ยามเฉินมีเสียงเคาะประตูเรือนเบาๆ แล้วก็มีีเสียงเปิดประตูเข้ามาและมีเสียงฝีเท้าเดินเบาๆเข้ามาจนถึงหน้าห้องนอนยกมือเคาะอีกครั้งแล้วจึงได้เปิดเข้ามา สาวใช้ตัวเล็กที่มีผมสองจุกบนหัวของนางโผล่หน้าเข้ามาตามมาด้วยบ่าวชายที่ยกถังน้ำร้อนเข้ามาสองคน หย่งเอ๋อก้าวเข้ามาเปิดประตูออกกว้าง “ พวกเจ้ารีบเข้ามาเร็วๆเข้า ” นางกระซิบเบาๆบอกพวกเขา บ่าวชายสองคนรีบหิ้วถังน้ำร้อนใบใหญ่เดินตรงไปที่หลังฉากกั้นแล้วรีบปล่อยน้ำในอ่างออกจนหมด แล้วยกถังน้ำร้อนเทเข้าไปในถังจ้วงตักน้ำในโอ่งใบใหญ่ที่เป็นน้ำเย็นลงผสมในอ่างจนอุ่นจัด
“ เสร็จแล้วหย่งเอ๋อ พวกข้าไปก่อนนะ ” บ่าวชายคนหนึ่งเอ่ยขึ้นแล้วพวกเขาก็เร่งฝีเท้าก้าวออกไปจากห้องนั้นพร้อมกับหิ้วถังไม้ใบใหญ่นั้นกลับไปด้วย “ เดี๋ยวพวกเจ้า ไม่คิดจะอยู่เป็นเพื่อนข้าก่อนหรือไงกัน ” แต่เสียงของหย่งเอ๋อนั้นก็ไม่มีผู้ใดอยู่ฟังนาง บ่าวชายทั้งสองนั้นพร้อมที่จะไม่ฟังเสียงใดๆอยู่แล้ว ทำเป็นไม่ได้ยินแล้วเร่งฝีเท้าออกไปจากเรือนหลังนี้อย่างเร่งรีบ แล้วถอนหายใจออกมาเบาๆ เพราะพวกเขาเสร็จหน้าที่ที่จะต้องเข้าไปในเรือนหลังนี้ในวันนี้แล้ว งานของผู้อื่นนั้นก็เรื่องของพวกเขาก็แล้วกัน แม้จะเห็นใจแต่ความกลัวจนฉี่จะราดนั้นไม่ปราณีใคร บ่าวชายคนหนึ่งครุ่นคิดขณะเร่งฝีเท้ากลับโรงครัวไป
หย่งเอ๋อปิดประตูลง นางหันไปมองรอบๆ ขนแขนลุกนิดๆ แต่จะทำอย่างไรได้เล่า นางได้รับมอบให้มาเป็นสาวใช้ประจำตัวของฮูหยินใหญ่ที่เรือนอี้ซางนี้ เรือนนี้แทบจะไม่มีใครยอมเดินผ่านในตอนกลางคืน แม้กลางวันจำต้องทำงานตามหน้าที่แต่พวกเขาก็พยายามเร่งรีบทำงานรอบๆเรือนจนเสร็จก่อนตะวันตกดิน โดยที่ไม่ต้องมีผู้ควบคุมงานด้วยซ้ำ ต่างเร่งรีบกัันทำอย่างตั้งใจและอย่างรวดเร็วพร้อมกับมองไปรอบๆด้วยเพื่อความมั่นใจเป็นระยะ แต่ในเรือนก็มีสาวใช้ไปทำความสะอาดวันเว้นวันเมื่อยามไม่มีผู้ใดอยู่อาศัย แต่บัดนี้มันมีฮูหยินคนใหม่ก็ยังดี
สาวใช้ที่มีหน้าที่มาทำความสะอาดก็ใจชื้นขึ้นมาไม่น้อย แต่พวกนางก็ยังจับกลุ่มกันมาทำความสะอาดโดยอ้างกับพ่อบ้านหม่าว่าเพื่อความรวดเร็ว งานเสร็จเรียบร้อยและรวดเร็วเป็นสิ่งที่ดีที่สุด พ่อบ้านหม่าส่ายหัวในความกลัวจนขึ้นสมองของเหล่าบ่าวไพร่ในเรือน แต่เขาก็พอจะเข้าใจจึงไม่ได้เคร่งครัดกับพวกเขานัก ขอเพียงพวกเขาไปทำงานให้เสร็จก็ถือว่าแล้วกันไป พ่อบ้านหม่าจะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นเสีย
หย่งเอ๋อเดินไปที่เตียงนอนหลังใหญ่ที่มีร่างอวบของฮูหยินนอนอยู่หลังผ้าม่านโปร่งบางที่ขาดหลุดลุ่ยนั้น หย่งเอ๋อจ้องมองผ้าม่านตาค้างอยู่ครู่แต่นางก็จำต้องก้าวเดินไปจนถึงเตียง มือบางแหวกผ้าม่านไปรวบไว้ที่ข้างเสาดังเดิม เห็นร่างอวบของฮหยินนอนอยู่ในผ้าผวย จึงเอื้อมมือไปเขย่าร่างอวบของนางเบาๆ “ ฮูหยินเจ้าค่ะ ฮูหยินน้อย ตื่นเร็วๆเจ้าค่ะ จะได้อาบน้ำกินข้าวเช้าตอนนี้เกือบจะเลยยามเฉินแล้วนะเจ้าค่ะ ” อีี้ชิงค่อยๆขยับตัวช้าๆ นางปวดระบมไปทั่วร่าง เมื่อขยับตัวลุกขึ้นก็เจ็บแสบที่กลางกายไปหมด แต่นางก็ฝืนกัดฟันลุกขึ้นช้าๆ เพราะได้ยินคำว่าเลยยามเฉิน ซึ่งมันก็สายมากแล้ว นางไม่ควรจะตื่นสายจนเกินไป ตอนนี้นางอยู่ที่จวนของผู้อื่น เขาจะว่าเอาได้ "
ขณะที่อี้ชิงค่อยๆขยับตัวลุกขึ้นนั่ง แต่พบว่าร่างอวบของตนเองเปลือยเปล่า นางหันมองหาอาภรณ์ก็พบว่ามันวางอยู่บนฟูกอีกด้านจึงค่อยๆเอื้อมมือไปคว้ามันมาแล้วรีบสวมอย่างรวดเร็ว นางส่ายหน้าไปมาให้ตัวเองตื่นตัวแล้วค่อยๆ ขยับมานั่งที่ขอบเตียงนั้น นางก็หันมองไปรอบๆ แล้วเอ่ยขึ้นว่า “ สามีของข้าล่ะ เขาออกไปแล้วหรือ ” หยงเอ๋อหันขวับมามองใบหน้าหวานของฮูหยินหมาดๆ ทันที “ ฮูหยินคงจะฝันไปกระมังเจ้าค่ะ ที่เรือนหลังนี้ไม่มีใครมาพักที่นี่ทั้งนั้นนอกจากท่านเจ้าค่ะ คุณชายใหญ่นั้นเสียชีวิตไปปีกว่าๆแล้วเจ้าค่ะ ท่านก็ทราบว่าท่านเข้าพิธีแต่งงานกับผู้ใด มันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะอยู่ที่นี่กับท่านนะเจ้าคะ ” หยงเอ๋อตัดสินใจย้ำความจริงกับฮูหยินคนใหม่ชัดๆอีกครั้งเพื่อที่นางจะไม่ได้พูดอะไรแปลกๆขึ้นมาอีกให้หย่งเอ๋อขนลุกจากที่มันก็ลุกมากอยู่แล้ว
อี้ชิงนิ่งไปครู่ใหญ่แม้จะสงสัยในหลายๆเรื่อง แต่นางเพิ่งตื่นยังมึนงงเล็กน้อย จึงพยักหน้ารับคำพูดสาวใช้นางนี้และเอ่ยว่า “ ข้าคงจะฝันไปน่ะ เพราะข้าเปลี่ยนที่นอนใหม่ไม่มีอะไรหรอก ” แล้วนางก็ขยับตัวลงจากเตียง มือบางรวบชุดคลุมสีขาวบางเบาของตนเองเอาไว้ ขณะที่ก้าวเดินก็เจ็บแสบที่กลางกายยิ่งนัก เนื้อตัวก็ปวดระบมไปหมด นางแน่ใจว่านางไม่ได้ฝันไปที่นางร่วมรักอย่างเร่าร้อนและดุเดือดยิ่งนักกับสามี แต่อี้ชิงไม่ต้องการให้ผู้อื่นคิดว่านางเป็นบ้าคิดไปเองจึงได้ตัดสินใจเก็บเรื่องนี้เอาไว้ก่อน จากที่เห็นสีหน้าของสาวใช้เมื่อยามนางถามหาสามีเมื่อครู่ หยงเอ๋อช่วยฮูหยินถอดอาภรณ์แล้วประคองร่างอวบของนางไปก้าวลงถังไม้ใบใหญ่
อี้ชิงทรุดตัวลงนั่งแช่น้ำอุ่นจัดๆนั้น นางซู๊ดปากเบาๆ รู้สึกว่าร่างกายที่ระบมดีขึ้น ร่องอวบที่เจ็บแสบก็ดีขึ้น ขณะที่หย่งเอ๋อเดินไปหยิบผ้ามาพาดเอาไว้ที่ราวไม้และเดินไปหยิบสบู่ที่ทำจากกลีบดอกกุ้ยเหมยมาขัดถูร่างอวบของฮูหยินคนใหม่ ดวงตาของนางนิ่งขึงไป เมื่อเห็นรอยต่างๆหลายรอยบนร่างอวบของฮูหยินและสภาพเตียงนอนที่นางเห็นก็บ่งบอกว่าเหมือนฮูหยินผู้นี้ไม่ได้นอนเพียงลำพังอย่างแน่นอน
แต่หย่งเอ๋อนั้นเลือกที่จะไม่ต้องคำถามใดๆ เพราะเรื่องความเฮี้ยนของคุณชายใหญ่นั้นทุกๆคนในจวนหม่าต่างรับรู้ เพราะเคยเห็นอดีตฮูหยินและนางโลมหลายคนวิ่งออกไปจากเรือนหลังนี้กลางดึกและส่งเสียงร้องกรี๊ดกร๊าดราวกับคนบ้ามาหลายครั้งแล้ว ทุกๆคนต่างรับรู้ว่ามีเรื่องแปลกๆที่เรือนหลังนี้ ทำให้ต่างกลัวเกรงกันไม่กล้าเดินผ่านตอนกลางคืน และไม่ตั้งคำถามใดๆจะดีกว่าก้มหน้าทำงานไป ที่จวนหม่านี้ดีทุกอย่าง ค่าจ้างก็งาม นายก็มีเมตตาไม่น้อย เสียอย่างเดียว ผีดุไปนิด หยงเอ๋อที่รับงานนี้ด้วยค่าจ้างที่เพิ่มเป็นสองเท่านางจำเป็นต้องส่งเงินให้ทางบ้านจึงยอมรับงานนี้
นางช่วยฮูหยินใหม่อาบน้ำจนเสร็จแล้ว ฮูหยินใหม่ก็ค่อยๆลุกขึ้นแล้วก้าวออกจากถังไม้ หย่งเอ๋อช่วยเช็ดกายให้นาง แม้อี้ชิงจะเขินอายที่สาวใช้เห็นร่างกายของตนแต่นางเคยได้ยินเขาพูดกันว่าคุณหนูในห้องหอบ้านคนที่ร่ำรวยเป็นเช่นนี้ จึงอดกลั้นความอายเอาไว้ คิดว่าอีกไม่นานนางคงจะชิน หยงเอ๋อทาเครื่องประทินผิวจนทั่วร่างอวบและเดินไปหยิบอาภรณ์ผืนใหม่สีชมพูอ่อนงดงามยิ่งนักมาสวมให้กับอีี้ชิงจนเรียบร้อย มันงดงามอย่างที่อี้ชิงก็ไม่เคยมีอาภรณ์ผ้าเนื้อดีงดงามเช่นนี้มาก่อน
“ มีใครอยู่หรือไม่ ” เสียงผู้ชายตะโกนอยู่หน้าประตูจวนหลังเล็กๆของบ้านลู่ ที่มีอาชีพค้าขายไข่ไก่และผักสดที่ปลูกเองในที่ดินผืนเล็กของพวกเขา ครอบครัวนี้มีบุตรสาวคนโตคือลู่อี้ชิง และมีบุตรชายคนกลางและคนเล็กอีกสองคนซึ่งอายุแค่เพียงสิบปีและแปดปีตามลำดับ ทำให้ภาระหน้าที่แบ่งเบางานบ้านและออกไปช่วยมารดาค้าขายที่ตลาดสดในยามอิ๋น (ตีสามกว่า )ถึงยามเฉิน (แปดโมงเช้านิดๆ ) เป็นของอี้ชิง ครอบครัวนี้เลี้ยงไก่เอาไว้ขายจำนวนไม่มากนัก มีไก่เพียงห้าเล้าและพื้นที่ดินนอกเหนือจากนั้นก็ปลูกผักกาดขาวและพืชผักต่างๆสลับกันไป เอาไว้ขายที่ตลาดและมักจะมีเพื่อนบ้านมาขอซื้อของที่ด้วย ที่จริงแล้วหากใช้จ่ายอย่างประหยัดและขยันขันแข็งก็พอประทังชีวิตกันไปได้ไม่เดือดร้อนมากนัก แต่ด้วยพ่อบ้านคือลู่อี้ถังนั้นเป็นชายที่ไม่เอาถ่านเลยแม้เพียงสักน้อย เขาเป็นคนจับจดตอนแต่งงานใหม่เขาก็ช่วยงานอยู่บ้าง แต่นานๆเขาก็เบื่อหน่ายออกไปเล่นการพนันโถ่โปและบ่อนเล็กบ่อนน้อยในเมือง บางวันก็ได้เงินมาและซื้อกับข้าวและของใช้เข้าบ้าน แต่บางวันก็หมดตัวมารีดไถภรรยาที่บ้านเช่นกัน เรื่องเช่่นนี้อี้ชิงบุตรสาวคนโตเห็นจนชินตา ขณะนั้นสองแม่ลูกเพิ่งกลับ
หลังจากนั้นสามวัน บัดนี้ลู่อี้ชิงยืนอยู่หน้าแทนพิธีและกำลังทำพิธีแต่งงานโดยมีเจ้าบ่าวคือป้ายวิญญาณของคุณชายใหญ่หม่่าเฟยหลง อี้ชิงทำตามคำสั่งของแม่สื่อวัยกลางคนที่ยืนกำกับพิธีอยู่ข้างๆ โดยมีคนที่ร่วมในพิธีคือฮูหยินใหญ่และทุกคนในตระกูลหม่าที่แต่งกายสีแดงด้วยชุดปราณีตงดงามเข้าร่วมพิธี โดยมีมารดาของอี้ชิงนั่งอยู่ที่โต๊ะมุกที่เรียงรายสองข้างทางในห้องโถงใหญ่นั้น ขณะที่อี้ชิงคำนับฟ้าและไหว้บรรบุรุษอยู่นั้นอยู่ๆ เสียงฟ้าร้องก็ดังครืนเสียงดังก้องอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยว่าวันนี้จะมีฝนตก เสียงฟ้าร้องเสียงดังคำรามก้องอยู่ชั่วครู่ แต่ทั้งซินแสที่มากำกับการทำพิธีแต่งงานในวันนี้กับแม่สื่อสูงวัยต่างทำพิธีต่ออย่างไม่สนใจเสียงฟ้าที่คำรามก้องเสียงดังน่ากลัวนั้น เมื่อพิธีเสร็จสิ้นแม่สื่อก็จูงมืออี้ชิง ในชุดเจ้าสาวที่ปราณีตงดงามมีเครื่องประดับเป็นพลอยสีแดงและมงกุฏหงส์ที่งดงามยิ่งนัก นับเป็นอาภรณ์ที่งดงามที่สุดในชีวิตของลู่อี้ชิงที่บัดนี้กลายเป็นหม่าอี้ชิงสะใภ้ใหญ่ของตระกูลหม่าแล้ว นางเดินตามแม่สื่อมุ่งตรงไปยังเรือนขนาดกลางที่ตั้งอยู่เป็นเรือนหลังสุดท้ายของหมู่เรือนขนาดต่างๆที่เรียงรายนับจากเรือนหลักที่นางเ
“ ช่างเถอะ คงไม่มีอะไรหรอก ” แล้วอี้ชิงก็เปิดตู้เสื้อผ้าค้นชุดคลุมตัวยาวเนื้อผ้าบางเบามันลื่นนุ่มมืออย่างยิ่ง มาสวมใส่บนร่างอวบเพียงตัวเดียว เมื่อสวมลงบนร่างอวบแล้วรู้สึกสบายเนื้อตัวอย่างยิ่ง นางจึงไม่ได้สวมกางเกงและเอี๊ยมข้างในอีกชั้นหนึ่ง เพราะนอนแค่เพียงผู้เดียวคงไม่มีอะไร แล้วนางจึงได้เดินไปทรุดนั่งที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ลงมือทาเครื่องประทินผิวเพื่อบำรุงผิวหน้าและลำคอขาวผ่องน่าลูบไล้ เครื่องประทินผิวที่มีกลิ่นหอมเหล่านี้ราคาคงจะแพงมาก นางไม่เคยใช้มาก่อน เมื่อทาแล้วรู้สึกสบายผิวดี อี้ชิงหยิบหวีมาสางผมนุ่มสลายที่ยาวจนถึงกลางหลังของนางช้าๆ จนมันนุ่มสลวย แล้วจึงได้เดินไปรินน้ำดื่มเล็กน้อยพอให้ชุ่มคอแล้วจึงได้เดินที่เตียงนอนใหญ่เพื่อเข้านอน นางเป็นเจ้าสาวที่จะว่าไปก็อนาถไม่น้อย เข้าหอโดยที่ไม่ต้องรอเจ้าบ่าวดังเช่นเจ้าสาวคนอื่นๆ เพราะคงไม่มีวันที่เจ้าบ่าวของนางจะมาเข้าหออี้ชิงครุ่นคิดขณะที่นางเอนกายลงนอนบนหมอนนุ่มๆแล้วดึงผ้าผวยผ้านุ่มลื่นห่มสบายตัวอย่างยิ่งขึ้นมาห่มบนร่างอวบแล้วหลับพริ้มลงทันที เวลาผ่านไปอี้ชิงที่เหน็ดเหนื่อยไม่น้อยกับการเตรียมตัวเป็นเจ้าสาวในวันนี้ก็หลับผล็อยไปทัน
คุณชายหนุ่มจูบปากอวบอิ่มของเมียหมาด ๆ ของเขาอย่างเร่าร้อน เขาทั้งดูดลิ้นเล็กของนางและส่งลิ้นสากเข้าเกี่ยวพันกับลิ้นเล็กของนางอย่างเมามัน อี้ชิงที่เคลิบเคลิ้มด้วยจูบที่หลอกล่อให้นางหลงมัวเมาจนหลงลืมไปสิ้น ตัวของนางเหมือนล่องลอยเบาหวิว ขณะนั้นร่างหนาก็ดันท่อนเอ็นแข็งชันของเขาเข้าไปจนมิดลำกาย รูสวาทของนางบีบท่อนเอ็นแข็งขึงของเขาจนมันเจ็บไปหมด แต่ก็เสียวมากเช่นกัน เมื่อแช่เอาไว้เพียงครู่เขาก็ค่อยขยับมันเข้าออกช้าๆเข้าสุดออกสุดด้วยจังหวะเนิบนาบแล้วก็ค่อยเร่งจังหวะให้เร็วขึ้นจนกลายเป็นโยกขย่มร่างอวบของเมียหมาดๆอย่างรุนแรงและรวดเร็วยิ่งขึ้น บั้นเอวหนาของเขาเหมือนมันมีชีวิตของตนเอง มันโยกอย่างบ้าคลั่งทิ่มแทงร่องอวบของนางอย่างเมามัน จนกระทั่ง “ ข้าจะเสร็จแล้ว จะเสร็จแล้วนายท่าน ” อี้ชิงร้องครวญครางจนแทบไม่มีเสียง เพราะนางเสียว เสียวจนแทบจะขาดใจอยู่แล้ว สะโพกอวบกระตุกหลายๆครั้งแล้วน้ำรักของนางก็ไหลออกมาอย่างมากมาย ขณะที่บั้นเอวสอบก็โยกแทงเข้าออกรูสวาทของนางอย่างบ้าคลั่งจนสะโพกหนาของเขากระตุกเกร็งหลายครั้งแล้วแตกพ่ายปล่อยน้ำรักอุ่นๆเข้าไปในรูสวาทของเจ้าสาวหมาดๆ จนหมดทุกหยาดหยุด เงาร่างหนาหอบอย
ยามเฉินมีเสียงเคาะประตูเรือนเบาๆ แล้วก็มีีเสียงเปิดประตูเข้ามาและมีเสียงฝีเท้าเดินเบาๆเข้ามาจนถึงหน้าห้องนอนยกมือเคาะอีกครั้งแล้วจึงได้เปิดเข้ามา สาวใช้ตัวเล็กที่มีผมสองจุกบนหัวของนางโผล่หน้าเข้ามาตามมาด้วยบ่าวชายที่ยกถังน้ำร้อนเข้ามาสองคน หย่งเอ๋อก้าวเข้ามาเปิดประตูออกกว้าง “ พวกเจ้ารีบเข้ามาเร็วๆเข้า ” นางกระซิบเบาๆบอกพวกเขา บ่าวชายสองคนรีบหิ้วถังน้ำร้อนใบใหญ่เดินตรงไปที่หลังฉากกั้นแล้วรีบปล่อยน้ำในอ่างออกจนหมด แล้วยกถังน้ำร้อนเทเข้าไปในถังจ้วงตักน้ำในโอ่งใบใหญ่ที่เป็นน้ำเย็นลงผสมในอ่างจนอุ่นจัด“ เสร็จแล้วหย่งเอ๋อ พวกข้าไปก่อนนะ ” บ่าวชายคนหนึ่งเอ่ยขึ้นแล้วพวกเขาก็เร่งฝีเท้าก้าวออกไปจากห้องนั้นพร้อมกับหิ้วถังไม้ใบใหญ่นั้นกลับไปด้วย “ เดี๋ยวพวกเจ้า ไม่คิดจะอยู่เป็นเพื่อนข้าก่อนหรือไงกัน ” แต่เสียงของหย่งเอ๋อนั้นก็ไม่มีผู้ใดอยู่ฟังนาง บ่าวชายทั้งสองนั้นพร้อมที่จะไม่ฟังเสียงใดๆอยู่แล้ว ทำเป็นไม่ได้ยินแล้วเร่งฝีเท้าออกไปจากเรือนหลังนี้อย่างเร่งรีบ แล้วถอนหายใจออกมาเบาๆ เพราะพวกเขาเสร็จหน้าที่ที่จะต้องเข้าไปในเรือนหลังนี้ในวันนี้แล้ว งานของผู้อื่นนั้นก็เรื่องของพวกเขาก็แล้วกัน แม้จะเห็น
คุณชายหนุ่มจูบปากอวบอิ่มของเมียหมาด ๆ ของเขาอย่างเร่าร้อน เขาทั้งดูดลิ้นเล็กของนางและส่งลิ้นสากเข้าเกี่ยวพันกับลิ้นเล็กของนางอย่างเมามัน อี้ชิงที่เคลิบเคลิ้มด้วยจูบที่หลอกล่อให้นางหลงมัวเมาจนหลงลืมไปสิ้น ตัวของนางเหมือนล่องลอยเบาหวิว ขณะนั้นร่างหนาก็ดันท่อนเอ็นแข็งชันของเขาเข้าไปจนมิดลำกาย รูสวาทของนางบีบท่อนเอ็นแข็งขึงของเขาจนมันเจ็บไปหมด แต่ก็เสียวมากเช่นกัน เมื่อแช่เอาไว้เพียงครู่เขาก็ค่อยขยับมันเข้าออกช้าๆเข้าสุดออกสุดด้วยจังหวะเนิบนาบแล้วก็ค่อยเร่งจังหวะให้เร็วขึ้นจนกลายเป็นโยกขย่มร่างอวบของเมียหมาดๆอย่างรุนแรงและรวดเร็วยิ่งขึ้น บั้นเอวหนาของเขาเหมือนมันมีชีวิตของตนเอง มันโยกอย่างบ้าคลั่งทิ่มแทงร่องอวบของนางอย่างเมามัน จนกระทั่ง “ ข้าจะเสร็จแล้ว จะเสร็จแล้วนายท่าน ” อี้ชิงร้องครวญครางจนแทบไม่มีเสียง เพราะนางเสียว เสียวจนแทบจะขาดใจอยู่แล้ว สะโพกอวบกระตุกหลายๆครั้งแล้วน้ำรักของนางก็ไหลออกมาอย่างมากมาย ขณะที่บั้นเอวสอบก็โยกแทงเข้าออกรูสวาทของนางอย่างบ้าคลั่งจนสะโพกหนาของเขากระตุกเกร็งหลายครั้งแล้วแตกพ่ายปล่อยน้ำรักอุ่นๆเข้าไปในรูสวาทของเจ้าสาวหมาดๆ จนหมดทุกหยาดหยุด เงาร่างหนาหอบอย
“ ช่างเถอะ คงไม่มีอะไรหรอก ” แล้วอี้ชิงก็เปิดตู้เสื้อผ้าค้นชุดคลุมตัวยาวเนื้อผ้าบางเบามันลื่นนุ่มมืออย่างยิ่ง มาสวมใส่บนร่างอวบเพียงตัวเดียว เมื่อสวมลงบนร่างอวบแล้วรู้สึกสบายเนื้อตัวอย่างยิ่ง นางจึงไม่ได้สวมกางเกงและเอี๊ยมข้างในอีกชั้นหนึ่ง เพราะนอนแค่เพียงผู้เดียวคงไม่มีอะไร แล้วนางจึงได้เดินไปทรุดนั่งที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ลงมือทาเครื่องประทินผิวเพื่อบำรุงผิวหน้าและลำคอขาวผ่องน่าลูบไล้ เครื่องประทินผิวที่มีกลิ่นหอมเหล่านี้ราคาคงจะแพงมาก นางไม่เคยใช้มาก่อน เมื่อทาแล้วรู้สึกสบายผิวดี อี้ชิงหยิบหวีมาสางผมนุ่มสลายที่ยาวจนถึงกลางหลังของนางช้าๆ จนมันนุ่มสลวย แล้วจึงได้เดินไปรินน้ำดื่มเล็กน้อยพอให้ชุ่มคอแล้วจึงได้เดินที่เตียงนอนใหญ่เพื่อเข้านอน นางเป็นเจ้าสาวที่จะว่าไปก็อนาถไม่น้อย เข้าหอโดยที่ไม่ต้องรอเจ้าบ่าวดังเช่นเจ้าสาวคนอื่นๆ เพราะคงไม่มีวันที่เจ้าบ่าวของนางจะมาเข้าหออี้ชิงครุ่นคิดขณะที่นางเอนกายลงนอนบนหมอนนุ่มๆแล้วดึงผ้าผวยผ้านุ่มลื่นห่มสบายตัวอย่างยิ่งขึ้นมาห่มบนร่างอวบแล้วหลับพริ้มลงทันที เวลาผ่านไปอี้ชิงที่เหน็ดเหนื่อยไม่น้อยกับการเตรียมตัวเป็นเจ้าสาวในวันนี้ก็หลับผล็อยไปทัน
หลังจากนั้นสามวัน บัดนี้ลู่อี้ชิงยืนอยู่หน้าแทนพิธีและกำลังทำพิธีแต่งงานโดยมีเจ้าบ่าวคือป้ายวิญญาณของคุณชายใหญ่หม่่าเฟยหลง อี้ชิงทำตามคำสั่งของแม่สื่อวัยกลางคนที่ยืนกำกับพิธีอยู่ข้างๆ โดยมีคนที่ร่วมในพิธีคือฮูหยินใหญ่และทุกคนในตระกูลหม่าที่แต่งกายสีแดงด้วยชุดปราณีตงดงามเข้าร่วมพิธี โดยมีมารดาของอี้ชิงนั่งอยู่ที่โต๊ะมุกที่เรียงรายสองข้างทางในห้องโถงใหญ่นั้น ขณะที่อี้ชิงคำนับฟ้าและไหว้บรรบุรุษอยู่นั้นอยู่ๆ เสียงฟ้าร้องก็ดังครืนเสียงดังก้องอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยว่าวันนี้จะมีฝนตก เสียงฟ้าร้องเสียงดังคำรามก้องอยู่ชั่วครู่ แต่ทั้งซินแสที่มากำกับการทำพิธีแต่งงานในวันนี้กับแม่สื่อสูงวัยต่างทำพิธีต่ออย่างไม่สนใจเสียงฟ้าที่คำรามก้องเสียงดังน่ากลัวนั้น เมื่อพิธีเสร็จสิ้นแม่สื่อก็จูงมืออี้ชิง ในชุดเจ้าสาวที่ปราณีตงดงามมีเครื่องประดับเป็นพลอยสีแดงและมงกุฏหงส์ที่งดงามยิ่งนัก นับเป็นอาภรณ์ที่งดงามที่สุดในชีวิตของลู่อี้ชิงที่บัดนี้กลายเป็นหม่าอี้ชิงสะใภ้ใหญ่ของตระกูลหม่าแล้ว นางเดินตามแม่สื่อมุ่งตรงไปยังเรือนขนาดกลางที่ตั้งอยู่เป็นเรือนหลังสุดท้ายของหมู่เรือนขนาดต่างๆที่เรียงรายนับจากเรือนหลักที่นางเ
“ มีใครอยู่หรือไม่ ” เสียงผู้ชายตะโกนอยู่หน้าประตูจวนหลังเล็กๆของบ้านลู่ ที่มีอาชีพค้าขายไข่ไก่และผักสดที่ปลูกเองในที่ดินผืนเล็กของพวกเขา ครอบครัวนี้มีบุตรสาวคนโตคือลู่อี้ชิง และมีบุตรชายคนกลางและคนเล็กอีกสองคนซึ่งอายุแค่เพียงสิบปีและแปดปีตามลำดับ ทำให้ภาระหน้าที่แบ่งเบางานบ้านและออกไปช่วยมารดาค้าขายที่ตลาดสดในยามอิ๋น (ตีสามกว่า )ถึงยามเฉิน (แปดโมงเช้านิดๆ ) เป็นของอี้ชิง ครอบครัวนี้เลี้ยงไก่เอาไว้ขายจำนวนไม่มากนัก มีไก่เพียงห้าเล้าและพื้นที่ดินนอกเหนือจากนั้นก็ปลูกผักกาดขาวและพืชผักต่างๆสลับกันไป เอาไว้ขายที่ตลาดและมักจะมีเพื่อนบ้านมาขอซื้อของที่ด้วย ที่จริงแล้วหากใช้จ่ายอย่างประหยัดและขยันขันแข็งก็พอประทังชีวิตกันไปได้ไม่เดือดร้อนมากนัก แต่ด้วยพ่อบ้านคือลู่อี้ถังนั้นเป็นชายที่ไม่เอาถ่านเลยแม้เพียงสักน้อย เขาเป็นคนจับจดตอนแต่งงานใหม่เขาก็ช่วยงานอยู่บ้าง แต่นานๆเขาก็เบื่อหน่ายออกไปเล่นการพนันโถ่โปและบ่อนเล็กบ่อนน้อยในเมือง บางวันก็ได้เงินมาและซื้อกับข้าวและของใช้เข้าบ้าน แต่บางวันก็หมดตัวมารีดไถภรรยาที่บ้านเช่นกัน เรื่องเช่่นนี้อี้ชิงบุตรสาวคนโตเห็นจนชินตา ขณะนั้นสองแม่ลูกเพิ่งกลับ