Share

บทที่ 5

“พี่ศินเข้ามาเปิดหน้าต่างให้แสงเหรอคะ” แสงฉายอดถามไม่ได้เพราะห้องเปิดโล่ง

“ใช่ครับ รับอากาศเย็นๆ ยามเช้า ให้ความรู้สึกดี ผ่อนคลาย ว่าแต่เขาฟื้นนานแล้วเหรอครับ” วศินถามพลางชี้มือมาที่เจรัลด์นิดหน่อยเพื่อไม่ให้เสียมารยาทนัก

“เพิ่งฟื้นได้สักครู่น่ะค่ะ” เธอตอบกลับ 

ขณะเดียวกันเจรัลด์ก็อยู่ในอารมณ์เจื่อนๆ แปลกๆ เพราะชายหนุ่มที่เดินเข้ามานั้น เขาคิดว่าน่าจะเป็นคนรักของแสงฉายแน่ๆ รูปร่างสูงใหญ่หล่อเหลาคมเข้มแบบชายไทยแท้

“ผมไปบอกแม่บ้านให้ทำอาหารเอาไว้แล้วนะครับ ไม่ต้องห่วง เผื่อจะหิว แล้วก็เผื่อคนฟื้น แต่ก็ไม่คิดว่าจะฟื้นเร็วขนาดนี้”

“ถือว่าไม่เร็วหรอกค่ะ เพราะเขาไม่ฟื้นตลอดทั้งคืนเลย นึกว่าจะตายแล้วซะอีก” 

“ก็ดีแล้วครับที่เขาฟื้น ต่อไปก็จะได้ถามที่มาที่ไป แล้วก็จะได้ส่งตัวกลับประเทศซะเลย” 

“มันง่ายอย่างนั้นก็ดีน่ะสิคะ” 

“ตามสบายนะครับ ผมแค่แวะเข้ามาบอกว่าเตรียมอาหารเอาไว้ให้ แล้วเดี๋ยวจะออกไปดูงานแทนก่อน”

“ขอบคุณค่ะ” พอเธอรับคำวสินก็ออกไปทันที มาถึงตอนนี้แหละที่เจรัลด์จะถามด้วยความสงสัย

“เอ่อ ขอโทษครับ คุณช่วยผมแล้วให้เข้ามาอยู่ในบ้านแบบนี้ แฟนคุณไม่ว่าอะไรเหรอครับ” เป็นคำถามแบบยัดเยียดเพื่อให้ได้คำตอบที่เธอไม่จำเป็นต้องตอบก็ได้ แต่ถึงเธอจะตอบก็จะดูไม่น่าเกลียด

“แฟนเหรอคะ พี่ศินน่ะเหรอ เขาไม่ใช่แฟนค่ะ เป็นผู้ช่วยของฉันเป็นคนสนิทที่เหมือนพี่ชาย” 

“อ้าว ผมก็นึกว่าแฟน ขอโทษครับ” 

“ทำไมถึงคิดว่าแฟนล่ะคะ” 

“เขา เหมือนเอ่อ สีหน้าแววตาเขาดูห่วงใยคุณ รูปร่างบุคลิกหน้าตาของเขาก็หล่อมากด้วย” 

“ฉันเพิ่งรู้ว่าผู้ช่วยของฉันหล่อมากนะคะเนี่ย เขาดูแลฉันมานานแล้ว ก็ต้องห่วงใยเป็นธรรมดาค่ะ” พอฟังอย่างนี้ เขากลับโล่งใจอย่างประหลาด

“จริงสิฉันก็ลืมแนะนำให้ได้รู้จักกัน”

“ขอบคุณนะครับ คราวต่อไปก็ได้”

“ร่างกายของคุณเป็นยังไงบ้าง ต้องให้เรียกหมออีกไหมคะ” 

“ไม่ๆ ไม่เป็นไรครับ ผมแค่เจ็บระบม โชคดีมากที่คุณช่วยผมเอาไว้ ไม่งั้นผมคงตายไปแล้ว” เธออยากจะถามเหลือเกิน ว่าเขามีที่มาที่ไปอย่างไร แต่เพราะเขาอ่อนเพลียอยู่ จึงไม่อยากรบกวน

“คุณนอนพักเถอะนะคะ ฉันจะเอาอะไรมาให้ทาน แล้วคุณก็จะได้ทานยาตามที่หมอจัดเอาไว้ให้ด้วย” 

“ครับ ขอบคุณอีกครั้งครับ” เวลานี้เขาไม่มีคำไหนจะมอบให้เธอมากกว่าคำว่าขอบคุณอีกแล้ว ที่ทำให้เขามีชีวิตรอดได้กลับไปจัดการกับคนที่หักหลัง และเมื่อเขารับคำอย่างว่าง่าย แสงฉายจึงได้เข้าห้องน้ำเพื่อล้างหน้าแปรงฟัน เสร็จแล้วจึงออกไปจัดการอาหารเข้ามาให้เขา 

  หลังจากที่แสงฉายออกไปแล้ว เจรัลด์ก็นั่งคิดทบทวน ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวเองทั้งหมดทั้งมวล นับตั้งแต่เริ่มแรกที่มาเมืองไทยกับกลุ่มนักธุรกิจด้วยกัน แต่แล้วก็ถูกหักหลัง เพราะคนเหล่านั้นอยากจะครอบครองอิทธิพลเอาไว้เพียงองค์กรเดียว เรียกได้ว่าหลอกมาฆ่าไกลถึงเมืองไทย เพื่อจะได้ไม่มีใครหาศพเจอ แต่อาจจะเป็นเพราะว่าเขาดวงแข็ง สวรรค์ถึงได้ส่งคนจิตใจดีงามมาช่วยเอาไว้ 

แต่คิดดูอีกทีจะบอกแสงฉายไม่ได้ว่าเขาเป็นใครมาจากไหน ไม่อย่างนั้นเธอจะเดือดร้อน การรอดชีวิตของเขาอาจจะนำมาซึ่งผลร้ายให้กับเธอและคนใกล้ชิดก็ได้ เธอไม่ควรมาเจอเรื่องเลวร้าย เขาคิด ขณะเดียวกันแสงฉายก็กลับเข้ามาพร้อมถาดอาหารพอดี แถมยังมีผู้ช่วยหนุ่มเข้ามาด้วย

“ทานโจ๊กก่อนนะคะจะได้ทานยา” แสงฉายบอกอย่างอ่อนโยน แต่ภายใต้น้ำเสียงหวานเหมือนลูกแมวแบบนี้ กลับทำให้เขารู้สึกว่าเธอค่อนข้างแข็งแกร่งมากกว่าที่จะอ่อนโยนเสียอีก ดวงตาของเธอมันบอกเช่นนั้น หรือว่าเธอไม่เต็มใจ

เจรัลด์พยายามช่วยเหลือตัวเอง เพื่อจะได้ทานโจ๊กตามที่เธอต้องการ ทว่าเขากลับไม่มีแรงจะทำอะไรเลยแม้แต่น้อย นั่นเป็นเพราะยังระบมอยู่ แล้วนางฟ้าผู้มีน้ำใจทำไมถึงมีสายตาที่เย็นชาอย่างนี้นะ เขาคิด แต่จังหวะเดียวกันวศินก็เข้ามาประคองเขาแทนเพื่อให้นั่งดีๆ

“ทานเองไหวไหม ให้ผมป้อนดีไหมครับ” วศินเอ่ยถามขึ้น พลางหันมามองแสงฉายเพื่อขอคำตอบ

“ขอโทษครับผมยังไม่ไหว รบกวนช่วย...” เจรัลด์น้ำเสียงอ่อนเพลีย พลางขมวดคิ้วเล็กน้อยเหมือนมีอาการเจ็บระบม

“งั้นเดี๋ยวผมป้อนก็แล้วกัน” วศินให้ความเห็น เพราะไม่อยากให้เจ้านายคนงามเป็นคนทำเอง 

“เอ่อพี่ศินไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวแสงดูแลเขาเอง ผู้ชายป้อนโจ๊กให้กันก็ดูแปลกๆ นะคะ” 

“ให้นายหญิงเป็นคนป้อนก็ดูแปลกๆ เหมือนกันครับ” 

“อืม เถอะน่า” ว่าแล้วแสงฉายจึงหยิบถ้วยโจ๊กมาคนๆ แล้วก็เป่าเพื่อให้เย็นลง จากนั้นก็ตักป้อนเขาทีละคำ ขณะเดียวกันวศินก็นั่งอยู่ใกล้ๆ 

“ขอบคุณนะครับ” เจรัลด์เอ่ยขอบคุณอีกครั้ง เพราะสิ่งที่เธอทำมันเกินคำว่ามีน้ำใจไปมาก

“ไม่ต้องขอบคุณแล้วค่ะ คุณแค่ทำตามที่ฉันบอกก็พอ จะได้หายไวๆ” 

“ไม่รู้ผมจะตอบแทนคุณยังไงดี” 

“แค่คุณยินดีที่จะบอกเราว่าคุณเป็นใครมาจากไหน เป็นคนดีหรือเปล่า เท่านั้นแหละที่เราอยากรู้ เราจะได้ไม่รู้สึกว่าช่วยคนผิด” วศินแทรกขึ้นเสียงเรียบ ทำเอาเจรัลด์ชะงักแทบจะกลืนอาหารไม่ลงคอเลยทีเดียว

“ผม... เอ่อ” 

“เราไม่ทำให้คุณลำบากใจหรอกนะ” แสงฉายบอก นั่นหมายความว่าเธอไม่อยากบังคับให้เขาเล่า

“เปล่า ผมไม่ได้ลำบากใจ แต่... แต่ผมจำอะไรไม่ได้ ผมนึกอะไรไม่ออก” เจรัลด์พูดพลางหลับตาและขมวดคิ้วราวกับกำลังปวดหัว

“ก่อนหน้านี้คุณบอกพอจำได้นี่คะ” 

“ผมจำชื่อตัวเองได้ แต่จำเหตุการณ์อะไรไม่ได้เลย อื้อ! ปวดหัว” เขาพูดพลางเอามือบีบขมับตัวเองเอาไว้

“เอ่อ จำไม่ได้ ก็ไม่เป็นไรค่ะค่อยๆ คิด”

“เขาอาจจะได้รับการกระทบกระเทือนทางสมองเล็กน้อยก็เป็นได้นะครับ เพราะศีรษะถูกฟาดด้วยของแข็ง หรือมีเลือดคลั่ง เส้นประสาทอักเสบก็ว่าไป” วสินให้ ความเห็น

“งั้นไปโรงพยาบาลดีไหมคะ” 

“มะ มะ ไม่ดีกว่าครับ ผมแค่ต้องรักษาตัวเองก่อน อาจจะดีขึ้น ความจำอาจจะกลับ”

“ตอนนี้คุณไม่มีเอกสารติดตัวเลย จะช่วยคุณยังไงเนี่ย” แสงฉายบอกด้วยความเป็นห่วง 

“ผมว่า คงให้เขาออกไปสู่โลกภายนอกไม่ได้หรอกครับ เพราะไม่รู้ที่มาที่ไป เขาหรือเราอาจจะรับได้อันตรายจากคนที่ปองร้ายเขาก็เป็นได้ ไม่แน่ว่าคนพวกนั้นอาจจะกำลังตามเขาอยู่ก็ได้” วสินให้ความเห็นอีกครั้ง

 

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status