“ก็อาจเป็นได้ค่ะ แสงไม่อยากระแวง แต่ที่ทำให้สงสัยคือคนไทยสองคน และฝรั่งอีกสองคน”“นายหญิงระแวงแบบนี้จะให้ผมทำอะไรครับ” ดูเหมือนเขาน่าจะเดาทางออกว่าเธอระแวงอะไร“คือ... อยากให้จับตาคนที่น่าสงสัยเอาไว้ เพราะแสงห่วงว่าจะเป็นพวกที่ปองร้ายเจอร์รี่หรือเปล่า และอาจจะออกตามหาอย่างที่เราคาดการณ์”“งั้นผมจะเรียกลูกน้องประชุมลับ จะได้วางกำลังให้ดูแลอยู่ห่างๆ ครับ”“ตอนนี้เราเอาเขามาดูแล ไม่ว่าเขาจะเป็นใครก็ได้รับความเดือดร้อนมา ต้องดูแลเขาให้ดีที่สุดก่อน จนกว่าเขาจะหายและสามารถส่งเขากลับบ้านไปได้อย่างปลอดภัยนะคะ”“ได้ครับ นี่ห่วงเกินเพื่อนร่วมโลกหรือเปล่าครับเนี่ย” วสินแซวยิ้มๆ พลางหรี่ตามองด้วยความเจ้าเล่ห์“บ้า ก็ห่วงเพราะเราเอาเขามาดูแลไงคะ”“แล้วไป... เท่านี้ใช่ไหมครับ งั้นผมมีเรื่องจะบอกนายหญิงเหมือนกัน”“เรื่องอะไรคะ แสงเห็นท่าทางน้ำเสียงเครียดๆ ต
“ฉันไม่ได้หมายความว่าจะผลักใสคุณ ก็แค่อยากให้คุณหายและแข็งแรงเร็วๆ ก็เท่านั้น หรือคุณไม่อยากหาย”“ถึงตอนนี้ผมรู้สึกว่า ผม... ไม่ได้อยากหายสักเท่าไหร่ เป็นแบบนี้ก็ดีนะครับคุณจะได้ดูแลผมไปนานๆ” ฟังเขาพูดแปลกๆ เขากำลังคิดอะไรเกินเลยหรือเปล่า หรือเธอคิดมาก หรือเธอแปลความหมายของเขาผิด“ดูแลตอนแข็งแรง ดีกว่าดูแลตอนใกล้ตายแบบนี้นะคะ” เธอตอบกลับพร้อมกับยิ้มหวานทว่าแววตาเจ้าเล่ห์เล็กน้อย“หืม พูดแรงจัง แต่ผมก็ไม่ตายเพราะคุณช่วยนะ”“แปลว่าฉันมีบุญคุณกับคุณ” เธอถามเจ้าเล่ห์อีกครั้ง“ใช่ครับ” เขาเองก็ตอบหนักแน่นเชียว สงสัยจะไม่ทันแผนเธอ“งั้นหายเร็วๆ นะคะ จะพาไปดูไร่องุ่นเผื่อว่าอยากเป็นลูกจ้างฉัน ทำงานเก็บเงินจะได้มีเงินเดินทางกลับ”“หึๆ ผมคงต้องยอมรับข้อเสนอแล้วล่ะ แต่ว่ายังไม่กลับได้ไหม อย่าเพิ่งรีบไล่ผมนะครับ” คำพูดคำจาเนี่ยนะ เธอคิดและยิ้มด้วยความหมั่นไส้
“ไม่ต้องห่วงค่ะ มันนานมาแล้ว”“แล้วอย่างนี้ กลางคืนมันจะอันตรายหรือเปล่าครับ”“ก็อาจจะอันตรายถ้ามีใครคิดที่จะปล้นบ้าน แต่... คุณเห็นบ้าน ที่อยู่รอบๆ ไหมคะ” แสงฉายบอกพลางชี้นิ้วไปรอบๆ“ครับ ผมเห็น”“พวกเขาคือคนที่ดูแลฉันทั้งหมด หากต้องการความช่วยเหลือเขาจะรีบมาทันที”“วสินเหรอครับ” ดูเหมือนเจรัลด์จะแอบสรุปเองใจในว่า วสินกับแสงฉายอาจจะไม่ใช่เจ้านายลูกน้องกันธรรมดาเพียงแต่เธอปฏิเสธเท่านั้นเอง“วสินและลูกน้องค่ะ” แสงฉายเสริมขึ้น“เขาเป็นเหมือนบอร์ดี้การ์ด ถูกไหม”“จะว่าอย่างนั้นก็ได้ค่ะ หรือเรียกว่าผู้ช่วยคนสนิทก็ได้ อยู่ด้วยกันมานานตั้งแต่เล็กจนโต“เขาคงรักคุณมาก” อะไรทำให้เจรัลด์คิดแบบนี้ล่ะ“ค่ะ ก็คงรักมากพอที่จะยอมเสียสละชีวิตส่วนตัวเพื่อดูแลฉัน และไม่ยอมมีใครหรือแต่งงานสักที”
แต่ช่วงเวลาเดียวกัน ณ บ้านของพ่อเลี้ยง ตอนนี้ประมาณทุ่มกว่าเท่านั้น แต่ทั้งบ้านทานมื้อค่ำเรียบร้อย โดยไร้ซึ่งลูกสาวบุญธรรมคนเล็ก ฉะนั้นหลังทานเสร็จก็ต้องมานั่งถกกันว่าเกิดอะไรขึ้น และคิดว่ากำลังจะให้คนเข้าไปเรียกเกศรินทร์ ทว่าเธอก็ออกมาเสียก่อน“อ้าวยัยเกรซ นี่พ่อให้คนไปเรียกมาทานข้าวก็ไม่ยอมออกมา” อังกูรเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง“เกรซไม่หิวค่ะ ก็เลยรอให้พ่อกับแม่ทานเสร็จก่อนถึงออกมา” เกศรินทร์ตอบเสียงอ่อนเพลียเล็กน้อย“นึกว่าจะไม่ออกมาแล้วซะอีก” เกตุแก้วผู้เป็นมารดาถามขึ้น“ต้องออกมาสิคะ เกรซมีเรื่องจะบอกคุณพ่อโดยเฉพาะ” เกศรินทร์ตอบและและปรับน้ำเสียงให้ดีขึ้นพร้อมกับยิ้มเล็กน้อย“อีกแล้วเหรอ อย่าบอกนะว่าเรื่อง...” อังกูรถามอย่างรู้ทัน“เรื่องพี่แสงค่ะ” เกศรินทร์บอกสั้นๆ“เฮ้อ! เรื่องเดิมอีกแล้ว ไอ้ข่าวลือที่เราบอกพ่อน่ะเหรอ”“ตอนนี้ไม่ลือแล้วค่ะ น่าจะเป็นจริงด้วย เกรซว่า เรื่องนี้ไม่ดีนะคะถ้าคนงานจะเอามานินทา ไม่งามเลย”&
“เอาไว้ไปดูแลเวลาออกไปดูงานที่ฟาร์มน่ะค่ะ แล้วก็เวลาที่เกรซอยากจะไปเดินเล่นแถวสวนองุ่น ก็จะได้มีผู้ติดตามบ้าง นี่ผู้ติดตามมีแต่ผู้หญิง คุณพ่อไม่คิดว่าจะอันตรายบ้างเหรอคะ”“อันตรายจากอะไรล่ะลูก แล้วจะไปสวนองุ่นทำไมถ้าไม่จำเป็น”“ก็ ไม่รู้ล่ะค่ะเผื่อเดินเลยไป แล้วทีพี่แสงยังมีเลย”“นั่นพี่เค้าเป็นถึงนายหญิงซันชายน์วัลเลย์นะ ไม่มีน่ะสิแปลก”“แต่คนพวกนั้นก็เป็นคนของคุณพ่อไม่ใช่เหรอคะ”“ก็ใช่ พี่เป็นคนมีอิทธิพลคนหนึ่ง และเป็นผู้หญิงก็ต้องให้บอร์ดี้การ์ดดูแลอยู่แล้ว”“แล้วหนูล่ะคะ หนูก็เป็นลูกสาวคุณพ่อเหมือนกันนะคะ”“พ่อรู้ แต่หนูไม่ได้ไปไหนไกลนอกจากไปฟาร์ม ไปเที่ยวช้อปปิ้ง อยู่บ้านก็มีแค่เด็กรับใช้ดูแลก็พอแล้ว” ดูเหมือนอังกรูจะไม่ยอมให้“แต่ว่า...” เธอกำลังจะแทรกขึ้น“เอาล่ะ ถ้าไม่มีอะไรสำคัญแล้ว พ่อว่าจะไปอาบน้ำนอนพักผ่อนละ เมื่อยมาทั้งวัน” บิดาพูดตัดบท ก่อนจะลุกเดินจากไป ทิ้งเกศรินทร์คอตกเลยทีเ
แต่แล้วอยู่ๆ เขาก็ตัดสินใจลุกขึ้นนั่ง แล้วพยายามยันกายลุกขึ้น ทว่าด้วยความที่ลุกเร็วเกินไป ความบอบช้ำของร่างกายยังคงมีอยู่ จึงทำให้เขาเจ็บและร้องออกมา“โอ๊ะ! อื้อ! มายก็อต” เจรัลด์ร้องอุทานเสียงดังพอสมควร พลางขมวดคิ้วด้วยความเจ็บ ซีดปากและนั่งลงอีกครั้ง แสงฉายก็ลืมตาขึ้นมองด้วยความเป็นห่วง แล้วลุกขึ้นนั่งเช่นกัน“เจอร์รี่! เป็นอะไรไปคะ” แสงฉายถามด้วยความตกใจ ก่อนจะขยับแล้วลุกมาหาเขาในทันที ตามสัญชาติญาณด้วยความเป็นห่วง จากนั้นก็รีบเข้าไปประคองเขาด้วย“ลุกเร็วไปหน่อยครับ เลยเจ็บตรงที่มันช้ำในอยู่” เขาบอกแล้วขมวดคิ้วดังเดิม“แล้วจะลุกไปไหนคะ ทำไมไม่เรียกล่ะ” เธอบอกด้วยความเป็นห่วง“คือ เอ่อ ผมจะเข้าห้องน้ำน่ะ นึกว่าจะลุกเองได้ ไม่อยากเรียกคุณเกรงใจ”“ไม่ต้องเกรงใจนะคะ มาค่ะเดี๋ยวพาไป” ว่าแล้วเธอก็ประคองเขาให้ลุกช้าๆ ซึ่งเขาก็พยายามลุกตาม แล้วก็เดินเข้าห้องน้ำ จากนั้นเธอก็ยืนรออยู่หน้าประตูเพราะเข้าไปด้วยก็เกรงจะไม่งาม จึงรอจนกระทั่งเขาเข้าเสร็จ ได้ยินเสียงล้างมือล้างไม้
“นี่ คะ คะ คุณ... เอ่อ” เธอไม่รู้จะเอ่ยอะไรดี เพราะหวาดหวั่นครั่นคร้ามในหัวใจ เนื้อตัวร้อนผ่าวไปหมด ขณะที่เขาค่อยๆ ยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนจะชิดอยู่แล้ว“เจอร์รี่” เธอได้แต่กระซิบเรียกเขา แต่ชั่ววินาทีเขาก็ประคองใบหน้าเธอแล้วกดจูบที่ปากอิ่มอีกครั้ง คราวนี้เขาจูบแนบแน่นแต่ไม่ได้ล่วงเกินแต่อย่างใด จากนั้นเขาก็ถอนจูบออก ก่อนจะเอาจมูกถูไถกับจมูกของเธอด้วยความเอ็นดู แม้ใจและกายจะรู้สึกว่าไม่อยากจะปล่อยเธอ แต่ก็ต้องปล่อย“กู๊ดไนท์นะซันชายน์” ประโยคส่งเข้านอนฟังแล้วรู้สึกปลอดภัยขึ้นมาทีเดียว เธอคิดและยิ้มพลางกัดริมฝีปากตนเองเอาไว้ด้วยความขัดเขิน“เอ่อ กู๊ดไนท์เสร็จก็ปล่อยสิคะ” เธอบอกพลางยิ้มบางๆ ขณะที่เขายังคงกดข้อมือเธอเอาไว้กับที่นอนอยู่“ถ้าไม่ปล่อยล่ะ” เขากระซิบถามเจ้าเล่ห์ และยิ้มมุมปากเล็กน้อย“วสินจะเข้ามาชาร์ทคุณภายในสามนาทีค่ะ”“หึๆ ให้ตายสิ คุณเป็นยาขนานเอกของผมเลยนะ หืม” พูดจบเขาก็เอาปลายนิ้วเขี่ยจมูกของเธอด้วยความเอ็นดู ก่อนจะขยับตัวลงจากเธอแล้วเอนหลังนอนดัง
เกศรินทร์ค่อยๆ ย่อง และมองก่อนว่าวสินอยู่หรือไม่ เมื่อเห็นว่าทางโล่งไม่มีใครอยู่เธอก็รีบเดินไปที่บ้านของแสงฉายทันที พอเดินมาถึงหน้าบ้าน ก็เห็นในทันทีว่าแสงฉายอยู่กับใครเพราะบ้านเป็นกระจก มีระเบียงยืนออกมาเล็กน้อย ผ้าม่านเปิดโล่งสบาย และเห็นว่ากำลังนั่งทานข้าวกันอยู่อย่างมีความสุขเสียเหลือเกิน“อะแฮ่ม!” เกศรินทร์กระแอม ซึ่งคิดว่าแสงฉายไม่ได้ยินหรอก ทว่าคนที่นั่งหันหน้าออกมาทางหน้าบ้านคือเจรัลด์“มีคนมาหาคุณแหนะ คนรู้จักหรือเปล่าครับ” เจรัลด์บอก แสงฉายจึงหันไปมอง พอเห็นว่าเป็นน้องต่างแม่ต่างพ่อยืนอยู่ที่บันได เธอก็หันกลับมาทานต่อ“อ้าว ไม่ออกไปทักทายเหรอครับ” เจรัลด์ถามด้วยความสงสัย“เดี๋ยวก็เข้ามาเองนั่นแหละค่ะ คุณทานเถอะ” แสงฉายบอกปัดอย่างไม่แยแส แล้วก็เป็นจริงดังนั้น เพราะเกศรินทร์ยืนรอไม่ไหว จึงเดินขึ้นบ้านมาหา พร้อมกับเปิดประตูเข้ามาโดยไม่ได้เคาะ“พี่แสง” เกศรินทร์เรียกพี่สาวเสียงห้วน พร้อมกับช้อนสายตามองไปที่เบื้องหน้าแต่แล้วก็ต้องตะลึง อ้าปากค้างกับฝรั่งรูปหล่อตาสีฟ้า ผมสีบลอน
“ซี๊ด อ่า เยส อ่า” เขาหายใจหอบ พร้อมกับแนบกลางกายกับเนินเนื้อนุ่มเอาไว้โน้มตัวลงไปสวมกอดและจูบอย่างดูดดื่ม เนิ่นนานจนรู้สึกว่ามังกรตัวร้ายได้ปลดปล่อยพ่นพิษออกมาจนหมดแล้ว ร่างกายทั้งสองเบาหวิวสุขสม และเหนื่อยหอบอย่างประหลาด ทว่าเขายังคงจูบอ้อยอิ่งอยู่นานจนอิ่มเอม แล้วค่อยถอดแท่งร้อนออกช้าๆ ทว่าทั้งคู่ยังหอบอยู่ พูดออกมาไม่ได้ มีเพียงแววตาที่สื่อถึงกันเท่านั้น เขาจึงยิ้มบางๆ และแนบหน้าผากกับเธอเอาไว้“จะเบื่อไหมถ้าผมจะพูดว่า... ผมรักคุณ” เขากระซิบที่ปากอิ่มเบาๆ“ฉันไม่ได้ยินคำนี้มาเป็นเดือน จะเบื่อได้ยังไงคะ” เธอพูดด้วยน้ำเสียงเดียวกัน“ผมคิดถึงแทบขาดใจ ไม่เป็นอันทำงานเลย” พูดจบเขาก็ประคองใบหน้าเธอเอาไว้อย่างอ่อนโยน“ฉันก็รักและคิดถึงคุณมากค่ะ”“เสร็จแล้ว หายคิดถึงหรือยัง” เขาถามเสียงเจ้าเล่ห์เชียว“แล้วคุณล่ะคะ”“หึๆ ยังเลย กินได้อีก กินได้เรื่อยๆ ผมมีความสุขมากนะรู้ไหม
“อืม ค่ะ” เธอตอบสั้นๆ เขาก็ใช้มือข้างเดิมแหวกกลีบสาวออกจากกัน พร้อมกับใช้ปลายนิ้วกรีดกรายไปตามร่องเสียวที่เริ่มฉ่ำไปด้วยน้ำหวาน เขาบดเบียดฝ่ามือและปลายนิ้วกับร่องเสียวขึ้นลงจนไหมสีดำเปียกลู่“ซี๊ด อ่า เจอร์รี่ อืม เสียวค่ะที่รัก” เธอครางออกมาและพูดด้วยความที่ทนไม่ไหวอีกต่อไป เสียวซ่านทุกอณูรูขุมขน“เสียวตรงไหนจ้ะ เสียวเพราะปากผมหรือมือ”“อืม ทั้งสองเลยค่ะ อ่า มือคุณร้อนจังเลยค่ะ” เธอกระซิบบอกเสียงหวาน“ผมร้อนทั้งตัว อยากเข้าไปร้อนในตัวคุณด้วย แต่เดี๋ยวก่อน” เขาเองก็มีความต้องการไม่แพ้เธอ เพียงแต่เขาอยากจะดื่มด่ำกับความหวานและบำเรอเธอให้ถึงที่สุด“ซี๊ดดดด อ่า เข้ามาสิคะ” เธอเรียกร้องเสียงแหบพร่าแผ่วเบา พลางกระดกยกสะโพกขึ้นรับจังหวะที่ปลายนิ้วกรีดกรายร่องเสียวหนักหน่วง“อ่า อืม ที่รัก อ่า อย่าทรมานกันสิคะ อ๊ะ! ฉันเสียวจะแย่อยู่แล้ว” เธอครางเสียงหวานแผ่วเบา“ดีจ้ะผมอยากให้คุณรู
ทว่าช่วงเวลาเดียวกันนั้น แสงฉายยังคงเดินเล่นอยู่ในสวนหน้าบ้าน อย่างเพลิดเพลิน จากนั้นก็กวาดตามองออกไปยังไร่องุ่นที่กว้างสุดลูกหูลูกตา แม้ว่าเวลานี้พระอาทิตย์ตกดินไปแล้ว แต่ก็สามารถมองเห็นได้ชัดเจน เธอสูดอากาศเย็นสดชื่นเข้าปอดเพื่อความผ่อนคลาย หลับตาพริ้ม แต่แล้วอยู่ๆ ก็นึกถึงเจรัลด์ขึ้นมาอีกครั้งใช่เธอคิดถึงเขา และกลัวว่าเขาจะไม่กลับมาอีกแล้ว กลัวมันจะเป็นเพียงความวาบหวามที่เกิดขึ้นมาในขณะนั้นเท่านั้นเอง เขาคงจะไม่จริงจังหรอก อีกอย่างฝรั่งก็ไม่ได้แคร์เรื่องเซ็กส์อยู่แล้ว เธอคิด แต่เธอรักเขาไปแล้วจะห้ามใจไม่ให้คิดถึงอย่างไรได้“ฉันจะรอคุณนะเจอร์รี่ นานแค่ไหนก็จะรอ” มันเป็นการรอคอยโดยไร้ซึ่งความหวังเหลือเกิน เธอคิดแล้วก็ถอนหายใจจากนั้นจึงตัดสินใจเดินกลับเข้าบ้าน ซึ่งเวลานี้บนโต๊ะอาหารถูกจัดเตรียมเอาไว้แล้วด้วยฝีมือแม่บ้านพร้อมกับครอบฝาชีเอาไว้เป็นอย่างดี เธอเห็นแล้วจึงเดินผ่านเลยขึ้นไปยังห้องนอนเพื่อจะได้อาบน้ำชำระคราบเหงื่อไหลเสียก่อนแต่ในทุกๆ วันที่แสงฉายกลับขึ้นห้อง ก็ยังคงรู้สึกถึงความหวามไหว ความอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั่วทั้งห้อง มันมีร่องร
“ใช่ค่ะ เดี๋ยวเขาก็มา” เธอตอบเสียงเรียบขึ้น“รู้น่าว่าคิดถึง”“ก็ต้องคิดถึงสิคะ เป็นเรื่องธรรมดา”“ปกติผู้หญิงจะปากแข็ง แต่นี่ไม่”“จะปากแข็งไปทำไมคะ คิดถึงก็บอกคิดถึงสิ”“แล้วมีความคิดสักวูบไหมที่คิดว่าเขาจะไม่กลับมา”“มีค่ะ แอบคิดว่าคนแปลกหน้าที่เพิ่งเจอกันได้ไม่นาน จะรักษาสัญญาไปทำไม เราอาจจะเป็นทางผ่านก็เป็นได้ แต่คิดอีกที ช่วงเวลาที่ไม่นานมันก็ทำให้เราเห็นทุกอย่างที่เขาอยากให้เห็น เช่นตัวจริงของเขา แสงเชื่อว่าเขาจริงใจพอ แสงเชื่อและจะรอ เดี๋ยวเขาก็คงจะมาเยี่ยมเรา ตอนนี้แสงก็ทำงานเพลินๆ จะได้ไม่ต้องคิดถึงเขามากไง”“ก็ดีแล้วครับ นายหญิงของผมเข้มแข็งเสมอ”“อยากจะเข้มแข็งให้ได้ตลอดนะคะ แต่บางทีก็อาจจะไม่ไหว”“หึๆ ต้องไหวสิครับ เดี๋ยวเขาก็มา เชื่อสิ”“ค่ะ เชื่อก็เชื่อ” “ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอไปทำงานต่อก่อนนะครับ”“เอ่อ อย่าล
ช่วงเวลาเดียวกันนี้ จอร์นนี่ซึ่งถือว่าเป็นหัวหน้าบอร์ดี้การ์ด ก็กำลังให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ทั้งหมด ว่าเจรัลด์เป็นใครมาจากไหน และคนที่มาป้องร้ายคือใคร รวมถึงวสินก็ได้ให้ข้อมูลหลังจากที่เจรัลด์มาพักรักษาตัวกับแสงฉาย ทำให้ตำรวจได้รู้ความจริงทั้งหมดและเป็นประโยชน์ต่อการจับกุมมากทว่าไม่นานนัก แสงฉายกับเจรัลด์พร้อมด้วยผู้ติดตามก็มาสมทบที่โรงพัก ส่วนผู้ร้ายทั้งหมดอยู่ที่โรงพยาบาล มีการคุ้มกันอย่างแน่นหนา ส่วนผู้เสียชีวิตหนึ่งรายถูกเก็บร่างเอาไว้ในห้องดับจิต ขณะเดียวกันผู้ต้องหาที่ได้รับบาดเจ็บก็ยอมรับสารภาพทั้งหมด จึงได้รู้ว่าผู้สมรู้ร่วมคิดเป็นทั้งฝรั่งและคนไทยด้วยความที่แสงฉายกับอังกูรค่อนข้างมีชื่อเสียง มีอิทธิพลอยู่ไม่น้อย ทำให้ได้รับความช่วยเหลืออย่างทันท่วงที ตำรวจนายใหญ่ได้รายชื่อผู้อยู่เบื้องหลังแล้ว จึงรีบสั่งการเพื่อสกัดตัวผู้มีส่วนเกี่ยวกับการวางแผนฆ่าเจรัลด์ เรียกได้ว่าตามจับให้ได้ก่อนที่ผู้ต้องหาจะหลบหนีออกนอกประเทศต่อมาเรื่องราวทั้งหมดกลายเป็นข่าวใหญ่ จากที่ทุกคนไม่รู้ว่าเจรัลด์เป็นใครก็ได้รู้ว่าเขาใช่คนธรรมดา ส่วนคนร้ายซึ่งเป็นเพื่อนร่วมธ
“ค่ะ งั้นแยกย้าย ฝากบ้านด้วยนะคะ” แสงฉายบอกอีกครั้ง จากนั้นทุกคนจึงได้พากันกลับ และจัดเวรยามเพื่อเฝ้าบ้านขณะที่แสงฉายเป็นคนขับรถพาเจรัลด์และบอร์ดี้การ์ดไปโรงพัก เพื่อจะได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมโดยมีวสินกับจอร์นนี่คอยให้ปากคำอยู่ก่อนแล้วขณะเดียวกัน ที่บ้านของพ่อเลี้ยงอังกูร ทุกคนกลับมาถึงบ้านเรียบร้อย ต่างคนต่างนั่งหน้าชาและหน้าแตก เพราะความขี้อิจฉา ใส่ความพี่สาวของเกศรินทร์แท้ๆ ที่ที่ทำให้เกิดเรื่องแย่ๆ มาถึงตอนนี้เธอก็ได้แต่นั่งก้มหน้ารับกรรมเล็กๆ ไป เวลานี้ทุกคนมองเธอราวกับตัวประหลาด เพราะที่เรื่องมีอะไรกับวสินก็เพิ่งจะเกิดขึ้นหมาดๆ และยังแก้ไขไม่ได้ ไหนจะเรื่องใส่ไฟพี่สาวอีก“ฝรั่งขี้นก ต๊อกต๋อย ไม่มีหัวนอนปลายเท้า หึๆ นี่แหละน้า ตีค่า ตีราคาคนจากภายนอก คนที่เราไม่รู้จักเลย แต่กลับเอามาใส่สีตีไข่ได้เป็นเรื่องเป็นราว ไหนจะหาว่าเขาเป็นโจรหลบหนีอีก” อังกูรพูดลอยๆ ไม่ได้มองหน้าใคร แต่ทุกคนรู้ตัวดี“ก็ยัยเกรซนั่นแหละ หูเบา ไม่ดูตาม้าตาเรื
“แล้วพ่อได้ยินเสียงปืน ลูกไม่ได้เจ็บอะไรตรงไหนใช่ไหม” อังกูรถามด้วยความเป็นห่วง“ไม่ค่ะ” เธอตอบสั้นๆ ห้วนๆ“ก็ดีแล้ว เอ่อ คุณตำรวจ ผมไม่รู้ว่าคนพวกนี้เป็นใครนะ แต่จับไปก่อนนะ”“ฉันจะส่งตัวแทน ให้วสินกับคนของเจอร์รี่ไปก่อน” แสงฉายบอกและหันไปมาพูดกับวสิน“งั้นจอร์นไปกับวสิน ให้ปากคำทั้งหมดที่เป็นประโยชน์ และบีบเอาความจริงออกมาให้ได้ว่าใครอยู่เบื้องหลังบ้าง สาวไปให้หมด” เจรัลด์หันไปสั่งลูกน้องเช่นกัน“ได้ครับเจ้านาย” จอร์นนี่รับคำ“ถ้างั้น พวกเราเรียกเจ้าหน้าที่เจ้ามาเก็บศพให้เรียบร้อย อะไรที่เป็นหลักฐานเอาไปให้หมดนะ แล้วก็ตามผมไปโรงพักด้วย” นายตำรวจหนุ่มสั่งการพร้อมกับโทรเรียกมูลนิธิมาเก็บศพจากนั้นก็นำตัวผู้ร้ายที่ได้รับบาดเจ็บไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล อีกทั้งให้วสินและจอร์นนี่ตามไปให้ข้อมูลที่แท้จริง ส่วนที่เหลือก็อยู่กับแสงฉาย เพื่อจะได้เคลียร์กับทางบิดา ที่แจ้งความโดยไม่รู้เร
“เอาล่ะ ระหว่างรอตำรวจ พวกนั้นบอกได้ไหมว่าคนที่เหลือเป็นยังไงบ้าง แล้วหาฉันเจอได้ยังไง” เจรัลด์หันมาถามลูกน้องของตัวเอง“ตั้งแต่วันนั้น เราไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับเจ้านาย ได้ยินแต่เสียงปืน แต่พอ เควินเห็นหน้าเรา มันก็บอกว่ามันฆ่านายแล้ว พวกเราตกใจมากครับและกำลังจะถูกเก็บไปด้วย ก็เลยชิงหลบหนีก่อนอย่างน้อยเอาตัวเองให้รอด เพื่อจะได้มาเก็บศพเจ้านายกลับบ้านทีหลัง” จอร์นนี่เริ่มเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง“แล้วอะไรทำให้พวกนายคิดว่าฉันรอดและออกตามหาฉันล่ะ”“พอพวกเราหนีไปได้ ก็เลยไปวางแผนกันว่าจะเอายังไง ลงความเห็นว่าจะตามหาร่างของเจ้านาย จะอยู่หรือตายเราต้องได้เห็นแล้วจะพากลับบ้าน การเริ่มต้นหาคือนายตกจากน้ำตก ฉะนั้นน้ำตกมันไหล่ผ่านตรงนี้ นี่คือสุดปลายทางแล้ว เราเลยลองหาเรื่อยๆ ครับแต่ไม่เจอ คาดว่าร่างของเจ้านายต้องมาเกยอยู่แถวนี้ แต่ก็ไม่เห็น” คำบอกเล่าของจอร์นนี่ทำให้เจรัลด์ถอนหายใจด้วยความเครียด หากแสงฉายไม่มาเจอเขาอาจจะตายไปแล้วก็ได้เพราะตัวอยู่ในน้ำนี่นะ“แล้วตาม
“เสียใจด้วยเจสัน ค่าหัวคุณแพงจนผมใจอ่อนให้คุณไม่ได้” ชายคนเดิมบอกพร้อมกับเอาปืนจ่อมาที่เจรัลด์แต่ไม่ใกล้นัก ขณะที่ลูกน้องภายในบ้านพยายามคิดหาแผนการที่จะยิงทั้งสี่คนโดยที่เจ้านายไม่เป็นอะไร และคิดว่าทำอย่างไรให้ปืนเข้าไปอยู่ในมือของเจรัลด์อีกครั้ง“เฮ้! พวกเรา” เสียงตะโกนของวสินดังขึ้นจากที่ซ่อน เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ ทำให้ชายคนดังกล่าวหันไปมองโดยอัตโนมัติ และวินาทีเดียวกันนั้นจอร์นนี่ก็โยนปืนในมือส่งให้เจ้านายทันที ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากไม่ถึงห้าวินาทีปัง! ปัง! ปัง! เจรัลด์ยิงรัวสามนัดจนชายเบื้องหน้าก็กระตุกเฮือก ยืนนิ่ง แล้วร่วงทรุดลงไปกับพื้น พร้อมกับปืนในมือก็ร่วง อีกคนที่เห็นจึงกราดยิ่งทันที เจรัลด์ก็กลิ้งหลบ แต่... คราวนี้วสินกับลูกน้องก็จ่อยิ่งไปที่คนกลุ่มนั้น ลูกน้องของเจรัลดก์วิ่งออกมาบังกระสุนให้เจ้านายเอาไว้ พร้อมกันสาดกระสุนใส่กันอย่างเมามันปัง! ปัง! ปัง! เสียงปืนสะเทือนเลือนลั่นท่ามกลางความมืด ทุกคนกรูกันเข้ามาปกป้องเจรัลด์เอาไว้ แต่จอร์นนี่เป็นคนให้สัญญาณมือว่าพอก่อน จากนั