงานแล้วเรื่องนี้อย่างไรก็ไม่อาจตัดสินใจได้ด้วยตนเอง“เพียงแต่อาจทำการค้าได้เพียงขายซาลาเปาเท่านั้น”“แค่ซาลาเปาก็พอแล้ว ชุนเอ๋อร์เจ้าจะได้ไม่เหนื่อยเกินไป”กู้ฉินที่เพิ่งนำวัวไปเข้าคอกเอ่ยบอก ว่านชุนพลันเบิกตากว้างเอ่ยถามเขาเสียงสั่น“ท่านพี่ ท่านหมายความว่าอย่างไร”ผู้เป็นสามีเดินเข้ามากุมมือของภรรยา สายตาคมกล้าจดจ้องดวงตาเรียวคลอหยาดน้ำตาของนาง“ชุนเอ๋อร์เป็นข้าที่ไม่ดี ทั้งที่เจ้าเสียสละความปรารถนาของตนเอง ยอมมาเป็นสตรีบ้านนอกใช้ชีวิตอย่างยากลำบากอยู่กับข้า แต่ข้ากลั

    Last Updated : 2025-02-20

Latest chapter

  • สามีอยากก้าวหน้าต้องช่วยข้าทำสวน   บทที่ 7.5 เคราะห์ร้ายนำพาวาสนา

    “ทั้งหมดสามตำลึง”แม้จะเสียดายเงิน แต่เสื้อผ้าเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่สมควรจ่าย ดังนั้นซ่งไป๋ลู่จึงควักเงินยื่นให้อีกฝ่ายอย่างไม่ลังเล ก่อนจะเดินเล่นบนตรอกอวิ๋นสำรวจสินค้าต่างๆ ที่ผู้คนนิยม ตลอดจนสินค้าที่ขาดตลาด“เจ้าสุนัขขี้ขโมย กล้าขโมยเนื้อของข้า วันนี้ข้าจะตีให้ตาย”เสียงคนขายหมูร้องด่าลูกสุนัขตัวสีน้ำตาลมอมแมมดังลั่นถนน ซ่งไป๋ลู่เดิมทีไม่คิดสนใจเรื่องวุ่นวายของผู้อื่น ทว่าเจ้าลูกสุนัขตัวดีกลับคล้ายต้องการให้นางใส่ใจ ขาสั้นๆ ทั้ง 4 จึงวิ่งตรงมาหยุดที่ด้านหน้าซ่งไป๋ลู่ วางชิ้นเนื้อลงบนเท้าเล็กก่อนจะวิ่งไปหลบด้านหลัง ทำราวกับนางคือเจ้าของของมัน“อ๋อ... ที่แท้ก็เป็นหนึ่งคนหนึ่งสุนัขร่วมมือกันขโมยของ ช่างดีจริงๆ อย่างนั้นวันนี้ข้าจะตีทั้งสุนัขทั้งคนสั่งสอนไปพร้อมๆ กัน”คิ้วเล็กของซ่งไป๋ลู่ขมวดเข้าหากันแน่น คนตรงหน้าไม่ถามไม่ไถ่คิดเองเออเองก็จะตีนาง หึ! อยากสั่งสอนนางก็ต้องดูก่อนว่า อีกฝ่ายมีความสามารถหรือไม่ ซ่งไป๋ลู่ขบกรามในหัวคิดถึงศิลปะการป้องกันตัวที่ตนเองเคยร่ำเรียนเพื่อใช้รีวิวนิยายในภพก่อน ทว่ายังไม่ทันแสดงฝีมือเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น“หยุดเดี๋ยวนี้!”มือของชายขายหมูชะงักค้างอยู่ที่

  • สามีอยากก้าวหน้าต้องช่วยข้าทำสวน   บทที่ 7.4 เคราะห์ร้ายนำพาวาสนา

    ใช้เวลาร่วมชั่วยามในที่สุดสามพี่น้องตระกูลซ่งก็เดินมาถึงเหลาอาหารกู้ไป๋ ทว่าเท้าไม่ทันก้าวข้ามประตูก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายดังออกมาจากด้านใน ซ่งต้าลู่รีบดึงแขนน้องทั้งสองไว้เบื้องหลัง พลางกวาดสายตามองสถานการณ์ตรงหน้าในทันที“ใครไม่เกี่ยวก็ถอยไป!”สิ้นเสียงแข็งกร้าวดุดันดังลั่นเหลาอาหาร ลูกค้าต่างก็พากันลุกขึ้นแตกตื่นออกมาจากร้าน ซ่งไป๋ลู่ขมวดคิ้วเล็กมองอันธพาลแปลกหน้าในเหลาอาหารของตนด้วยความไม่พอใจ“ถ้าไม่อยากเดือดร้อนก็ส่งคนมา”ชายแปลกหน้าชี้นิ้วไปทางกู้เหยียน ซึ่งยืนบังจางหย่งที่ตัวโตกว่าเอาไว้“ท่านเป็นใคร แล้วทำไมต้องจับตัวพี่จางหย่งไปด้วย”กู้เหยียนตะโกนถามเสียงก้อง มือยังคงจับแขนของจางหย่งเอาไว้มั่น ราวกับจะสื่อสารให้เขารับรู้ว่าเด็กหนุ่มคนนี้จะปกป้องเขาเอง“ข้าเป็นใครไม่สำคัญ ส่งคนมาก็พอ”“ข้าไม่ส่ง! หากพี่จางหย่งเคยไปทำให้ท่านเดือดร้อนก็เรียกค่าชดเชยมา ข้าจะรับผิดชอบเอง”จางหย่งมองเด็กชายที่ออกโรงปกป้องตนเองแล้วเกิดความสงสัยอยู่ในที บนแผ่นดินนี้ยังมีคนที่ช่วยเหลือผู้อื่นโดยไม่กลัวความเดือดร้อนอยู่อีกหรือ“อายุของเจ้าดูแล้วคงไม่เกินสิบห้าแต่ใจกล้าไม่เบา ได้! ข้าจะบอกให้ ไอ้ขอทา

  • สามีอยากก้าวหน้าต้องช่วยข้าทำสวน   บทที่ 7.3 เคราะห์ร้ายนำพาวาสนา

    หลังจากเจรจาตกลงซื้อขายกันเสร็จแล้ว เกาจ้านเผิงก็รีบหมุนตัววิ่งจากไปในทันที ต่อจากนี้ในบ้านจะมีหนทางหาเงินเพิ่มแล้ว ภายหน้าหนี่เอ๋อร์ของเขาก็มีโอกาสซื้อยาดีๆ มากิน หรืออาจโชคดีถึงขั้นสามารถจ้างหมอมีฝีมือมารักษา เช่นนี้นางก็ไม่ต้องทรมานกับอาการเจ็บป่วยเรื้อรังนั่นอีกซ่งไป๋ลู่ยืนส่งคนจนลับตาก็เปิดประตูรั้วเข้าบ้าน เดิมทีคิดจะเข้าไปทักทายซ่งต้าลู่และซ่งหานลู่สักประโยค แต่เมื่อเห็นทั้งสองตั้งใจอ่านตำราก็ไม่คิดเข้าไปรบกวน เดินไปที่สวนหลังบ้านจัดการวัชพืชและเก็บแตงกวากับพริกสดติดมือกลับมาอู๊ดๆ... เสียงของหมูในเล้าร้องดังขึ้น ซ่งไป๋ลู่จึงสังเกตเห็นว่าหมูเหล่านี้ถึงเวลาเปลี่ยนเป็นเงินลงกระเป๋านางได้แล้ว ดังนั้นวันต่อมานางจึงกลับไปที่บ้านตระกูลเกาอีกครั้งเพื่อให้พวกเขาช่วยเป็นธุระติดต่อคนมาซื้อหมู ผ่านไปเพียงสองวันหมูในเล้าก็เปลี่ยนเป็นเงินตำลึงในกระเป๋านาง“พี่รอง ท่านขายหมูไปแล้วเช่นนั้นจะเลี้ยงอะไรแทน”การเลี้ยงหมูขายนั้นแม้จะทำกำไรได้ดี แต่ต้นทุนก็สูงไม่น้อย อีกทั้งความเสี่ยงก็มากเพราะหากพวกมันตายก่อนจะได้ขายทุกอย่างที่ลงทุนไปก็ล้วนสูญเปล่า ในทุกวันนางยังต้องหาอาหารปริมาณมากมาบำรุงให้พวก

  • สามีอยากก้าวหน้าต้องช่วยข้าทำสวน   บทที่ 7.2 เคราะห์ร้ายนำพาวาสนา

    เช้าวันต่อมาหลังจากที่กินมื้อเช้าแล้ว ซ่งไป๋ลู่ก็นำเห็ดที่ผึ่งลมจนแห้งใส่ตะกร้าออกเดินทางเข้าเมือง เดิมทีซ่งต้าลู่ตั้งใจติดตามไปส่งน้องสาว แต่ซ่งไป๋ลู่กลับไม่ยินยอม ด้วยเหตุผลที่ว่าตอนนี้การสอบถงเซิงใกล้เข้ามาทุกที เวลาของพี่ชายจึงมีค่ามากกว่าทองคำ นางจะให้การสอบของเขาพังลงเพราะเรื่องของนางไม่ได้เด็ดขาด ไม่เช่นนั้นแล้วภายหน้าคงยากจะรับมือกับเมิ่งเฟยอวี่แล้ว“อาไป๋มีเรื่องอะไรหรือ เห็นท่านลุงกู้ของเจ้าบอกว่าเจ้าต้องการพบข้า”ว่านชุนเดินออกมาจากห้องครัวด้วยท่าทางร้อนใจ หากแต่เด็กหญิงตรงหน้ากลับยิ้มกว้างวางตะกร้าบนบ่าลง“นี่คืออะไรหรือ”“นี่เป็นเห็ดผิงกูอ่อนเจ้าค่ะ”“เห็ดผิงกูอ่อน เจ้าเอามาเสียมากมายเช่นนี้ทำไมกัน หรือว่าจะนำมาทำอาหาร”ถึงแม้เห็ดผิงกูจะหาง่าย ทว่ากลับนำมาปรุงอาหารได้เพียงไม่กี่ชนิด เมื่อว่านชุนเห็นเด็กสาวพยักหน้าแสดงการยืนยันว่าจะใช้เห็ดผิงกูอ่อนทำอาหารจริงๆ ใบหน้าของว่านชุนก็อาบไปด้วยความกังวลในทันที“อาไป๋ ไม่ใช่ว่าข้าไม่อยากรับน้ำใจเจ้า แต่เห็ดผิงกูนั้นทำอาหารได้ไม่ดีนัก ยิ่งเป็นเห็ดผิงกูอ่อนพวกนี้ยิ่งไม่เป็นที่นิยม”“เช่นนั้นท่านป้ากู้ให้ข้ายืมครัวสักครู่ได้ไหมเจ้าคะ

  • สามีอยากก้าวหน้าต้องช่วยข้าทำสวน   บทที่ 7.1 เคราะห์ร้ายนำพาวาสนา

    ซ่งไป๋ลู่เดินออกจากบ้านมาได้ไม่นานก็เห็นประตูรั้วบ้านตระกูลเกา ริมฝีปากเล็กจึงเอ่ยร้องเรียกคน เจิ้งซุนหนี่ลูกสะใภ้ของบ้านตระกูลเกาได้ยินเสียงคนเรียกก็เดินออกมาต้อนรับเด็กสาวด้วยท่าทางเป็นมิตร“อาไป๋ เจ้ามาหาท่านพ่อหรือ”“ข้าเพียงอยากมาสอบถามว่าต้นกุหลาบที่บ้านของท่านยังมีดอกอยู่หรือไม่”“ยังมีอยู่อีกมากทีเดียว ถ้าเจ้าอยากได้ก็เข้ามาเก็บได้เลย แค่กๆ”เจิ้งซุนหนี่เอ่ยอย่างมีน้ำใจก่อนจะไอเบาๆ ซ่งไป๋ลู่ยิ้มกว้างเดินตามหญิงสาวเข้าไปด้านในบ้าน หากแต่นางไม่ได้เข้ามาเก็บดอกกุหลาบอย่างที่เจิ้งซุนหนี่คิด เด็กหญิงนั่งลงที่เก้าอี้ไม้หน้าบ้านแล้วดึงหญิงสาวนั่งลงตรงข้ามกัน“พี่สะใภ้เกา ท่านสนใจร่วมทำการค้ากับข้าหรือไม่”เมื่อได้ยินเด็กหญิงวัยเพียงสิบเอ็ดปีเอ่ยเจรจาการค้ากับตน เจิ้งซุนหนี่ก็เบิกตากว้างความไม่เชื่อถือเกิดขึ้นในใจ แต่เมื่อคิดถึงเรื่องที่สามีเล่าให้ฟังว่าเมื่อหลายเดือนก่อนที่พี่น้องบ้านซ่งให้ชุนเหยียนนายช่างประจำหมู่บ้านไปต่อเติมห้องเก็บของ แต่ยังไม่ทันลงมือสร้างเด็กสาวซ่งไป๋ลู่ก็มาเจรจาว่าจ้างให้สร้างบ้านหลังใหม่จนนายช่างชุนต้องมาขอให้เกาเทียนเย่ผู้เป็นบิดาสามีไปช่วยก่อสร้าง ในใจของเจ

  • สามีอยากก้าวหน้าต้องช่วยข้าทำสวน   บทที่ 6.5 สุราดีย่อมไม่กลัวตรอกลึก

    “คารวะคุณชายเฟย”“อืม นั่งลงสิ”ซ่งไป๋ลู่ทิ้งตัวลงนั่ง ตั้งท่าจะเจรจาขอเพิ่มราคาดอกไม้แห้ง เพียงแต่ไม่ทันเอ่ยปาก เฟยอวิ๋นก็วางหมากล้อมลงบนกระดานตรงหน้า“เวลาข้าเล่นหมากล้อมไม่ชอบให้ใครส่งเสียงรบกวน”หากไม่อยากให้ใครรบกวน เช่นนั้นเรียกนางเข้ามาทำไมกัน คุณชายเฟยอวิ๋นผู้นี้ช่างน่าโมโหนัก ยิ่งเห็นเขาเล่นหมากสองฝั่งขบคิดร่วมหนึ่งชาเย็นจึงวางหมากหนึ่งตัวซ่งไป๋ลู่ก็อดไม่ได้ หยิบหมากดำมาถือร่วมลงกระดานประลองกับเขา ไม่คิดว่าท่ามกลางความเงียบไร้สุ้มเสียงสนทนา สองชายหญิงต่างวัยกลับโต้ตอบกันอย่างดุเดือด ร่วมหนึ่งชั่วยามก็ยังไม่สามารถตัดสินแพ้ชนะเฟยอวิ๋นมองหมากบนกระดาน ไม่น่าเชื่อว่าตนเองจะเดินหมากได้เสมอกับเด็กหญิงวัยเพียงสิบปีตรงหน้า“หมากบนกระดานจบลงแล้ว เช่นนั้นคุณชายคงสามารถเจรจากับข้าเรื่องราคาดอกไม้แห้งได้แล้วใช่หรือไม่เจ้าคะ”“หากกระดานนี้เจ้าชนะข้าได้ ราคาดอกไม้แห้งของเจ้า ข้าจะเพิ่มราคาขึ้นให้อีกหนึ่งเท่าตัว”เมื่อได้ยินว่าคนตรงหน้าจะเพิ่มราคาดอกไม้แห้งให้อีกหนึ่งเท่าตัวเพียงแค่ชนะหมากล้อมกระดานนี้ซ่งไป๋ลู่ก็ยิ้มกว้าง ก่อนที่จะทะลุมิติมาตัวนางเป็นถึงแชมป์หมากล้อมประจำภาค ไหนเลยจะกลัวการ

  • สามีอยากก้าวหน้าต้องช่วยข้าทำสวน   บทที่ 6.4 สุราดีย่อมไม่กลัวตรอกลึก

    ในขณะที่สามพี่น้องตระกูลซ่งกำลังนั่งสนทนากับกู้เหยียน เสียงเอะอะโวยวายก็ดังมาจากทางหน้าร้าน ทุกคนจึงเร่งรุดไปดู ภาพที่เห็นคือชายขอทานวัยกลางคนเนื้อตัวมอมแมม เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่งกำลังถูกขอทานอีกกลุ่มใหญ่ไล่ทุบตี จนต้องหนีเข้ามาภายในร้านกู้ไป๋ ทำให้เกิดความโกลาหลวุ่นวายภายในร้านจนลูกค้าหนีหายไปจนหมดกู้ฉินยืนกอดภรรยาที่ร่ำไห้ด้วยความตื่นตระหนก ซ่งต้าลู่จับแขนเล็กของน้องๆ ดึงมาหลบที่ด้านหลัง เหยียดตัวตรงเป็นเกราะกำบังแล้วตะโกนเสียงดังก้องดุดัน“ตามกฎหมายแคว้นต้าหยาง ผู้ใดก่อความเสียหายให้บุคคลอื่นต้องเสียค่าปรับตามราคาทรัพย์สินที่เสียหาย หากมิอาจชำระก็ให้จำคุกชดเชย”ได้ยินคำขู่ของเด็กชายท่าทางภูมิฐานมีความรู้ เหล่ากลุ่มคนขอทานก็ชะงักมือไม้ที่กำลังง้างตีคนที่หมอบอยู่ใต้โต๊ะอาหาร แต่แล้วชายขอทานคนหนึ่งก็พูดขึ้น“พวกเราเป็นแค่ขอทาน ไม่มีชื่อในทะเบียนราษฎร์คิดจะจับเรารึ ถุย!”ซ่งต้าลู่ขมวดคิ้วเข้มเข้าหากัน ตวัดสายตาดุจ้องมองอีกฝ่าย ท่าทางเช่นนี้ของเขาทำให้ขอทานใจกล้าเมื่อครู่ใจฝ่อในทันที“ถึงแม้พวกเจ้าจะเป็นขอทานไม่มีชื่อในทะเบียนราษฎร์ แต่ทั่วทั้งแคว้นต้าหยางมีสถานที่หลบซ่อนไม่มากนัก ข้ารับร

  • สามีอยากก้าวหน้าต้องช่วยข้าทำสวน   บทที่ 6.3 สุราดีย่อมไม่กลัวตรอกลึก

    ซ่งไป๋ลู่นั่งลงมองผ่านประตูเรือนไปด้านนอก ตอนนี้นางทะลุมิติมาครึ่งปีแล้วสิ่งต่างๆ รอบตัวเปลี่ยนแปลงไปชนิดที่กล่าวได้ว่า จากหน้ามือเป็นหลังมือ ทว่าสิ่งเดียวที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงก็คือ... ซ่งต้าลู่ พี่ชายที่แสนดีคนนี้ เวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนเขาก็ถนอมน้องสาวคนนี้ไม่เปลี่ยนแปลง“พี่ใหญ่เดือนหน้าท่านต้องไปสอบแล้ว ช่วงนี้งานนอกบ้านท่านก็พักเอาไว้ก่อนเถิดเจ้าค่ะ เงินที่ท่านพ่อส่งมากับส่วนแบ่งที่ท่านป้ากู้มอบให้ พวกเราใช้ทั้งปีก็ยังไม่หมด”ตอนนี้พวกเขาสามพี่น้องตระกูลซ่งแม้ไม่อาจกล่าวว่าร่ำรวย แต่ก็ไม่ขัดสนเรื่องเงินเช่นในอดีต เนื่องจากซ่งไห่เฟิ่งผู้เป็นบิดานั้นส่งเงินมาให้ทุกหกเดือน แต่ละครั้งก็มากถึง 10 ตำลึง คำนวณดูแล้วที่ผ่านมาในหนึ่งปีบิดาผู้นี้ส่งเงินมาให้สามพี่น้องตระกูลซ่งถึง 20 ตำลึง กลับเป็นซ่งหลี่เถียนป้าใหญ่ผู้นั้นที่ละโมบเอาเงินไปจนหมด อีกทั้งยังรังแกพวกตน ใช้แรงงานซ่งต้าลู่จนเขาต้องหยุดพักการเรียน สูญเสียโอกาสในการสอบมาถึงสองปี คิดถึงตรงนี้ ในใจของซ่งไป๋ลู่ก็ยิ่งคับแค้นคนจนใบหน้าเคร่งขรึม“ขมวดคิ้วจนแน่นเช่นนี้ ในใจกำลังขุ่นเคืองผู้ใดกัน”น้ำเสียงหยอกเย้าของพี่ชายทำให้ซ่งไป๋ลู่ออกจา

  • สามีอยากก้าวหน้าต้องช่วยข้าทำสวน   บทที่ 6.2 สุราดีย่อมไม่กลัวตรอกลึก

    ตรอกหนิงอันเป็นถนนฝั่งตะวันตกตรงข้ามกับตรอกอวิ๋น ระยะทางนับว่าไม่ไกลกันมาก อีกอย่างที่นั่นไม่มีเหลาอาหารเรียกได้ว่าไร้คู่แข่ง ดังนั้นจึงนับเป็นทำเลดีในการเริ่มต้นกิจการเหลาอาหารด้วยเหตุนี้ในเดือนต่อมาบนถนนตะวันตก ตรอกหนิงอันจึงมีเหลาอาหารกู้ไป๋เกิดขึ้น และเพราะชื่อเสียงเดิมของว่านชุนทำให้เหลาอาหารกู้ไป๋นี้กลายเป็นที่นิยมในระยะเวลาอันรวดเร็ว ว่านชุนมองเงินตำลึงที่เก็บลงหีบด้วยรอยยิ้มกว้างเปล่งประกาย “อ่า... เงินของข้า ช่างดีจริงๆ”กู้ฉินที่บีบนวดไหล่ให้ภรรยาเห็นนางมีความสุขเช่นนี้บนใบหน้าของเขาก็พลอยมีรอยยิ้มกว้างตามไปด้วย“นางหนูซ่ง ช่างเป็นคนมองการณ์ไกลจริงๆ เวลาเพียงไม่นานก็ช่วยพวกเราให้เติบโตก้าวหน้าได้เช่นนี้แล้ว”“อาไป๋คือขาทองคำของพวกเรา ดังนั้นให้ต้องทุ่มหมดตัวข้าก็ต้องได้นางเป็นสะใภ้”ว่านชุนเอ่ยอย่างมุ่งมั่น สตรีที่มีควมคิดเฉลียวฉลาดเช่นนี้นางจะปล่อยให้หลุดมือไปได้อย่างไร“ได้เวลาไปรับอาเหยียนกับอาหานแล้ว ฮูหยินเจ้าเองก็เร่งปิดร้านพักผ่อนเถอะนะ”เพราะกิจการเหลาอาหารรุ่งเรืองเติบโตอย่างรวดเร็ว ดังนั้นบ้านตระกูลกู้จึงย้ายเข้ามาพักในเมือง และเพื่อความสะดวกในการเดินทางไปสำนักศึ

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status