Share

บทที่ 4

Penulis: มณีมายา/แอล/รมตี
last update Terakhir Diperbarui: 2024-10-29 19:42:56

จวบจนกระทั่ง เวลาผ่านไปหลายชั่วโมง แสงฉายหลับบนโซฟาด้วยความอ่อนเพลียจากการทำงาน เธอหลับยาวจนถึงวันรุ่งขึ้นเลยทีเดียว ขณะที่คนตัวโตหลับหมดสติตลอดทั้งคืนก็เริ่มจะขยับตัว พร้อมกับเปลือกตาอันหนักอึ้งที่เบิกขึ้นทีละนิด ก่อนจะกระพริบถี่ๆ เพื่อไล่แสงจ้าภายในห้อง หลังจากที่ไม่ได้ลืมตาเสียนาน 

ดวงตาคมกริบสีฟ้าน้ำทะเลค่อยๆ มองบนเพดานห้อง ซึ่งคล้ายรีสอร์ต เพดานเหมือนใช้ไม้เส้นเล็กๆ สานจนเป็นแผ่นขนาดใหญ่แล้วนำขึ้นไปติดเอาไว้ มีผ้าสีขาวบางพลิ้วพาดไปมาเพื่อประดับตกแต่ง ภายในห้องโปล่งสบาย ประตูหน้าต่างเปิดโล่ง มีเพียงผ้าม่านสีขาวแบบบางและแบบหนา สองชั้นปิดบังเอาไว้ปลิวไสวโต้ลมที่พัดผ่านเข้ามาจนถึงที่นอน ชายหนุ่มลุกไม่ไหวได้แต่เกลือกกลิ้งดวงตาไปมา เขาเหมือนอยู่ในความฝัน ทุกอย่างดูนวลตาอบอุ่นไปหมด 

“อืม” ชายหนุ่มครางในลำคอ และเมื่อเริ่มขยับตัวก็ปวดระบมไปทั้งหมด พอลุกไม่ได้จึงพยายามมองว่าภายในห้องมีใครหรือไม่ และพบว่าที่โซฟากว้างมีหญิงสาว นอนหลับใหลอยู่ ชายหนุ่มเพ็งพินิจว่าเธอเป็นใคร แล้วเขามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรหรือว่า เขาตายแล้วหรือเปล่า

เขาคิด และพยายามขยับตัว แต่จังหวะเดียวกันนั้นแสงฉายก็ขยับตัวตื่นอัตโนมัติเพราะเป็นเวลาตื่นพอดี และตามสัญชาติญาณเธอก็ผงกศีรษะขึ้นดูคนบนที่นอน แต่แล้วก็ต้องดีใจเมื่อเห็นว่าเขารู้สึกตัวลืมตาแล้ว เธอจึงลุกไปหาทันที จังหวะเดียวกันนั้น เขาก็ต้องนอนตกตะลึกพรึงเพริด อีกทั้งยังคงเมาขี้ตา อ่อนเพลีย

ไร้เรี่ยวแรง ในห้องยังนวลไปด้วยผ้าม่านสีขาว แล้วเธอที่เดินมาก็เหมือนกับนางฟ้าสวยมาก สวยเหลือเกินจนเขาอึ้ง ได้แต่บอกตัวเองว่าตายแล้ว เขาตายแล้วแน่ๆ ถึงได้เห็นนางฟ้า ในชุดเสื้อยืดสีขาวกางเกงขาก๊วยสีฟ้า ผมสีน้ำตาลเข้มปล่อยสลายปลิวไปตามแรงลม ให้ตายสิ

“สวัสดีค่ะ คุณเอ่อ รู้สึกตัวแล้วเป็นยังไงบ้างคะ จำอะไรได้ไหม” แสงฉายถามด้วยภาษาอังกฤษชัดเจน ฉะฉาน เขาก็ได้แต่อึ้งชั่วครู่ พยักหน้าเล็กน้อยเพราะยังอึ้งอยู่ และมองเธอไม่วางตาเลยทีเดียว 

“ท่าทางคงจะบอบช้ำอยู่มาก เอาเป็นว่า เราค่อยคุยกันเรื่องอื่นก็แล้วกันนะคะ” แสงฉายไม่อยากเซ้าซี้คนอ่อนแอนัก ฉะนั้นก็ต้องรอเวลา

“ขอบคุณครับ” เขาเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่กระซิบแผ่วเบา ผ่านริมฝีปาก แทบจะไม่ได้ยิน จนเธอต้องเอียงหูฟังและอ่านปากของเขา

“ขอบคุณครับ” เขาบอกอีกครั้งซึ่งเธอก็ยิ้มอย่างเป็นมิตร

“ไม่เป็นไรค่ะ” เธอบอกและยิ้มอีกครั้ง

“คุณเป็นใคร แล้วผมตายหรือยัง เอ่อ ผม... อยู่ที่ไหน บนสวรรค์เหรอ” ขนาดไม่มีแรงแต่ก็ยังอยากจะถามเยอะแยะ เธอคิด

“คุณยังไม่ตาย ไม่ได้อยู่บนสวรรค์ แต่คุณอยู่บ้านฉัน ไม่ต้องห่วงนะคุณปลอดภัยแล้ว” เธอบอก เขาจึงพยักหน้าอีกครั้ง

“ตอนนี้คุณต้องพักรักษาตัวให้หายดีก่อน ฉันเพิ่งให้หมอมาตรวจร่างกายเมื่อเช้า มียาทานและยาเอาไว้ทา คุณต้องทำตามอย่างเคร่งครัด จะได้หายเร็วๆ”

“คุณดีกับผมมาก” เขาเอ่ยเสียงเบาเช่นเดิม

“ก็ถ้าฉันได้ช่วยแล้วก็ต้องช่วยให้ถึงที่สุด แต่ฉันไม่รู้หรอกนะว่าคุณเป็นใคร

มากจากไหน แล้วเกิดอะไรขึ้น ได้แต่หวังว่าเมื่อถึงเวลาคุณจะเล่าให้ฉันฟังบ้าง

ในฐานะเพื่อนมนุษย์ด้วยกันนะคะ”

“แน่นอนครับ แต่ผมไม่รู้จะขอบคุณคุณยังไงดีที่ช่วยชีวิตผมเอาไว้” 

“ไม่ต้องขอบคุณหรอกค่ะ มันเป็นจิตสำนึกขั้นพื้นฐาน เมื่อเราเห็นใครสักคนได้รับความเดือดร้อน หรือกำลังจะตายไปต่อหน้า เราก็ต้องช่วย”

“คุณช่วยโดยที่ไม่รู้ว่าผมเป็นใครด้วยซ้ำ” 

“ก็หวังว่าคุณคงจะไม่ใช่โจร เมื่อหายดีแล้วจะไม่แว้งมาปล้นฆ่าฉันหรอกนะคะ” เธอบอกตรงๆ เพราะหวั่นใจอยู่ไม่น้อย

“หึๆ ผมเหมือนโจรเหรอ” เขาหัวเราะทั้งที่ไม่มีเรี่ยวแรง

“บางที โจรก็มาใสคราบผู้ชายหน้าตาดี” นี่เธอกำลังชมเขาสินะว่าหน้าตาดี

“ผมไม่หักหลังผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตผมได้ลงคอหรอก โดยเฉพาะกับคุณ” 

“คุณยังไม่รู้จักฉันเลย และฉันก็ยังไม่รู้จักคุณ” 

“ผม... เอ่อ” เขากำลังจะบอกชื่อ ทว่ายั้งปากเอาไว้ทัน จากนั้นก็คิดชื่อใหม่แบบปัจจุบันทันด่วน เพราะไม่อยากจะบอกอะไรตอนนี้ ต้องระวังตัวเองกลัวคนพวกนั้นจะตามหาเจอ อย่างน้อยการไม่มีชื่อเจสันอยู่ที่นี่เลยมันก็จะดีกว่า

“คุณจำอะไรได้ไหมคะ” เธอถามย้ำอีกครั้งเมื่อเห็นเขาครุ่นคิด ขมวดคิ้ว

“เอ่อ ผม... เจรัลด์ แบล็ค เรียกว่าเจอร์รี่ก็ได้ครับ” เขาบอก พอเธอฟังดังนั้นจึงยิ้มหวาน เพราะรู้สึกว่าชื่อของเขาเท่ไม่หยอก 

“เจอร์รี่เหรอคะ ฉันแสงฉายค่ะ เรียกแสงเฉยๆ ก็ได้ แต่อาจจะเรียกยากสักหน่อย” เธอรู้ว่าเวลาฝรั่งเรียกชื่อเธอมันจะออกซานชายประมาณนั้น 

“แสงฉาย... แสงฉาย sunshine ได้ไหม มันออกเสียงได้แบบนี้ ชื่อคุณเรียกยากจัง” 

“ใช่ค่ะ เอาตามสะดวกก็แล้วกันค่ะ เอาล่ะ ฉันชวนคุยมากเกินไปแล้ว” 

“ไม่เป็นไรครับ ผมโอเค ผมอยากลุกนั่ง คุณพยุงได้ไหม” เมื่อเขาพูดจบ เธอก็เข้าไปพยุงเขาให้นั่ง โดยให้พิงหมอนสองใบแทน

“ไม่อยากพักหรือไม่อยากได้อาหารเหรอคะ” 

“คุณดีกับผมจังเลย” เขาบอกด้วยน้ำเสียงอ่อนเพลียอีกครั้ง

“ฉันอาจจะไม่ใช่คนดีก็ได้ แต่แค่มีน้ำใจ อืม คุณทานอะไรได้คะ อาหารไทยนะ อาหารฝรั่งฉันไม่ถนัดหรอก” 

“โจ๊กอุ่นๆ ก็ได้ครับ แต่ว่า อย่าเพิ่งให้ผมอยู่คนเดียวได้ไหม ไม่ต้องทำอะไรมากก็ได้” 

“ฉันจะลงไปสั่งแม่บ้าน อีกอย่างจะทานยาก็ต้องทานอาหารก่อน เดี๋ยวเข้ามาค่ะ” 

“ก็ได้ครับ ขอบคุณครับ” เขาเอ่ยและยิ้มอย่างอ่อนเพลีย แต่จังหวะเดียวกันนั้นประตูก็ถูกเคาะพอดี

ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! แค่เคาะพอเป็นมารยาท ก่อนจะถูกเปิดเข้ามา

“นายครับ” วสินเข้ามาพร้อมกับเรียกแสงฉายสั้น ๆ เท่านั้น แต่แล้วก็เห็นชายแปลกหน้าฟื้นและลุกนั่งมองมาที่วสิน

“ฟื้นแล้วเหรอ ดีจัง” วสินเอ่ยขึ้น

 

Bab terkait

  • สามีปลายแถว   บทที่ 5

    “พี่ศินเข้ามาเปิดหน้าต่างให้แสงเหรอคะ” แสงฉายอดถามไม่ได้เพราะห้องเปิดโล่ง“ใช่ครับ รับอากาศเย็นๆ ยามเช้า ให้ความรู้สึกดี ผ่อนคลาย ว่าแต่เขาฟื้นนานแล้วเหรอครับ” วศินถามพลางชี้มือมาที่เจรัลด์นิดหน่อยเพื่อไม่ให้เสียมารยาทนัก“เพิ่งฟื้นได้สักครู่น่ะค่ะ” เธอตอบกลับ ขณะเดียวกันเจรัลด์ก็อยู่ในอารมณ์เจื่อนๆ แปลกๆ เพราะชายหนุ่มที่เดินเข้ามานั้น เขาคิดว่าน่าจะเป็นคนรักของแสงฉายแน่ๆ รูปร่างสูงใหญ่หล่อเหลาคมเข้มแบบชายไทยแท้“ผมไปบอกแม่บ้านให้ทำอาหารเอาไว้แล้วนะครับ ไม่ต้องห่วง เผื่อจะหิว แล้วก็เผื่อคนฟื้น แต่ก็ไม่คิดว่าจะฟื้นเร็วขนาดนี้”“ถือว่าไม่เร็วหรอกค่ะ เพราะเขาไม่ฟื้นตลอดทั้งคืนเลย นึกว่าจะตายแล้วซะอีก” “ก็ดีแล้วครับที่เขาฟื้น ต่อไปก็จะได้ถามที่มาที่ไป แล้วก็จะได้ส่งตัวกลับประเทศซะเลย” “มันง่ายอย่างนั้นก็ดีน่ะสิคะ” “ตามสบายนะครับ ผมแค่แวะเข้ามาบอกว่าเตรียมอาหารเอาไว้ให้ แล้วเดี๋ยวจะออกไปดูงานแทนก่อน”“ขอบคุณค่ะ” พอเธอรับคำวสินก็ออกไปทันที มาถึงตอนนี้แหละที่เจรัลด์จะถามด้วยความสงสัย“เอ่อ ขอโทษครับ คุณช่วยผมแล้วให้เข้ามาอยู่ในบ้านแบบนี้ แฟนคุณไม่ว่าอะไรเหรอครับ” เป็นคำถามแบบยัดเยียดเพื่

  • สามีปลายแถว   บทที่ 6

    “ขอเวลาผมหน่อยนะครับ ผมจำไม่ได้จริงๆ คิดอะไรเยอะแล้วปวดหัวเหลือเกิน”“จำไม่ได้ก็ไม่เป็นไรค่ะ” แสงฉายบอกอย่างเข้าใจ“ผมขอโทษนะครับ ที่จำเรื่องราวไม่ได้เลย”“งั้นอยู่ที่นี่พักรักษาตัวให้หายดี แล้วค่อยว่ากันเรื่องส่งคุณกลับบ้านนะคะ”“คุณช่างแสนดีกับผมเหลือเกิน แสงฉาย”“ก็หวังว่า ถ้าคุณจำอะไรได้แล้ว คงจะไม่ใช่คนเลวร้าย แล้ววกกลับมาทำร้ายเจ้านายผมหรอกนะ” วสินแทรกขึ้นเสียงเข้ม“ผมไม่ทำร้ายคนที่มีบุญคุณกับผมหรอก”“ฉันไม่กลัวคุณหรอกค่ะ” แสงฉายบอกยิ้ม ๆ น้ำเสียงของเธอไม่กลัวเขาจริงๆ ด้วยแฮะ“เอางี้ ถ้าไม่รังเกียจคุณก็อยู่ที่นี่จนกว่าจะหายเป็นปกติ ฉันกับคนของฉันจะดูแลคุณเอง”“ถ้าไม่รังเกียจเหรอครับ ผมน่าจะเป็นฝ่ายพูดคำนี้กับคุณมากกว่านะครับ เพราะผมเป็นคนแปลกหน้าแท้ๆ”“นั่นสินะ เอาเป็นว่าคุณอยู่ที่นี่ได้ตามสบาย จนกว่าจะหายก็แล้วกันค่ะ”“ขอบคุณอีกครั้ง

  • สามีปลายแถว   บทที่ 7

    ช่วงเวลาที่เจรัลด์ หรือชื่อจริงคือเจสัน คิงส์ พักฟื้นร่างกาย เพราะเพิ่งผ่านความเป็นความตายมาได้หมาดๆ นั้น คนที่ลงมือไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเจสันรอดเพราะคิดว่ายิงโดน แต่เพราะความที่กลัวว่าศพจะโผล่ให้ใครเห็นแล้วสาวมาถึงตัวได้ ทุกคนจึงได้ออกตามล่าหาร่างของเจสัน ไล่ตั้งแต่ต้นน้ำที่เจสันตกลงมา และคิดว่าน่าจะไหลมาตามลำธารสายเล็ก ซึ่งเป็นที่ดินของชาวบ้านชายวัยฉกรรจ์คนไทยสองคนและฝรั่งอีกสองคน แยกกันออกตามหา แล้วแสร้งทำตัวกลมกลืนไปกับชาวบ้าน ทำทีเป็นนักท่องเที่ยวเดินชมเกษตรเชิงท่องเที่ยวของไร่องุ่น ถ่ายรูปชมวิว โดยที่ดินตรงนี้คือไร่องุ่นขนาดใหญ่หลายร้อยไร่ บริเวณที่ดินแห่งนี้มีแม่น้ำตัดผ่าน แล้วดูเหมือนจะเป็นสายตรงจากน้ำตก แต่ทางเดียวที่จะแน่ใจคือต้องถามชาวบ้าน ว่าเป็นแม่ลำธารสายเดียวกันหรือไม่“ขอโทษครับลุง ลำธารใสๆ สวยๆ แบบนี้ไหลมาจากไหนครับเนี่ย”“ไหลมาจากน้ำตกข้างบนโน่นเลยพ่อหนุ่ม” ชายคนหนึ่งซึ่งเป็นชาวสวนตอบพลางชี้นิ้วไปทางด้านหลัง ซึ่งเป็นต้นลำธาร และคิดว่าแอ่งน้ำคงอยู่ไม่ไกล“แสดงว่าตรงนั้นมีแอ่งน้ำใช่ไหมครับ”“ใ

  • สามีปลายแถว   บทที่ 8

    แสงฉาย เจ้าของไร่องุ่น ซันชายวัลเลย์ เขาใหญ่ ผลิตสินค้าแปรรูปจากองุ่นนานาชนิด รวมไปถึงไวน์ อีกทั้งมีร้านอาหารเปิดเอาไว้ต้อนรับนักท่องเที่ยวที่แวะเวียนมาพักผ่อน หรือพักรถระหว่างเดินทาง มีรีสอร์ตเล็กๆ ให้ค้างคืนไม่ได้ใหญ่โตมาก แต่เรื่องของงานไร่องุ่นนั้นก็ถือว่าเป็นธุรกิจที่ใหญ่พอสมควรย้อนหลังกลับไปก่อนที่เธอจะเกิด มารดาเป็นคนดูแล่ไร่องุ่นแห่งนี้เป็นสาวสวยที่ฮอตสุดๆ ของที่นี่ ส่วนบิดาของเธอนั้นมีที่ดินอยู่ติดกันและทำฟาร์มโคนม ต่างคนต่างมีธุรกิจของตัวเอง แต่ฝ่ายมารดาถือว่ามีฐานะที่ร่ำรวยกว่า ทว่าท่านทั้งสองก็มาพบรักและแต่งงานกัน แผ่นดินทั้งสองจึงเป็นสินสมรสเมื่อแสงฉายเกิดจึงกลายเป็นทายาทเพียงคนเดียวของที่นี่ จวบจนกระทั่งเธออายุได้ 11 ขวบ มารดาเสียชีวิตเพราะเป็นโรคภูมิแพ้ตัวเอง แสงฉายเสียใจ เสียหลัก เหลือเพียงพ่อที่ต้องทำหน้าที่ดูแลและบริหารงาน แต่เท่านั้นยังไม่พอ ไร่องุ่นแห่งนี้มารดาได้เขียนพินัยกรรมเอาไว้ ยกให้แสงฉายเป็นนายหญิงดูแลที่นี่แต่เพียงผู้เดียวแต่ที่เจ็บปวดไปมากกว่านั้น คือมารดาของเธอเสียชีวิตไปเพียงปีเดียว บิดาก็มีภรรยาใหม่เป็นแม่ม่ายลูกติดถึงสอ

  • สามีปลายแถว   บทที่ 9

    “เป็นประโยชน์แน่ แล้วคนงานพวกนั้นว่าอย่างไรอีก” หญิงสาวถามด้วยน้ำเสียงเหยียดหยัน เหมือนกำลังจะเป็นต่อแน่ๆ บิดารู้เข้าคงไม่พอใจ“บอกว่านายหญิงน่ะ พาผู้ชายคนนั้นขึ้นไปนอนบนห้องของตัวเองเลยนะคะ มีวสินคอยดูแลด้วย แถมยังบอกให้ปิดเรื่องนี้เป็นความลับ สงสัยจะกลัวพ่อเลี้ยงรู้แน่ๆ เลยค่ะ”“ไม่ต้องกลัวหรอก เพราะฉันจะไปบอกคุณพ่อแน่ อยากรู้นักว่าถ้าคุณพ่อรู้เข้าว่าลูกสาวคนเก่ง ที่คุณพ่อภูมิใจนักหนาพาผู้ชายเข้าบ้านจะเป็นอย่างไร อยากเห็นหน้านัก”“แล้วคุณหนูจะเอายังไงดีคะ”“ฉันจะไปหาคุณพ่อเดี๋ยวนี้เลย เพราะตอนนี้คุณพ่ออยู่ในห้องทำงาน”ว่าแล้วเกศรินทร์ก็รีบแจ้นไปหาทันทีพร้อมกับคนใช้ที่แสนรู้นักหนาเกศรินทร์เป็นลูกติดภรรยาใหม่ของบิดา เป็นบุตรสาวคนเล็กในบรรดาลูกสองคน แต่เป็นลูกเลี้ยงที่บิดารักเช่นกัน เพราะได้เลี้ยงดูตั้งแต่ห้าขวบ ฉะนั้น เกศรินทร์จึงรู้สึกว่ามีสิทธิ์ในทุกสิ่งบนที่ดินผืนนี้ อยากเอาชนะทุกอย่างทั้งที่ทำได้ยาก อีกทั้งอิจฉาริษยา ไม่ชอบหน้าพี่สาวคนนี้เลยแม้แต่นิดเดียว ทำอะไรก็แพ

  • สามีปลายแถว   บทที่ 10

    ส่วนฝั่งบ้านพ่อเลี้ยงอังกรูมีแต่หญ้าสำหรับเลี้ยงวัวนมและให้วัวมาเดินเล็ม บ้านทั้งสองหลังสามารถเดินหากันได้ โดยผ่านบ้านของคนงาน ประมาณห้าถึงหกหลังก็ถึงที่ไร่องุ่น มองไกลๆ เห็นบ้านคนสนิทของแสงฉาย ปลูกล้อมรอบบ้านของแสงฉายเอาไว้ห่างๆ ลดหลั่นไปตามความสนิท และคนที่สนิทที่สุดคือ วสิน ก่อนจะถึงบ้านแสงฉายต้องผ่านบ้านวสินเสียก่อนและเวลานี้ก็ห้าโมงแล้ว โพล้เพล้เหมาะแก่การถ้ำมอง เกศรินทร์จึงได้จอดรถแอบเอาไว้ แล้วเดินเท้าเข้าไปอย่างช้าๆ เพราะกลัวว่าจะมีคนเห็นเข้า สายตาก็สาดส่องว่ามีใครจะเห็นหรือเปล่า แต่แล้วก็ต้องชะงักฝีเท้า เมื่อกำลังจะเดินถึงบ้านของวสิน เธอแทบอึ้ง และหยุดกึกด้วยความตื่นตระหนก เพราะเกิดมาไม่เคยเห็นผู้ชายยื่นแก้ผ้าอาบน้ำมาก่อน ให้ตายสิ โดยเฉพาะกับวสินคนสนิทของพี่สาวเธอสถานที่อาบน้ำของเขาคือ out door ถูกดีไซส์โดยมีฝักบัวขนาดใหญ่ ตรงที่ยืนเป็นอ่างไม้คล้ายกับถังหมักเบียร์ ความสูงประมาณเอวของเขาพอดี จะนั่งแช่ก็ได้หรือจะยืนอาบก็ดี เพื่อปกปิดสายตาใครที่เดินผ่านมาจะไม่เห็นสิ่งที่ไม่พึงประสงค์ เกศรินทร์อึ้งอ้าปากค้างไปเลย เพราะทำอะไรไม่ถูก มือไม้สั่นเย็นเฉียบ ห

  • สามีปลายแถว   บทที่ 11

    “อ้าว มาแอบดูเขาอาบน้ำแท้ๆ แล้วที่บ้านไม่สอนเหรอครับ ว่าไม่ให้แอบดูผู้ชายอาบน้ำน่ะ”“ไอ้บ้าสิน! ไอ้!”“จุ๊ ๆ ๆ ไม่งามเลยครับ ฟังไม่ลื่นหูเลยนะ จำพี่สาวเอาไว้เป็นตัวอย่างบ้างสิครับ ไม่มีหยาบคายหลุดออกมาให้ได้ยิน พี่สินอย่างนั้นพี่สินอย่างนี้ แต่อย่างว่าหงส์ยังไงก็ยังเป็นหงส์ ต่างกับกา เอามาชุบตัวยืดคอให้ยาวเท่าหงส์ ก็ยังเป็นกาอยู่วันยังค่ำ” เขาว่าน้ำเสียงเยาะหยันสีหน้าอีเดียดเหลือเกิน“กรี๊ด! ไอ้ขี้ข้า! สันดานต่ำ”“สันดานต่ำเหรอ” เขาย้ำคำพลางกัดฟันแน่น ก่อนจะกระชากแขนเธอแล้วลากเข้าบ้านอย่างรวดเร็ว“ว๊าย! อ้าย! ปล่อย! ไอ้สิน ปล่อยฉันนะ” เธอว่าพลางสะบัดสะบิ้งเพื่อให้หลุดจากการเกาะกุมของเขา“แอบยืนดูอยู่ตั้งนาน อยากเห็นไม่ใช่เหรอว่าไอ้ที่มันอยู่ต่ำๆ น่ะหน้าตาเป็นยังไง” ให้ตายสิ เขาเห็นที่เธอแอบดูอย่างนั้นหรือ“ไอ้บ้า! ปล่อยฉัน ไม่งั้นฉันจะตะโกนให้คนช่วย”“นี่ถิ่นผม และคุณหนูหาเรื่องเอง เอ๊ะหรือว่าจริงๆ แล้วหิว ถึงได้เสาะแสว

  • สามีปลายแถว   บทที่ 12

    “หึๆ เสียวไหมคุณหนู” เขาหัวเราะในลำคอเหมือนกำลังสะใจ ขณะที่เธอบิดเร้าไปมา แอ่นสะโพกเด้งรับจังหวะสอดแหย่ทะลวงเข้าออกของนิ้วแกร่ง เสียวซ่านครั้งแล้วครั้งเล่าจนแทบจะกดกลั้นเสียงครางเอาไว้ไม่อยู่“อื้อ! ไอ้... สิน นาย... สิน อ่า ซี๊ด อ่า” เธอเรียกเขาและครางออกมาอย่างไร้สติ เสียวซ่านอย่างที่ไม่เคยมาก่อน“อ่า น้ำคุณหนูไหลออกมาเยอะเหลือเกิน ถ้าพูดหวานๆ กับไอ้สินสักคำ จะลงไปดูดเลียให้สาสม” เขากระซิบเสียงพร่าพร้อมกับนิ้วแกร่งสอดแทรกเข้าออกรูสวาท เสียวสะท้านจนเธอต้องแอ่นสะโพกยกรับ เคลื่อนไหวเร่าร้อน เสียงหายใจหอบกระชั้นทรมาน และเกลียดเขา“ไม่... อูย อ่า อื้อ!” เธอเอ่ยเสียงพร่าแผ่วเบาและครางต่ำ“อย่าปากแข็งน่าคุณหนู อ่า ตอดตุบๆ เลย” พูดไปพลางเขาก็ละเลงนิ้วเข้าออกไปพลาง“อย่า อ๊า! ซี๊ด เสียว... โอ๊ย นายสิน เสียว” ในที่สุดเธอก็กดกลั้นความปรารถนาเอาไว้ไม่อยู่ ความเสียวซ่านอยู่เหนือสติทั้งหมดทั้งมวลเธอจนปล่อยออกมาโดยไร้ซึ่งความกระดากอาย“อ่า ดี ร่านดี” ยิ่งฟังเสียงครางของเธอเขาก็

Bab terbaru

  • สามีปลายแถว   บทที่ 63 (จบ)

    “ซี๊ด อ่า เยส อ่า” เขาหายใจหอบ พร้อมกับแนบกลางกายกับเนินเนื้อนุ่มเอาไว้โน้มตัวลงไปสวมกอดและจูบอย่างดูดดื่ม เนิ่นนานจนรู้สึกว่ามังกรตัวร้ายได้ปลดปล่อยพ่นพิษออกมาจนหมดแล้ว ร่างกายทั้งสองเบาหวิวสุขสม และเหนื่อยหอบอย่างประหลาด ทว่าเขายังคงจูบอ้อยอิ่งอยู่นานจนอิ่มเอม แล้วค่อยถอดแท่งร้อนออกช้าๆ ทว่าทั้งคู่ยังหอบอยู่ พูดออกมาไม่ได้ มีเพียงแววตาที่สื่อถึงกันเท่านั้น เขาจึงยิ้มบางๆ และแนบหน้าผากกับเธอเอาไว้“จะเบื่อไหมถ้าผมจะพูดว่า... ผมรักคุณ” เขากระซิบที่ปากอิ่มเบาๆ“ฉันไม่ได้ยินคำนี้มาเป็นเดือน จะเบื่อได้ยังไงคะ” เธอพูดด้วยน้ำเสียงเดียวกัน“ผมคิดถึงแทบขาดใจ ไม่เป็นอันทำงานเลย” พูดจบเขาก็ประคองใบหน้าเธอเอาไว้อย่างอ่อนโยน“ฉันก็รักและคิดถึงคุณมากค่ะ”“เสร็จแล้ว หายคิดถึงหรือยัง” เขาถามเสียงเจ้าเล่ห์เชียว“แล้วคุณล่ะคะ”“หึๆ ยังเลย กินได้อีก กินได้เรื่อยๆ ผมมีความสุขมากนะรู้ไหม

  • สามีปลายแถว   บทที่ 62

    “อืม ค่ะ” เธอตอบสั้นๆ เขาก็ใช้มือข้างเดิมแหวกกลีบสาวออกจากกัน พร้อมกับใช้ปลายนิ้วกรีดกรายไปตามร่องเสียวที่เริ่มฉ่ำไปด้วยน้ำหวาน เขาบดเบียดฝ่ามือและปลายนิ้วกับร่องเสียวขึ้นลงจนไหมสีดำเปียกลู่“ซี๊ด อ่า เจอร์รี่ อืม เสียวค่ะที่รัก” เธอครางออกมาและพูดด้วยความที่ทนไม่ไหวอีกต่อไป เสียวซ่านทุกอณูรูขุมขน“เสียวตรงไหนจ้ะ เสียวเพราะปากผมหรือมือ”“อืม ทั้งสองเลยค่ะ อ่า มือคุณร้อนจังเลยค่ะ” เธอกระซิบบอกเสียงหวาน“ผมร้อนทั้งตัว อยากเข้าไปร้อนในตัวคุณด้วย แต่เดี๋ยวก่อน” เขาเองก็มีความต้องการไม่แพ้เธอ เพียงแต่เขาอยากจะดื่มด่ำกับความหวานและบำเรอเธอให้ถึงที่สุด“ซี๊ดดดด อ่า เข้ามาสิคะ” เธอเรียกร้องเสียงแหบพร่าแผ่วเบา พลางกระดกยกสะโพกขึ้นรับจังหวะที่ปลายนิ้วกรีดกรายร่องเสียวหนักหน่วง“อ่า อืม ที่รัก อ่า อย่าทรมานกันสิคะ อ๊ะ! ฉันเสียวจะแย่อยู่แล้ว” เธอครางเสียงหวานแผ่วเบา“ดีจ้ะผมอยากให้คุณรู

  • สามีปลายแถว   บทที่ 61

    ทว่าช่วงเวลาเดียวกันนั้น แสงฉายยังคงเดินเล่นอยู่ในสวนหน้าบ้าน อย่างเพลิดเพลิน จากนั้นก็กวาดตามองออกไปยังไร่องุ่นที่กว้างสุดลูกหูลูกตา แม้ว่าเวลานี้พระอาทิตย์ตกดินไปแล้ว แต่ก็สามารถมองเห็นได้ชัดเจน เธอสูดอากาศเย็นสดชื่นเข้าปอดเพื่อความผ่อนคลาย หลับตาพริ้ม แต่แล้วอยู่ๆ ก็นึกถึงเจรัลด์ขึ้นมาอีกครั้งใช่เธอคิดถึงเขา และกลัวว่าเขาจะไม่กลับมาอีกแล้ว กลัวมันจะเป็นเพียงความวาบหวามที่เกิดขึ้นมาในขณะนั้นเท่านั้นเอง เขาคงจะไม่จริงจังหรอก อีกอย่างฝรั่งก็ไม่ได้แคร์เรื่องเซ็กส์อยู่แล้ว เธอคิด แต่เธอรักเขาไปแล้วจะห้ามใจไม่ให้คิดถึงอย่างไรได้“ฉันจะรอคุณนะเจอร์รี่ นานแค่ไหนก็จะรอ” มันเป็นการรอคอยโดยไร้ซึ่งความหวังเหลือเกิน เธอคิดแล้วก็ถอนหายใจจากนั้นจึงตัดสินใจเดินกลับเข้าบ้าน ซึ่งเวลานี้บนโต๊ะอาหารถูกจัดเตรียมเอาไว้แล้วด้วยฝีมือแม่บ้านพร้อมกับครอบฝาชีเอาไว้เป็นอย่างดี เธอเห็นแล้วจึงเดินผ่านเลยขึ้นไปยังห้องนอนเพื่อจะได้อาบน้ำชำระคราบเหงื่อไหลเสียก่อนแต่ในทุกๆ วันที่แสงฉายกลับขึ้นห้อง ก็ยังคงรู้สึกถึงความหวามไหว ความอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั่วทั้งห้อง มันมีร่องร

  • สามีปลายแถว   บทที่ 60

    “ใช่ค่ะ เดี๋ยวเขาก็มา” เธอตอบเสียงเรียบขึ้น“รู้น่าว่าคิดถึง”“ก็ต้องคิดถึงสิคะ เป็นเรื่องธรรมดา”“ปกติผู้หญิงจะปากแข็ง แต่นี่ไม่”“จะปากแข็งไปทำไมคะ คิดถึงก็บอกคิดถึงสิ”“แล้วมีความคิดสักวูบไหมที่คิดว่าเขาจะไม่กลับมา”“มีค่ะ แอบคิดว่าคนแปลกหน้าที่เพิ่งเจอกันได้ไม่นาน จะรักษาสัญญาไปทำไม เราอาจจะเป็นทางผ่านก็เป็นได้ แต่คิดอีกที ช่วงเวลาที่ไม่นานมันก็ทำให้เราเห็นทุกอย่างที่เขาอยากให้เห็น เช่นตัวจริงของเขา แสงเชื่อว่าเขาจริงใจพอ แสงเชื่อและจะรอ เดี๋ยวเขาก็คงจะมาเยี่ยมเรา ตอนนี้แสงก็ทำงานเพลินๆ จะได้ไม่ต้องคิดถึงเขามากไง”“ก็ดีแล้วครับ นายหญิงของผมเข้มแข็งเสมอ”“อยากจะเข้มแข็งให้ได้ตลอดนะคะ แต่บางทีก็อาจจะไม่ไหว”“หึๆ ต้องไหวสิครับ เดี๋ยวเขาก็มา เชื่อสิ”“ค่ะ เชื่อก็เชื่อ” “ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอไปทำงานต่อก่อนนะครับ”“เอ่อ อย่าล

  • สามีปลายแถว   บทที่ 59

    ช่วงเวลาเดียวกันนี้ จอร์นนี่ซึ่งถือว่าเป็นหัวหน้าบอร์ดี้การ์ด ก็กำลังให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ทั้งหมด ว่าเจรัลด์เป็นใครมาจากไหน และคนที่มาป้องร้ายคือใคร รวมถึงวสินก็ได้ให้ข้อมูลหลังจากที่เจรัลด์มาพักรักษาตัวกับแสงฉาย ทำให้ตำรวจได้รู้ความจริงทั้งหมดและเป็นประโยชน์ต่อการจับกุมมากทว่าไม่นานนัก แสงฉายกับเจรัลด์พร้อมด้วยผู้ติดตามก็มาสมทบที่โรงพัก ส่วนผู้ร้ายทั้งหมดอยู่ที่โรงพยาบาล มีการคุ้มกันอย่างแน่นหนา ส่วนผู้เสียชีวิตหนึ่งรายถูกเก็บร่างเอาไว้ในห้องดับจิต ขณะเดียวกันผู้ต้องหาที่ได้รับบาดเจ็บก็ยอมรับสารภาพทั้งหมด จึงได้รู้ว่าผู้สมรู้ร่วมคิดเป็นทั้งฝรั่งและคนไทยด้วยความที่แสงฉายกับอังกูรค่อนข้างมีชื่อเสียง มีอิทธิพลอยู่ไม่น้อย ทำให้ได้รับความช่วยเหลืออย่างทันท่วงที ตำรวจนายใหญ่ได้รายชื่อผู้อยู่เบื้องหลังแล้ว จึงรีบสั่งการเพื่อสกัดตัวผู้มีส่วนเกี่ยวกับการวางแผนฆ่าเจรัลด์ เรียกได้ว่าตามจับให้ได้ก่อนที่ผู้ต้องหาจะหลบหนีออกนอกประเทศต่อมาเรื่องราวทั้งหมดกลายเป็นข่าวใหญ่ จากที่ทุกคนไม่รู้ว่าเจรัลด์เป็นใครก็ได้รู้ว่าเขาใช่คนธรรมดา ส่วนคนร้ายซึ่งเป็นเพื่อนร่วมธ

  • สามีปลายแถว   บทที่ 58

    “ค่ะ งั้นแยกย้าย ฝากบ้านด้วยนะคะ” แสงฉายบอกอีกครั้ง จากนั้นทุกคนจึงได้พากันกลับ และจัดเวรยามเพื่อเฝ้าบ้านขณะที่แสงฉายเป็นคนขับรถพาเจรัลด์และบอร์ดี้การ์ดไปโรงพัก เพื่อจะได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมโดยมีวสินกับจอร์นนี่คอยให้ปากคำอยู่ก่อนแล้วขณะเดียวกัน ที่บ้านของพ่อเลี้ยงอังกูร ทุกคนกลับมาถึงบ้านเรียบร้อย ต่างคนต่างนั่งหน้าชาและหน้าแตก เพราะความขี้อิจฉา ใส่ความพี่สาวของเกศรินทร์แท้ๆ ที่ที่ทำให้เกิดเรื่องแย่ๆ มาถึงตอนนี้เธอก็ได้แต่นั่งก้มหน้ารับกรรมเล็กๆ ไป เวลานี้ทุกคนมองเธอราวกับตัวประหลาด เพราะที่เรื่องมีอะไรกับวสินก็เพิ่งจะเกิดขึ้นหมาดๆ และยังแก้ไขไม่ได้ ไหนจะเรื่องใส่ไฟพี่สาวอีก“ฝรั่งขี้นก ต๊อกต๋อย ไม่มีหัวนอนปลายเท้า หึๆ นี่แหละน้า ตีค่า ตีราคาคนจากภายนอก คนที่เราไม่รู้จักเลย แต่กลับเอามาใส่สีตีไข่ได้เป็นเรื่องเป็นราว ไหนจะหาว่าเขาเป็นโจรหลบหนีอีก” อังกูรพูดลอยๆ ไม่ได้มองหน้าใคร แต่ทุกคนรู้ตัวดี“ก็ยัยเกรซนั่นแหละ หูเบา ไม่ดูตาม้าตาเรื

  • สามีปลายแถว   บทที่ 57

    “แล้วพ่อได้ยินเสียงปืน ลูกไม่ได้เจ็บอะไรตรงไหนใช่ไหม” อังกูรถามด้วยความเป็นห่วง“ไม่ค่ะ” เธอตอบสั้นๆ ห้วนๆ“ก็ดีแล้ว เอ่อ คุณตำรวจ ผมไม่รู้ว่าคนพวกนี้เป็นใครนะ แต่จับไปก่อนนะ”“ฉันจะส่งตัวแทน ให้วสินกับคนของเจอร์รี่ไปก่อน” แสงฉายบอกและหันไปมาพูดกับวสิน“งั้นจอร์นไปกับวสิน ให้ปากคำทั้งหมดที่เป็นประโยชน์ และบีบเอาความจริงออกมาให้ได้ว่าใครอยู่เบื้องหลังบ้าง สาวไปให้หมด” เจรัลด์หันไปสั่งลูกน้องเช่นกัน“ได้ครับเจ้านาย” จอร์นนี่รับคำ“ถ้างั้น พวกเราเรียกเจ้าหน้าที่เจ้ามาเก็บศพให้เรียบร้อย อะไรที่เป็นหลักฐานเอาไปให้หมดนะ แล้วก็ตามผมไปโรงพักด้วย” นายตำรวจหนุ่มสั่งการพร้อมกับโทรเรียกมูลนิธิมาเก็บศพจากนั้นก็นำตัวผู้ร้ายที่ได้รับบาดเจ็บไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล อีกทั้งให้วสินและจอร์นนี่ตามไปให้ข้อมูลที่แท้จริง ส่วนที่เหลือก็อยู่กับแสงฉาย เพื่อจะได้เคลียร์กับทางบิดา ที่แจ้งความโดยไม่รู้เร

  • สามีปลายแถว   บทที่ 56

    “เอาล่ะ ระหว่างรอตำรวจ พวกนั้นบอกได้ไหมว่าคนที่เหลือเป็นยังไงบ้าง แล้วหาฉันเจอได้ยังไง” เจรัลด์หันมาถามลูกน้องของตัวเอง“ตั้งแต่วันนั้น เราไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับเจ้านาย ได้ยินแต่เสียงปืน แต่พอ เควินเห็นหน้าเรา มันก็บอกว่ามันฆ่านายแล้ว พวกเราตกใจมากครับและกำลังจะถูกเก็บไปด้วย ก็เลยชิงหลบหนีก่อนอย่างน้อยเอาตัวเองให้รอด เพื่อจะได้มาเก็บศพเจ้านายกลับบ้านทีหลัง” จอร์นนี่เริ่มเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง“แล้วอะไรทำให้พวกนายคิดว่าฉันรอดและออกตามหาฉันล่ะ”“พอพวกเราหนีไปได้ ก็เลยไปวางแผนกันว่าจะเอายังไง ลงความเห็นว่าจะตามหาร่างของเจ้านาย จะอยู่หรือตายเราต้องได้เห็นแล้วจะพากลับบ้าน การเริ่มต้นหาคือนายตกจากน้ำตก ฉะนั้นน้ำตกมันไหล่ผ่านตรงนี้ นี่คือสุดปลายทางแล้ว เราเลยลองหาเรื่อยๆ ครับแต่ไม่เจอ คาดว่าร่างของเจ้านายต้องมาเกยอยู่แถวนี้ แต่ก็ไม่เห็น” คำบอกเล่าของจอร์นนี่ทำให้เจรัลด์ถอนหายใจด้วยความเครียด หากแสงฉายไม่มาเจอเขาอาจจะตายไปแล้วก็ได้เพราะตัวอยู่ในน้ำนี่นะ“แล้วตาม

  • สามีปลายแถว   บทที่ 55

    “เสียใจด้วยเจสัน ค่าหัวคุณแพงจนผมใจอ่อนให้คุณไม่ได้” ชายคนเดิมบอกพร้อมกับเอาปืนจ่อมาที่เจรัลด์แต่ไม่ใกล้นัก ขณะที่ลูกน้องภายในบ้านพยายามคิดหาแผนการที่จะยิงทั้งสี่คนโดยที่เจ้านายไม่เป็นอะไร และคิดว่าทำอย่างไรให้ปืนเข้าไปอยู่ในมือของเจรัลด์อีกครั้ง“เฮ้! พวกเรา” เสียงตะโกนของวสินดังขึ้นจากที่ซ่อน เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ ทำให้ชายคนดังกล่าวหันไปมองโดยอัตโนมัติ และวินาทีเดียวกันนั้นจอร์นนี่ก็โยนปืนในมือส่งให้เจ้านายทันที ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากไม่ถึงห้าวินาทีปัง! ปัง! ปัง! เจรัลด์ยิงรัวสามนัดจนชายเบื้องหน้าก็กระตุกเฮือก ยืนนิ่ง แล้วร่วงทรุดลงไปกับพื้น พร้อมกับปืนในมือก็ร่วง อีกคนที่เห็นจึงกราดยิ่งทันที เจรัลด์ก็กลิ้งหลบ แต่... คราวนี้วสินกับลูกน้องก็จ่อยิ่งไปที่คนกลุ่มนั้น ลูกน้องของเจรัลดก์วิ่งออกมาบังกระสุนให้เจ้านายเอาไว้ พร้อมกันสาดกระสุนใส่กันอย่างเมามันปัง! ปัง! ปัง! เสียงปืนสะเทือนเลือนลั่นท่ามกลางความมืด ทุกคนกรูกันเข้ามาปกป้องเจรัลด์เอาไว้ แต่จอร์นนี่เป็นคนให้สัญญาณมือว่าพอก่อน จากนั

DMCA.com Protection Status