แชร์

บทที่ 1.2 ชีวิตใหม่ข้าขอกำหนดเอง

ผู้เขียน: ชงเมิ่ง
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-02-13 15:14:45

บทที่ 1.2

ชีวิตใหม่ข้าขอกำหนดเอง

หลังจากกินมันเผาเสร็จซ่งต้าลู่ก็พาซ่งหานลู่ไปล้างเนื้อล้างตัวที่หลังบ้าน ซ่งไป๋ลู่ลอบมองผ่านหน้าต่างบานเล็กในบ้าน ซ่งต้าลู่ผู้นี้มองผิวเผินคล้ายเป็นเพียงเด็กหนุ่มที่อ่อนแอ ไร้ความสามารถ ทว่าซ่งไป๋ลู่ผ่านชีวิตมายาวนานย่อมมองออก เด็กชายผู้นี้ไม่อาจดูแคลนจริงๆ

ยามที่ซ่งไป๋ลู่สิ้นลม เมิ่งเฟยอวี่ก็ให้คนนำร่างที่ไร้วิญญาณของนางไปทิ้งที่ป่าตะวันตกอันเป็นสุสานของศพไร้ญาติ ทว่ายามที่หมาป่ากำลังจะเข้ามาแทะกินอาหารอันโอชะ ลำคอของพวกมันก็ขาดสะบั้น ก่อนที่ร่างไร้วิญญาณนั้นจะหายไป

วิเคราะห์ดูแล้วซ่งไป๋ลู่ที่ยามนั้นบิดาและน้องชายล้วนตายจากไปหมดแล้ว ตัวละครข้างกายนางผู้เดียวที่นักเขียนละเว้นไว้ก็คือ ซ่งต้าลู่ พี่ชายใหญ่ผู้นี้นั่นเอง

“พี่รองข้ายกน้ำมาให้ท่านเช็ดตัว”

เสียงเล็กดังขึ้นที่ด้านหลังดึงความคิดของซ่งไป๋ลู่กลับมาสู่ปัจจุบัน ภาพสองพี่น้องที่อาบน้ำหลังเรือนตอนนี้ว่างเปล่าไร้เงาคน เมื่อหมุนตัวกลับมาก็พบซ่งหานลู่ตัวน้อยที่ถืออ่างไม้ใบใหญ่กว่าตัวเดินเข้ามา มือเล็กบิดผ้าสีหม่นส่งให้พี่สาวอย่างใส่ใจ

“ท่านลุงเกาตัดแต่งต้นกุหลาบหน้าบ้าน ข้าจึงเอาดอกกุหลาบที่เขาไม่ใช้เก็บกลับมาใส่น้ำให้ท่าน”

สังเกตจากปฏิกิริยาที่เด็กน้อยตรงหน้ามีต่อนาง เจ้าของร่างเดิมคงไม่ได้ดีต่ออีกฝ่ายนัก ทว่าทองแท้ไม่กลัวไฟ ซ่งหานลู่ผู้นี้กลับยังคงเติบโตเป็นเด็กชายที่ดีถึงเพียงนี้

“น้องเล็กของข้าช่างมีน้ำใจต่อพี่รองจริงๆ ว่าแต่กิ่งกุหลาบที่ท่านลุงเกาตัดทิ้งพรุ่งนี้เจ้าพาข้าไปขอมาปลูกที่บ้านเราได้หรือไม่”

“เจ้าเพิ่งหายป่วยไม่ควรออกจากบ้านไปโดนลม หากอยากได้ตอนฟ้าสางข้าจะไปเอามาให้”

ซ่งต้าลู่ที่เพิ่งเดินเข้ามาเอ่ยบอก ก่อนจะเดินไปหยิบผ้าผืนเก่าสีหม่นมาปูบนพื้นแล้วเอนกายลงนอนที่มุมด้านใน โดยมีซ่งหานลู่เดินไปทิ้งตัวนอนอยู่ข้างเขา

พี่ใหญ่บอกว่าพวกเราเป็นผู้ชายต้องเสียสละ ดูแล ปกป้องท่าน

ซ่งต้าลู่ผู้นี้แม้ไม่ใช่คนช่างเจรจา ทว่ากลับเป็นบุรุษที่ดียิ่งนัก เพียงแต่เพราะเป็นเช่นนี้ภายหน้าซ่งไป๋ลู่ผู้นี้จึงกลายเป็นสตรีเห็นแก่ตัว แม้แต่สามีก็ยังเอาไปขายแลกเงิน

...................................................

ยามฟ้าสางซ่งต้าลู่ต้มข้าวต้มน้ำใสที่วันนี้มีความข้นมากขึ้นจากการใส่เนื้อมันเทศลงไป รสชาติหวานของมันเทศที่ละมุนลิ้นทำให้ใบหน้าของซ่งหานลู่ยิ้มกว้าง ยกชามข้าวต้มของตนขึ้นจรดริมฝีปากดื่มรวดเดียวหมดถ้วย

“ฝีมือทำอาหารของพี่ใหญ่แม้แต่พ่อครัวใหญ่ในวังก็ยังเทียบไม่ได้จริงๆ”

คนตัวเล็กเอ่ยป้อยอ หากแต่แม้จะรู้ว่าเป็นเพียงถ้อยคำที่กล่าวเอาใจเขาแต่ซ่งต้าลู่ก็ยิ้มรับอย่างพอใจ

“นี่หัวมันเทศที่เจ้าให้ข้าหั่นไว้ให้”

ซ่งต้าลู่ส่งตะกร้าสานที่มีหัวมันเทศยาวขนาดสองข้อนิ้วมือนับสิบชิ้นวางอยู่ให้น้องสาว ซ่งไป๋ลู่รับมาแล้วเอ่ยขอบคุณ ยามที่สองพี่น้องออกจากเรือนไปช่วยคนเป็นป้าทำนา คนป่วยที่ถูกสั่งให้นอนบนเตียงก็เดินออกมาด้านนอก เอาหัวมันเทศที่ถูกหั่นเอาไว้ปักแช่น้ำก่อนที่จะกวาดตามองรอบๆ หยิบถังไม้เก่าที่แตกรั่วจนใช้งานไม่ได้กับจอบใบเล็กขนาดพอดีมือแบกไปหลังเรือน

ภาพต้นหญ้าที่สูงราวครึ่งจั้ง (หนึ่งจั้งประมาณสามจุดสามเมตร) ทำเอาใบหน้าของซ่งไป๋ลู่เจื่อนลงในทันที หากเป็นนางในวัยสามสิบการจัดการต้นหญ้าพวกนี้ย่อมไม่ใช่เรื่องยาก แต่ตอนนี้นางเป็นเพียงเด็กน้อยวัยสิบขวบ ให้ใช้เวลาตลอดฤดูร้อนนี้ก็ยังไม่มั่นใจว่าจะจัดการป่าหญ้าตรงหน้านี้ได้

ทว่าไม่มีสิ่งใดที่ไป๋ลู่คนนี้จะทำไม่ได้ ก็แค่ป่าหญ้าสามหมู่เท่านั้น แต่ตอนนี้นางต้องจัดการเรื่องมันเทศเสียก่อน

ร่างกลมป้อมนั่งลงหยิบดินบนพื้นขึ้นมาตรวจดู โชคดีที่ดินหลังบ้านของนางเป็นดินร่วนซุยที่ค่อนข้างสมบูรณ์ มือเล็กจับจอบยกขึ้นขุดดิน เพียงแต่ไม่รู้เพราะร่างกายนี้ยังเด็กเกินไป หรือตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่เคยออกแรงทำงานหนักกันแน่ เพียงขุดดินแค่หนึ่งถังก็เหนื่อยหอบ สองมือแดงก่ำขึ้นตุ่มน้ำใส

หากให้สองพี่น้องแซ่ซ่งเห็นแผลบนมือนี้เข้าต้องเป็นเรื่องแน่ๆ

ซ่งไป๋ลู่มองมือตนเองแล้วกังวลขึ้นมา แม้จะบอกว่าซ่งไป๋ลู่เป็นตัวร้ายที่พระเอกอย่างเมิ่งเฟยอวี่เกลียดชังเข้ากระดูกแต่ในสายตาของสองบุรุษแซ่ซ่ง โดยเฉพาะซ่งต้าลู่ ซ่งไป๋ลู่เปรียบดั่งไข่มุกกลางฝ่ามือที่พวกเขาล้วนทะนุถนอมอย่างดี หากมาเห็นแผลบนมือนี้คงต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่ๆ หญิงสาวในร่างเด็กน้อยถอนหายใจยาว ยกถังดินขึ้นบ่าเล็กเดินโซเซไปมาอย่างยากลำบาก ก่อนจะหยุดเท้าที่ข้างเรือนแล้วนำหัวมันเทศที่แช่น้ำเอาไว้มาปักลงดิน

ท่านป้าชุนบอกว่ามันเทศพวกนี้เป็นของดีที่ลูกชายของนางได้มาจากจวนเจ้าเมืองราคาในตลาดสูงมากทีเดียว

หากเป็นเช่นที่ซ่งหานลู่เคยเอ่ยบอก ภายหน้าถ้าหากนางสามารถเพาะมันเทศนี้ออกมาขายได้ ก็คงไม่ต้องกังวลเรื่องเงินในบ้านแล้ว

ริมฝีปากบางยิ้มกว้าง หยิบเคียวเดินกลับไปที่หลังเรือนอีกครั้ง ก่อนจะค่อยๆ เกี่ยวต้นหญ้งสูงลงมา โดยเลือกเกี่ยวที่กลางพงหญ้าออกมาก่อนเพื่อไม่ให้เป็นที่ผิดสังเกตจนถูกสองพี่น้องแซ่ซ่งรู้ทัน

ยามที่ดวงตะวันเคลื่อนตัวเกือบตรงศรีษะ ซ่งไป๋ลู่ก็รีบมุดออกมาจากพงหญ้าล้างคราบเหงื่อไคลบนตัวแล้วกลับเข้าไปในบ้าน ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงอย่างว่าง่าย

“พี่รอง!”

เสียงของซ่งหานลู่เอ่ยเรียกอยู่นอกบ้าน ก่อนประตูพุๆ จะเปิดออกพร้อมกับร่างเล็กที่เดินมาหยุดอยู่เบื้องหน้าซ่งไป๋ลู่ โดยเว้นระยะห่างอยู่ถึงสามก้าวและมีท่าทีหวาดหวั่นเล็กน้อย มือเล็กๆ ยื่นออกมากลางฝ่ามือมีก้อนแป้งสีเหลืองหม่นอยู่หนึ่งก้อน

“พี่รองข้าเอาซาลาเปามาฝากท่าน”

มือเล็กสั่นเทาน้อยๆ ใบหน้าตอบก้มลงหากแต่หางตาลอบมองปฏิกิริยาของคนเป็นพี่ ซ่งไป๋ลู่มองดูซาลาเปาที่เย็นจนแป้งแข็งในมือของซ่งหานลู่แล้วขมวดคิ้วเล็ก ทว่ายามที่เห็นแววตาคาดหวังของน้องชายตัวน้อยก็แสร้งทำท่าตื่นเต้นดีใจเยี่ยงเด็กน้อยไปกับเขา

“ซาลาเปา น้องเล็กเจ้าไปเอามาจากที่ไหนกัน”

“เป็นพี่สามชุนลูกสาวของท่านป้าชุนแบ่งให้ข้า ข้าจึงเก็บเอาไว้อย่างดีเพื่อเอามาฝากท่าน”

ซ่งไป๋ลู่เม้มริมฝีปากบางมองเด็กชายตรงหน้าด้วยความรู้สึกเต็มตื้นในอกก่อนจะรับซาลาเปาจากมือเด็กน้อยมาฉีกกิน

“อ่ะ... แป้งแข็งมาก”

ซ่งไป๋ลู่แกล้งเอ่ยเสียงขุ่นไม่พอใจก่อนจะเอาซาลาเปาในมือส่งให้เด็กชาย ซ่งหานลู่คิดว่าตนเองนำของไม่ดีมาฝากพี่สาวใบหน้าก็พลันซีดเผือกลองกัดกินซาลาเปาในมือด้วยความกังวล

“อร่อยหรือไม่”

เมื่อได้ยินน้ำเสียงที่เปลี่ยนไปของคนตรงหน้า เด็กน้อยก็รู้ว่าถูกอีกฝ่ายหลอกให้กินซาลาเปาลูกนี้ ทว่าเมื่อมองดูก็พบว่าเมื่อครู่เขากัดไปคำใหญ่มาก ตอนนี้แทบไม่เหลือให้อีกฝ่ายได้กินเลย

“พี่รองข้าขอโทษ ซาลาเปานี่...”

ซ่งไป๋ลู่ย่อมรู้ความคิดของเด็กชายนางจับมือเขามากอบกุมเอ่ยเสียงอ่อนโยน

“น้องเล็ก ข้าดีใจมากที่เจ้ากับพี่ใหญ่เสียสละเพื่อข้ามาโดยตลอด แต่พวกเราเป็นพี่น้องกัน เจ้ากับพี่ใหญ่ปรารถนาให้ข้าได้กินของอร่อย ได้ใช้ของดีๆ ตัวข้าเองก็ปรารถนาเช่นนี้ต่อเจ้าและพี่ใหญ่เช่นกัน”

“พี่รอง...”

ดวงตากลมของเด็กชายแดงก่ำ สบแววตาของพี่สาวด้วยความรู้สึกซาบซึ้งใจ ในที่สุดพี่สาวก็มองเห็นความตั้งใจของเขา

“เช่นนั้น... ต่อไป... ต่อไปท่านจะไม่ทุบตีข้า ด่าทอข้าแล้วใช่หรือไม่”

รอยยิ้มของซ่งไป๋ลู่พลันแข็งค้าง แม้ความทรงจำมากมายของเด็กน้อยซ่งไป๋ลู่ผู้นี้จะไหลเข้ามาในความคิดนาง แต่เรื่องเลวร้ายที่นางกระทำกับคนในบ้านกลับไม่มีเลยสักนิด ช่างเป็นเด็กดีเสียจริงๆ ความผิดของตนเองกลับไม่เคยจดจำเลยสักนิด

...................................................

 

 

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • สามีอยากก้าวหน้าต้องช่วยข้าทำสวน   บทที่ 1.3 ชีวิตใหม่ข้าขอกำหนดเอง

    บทที่ 1.3ชีวิตใหม่ข้าขอกำหนดเองหลังจากที่หลอกล่อให้ซ่งหานลู่กินซาลาเปาจนหมดลูก ซ่งไป๋ลู่ก็เปิดประตูบ้านออกมาดวงตากลมเบิกกว้างเมื่อพบว่าตลอดริมรั้วหน้าบ้านล้วนมีกิ่งกุหลาบปักชำเอาไว้ ไม่ต้องเอ่ยถามก็รับรู้ได้ว่าทั้งหมดนี่ล้วนเป็นฝีมือ ซ่งต้าลู่“พี่ใหญ่ ท่านไม่เหนื่อยบ้างหรือ”ทั้งที่เป็นเพียงเด็กชายวัยสิบสี่ปี แต่กลับต้องเลี้ยงดูน้องทั้งสองคน ทั้งยังต้องคอยทำงานให้ญาติผู้ใหญ่ที่เห็นแก่ตัวอย่างซ่งหลี่เถียน ช่างแบกภาระไว้เกินตัวจริงๆ“ขอเพียงเจ้ารู้ความเช่นนี้ ข้าย่อมไม่เหนื่อย”รู้ความ คำพูดนี้ใช่หมายถึงซ่งไป๋ลู่ในอดีตที่วันๆ เอาแต่กิน นอน ข่มเหงรังแกซ่งหานลู่จริงๆ หรือไม่“ตอนบ่ายข้าจะพา น้องรองออกไปทำนาด้วยกันจะได้ไม่รบกวนเจ้า”ซ่งไป๋ลู่พยักหน้ารับคำ ยามเมื่อสองพี่น้องออกไปแล้วนางก็ลงมือเกี่ยวหญ้งหลังบ้านต่อแม้จะทำได้ไม่เร็วมากนักแต่รวมๆ แล้วก็กว้างยาวถึงด้านละสามผิน (1 ผิง=3.3 เมตร) เลยทีเดียวมือเรียวยกขึ้นปาดเหงื่อบนใบหน้าออก เกลี่ยหญ้าที่นางเกี่ยวเมื่อครู่ให้กระจายตัวตากแดดเอาไว้ ยามที่แห้งดีค่อยเก็บเอาไว้ใช้งานต่อดวงตากลมหันกลับมามองบ้านที่นางและพี่น้องแซ่ซ่งทั้งสองอาศัยอยู่ด

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-13
  • สามีอยากก้าวหน้าต้องช่วยข้าทำสวน   ​ บทที่ 2.1 ค้าขายย่อมมีกำไร

    ​ บทที่ 2.1ค้าขายย่อมมีกำไรซ่งไป๋ลู่ซ่อนตัวในตะกร้าใบเล็กบนเกวียนของกู้ฉินรอจนพ้นหมู่บ้าน กู้เหยียนก็ยกตะกร้าออกให้นาง“อาไป๋ออกมาได้แล้ว”กู้เหยียน เป็นเด็กชายวัยเดียวกับซ่งต้าลู่ เรียกได้ว่าทั้งสองเป็นสหายสนิทกันเลยก็ว่าได้ หลายครั้งที่สามพี่น้องตระกูลซ่งได้ความช่วยเหลือจากคนบ้านตระกูลกู้ ในใจของซ่งไป๋ลู่เจ้าของร่างเดิมยังชื่นชอบกู้เหยียนมากอีกด้วย ส่วนมากขนาดไหนน่ะหรือ ก็มากขนาดที่อาศัยยามเขาเมามายแสร้งสร้างเรื่องว่าตนเองกับกู้เหยียนได้เสียกัน หากแต่กู้เหยียนแม้เมาจนหมดแรงแต่ก็ไม่ขาดสติ เรื่องนี้เขาจึงไม่ยอมรับจนเรื่องราวบานปลายทำให้ซ่งต้าลู่ตัดขาดกับสหายผู้นี้ ช่างเป็นบทนางร้ายตัวประกอบที่ไร้สมองสิ้นดี“ขอบคุณพี่กู้เหยียน”“ไม่เป็นไร เจ้าเป็นน้องสาวอาต้า ก็นับเป็นน้องสาวของข้าด้วย”กู้เหยียนเอ่ยบอกด้วยความจริงใจ ซ่งไป๋ลู่พยักหน้ารับคำ บุรุษที่ดีเพียงนี้ กลับถูกวางบทให้เป็นเพียงเบี้ยหมากไร้ค่าผู้หนึ่ง ภายหน้าถูกเมิ่งเฟยอวี่พระเอกของเรื่องหลอกใช้ให้มาประจานเรื่องราวต่ำทรามของซ่งไป๋ลู่ จนตัวเขาถูกซ่งต้าลู่ที่แค้นใจแทนน้องสาวสังหารอย่างโหดเหี้ยมแน่นอนว่าตัวนางที่เป็นซ่งไป๋ลู่ในวันน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-13
  • สามีอยากก้าวหน้าต้องช่วยข้าทำสวน   บทที่ 2.2 ค้าขายย่อมมีกำไร

    บทที่ 2.2ค้าขายย่อมมีกำไร“พี่ใหญ่ท่านเร่งมาดูเร็วเข้า”เสียงของซ่งหานลู่ดังก้อง เมื่อกลับมาถึงบ้านแล้วพบว่าบนโต๊ะเล็กมีอาหารสามจาน และข้าวพูนจานอีกสามถ้วย“พี่ใหญ่ท่านตีข้าที นี่ข้าไม่ได้ฝันไปใช่หรือไม่ นะ... นี่ เนื้อหรือขอรับ”ซ่งหานลู่ใช้ตะเกียบคีบเนื้อมาจากจานผัด ดวงตากลมเปล่งประกายฉ่ำวาวไปด้วยน้ำตาแห่งความยินดี ไม่เพียงมีข้าวพูนจาน วันนี้เขายังมีเนื้อกินด้วย หรือว่านี่จะเป็นอาหารมื้อสุดท้ายในชีวิตที่สวรรค์ประทานมาให้“น้องเล็ก เจ้าอย่ามัวแต่ตื่นเต้นรีบไปล้างเนื้อล้างตัวแล้วมากินข้าวตอนที่ยังร้อนๆ จะได้ไม่เสียรส”เมื่อได้ยินพี่สาวเอ่ยบอก คนที่ตื่นเต้นกับอาหารตรงหน้าก็รีบไปล้างเนื้อล้างตัวก่อนจะกลับมานั่งที่เก้าอี้ตัวเก่าจวนพัง ใช้ตะเกียบคีบเนื้อและข้าวในชามใส่ปาก ดวงตากลมเบิกกว้างเอ่ยเสียงอู้อี้“พี่รองนี่เป็นอาหารฝีมือของท่านจริงๆ หรือ”เพราะที่ผ่านมาซ่งไป๋ลู่ไม่เคยจับงานทั้งหนักทั้งเบา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องนอกบ้านในบ้านล้วนมีซ่งต้าลู่จัดการ ดังนั้นอาหารมื้อแรกที่นางทำและยังทำได้ดีถึงเพียงนี้จึงทำให้น้องชายตัวน้อยตื่นเต้นยินดียิ่ง“แน่นอนว่าเป็นฝีมือพี่รองของเจ้า”“เช่นนั้นท่านทำอ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-13
  • สามีอยากก้าวหน้าต้องช่วยข้าทำสวน   บทที่ 2.3 ค้าขายย่อมมีกำไร

    บทที่ 2.3ค้าขายย่อมมีกำไรในทุกวันซ่งหานลู่ยังคงต้องไปช่วยงานป้าใหญ่ซ่งหลี่เถียน ส่วนซ่งไป๋ลู่และซ่งหานลู่จะขึ้นเขาเพื่อไปเก็บผลท้อและบ๊วยที่เริ่มสุก เพียงหนึ่งเดือนเศษเงินที่ซ่งไป๋ลู่ซ่อนไว้ก็เต็มถุง มือเล็กนับเงินที่เก็บสะสมมาตลอดเดือนแล้วยิ้มกว้าง ดูเหมือนจำนวนเงินจะเพียงพอต่อการต่อเติมสร้างห้องครัวแล้ว“พี่ใหญ่ข้าอยากได้ห้องครัวใหม่”เสียงหวานเอ่ยบอกหลังจากส่งนมแพะให้ซ่งต้าลู่“ทำห้องครัวต้องใช้เงิน น้องรองเรื่องนี้ข้าคิดว่าพวกเราคงต้องอดทนอีกสักหน่อย รอท่านพ่อกลับมาค่อยคิดกันอีกที”รอท่านพ่อกลับมา หากคิดตามเส้นเรื่องในนิยายนับดูแล้วก็ร่วมสี่ห้าปี นางจะรอนานขนาดนั้นได้อย่างไร ซ่งไป๋ลู่ขยับตัววางมือลงบนต้นแขนของพี่ชาย ใช้ดวงตากลมใสช้อนมองเขาแล้วเอ่ยเสียงหวานออดอ้อน ในฐานะพี่ชายที่มีน้องสาวเพียงคนเดียววิธีนี้นางมั่นใจว่าสามารถทำให้ซ่งต้าลู่ใจอ่อนได้อย่างแน่นอน“พี่ใหญ่เรื่องเงินค่าจ้างท่านไม่ต้องกังวล ข้ากับน้องรองช่วยกันเก็บผลไม้ป่าไปขายตอนนี้เงินที่ได้มามีไม่น้อยแล้ว”คิ้วเข้มของซ่งต้าลู่ขมวดเข้าหากันเล็กน้อย ทว่าเมื่อสบแววตากลมใสออดอ้อนก็เอ่ยคำดุออกมาไม่ได้แม้แต่ครึ่งคำ ทำได้เพี

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-13
  • สามีอยากก้าวหน้าต้องช่วยข้าทำสวน   บทที่ 3.1 หลุดพ้นจากคนชั่ว

    บทที่ 3.1หลุดพ้นจากคนชั่ว“พี่ใหญ่วันนี้ข้าจะเข้าไปขายของกับพี่กู้เหยียนฝากท่านดูแลน้องเล็กด้วยนะเจ้าคะ”ซ่งต้าลู่ที่กำลังตักโจ๊กข้าวพลันขมวดคิ้วหนา ตั้งแต่ได้ยินว่านชุนเอ่ยว่าอยากได้ซ่งไป๋ลู่เป็นสะใภ้ ในใจเขาก็รู้สึกกังวลเรื่องความใกล้ชิดของน้องสาวกับสหายแซ่กู้ผู้นี้ขึ้นมาซ่งไป๋ลู่เห็นท่าทางนิ่งเงียบของพี่ชายก็หวาดหวั่นว่าเขาอาจจะไม่อนุญาต ดังนั้นนางจึงยื่นมือเล็กออกไปจับที่ชายเสื้อของเขา ช้อนตาขึ้นมองอย่างเว้าวอน“พี่ใหญ่ข้ามีความจำเป็นต้องไปจัดการเรื่องบางอย่างจริงๆ นะเจ้าคะ”เมื่อถูกน้องสาวใช้ท่าทางเช่นนี้ออดอ้อน คนตัวโตก็ถอนหายใจยาว แม้ไม่ยินดีก็ไม่อาจเอ่ยปากหักห้าม“พี่ใหญ่ท่านใจอ่อนกับพี่รองอีกแล้ว”ซ่งหานลู่เอ่ยเย้าพี่ชาย จนเรียกสายตาดุจากเขามาได้หนึ่งวง พร้อมกับตะเกียบในมือหนาที่คีบลงบนเนื้อหมูทอดชิ้นสุดท้ายในจาน“อะ! พี่ใหญ่เนื้อของข้า”ซ่งหานลู่ร้องลั่นเมื่อเนื้อหมูที่เขาเล็งไว้ถูกตะเกียบของพี่ใหญ่จับเอาไว้“พี่ใหญ่ น้องเล็กคนนี้ผิดไปแล้ว”ซ่งหานลู่เอ่ยเสียงอ่อนมองเนื้อหมูในตะเกียบของพี่ชายอย่างอ้อนวอนระคนสำนึกผิด แน่นอนว่าเดิมทีซ่งต้าลู่ก็ไม่ได้คิดแย่งของกินกับน้องชาย

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-20
  • สามีอยากก้าวหน้าต้องช่วยข้าทำสวน   บทที่ 3.2 หลุดพ้นจากคนชั่ว

    บทที่ 3.2 หลุดพ้นจากคนชั่ววันต่อมาซ่งไป๋ลู่ยังคงพาซ่งหานลู่ขึ้นเขาไปเก็บผลไม้ป่าตามปกติ รอจนตะวันใกล้ตกดินซ่งต้าลู่จึงมารับของไปส่งที่บ้านตระกูลกู้เช่นเดิม“อาไป๋เจ้ามาพอดี ข้ากำลังจะเอาของพวกนี้ไปส่งที่บ้านเจ้า”ซ่งไป๋ลู่มองเครื่องครัวที่แสนธรรมดา ทว่ายังคงใช้งานได้ดีแล้วยิ้มกว้างเอ่ยขอบคุณอีกฝ่าย“เรื่องเล็กน้อยเหตุใดต้องขอบคุณด้วยเล่า”ซ่งต้าลู่ขนผลไม้ลงจากรถลาก โดยที่สายตายังคงจดจ้องไปยังสหายที่ยืนสนทนากับน้องสาวของเขาอย่างสนิทสนม“อ้อ... ส่วนนี่เป็นของที่เจ้าฝากให้ข้าไปซื้อมา”กู้เหยียนส่งถุงหนังสัตว์ให้ซ่งไป๋ลู่ ริมฝีปากเล็กยิ้มกว้างรับของมาด้วยความยินดี ท่าทางสนิทสนมของคนทั้งสองทำให้คนเป็นพี่ใหญ่หงุดหงิดใจเป็นทบทวี จนอดเอ่ยถามไม่ได้“น้องรอง เจ้าฝากอาเหยียนซื้ออะไรมาหรือ”“นมแพะและเนื้อหมูเจ้าค่ะ”ซ่งไป๋ลู่เอ่ยตอบพี่ชายของตน หากแต่ความสนใจกลับยังคงอยู่ที่พี่ชายต่างแซ่ ซ่งต้าลู่เม้มริมฝีปาก ตวัดหางตามองสหายด้วยความขุ่นเคือง โดยที่อีกฝ่ายไม่รู้ตัว“ลำบากพี่กู้เหยียนแล้ว พรุ่งนี้ยังต้องรบกวนท่านอีก”“ลำบากอะไรกัน เรื่องของเจ้าก็เหมือนเรื่องของข้า”เพราะยุคนี้ไม่มีตู้เย็นซ่งไป๋ลู

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-20
  • สามีอยากก้าวหน้าต้องช่วยข้าทำสวน   บทที่ 3.3 หลุดพ้นจากคนชั่ว

    บทที่ 3.3 หลุดพ้นจากคนชั่วซ่งหลี่เถียนวันนี้ข้าจะทวงคืนความยากลำบากทั้งหมด“ท่านป้าใหญ่ ของพวกนั้นพวกข้าล้วนใช้เงินของตัวเองซื้อมาทั้งสิ้น จะเป็นของท่านได้อย่างไร”“นางตัวดี เจ้ากล้าซุกซ่อนเงินหรือเอามาให้ข้าเดี๋ยวนี้”“ข้าไม่ให้ เงินที่ท่านพ่อส่งมาท่านก็ยึดไปจนหมดตอนนี้ยังจะมาเอาเงินของพวกเราอีก ท่านไม่ละอายใจบ้างหรือ”“เงินของพ่อเจ้าอะไรกัน พ่อเจ้าไม่เคยส่งเงินมาให้สักหน่อย”“เช่นนั้นพี่ใหญ่ทำงานทุกวันเงินค่าแรงก็สมควรได้รับ เหตุใดจึงเป็นท่านที่ยึดไปหมด”“สารเลว ล้วนสารเลวกันทั้งสิ้น สมแล้วที่เป็นเด็กเหลือขอไร้บิดามารดาอบรม ซ่งไป๋ลู่! นางตัวดีเจ้ากล้าถามเอาเงินจากข้าหรือ พี่เจ้าทำงานทดแทนบุญคุณให้ข้าจะมาถามเอาเงินอะไรกัน”ซ่งไป๋ลู่ได้ยินคำพูดของสตรีตรงหน้าในใจก็นึกเย้ยหยัน หากแต่บนใบหน้ากลับอาบไปด้วยน้ำตาโผเข้าไปโอบกอดพี่ชายเอาไว้“ท่านป้าพวกเราเป็นหลานของท่าน ไม่ใช่ทาสนะเจ้าคะจะได้ทำงานให้ท่านโดยไม่ได้แม้แต่ข้าวเป็นการตอบแทนเช่นนี้ได้อย่างไร”“หลานอะไร พวกเจ้าล้วนเป็นตัวภาระทั้งสิ้น ส่งเงินมาให้ข้า”เอ่ยจบซ่งหลี่เถียนที่ตีคนจนเจ็บมือก็หันไปหยิบไม้กวาดขึ้นหมายฟาดลงบนตัวซ่งไป๋ลู่ท

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-20
  • สามีอยากก้าวหน้าต้องช่วยข้าทำสวน   บทที่ 3.4 หลุดพ้นจากคนชั่ว

    บทที่ 3.4 หลุดพ้นจากคนชั่วหลังจากที่ซ่งหลี่เถียนถูกตัดออกจากการเป็นผู้ดูแลสามพี่น้องตระกูลซ่ง ซ่งต้าลู่ก็ไม่ต้องออกไปทำงานหนักเช่นทุกวันอีก และเพราะอีกฝ่ายเอาที่ดินสิบหมู่ แม่หมูหกตัว แม่ไก่สิบตัวมาชดเชยเงินที่ยึดไปถึงสองปี ตอนนี้ซ่งต้าลู่จึงต้องเร่งทำเล้าหมู และเล้าไก่ อีกทั้งยังต้องวางแผนเร่งปลูกพืชผลให้ทันทั้งสิบหมู่ภายในเดือนนี้ แน่นอนว่าที่ดินมากมายถึงเพียงนั้นเขาที่เป็นเพียงเด็กหนุ่มวัยสิบสี่ปีจะทำคนเดียวไหวได้อย่างไร“ข้าได้ยินว่าท่านลุงกู้ฉิน กับพี่กู้เหยียนไม่มีที่ดิน ทุกวันเลยต้องขับเกวียนรับฝากของเข้าเมือง หากเราแบ่งที่ดินให้เขาสามหมู่แลกกับข้อตกลงให้เขาช่วยเราปลูกข้าวเจ็ดหมู่ พี่ใหญ่ท่านเห็นเป็นอย่างไรเจ้าคะ”ในเมื่อเขาทำคนเดียวก็ไม่หมด แบ่งให้กู้เหยียนช่วยทำย่อมดีกว่าปล่อยทิ้งร้าง อีกทั้งยังได้แรงงานของพวกเขาทั้งครอบครัวมาช่วยนี่นับว่าเป็นความคิดที่ดี“เช่นนั้นข้าจะลองไปคุยกับท่านลุงกู้ดู”“สมแล้วที่เป็นพี่รองของข้า”ซ่งไป๋ลู่ส่ายหน้าไปมากับคำเยินยอของน้องชายตัวน้อย มือเล็กปอกเปลือกลูกพลับแล้วร้อยเป็นพวง เอาไปแขวนตากแดด ส่วนที่ยังไม่สุกดีก็เอาดองใส่ไหเอาไว้“พี่ใหญ่ไม้ไ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-20

บทล่าสุด

  • สามีอยากก้าวหน้าต้องช่วยข้าทำสวน   บทที่ 7.5 เคราะห์ร้ายนำพาวาสนา

    “ทั้งหมดสามตำลึง”แม้จะเสียดายเงิน แต่เสื้อผ้าเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่สมควรจ่าย ดังนั้นซ่งไป๋ลู่จึงควักเงินยื่นให้อีกฝ่ายอย่างไม่ลังเล ก่อนจะเดินเล่นบนตรอกอวิ๋นสำรวจสินค้าต่างๆ ที่ผู้คนนิยม ตลอดจนสินค้าที่ขาดตลาด“เจ้าสุนัขขี้ขโมย กล้าขโมยเนื้อของข้า วันนี้ข้าจะตีให้ตาย”เสียงคนขายหมูร้องด่าลูกสุนัขตัวสีน้ำตาลมอมแมมดังลั่นถนน ซ่งไป๋ลู่เดิมทีไม่คิดสนใจเรื่องวุ่นวายของผู้อื่น ทว่าเจ้าลูกสุนัขตัวดีกลับคล้ายต้องการให้นางใส่ใจ ขาสั้นๆ ทั้ง 4 จึงวิ่งตรงมาหยุดที่ด้านหน้าซ่งไป๋ลู่ วางชิ้นเนื้อลงบนเท้าเล็กก่อนจะวิ่งไปหลบด้านหลัง ทำราวกับนางคือเจ้าของของมัน“อ๋อ... ที่แท้ก็เป็นหนึ่งคนหนึ่งสุนัขร่วมมือกันขโมยของ ช่างดีจริงๆ อย่างนั้นวันนี้ข้าจะตีทั้งสุนัขทั้งคนสั่งสอนไปพร้อมๆ กัน”คิ้วเล็กของซ่งไป๋ลู่ขมวดเข้าหากันแน่น คนตรงหน้าไม่ถามไม่ไถ่คิดเองเออเองก็จะตีนาง หึ! อยากสั่งสอนนางก็ต้องดูก่อนว่า อีกฝ่ายมีความสามารถหรือไม่ ซ่งไป๋ลู่ขบกรามในหัวคิดถึงศิลปะการป้องกันตัวที่ตนเองเคยร่ำเรียนเพื่อใช้รีวิวนิยายในภพก่อน ทว่ายังไม่ทันแสดงฝีมือเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น“หยุดเดี๋ยวนี้!”มือของชายขายหมูชะงักค้างอยู่ที่

  • สามีอยากก้าวหน้าต้องช่วยข้าทำสวน   บทที่ 7.4 เคราะห์ร้ายนำพาวาสนา

    ใช้เวลาร่วมชั่วยามในที่สุดสามพี่น้องตระกูลซ่งก็เดินมาถึงเหลาอาหารกู้ไป๋ ทว่าเท้าไม่ทันก้าวข้ามประตูก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายดังออกมาจากด้านใน ซ่งต้าลู่รีบดึงแขนน้องทั้งสองไว้เบื้องหลัง พลางกวาดสายตามองสถานการณ์ตรงหน้าในทันที“ใครไม่เกี่ยวก็ถอยไป!”สิ้นเสียงแข็งกร้าวดุดันดังลั่นเหลาอาหาร ลูกค้าต่างก็พากันลุกขึ้นแตกตื่นออกมาจากร้าน ซ่งไป๋ลู่ขมวดคิ้วเล็กมองอันธพาลแปลกหน้าในเหลาอาหารของตนด้วยความไม่พอใจ“ถ้าไม่อยากเดือดร้อนก็ส่งคนมา”ชายแปลกหน้าชี้นิ้วไปทางกู้เหยียน ซึ่งยืนบังจางหย่งที่ตัวโตกว่าเอาไว้“ท่านเป็นใคร แล้วทำไมต้องจับตัวพี่จางหย่งไปด้วย”กู้เหยียนตะโกนถามเสียงก้อง มือยังคงจับแขนของจางหย่งเอาไว้มั่น ราวกับจะสื่อสารให้เขารับรู้ว่าเด็กหนุ่มคนนี้จะปกป้องเขาเอง“ข้าเป็นใครไม่สำคัญ ส่งคนมาก็พอ”“ข้าไม่ส่ง! หากพี่จางหย่งเคยไปทำให้ท่านเดือดร้อนก็เรียกค่าชดเชยมา ข้าจะรับผิดชอบเอง”จางหย่งมองเด็กชายที่ออกโรงปกป้องตนเองแล้วเกิดความสงสัยอยู่ในที บนแผ่นดินนี้ยังมีคนที่ช่วยเหลือผู้อื่นโดยไม่กลัวความเดือดร้อนอยู่อีกหรือ“อายุของเจ้าดูแล้วคงไม่เกินสิบห้าแต่ใจกล้าไม่เบา ได้! ข้าจะบอกให้ ไอ้ขอทา

  • สามีอยากก้าวหน้าต้องช่วยข้าทำสวน   บทที่ 7.3 เคราะห์ร้ายนำพาวาสนา

    หลังจากเจรจาตกลงซื้อขายกันเสร็จแล้ว เกาจ้านเผิงก็รีบหมุนตัววิ่งจากไปในทันที ต่อจากนี้ในบ้านจะมีหนทางหาเงินเพิ่มแล้ว ภายหน้าหนี่เอ๋อร์ของเขาก็มีโอกาสซื้อยาดีๆ มากิน หรืออาจโชคดีถึงขั้นสามารถจ้างหมอมีฝีมือมารักษา เช่นนี้นางก็ไม่ต้องทรมานกับอาการเจ็บป่วยเรื้อรังนั่นอีกซ่งไป๋ลู่ยืนส่งคนจนลับตาก็เปิดประตูรั้วเข้าบ้าน เดิมทีคิดจะเข้าไปทักทายซ่งต้าลู่และซ่งหานลู่สักประโยค แต่เมื่อเห็นทั้งสองตั้งใจอ่านตำราก็ไม่คิดเข้าไปรบกวน เดินไปที่สวนหลังบ้านจัดการวัชพืชและเก็บแตงกวากับพริกสดติดมือกลับมาอู๊ดๆ... เสียงของหมูในเล้าร้องดังขึ้น ซ่งไป๋ลู่จึงสังเกตเห็นว่าหมูเหล่านี้ถึงเวลาเปลี่ยนเป็นเงินลงกระเป๋านางได้แล้ว ดังนั้นวันต่อมานางจึงกลับไปที่บ้านตระกูลเกาอีกครั้งเพื่อให้พวกเขาช่วยเป็นธุระติดต่อคนมาซื้อหมู ผ่านไปเพียงสองวันหมูในเล้าก็เปลี่ยนเป็นเงินตำลึงในกระเป๋านาง“พี่รอง ท่านขายหมูไปแล้วเช่นนั้นจะเลี้ยงอะไรแทน”การเลี้ยงหมูขายนั้นแม้จะทำกำไรได้ดี แต่ต้นทุนก็สูงไม่น้อย อีกทั้งความเสี่ยงก็มากเพราะหากพวกมันตายก่อนจะได้ขายทุกอย่างที่ลงทุนไปก็ล้วนสูญเปล่า ในทุกวันนางยังต้องหาอาหารปริมาณมากมาบำรุงให้พวก

  • สามีอยากก้าวหน้าต้องช่วยข้าทำสวน   บทที่ 7.2 เคราะห์ร้ายนำพาวาสนา

    เช้าวันต่อมาหลังจากที่กินมื้อเช้าแล้ว ซ่งไป๋ลู่ก็นำเห็ดที่ผึ่งลมจนแห้งใส่ตะกร้าออกเดินทางเข้าเมือง เดิมทีซ่งต้าลู่ตั้งใจติดตามไปส่งน้องสาว แต่ซ่งไป๋ลู่กลับไม่ยินยอม ด้วยเหตุผลที่ว่าตอนนี้การสอบถงเซิงใกล้เข้ามาทุกที เวลาของพี่ชายจึงมีค่ามากกว่าทองคำ นางจะให้การสอบของเขาพังลงเพราะเรื่องของนางไม่ได้เด็ดขาด ไม่เช่นนั้นแล้วภายหน้าคงยากจะรับมือกับเมิ่งเฟยอวี่แล้ว“อาไป๋มีเรื่องอะไรหรือ เห็นท่านลุงกู้ของเจ้าบอกว่าเจ้าต้องการพบข้า”ว่านชุนเดินออกมาจากห้องครัวด้วยท่าทางร้อนใจ หากแต่เด็กหญิงตรงหน้ากลับยิ้มกว้างวางตะกร้าบนบ่าลง“นี่คืออะไรหรือ”“นี่เป็นเห็ดผิงกูอ่อนเจ้าค่ะ”“เห็ดผิงกูอ่อน เจ้าเอามาเสียมากมายเช่นนี้ทำไมกัน หรือว่าจะนำมาทำอาหาร”ถึงแม้เห็ดผิงกูจะหาง่าย ทว่ากลับนำมาปรุงอาหารได้เพียงไม่กี่ชนิด เมื่อว่านชุนเห็นเด็กสาวพยักหน้าแสดงการยืนยันว่าจะใช้เห็ดผิงกูอ่อนทำอาหารจริงๆ ใบหน้าของว่านชุนก็อาบไปด้วยความกังวลในทันที“อาไป๋ ไม่ใช่ว่าข้าไม่อยากรับน้ำใจเจ้า แต่เห็ดผิงกูนั้นทำอาหารได้ไม่ดีนัก ยิ่งเป็นเห็ดผิงกูอ่อนพวกนี้ยิ่งไม่เป็นที่นิยม”“เช่นนั้นท่านป้ากู้ให้ข้ายืมครัวสักครู่ได้ไหมเจ้าคะ

  • สามีอยากก้าวหน้าต้องช่วยข้าทำสวน   บทที่ 7.1 เคราะห์ร้ายนำพาวาสนา

    ซ่งไป๋ลู่เดินออกจากบ้านมาได้ไม่นานก็เห็นประตูรั้วบ้านตระกูลเกา ริมฝีปากเล็กจึงเอ่ยร้องเรียกคน เจิ้งซุนหนี่ลูกสะใภ้ของบ้านตระกูลเกาได้ยินเสียงคนเรียกก็เดินออกมาต้อนรับเด็กสาวด้วยท่าทางเป็นมิตร“อาไป๋ เจ้ามาหาท่านพ่อหรือ”“ข้าเพียงอยากมาสอบถามว่าต้นกุหลาบที่บ้านของท่านยังมีดอกอยู่หรือไม่”“ยังมีอยู่อีกมากทีเดียว ถ้าเจ้าอยากได้ก็เข้ามาเก็บได้เลย แค่กๆ”เจิ้งซุนหนี่เอ่ยอย่างมีน้ำใจก่อนจะไอเบาๆ ซ่งไป๋ลู่ยิ้มกว้างเดินตามหญิงสาวเข้าไปด้านในบ้าน หากแต่นางไม่ได้เข้ามาเก็บดอกกุหลาบอย่างที่เจิ้งซุนหนี่คิด เด็กหญิงนั่งลงที่เก้าอี้ไม้หน้าบ้านแล้วดึงหญิงสาวนั่งลงตรงข้ามกัน“พี่สะใภ้เกา ท่านสนใจร่วมทำการค้ากับข้าหรือไม่”เมื่อได้ยินเด็กหญิงวัยเพียงสิบเอ็ดปีเอ่ยเจรจาการค้ากับตน เจิ้งซุนหนี่ก็เบิกตากว้างความไม่เชื่อถือเกิดขึ้นในใจ แต่เมื่อคิดถึงเรื่องที่สามีเล่าให้ฟังว่าเมื่อหลายเดือนก่อนที่พี่น้องบ้านซ่งให้ชุนเหยียนนายช่างประจำหมู่บ้านไปต่อเติมห้องเก็บของ แต่ยังไม่ทันลงมือสร้างเด็กสาวซ่งไป๋ลู่ก็มาเจรจาว่าจ้างให้สร้างบ้านหลังใหม่จนนายช่างชุนต้องมาขอให้เกาเทียนเย่ผู้เป็นบิดาสามีไปช่วยก่อสร้าง ในใจของเจ

  • สามีอยากก้าวหน้าต้องช่วยข้าทำสวน   บทที่ 6.5 สุราดีย่อมไม่กลัวตรอกลึก

    “คารวะคุณชายเฟย”“อืม นั่งลงสิ”ซ่งไป๋ลู่ทิ้งตัวลงนั่ง ตั้งท่าจะเจรจาขอเพิ่มราคาดอกไม้แห้ง เพียงแต่ไม่ทันเอ่ยปาก เฟยอวิ๋นก็วางหมากล้อมลงบนกระดานตรงหน้า“เวลาข้าเล่นหมากล้อมไม่ชอบให้ใครส่งเสียงรบกวน”หากไม่อยากให้ใครรบกวน เช่นนั้นเรียกนางเข้ามาทำไมกัน คุณชายเฟยอวิ๋นผู้นี้ช่างน่าโมโหนัก ยิ่งเห็นเขาเล่นหมากสองฝั่งขบคิดร่วมหนึ่งชาเย็นจึงวางหมากหนึ่งตัวซ่งไป๋ลู่ก็อดไม่ได้ หยิบหมากดำมาถือร่วมลงกระดานประลองกับเขา ไม่คิดว่าท่ามกลางความเงียบไร้สุ้มเสียงสนทนา สองชายหญิงต่างวัยกลับโต้ตอบกันอย่างดุเดือด ร่วมหนึ่งชั่วยามก็ยังไม่สามารถตัดสินแพ้ชนะเฟยอวิ๋นมองหมากบนกระดาน ไม่น่าเชื่อว่าตนเองจะเดินหมากได้เสมอกับเด็กหญิงวัยเพียงสิบปีตรงหน้า“หมากบนกระดานจบลงแล้ว เช่นนั้นคุณชายคงสามารถเจรจากับข้าเรื่องราคาดอกไม้แห้งได้แล้วใช่หรือไม่เจ้าคะ”“หากกระดานนี้เจ้าชนะข้าได้ ราคาดอกไม้แห้งของเจ้า ข้าจะเพิ่มราคาขึ้นให้อีกหนึ่งเท่าตัว”เมื่อได้ยินว่าคนตรงหน้าจะเพิ่มราคาดอกไม้แห้งให้อีกหนึ่งเท่าตัวเพียงแค่ชนะหมากล้อมกระดานนี้ซ่งไป๋ลู่ก็ยิ้มกว้าง ก่อนที่จะทะลุมิติมาตัวนางเป็นถึงแชมป์หมากล้อมประจำภาค ไหนเลยจะกลัวการ

  • สามีอยากก้าวหน้าต้องช่วยข้าทำสวน   บทที่ 6.4 สุราดีย่อมไม่กลัวตรอกลึก

    ในขณะที่สามพี่น้องตระกูลซ่งกำลังนั่งสนทนากับกู้เหยียน เสียงเอะอะโวยวายก็ดังมาจากทางหน้าร้าน ทุกคนจึงเร่งรุดไปดู ภาพที่เห็นคือชายขอทานวัยกลางคนเนื้อตัวมอมแมม เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่งกำลังถูกขอทานอีกกลุ่มใหญ่ไล่ทุบตี จนต้องหนีเข้ามาภายในร้านกู้ไป๋ ทำให้เกิดความโกลาหลวุ่นวายภายในร้านจนลูกค้าหนีหายไปจนหมดกู้ฉินยืนกอดภรรยาที่ร่ำไห้ด้วยความตื่นตระหนก ซ่งต้าลู่จับแขนเล็กของน้องๆ ดึงมาหลบที่ด้านหลัง เหยียดตัวตรงเป็นเกราะกำบังแล้วตะโกนเสียงดังก้องดุดัน“ตามกฎหมายแคว้นต้าหยาง ผู้ใดก่อความเสียหายให้บุคคลอื่นต้องเสียค่าปรับตามราคาทรัพย์สินที่เสียหาย หากมิอาจชำระก็ให้จำคุกชดเชย”ได้ยินคำขู่ของเด็กชายท่าทางภูมิฐานมีความรู้ เหล่ากลุ่มคนขอทานก็ชะงักมือไม้ที่กำลังง้างตีคนที่หมอบอยู่ใต้โต๊ะอาหาร แต่แล้วชายขอทานคนหนึ่งก็พูดขึ้น“พวกเราเป็นแค่ขอทาน ไม่มีชื่อในทะเบียนราษฎร์คิดจะจับเรารึ ถุย!”ซ่งต้าลู่ขมวดคิ้วเข้มเข้าหากัน ตวัดสายตาดุจ้องมองอีกฝ่าย ท่าทางเช่นนี้ของเขาทำให้ขอทานใจกล้าเมื่อครู่ใจฝ่อในทันที“ถึงแม้พวกเจ้าจะเป็นขอทานไม่มีชื่อในทะเบียนราษฎร์ แต่ทั่วทั้งแคว้นต้าหยางมีสถานที่หลบซ่อนไม่มากนัก ข้ารับร

  • สามีอยากก้าวหน้าต้องช่วยข้าทำสวน   บทที่ 6.3 สุราดีย่อมไม่กลัวตรอกลึก

    ซ่งไป๋ลู่นั่งลงมองผ่านประตูเรือนไปด้านนอก ตอนนี้นางทะลุมิติมาครึ่งปีแล้วสิ่งต่างๆ รอบตัวเปลี่ยนแปลงไปชนิดที่กล่าวได้ว่า จากหน้ามือเป็นหลังมือ ทว่าสิ่งเดียวที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงก็คือ... ซ่งต้าลู่ พี่ชายที่แสนดีคนนี้ เวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนเขาก็ถนอมน้องสาวคนนี้ไม่เปลี่ยนแปลง“พี่ใหญ่เดือนหน้าท่านต้องไปสอบแล้ว ช่วงนี้งานนอกบ้านท่านก็พักเอาไว้ก่อนเถิดเจ้าค่ะ เงินที่ท่านพ่อส่งมากับส่วนแบ่งที่ท่านป้ากู้มอบให้ พวกเราใช้ทั้งปีก็ยังไม่หมด”ตอนนี้พวกเขาสามพี่น้องตระกูลซ่งแม้ไม่อาจกล่าวว่าร่ำรวย แต่ก็ไม่ขัดสนเรื่องเงินเช่นในอดีต เนื่องจากซ่งไห่เฟิ่งผู้เป็นบิดานั้นส่งเงินมาให้ทุกหกเดือน แต่ละครั้งก็มากถึง 10 ตำลึง คำนวณดูแล้วที่ผ่านมาในหนึ่งปีบิดาผู้นี้ส่งเงินมาให้สามพี่น้องตระกูลซ่งถึง 20 ตำลึง กลับเป็นซ่งหลี่เถียนป้าใหญ่ผู้นั้นที่ละโมบเอาเงินไปจนหมด อีกทั้งยังรังแกพวกตน ใช้แรงงานซ่งต้าลู่จนเขาต้องหยุดพักการเรียน สูญเสียโอกาสในการสอบมาถึงสองปี คิดถึงตรงนี้ ในใจของซ่งไป๋ลู่ก็ยิ่งคับแค้นคนจนใบหน้าเคร่งขรึม“ขมวดคิ้วจนแน่นเช่นนี้ ในใจกำลังขุ่นเคืองผู้ใดกัน”น้ำเสียงหยอกเย้าของพี่ชายทำให้ซ่งไป๋ลู่ออกจา

  • สามีอยากก้าวหน้าต้องช่วยข้าทำสวน   บทที่ 6.2 สุราดีย่อมไม่กลัวตรอกลึก

    ตรอกหนิงอันเป็นถนนฝั่งตะวันตกตรงข้ามกับตรอกอวิ๋น ระยะทางนับว่าไม่ไกลกันมาก อีกอย่างที่นั่นไม่มีเหลาอาหารเรียกได้ว่าไร้คู่แข่ง ดังนั้นจึงนับเป็นทำเลดีในการเริ่มต้นกิจการเหลาอาหารด้วยเหตุนี้ในเดือนต่อมาบนถนนตะวันตก ตรอกหนิงอันจึงมีเหลาอาหารกู้ไป๋เกิดขึ้น และเพราะชื่อเสียงเดิมของว่านชุนทำให้เหลาอาหารกู้ไป๋นี้กลายเป็นที่นิยมในระยะเวลาอันรวดเร็ว ว่านชุนมองเงินตำลึงที่เก็บลงหีบด้วยรอยยิ้มกว้างเปล่งประกาย “อ่า... เงินของข้า ช่างดีจริงๆ”กู้ฉินที่บีบนวดไหล่ให้ภรรยาเห็นนางมีความสุขเช่นนี้บนใบหน้าของเขาก็พลอยมีรอยยิ้มกว้างตามไปด้วย“นางหนูซ่ง ช่างเป็นคนมองการณ์ไกลจริงๆ เวลาเพียงไม่นานก็ช่วยพวกเราให้เติบโตก้าวหน้าได้เช่นนี้แล้ว”“อาไป๋คือขาทองคำของพวกเรา ดังนั้นให้ต้องทุ่มหมดตัวข้าก็ต้องได้นางเป็นสะใภ้”ว่านชุนเอ่ยอย่างมุ่งมั่น สตรีที่มีควมคิดเฉลียวฉลาดเช่นนี้นางจะปล่อยให้หลุดมือไปได้อย่างไร“ได้เวลาไปรับอาเหยียนกับอาหานแล้ว ฮูหยินเจ้าเองก็เร่งปิดร้านพักผ่อนเถอะนะ”เพราะกิจการเหลาอาหารรุ่งเรืองเติบโตอย่างรวดเร็ว ดังนั้นบ้านตระกูลกู้จึงย้ายเข้ามาพักในเมือง และเพื่อความสะดวกในการเดินทางไปสำนักศึ

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status