“ มีใครอยู่หรือไม่ ” เสียงผู้ชายตะโกนอยู่หน้าประตูจวนหลังเล็กๆของบ้านลู่ ที่มีอาชีพค้าขายไข่ไก่และผักสดที่ปลูกเองในที่ดินผืนเล็กของพวกเขา ครอบครัวนี้มีบุตรสาวคนโตคือลู่อี้ชิง และมีบุตรชายคนกลางและคนเล็กอีกสองคนซึ่งอายุแค่เพียงสิบปีและแปดปีตามลำดับ ทำให้ภาระหน้าที่แบ่งเบางานบ้านและออกไปช่วยมารดาค้าขายที่ตลาดสดในยามอิ๋น (ตีสามกว่า )ถึงยามเฉิน (แปดโมงเช้านิดๆ ) เป็นของอี้ชิง
ครอบครัวนี้เลี้ยงไก่เอาไว้ขายจำนวนไม่มากนัก มีไก่เพียงห้าเล้าและพื้นที่ดินนอกเหนือจากนั้นก็ปลูกผักกาดขาวและพืชผักต่างๆสลับกันไป เอาไว้ขายที่ตลาดและมักจะมีเพื่อนบ้านมาขอซื้อของที่ด้วย ที่จริงแล้วหากใช้จ่ายอย่างประหยัดและขยันขันแข็งก็พอประทังชีวิตกันไปได้ไม่เดือดร้อนมากนัก แต่ด้วยพ่อบ้านคือลู่อี้ถังนั้นเป็นชายที่ไม่เอาถ่านเลยแม้เพียงสักน้อย เขาเป็นคนจับจดตอนแต่งงานใหม่เขาก็ช่วยงานอยู่บ้าง แต่นานๆเขาก็เบื่อหน่ายออกไปเล่นการพนันโถ่โปและบ่อนเล็กบ่อนน้อยในเมือง บางวันก็ได้เงินมาและซื้อกับข้าวและของใช้เข้าบ้าน แต่บางวันก็หมดตัวมารีดไถภรรยาที่บ้านเช่นกัน เรื่องเช่่นนี้อี้ชิงบุตรสาวคนโตเห็นจนชินตา
ขณะนั้นสองแม่ลูกเพิ่งกลับมาจากตลาดได้เพียงไม่นานกำลังจะนั่งลงกินอาหารเช้า บิดาก็ไม่รู้ไปอยู่ที่ไหนไม่กลับบ้านได้หลายวันแล้ว น้องสาวและน้องชายก็ไปโรงเรียนเล็กๆในหมู่บ้านแล้ว ทั้งสองกินอาหารเช้าง่ายๆในครัวเช่นไข่ต้มหรือผัดผักราดข้าวแล้วออกไปโรงเรียน เพราะน้องชายรู้ความสามารถหุงข้าวและทำกับข้าวง่ายๆให้ตนเองกับน้องสาวกินเอง ลู่อี้ชิงลุกขึ้นจากโต๊ะกลางห้องโถงเล็กๆหน้าบ้าน
“ ไม่เป็นไรท่านแม่ ข้าจะออกไปดูเองว่าใครกันมาร้องเรียก ” อี้ชิงเดินออกจากเรือนออกไปที่หน้าประตูจวน นางเปิดประตูออกไปก็พบชายวัยกลางคนผู้หนึ่งและชายร่างผอมบางอีกคนหนึี่งยืนอยู่ตรงหน้า “ เจ้าคือบุตรสาวของลู่อี้ถังใช่หรือไม่ ชายคนนั้นจ้องมองอี้ชิงด้วยสายตาแปลกๆ ” อี้ชิงชะงักไป แต่ก็ตัดสินใจตอบเขาไป
“ ใช่เจ้าค่ะ ” เพราะเขาเอ่ยถึงบิดาย่อมต้องมีเรื่องอะไรสักอย่างแน่นอน “ บิดาของเจ้าลู่อี้ถังอยู่หรือไม่ ข้ามีเรื่องจะมาคุยกับเขา สำคัญมาก หากเขาหลบหน้าไม่ยอมมาเจรจาข้าคงจะต้องยึดบ้านกับที่ดินของพวกเจ้าเพื่อชดใช้หนี้ที่เขาก่อไว้ “ อี้ชิงตะลึงงัน ท่านพ่อก่อเรื่องอีกแล้วหรือนี่ ไม่คิดเลยว่าเขาจะแอบเอาโฉนดบ้านและที่ดินไปจำนอง ช่างไม่ถึงคิดลูกเมียว่าจะอยู่กันเช่นไร ” ถ้าเช่นนั้นท่านก็เข้ามาคุยกันในบ้านก่อนเถิด แม่ข้าเพิ่งกลับมาจากตลาด แต่ท่านพ่อไม่กลับมาบ้านหลายวันแล้ว ไม่รู้ว่าไปอยู่ที่ใด "
“ ข้าคือพ่อบ้านหม่า ฮูหยินผู้เฒ่าส่งข้ามาเจรจากับพวกเจ้า และมีข้อเสนอดีๆมาให้กับพวกเจ้าด้วย หากพวกเจ้าไม่มีเงินมาชดใช้หนี้ที่บิดาของเจ้าไปขอกู้กับฮูหยินผู้เฒ่าโดยมีโฉนดบ้านกับที่ดินไปค้ำประกันเงินกู้หนึ่งร้อยตำลึง ฮูหยินผู้เฒ่าก็จะสู่ขอบุตรสาวของบ้านลู่ให้แต่งงานกับคุณชายใหญ่ของเรา เจ้าจะขัดข้องหรือไม่ หากแต่งงานเข้าตระกูลหม่าเป็นสะใภ้ใหญ่แล้ว เป็นอันว่าหนี้สินที่บิดาของเจ้ากู้ไปจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงฮูหยินใหญ่จะยกให้ทั้งหมดและแถมเงินให้อีกห้าสิบตำลึงเพื่อให้เป็นทุนค้าขาย ฮูหยินลู่จะว่าอย่างไร ”
พ่อบ้านหม่าหันไปขอคำตอบจากฮูหยินลู่ที่นั่งอ้าปากค้างตกตะลึงกับเรื่องที่เขาบอกเล่าทั้งหมด นางอึ้งงันเพราะไม่รู้จะตกใจกับเรื่องไหนก่อนดี เรื่องที่สามีไปกู้เงินตั้งหนึ่งร้อยตำลึงโดยเอาโฉนดบ้านและที่ดินทำกินผืนสุดท้ายของพวกนางไปค้ำประกัน หรือว่าข้อเสนอให้อี้ชิงบุตรสาวคนโตที่ถึงวัยแต่งงานได้แล้ว ให้แต่งงานกับคุณชายใหญ่ตระกูลหม่า ที่จริงแล้วคุณชายผู้นั้นก็หล่อเหลาสูงสง่ามีราศรีของคุณชายตระกูลคหบดีใหญ่เป็นที่หมายปองของคุณหนูและหญิงงามหลายๆคนในเมืองแห่งนี้ก็จริง แต่นั่นมันเป็นอดีตเพราะบัดนี้เขาเสียชีวิตด้วยโรคร้ายไปแล้วเมื่อปีก่อนแล้ว ตระกูลหม่ามายื่นข้อเสนอให้อี้ชิงแต่งงานกับเขาเพื่อเข้าไปเป็นสะใภ้ใหญ่กับเจ้าบ่าวที่ตายไปแล้ว นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน
“ พ่อบ้านหม่า ใครๆในเมืองนี้ต่างก็รู้ว่าคุณชายใหญ่ของตระกูลหม่าเสียชีวิตไปแล้วเมื่อปีก่อน แล้วจะให้อี้ชิงแต่งงานกับเขาได้อย่างไรกัน ” ฮูหยินลู่เอ่ยขึ้นนางทำหน้างงงัน
“ การแต่งงานนี้มันคือการแก้เคล็ดนะ เพราะว่าซินแสบอกให้ฮูหยินใหญ่ทำพิธีแก้เคล็ดเพราะคุณชายรองก็เจ็บป่วยลงอีกหลังจากที่เขาถึงวัยต้องแต่งงาน ซินแสมาตรวจดูแล้วบอกว่าให้ฮูหยินใหญ่แก้เคล็ดโดยการหาหญิงสาวมาแต่งงานกับป้ายวิญญาณของคุณชายใหญ่หม่าเฟยหลง เพราะตามธรรมเนียมแล้วต้องให้บุตรชายคนโตแต่งงานก่อน ถึงจะให้บุตรชายคนรองลงมาแต่งงานได้ ซินแสจึงให้หาหญิงสาวมาแต่งงานกับป้ายวิญญาณของคุณชายใหญ่
หากฮูหยินลู่ตกลง อีกสามวันก็จะถึงฤกษ์ที่ซินแสกำหนดเอาไว้ ก็ให้คุณหนูลู่ไปแต่งงานกับคุณชายใหญ่และย้ายไปอยู่ที่จวนหม่า หนี้ิสินทุกอย่างเป็นอันจบกันและฮูหยินใหญ่ยังจะให้เงินท่านอีกห้าสิบตำลึงและข้าจะนำมันมาให้ท่านพร้อมกับโฉนดบ้านและที่ดินของท่าน และไม่ต้องห่วงคุณหนูลู่เข้าไปอยู่ในจวนหม่าด้วยฐานะสะใภ้ใหญ่ย่อมจะมีชีวิตที่สุขสบายกว่าค้าขายที่ตลาดอย่างแน่นอน เพราะสะใภ้ย่อมได้เบี้ยหวัดทุกเดือนเอาไว้ใช้จ่ายโดยที่ไม่ต้องทำงานอะไร มีสาวใช้ส่วนตัว และมีเรือนแยกไปอยู่เองเป็นสัดส่วนในฐานะฮูหยินของคุณชายใหญ่ ฮูหยินลู่จะว่าอย่างไร ”
สองแม่ลูกนั่งอึ้งงันไปทั้งคู่ หากไม่ยอมตกลงตามข้อเสนอของจวนหม่า บ้านและที่ดินก็คงจะถูกยึดซึ่งจะโทษพวกเขาก็ไม่ได้ บิดาเร่นำโฉนดไปขอกู้เงินของพวกเขาเอง และไม่เคยชดใช้คืนและไม่มีใครรู้เรื่องนีิ้จนบัดนี้ความจึงแตก แต่มันก็สายจนเกินไปแล้ว อี้ชิงคิดหนัก
นางทบทวนคำพูดของพ่อบ้านหม่า แต่งงานกับป้ายวิญญาณแปลว่าเขาตายแล้ว และเมื่อเขาตายแล้วนางก็ต้องใช้ชีวิตในจวนหม่านั่นอย่างแม่หม้ายสามีตาย แต่มันก็คงสุขสบายดั่งชีวิตของคุณหนูในห้องหออย่างแน่นอนเพราะฐานะในจวนหม่าของนางคือสะใภ้ แม้ไม่มีอิสระไม่สามารถแต่งงานกับบุรุษอื่นได้อีก แต่มันก็ไม่แน่พวกเขาแต่งงานแก้เคล็ดอาจจะใช้เวลาไม่นานก็ได้ อนาคตอาจจะให้นางย้ายออกมาก็เป็นได้ แถมเขายังบอกว่าทุกเดือนนางจะได้รับเบี้ยหวัดเอาไว้ใช้จ่ายโดยไม่ต้องทำงาน และมีคนใช้ส่วนตัวอีกด้วย เอาวะ ในเมื่อไม่มีทางเลือกอันใดอีกแล้ว ไม่ยอมแต่งก็ไม่มีเงินมาชดใช้พวกเขา จวนหลังเล็กๆนี่และที่ดินผืนเล็กข้างๆนี่ก็จะต้องถูกยึดไปอย่างแน่นอน
“ ข้าตกลง ”นางหันไปบอกกับพ่อบ้านหม่าที่ยิ้มกว้างอย่างยินดี “ อี้ชิง ” ฮูหยินลู่ร้องเรียกบุตรสาวอย่างตกใจที่นางตัดสินใจตอบรับข้อเสนอของตระกูลหม่าอย่างรวดเร็วเช่นนี้
หลังจากนั้นสามวัน บัดนี้ลู่อี้ชิงยืนอยู่หน้าแทนพิธีและกำลังทำพิธีแต่งงานโดยมีเจ้าบ่าวคือป้ายวิญญาณของคุณชายใหญ่หม่่าเฟยหลง อี้ชิงทำตามคำสั่งของแม่สื่อวัยกลางคนที่ยืนกำกับพิธีอยู่ข้างๆ โดยมีคนที่ร่วมในพิธีคือฮูหยินใหญ่และทุกคนในตระกูลหม่าที่แต่งกายสีแดงด้วยชุดปราณีตงดงามเข้าร่วมพิธี โดยมีมารดาของอี้ชิงนั่งอยู่ที่โต๊ะมุกที่เรียงรายสองข้างทางในห้องโถงใหญ่นั้น ขณะที่อี้ชิงคำนับฟ้าและไหว้บรรบุรุษอยู่นั้นอยู่ๆ เสียงฟ้าร้องก็ดังครืนเสียงดังก้องอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยว่าวันนี้จะมีฝนตก เสียงฟ้าร้องเสียงดังคำรามก้องอยู่ชั่วครู่ แต่ทั้งซินแสที่มากำกับการทำพิธีแต่งงานในวันนี้กับแม่สื่อสูงวัยต่างทำพิธีต่ออย่างไม่สนใจเสียงฟ้าที่คำรามก้องเสียงดังน่ากลัวนั้น เมื่อพิธีเสร็จสิ้นแม่สื่อก็จูงมืออี้ชิง ในชุดเจ้าสาวที่ปราณีตงดงามมีเครื่องประดับเป็นพลอยสีแดงและมงกุฏหงส์ที่งดงามยิ่งนัก นับเป็นอาภรณ์ที่งดงามที่สุดในชีวิตของลู่อี้ชิงที่บัดนี้กลายเป็นหม่าอี้ชิงสะใภ้ใหญ่ของตระกูลหม่าแล้ว นางเดินตามแม่สื่อมุ่งตรงไปยังเรือนขนาดกลางที่ตั้งอยู่เป็นเรือนหลังสุดท้ายของหมู่เรือนขนาดต่างๆที่เรียงรายนับจากเรือนหลักที่นางเ
“ ช่างเถอะ คงไม่มีอะไรหรอก ” แล้วอี้ชิงก็เปิดตู้เสื้อผ้าค้นชุดคลุมตัวยาวเนื้อผ้าบางเบามันลื่นนุ่มมืออย่างยิ่ง มาสวมใส่บนร่างอวบเพียงตัวเดียว เมื่อสวมลงบนร่างอวบแล้วรู้สึกสบายเนื้อตัวอย่างยิ่ง นางจึงไม่ได้สวมกางเกงและเอี๊ยมข้างในอีกชั้นหนึ่ง เพราะนอนแค่เพียงผู้เดียวคงไม่มีอะไร แล้วนางจึงได้เดินไปทรุดนั่งที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ลงมือทาเครื่องประทินผิวเพื่อบำรุงผิวหน้าและลำคอขาวผ่องน่าลูบไล้ เครื่องประทินผิวที่มีกลิ่นหอมเหล่านี้ราคาคงจะแพงมาก นางไม่เคยใช้มาก่อน เมื่อทาแล้วรู้สึกสบายผิวดี อี้ชิงหยิบหวีมาสางผมนุ่มสลายที่ยาวจนถึงกลางหลังของนางช้าๆ จนมันนุ่มสลวย แล้วจึงได้เดินไปรินน้ำดื่มเล็กน้อยพอให้ชุ่มคอแล้วจึงได้เดินที่เตียงนอนใหญ่เพื่อเข้านอน นางเป็นเจ้าสาวที่จะว่าไปก็อนาถไม่น้อย เข้าหอโดยที่ไม่ต้องรอเจ้าบ่าวดังเช่นเจ้าสาวคนอื่นๆ เพราะคงไม่มีวันที่เจ้าบ่าวของนางจะมาเข้าหออี้ชิงครุ่นคิดขณะที่นางเอนกายลงนอนบนหมอนนุ่มๆแล้วดึงผ้าผวยผ้านุ่มลื่นห่มสบายตัวอย่างยิ่งขึ้นมาห่มบนร่างอวบแล้วหลับพริ้มลงทันที เวลาผ่านไปอี้ชิงที่เหน็ดเหนื่อยไม่น้อยกับการเตรียมตัวเป็นเจ้าสาวในวันนี้ก็หลับผล็อยไปทัน
คุณชายหนุ่มจูบปากอวบอิ่มของเมียหมาด ๆ ของเขาอย่างเร่าร้อน เขาทั้งดูดลิ้นเล็กของนางและส่งลิ้นสากเข้าเกี่ยวพันกับลิ้นเล็กของนางอย่างเมามัน อี้ชิงที่เคลิบเคลิ้มด้วยจูบที่หลอกล่อให้นางหลงมัวเมาจนหลงลืมไปสิ้น ตัวของนางเหมือนล่องลอยเบาหวิว ขณะนั้นร่างหนาก็ดันท่อนเอ็นแข็งชันของเขาเข้าไปจนมิดลำกาย รูสวาทของนางบีบท่อนเอ็นแข็งขึงของเขาจนมันเจ็บไปหมด แต่ก็เสียวมากเช่นกัน เมื่อแช่เอาไว้เพียงครู่เขาก็ค่อยขยับมันเข้าออกช้าๆเข้าสุดออกสุดด้วยจังหวะเนิบนาบแล้วก็ค่อยเร่งจังหวะให้เร็วขึ้นจนกลายเป็นโยกขย่มร่างอวบของเมียหมาดๆอย่างรุนแรงและรวดเร็วยิ่งขึ้น บั้นเอวหนาของเขาเหมือนมันมีชีวิตของตนเอง มันโยกอย่างบ้าคลั่งทิ่มแทงร่องอวบของนางอย่างเมามัน จนกระทั่ง “ ข้าจะเสร็จแล้ว จะเสร็จแล้วนายท่าน ” อี้ชิงร้องครวญครางจนแทบไม่มีเสียง เพราะนางเสียว เสียวจนแทบจะขาดใจอยู่แล้ว สะโพกอวบกระตุกหลายๆครั้งแล้วน้ำรักของนางก็ไหลออกมาอย่างมากมาย ขณะที่บั้นเอวสอบก็โยกแทงเข้าออกรูสวาทของนางอย่างบ้าคลั่งจนสะโพกหนาของเขากระตุกเกร็งหลายครั้งแล้วแตกพ่ายปล่อยน้ำรักอุ่นๆเข้าไปในรูสวาทของเจ้าสาวหมาดๆ จนหมดทุกหยาดหยุด เงาร่างหนาหอบอย
ยามเฉินมีเสียงเคาะประตูเรือนเบาๆ แล้วก็มีีเสียงเปิดประตูเข้ามาและมีเสียงฝีเท้าเดินเบาๆเข้ามาจนถึงหน้าห้องนอนยกมือเคาะอีกครั้งแล้วจึงได้เปิดเข้ามา สาวใช้ตัวเล็กที่มีผมสองจุกบนหัวของนางโผล่หน้าเข้ามาตามมาด้วยบ่าวชายที่ยกถังน้ำร้อนเข้ามาสองคน หย่งเอ๋อก้าวเข้ามาเปิดประตูออกกว้าง “ พวกเจ้ารีบเข้ามาเร็วๆเข้า ” นางกระซิบเบาๆบอกพวกเขา บ่าวชายสองคนรีบหิ้วถังน้ำร้อนใบใหญ่เดินตรงไปที่หลังฉากกั้นแล้วรีบปล่อยน้ำในอ่างออกจนหมด แล้วยกถังน้ำร้อนเทเข้าไปในถังจ้วงตักน้ำในโอ่งใบใหญ่ที่เป็นน้ำเย็นลงผสมในอ่างจนอุ่นจัด“ เสร็จแล้วหย่งเอ๋อ พวกข้าไปก่อนนะ ” บ่าวชายคนหนึ่งเอ่ยขึ้นแล้วพวกเขาก็เร่งฝีเท้าก้าวออกไปจากห้องนั้นพร้อมกับหิ้วถังไม้ใบใหญ่นั้นกลับไปด้วย “ เดี๋ยวพวกเจ้า ไม่คิดจะอยู่เป็นเพื่อนข้าก่อนหรือไงกัน ” แต่เสียงของหย่งเอ๋อนั้นก็ไม่มีผู้ใดอยู่ฟังนาง บ่าวชายทั้งสองนั้นพร้อมที่จะไม่ฟังเสียงใดๆอยู่แล้ว ทำเป็นไม่ได้ยินแล้วเร่งฝีเท้าออกไปจากเรือนหลังนี้อย่างเร่งรีบ แล้วถอนหายใจออกมาเบาๆ เพราะพวกเขาเสร็จหน้าที่ที่จะต้องเข้าไปในเรือนหลังนี้ในวันนี้แล้ว งานของผู้อื่นนั้นก็เรื่องของพวกเขาก็แล้วกัน แม้จะเห็น
ยามเฉินมีเสียงเคาะประตูเรือนเบาๆ แล้วก็มีีเสียงเปิดประตูเข้ามาและมีเสียงฝีเท้าเดินเบาๆเข้ามาจนถึงหน้าห้องนอนยกมือเคาะอีกครั้งแล้วจึงได้เปิดเข้ามา สาวใช้ตัวเล็กที่มีผมสองจุกบนหัวของนางโผล่หน้าเข้ามาตามมาด้วยบ่าวชายที่ยกถังน้ำร้อนเข้ามาสองคน หย่งเอ๋อก้าวเข้ามาเปิดประตูออกกว้าง “ พวกเจ้ารีบเข้ามาเร็วๆเข้า ” นางกระซิบเบาๆบอกพวกเขา บ่าวชายสองคนรีบหิ้วถังน้ำร้อนใบใหญ่เดินตรงไปที่หลังฉากกั้นแล้วรีบปล่อยน้ำในอ่างออกจนหมด แล้วยกถังน้ำร้อนเทเข้าไปในถังจ้วงตักน้ำในโอ่งใบใหญ่ที่เป็นน้ำเย็นลงผสมในอ่างจนอุ่นจัด“ เสร็จแล้วหย่งเอ๋อ พวกข้าไปก่อนนะ ” บ่าวชายคนหนึ่งเอ่ยขึ้นแล้วพวกเขาก็เร่งฝีเท้าก้าวออกไปจากห้องนั้นพร้อมกับหิ้วถังไม้ใบใหญ่นั้นกลับไปด้วย “ เดี๋ยวพวกเจ้า ไม่คิดจะอยู่เป็นเพื่อนข้าก่อนหรือไงกัน ” แต่เสียงของหย่งเอ๋อนั้นก็ไม่มีผู้ใดอยู่ฟังนาง บ่าวชายทั้งสองนั้นพร้อมที่จะไม่ฟังเสียงใดๆอยู่แล้ว ทำเป็นไม่ได้ยินแล้วเร่งฝีเท้าออกไปจากเรือนหลังนี้อย่างเร่งรีบ แล้วถอนหายใจออกมาเบาๆ เพราะพวกเขาเสร็จหน้าที่ที่จะต้องเข้าไปในเรือนหลังนี้ในวันนี้แล้ว งานของผู้อื่นนั้นก็เรื่องของพวกเขาก็แล้วกัน แม้จะเห็น
คุณชายหนุ่มจูบปากอวบอิ่มของเมียหมาด ๆ ของเขาอย่างเร่าร้อน เขาทั้งดูดลิ้นเล็กของนางและส่งลิ้นสากเข้าเกี่ยวพันกับลิ้นเล็กของนางอย่างเมามัน อี้ชิงที่เคลิบเคลิ้มด้วยจูบที่หลอกล่อให้นางหลงมัวเมาจนหลงลืมไปสิ้น ตัวของนางเหมือนล่องลอยเบาหวิว ขณะนั้นร่างหนาก็ดันท่อนเอ็นแข็งชันของเขาเข้าไปจนมิดลำกาย รูสวาทของนางบีบท่อนเอ็นแข็งขึงของเขาจนมันเจ็บไปหมด แต่ก็เสียวมากเช่นกัน เมื่อแช่เอาไว้เพียงครู่เขาก็ค่อยขยับมันเข้าออกช้าๆเข้าสุดออกสุดด้วยจังหวะเนิบนาบแล้วก็ค่อยเร่งจังหวะให้เร็วขึ้นจนกลายเป็นโยกขย่มร่างอวบของเมียหมาดๆอย่างรุนแรงและรวดเร็วยิ่งขึ้น บั้นเอวหนาของเขาเหมือนมันมีชีวิตของตนเอง มันโยกอย่างบ้าคลั่งทิ่มแทงร่องอวบของนางอย่างเมามัน จนกระทั่ง “ ข้าจะเสร็จแล้ว จะเสร็จแล้วนายท่าน ” อี้ชิงร้องครวญครางจนแทบไม่มีเสียง เพราะนางเสียว เสียวจนแทบจะขาดใจอยู่แล้ว สะโพกอวบกระตุกหลายๆครั้งแล้วน้ำรักของนางก็ไหลออกมาอย่างมากมาย ขณะที่บั้นเอวสอบก็โยกแทงเข้าออกรูสวาทของนางอย่างบ้าคลั่งจนสะโพกหนาของเขากระตุกเกร็งหลายครั้งแล้วแตกพ่ายปล่อยน้ำรักอุ่นๆเข้าไปในรูสวาทของเจ้าสาวหมาดๆ จนหมดทุกหยาดหยุด เงาร่างหนาหอบอย
“ ช่างเถอะ คงไม่มีอะไรหรอก ” แล้วอี้ชิงก็เปิดตู้เสื้อผ้าค้นชุดคลุมตัวยาวเนื้อผ้าบางเบามันลื่นนุ่มมืออย่างยิ่ง มาสวมใส่บนร่างอวบเพียงตัวเดียว เมื่อสวมลงบนร่างอวบแล้วรู้สึกสบายเนื้อตัวอย่างยิ่ง นางจึงไม่ได้สวมกางเกงและเอี๊ยมข้างในอีกชั้นหนึ่ง เพราะนอนแค่เพียงผู้เดียวคงไม่มีอะไร แล้วนางจึงได้เดินไปทรุดนั่งที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ลงมือทาเครื่องประทินผิวเพื่อบำรุงผิวหน้าและลำคอขาวผ่องน่าลูบไล้ เครื่องประทินผิวที่มีกลิ่นหอมเหล่านี้ราคาคงจะแพงมาก นางไม่เคยใช้มาก่อน เมื่อทาแล้วรู้สึกสบายผิวดี อี้ชิงหยิบหวีมาสางผมนุ่มสลายที่ยาวจนถึงกลางหลังของนางช้าๆ จนมันนุ่มสลวย แล้วจึงได้เดินไปรินน้ำดื่มเล็กน้อยพอให้ชุ่มคอแล้วจึงได้เดินที่เตียงนอนใหญ่เพื่อเข้านอน นางเป็นเจ้าสาวที่จะว่าไปก็อนาถไม่น้อย เข้าหอโดยที่ไม่ต้องรอเจ้าบ่าวดังเช่นเจ้าสาวคนอื่นๆ เพราะคงไม่มีวันที่เจ้าบ่าวของนางจะมาเข้าหออี้ชิงครุ่นคิดขณะที่นางเอนกายลงนอนบนหมอนนุ่มๆแล้วดึงผ้าผวยผ้านุ่มลื่นห่มสบายตัวอย่างยิ่งขึ้นมาห่มบนร่างอวบแล้วหลับพริ้มลงทันที เวลาผ่านไปอี้ชิงที่เหน็ดเหนื่อยไม่น้อยกับการเตรียมตัวเป็นเจ้าสาวในวันนี้ก็หลับผล็อยไปทัน
หลังจากนั้นสามวัน บัดนี้ลู่อี้ชิงยืนอยู่หน้าแทนพิธีและกำลังทำพิธีแต่งงานโดยมีเจ้าบ่าวคือป้ายวิญญาณของคุณชายใหญ่หม่่าเฟยหลง อี้ชิงทำตามคำสั่งของแม่สื่อวัยกลางคนที่ยืนกำกับพิธีอยู่ข้างๆ โดยมีคนที่ร่วมในพิธีคือฮูหยินใหญ่และทุกคนในตระกูลหม่าที่แต่งกายสีแดงด้วยชุดปราณีตงดงามเข้าร่วมพิธี โดยมีมารดาของอี้ชิงนั่งอยู่ที่โต๊ะมุกที่เรียงรายสองข้างทางในห้องโถงใหญ่นั้น ขณะที่อี้ชิงคำนับฟ้าและไหว้บรรบุรุษอยู่นั้นอยู่ๆ เสียงฟ้าร้องก็ดังครืนเสียงดังก้องอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยว่าวันนี้จะมีฝนตก เสียงฟ้าร้องเสียงดังคำรามก้องอยู่ชั่วครู่ แต่ทั้งซินแสที่มากำกับการทำพิธีแต่งงานในวันนี้กับแม่สื่อสูงวัยต่างทำพิธีต่ออย่างไม่สนใจเสียงฟ้าที่คำรามก้องเสียงดังน่ากลัวนั้น เมื่อพิธีเสร็จสิ้นแม่สื่อก็จูงมืออี้ชิง ในชุดเจ้าสาวที่ปราณีตงดงามมีเครื่องประดับเป็นพลอยสีแดงและมงกุฏหงส์ที่งดงามยิ่งนัก นับเป็นอาภรณ์ที่งดงามที่สุดในชีวิตของลู่อี้ชิงที่บัดนี้กลายเป็นหม่าอี้ชิงสะใภ้ใหญ่ของตระกูลหม่าแล้ว นางเดินตามแม่สื่อมุ่งตรงไปยังเรือนขนาดกลางที่ตั้งอยู่เป็นเรือนหลังสุดท้ายของหมู่เรือนขนาดต่างๆที่เรียงรายนับจากเรือนหลักที่นางเ
“ มีใครอยู่หรือไม่ ” เสียงผู้ชายตะโกนอยู่หน้าประตูจวนหลังเล็กๆของบ้านลู่ ที่มีอาชีพค้าขายไข่ไก่และผักสดที่ปลูกเองในที่ดินผืนเล็กของพวกเขา ครอบครัวนี้มีบุตรสาวคนโตคือลู่อี้ชิง และมีบุตรชายคนกลางและคนเล็กอีกสองคนซึ่งอายุแค่เพียงสิบปีและแปดปีตามลำดับ ทำให้ภาระหน้าที่แบ่งเบางานบ้านและออกไปช่วยมารดาค้าขายที่ตลาดสดในยามอิ๋น (ตีสามกว่า )ถึงยามเฉิน (แปดโมงเช้านิดๆ ) เป็นของอี้ชิง ครอบครัวนี้เลี้ยงไก่เอาไว้ขายจำนวนไม่มากนัก มีไก่เพียงห้าเล้าและพื้นที่ดินนอกเหนือจากนั้นก็ปลูกผักกาดขาวและพืชผักต่างๆสลับกันไป เอาไว้ขายที่ตลาดและมักจะมีเพื่อนบ้านมาขอซื้อของที่ด้วย ที่จริงแล้วหากใช้จ่ายอย่างประหยัดและขยันขันแข็งก็พอประทังชีวิตกันไปได้ไม่เดือดร้อนมากนัก แต่ด้วยพ่อบ้านคือลู่อี้ถังนั้นเป็นชายที่ไม่เอาถ่านเลยแม้เพียงสักน้อย เขาเป็นคนจับจดตอนแต่งงานใหม่เขาก็ช่วยงานอยู่บ้าง แต่นานๆเขาก็เบื่อหน่ายออกไปเล่นการพนันโถ่โปและบ่อนเล็กบ่อนน้อยในเมือง บางวันก็ได้เงินมาและซื้อกับข้าวและของใช้เข้าบ้าน แต่บางวันก็หมดตัวมารีดไถภรรยาที่บ้านเช่นกัน เรื่องเช่่นนี้อี้ชิงบุตรสาวคนโตเห็นจนชินตา ขณะนั้นสองแม่ลูกเพิ่งกลับ