บนเตียงคนไข้ในห้องไอซียู
ร่างของจูเหมยลี่หรือจุฬาลักษณ์สาวไทยเชื้อสายจีนที่ถูกลูกหลงจากการที่นักเรียนอาชีวะยกพวกตีกัน
เธอใส่เครื่องช่วยหายใจมาเป็นเวลาเก้าวันแล้ว ข้างเตียงมีคนสองฝั่งกำลังขับเคี่ยวกันอยู่
"คุณเป็นแม่แบบไหน เพราะอย่างนี้ไงผมถึงไม่อยากให้ลูกมาเมืองไทย แกคิดถึงอยากเจอคุณแต่คุณไม่ดูแลปล่อยให้ลูกผมต้องถูกทำร้าย"
จูล่งนักธุรกิจชาวจีนซึ่งเป็นคุณพ่อของคนไข้ กำลังเอ่ยปากต่อว่าสตรีตรงหน้า เธออายุประมาณสี่สิบเจ็ดสี่สิบแปด แต่งกายด้วยผ้าเนื้อดีราวกับคุณหญิงคุณนาย
"คุณจู ที่นี่เมืองไทยช่วยเก็บกิริยาที่ใช้บ้านคุณไว้ด้วย ฉันก็ห่วงจูลี่ไม่แพ้กันฉันเป็นแม่ของแกนะ วันๆคุณทำแต่งานจนลูกขาดความอบอุ่นแต่ยังมาโทษคนอื่นอีก"
จุไรพรคุณแม่ของจูลี่เอ่ยปากต่อว่าอดีตสามี จูลี่เป็นลูกของเธอเพิ่งจะบินมาเที่ยวเมื่อสิบวันก่อน
จู่ลี่เปิดร้านขายเสื้อผ้าและเครื่องประดับ อีกทั้งยังเป็นบล็อกเกอร์รีวิวอาหาร ที่มาเที่ยวเมืองไทยก็จะมาถ่ายทำลงช่องของเธอ
แต่วันที่เกิดเรื่องเธอกำลังจะข้ามถนนไปอีกฝั่ง เด็กนักเรียนอาชีวะเหล่านั้นขับมอเตอร์ไซค์ตีคู่แข่งกันมา
หนึ่งในนั้นใช้ปืนไล่ยิงคู่อริ จนกระสุนพลาดมาโดนคนที่รอสัญญาณไฟข้ามถนน บาดเจ็บหลายคน เพราะมีคนเหยียบกันตอนที่วิ่งหนี
แต่จู่ลี่โชคร้าย กระสุนนัดนั้นฝังอยู่ที่ปอดด้านซ้ายของเธอ ทางคุณหมอแจ้งแล้วว่าไม่อาจยื้อชีวิตไว้ได้ แต่ที่ยังใส่เครื่องช่วยหายใจเพราะต้องรอคุณพ่อของเธอบินมาจากอังกฤษ เขาไปติดต่อเรื่องธุรกิจ
หมอเห็นว่าญาติเริ่มใส่อารมณ์จึงตัดบทเอ่ยขึ้น
"คุณแม่ครับ เราอยากให้พวกคุณตกลงกันเรื่องต้องถอดเครื่องช่วยหายใจยังมีคนไข้รออยู่นะครับ คุณพ่อมาแล้วรบกวนเซ็นให้หมอด้วยครับเรารอคุณอยู่ คนไข้เคสหนักๆยังรอช่วยชีวิตอยู่นะครับ"
จูลี่ที่ยืนอยู่ตรงนั้นร้องไห้ เธอตายแล้วจริงๆหรือ จูล่งเซ็นชื่อมือสั่น เขามีจูเหมยลี่เป็นบุตรสาวคนเดียว แม้จะแต่งงานใหม่แต่ก็มีแต่บุตรชาย ทันทีที่เซ็นชื่อยินยอมเรียบร้อย พยาบาลช่วยกันถอดเครื่องช่วยหายใจและเครื่องมือต่างๆออก
คุณพ่อกอดศพเธอแน่นร้องไห้ออกมาอย่างไม่อาย แม่ทิ้งพ่อมาแต่งงานใหม่กับนักการเมืองเพราะยายชอบเขา ไม่ชอบคุณพ่อที่เป็นพ่อค้า
เธอมาเมืองไทยทีไรคุณยายจะรังเกียจตลอด น้องสาวคนละพ่อของเธอเป็นหลานรักของบ้าน ทั้งชีวิตมีแต่คุณพ่อ
"ฮือๆๆๆๆ ปะป๊าหนูตายแล้ว ปะป๊าอย่าร้องไห้นะคะ ปะป๊าดูแลตัวเองด้วยฮือๆ"
จากนั้นก็มีแรงดึงดูดบางอย่างดูดเธอมาจากสถานที่นั้น ทันทีที่จูลี่ลืมตาขึ้นมาก็เห็นภูเขาสูง ไร่นามีชาวบ้านแต่งกายด้วยชุดจีนโบราณ
"อย่าบอกนะว่าทะลุมิติเหมือนในนิยายอ่ะไม่เอานะ ขอไปใช้กรรมเถอะแม่เจ้า"
ยังไม่ทันจะรู้อะไรเป็นอะไรก็เห็นเด็กสาวคนนึงถูกจับใส่ผ้าคลุมเจ้าสาว แต่เสื้อผ้าซอมซ่อนัก มีสตรีร่างใหญ่กับบุรุษวัยกลางคนลากนางมาส่งที่กระท่อมชายป่า
จากนั้นก็มีบุรุษเคราหนาหนวดยาวเฟิ้มเดินออกมารับเจ้าสาว แม่เจ้าน่าสงสารยายหนูนี่จริงๆ แต่งงานกับตาลุงนี่เหรอ จูลี่ตั้งใจฟังบทสนทนา
"นี่เซียวจ้านเป่ย นี่เป็นสัญญาขายตัวนางจะได้ไม่ต้องกลัวว่าจะหนีไปเหมือนเมียเก่าเจ้า เอาคนไปแล้วเอาเงินมา"
"ป้าสะใภ้ ข้ากวาดบ้านถูบ้านทำงานในนาทุกอย่าง เหตุใดต้องขายข้าด้วยฮือๆๆ เหมยลี่ขอร้องท่านแล้ว"
"ถุ้ย…ทำงานสิบอีแปะกินข้าวร้อยอีแปะ ไปอยู่กับนายพรานเซียวมีอะไรไม่ดี อย่างน้อยก็มีเนื้อให้เจ้ากินข้าไปละ "
นางเหวินป้าสะใภ้ของจูเหมยลี่รับเงินมาก็จากไปทันที
"ขายหลานสาวหรือ นางป้ามหาภัยนี่เลวขั้นเทพเลยนะ"
"ฮือๆๆ พี่ชายเซียวเมตตาข้าเถิดนะเจ้าคะ อย่าทำอะไรข้าเลยข้ากลัวแล้ว"
"ข้าซื้อเจ้ามาให้เจ้ามานั่งบีบน้ำตาหรือ ไปหุงข้าวลูกสาวข้าหิวแล้ว"
เซียวจ้านเป่ยรำคาญ นับแต่เมียเก่าหอบผ้าหนีไปกับไอ้ขุนนางคนนั้นเขาก็รังเกียจสตรีมาตลอด หนวดเคราไม่เคยโกนปล่อยเนื้อปล่อยตัวจนเหมือนตาเฒ่าคนนึง
เดิมทีก็ไม่อยากแต่งงานหรอกแต่เพราะท่านปู่อยากให้เขามีทายาทสักที จึงแต่งงานกับหลานสาวของสหายท่านปู่ หงซู่สตรีแพศยาผู้นั้นเขาแตะต้องนางแค่ครั้งเดียวเพราะถูกวางยาปลุกกำหนัด จนมีเซียวลี่ผิงขึ้นมา
นางหนีไปเขาไม่เจ็บใจเท่าไหร่ แต่นางทิ้งบุตรสาววัยสามขวบเอาไว้ปิดประตูขังไว้ในบ้าน
กว่าที่เขาจะลงเขามาก็สองวันแล้วบุตรสาวหิวข้าวหิวน้ำจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด
เขามีเงินเก็บอยู่สามร้อยตำลึงนางก็ขโมยเอาไปจนหมด เหลือแค่ที่ล่าหมูป่ามาได้วันนั้นสองตัวขายได้สามสิบตำลึงก็ใช้รักษาบุตรสาวไปแล้ว มาตอนนี้ทั้งบ้านเหลือเงินแค่ห้าตำลึง
จำต้องซื้อจูเหมยลี่มาสามตำลึง เขาต้องขึ้นเขาอีกครั้ง อีกทั้งถูกหมายเกณฑ์อีก ต้องไปร่วมกองทัพในเดือนหน้า ตั้งแต่กลับมาเจอบุตรสาวนอนหายใจรวยรินเขาก็ไม่ขึ้นเขาอีกเลยเกือบปีแล้ว เงินทองก็ไม่มีแล้วจึงจำใจต้องหาคนมาดูแลบุตรสาวเพื่อหาเงินฝากท่านปู่ผู้ใหญ่บ้านให้ดูแลบุตรสาวเขาๆไม่ไว้ใจให้สตรีจับเงินของเขาอีกแล้ว แพศยาทั้งนั้น
จูเหมยลี่ที่ตอนนี้ทำอาหารเสร็จก็ไปนั่งตัวลีบอยู่มุมบ้าน นางหวาดกลัวเซียวจ้านเป่ยยิ่งนัก
"ตาลุงนี่ เมียหนีไปกับชู้ก็เอาลูกไปจ้างเขาเลี้ยงก็ได้จำเป็นต้องซื้อขายคนเลยหรือไง โรคจิตป่าววะ โหแล้วนี่คือบ้าน สาบานนะว่าบ้านอ่ะ สกปรกรุงรัง เมียทิ้งก็ไม่แปลกหรอก"
จูลี่ขี้เกียจดูสถานการณ์ตรงหน้า นางล่องลอยไปทั่ว เห็นวิถีชีวิตชาวบ้านที่นี่ เด็กผู้หญิงอายุสี่ขวบน่าจะได้กำลังนั่งเล่นหน้าบ้านตาลุงที่ซื้อเมียมาเมื่อกี้นี่น่า
"พี่สาว ท่านเป็นใครเจ้าคะ เหตุใดแต่งตัวแปลกๆกัน" เด็กน้อยถามจูลี่
"หนูน้อย หนูมองเห็นพี่ด้วยหรือคะ"
"มองเห็นเจ้าค่ะ พี่สาวมาจากไหนหรือเจ้าคะ อืมวันนี้เป็นวันแต่งงานท่านพ่อ ข้าจะมีท่านแม่แล้ว"เซียวลี่ผิงเอ่ยแก่จูลี่อย่างดีใจ นางกำลังอวดว่าตนเองมีมารดาแล้ว
"อ้อ พี่ชื่อจูลี่หนูชื่ออะไรหรือคะ" เซียวลี่ผิงแปลกใจกับภาษาพี่สาวคนนี้พูดนักแต่นางก็ฟังออก
"ข้าชื่อเซียวลี่ผิงอายุสี่ขวบเจ้าค่ะ ส่วนนั่นท่านพ่อของข้าส่วนผู้หญิงคนนั้นคือท่านแม่เจ้าค่ะ" เด็กน้อยชี้ไปที่ผู้ชายตัวโตหนวดเครารุงรัง กับเด็กผู้หญิงที่ถูกขายมาเมื่อตอนเช้า ใกล้ค่ำแล้วเซียวจ้านเป่ยเรียกหาบุตรสาว ก่อนจะหันไปตวาดจูเหม่ยลี่
"ข้าให้เจ้าทำครัวก็ทำครัวอย่างเดียวเลยหรือไง ข้าแต่งเจ้ามาให้ดูแลนาง อย่าโง่งมนักไปดูสิว่านางอยู่ไหน ข้าแต่งเจ้ามาทำหน้าที่เมียอย่างเดียวหรือ เจ้าต้องทำหน้าที่มารดาด้วย ไม่ใช่นั่งรอให้ข้าพาเข้าหออย่างเดียว"
จูเหมยลี่สะดุ้ง นางกลัวจะตายอยู่แล้วฮือๆๆ นางไม่อยากเข้าหอ เขาตัวโตเพียงนี้นางตายแน่นๆ เมียเขาคงทนไม่ไหวจึงหนีไป จูลี่นึกโมโหตาลุงบ้านี่ก็หันไปพูดกับเด็กน้อย
"ผิงผิงตัวน้อยรีบไปเถอะ พ่อหนูจะตีแม่หนูอยู่แล้วถ้าแม่คนนี้หนีไปอีกหนูก็ไม่มีแม่แล้วนะ" ได้ผลเซียวลี่ผิงรีบวิ่งไปหาบิดาทันทีนางอยากมีท่านแม่
"ท่านพ่อๆ อย่าตีท่านแม่นะเจ้าคะ ข้าเจอพี่สาวใจดีเลยคุยกับนางนานเกินไป ข้ามาช้าเองข้าเหลวไหลเอง ท่านแม่ๆอย่าร้องไห้นะเจ้าคะโอ๋ๆนะ" เด็กน้อยลูบหลังจูเหม่ยลี่ที่กำลังสั่นเป็นลูกนก
"กินข้าวเถอะ มานี่มานั่งกับพ่อดีกว่า คืนนี้เจ้านอนห้องข้างๆ เนื้อตัวสกปรกเสียจริงๆอาบน้ำบ้างไหมเจ้าน่ะ สามตำลึงของข้ารู้สึกขาดทุนนัก"
เซียวจ้านเป่ยอุ้มบุตรสาวนั่งตักก่อนจะป้อนข้าว ไม่นานก็พากันเข้านอน ปล่อยให้จูเหม่ยลี่เก็บกวาดล้างจานอยู่คนเดียว
เสื้อผ้านางมีแค่ชุดเดียว ตอนนี้หน้าฝนจะให้เอาที่ไหนใส่กันเล่า ฮือๆๆๆจูเหม่ยลี่เข้านอนในห้องเล็กๆ นางๆไม่ต้องการอยากมีชีวิตอยู่แล้ว
พ่อแม่ก็ป่วยตายจากไปตั้งแต่นางสิบขวบ ป้าสะใภ้ใหญ่ใช้งานยิ่งกว่าทาสอายุสิบหกแล้วแทนที่จะออกเรือนไปบ้านสามีที่ดี กับถูกขายมาเป็นเมียนายพรานป่าเถื่อนคนนึง
"ฮือๆๆ ท่านพ่อ ท่านแม่ รอก่อนนะเจ้าคะข้ากำลังจะไปหาพวกท่าน ฮือๆๆๆ" จากนั้นก็นอนร้องไห้จนหลับไป
ริมแม่น้ำแม่น้ำชาวบ้านต่างพากันมาซักผ้า จูลี่เห็นวิถีชีวิตพวกเขาเหล่าสตรีต่างพุดคุยบ้างก็นินทากัน เห็นจูเหมยลี่ถือถังผ้ามาก็ได้แต่ถอนหายใจเด็กคนนี้ขยันขันแข็งพ่อแม่ตายไปก็ยังกตัญญูต่อปู่ย่า ใครจะรู้แม่เฒ่าจูจากไปศพยังไม่ทันเย็น ป้าสะใภ้นางเหวินซื่อก็ขายเด็กคนนี้ให้นายพรานเซียว ชะตาอาภัพนัก"เหมยลี่เอ๊ย แต่งงานแล้วก็ใช้ชีวิตต่อไปให้ดีเถอะนะ"ป้าหวงเอ่ยขึ้นนางเวทนาชะตาชีวิตเด็กคนนี้ เดิมทีมีคู่หมั้นแต่พอปู่ย่าจากไปคู่หมั้นก็มาขอถอนหมั้น เพราะเขาหมายตาลูกสาวมือปราบในเมืองแล้ว ใครจะมาชอบลูกสาวชาวนาที่ไม่มีแม้แต่สินเดิมกันเล่า อีกอย่างจางชุนคนนั้นก็สอบบัณฑิตผ่านแล้วด้วยน่าเวทนาชะตานางนัก"ขอบพระคุณเจ้าค่ะ ข้าไม่เป็นไรหรอก"เอาขอบคุณชาวบ้านก่อนจะลงมือสักผ้าของสองพ่อลูก แต่จูเหมยลี่กลับเห็นบางอย่าง"ท่านพ่อ ท่านแม่ ท่านย่า พวกท่านมารับข้าหรือเจ้าคะ"จูเหมยลี่มองเห็นเงาสามเงาในน้ำก็เอ่ยขึ้น ป้าหวงรู้สึกแปลกใจที่ได้ยินเสียงพึมพำ แต่พอป้าหวงหันมาอีกทีก็เหลือแค่ปลายผมให้เห็นแล้ว"ใครก็ได้ช่วยที เหมยลี่นางจมน้ำแล้วช่วยกันหน่อยเร็วเข้า" จูลี่ที่กำลังล่องลอยไปมาบริเวณภูเขา อยู่ๆก็มีแรงดึงดูดนางกลั
เซียวจ้านเป่ยเห็นจูเหมยลี่ที่อาบน้ำสะอาดสะอ้านแล้วก็ตะลึง ขนาดใส่ชุดบุรุษของเขาอยู่นางยังงามถึงเพียงนี้เหมือนเขาจะได้ของดีนะ ถ้าป้าสะใภ้นางรู้กว่าหลานสาวตัวเองขัดสีฉวีวรรณแล้วงามเพียงนี้คงเสียดายแน่ๆ เด็กนี่หากขายให้ขุนนางอย่างน้อยๆค่าสินสอดคงมากกว่าห้าหกร้อยตำลึงจูเหมยลี่เดินมาเกาะแขนเขาหน้าอกที่มีน้อยนิดเบียดกับต้นแขนแกร่ง เด็กนี่จงใจกลั่นแกล้งเขากับจางลู่เหลียนนางคงได้ยินที่จางลู่เหลียนดูถูกนาง"พี่ลู่เหลียน ข้าขออภัยที่มื้อเที่ยงวันนี้รบกวนท่านแล้ว เมื่อคืนดึกไปหน่อยเลยตื่นสาย พอตื่นมาไปซักผ้าเกิดก้าวพลาดตกน้ำลำบากท่านพี่ต้องมาดูแลอีก ท่านพี่ข้าหิวแล้วขอกินข้าวก่อนนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นคืนนี้จะมีแรงปรนนิบัติท่านได้อย่างไร"ไม่พูดเปล่ายังเงยหน้าช้อนสายตายั่วยวนคนตัวสูงอีก จางลู่เหลียนน้ำตาคลอ กำมือแน่นกำลังจะเดินออกไป ก็ได้ยินเสียงหวังดีประสงค์ร้ายตามหลัง"พี่ลู่เหลียนที่บ้านท่านไว้ทุกข์ให้ผู้ใดหรือ ใส่ชุดขาวทั้งตัวแบบนี้มาบ้านข้าคงไม่ได้มาแช่งสามีข้าหรอกนะ"จางลู่เหลียนปิดหน้าร้องไห้วิ่งกลับบ้านไม่หันกลับมาอีกเลย เมื่อก่อเรื่องเสร็จแล้วก็ไม่มีอะไรให้ทำจูนเหมยลี่ก็ปล่อยมือเขาทันที
"ผิงผิงเด็กดีไหมเอ่ย ตื่นหรือยังน้อไม่ตื่นแม่จะหนีไปเที่ยวคนเดียวแล้วนะ" จูเหมยลี่จี้เอวเด็กน้อย นางตื่นแล้วแต่แกล้งหลับขนตากระพริบถี่เชียว"คิกๆๆๆท่านแม่ฮ่าๆๆท่านแม่ข้าจั๊กจี้มากเลยเจ้าค่ะคิกๆๆ"จูเหมยลี่มองตาเด็กน้อยก่อนจะก้มลงเป่าพุงนางเล่น เสียงหัวเราะคิกคักดังมาจากในบ้าน เซียวจ้านเป่ยยืนมองภาพตรงหน้าอย่างใจลอย ภาพนี้เหมือนตอนเขายังเด็กตอนที่เสด็จพ่อยังไม่แต่งสตรีคนนั้นเข้ามา เสด็จแม่รักใคร่เขานัก แต่ไม่นานนางก็จากไปหลักจากนั้นอีกสองปีเขาอายุสิบแปดไปไหว้หลุมศพมารดาขากลับก็ถูกตามฆ่าจนต้องหนีมาอาศัยอยู่ที่นี่กับพ่อบ้านของเขาท่านปู่เซียวหลงเพื่อปกปิดร่องรอยจำต้องแต่งภรรยา ในที่สุดก็ถูกหงซิ่ววางยาจนมีผิงผิงออกมา เขายังถูกตามล่าจากชายารองที่ตอนนี้ขึ้นตำแหน่งชายาเอกแล้วกระมัง ถอนหายใจเสร็จก็เดินเข้าบ้าน"ข้าจับปลาได้สามตัว จะไปซื้อเนื้อหมูที่ในเมืองมาให้ตอนเช้า ตอนนี้ตลาดคงวายหมดแล้ว ปลาต้องทำอย่างไร""ท่านขอดเกล็ดควักไส้ออกแล้วกัน อ้อติดเตาให้ด้วยข้าจะต้มน้ำให้ผิงผิงอาบก่อนเดี๋ยวฝนตก เก็บผ้าที่ข้าซักตากเข้ามาให้ด้วย"เซียจ้านเป่ยสะอึกเขาซื้อนางมาหรือว่านางซื้อเขามากันแน่ใช้งานเขายิ่งก
จูเหมยลี่เติมฟืนก่อนจะต้มน้ำจากนั้นก็ลวกไก่ถอนขน นางทำทั้งห้าตัวเลย จะเอามาย่างและมาทอดด้วย เฮ้อไม่อยากจะว่าสหายของตาลุงนั่นหรอกนะแต่ดูเหมือนหนึ่งตำลึงนี่ บางบ้านอยู่ได้ครึ่งปี แต่นี่นอกจากซาลาเปาแข็งๆกับข้าวต้ม เซียวลี่ผิงแทบไม่ได้กินดีเลย ตาลุงนั้นมีแป้งมีข้าวเต็มถังแต่กลับปล่อยให้ลูกสาวผอมเชียว ถึงจะไม่อดก็ใช่ว่าจะได้กินดี"ไปริมน้ำกับแม่ไหม แม่จะไปทำไก่ไม่อยากใช้น้ำในโอ่งเดี๋ยวท่านพ่อต้องหาบน้ำอีก"เซียวลี่ผิงพยักหน้าจูเหมยลี่นำกะละมังไม้มาสองใบ นำชามใส่ขี้เถ้ามาหนึ่งใบ จากนั้นก็เอาไก่ป่าที่ลวกแล้วถอนขนเรียบร้อยใส่กะละมังไม้ก่อนจะพากันเดินไปหลังบ้าน จูเหมยลี่ผ่าท้องควักเครื่องในออกมาจากนั้นก็ล้างด้วยขี้เถ้าจนสะอาด"เฮ้อ อยากได้พริก ข่า ขิง กระเทียม พริกไทย ฮวาเจียวสักหน่อยที่นี่มีไหมนะ"ปากก็บ่นไปเรื่อยเปื่อยแต่อยู่ๆจมูกก็ได้กลิ่น"หืมได้กลิ่นขิง กลิ่นพริก เอ๋เดี๋ยวนะอยู่ๆได้กลิ่น มาจากไหนกัน ผิงผิงรอแม่ตรงนี้นะเดี๋ยวแม่มา แม่ไปดูตีนเขาตรงฝั่งนั้นก่อน"เซียวลี่ผิงพยักหน้าจูเหมยลี่ข้ามลำธารไป เห็นต้นไม้ไม่สูงเท่าไหร่ มีลูกสีเขียวสีแดงเต็มไปหมด มีกอข่า ขิง"อั๊ยย่ะ นี่มันสรรค์ประท
เซียวจ้านเป่ยเข้ามาเห็นภาพที่ทั้งคู่กอดกันก็รู้สึกอบอุ่นบอกไม่ถูก นางคงไม่หนีไปใช่ไหมนางบอกว่ารอเขากลับมาจะหย่า ก็ได้หากถึงเวลานั้นนางอยากหย่าเขาจะไม่รั้งไว้ แต่ตอนที่เขาไม่อยู่ให้นางช่วยดูแลบุตรสาวของเขาก็พอ"เอ่อ ผิงผิงอย่างอแงเลย พ่อกับท่านแม่แค่คุยกันนานไปหน่อย สายแล้วไปทำอาหารเถอะ ไหนบอกจะพาลูกไปเก็บผักป่าไง ข้าจะไปเป็นเพื่อนพวกเจ้า"เซียวจ้านเป่ยเอ่ยขัดสองแม่ลูก "ไม่ต้องหรอก วันนี้สหายท่านที่ชื่อตงหยางนำหมูป่ามาให้ ท่านจะขายหรือชำแหละก็ไปจัดการเถอะ ส่วนไก่ข้าจะทำน้ำแกงบำรุงผิงผิง ข้าไม่ใช่คนพูดมากแต่ขอพูดสักคำ วันข้างหน้าข้าไม่รู้อนาคต แต่ค่าอาหารเดือนละหนึ่งตำลึง จางลู่เหลียนใส่แต่ผ้าเนื้อดี แต่บุตรสาวท่านกลับไม่มีเนื้อสักนิด ค่าอาหารท่านแพงไปหรือไม่ ผิงผิงไปทำอาหารกัน แม่จะทำไก่ย่างหอมๆให้กิน"จากนั่นก็จูงมือกันไปไม่สนใจเซียวจ้านเป่ยสักนิด เขาถูกบุตรสาวกับเมียเมินอีกตามเคย ไหงเขากลายเป็นส่วนเกินไปได้ ผิดพลาดตรงไหนกันเนี่ยจูเหมยลี่นำไก่มาหมักเกลือน้ำตาล นำกระเทียมกับพริกไทยมาทุบๆโขลกเล็กน้อยทาบนตัวไก่ จากนั้นก็เรียกคนด้านนอก"ท่านลุง รบกวนท่านไปเด็ดใบบัวให้ข้าสักหลายๆใบ เลือก
จูเหมยลี่ป้อนข้าวเซียวลี่ผิงเสร็จแล้วก็นั่งรอเซียวจ้านเป่ย สักพักเขาก็เดินกลับมาพร้อมกับผักกาดสองต้นและถั่วฝักยาวหนึ่งกำ ภรรยาของเซี่ยตงหยางเป็นคนขยัน มักปลูกผักเลี้ยงไก่ ลูกๆไม่อดอยากส่วนภรรยาจางรั่วสุ่ย ไม่ใช่ว่าไม่ขยันแต่เป็นเพราะจางรั่วสุ่ยตามใจน้องสาวเกินไป เครื่องประดับเอย เสื้อผ้าเอย ไม่สนใจสักนิดว่าพี่สะใภ้ต้องเลี้ยงลูก ต้องทำงานบ้านยังบังคับให้นางตัดเย็บเสื้อผ้าให้อีก เซียวจ้านเป็นไม่ชอบสตรีหน้าขาวปากแดงเซียวจ้านเป่ยมาถึงบ้านก็เห็นจูเหมยลี่นั่งรออยู่ นางยังไม่จับตะเกียบยังคงรอเขามากินด้วย เมียเขาช่างน่ารักเหลือเกิน ก่อนจะส่งตะกร้าที่ใส่ผักให้นาง"เหมยลี่ นี่เป็นผักกาดกับถั่วฝักยาว พี่สะใภ้ให้มา เอ่อข้าแบ่งผักกาดให้รั่วสู่ยไปหนึ่งต้นกับถั่วหนึ่งกำเจ้าไม่ว่าอะไรใช่หรือไม่""ไม่ว่าอะไรนี่ ทั้งสองคนเป็นสหายท่าน ข้าเป็นคนนอกไม่อยากยุ่ง ว่าแต่ของที่ข้าจดให้เมื่อเช้าซื้อมาได้หรือเปล่า"เซียวจ้านเป่ยถอนหายใจ นางสั่งให้เขาซื้อเครื่องปรุง ซื้อเมล็ดพันธุ์ ซื้อเครื่องมือเกษตรทำไร่ ไม่ใช่ว่าเขาซื้อไม่ได้ แต่เขาไม่มีเงินจริงๆ ต้องขึ้นเขาก่อนเฮ้อ"เอ่อ ข้าได้แต่เครื่องปรุง เนื้อหมูแล้วก็เ
เงินที่เสด็จแม่ฝากไว้เป็นชื่อเขามีมากมายนัก แต่เพราะไม่อยากเปิดเผยร่อยรอย จึงต้องใช้ชีวิตติดดิน มีทองแท่งเล็กๆอยู่หากขายคงได้แท่งละสักสิบตำลึงซึ่งไม่พอให้ใช้ชีวิตสองคนแม่ลูกพรุ่งนี้ขึ้นเขาล่าเสือหรือหมีสักตัว หากขายได้ก็คงมากกว่าสามร้อยถึงห้าร้อยตำลึง จะฝากเป็นชื่อนางไว้ ป้าสะใภ้นางละโมบนักถ้าเขาไม่อยู่อาจมารังแกและแย่งชิงไปได้ เห็นจูเหมยลี่กำลังจะสะพายตะกร้าก็เรียกไว้ก่อน"เหมยลี่ ข้ามีอยากให้ช่วยหาของสักหน่อย ผิงผิงนั่งรอท่านแม่อยู่ตรงนั้นก่อนนะ ลูกเป็นเด็กดีหรือเปล่า""ลูกจะไม่ดื้อเจ้าค่ะ ท่านแม่รีบไปช่วยท่านพ่อนะเจ้าคะผิงผิงจะรออยู่ตรงนี้"จูเหมยลี่เดินตามเขาเข้าไปในบ้าน ดูท่าเขาคงรู้ว่าเงินที่ซ่อนไว้ถูกนางแคะไปจนหมดแล้ว จึงอยากหาเรื่อง เพราะตกลงกันแล้วว่าจะไม่ทะเลาะหรือเถียงกันต่อหน้าเด็ก จึงต้องทะเลาะกันลับตาเจ้าตัวน้อย"นี่ท่านลุง ถ้าจะถามเรื่องเงินที่ท่านซ่อนเอาไว้ละก็เสียใจด้วย ตอนนี้เหลืออยู่สองร้อยกว่าอีแปะเท่านั้น ส่วนหนึ่งก็อยู่ในท้องท่าน อื้อๆๆ"เซียวจ้านเป่ยโมโหเด็กบ้านี่เรียกเขาท่านลุงบ้างล่ะ ตาแก่บ้างล่ะ ตาเฒ่าบ้างละมันน่าโมโหนัก เขาจูบนางครั้งนี้นานกว่าทุกครั้งจนจู
เซียวจ้านเป่ยตรงไปโรงเตี้ยมสุขสราญย์ทันที หมูป่าเพิ่งตายไม่นานก็จริง แต่หากไม่ใช่เพราะว่าเขาจะเข้าเมืองมาซื้อเสื้อผ้ากับของให้เมียล่ะก็ หมูนี่คงชำแหละขายในหมู่บ้านแล้ว อยากกลับบ้านจะแย่แล้วต้องรีบขาย"อ้าวนายพรานเซียวหรือ วันนี้ได้อะไรมากันเล่า ท่านไม่ขึ้นเขานานแล้วนี่ตั้งเกือบปีแล้ว"หยวนเหอเป็นหลงจู๊ของโรงเตี้ยมแห่งนี้ หลงจู๊คนนี้นิสัยดี ไม่กดราคา จึงทักทายเขากลับ"อ้อ พี่หยวนเหอพอดีข้าวางกับดักไว้ ได้หมูป่ามาสองตัวเลยนำมาให้ท่าน ไม่ทราบว่าท่านรับซื้อหรือไม่ขอรับ" หยวนเหอเหมือนสวรรค์มาโปรด"เฮ้อ ที่จริงนะอาเซียวหมูป่าตายแล้วชั่งละห้าสิบอีแปะเท่านั้น แต่ช่วงนี้ฝนตกนายพรานขึ้นเขาไม่ได้ อีกทั้งมีคนมาจากเมืองหลวง เป็นคุณชายตระกูลใหญ่มาเที่ยวเมืองกว่างโจวของเรา คนของขาอยากกินเนื้อแต่ข้าไม่มี เถ้าแก่กำลังกลุ้มใจเลยว่าจะทำเช่นไร เฮ้อข้าหยวนเหอคงมีบุญวาสนา สวรรค์ถึงส่งเจ้ามาเอาเช่นนี้ข้าให้ราคาเท่ากับหมูเป็นชั่งละแปดสิบอีแปะแล้วกัน อาจูมาเอาหมูไปขึ้นตาชั่ง"หยวนเหอสั่งคนงานไม่ช้าก็นำหมูป่าสองตัวไป เซียวจ้านเป่ยเลียบๆเคียงๆถามหยวนเหอถึงคนที่มา หากเกี่ยวข้องกับหรานซินชายารองเสด็จพ่อเขาต้องวาง
บรรดาคนที่อยู่ในห้องสนทนาถึงกับตกใจกับข่าวใหม่ หานรั่วสุ่ยมีภรรยาแล้วอีกทั้งมีบุตรแล้วด้วย จ้านอ๋องก็มีพระชายาแล้วเช่นกัน พวกเขาสนทนาโดยไม่สนใจบุคคลที่อยู่ในห้องด้วยสักนิด "อืมพี่เมีย ข้าจะล่วงหน้าไปก่อนคิดถึงเหลี่ยนเอ๋อร์ของข้าแล้ว พวกท่านค่อยเดินทางทีหลังแล้วกัน""องค์ชายคังหยุนท่านจะไปเมื่อใดหรือพ่ะย่ะค่ะ""ออกเดินทางวันนี้ ข้าคิดถึงเมีย มีบางคนคิดถึงจูเว่ยเว่ยจนแทบจะขาดใจอยู่แล้ว น่ารำคาญยิ่งนัก อ้อนวอนข้าทุกวันจะกลับจิ่วโจวให้ได้""เอ๋เสด็จพี่ ข้าคิดถึงเว่ยเว่ยไม่ได้หรืออย่างไร ทีท่านคิดถึงพี่สะใภ้ได้เล่าหรือไม่เล่า ท่านพี่ล่ะคิดถึงพี่สะใภ้แสนงามของข้าหรือไม่ "อืม หยุนเอ๋อร์ รั่วสุ่ยพวกเจ้าคุยกันไปเถอะ อ้อพวกท่านทั้งหลายก็กลับไปเถอะนะ ไม่ว่าของขวัญของฝากที่ใครๆไหว้วานพวกท่านนำมานั้น ก็จงนำกลับไปด้วย ข้าอ้ายจ้านมีภรรยาแล้ว และข้าไม่แต่งเมียเพิ่ม ข้าไปล่ะพวกเจ้าปรึกษากันต่อเถอะ" "เอ่อพี่เมีย แล้วยายเฒ่าตาเฒ่าสกุลหานเหล่านั้นท่านจะว่าอย่างไรหรือ" คังหยุนแม้จะเป็นองค์ชายแต่ก็ไม่อยากใช้อำนาจกับพวกเขา แต่น่ารำคาญเหลือเกินโดยเฉพาะยายเฒ่าหานนั่น ตอนจาง
“เอ๋ เสด็จพ่อตาใครกันนะว่ากระหม่อมเป็นตาเฒ่าหลอกเด็กรุ่นลูกมาเป็นเมีย นี่ๆพี่อันหยวนของข้าสามสิบเก้า ท่านสี่สิบสอง บางคนสี่สิบห้าแล้วนะ เหอะ”ซูฟางหรูอายหน้าแดง อ้ายเฉิงถลึงตาใส่จูยวี่ซานก่อนจะเอ่ย“มีอะไรคุยพรุ่งนี้ เมียข้าหิวข้าว หากไม่หยุดข้าจะเอาลูกสาวข้าคืนตาแก่จู”จูยวี่ซานและเฝิงอันหยวนหัวเราะก่อนจะพากันออกไป ปล่อยคู่รักต่างวัยให้อยู่ด้วยกัน จูเหมยลี่รับรู้จากอาสามว่าพ่อสามีกับซูฟางหรูข้าวสารเป็นข้าวสุกเรียบร้อยแล้วตอนนี้ซูฟางหรูนอนอยู่ในอ้อมกอดอ้ายเฉิง เขาลูบไหล่นางเบาๆ พูดคุย“อาให้คนไปรับมารดากับบิดาเจ้ามาแล้ว พรุ่งนี้บ่ายๆ ถึงจิ่วโจว”“ท่านอาพูดจริงหรือเจ้าคะ”“อารู้ว่าเจ้าเคยหมั้นหมาย แต่เพราะห่วงบิดากับมารดา จนคู่หมั้นถอนหมั้นเจ้า”“ท่านอา คือว่าเรื่องนั้น”“ข้ารู้ เจ้าห่วงพวกเขาจนฝ่ายนั้นรำคาญ แต่ก็ดีแล้วมิใช่หรือหากตอนนั้นเจ้าแต่งออกไป ใครจะนอนหนุนแขนอาเล่าตอนนี้หื้ม”“ท่านอา ท่านอายุสี่สิบห้าจริงๆ หรือ เหตุใดถึงเหมือนพี่น้องกับท่านพี่เซียวนัก ใบหน้าท่านเด็กกว่าอาสามอีก”“ปากหวานแบบนี้ต้องให้รางวัลแล้วไหม”อ้ายเฉิงเริ่มปลดอาภรณ์นางอีกครั้ง ซูฟางหรูจับมือเขาไว้ก่อนจะเอ่
ซูฟางหรูกลับมาที่ริมแม่น้ำ อ้ายเฉิงนั่งรออยู่ พอเห็นนางก็เอามือกุมท้องดังเดิม ซูฟางหรูไม่รู้เลยว่าหมาป่ากำลังมองจ้องลูกแกะตัวน้อยเนื้อขาวๆ“ท่านอาเฉิง ยามาแล้วเจ้าค่ะเอ่อ ทะ ท่านอาทาเองได้ไหมเจ้าคะ”“ข้าจะทาอย่างไรกันมันไม่ถนัด เจ้าช่วยหน่อยสิอาหรู”“แต่ข้าเป็นสตรี ท่านเป็นบุรุษใกล้ชิดกันคงไม่ดีนักคือๆ ว่าข้า”“ช่างเถอะ เจ้ากลับไปเถอะเดี๋ยวข้านั่งหายเจ็บก็กลับเอง ไม่รบกวนเจ้าหรอก”“ท่านอา กะ ก็ได้แต่ว่าถ้าหากใครมาเห็นคงไม่ดี ว้าย!!”พูดไม่ทันจบนางก็ตัวลอยขึ้น อ้ายเฉิงอุ้มนางดีดตัวผ่านยอดไม้ก่อนจะมาถึงเรือนของตน ซูฟางหรูซบกับหน้าอกเขาแน่นเพราะกลัวตก จึงไม่เห็นบรรดาข้าราชบริพารที่ถอยหลังออกจากเรือนพักจนหมด องครักษ์เงาหายไปจากบริเวณนั้นทันทีอ้ายเฉิงวางร่างบางระหงลงบนเตียงของตน ซูฟางหรูมองเขาหน้าตาเหรอหรา ยิ่งมองยิ่งน่ารักเหลือเกินจนอ้ายเฉิงอดใจไม่ไหว รั้งนางมาจูบทันที“อื้อ” ซูฟางหรูเองนี่เป็นครั้งแรกที่นางใกล้ชิดบุรุษเพศ นางทำอะไรไม่ถูกยอมให้คนตัวโตชักจุงในที่สุดนางก็ถูกเขาลอกคราบจนเปลือยเปล่า“อาหรูเจ้างามนัก ขออาเฉิงนะเด็กดี”“อื้อ ท่านอาแบบนี้ไม่ถูกต้องนะเจ้าคะ ไหนท่านบอกว่าเจ็บท้อง
จูเหมยลี่ออกเดือนได้หลายวันแล้ว ตอนนี้บุตรชายอ้ายหลิวเหว่ยได้สองเดือนกว่าแล้ว เมื่อวานอ้ายซินมาบอกว่าเซียวจ้านเป่ยจัดการกลุ่มกบฏเรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงแค่กวาดล้างกากเดนที่เหลืออยู่ ฮ่องเต้แต่งตั้งเขาเป็นอ๋อง เดิมทีอีกเจ็ดวันจะเดินทางมาจิ่วโจวแต่เพราะมีเหตุต้องอยู่ต่อ อีกครึ่งเดือนจึงจะมาพร้อมขบวนต้อนรับพระชายาจูเหมยลี่ส่งหลิวเหว่ยให้กับหรงหรง ก่อนจะเดินออกไปด้านนอก ก็เห็นซูฟางหรูเดินหิ้วตระกร้ามาหา เด็กสาวคนนี้หน้าตาสะสวยจริงๆ เป็นเด็กกตัญญูยิ่งนัก“พี่ฟางหรู ท่านเอาอะไรมาอีกละนั่นข้าเกรงใจจะแย่แล้ว”“อาซ้อเซียวท่านเกรงใจไปแล้ว หากไม่ได้ท่านคอยช่วยเหลือข้ากับพี่สาวและหลานๆ คงลำบากไม่น้อย เอ่อ นี่เป็นขนมดอกหยางไหวของท่านอาเฉิงเจ้าค่ะ”ซูฟางหรูส่งห่อใบบัวให้จูเหมยลี่ เว่ยเว่ยเดินออกมาจากในบ้านก่อนจะรับแล้วเอ่ยกับจูเหมยลี่“เสี่ยวลี่ พี่จะไปบ้านท่านยายสักสามวัน ทางนี้ไม่ขาดคนพอดีท่านยายป่วยอีกแล้ว พักนี้ท่านยายไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไหร่”“อืม ท่านอาเสี่ยวทงรบกวนท่านมานี่สักหน่อย”เสี่ยวทงเป็นคนของนางไปแล้ว อาสามยกให้เขาคอยดูแลจูเหมยลี่กับเซียวลี่ผิงโดยเฉพาะ จูยวี่ซานไปข้างนอกบ่อยๆ เขากลัว
เมื่อเรื่องในวังหลังเรียบร้อย ยามเฉินฮ่องเต้ก็สวมฉลองพระองค์นั่งอยู่บนบัลลังก์ในท้องพระโรง วันนี้ขุนนางมาเข้าเฝ้าโดยไม่รู้ว่าเรื่องราวอะไรกำลังจะเกิดขึ้นแต่สิ่งหนึ่งที่พวกเขาเห็นคืออ้ายจ้านซื่อจื่อที่กลับมาแล้ว อีกคนหยางตงเซี่ย และหานรั่วสุ่ยทั่นฮวาน้อย"ฝ่าบาท วันนี้ประชุมเช้า เหตุใดซื่อจื่อจึงพกอาวุธเข้ามายังท้องพระโรงกันพ่ะย่ะค่ะ นี่มิเท่ากับทำผิดร้ายแรงหรอกหรือ""รองเจ้ากรมอาลักษณ์พูดจาน่าขัน พวกเราอารักขาฝ่าบาท มีอะไรไม่สมเหตุสมผลหรอกหรือ" จางรั่วสุ่ยเอ่ยขึ้น คนที่จ้องเขาตาถลนกำลังกำมือแน่น เขาคือหานรั่วท่านปู่ของเขา "รั่วสุ่ย อย่าเสียมารยาท นี่คือขุนนางเจ้าเป็นเพียงทหารปลายแถวจงสำรวม""โย่ว ใต้เท้าหานกล่าววาจาอันใดกัน ท่านดูไม่ออกหรือว่าข้ามีตำแหน่งใด สายตาฝ้าฟางเช่นนี้ควรลาออกไปเลี้ยงหลานอยู่บ้านจะดีกว่าหรือไม่"หานรั่วถึงกับหน้าเขียว เป็นเด็กเลวจริงๆ เลือดชั้นต่ำของมารดาคงแรง"อ้อ ใต้เท้าหานที่แท้เขาก็คือทั่นฮวาน้อยหานรั่วสุ่ย หลานชายของท่านนั่นเอง ""รองเจ้ากรมท่านกล่าวผิดแล้ว ข้าแซ่จาง จางรั่วสุ่ย แซ่หานนั้นข้าไม่เคยใช้"หานรั่วถึงกับหน้าคล้ำกว่าเดิ
สิบวันต่อมาเซียวจ้านเป่ยมารวมกับทัพใหญ่เรียบร้อยแล้ว จากนั้นก็เรียกหานอี้มาหา หานอี้เป็นคนสนิทของแม่ทัพจ้าว"ตอนข้าไม่อยู่มีเรื่องอันใดหรือไม่""เป็นอย่างที่ท่านคาดการณ์ นายกองหูออกจากค่ายไปบ่อยๆ เขานัดพบคนๆหนึ่ง เราสืบดูแล้วเป็นคนของซีเป่ย ไท่ซ่างหวงทิ้งข้อความไว้ให้ท่านแม่ทัพขอรับ"เซียวจ้านเป่ยหยิบกระดาษที่วาดรูปออกมา เป็นเหมือนรูปวาดธรรมดา แต่เซียวจ้านเป่ยรู้ดีว่าเสด็จปู่กำลังจะสื่อถึงอะไร ภูเขา ลำธารหรือ นี่มันทางเข้าหลังตำหนักร้างนี่ รอยเท้าย้อนกลับเดินถอยหลังเช่นนั้นหรือ มีบางคนส่งข่าวจากช่องทางนั้น "รั่วสุ่ยเขียนอักษรถึงองค์ชายสี่หน่อย เขียนแค่ว่าชมจันทร์ในคืนที่ไร้เมฆบัง"จางรั่วสุยเขียนโครงตามที่เซียวจ้านเป่ยบอก ชมจันทร์ในคืนที่ไร้เมฆบัง แปลว่าอะไร พี่น้องคู่นี้หน้าสิ่วหน้าขวานยังมีแก่ใจต่อกลอนกันด้วยหรือ อินทรีปากเหล็กรับข้อความไปแล้ว ยามอิ๋นจึงได้จดหมายตอบกลับมา มีเพียงรูปวาดของเด็กทั้งห้า ที่มีสัญลักษณ์แตกต่างกันไป แต่เด็กคนหนึ่งหายไป"เป็นเจ้าจริงองค์ชายรอง คิดจะเปิดประตูหลังตำหนักร้างให้คนของท่านตาเจ้าเข้าไปก่อกบฏหรือ หึ สำคัญผิดเสียแล้ว"
หลังจากจูเหมยลี่คลอดบุตรชายให้เซียวจ้านเป่ยเรียบร้อยแล้วนางก็พักฟื้น ตอนนี้บริเวณหมู่บ้านกับตำบลจิ่วโจวทั้งตำบล มีทหารคอยอารักขาเต็มไปหมด จูเก่อคังที่ตอนนี้นั่งดื่มกับอาเฉิงอยู่ เขาไม่รู้ว่าคนตรงหน้าคือเชื้อพระวงศ์ จึงได้พูดคุยทุกเรื่อง"นี่ๆน้องเฉิง บุตรชายเจ้าเก่งนัก ไปทหารไม่นานก็ได้ตำแหน่งใหญ่โตกลับมา เฮ้อ วาสนาเสี่ยวลี่ของข้าจริงๆ อยากให้น้องรองกับน้องสะใภ้ของข้าได้รับรู้เหลือเกินว่าตอนนี้นางมีชีวิตที่ดีเพียงใด""พี่เก่อคัง หลานสาวท่านคนนี้บุตรชายของข้าดูท่าจะรักนางมาก""เสี่ยวลี่เป็นเด็กดี ขยันขันแข็ง หากไม่ใช่ว่าถูกลุงใหญ่กับป้าสะใภ้กลั่นแกล้งชีวิตนางคงไม่เลวร้าย โชคดีที่วันนั้นสองคนนั้นตัดสินใจขายเสี่ยวลี่ให้บุตรชายท่าน ไม่เช่นนั้นข้าไม่อาจเดาชะตากรรมนางได้เลย""กฎหมายซื้อขายคนคงต้องแจ้งฝ่าบาทให้ปรับจริงๆ แต่พวกขุนนางเก่าแก่คงไม่ยอม"เซียวจ้านเป่ยที่ตอนนี้กำลังกอดรักเมีย เขาต้องไปแล้วคนของเขาแจ้งมาแล้วว่ากลุ่มกบฏมีกี่พรรคพวก แล้วหลบซ่อนอยู่ที่ใดบ้าง"ลี่เอ๋อร์ พี่ต้องไปแล้ว พี่สัญญาว่าจะทำรีบจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย แล้วกลับมารับเจ้ากับลูก""ท่านพี่
"ฮือๆๆ เสด็จพ่อ" อ้ายเฉิงกางแขนกอดรับบุตรสาวที่ตอนนี้ร้องไห้กับอกเขา"ร้องทำไมเจ้าตัวดี ใครใช้ให้เจ้าหนีออกจากวังกันหึ"แม้คำพูดจะตำหนิแต่น้ำเสียงกับอาทรห่วงใยบุตรสาวยิ่งนัก อ้ายซินมองหน้าก่อนจะทำสีหน้าสงสัย"เสด็จมาได้อย่างไรเพคะ แล้วคนของฉู่หรานซินที่เฝ้าเสด็จพ่อในทุกๆวันเล่า""เรื่องราวยากกว่าที่เจ้าเข้าใจ นางกำลังพาบุตรชายหนีน่ะ""อ้ายฉางหรือเพคะ หม่อมฉันรู้ว่าเขาไม่ใช่บุตรเสด็จพ่อ หม่อมฉันเคยได้ยินนางกับรองเจ้ากรมอาลักษณ์ติดต่อกัน เขาบอกว่าต้องอดทนถึงเมื่อไหร่อ้ายฉางจึงจะเรียกเขาว่าท่านพ่อสักที""ลูกเห็นว่าพ่อหลับนอนกับนางหรือ เห็นตาแก่ใกล้ตายคนนั้นที่ร่วมสังวาสกับสตรีคือพ่อหรือ"อ้ายซินทำสีหน้าสงสัย เซียวจ้านเป่ยจึงเอ่ยกับนาง"มีคนที่ใบหน้าคล้ายเสด็จพ่อน่ะ เราวางหมากตั้งแปดปีที่แล้ว ก่อนที่ฉู่หรานซินจะแต่งเข้ามา เสด็จพ่อก็อยู่ที่ตำหนักเย็นของพระราชวังหลังเก่านอกเมืองมาตลอด ไม่มีใครรู้นอกจากฝ่าบาทเสด็จปู่แล้วก็พี่ เฉิงอ๋องคนนั้นที่อยู่กับฉู่หรานซินทุกวันคือคนสนิทของเสด็จพ่อ ที่ปลอมแปลงใบหน้า"จากนั้นทุกคนก็เข้าใจ จางรั่วสุ่ยรีบกลับไปหาภรรยา เพราะว่านางกำลังอยู่เดือน เซี่ยตงหยางม
อ้ายซินเอ่ยจบประโยคลมสายหนึ่งก็ผ่านตัวนางไป เห็นด้านหลังเป็นบุรุษใส่ชุดกองทัพ เขาคือพี่ชายของนาง อ้ายซินดิ้นลงจากตักสามีรีบเดินไปหา"พี่ชาย ท่านกลับมาแล้ว ฮือๆๆ"เซียวจ้านเป่ยหันมามองหน้าน้องสาวก่อนจะรั้งนางเข้ามากอด"ซินเอ๋อร์ เสี่ยวลี่อยู่ในนั้นหรือ""เจ้าค่ะ พี่สะใภ้เจ็บท้องมาสองชั่วยามแล้ว พี่ชายไหนว่าท่านอยู่ชายแดนไงเจ้าคะ""ทางนั้นเรียบร้อยแล้วล่ะ เหลือแค่ทางวังหลวง ฉู่ฉางเกินมุ่งหน้าเข้าวัง พี่สกัดเขาไว้ได้แต่ยังไม่รู้ว่ากองกำลังของเขาที่ยังซุกซ่อนอยู่มีเท่าไหร่ พอดีจิ่วโจวเป็นทางผ่านพี่จึงแวะหาลี่เอ๋อร์กับผิงผิงน่ะ"อ้ายซินกำมือแน่น ก่อนจะมองหน้าสามี จูยวี่ซานถอนหายใจ เขาคงปกป้องพี่ชายพี่สะใภ้และจูหมิงซูไม่ได้หรอก ได้ข่าวว่าแค่สตรีนางหนึ่งกล่าวหาเสี่ยวลี่คำเดียวก็ถูกโยนไปอยู่ก้นเหวแล้ว"ผิงผิงป่วยเจ้าค่ะ คือว่า""พี่รู้เรื่องหมดแล้ว ระหว่างทางที่มามีคนรายงานพี่ สามคนพ่อแม่ลูกนั้นพี่ให้ส่งไปชายแดนใต้หมดแล้ว ที่นั่นมีเหมืองแร่ให้พวกมันไปชดใช้ที่นั่น โดยเฉพาะจูหมิงซูคนนั้น หากรอดจากแผลบนใบหน้าได้นับว่านางดวงแข็งแล้ว""จ้านเป่ยอาสามต้องขออภัยเจ้าจริงๆ หากมิใช่ว่าอาสามต้องไปเจราจาก