“อ้าว มาแอบดูเขาอาบน้ำแท้ๆ แล้วที่บ้านไม่สอนเหรอครับ ว่าไม่ให้แอบดูผู้ชายอาบน้ำน่ะ”
“ไอ้บ้าสิน! ไอ้!”“จุ๊ ๆ ๆ ไม่งามเลยครับ ฟังไม่ลื่นหูเลยนะ จำพี่สาวเอาไว้เป็นตัวอย่างบ้างสิครับ ไม่มีหยาบคายหลุดออกมาให้ได้ยิน พี่สินอย่างนั้นพี่สินอย่างนี้ แต่อย่างว่าหงส์ยังไงก็ยังเป็นหงส์ ต่างกับกา เอามาชุบตัวยืดคอให้ยาวเท่าหงส์ ก็ยังเป็นกาอยู่วันยังค่ำ” เขาว่าน้ำเสียงเยาะหยันสีหน้าอีเดียดเหลือเกิน “กรี๊ด! ไอ้ขี้ข้า! สันดานต่ำ” “สันดานต่ำเหรอ” เขาย้ำคำพลางกัดฟันแน่น ก่อนจะกระชากแขนเธอแล้วลากเข้าบ้านอย่างรวดเร็ว“ว๊าย! อ้าย! ปล่อย! ไอ้สิน ปล่อยฉันนะ” เธอว่าพลางสะบัดสะบิ้งเพื่อให้หลุดจากการเกาะกุมของเขา“แอบยืนดูอยู่ตั้งนาน อยากเห็นไม่ใช่เหรอว่าไอ้ที่มันอยู่ต่ำๆ น่ะหน้าตาเป็นยังไง” ให้ตายสิ เขาเห็นที่เธอแอบดูอย่างนั้นหรือ “ไอ้บ้า! ปล่อยฉัน ไม่งั้นฉันจะตะโกนให้คนช่วย” “นี่ถิ่นผม และคุณหนูหาเรื่องเอง เอ๊ะหรือว่าจริงๆ แล้วหิว ถึงได้เสาะแสว“ฮ่าๆ ให้ตายเถอะ ชายผู้ทรงอิทธิพลเจ้าของคิงส์ ออยล์ บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ ต้องหนีหัวซุกหัวซุนเอาตัวรอดจนมาสุดหน้าผา” เสียงเยาะเย้ยเหี้ยมเกรียม นั้นดังออกมาจากปากของชายผู้เป็นเพื่อนนักธุรกิจ ที่อยากจะกุมอำนาจเอาไว้ในมือของตัวเองเพียงคนเดียว เขาถือปืนข้างที่ถนัดและเล็งไปที่เจสัน คิงส์ ชายหนุ่มที่มองเพื่อนด้วยแววตาแค้นจัด คิดว่าคงไม่รอดแน่ ก่อนจะเหลือบไปมองเบื้องหน้าของน้ำตก ไม่รู้ว่าน้ำลึกหรือมีโขดหินเบื้องล่างหรือไม่ “คิดเหรอว่าการตายของฉัน จะทำให้แกรอดไปจนขึ้นนั่งเก้าอี้ประธานแทนฉันได้เหรอเควิน” เจสันถามกลับเสียงเข้ม ไม่เกรงกลัวหากแต่สมเพชเพื่อนมากกว่า“มันจะไปยากอะไร กะอีแค่ทำให้แกหายสาบสูญ หึๆ ที่นี่เมืองไทยนะ อีกอย่างแกถืออำนาจเหนือคนอื่นมานานเกินไปแล้วเจสัน”“หึ ถืออำนาจอย่างนั้นเหรอ ฉันเป็นเจ้าของบริษัท และแกแค่อยากได้อำนาจที่คลอบคลุมทั่วทั้งทวีป จริงไหมเพื่อน” เจสันบอกอย่างรู้ทัน“ใช่ ฉลาดแล้วนี่”“แค่ฉันหายตัวไป บอร์ดี้การ์ดทั้งหมดของฉันจะตามหาฉัน และออกตามล่าแกเควิน”“เอาไว้ให้ฉันฆ่าแกเสียก่อน แล้วฉันจะไปจัดกับไอ้พวกนั้น” พูดจบเควินก็เหนี่ยวไกปืน ขณะที่เจสันเริ่มถอยหลังช้าๆ แ
“เหมือนคุณถูกซ้อมมา หวังว่าฉันคงไม่ได้ช่วยคนร้ายหรอกนะ” เธอพูดด้วยความหวาดหวั่น แต่ขณะเดียวกันสิ่งที่ดึงดูดสายตามากกว่าบาดแผลคือ ใบหน้าอันหล่อเหลา มีเคราเล็กน้อย ผมสีบลอนเข้ม ผิวพรรณขาวออกไปทางชมพู จมูกโด่งสวยริมฝีปากรูปกระจับ เธอพิจารณาและวิเคราะห์อย่างถี่ถ้วนก็พลันให้เคลิ้มเสียอย่างนั้น “ถึงหน้าตาจะมีแต่รอยฟกช้ำ แต่มันกลบความหล่อของคุณเอาไว้ไม่ได้เลยนะเนี่ย” แสงฉายเผลอชมด้วยความลืมตัว แต่นั่นก็เพราะว่าเขาหล่อจริงๆ ใบหน้าของเขาดึงดูดให้พูดอย่างนี้ เธอคิดพลางเอื้อมมือไปสัมผัสที่มือของชายหนุ่มเบาๆ“ขอโทษนะคะคุณ ผิวผู้ดี้ผู้ดี เป็นลูกเต้าเหล่าใครกันเนี่ย ไม่น่าจะใช่นักท่องเที่ยวทั่วไปมั้งคะ” เธอพูดกับร่างที่หมดสติลอยๆ อีกทั้งนึกสงสัยว่าเขามาทำอะไรกันที่น้ำตก แต่เธอต้องเก็บความสงสัยเอาไว้จนกว่าเขาคนนี้จะฟื้นจากสลบเสียก่อนเวลาผ่านไปเกือบชั่วโมง หมอประจำตัวของแสงฉายก็เดินทางมาถึงพร้อมกับพยาบาลหนึ่งคน เธอจึงให้หมอรีบทำการรักษาในทันที ส่วนตัวเองก็ออกมารอหน้าห้องกับลูกน้อง เพื่อให้หมอทำงานได้อย่างสะดวก “นายหญิงครับ” วสินเรียกเพื่อที่จะถาม“มีอะไรเหรอคะ” แสงฉายถามกลับทันที “ฝรั่งคนนี้ ทำไม
“แหม พูดว่าขี้เสือกนี่มีสะดุ้งนะฮะ แล้วเอ่อ เขายังไม่ฟื้นใช่ไหมครับ”“ยังค่ะ อาจจะข้ามวันข้ามคืน รอดูอาการ” “เฮ้อ เอาใครไม่รู้มาเป็นภาระตัวเอง แล้วนี่ก็ต้องนอนเฝ้า” เขาเป็นห่วงเธอ ไม่ได้ห่วงใครนักหรอก แต่เมื่อได้ช่วยชีวิตคนแล้วก็อยากทำให้เต็มที่ตามนิสัยเธอแหละ“ก็เราเลือกที่จะช่วยชีวิตเขานี่นะ” “ผมห่วงอยู่อย่างเดียว ถ้าเขาไม่ใช่คนธรรมดา สมมติถูกทำร้ายมาไอ้พวกที่ทำร้ายเขาต้องตามหาศพ และถ้ารู้ว่าเขาไม่ตายหรืออะไรก็ตาม เขาก็จะยิ่งออกตามหาเพื่อกำจัด และตอนนั้นนายหญิงจะรับมือไหวไหม อาจจะโดนลูกหลงด้วย” “แล้วแสงจะมีพี่สินไว้ทำไมคะ ก็เพื่อการนี้แหละ” ให้ตายสิ คำตอบของเธอทำเขาอึ้ง แล้วก็ยิ้มแห้งๆ เพราะมันจริงอย่างที่เธอพูดนั่นแหละ“ปกติผมช่วยนายหญิงตบตีกับอีกบ้าน เท่านี้ก็ปวดหัวจะแย่แล้ว แต่นี่เรากำลังยุ่งอยู่กับอะไรก็ไม่รู้” “อย่าบ่นเป็นวัยทองไป เอ่อ ช่วยหาเสื้อผ้าให้แสงหน่อยสิ เอามาให้เขาไซส์ฝรั่งเลยค่ะ เอามาเยอะ ๆ หน่อยนะ แล้วเดี๋ยวค่าใช้จ่ายมาเบิกกับแสง” “โอเคครับ นางฟ้านะเนี่ย” เขาแซวอีกครั้ง “แสงชอบเวลาที่พี่รับคำแบบไม่บ่นไม่เถียงไม่กวนประสาทจริงๆ เลย” นี่เธอชมสินะ“ก็ขี้เกียจเถียง
จวบจนกระทั่ง เวลาผ่านไปหลายชั่วโมง แสงฉายหลับบนโซฟาด้วยความอ่อนเพลียจากการทำงาน เธอหลับยาวจนถึงวันรุ่งขึ้นเลยทีเดียว ขณะที่คนตัวโตหลับหมดสติตลอดทั้งคืนก็เริ่มจะขยับตัว พร้อมกับเปลือกตาอันหนักอึ้งที่เบิกขึ้นทีละนิด ก่อนจะกระพริบถี่ๆ เพื่อไล่แสงจ้าภายในห้อง หลังจากที่ไม่ได้ลืมตาเสียนาน ดวงตาคมกริบสีฟ้าน้ำทะเลค่อยๆ มองบนเพดานห้อง ซึ่งคล้ายรีสอร์ต เพดานเหมือนใช้ไม้เส้นเล็กๆ สานจนเป็นแผ่นขนาดใหญ่แล้วนำขึ้นไปติดเอาไว้ มีผ้าสีขาวบางพลิ้วพาดไปมาเพื่อประดับตกแต่ง ภายในห้องโปล่งสบาย ประตูหน้าต่างเปิดโล่ง มีเพียงผ้าม่านสีขาวแบบบางและแบบหนา สองชั้นปิดบังเอาไว้ปลิวไสวโต้ลมที่พัดผ่านเข้ามาจนถึงที่นอน ชายหนุ่มลุกไม่ไหวได้แต่เกลือกกลิ้งดวงตาไปมา เขาเหมือนอยู่ในความฝัน ทุกอย่างดูนวลตาอบอุ่นไปหมด “อืม” ชายหนุ่มครางในลำคอ และเมื่อเริ่มขยับตัวก็ปวดระบมไปทั้งหมด พอลุกไม่ได้จึงพยายามมองว่าภายในห้องมีใครหรือไม่ และพบว่าที่โซฟากว้างมีหญิงสาว นอนหลับใหลอยู่ ชายหนุ่มเพ็งพินิจว่าเธอเป็นใคร แล้วเขามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรหรือว่า เขาตายแล้วหรือเปล่าเขาคิด และพยายามขยับตัว แต่จังหวะเดียวกันนั้นแสงฉายก็ขยับตัวตื่น
“พี่ศินเข้ามาเปิดหน้าต่างให้แสงเหรอคะ” แสงฉายอดถามไม่ได้เพราะห้องเปิดโล่ง“ใช่ครับ รับอากาศเย็นๆ ยามเช้า ให้ความรู้สึกดี ผ่อนคลาย ว่าแต่เขาฟื้นนานแล้วเหรอครับ” วศินถามพลางชี้มือมาที่เจรัลด์นิดหน่อยเพื่อไม่ให้เสียมารยาทนัก“เพิ่งฟื้นได้สักครู่น่ะค่ะ” เธอตอบกลับ ขณะเดียวกันเจรัลด์ก็อยู่ในอารมณ์เจื่อนๆ แปลกๆ เพราะชายหนุ่มที่เดินเข้ามานั้น เขาคิดว่าน่าจะเป็นคนรักของแสงฉายแน่ๆ รูปร่างสูงใหญ่หล่อเหลาคมเข้มแบบชายไทยแท้“ผมไปบอกแม่บ้านให้ทำอาหารเอาไว้แล้วนะครับ ไม่ต้องห่วง เผื่อจะหิว แล้วก็เผื่อคนฟื้น แต่ก็ไม่คิดว่าจะฟื้นเร็วขนาดนี้”“ถือว่าไม่เร็วหรอกค่ะ เพราะเขาไม่ฟื้นตลอดทั้งคืนเลย นึกว่าจะตายแล้วซะอีก” “ก็ดีแล้วครับที่เขาฟื้น ต่อไปก็จะได้ถามที่มาที่ไป แล้วก็จะได้ส่งตัวกลับประเทศซะเลย” “มันง่ายอย่างนั้นก็ดีน่ะสิคะ” “ตามสบายนะครับ ผมแค่แวะเข้ามาบอกว่าเตรียมอาหารเอาไว้ให้ แล้วเดี๋ยวจะออกไปดูงานแทนก่อน”“ขอบคุณค่ะ” พอเธอรับคำวสินก็ออกไปทันที มาถึงตอนนี้แหละที่เจรัลด์จะถามด้วยความสงสัย“เอ่อ ขอโทษครับ คุณช่วยผมแล้วให้เข้ามาอยู่ในบ้านแบบนี้ แฟนคุณไม่ว่าอะไรเหรอครับ” เป็นคำถามแบบยัดเยียดเพื่
“ขอเวลาผมหน่อยนะครับ ผมจำไม่ได้จริงๆ คิดอะไรเยอะแล้วปวดหัวเหลือเกิน”“จำไม่ได้ก็ไม่เป็นไรค่ะ” แสงฉายบอกอย่างเข้าใจ“ผมขอโทษนะครับ ที่จำเรื่องราวไม่ได้เลย”“งั้นอยู่ที่นี่พักรักษาตัวให้หายดี แล้วค่อยว่ากันเรื่องส่งคุณกลับบ้านนะคะ”“คุณช่างแสนดีกับผมเหลือเกิน แสงฉาย”“ก็หวังว่า ถ้าคุณจำอะไรได้แล้ว คงจะไม่ใช่คนเลวร้าย แล้ววกกลับมาทำร้ายเจ้านายผมหรอกนะ” วสินแทรกขึ้นเสียงเข้ม“ผมไม่ทำร้ายคนที่มีบุญคุณกับผมหรอก”“ฉันไม่กลัวคุณหรอกค่ะ” แสงฉายบอกยิ้ม ๆ น้ำเสียงของเธอไม่กลัวเขาจริงๆ ด้วยแฮะ“เอางี้ ถ้าไม่รังเกียจคุณก็อยู่ที่นี่จนกว่าจะหายเป็นปกติ ฉันกับคนของฉันจะดูแลคุณเอง”“ถ้าไม่รังเกียจเหรอครับ ผมน่าจะเป็นฝ่ายพูดคำนี้กับคุณมากกว่านะครับ เพราะผมเป็นคนแปลกหน้าแท้ๆ”“นั่นสินะ เอาเป็นว่าคุณอยู่ที่นี่ได้ตามสบาย จนกว่าจะหายก็แล้วกันค่ะ”“ขอบคุณอีกครั้ง
ช่วงเวลาที่เจรัลด์ หรือชื่อจริงคือเจสัน คิงส์ พักฟื้นร่างกาย เพราะเพิ่งผ่านความเป็นความตายมาได้หมาดๆ นั้น คนที่ลงมือไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเจสันรอดเพราะคิดว่ายิงโดน แต่เพราะความที่กลัวว่าศพจะโผล่ให้ใครเห็นแล้วสาวมาถึงตัวได้ ทุกคนจึงได้ออกตามล่าหาร่างของเจสัน ไล่ตั้งแต่ต้นน้ำที่เจสันตกลงมา และคิดว่าน่าจะไหลมาตามลำธารสายเล็ก ซึ่งเป็นที่ดินของชาวบ้านชายวัยฉกรรจ์คนไทยสองคนและฝรั่งอีกสองคน แยกกันออกตามหา แล้วแสร้งทำตัวกลมกลืนไปกับชาวบ้าน ทำทีเป็นนักท่องเที่ยวเดินชมเกษตรเชิงท่องเที่ยวของไร่องุ่น ถ่ายรูปชมวิว โดยที่ดินตรงนี้คือไร่องุ่นขนาดใหญ่หลายร้อยไร่ บริเวณที่ดินแห่งนี้มีแม่น้ำตัดผ่าน แล้วดูเหมือนจะเป็นสายตรงจากน้ำตก แต่ทางเดียวที่จะแน่ใจคือต้องถามชาวบ้าน ว่าเป็นแม่ลำธารสายเดียวกันหรือไม่“ขอโทษครับลุง ลำธารใสๆ สวยๆ แบบนี้ไหลมาจากไหนครับเนี่ย”“ไหลมาจากน้ำตกข้างบนโน่นเลยพ่อหนุ่ม” ชายคนหนึ่งซึ่งเป็นชาวสวนตอบพลางชี้นิ้วไปทางด้านหลัง ซึ่งเป็นต้นลำธาร และคิดว่าแอ่งน้ำคงอยู่ไม่ไกล“แสดงว่าตรงนั้นมีแอ่งน้ำใช่ไหมครับ”“ใ
แสงฉาย เจ้าของไร่องุ่น ซันชายวัลเลย์ เขาใหญ่ ผลิตสินค้าแปรรูปจากองุ่นนานาชนิด รวมไปถึงไวน์ อีกทั้งมีร้านอาหารเปิดเอาไว้ต้อนรับนักท่องเที่ยวที่แวะเวียนมาพักผ่อน หรือพักรถระหว่างเดินทาง มีรีสอร์ตเล็กๆ ให้ค้างคืนไม่ได้ใหญ่โตมาก แต่เรื่องของงานไร่องุ่นนั้นก็ถือว่าเป็นธุรกิจที่ใหญ่พอสมควรย้อนหลังกลับไปก่อนที่เธอจะเกิด มารดาเป็นคนดูแล่ไร่องุ่นแห่งนี้เป็นสาวสวยที่ฮอตสุดๆ ของที่นี่ ส่วนบิดาของเธอนั้นมีที่ดินอยู่ติดกันและทำฟาร์มโคนม ต่างคนต่างมีธุรกิจของตัวเอง แต่ฝ่ายมารดาถือว่ามีฐานะที่ร่ำรวยกว่า ทว่าท่านทั้งสองก็มาพบรักและแต่งงานกัน แผ่นดินทั้งสองจึงเป็นสินสมรสเมื่อแสงฉายเกิดจึงกลายเป็นทายาทเพียงคนเดียวของที่นี่ จวบจนกระทั่งเธออายุได้ 11 ขวบ มารดาเสียชีวิตเพราะเป็นโรคภูมิแพ้ตัวเอง แสงฉายเสียใจ เสียหลัก เหลือเพียงพ่อที่ต้องทำหน้าที่ดูแลและบริหารงาน แต่เท่านั้นยังไม่พอ ไร่องุ่นแห่งนี้มารดาได้เขียนพินัยกรรมเอาไว้ ยกให้แสงฉายเป็นนายหญิงดูแลที่นี่แต่เพียงผู้เดียวแต่ที่เจ็บปวดไปมากกว่านั้น คือมารดาของเธอเสียชีวิตไปเพียงปีเดียว บิดาก็มีภรรยาใหม่เป็นแม่ม่ายลูกติดถึงสอ