บนเตียงคนไข้ในห้องไอซียู
ร่างของจูเหมยลี่หรือจุฬาลักษณ์สาวไทยเชื้อสายจีนที่ถูกลูกหลงจากการที่นักเรียนอาชีวะยกพวกตีกัน
เธอใส่เครื่องช่วยหายใจมาเป็นเวลาเก้าวันแล้ว ข้างเตียงมีคนสองฝั่งกำลังขับเคี่ยวกันอยู่
"คุณเป็นแม่แบบไหน เพราะอย่างนี้ไงผมถึงไม่อยากให้ลูกมาเมืองไทย แกคิดถึงอยากเจอคุณแต่คุณไม่ดูแลปล่อยให้ลูกผมต้องถูกทำร้าย"
จูล่งนักธุรกิจชาวจีนซึ่งเป็นคุณพ่อของคนไข้ กำลังเอ่ยปากต่อว่าสตรีตรงหน้า เธออายุประมาณสี่สิบเจ็ดสี่สิบแปด แต่งกายด้วยผ้าเนื้อดีราวกับคุณหญิงคุณนาย
"คุณจู ที่นี่เมืองไทยช่วยเก็บกิริยาที่ใช้บ้านคุณไว้ด้วย ฉันก็ห่วงจูลี่ไม่แพ้กันฉันเป็นแม่ของแกนะ วันๆคุณทำแต่งานจนลูกขาดความอบอุ่นแต่ยังมาโทษคนอื่นอีก"
จุไรพรคุณแม่ของจูลี่เอ่ยปากต่อว่าอดีตสามี จูลี่เป็นลูกของเธอเพิ่งจะบินมาเที่ยวเมื่อสิบวันก่อน
จู่ลี่เปิดร้านขายเสื้อผ้าและเครื่องประดับ อีกทั้งยังเป็นบล็อกเกอร์รีวิวอาหาร ที่มาเที่ยวเมืองไทยก็จะมาถ่ายทำลงช่องของเธอ
แต่วันที่เกิดเรื่องเธอกำลังจะข้ามถนนไปอีกฝั่ง เด็กนักเรียนอาชีวะเหล่านั้นขับมอเตอร์ไซค์ตีคู่แข่งกันมา
หนึ่งในนั้นใช้ปืนไล่ยิงคู่อริ จนกระสุนพลาดมาโดนคนที่รอสัญญาณไฟข้ามถนน บาดเจ็บหลายคน เพราะมีคนเหยียบกันตอนที่วิ่งหนี
แต่จู่ลี่โชคร้าย กระสุนนัดนั้นฝังอยู่ที่ปอดด้านซ้ายของเธอ ทางคุณหมอแจ้งแล้วว่าไม่อาจยื้อชีวิตไว้ได้ แต่ที่ยังใส่เครื่องช่วยหายใจเพราะต้องรอคุณพ่อของเธอบินมาจากอังกฤษ เขาไปติดต่อเรื่องธุรกิจ
หมอเห็นว่าญาติเริ่มใส่อารมณ์จึงตัดบทเอ่ยขึ้น
"คุณแม่ครับ เราอยากให้พวกคุณตกลงกันเรื่องต้องถอดเครื่องช่วยหายใจยังมีคนไข้รออยู่นะครับ คุณพ่อมาแล้วรบกวนเซ็นให้หมอด้วยครับเรารอคุณอยู่ คนไข้เคสหนักๆยังรอช่วยชีวิตอยู่นะครับ"
จูลี่ที่ยืนอยู่ตรงนั้นร้องไห้ เธอตายแล้วจริงๆหรือ จูล่งเซ็นชื่อมือสั่น เขามีจูเหมยลี่เป็นบุตรสาวคนเดียว แม้จะแต่งงานใหม่แต่ก็มีแต่บุตรชาย ทันทีที่เซ็นชื่อยินยอมเรียบร้อย พยาบาลช่วยกันถอดเครื่องช่วยหายใจและเครื่องมือต่างๆออก
คุณพ่อกอดศพเธอแน่นร้องไห้ออกมาอย่างไม่อาย แม่ทิ้งพ่อมาแต่งงานใหม่กับนักการเมืองเพราะยายชอบเขา ไม่ชอบคุณพ่อที่เป็นพ่อค้า
เธอมาเมืองไทยทีไรคุณยายจะรังเกียจตลอด น้องสาวคนละพ่อของเธอเป็นหลานรักของบ้าน ทั้งชีวิตมีแต่คุณพ่อ
"ฮือๆๆๆๆ ปะป๊าหนูตายแล้ว ปะป๊าอย่าร้องไห้นะคะ ปะป๊าดูแลตัวเองด้วยฮือๆ"
จากนั้นก็มีแรงดึงดูดบางอย่างดูดเธอมาจากสถานที่นั้น ทันทีที่จูลี่ลืมตาขึ้นมาก็เห็นภูเขาสูง ไร่นามีชาวบ้านแต่งกายด้วยชุดจีนโบราณ
"อย่าบอกนะว่าทะลุมิติเหมือนในนิยายอ่ะไม่เอานะ ขอไปใช้กรรมเถอะแม่เจ้า"
ยังไม่ทันจะรู้อะไรเป็นอะไรก็เห็นเด็กสาวคนนึงถูกจับใส่ผ้าคลุมเจ้าสาว แต่เสื้อผ้าซอมซ่อนัก มีสตรีร่างใหญ่กับบุรุษวัยกลางคนลากนางมาส่งที่กระท่อมชายป่า
จากนั้นก็มีบุรุษเคราหนาหนวดยาวเฟิ้มเดินออกมารับเจ้าสาว แม่เจ้าน่าสงสารยายหนูนี่จริงๆ แต่งงานกับตาลุงนี่เหรอ จูลี่ตั้งใจฟังบทสนทนา
"นี่เซียวจ้านเป่ย นี่เป็นสัญญาขายตัวนางจะได้ไม่ต้องกลัวว่าจะหนีไปเหมือนเมียเก่าเจ้า เอาคนไปแล้วเอาเงินมา"
"ป้าสะใภ้ ข้ากวาดบ้านถูบ้านทำงานในนาทุกอย่าง เหตุใดต้องขายข้าด้วยฮือๆๆ เหมยลี่ขอร้องท่านแล้ว"
"ถุ้ย…ทำงานสิบอีแปะกินข้าวร้อยอีแปะ ไปอยู่กับนายพรานเซียวมีอะไรไม่ดี อย่างน้อยก็มีเนื้อให้เจ้ากินข้าไปละ "
นางเหวินป้าสะใภ้ของจูเหมยลี่รับเงินมาก็จากไปทันที
"ขายหลานสาวหรือ นางป้ามหาภัยนี่เลวขั้นเทพเลยนะ"
"ฮือๆๆ พี่ชายเซียวเมตตาข้าเถิดนะเจ้าคะ อย่าทำอะไรข้าเลยข้ากลัวแล้ว"
"ข้าซื้อเจ้ามาให้เจ้ามานั่งบีบน้ำตาหรือ ไปหุงข้าวลูกสาวข้าหิวแล้ว"
เซียวจ้านเป่ยรำคาญ นับแต่เมียเก่าหอบผ้าหนีไปกับไอ้ขุนนางคนนั้นเขาก็รังเกียจสตรีมาตลอด หนวดเคราไม่เคยโกนปล่อยเนื้อปล่อยตัวจนเหมือนตาเฒ่าคนนึง
เดิมทีก็ไม่อยากแต่งงานหรอกแต่เพราะท่านปู่อยากให้เขามีทายาทสักที จึงแต่งงานกับหลานสาวของสหายท่านปู่ หงซู่สตรีแพศยาผู้นั้นเขาแตะต้องนางแค่ครั้งเดียวเพราะถูกวางยาปลุกกำหนัด จนมีเซียวลี่ผิงขึ้นมา
นางหนีไปเขาไม่เจ็บใจเท่าไหร่ แต่นางทิ้งบุตรสาววัยสามขวบเอาไว้ปิดประตูขังไว้ในบ้าน
กว่าที่เขาจะลงเขามาก็สองวันแล้วบุตรสาวหิวข้าวหิวน้ำจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด
เขามีเงินเก็บอยู่สามร้อยตำลึงนางก็ขโมยเอาไปจนหมด เหลือแค่ที่ล่าหมูป่ามาได้วันนั้นสองตัวขายได้สามสิบตำลึงก็ใช้รักษาบุตรสาวไปแล้ว มาตอนนี้ทั้งบ้านเหลือเงินแค่ห้าตำลึง
จำต้องซื้อจูเหมยลี่มาสามตำลึง เขาต้องขึ้นเขาอีกครั้ง อีกทั้งถูกหมายเกณฑ์อีก ต้องไปร่วมกองทัพในเดือนหน้า ตั้งแต่กลับมาเจอบุตรสาวนอนหายใจรวยรินเขาก็ไม่ขึ้นเขาอีกเลยเกือบปีแล้ว เงินทองก็ไม่มีแล้วจึงจำใจต้องหาคนมาดูแลบุตรสาวเพื่อหาเงินฝากท่านปู่ผู้ใหญ่บ้านให้ดูแลบุตรสาวเขาๆไม่ไว้ใจให้สตรีจับเงินของเขาอีกแล้ว แพศยาทั้งนั้น
จูเหมยลี่ที่ตอนนี้ทำอาหารเสร็จก็ไปนั่งตัวลีบอยู่มุมบ้าน นางหวาดกลัวเซียวจ้านเป่ยยิ่งนัก
"ตาลุงนี่ เมียหนีไปกับชู้ก็เอาลูกไปจ้างเขาเลี้ยงก็ได้จำเป็นต้องซื้อขายคนเลยหรือไง โรคจิตป่าววะ โหแล้วนี่คือบ้าน สาบานนะว่าบ้านอ่ะ สกปรกรุงรัง เมียทิ้งก็ไม่แปลกหรอก"
จูลี่ขี้เกียจดูสถานการณ์ตรงหน้า นางล่องลอยไปทั่ว เห็นวิถีชีวิตชาวบ้านที่นี่ เด็กผู้หญิงอายุสี่ขวบน่าจะได้กำลังนั่งเล่นหน้าบ้านตาลุงที่ซื้อเมียมาเมื่อกี้นี่น่า
"พี่สาว ท่านเป็นใครเจ้าคะ เหตุใดแต่งตัวแปลกๆกัน" เด็กน้อยถามจูลี่
"หนูน้อย หนูมองเห็นพี่ด้วยหรือคะ"
"มองเห็นเจ้าค่ะ พี่สาวมาจากไหนหรือเจ้าคะ อืมวันนี้เป็นวันแต่งงานท่านพ่อ ข้าจะมีท่านแม่แล้ว"เซียวลี่ผิงเอ่ยแก่จูลี่อย่างดีใจ นางกำลังอวดว่าตนเองมีมารดาแล้ว
"อ้อ พี่ชื่อจูลี่หนูชื่ออะไรหรือคะ" เซียวลี่ผิงแปลกใจกับภาษาพี่สาวคนนี้พูดนักแต่นางก็ฟังออก
"ข้าชื่อเซียวลี่ผิงอายุสี่ขวบเจ้าค่ะ ส่วนนั่นท่านพ่อของข้าส่วนผู้หญิงคนนั้นคือท่านแม่เจ้าค่ะ" เด็กน้อยชี้ไปที่ผู้ชายตัวโตหนวดเครารุงรัง กับเด็กผู้หญิงที่ถูกขายมาเมื่อตอนเช้า ใกล้ค่ำแล้วเซียวจ้านเป่ยเรียกหาบุตรสาว ก่อนจะหันไปตวาดจูเหม่ยลี่
"ข้าให้เจ้าทำครัวก็ทำครัวอย่างเดียวเลยหรือไง ข้าแต่งเจ้ามาให้ดูแลนาง อย่าโง่งมนักไปดูสิว่านางอยู่ไหน ข้าแต่งเจ้ามาทำหน้าที่เมียอย่างเดียวหรือ เจ้าต้องทำหน้าที่มารดาด้วย ไม่ใช่นั่งรอให้ข้าพาเข้าหออย่างเดียว"
จูเหมยลี่สะดุ้ง นางกลัวจะตายอยู่แล้วฮือๆๆ นางไม่อยากเข้าหอ เขาตัวโตเพียงนี้นางตายแน่นๆ เมียเขาคงทนไม่ไหวจึงหนีไป จูลี่นึกโมโหตาลุงบ้านี่ก็หันไปพูดกับเด็กน้อย
"ผิงผิงตัวน้อยรีบไปเถอะ พ่อหนูจะตีแม่หนูอยู่แล้วถ้าแม่คนนี้หนีไปอีกหนูก็ไม่มีแม่แล้วนะ" ได้ผลเซียวลี่ผิงรีบวิ่งไปหาบิดาทันทีนางอยากมีท่านแม่
"ท่านพ่อๆ อย่าตีท่านแม่นะเจ้าคะ ข้าเจอพี่สาวใจดีเลยคุยกับนางนานเกินไป ข้ามาช้าเองข้าเหลวไหลเอง ท่านแม่ๆอย่าร้องไห้นะเจ้าคะโอ๋ๆนะ" เด็กน้อยลูบหลังจูเหม่ยลี่ที่กำลังสั่นเป็นลูกนก
"กินข้าวเถอะ มานี่มานั่งกับพ่อดีกว่า คืนนี้เจ้านอนห้องข้างๆ เนื้อตัวสกปรกเสียจริงๆอาบน้ำบ้างไหมเจ้าน่ะ สามตำลึงของข้ารู้สึกขาดทุนนัก"
เซียวจ้านเป่ยอุ้มบุตรสาวนั่งตักก่อนจะป้อนข้าว ไม่นานก็พากันเข้านอน ปล่อยให้จูเหม่ยลี่เก็บกวาดล้างจานอยู่คนเดียว
เสื้อผ้านางมีแค่ชุดเดียว ตอนนี้หน้าฝนจะให้เอาที่ไหนใส่กันเล่า ฮือๆๆๆจูเหม่ยลี่เข้านอนในห้องเล็กๆ นางๆไม่ต้องการอยากมีชีวิตอยู่แล้ว
พ่อแม่ก็ป่วยตายจากไปตั้งแต่นางสิบขวบ ป้าสะใภ้ใหญ่ใช้งานยิ่งกว่าทาสอายุสิบหกแล้วแทนที่จะออกเรือนไปบ้านสามีที่ดี กับถูกขายมาเป็นเมียนายพรานป่าเถื่อนคนนึง
"ฮือๆๆ ท่านพ่อ ท่านแม่ รอก่อนนะเจ้าคะข้ากำลังจะไปหาพวกท่าน ฮือๆๆๆ" จากนั้นก็นอนร้องไห้จนหลับไป
ริมแม่น้ำแม่น้ำชาวบ้านต่างพากันมาซักผ้า จูลี่เห็นวิถีชีวิตพวกเขาเหล่าสตรีต่างพุดคุยบ้างก็นินทากัน เห็นจูเหมยลี่ถือถังผ้ามาก็ได้แต่ถอนหายใจเด็กคนนี้ขยันขันแข็งพ่อแม่ตายไปก็ยังกตัญญูต่อปู่ย่า ใครจะรู้แม่เฒ่าจูจากไปศพยังไม่ทันเย็น ป้าสะใภ้นางเหวินซื่อก็ขายเด็กคนนี้ให้นายพรานเซียว ชะตาอาภัพนัก"เหมยลี่เอ๊ย แต่งงานแล้วก็ใช้ชีวิตต่อไปให้ดีเถอะนะ"ป้าหวงเอ่ยขึ้นนางเวทนาชะตาชีวิตเด็กคนนี้ เดิมทีมีคู่หมั้นแต่พอปู่ย่าจากไปคู่หมั้นก็มาขอถอนหมั้น เพราะเขาหมายตาลูกสาวมือปราบในเมืองแล้ว ใครจะมาชอบลูกสาวชาวนาที่ไม่มีแม้แต่สินเดิมกันเล่า อีกอย่างจางชุนคนนั้นก็สอบบัณฑิตผ่านแล้วด้วยน่าเวทนาชะตานางนัก"ขอบพระคุณเจ้าค่ะ ข้าไม่เป็นไรหรอก"เอาขอบคุณชาวบ้านก่อนจะลงมือสักผ้าของสองพ่อลูก แต่จูเหมยลี่กลับเห็นบางอย่าง"ท่านพ่อ ท่านแม่ ท่านย่า พวกท่านมารับข้าหรือเจ้าคะ"จูเหมยลี่มองเห็นเงาสามเงาในน้ำก็เอ่ยขึ้น ป้าหวงรู้สึกแปลกใจที่ได้ยินเสียงพึมพำ แต่พอป้าหวงหันมาอีกทีก็เหลือแค่ปลายผมให้เห็นแล้ว"ใครก็ได้ช่วยที เหมยลี่นางจมน้ำแล้วช่วยกันหน่อยเร็วเข้า" จูลี่ที่กำลังล่องลอยไปมาบริเวณภูเขา อยู่ๆก็มีแรงดึงดูดนางกลั
เซียวจ้านเป่ยเห็นจูเหมยลี่ที่อาบน้ำสะอาดสะอ้านแล้วก็ตะลึง ขนาดใส่ชุดบุรุษของเขาอยู่นางยังงามถึงเพียงนี้เหมือนเขาจะได้ของดีนะ ถ้าป้าสะใภ้นางรู้กว่าหลานสาวตัวเองขัดสีฉวีวรรณแล้วงามเพียงนี้คงเสียดายแน่ๆ เด็กนี่หากขายให้ขุนนางอย่างน้อยๆค่าสินสอดคงมากกว่าห้าหกร้อยตำลึงจูเหมยลี่เดินมาเกาะแขนเขาหน้าอกที่มีน้อยนิดเบียดกับต้นแขนแกร่ง เด็กนี่จงใจกลั่นแกล้งเขากับจางลู่เหลียนนางคงได้ยินที่จางลู่เหลียนดูถูกนาง"พี่ลู่เหลียน ข้าขออภัยที่มื้อเที่ยงวันนี้รบกวนท่านแล้ว เมื่อคืนดึกไปหน่อยเลยตื่นสาย พอตื่นมาไปซักผ้าเกิดก้าวพลาดตกน้ำลำบากท่านพี่ต้องมาดูแลอีก ท่านพี่ข้าหิวแล้วขอกินข้าวก่อนนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นคืนนี้จะมีแรงปรนนิบัติท่านได้อย่างไร"ไม่พูดเปล่ายังเงยหน้าช้อนสายตายั่วยวนคนตัวสูงอีก จางลู่เหลียนน้ำตาคลอ กำมือแน่นกำลังจะเดินออกไป ก็ได้ยินเสียงหวังดีประสงค์ร้ายตามหลัง"พี่ลู่เหลียนที่บ้านท่านไว้ทุกข์ให้ผู้ใดหรือ ใส่ชุดขาวทั้งตัวแบบนี้มาบ้านข้าคงไม่ได้มาแช่งสามีข้าหรอกนะ"จางลู่เหลียนปิดหน้าร้องไห้วิ่งกลับบ้านไม่หันกลับมาอีกเลย เมื่อก่อเรื่องเสร็จแล้วก็ไม่มีอะไรให้ทำจูนเหมยลี่ก็ปล่อยมือเขาทันที
"ผิงผิงเด็กดีไหมเอ่ย ตื่นหรือยังน้อไม่ตื่นแม่จะหนีไปเที่ยวคนเดียวแล้วนะ" จูเหมยลี่จี้เอวเด็กน้อย นางตื่นแล้วแต่แกล้งหลับขนตากระพริบถี่เชียว"คิกๆๆๆท่านแม่ฮ่าๆๆท่านแม่ข้าจั๊กจี้มากเลยเจ้าค่ะคิกๆๆ"จูเหมยลี่มองตาเด็กน้อยก่อนจะก้มลงเป่าพุงนางเล่น เสียงหัวเราะคิกคักดังมาจากในบ้าน เซียวจ้านเป่ยยืนมองภาพตรงหน้าอย่างใจลอย ภาพนี้เหมือนตอนเขายังเด็กตอนที่เสด็จพ่อยังไม่แต่งสตรีคนนั้นเข้ามา เสด็จแม่รักใคร่เขานัก แต่ไม่นานนางก็จากไปหลักจากนั้นอีกสองปีเขาอายุสิบแปดไปไหว้หลุมศพมารดาขากลับก็ถูกตามฆ่าจนต้องหนีมาอาศัยอยู่ที่นี่กับพ่อบ้านของเขาท่านปู่เซียวหลงเพื่อปกปิดร่องรอยจำต้องแต่งภรรยา ในที่สุดก็ถูกหงซิ่ววางยาจนมีผิงผิงออกมา เขายังถูกตามล่าจากชายารองที่ตอนนี้ขึ้นตำแหน่งชายาเอกแล้วกระมัง ถอนหายใจเสร็จก็เดินเข้าบ้าน"ข้าจับปลาได้สามตัว จะไปซื้อเนื้อหมูที่ในเมืองมาให้ตอนเช้า ตอนนี้ตลาดคงวายหมดแล้ว ปลาต้องทำอย่างไร""ท่านขอดเกล็ดควักไส้ออกแล้วกัน อ้อติดเตาให้ด้วยข้าจะต้มน้ำให้ผิงผิงอาบก่อนเดี๋ยวฝนตก เก็บผ้าที่ข้าซักตากเข้ามาให้ด้วย"เซียจ้านเป่ยสะอึกเขาซื้อนางมาหรือว่านางซื้อเขามากันแน่ใช้งานเขายิ่งก
จูเหมยลี่เติมฟืนก่อนจะต้มน้ำจากนั้นก็ลวกไก่ถอนขน นางทำทั้งห้าตัวเลย จะเอามาย่างและมาทอดด้วย เฮ้อไม่อยากจะว่าสหายของตาลุงนั่นหรอกนะแต่ดูเหมือนหนึ่งตำลึงนี่ บางบ้านอยู่ได้ครึ่งปี แต่นี่นอกจากซาลาเปาแข็งๆกับข้าวต้ม เซียวลี่ผิงแทบไม่ได้กินดีเลย ตาลุงนั้นมีแป้งมีข้าวเต็มถังแต่กลับปล่อยให้ลูกสาวผอมเชียว ถึงจะไม่อดก็ใช่ว่าจะได้กินดี"ไปริมน้ำกับแม่ไหม แม่จะไปทำไก่ไม่อยากใช้น้ำในโอ่งเดี๋ยวท่านพ่อต้องหาบน้ำอีก"เซียวลี่ผิงพยักหน้าจูเหมยลี่นำกะละมังไม้มาสองใบ นำชามใส่ขี้เถ้ามาหนึ่งใบ จากนั้นก็เอาไก่ป่าที่ลวกแล้วถอนขนเรียบร้อยใส่กะละมังไม้ก่อนจะพากันเดินไปหลังบ้าน จูเหมยลี่ผ่าท้องควักเครื่องในออกมาจากนั้นก็ล้างด้วยขี้เถ้าจนสะอาด"เฮ้อ อยากได้พริก ข่า ขิง กระเทียม พริกไทย ฮวาเจียวสักหน่อยที่นี่มีไหมนะ"ปากก็บ่นไปเรื่อยเปื่อยแต่อยู่ๆจมูกก็ได้กลิ่น"หืมได้กลิ่นขิง กลิ่นพริก เอ๋เดี๋ยวนะอยู่ๆได้กลิ่น มาจากไหนกัน ผิงผิงรอแม่ตรงนี้นะเดี๋ยวแม่มา แม่ไปดูตีนเขาตรงฝั่งนั้นก่อน"เซียวลี่ผิงพยักหน้าจูเหมยลี่ข้ามลำธารไป เห็นต้นไม้ไม่สูงเท่าไหร่ มีลูกสีเขียวสีแดงเต็มไปหมด มีกอข่า ขิง"อั๊ยย่ะ นี่มันสรรค์ประท
เซียวจ้านเป่ยเข้ามาเห็นภาพที่ทั้งคู่กอดกันก็รู้สึกอบอุ่นบอกไม่ถูก นางคงไม่หนีไปใช่ไหมนางบอกว่ารอเขากลับมาจะหย่า ก็ได้หากถึงเวลานั้นนางอยากหย่าเขาจะไม่รั้งไว้ แต่ตอนที่เขาไม่อยู่ให้นางช่วยดูแลบุตรสาวของเขาก็พอ"เอ่อ ผิงผิงอย่างอแงเลย พ่อกับท่านแม่แค่คุยกันนานไปหน่อย สายแล้วไปทำอาหารเถอะ ไหนบอกจะพาลูกไปเก็บผักป่าไง ข้าจะไปเป็นเพื่อนพวกเจ้า"เซียวจ้านเป่ยเอ่ยขัดสองแม่ลูก "ไม่ต้องหรอก วันนี้สหายท่านที่ชื่อตงหยางนำหมูป่ามาให้ ท่านจะขายหรือชำแหละก็ไปจัดการเถอะ ส่วนไก่ข้าจะทำน้ำแกงบำรุงผิงผิง ข้าไม่ใช่คนพูดมากแต่ขอพูดสักคำ วันข้างหน้าข้าไม่รู้อนาคต แต่ค่าอาหารเดือนละหนึ่งตำลึง จางลู่เหลียนใส่แต่ผ้าเนื้อดี แต่บุตรสาวท่านกลับไม่มีเนื้อสักนิด ค่าอาหารท่านแพงไปหรือไม่ ผิงผิงไปทำอาหารกัน แม่จะทำไก่ย่างหอมๆให้กิน"จากนั่นก็จูงมือกันไปไม่สนใจเซียวจ้านเป่ยสักนิด เขาถูกบุตรสาวกับเมียเมินอีกตามเคย ไหงเขากลายเป็นส่วนเกินไปได้ ผิดพลาดตรงไหนกันเนี่ยจูเหมยลี่นำไก่มาหมักเกลือน้ำตาล นำกระเทียมกับพริกไทยมาทุบๆโขลกเล็กน้อยทาบนตัวไก่ จากนั้นก็เรียกคนด้านนอก"ท่านลุง รบกวนท่านไปเด็ดใบบัวให้ข้าสักหลายๆใบ เลือก
จูเหมยลี่ป้อนข้าวเซียวลี่ผิงเสร็จแล้วก็นั่งรอเซียวจ้านเป่ย สักพักเขาก็เดินกลับมาพร้อมกับผักกาดสองต้นและถั่วฝักยาวหนึ่งกำ ภรรยาของเซี่ยตงหยางเป็นคนขยัน มักปลูกผักเลี้ยงไก่ ลูกๆไม่อดอยากส่วนภรรยาจางรั่วสุ่ย ไม่ใช่ว่าไม่ขยันแต่เป็นเพราะจางรั่วสุ่ยตามใจน้องสาวเกินไป เครื่องประดับเอย เสื้อผ้าเอย ไม่สนใจสักนิดว่าพี่สะใภ้ต้องเลี้ยงลูก ต้องทำงานบ้านยังบังคับให้นางตัดเย็บเสื้อผ้าให้อีก เซียวจ้านเป็นไม่ชอบสตรีหน้าขาวปากแดงเซียวจ้านเป่ยมาถึงบ้านก็เห็นจูเหมยลี่นั่งรออยู่ นางยังไม่จับตะเกียบยังคงรอเขามากินด้วย เมียเขาช่างน่ารักเหลือเกิน ก่อนจะส่งตะกร้าที่ใส่ผักให้นาง"เหมยลี่ นี่เป็นผักกาดกับถั่วฝักยาว พี่สะใภ้ให้มา เอ่อข้าแบ่งผักกาดให้รั่วสู่ยไปหนึ่งต้นกับถั่วหนึ่งกำเจ้าไม่ว่าอะไรใช่หรือไม่""ไม่ว่าอะไรนี่ ทั้งสองคนเป็นสหายท่าน ข้าเป็นคนนอกไม่อยากยุ่ง ว่าแต่ของที่ข้าจดให้เมื่อเช้าซื้อมาได้หรือเปล่า"เซียวจ้านเป่ยถอนหายใจ นางสั่งให้เขาซื้อเครื่องปรุง ซื้อเมล็ดพันธุ์ ซื้อเครื่องมือเกษตรทำไร่ ไม่ใช่ว่าเขาซื้อไม่ได้ แต่เขาไม่มีเงินจริงๆ ต้องขึ้นเขาก่อนเฮ้อ"เอ่อ ข้าได้แต่เครื่องปรุง เนื้อหมูแล้วก็เ
เงินที่เสด็จแม่ฝากไว้เป็นชื่อเขามีมากมายนัก แต่เพราะไม่อยากเปิดเผยร่อยรอย จึงต้องใช้ชีวิตติดดิน มีทองแท่งเล็กๆอยู่หากขายคงได้แท่งละสักสิบตำลึงซึ่งไม่พอให้ใช้ชีวิตสองคนแม่ลูกพรุ่งนี้ขึ้นเขาล่าเสือหรือหมีสักตัว หากขายได้ก็คงมากกว่าสามร้อยถึงห้าร้อยตำลึง จะฝากเป็นชื่อนางไว้ ป้าสะใภ้นางละโมบนักถ้าเขาไม่อยู่อาจมารังแกและแย่งชิงไปได้ เห็นจูเหมยลี่กำลังจะสะพายตะกร้าก็เรียกไว้ก่อน"เหมยลี่ ข้ามีอยากให้ช่วยหาของสักหน่อย ผิงผิงนั่งรอท่านแม่อยู่ตรงนั้นก่อนนะ ลูกเป็นเด็กดีหรือเปล่า""ลูกจะไม่ดื้อเจ้าค่ะ ท่านแม่รีบไปช่วยท่านพ่อนะเจ้าคะผิงผิงจะรออยู่ตรงนี้"จูเหมยลี่เดินตามเขาเข้าไปในบ้าน ดูท่าเขาคงรู้ว่าเงินที่ซ่อนไว้ถูกนางแคะไปจนหมดแล้ว จึงอยากหาเรื่อง เพราะตกลงกันแล้วว่าจะไม่ทะเลาะหรือเถียงกันต่อหน้าเด็ก จึงต้องทะเลาะกันลับตาเจ้าตัวน้อย"นี่ท่านลุง ถ้าจะถามเรื่องเงินที่ท่านซ่อนเอาไว้ละก็เสียใจด้วย ตอนนี้เหลืออยู่สองร้อยกว่าอีแปะเท่านั้น ส่วนหนึ่งก็อยู่ในท้องท่าน อื้อๆๆ"เซียวจ้านเป่ยโมโหเด็กบ้านี่เรียกเขาท่านลุงบ้างล่ะ ตาแก่บ้างล่ะ ตาเฒ่าบ้างละมันน่าโมโหนัก เขาจูบนางครั้งนี้นานกว่าทุกครั้งจนจู
เซียวจ้านเป่ยตรงไปโรงเตี้ยมสุขสราญย์ทันที หมูป่าเพิ่งตายไม่นานก็จริง แต่หากไม่ใช่เพราะว่าเขาจะเข้าเมืองมาซื้อเสื้อผ้ากับของให้เมียล่ะก็ หมูนี่คงชำแหละขายในหมู่บ้านแล้ว อยากกลับบ้านจะแย่แล้วต้องรีบขาย"อ้าวนายพรานเซียวหรือ วันนี้ได้อะไรมากันเล่า ท่านไม่ขึ้นเขานานแล้วนี่ตั้งเกือบปีแล้ว"หยวนเหอเป็นหลงจู๊ของโรงเตี้ยมแห่งนี้ หลงจู๊คนนี้นิสัยดี ไม่กดราคา จึงทักทายเขากลับ"อ้อ พี่หยวนเหอพอดีข้าวางกับดักไว้ ได้หมูป่ามาสองตัวเลยนำมาให้ท่าน ไม่ทราบว่าท่านรับซื้อหรือไม่ขอรับ" หยวนเหอเหมือนสวรรค์มาโปรด"เฮ้อ ที่จริงนะอาเซียวหมูป่าตายแล้วชั่งละห้าสิบอีแปะเท่านั้น แต่ช่วงนี้ฝนตกนายพรานขึ้นเขาไม่ได้ อีกทั้งมีคนมาจากเมืองหลวง เป็นคุณชายตระกูลใหญ่มาเที่ยวเมืองกว่างโจวของเรา คนของขาอยากกินเนื้อแต่ข้าไม่มี เถ้าแก่กำลังกลุ้มใจเลยว่าจะทำเช่นไร เฮ้อข้าหยวนเหอคงมีบุญวาสนา สวรรค์ถึงส่งเจ้ามาเอาเช่นนี้ข้าให้ราคาเท่ากับหมูเป็นชั่งละแปดสิบอีแปะแล้วกัน อาจูมาเอาหมูไปขึ้นตาชั่ง"หยวนเหอสั่งคนงานไม่ช้าก็นำหมูป่าสองตัวไป เซียวจ้านเป่ยเลียบๆเคียงๆถามหยวนเหอถึงคนที่มา หากเกี่ยวข้องกับหรานซินชายารองเสด็จพ่อเขาต้องวาง
ผ่านไปจนเกือบถึงเทศกาลไหว้พระจันทร์ เซียวจ้านเป่ยที่ตอนนี้กำลังพาหลิวเหว่ยเดินเล่น บุตรชายวิ่งเตาะแตะๆ ไปมา หลิวเซียงสาวใช้อุ้มอยู่ หรงหรงตั้งครรภ์จึงทำได้เพียงเดินตามบรรดาซื่อจื่อกับท่านหญิง จูเหมยลี่ที่กำลังตั้งครรภ์บุตรคนที่สามมองไปยังลานบ้าน อ้ายลี่ผิงตอนนี้อายุแปดขวบแล้วยิ่งโตยิ่งงามมากนัก จูเหมยลี่ที่เห็นบุตรสาวก็ถอนหายใจ"เป็นอะไรไปหรือเมียข้าหืม""ผิงผิงยิ่งโตยิ่งงาม พระองค์ไม่หวงแต่หม่อมฉันหวงเพคะ หากลูกยังไม่สิบแปดไม่ให้ออกเรือนนะเพคะท่านอ๋อง""อีกสิบปีเชียวนะ เซี่ยตงชิงจะรอไหวหรือ""รอไม่ไหวก็ไปหาแต่งคุณหนูจวนอื่นโน่นเพคะ"จูเหมยลี่ยอมรับนางหวงบุตรสาวคนโตยิ่งนัก บุตรสาวนางงามเพียงนี้ไม่อยากให้ใครมามองเลย"พระชายา กระหม่อมรอได้พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมไม่แต่งสตรีอื่นนอกจากผิงผิงเท่านั้น"เซียวจ้านเป่ยยิ้มให้กับจูเหมยลี่ เจ้าตัวน้อยที่ไม่รู้ว่าทุกคนพูดถึงนางก็วิ่งมา เห็นพี่ชายของนางมีเหงื่อเต็มไปหมดก็ปีนขึ้นเก้าอี้ให้ตัวพอดีกับเขาก่อนจะใช้ผ้าเช็ดหน้าซับเหงื่อให้"พี่ตงชิง ท่านเหนื่อยมากหรือไม่ ท่านน้าเสี่ยวอี้ทำน้ำหวานไว้ข้าไปเอามาให้นะเจ้าคะ"เซี่ยตงชิงสบสายตากลมโตของเด็กผู้หญิงตรง
จูยวี่ซานกอดภรรยาจากนั้นก็หอมหน้าผากของนาง ก่อนจะรับเอาห่อผ้าของจูเหวินบุตรชายมากอดแล้วก้มลงหอม"อย่าดื้อกับท่านแม่ พ่อไปไม่นานนักหรอกเด็กดี"ผิงผิงที่วิ่งออกมาจากในบ้านกอดเอวอ้ายเฉิงเอาไว้ก่อนจะเงยหน้าแล้วเอ่ยขึ้น"เสด็จปู่เพคะ เทศกาลไหว้พระจันทร์น้องชายจะได้สองขวบเสด็จพ่อกับเสด็จแม่จะพาหลานไปหาเสด็จปู่ที่เมืองหลวง ถึงแม้ว่าผิงผิงอยากให้เสด็จปู่อยู่ที่นี่มากกว่าก็ตาม""ผิงผิงของปูน่ารักที่สุด ตั้งใจเรียนวรยุทธกับท่านปู่ฝางให้ดีๆ เจอกันปีหน้าต้องเก่งขึ้นกว่าเดิมรู้หรือไม่""เพคะ ผิงผิงจะตั้งใจเรียนวรยุทธ และตั้งใจยิงธนูให้เก่งต่อไปผิงผิงจะเป็นเจ้าสาวของพี่ตงชิงเพคะ"จูเหมยลี่อมยิ้ม เด็กหนอเด็กยังไม่รู้อะไรเลย โตอีกหน่อยจะอายหากจำได้ว่าเคยพูดอะไรไว้ จากนั้นก็อุ้มอ้ายหลิวเหว่ยส่งให้กับพ่อสามี อ้ายเฉิงรับเอาหลานชายมาอุ้มก่อนจะเอ่ยกับจูเหมยลี่"ลี่เอ๋อร์ที่ผ่านมาพ่อยังมิได้ขอบใจเจ้า จ้านเอ๋อร์ต้องแบกรับหลายสิ่งหลายอย่าง เขาต้องทุกข์เพียงใด ยิ่งหลังจากที่ปู่หลงจากไปเขายิ่งโดดเดี่ยว การที่ มีเจ้าเข้ามาในชีวิตทำให้ความมืดมนในใจเขามลายหายไป ทุกอย่างเป็นเพราะเจ้า ขอบใจเจ้ามากนัก""เสด็จพ่อทรงก
จูเหมยลี่ไม่อยากฆ่าคน ไม่อยากเปิดเผยเรื่องของนางมากนักอยากใช้ชีวิตกับสามีและลูกอย่างเงียบๆ นางคว้าคันธนูที่ทหารกับลูกศรมา ส่งสายตาให้บุตรสาวว่านางขอโทษ อ้ายลี่ผิงพยักหน้าว่าไม่เป็นไร ก่อนจะหลับตาตามที่ท่านแม่สั่งส่งสารมาให้"ท่านอ๋อง เตรียมรับลูกกลับมานะเพคะ" จูเหมยลี่ยกคันธนูขึ้นลูกศรถูกทาบไปพร้อมปล่อยออก ก่อนจะเล็งที่ศีรษะนาง เพราะหงซิ่วจับอ้ายลี่ผิงยืนข้างหน้า มือกำอยู่รอบคอ เด็กน้อยสูงเพียงเอวของนางทำให้เปิดจังหวะการยิงมากนักหงซิ่วเห็นว่าจูเหมยลี่มีไอสังหารนางจะพลิกตัวเพื่อเหวี่ยงอ้ายลี่ผิงลงเหวแต่ไม่ทัน ลูกศรที่จูเหมยลี่ยิงออกไปนั้นเจาะกะโหลกนางพอดี หงซิ่วหงายหลังจะตกลงไป อ้ายลี่ผิงที่ถูกมือนางกำไว้ก็จะพลัดตกไปด้วย จ้านอ๋องจะไปรับบุตรสาว แต่เซี่ยตงชิงไวกว่า เขากระโดดที่เดียวก็คว้าอ้ายลี่ผิงไว้ในอ้อมกอด ก่อนจะกระแทกลงทำให้แผลที่ถูกฟันเลือดไหลไม่หยุด ก่อนจะถามอ้ายลี่ผิงนางว่าไม่เป็นไรใช่ไหม แล้วสลบไปจ้านอ๋องรีบให้คนอุ้มเซี่ยตงชิงกลับไปที่จวน ให้แจ้งแก่เซี่ยฮูหยินว่าคุณชายใหญ่จะอยู่ช่วยงานที่ตำหนักใหม่หลายวัน โจรเร่ร่อนที่รวมกันจับอ้ายลี่ผิงวันนี้จูเหมยล
เซียวจ้านเป่ยที่ตอนนี้กลับมาอยู่จิ่วโจวก็เตรียมหาทางสร้างอาชีพให้ชาวบ้าน เพราะเขาได้รับพระราชทานให้ดูแลทั้งสิบมณฑลจึงต้องดูแลราษฎร จูเหมยลี่ที่กำลังดูแลคนงานตากดอกเหมยกุ้ยอยู่ก็เดินมาหาสามีที่กำลังคุยงาน "ท่านอ๋อง ไม่ทรงพักผ่อนหรือเพคะนี่ก็บ่ายแล้วหม่อมฉันทำของว่างเอาไว้ เมื่อเช้าเสด็จพ่อแจ้งมาว่าจะเดินทางกลับเมืองหลวงพร้อมกับไท่จื่อ เลื่อนเวลาออกไปอีกครึ่งเดือนเพคะ""อืม เหนื่อยหรือไม่เด็กดี ผิงผิงเล่าไปไหนเสียแล้ว""ลูกไปหัดยิงธนูกับตงชิงเพคะ เสี่ยวเหว่ยท่านตาพาไปนั่งรถม้าเล่น พอดีซินซินอยากเข้าตำบลหาซื้อของใช้" สองสามีภรรยาพูดคุยกันไม่นานสาวใช้ก็นำขนมมา วันนี้จูเหมยลี่ทำขนมบัวลอยเนื่องจากขุดเผือกและมันได้มาก อีกทั้งฟักทองก็ให้ผลผลิตที่ดีนัก เนื้อทั้งเหนี่ยวแน่นยังมีน้ำบ๊วยที่หอมชื่นใจ ลำธารตรงหลังบ้านจะมีอยู่ช่วงหนึ่งที่เย็นตลอดเวลา จูเหมยลี่นำไหเปล่าไปแช่ในนั้นก่อนจะมาบรรจุน้ำบ๊วย แล้วผนึกฝาไหนำลงแช่อีกที น้ำบ๊วยจึงทั้งเย็นทั้งหอมชื่นใจสาวใช้แจกจ่ายของว่างให้คนงาน หลังจากงานแต่งรัชทายาททุกคนจึงรู้ว่าสามีของจูเหมยลี่คือจ้านอ๋องทำเอาชาวบ้านทำตัวไม่ถูกกันเ
เซียวจ้านเป่ยที่ตอนนี้มาถึงจิ่วโจวได้หลายวันแล้ว บางวันก็ไปคุมการต่อเติมซ่อมแซมจวน อย่างเช่นวันนี้เขาพาจูเหมยลี่มาด้วย เนื่องจากอยากขุดสระบัวและทำบ่อเลี้ยงปลาที่เมียเคยบอกว่าอยากได้"ลี่เอ๋อร์ ตรงนี้มีบ่อน้ำพุร้อน จวนสกุลหลิวที่ยึดมาที่ดินกว้างมาถึงตรงนี้ พี่ให้คนสร้างห้องอาบน้ำไว้แล้ว เจ้าอยากล้างตัวหรือไม่""สายตาพระองค์ดูก็รู้ว่าไม่ได้อยากอาบน้ำพุ เซียวจ้านเป่ยคนเจ้าเล่ห์ท่านจับข้ากินทุกเวลาแบบนี้ท้องข้าจะว่างไหมเล่า""ลี่เอ๋อร์เด็กดี ไปอาบน้ำกันนะคนงามของพี่"จูเหมยลี่รู้ดีว่าไม่รอดอีกตามเคย ตั้งแต่มาถึงเขากักนางไว้บนเขาสี่วันสามคืน พอมาถึงบ้านก็ไม่สนใจจับนางกินตลอดเวลา บ่าวไพร่ต้องไปอยู่ไกลๆเรือน เนื่องจากบ้านของเซี่ยตงหยางสร้างเสร็จแล้ว ซูฟางหรานกลับไปบ้านตัวเองแล้วในบ่อน้ำพุ เซียวจ้านเป่ยยังคงช้อนสะโพกเมียรักขยับแก่นกายใส่นางไม่หยุด เขารักนางมากนางช่างหอมหวานเหลือเกิน "แน่นนัก เหตุใดยังแน่นเหมือนตอนรักเจ้าครั้งแรกเมียจ๋า รัดจนทำนบพี่จะแตกทันทีที่เข้ามา""ท่านอ๋องเร่งเถอะเพคะ เมียอยากสุขสมแล้ว อ๊ายย ท่านกินเก่งกินดุแบบนี้หม่อมฉันจะไหวไหม อื้อ เสียวเพคะ
เซียวจ้านเป่ยจุมพิตหน้าผากเล็กของเมียรัก ก่อนจะจูบซับเหงื่อที่ชื้นทั่วกรอบหน้าและซอกคออย่างไม่รังเกียจ พักได้ไม่นานก็อุ้มนางไปที่น้ำพุร้อนในถ้ำ รักนางในบ่อน้ำพุอีกหลายครั้ง จนจูเหมยลี่หมดแรงกอดคอเขาไว้"ไม่ไหวแล้ว เมียขาอ่อนแล้ว ยืนไม่ไหวพักนะเจ้าคะ ขอนอนพักก่อนเถอะท่านพี่"ยามอู่ของวันที่สามเขาจึงแต่งตัวให้นางแล้วอุ้มพาเดินออกมา เซียวจ้านเป่ยกักนางไว้ในถ้ำถึงสามคืน พอออกมาเจอแสงข้างนอกจูเหมยลี่ถึงกับตาหยีเลย"คนบ้า ไม่ให้ข้าเห็นเดือนเห็นตะวันเลย ป่านนี้เป็นห่วงกันทั้งเรือนแล้วกระมัง""พี่ยังไม่อิ่มนะ แต่เห็นเจ้าคิดถึงลูกพี่เลยพอแค่นี้ก่อน เดี๋ยวเข้าจวนอ๋องเมื่อไหร่จะไม่ให้ลงจากเตียงเลย จนกว่าจะมีน้องให้เสี่ยวเหว่ยกับผิงผิงอีกคน""ท่านมันคนหื่น" "หึๆ พี่ยังมีแรงรักเจ้าได้อีกนะคนงาม" เขาไม่รีบ เนื่องจากขบวนที่มารับพระชายาของเขามาถึงหมู่บ้านตั้งแต่สองวันก่อน ตอนนี้ทั้งบุตรชายบุตรสาวต่างมีสาวใช้และองครักษ์ดูแล เขาอ้อยอิ่งพานางเดินชมนกชมไม้จนกระทั่งมาถึงบ้านก็ยามเซินพอดี ทุกคนเข้าแถวรอรับทั้งคู่พร้อมคำสรรเสริญ"ถวายพระพรท่านอ๋อง""ถวายพระพรพระชายา"คังหยุนและอ้าย
จูเหมยลี่ลุกขึ้นมาปลดอาภรณ์ตนเองออกช้าๆ เซียวจ้านเป่ยส่งสายตายั่วยวนเมียรัก จนอาภรณ์ชิ้นสุดท้ายหลุดออกไป ร่างงามขึ้นคร่อมบนตักแกร่งก่อนจะมองหน้าเขา เซียวจ้านเป่ยมอบจุมพิตแสนหวานให้นาง มือบางล้วงไปยังด้านล่างของตนเอง ค่อยๆคลี่กลีบดอกเหมยแสนบอบบางออก เซียวจ้านเป่ยจับแท่งทวนร้อนผ่าวตั้งตรง สะโพกงามค่อยๆกดลงมาหาสิ่งใหญ่โตที่รอคอยนางอยู่จูเหมยลี่ค่อยบดสะโพกส่ายไปมา บางทีก็กดลงเข้าหาความใหญ่โตจนสุดทางรัก แขนเรียวโอบรอบคอสามีเอาไว้ โยกเอวขึ้นลงช้าๆ เซียวจ้านเป่ยอยากขยับสะโพกสอบขยับใส่นางแต่นางกับกดสะโพกนิ่ง มือหนาละจากที่คล้องคอเขามากอดเอวหนาเอาไว้ บดสะโพกยั่วยวนเขาแน่นไม่ให้เขาได้ขยับ"อืม ลี่เอ๋อร์คนงามของพี่ เจ้ายั่วยวนเพียงนี้แต่เมื่อไหร่กัน พี่จะคลั่งตายแล้ว หลงเจ้าไม่ไหวแล้วเมียข้า""ใครใช้ให้ท่านยั่วยวนข้าก่อนเล่า นั่งดีๆข้าจะลงโทษที่ท่านกลั่นแกล้งข้าตอนที่มาถึง ท่านพี่กินอะไรมาหรือยังหิวหรือไม่เจ้าคะ""อืม รีบมายังมิได้กินข้าวคิดถึงเจ้านัก""งั้น ดื่มนมรองท้องก่อนไหมเจ้าคะ""หึๆๆ เมียรักของข้า วันนี้เจ้าเป็นปีศาจจิ้งจอกหรือยั่วยวนเร่าร้อนเหลือเกิน" "หื
สองคนเดินเข้าบ้าน จูเหมยลี่ถอดเสื้อนอกเขาออก เซียวจ้านเป่ยไม่เอาแต่ใจเขานอนกอดนางไว้ ก่อนจะขอนางดื่มด่ำทรวงอกคู่งาม ที่เขาห่างหายไปนานจูเหมยลี่ตามใจเขา เซียวจ้านเป่ยทั้งดูดเม้มตวัดลิ้นเลียไปมาจนร่างงามสะท้านผวาแอ่นอกขึ้นหาเขา ครางเบาๆด้วยความเสียวซ่าน จนกระทั่งเขาละจากดอกบัวทั้งสอง เลื่อนขึ้นมาหาสบตากับนาง นัยตาสีน้ำหมึกของเขาช่างดึงดูดนางให้หลงใหลยิ่งนัก มือน้อยๆยกขึ้นมาลูบใบหน้าของเขา"โกนหนวดครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่เจ้าคะ เขียวครึ้มแล้ว""อยากกลับมานอนหนุนตักให้เจ้าโกนให้ ไปที่ริมธารกันไหมเด็กดี""ไม่ได้ คนเต็มบ้านสายตากี่คู่กันไม่ได้มีแค่ผิงผิงเช่นเมื่อก่อนแล้วนะเจ้าคะ""หืม เมียข้าเจ้าคิดอันใดหรือ พี่หมายถึงโกนหนวดเท่านั้น เมียจ๋าเจ้าคิดมากกว่านั้นหรือ หื้ม""เซียวจ้านเป่ยคนบ้านี่ ข้าไม่คุยกับท่านแล้ว จะไปดูลูก งานในมือยังไม่เสร็จเลย"เซียวจ้านเป่ยหัวเราะในลำคอเขารู้แล้วว่าเมียงอน เขากับนางห่างหายเรื่องผัวเมียไปปีกว่า เขามาถึงก้ปลุกเร้านางขนาดนี้ยังแกล้งนางอีก ก่อนจะอมยิ้มเซียวจ้านเป่ยผูกสาบเสื้อให้นางก่อนจะอุ้มจูเหมยลี่ขึ้นเอ่ยกระซิบ"ไม่ได้ไปเรือนหอบนเขาเสี
ตอนนี้ขบวนของจ้านอ๋องรอพักอยู่ที่ตำบล ส่วนท่านอ๋องนั้นทนคิดถึงเมียกับลูกไม่ไหวควบม้ากลับหมู่บ้านจิ่วโจวเรียบร้อยแล้ว จูเหมยลี่ที่ตอนนี้กำลัง เดินดูแปลงผักที่ให้คนงานช่วยกันปลูกเพื่อทำผักดอกสามรส อากาศหนาวๆนำมาต้มกับเต้าหู้รสชาติอร่อยซดน้ำแกงคล่องคอมากนัก พริกออกดอกออกผลดกดี นำมาทำน้ำมันพริกส่งออกไปขายได้กำไรพอควร เนื่องจากคนยังไม่นิยมกินรสจัด ส่วนใบชาย่อมขายดีมาก อ้ายเฉิงที่ตอนนี้ได้รับข่าวดีว่าซูฟางหรูตั้งครรภ์แล้วด็ดีใจ จูยวี่ซานกับเฝิงอันหยวนไปไหนไม่ได้เพราะอ้ายซินกับอ้ายเย่วใกล้คลอดเต็มที "เสี่ยวลี่ ผักดองคราวก่อนอร่อยมากนัก ท่านยายเบื่ออาหารมานานแล้ว พอได้ผักดองของเจ้าก็ทำให้กินได้มากขึ้นน่ะ ขอบใจนะ อีกอย่างเรื่องท่านหมออีกหยวนอีก""พี่เว่ยเว่ยจะเกรงใจทำไมเจ้าคะ ปู่ใหญ่กับท่านลุงช่วยเหลือข้าไว้ไม่น้อยเลย หากไม่ได้บ้านใหญ่ของพวกท่าน มิใช่ว่าป่านนี้หญ้าบนหลุมฝังศพของข้าสูงท่วมศีรษะท่านแล้วหรอกหรือ"สองพี่น้องนั่งคุยกันไปพลางเด็ดขั้วดอกโม่ลี่ฮวาไปพลาง ทางด้านคนงานพวกนางกำลังจัดการเด็ดก้านของพริกออก ใครมีหน้าที่ตากก็ตาก หรงหรงอุ้มอ้ายหลินเหว่ยออกมาเดินเล่น