Share

บทที่ 4

จวบจนกระทั่ง เวลาผ่านไปหลายชั่วโมง แสงฉายหลับบนโซฟาด้วยความอ่อนเพลียจากการทำงาน เธอหลับยาวจนถึงวันรุ่งขึ้นเลยทีเดียว ขณะที่คนตัวโตหลับหมดสติตลอดทั้งคืนก็เริ่มจะขยับตัว พร้อมกับเปลือกตาอันหนักอึ้งที่เบิกขึ้นทีละนิด ก่อนจะกระพริบถี่ๆ เพื่อไล่แสงจ้าภายในห้อง หลังจากที่ไม่ได้ลืมตาเสียนาน 

ดวงตาคมกริบสีฟ้าน้ำทะเลค่อยๆ มองบนเพดานห้อง ซึ่งคล้ายรีสอร์ต เพดานเหมือนใช้ไม้เส้นเล็กๆ สานจนเป็นแผ่นขนาดใหญ่แล้วนำขึ้นไปติดเอาไว้ มีผ้าสีขาวบางพลิ้วพาดไปมาเพื่อประดับตกแต่ง ภายในห้องโปล่งสบาย ประตูหน้าต่างเปิดโล่ง มีเพียงผ้าม่านสีขาวแบบบางและแบบหนา สองชั้นปิดบังเอาไว้ปลิวไสวโต้ลมที่พัดผ่านเข้ามาจนถึงที่นอน ชายหนุ่มลุกไม่ไหวได้แต่เกลือกกลิ้งดวงตาไปมา เขาเหมือนอยู่ในความฝัน ทุกอย่างดูนวลตาอบอุ่นไปหมด 

“อืม” ชายหนุ่มครางในลำคอ และเมื่อเริ่มขยับตัวก็ปวดระบมไปทั้งหมด พอลุกไม่ได้จึงพยายามมองว่าภายในห้องมีใครหรือไม่ และพบว่าที่โซฟากว้างมีหญิงสาว นอนหลับใหลอยู่ ชายหนุ่มเพ็งพินิจว่าเธอเป็นใคร แล้วเขามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรหรือว่า เขาตายแล้วหรือเปล่า

เขาคิด และพยายามขยับตัว แต่จังหวะเดียวกันนั้นแสงฉายก็ขยับตัวตื่นอัตโนมัติเพราะเป็นเวลาตื่นพอดี และตามสัญชาติญาณเธอก็ผงกศีรษะขึ้นดูคนบนที่นอน แต่แล้วก็ต้องดีใจเมื่อเห็นว่าเขารู้สึกตัวลืมตาแล้ว เธอจึงลุกไปหาทันที จังหวะเดียวกันนั้น เขาก็ต้องนอนตกตะลึกพรึงเพริด อีกทั้งยังคงเมาขี้ตา อ่อนเพลีย

ไร้เรี่ยวแรง ในห้องยังนวลไปด้วยผ้าม่านสีขาว แล้วเธอที่เดินมาก็เหมือนกับนางฟ้าสวยมาก สวยเหลือเกินจนเขาอึ้ง ได้แต่บอกตัวเองว่าตายแล้ว เขาตายแล้วแน่ๆ ถึงได้เห็นนางฟ้า ในชุดเสื้อยืดสีขาวกางเกงขาก๊วยสีฟ้า ผมสีน้ำตาลเข้มปล่อยสลายปลิวไปตามแรงลม ให้ตายสิ

“สวัสดีค่ะ คุณเอ่อ รู้สึกตัวแล้วเป็นยังไงบ้างคะ จำอะไรได้ไหม” แสงฉายถามด้วยภาษาอังกฤษชัดเจน ฉะฉาน เขาก็ได้แต่อึ้งชั่วครู่ พยักหน้าเล็กน้อยเพราะยังอึ้งอยู่ และมองเธอไม่วางตาเลยทีเดียว 

“ท่าทางคงจะบอบช้ำอยู่มาก เอาเป็นว่า เราค่อยคุยกันเรื่องอื่นก็แล้วกันนะคะ” แสงฉายไม่อยากเซ้าซี้คนอ่อนแอนัก ฉะนั้นก็ต้องรอเวลา

“ขอบคุณครับ” เขาเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่กระซิบแผ่วเบา ผ่านริมฝีปาก แทบจะไม่ได้ยิน จนเธอต้องเอียงหูฟังและอ่านปากของเขา

“ขอบคุณครับ” เขาบอกอีกครั้งซึ่งเธอก็ยิ้มอย่างเป็นมิตร

“ไม่เป็นไรค่ะ” เธอบอกและยิ้มอีกครั้ง

“คุณเป็นใคร แล้วผมตายหรือยัง เอ่อ ผม... อยู่ที่ไหน บนสวรรค์เหรอ” ขนาดไม่มีแรงแต่ก็ยังอยากจะถามเยอะแยะ เธอคิด

“คุณยังไม่ตาย ไม่ได้อยู่บนสวรรค์ แต่คุณอยู่บ้านฉัน ไม่ต้องห่วงนะคุณปลอดภัยแล้ว” เธอบอก เขาจึงพยักหน้าอีกครั้ง

“ตอนนี้คุณต้องพักรักษาตัวให้หายดีก่อน ฉันเพิ่งให้หมอมาตรวจร่างกายเมื่อเช้า มียาทานและยาเอาไว้ทา คุณต้องทำตามอย่างเคร่งครัด จะได้หายเร็วๆ”

“คุณดีกับผมมาก” เขาเอ่ยเสียงเบาเช่นเดิม

“ก็ถ้าฉันได้ช่วยแล้วก็ต้องช่วยให้ถึงที่สุด แต่ฉันไม่รู้หรอกนะว่าคุณเป็นใคร

มากจากไหน แล้วเกิดอะไรขึ้น ได้แต่หวังว่าเมื่อถึงเวลาคุณจะเล่าให้ฉันฟังบ้าง

ในฐานะเพื่อนมนุษย์ด้วยกันนะคะ”

“แน่นอนครับ แต่ผมไม่รู้จะขอบคุณคุณยังไงดีที่ช่วยชีวิตผมเอาไว้” 

“ไม่ต้องขอบคุณหรอกค่ะ มันเป็นจิตสำนึกขั้นพื้นฐาน เมื่อเราเห็นใครสักคนได้รับความเดือดร้อน หรือกำลังจะตายไปต่อหน้า เราก็ต้องช่วย”

“คุณช่วยโดยที่ไม่รู้ว่าผมเป็นใครด้วยซ้ำ” 

“ก็หวังว่าคุณคงจะไม่ใช่โจร เมื่อหายดีแล้วจะไม่แว้งมาปล้นฆ่าฉันหรอกนะคะ” เธอบอกตรงๆ เพราะหวั่นใจอยู่ไม่น้อย

“หึๆ ผมเหมือนโจรเหรอ” เขาหัวเราะทั้งที่ไม่มีเรี่ยวแรง

“บางที โจรก็มาใสคราบผู้ชายหน้าตาดี” นี่เธอกำลังชมเขาสินะว่าหน้าตาดี

“ผมไม่หักหลังผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตผมได้ลงคอหรอก โดยเฉพาะกับคุณ” 

“คุณยังไม่รู้จักฉันเลย และฉันก็ยังไม่รู้จักคุณ” 

“ผม... เอ่อ” เขากำลังจะบอกชื่อ ทว่ายั้งปากเอาไว้ทัน จากนั้นก็คิดชื่อใหม่แบบปัจจุบันทันด่วน เพราะไม่อยากจะบอกอะไรตอนนี้ ต้องระวังตัวเองกลัวคนพวกนั้นจะตามหาเจอ อย่างน้อยการไม่มีชื่อเจสันอยู่ที่นี่เลยมันก็จะดีกว่า

“คุณจำอะไรได้ไหมคะ” เธอถามย้ำอีกครั้งเมื่อเห็นเขาครุ่นคิด ขมวดคิ้ว

“เอ่อ ผม... เจรัลด์ แบล็ค เรียกว่าเจอร์รี่ก็ได้ครับ” เขาบอก พอเธอฟังดังนั้นจึงยิ้มหวาน เพราะรู้สึกว่าชื่อของเขาเท่ไม่หยอก 

“เจอร์รี่เหรอคะ ฉันแสงฉายค่ะ เรียกแสงเฉยๆ ก็ได้ แต่อาจจะเรียกยากสักหน่อย” เธอรู้ว่าเวลาฝรั่งเรียกชื่อเธอมันจะออกซานชายประมาณนั้น 

“แสงฉาย... แสงฉาย sunshine ได้ไหม มันออกเสียงได้แบบนี้ ชื่อคุณเรียกยากจัง” 

“ใช่ค่ะ เอาตามสะดวกก็แล้วกันค่ะ เอาล่ะ ฉันชวนคุยมากเกินไปแล้ว” 

“ไม่เป็นไรครับ ผมโอเค ผมอยากลุกนั่ง คุณพยุงได้ไหม” เมื่อเขาพูดจบ เธอก็เข้าไปพยุงเขาให้นั่ง โดยให้พิงหมอนสองใบแทน

“ไม่อยากพักหรือไม่อยากได้อาหารเหรอคะ” 

“คุณดีกับผมจังเลย” เขาบอกด้วยน้ำเสียงอ่อนเพลียอีกครั้ง

“ฉันอาจจะไม่ใช่คนดีก็ได้ แต่แค่มีน้ำใจ อืม คุณทานอะไรได้คะ อาหารไทยนะ อาหารฝรั่งฉันไม่ถนัดหรอก” 

“โจ๊กอุ่นๆ ก็ได้ครับ แต่ว่า อย่าเพิ่งให้ผมอยู่คนเดียวได้ไหม ไม่ต้องทำอะไรมากก็ได้” 

“ฉันจะลงไปสั่งแม่บ้าน อีกอย่างจะทานยาก็ต้องทานอาหารก่อน เดี๋ยวเข้ามาค่ะ” 

“ก็ได้ครับ ขอบคุณครับ” เขาเอ่ยและยิ้มอย่างอ่อนเพลีย แต่จังหวะเดียวกันนั้นประตูก็ถูกเคาะพอดี

ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! แค่เคาะพอเป็นมารยาท ก่อนจะถูกเปิดเข้ามา

“นายครับ” วสินเข้ามาพร้อมกับเรียกแสงฉายสั้น ๆ เท่านั้น แต่แล้วก็เห็นชายแปลกหน้าฟื้นและลุกนั่งมองมาที่วสิน

“ฟื้นแล้วเหรอ ดีจัง” วสินเอ่ยขึ้น

 

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status