ขณะที่เวินเหลียงกำลังสับสน ก็ได้รับสายระหว่างประเทศจากฟู่ชิงเยว่เธอยากจะเลี่ยงไม่ให้หวนนึกถึงบทสนทนานั่นที่ได้ยินจากในห้องทำงานของผู้กำกับที่สถานีตำรวจ ในใจเธอเปี่ยมล้นไปด้วยความมืดครึ้ม อารมณ์ดิ่งลงมาขั้นสุด“ฮัลโหลค่ะ คุณฟู่...มีเรื่องอะไรเหรอคะ?” เวินเหลียงถามขึ้นชืด ๆฟู่เยว่หัวเราะเย้ยหยันเบา ๆ ในน้ำเสียงแฝงความโอหังอยู่สองสามส่วน “ตอนนี้แม้แต่คำว่าคุณอาก็ไม่เรียกแล้ว?”“คุณอามีเรื่องอะไรก็พูดมาตรง ๆ เถอะค่ะ” น้ำเสียงของเวินเหลียงนิ่งสงบก่อนหน้านี้ผิวเผินเธอยังมีความเคารพต่อฟู่ชิงเยว่อยู่สองสามส่วน ทว่าตอนนี้ไม่อยากจะรักษามันเอาไว้แล้ว หากไม่ใช่เพราะเธอเป็นลูกสาวของคุณย่า เวินเหลียงไม่คิดจะรับสายด้วยซ้ำฟู่ชิงเยว่แค้นเสียงฮึออกมาทีหนึ่ง “งั้นฉันก็จะพูดตรง ๆ เลยแล้วกัน ต่อไปนี้เธออยู่ให้ห่างจากอาเจิงซะ! อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะ เธอกำลังจงใจเกาะอาเจิงอยู่! แม่เป็นยังไงลูกมันก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ รู้จักแต่อ่อยผู้ชายเหมือนแม่ปีศาจจิ้งจอกของเธอนั่นไม่มีผิด!”เวินเหลียงสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เฮือกหนึ่ง ก่อนจะกัดฟันเอ่ยขึ้นว่า “คุณอาพูดแบบนี้หมายความว่ายังไงคะ?”ฟู่ชิงเยว่รู้จักหลินเ
เด็กชายมองฉู่ซืออี๋ด้วยความระแวงพลางลุกขึ้นมาจากรถโยกฉู่ซืออี๋มาหยุดตรงหน้าเด็กชาย ก่อนจะย่อตัวลง โผล่ให้เห็นเพียงดวงตาทั้งสอง “ฟู่รุ่ย?”ฟู่รุ่ยมองประเมินเธอสองที แล้วเอ่ยถามขึ้นอย่างระมัดระวัง “คุณน้ารู้จักผมด้วยเหรอครับ?”ฉู่ซืออี๋ไม่ตอบ “พ่อนายจะติดคุกแล้วใช่ไหม?”เมื่อฟู่รุ่ยได้ยินดังนั้น สีหน้าบนใบหน้าน้อย ๆ ก็เปลี่ยนไปทันที “คุณน้าอย่าพูดจามั่วซั่วนะครับ”“ฉันไม่ได้พูดมั่วซั่ว ในใจนายรู้ดี พ่อนายเป็นฆาตกร!”ใบหน้าน้อย ๆ ของฟู่รุ่ยซีดเผือด มุมปากคว่ำลงพร้อมโต้แย้งอย่างไม่มั่นใจ “เขาไม่ใช่...”“นายไม่อยากช่วยพ่อของนายออกมาเหรอ?”“ช่วยยังไงเหรอครับ?”“ง่ายมาก นายบอกเรื่องนี้กับคุณย่าทวดสิ ให้คุณย่าทวดของนายไปขอร้องคุณอาเวินเหลียง เห็นแก่บุญคุณที่คุณย่าทวดของนายเลี้ยงดูมา คุณอาเวินเหลียงต้องยอมยกโทษให้พ่อนายแน่นอน แบบนี้พ่อนายก็ไม่ต้องติดคุกแล้ว”ฟู่รุ่ยเงียบไปสองสามวินาที ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยความสงสัยว่า “แต่...แต่ว่าแม่ไม่ให้ผมบอกคุณย่าทวด...”“นั่นเพราะแม่นายคิดจะฉวยโอกาสนี้หย่ากับพ่อนาย เลยไม่อยากให้พ่อนายออกมา นายคิดดูสิ ปกติพ่อนายดีกับนายแค่ไหน นายอยากให้พ่อนายอยู่ใน
วันนี้ขณะถ่ายซีรีส์ เวินเหลียงจิตใจไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวเท่าไรก่อนเข้างาน เธอได้รับข้อความ ฟู่เจิงให้คนไปชะลอที่สำนักงานอัยการ ในเวลาเพียงชั่วครู่ชั่วยามสำนวนไปถึงศาลไม่ได้ ไม่แน่อาจให้ตีกลับไปสอบสวนที่สถานีตำรวจใหม่โดยใช้เหตุผลว่าหลักฐานไม่เพียงพอ ขณะเดียวกันเขายังจ้างจี้เจ๋อทนายอันดับหนึ่งแห่งเจียงเฉิงมาให้ฟู่เยว่อีกด้วย เตรียมไว้สองลู่ทาง แม้ว่าจะชะลอไว้ไม่ได้ แต่ก็ตั้งใจให้ฟู่เยว่ได้รับโทษสถานเบาที่สุดถ้าเป็นปัญหาแค่เรื่องการจ้างทนาย เดิมทีเป็นสิทธิ์ที่ฟู่เยว่ควรจะมีอยู่แล้ว เวินเหลียงคงไม่รู้สึกว่ามีอะไร แต่เขาสอดมือไปถึงสำนักงานอัยการ เจตนายืดกระบวนการของคดีออกไปฟู่เจิงเชื่อที่ฟู่เยว่พูด ฉะนั้นฉู่ซืออี๋ต่างหากที่เป็นตัวการทำให้พ่อของเธอเสียชีวิต คิดจะยืดเวลาออกไป เพื่อหาหลักฐานที่เป็นประโยชน์กับฟู่เยว่มาแต่ขณะที่เวินเหลียงรู้เรื่องนี้เข้า คำพูดของฟู่ชิงเยว่ก็ผุดขึ้นในหัวทันที“อาเจิงรักฟู่เยว่มาก ตอนนี้กำลังคิดหาวิธีพลิกคดีให้ฟู่เยว่อยู่”ฉะนั้นถ้าคดีนี้ถูกส่งกลับไปสอบสวนใหม่อีกครั้ง ผลของการสืบสวนที่ออกมาจะเป็นเรื่องจริงแน่ ๆ?ในหัวเวินเหลียงสับสนไปหมดเธอไม่รู้เ
แต่ว่าเขาแค่อยากช่วยพ่อเท่านั้นทั้งสองคนสบตากัน เวินเหลียงเม้มริมฝีปากล่าง “พี่สะใภ้ใหญ่”ซูชิงอวิ๋นก้มหน้าพลางพยักหน้าเบา ๆ “พวกเธอมากันแล้วเหรอ...”“คุณย่าอยู่ข้างบนเหรอครับ?” ฟู่เจิงเดินเข้ามาแล้วเอ่ยถามขึ้นซูชิงอวิ๋นพยักหน้าเวินเหลียงกับฟู่เจิงสบตากันทีหนึ่ง ก่อนจะขึ้นไปชั้นบนตามลำดับภายในห้องนอน คุณหญิงนั่งพิงอยู่บนพนักพิงบนเตียงด้วยสีหน้ากลัดกลุ้ม มองออกไปนอกหน้าต่างอย่างเหม่อลอยเสียงฝีเท้าใกล้เข้ามาเธอค่อย ๆ เบือนสายตาไปที่ประตูยิ่งใกล้ถึงห้องฝีเท้าของเวินเหลียงก็ยิ่งช้าลงเรื่อย ๆในวินาทีที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตู เธอแทบจะให้เวลาหยุดอยู่แค่ตรงนี้ แบบนั้นเธอจะได้ไม่ต้องเผชิญหน้าอีกต่อไปทว่านี่เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เวินเหลียงสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เฮือกหนึ่ง ก่อนจะยกมือขึ้นไปกดมือจับประตูประตูถูกเปิดแย้มออกเป็นร่อง จากนั้นก็ค่อย ๆ เปิดกว้างขึ้นเมื่อไปสบเข้ากับสายตาของคุณย่า ไม่รู้ทำไม ขอบตาของเวินเหลียงก็พลันแดงระเรื่อขึ้นมา “คุณย่าคะ!”เธอรีบโผไปที่ข้างเตียง คว้ามือของคุณย่าเอาไว้ทั้งสั่นเทา “คุณย่า...”“เด็กดี” คุณหญิงพลิกมือมาเป็นฝ่ายกุมมือของเวินเหลียงเ
“แกไม่ใช่ลูกนอกสมรสของฟู่หรง เขาไม่ใช่พ่อของแกแต่เป็นคุณลุงของแกต่างหาก” คุณหญิงเอ่ยลมหายใจของฟู่เจิงติดขัดไปครู่หนึ่งข่าวนี้ราวกับสายฟ้าแสนน่าตกตะลึงที่ฟาดลงมาจากฟากฟ้า สั่นสะเทือนจนในหัวของฟู่เจิงสับสนไปหมดเขาไม่ใช่ลูกนอกสมรสของฟู่หรง?ฟู่หรงไม่ใช่พ่อของเขา?แต่เป็นลุงของเขา?ถ้าอย่างนั้นตัวตนของแม่เขา...เดาออกได้โดยทันทีฟู่เจิงไม่กล้าเชื่อ ทว่าจะไม่เชื่อก็ไม่ได้แม่ที่เขาตั้งตารอคอยมานานแสนนานตอนเด็ก ๆ ไม่นึกเลยว่าจะเป็นฟู่ชิงเยว่ท้ายที่สุดเบาะแสที่ไม่ชัดเจนในก่อนหน้านี้เหล่านั้นก็มีคำตอบแล้วมิน่าล่ะตอนเด็ก ๆ ฟู่ชิงเยว่ถึงดีกับเขาขนาดนั้นมิน่าล่ะฟู่ชิงเยว่ถึงไม่ชอบหลานชายแท้ ๆ อย่างฟู่เยว่ แต่กลับชอบหลานชาย ‘นอกสมรส’ อย่างเขามากกว่ามิน่าล่ะฟู่ชิงเยว่มักจะชอบก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของเขา อันที่จริงแล้วนั้นเป็นการก้าวก่ายเรื่องแต่งงานของเขาด้วยฐานะแม่คุณหญิงเห็นสีหน้าอึ้งทึ่งของฟู่เจิง เธอก็รีบพูดต่อว่า “ชิงเยว่กับพ่อของแกรู้จักกันมาตั้งนานแล้ว แต่พ่อของแกถูกครอบครัวกดดันให้แต่งงานกับผู้หญิงอีกคน ชิงเยว่ถูกพ่อของแกหลอกให้ลุ่มหลง ไม่นึกเลยว่าจะไม่คิดตัดขาดจากกัน ฉัน
แม้ความเคียดแค้นประเภทนี้จะถูกคุณท่านกดลงไปเยอะแล้ว ทว่าก็ยังคงฝังอยู่ในมุมมืดภายในใจ ถึงได้ถูกคนเสี้ยมเอาได้ง่าย“คุณย่าครับ ที่ตอนแรกคุณย่าทำแบบนั้นก็เพื่อพวกเราอย่างแน่นอน”ในสายตาของสองตายาย พี่น้องดูรักใคร่กลมเกลียว ไม่มีทางเกิดเรื่องพรรค์นี้ขึ้น ทว่าใครจะไปรู้ว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นล่ะ?“ชิงเยว่ แม่ของแก...เธออยู่ต่างประเทศมานานหลายปีขนาดนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลย แกอย่าโทษเธอเลยนะ”นัยน์ตาฟู่เจิงลึกซึ้ง ยังจำได้ชัดเจนว่าก่อนหน้าที่ฟู่ชิงเยว่จะไปเธอทำอะไรเอาไว้ “ขอแค่เขาไม่ก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของผมอีก ไม่ขวางไม่ให้ผมคบกับอาเหลียงอีก ผมก็จะเห็นเขาเป็นแม่ครับ”“ดี” คุณหญิงพยักหน้า “เอาละ แกออกไปก่อน ย่าเหนื่อยแล้ว อยากอยู่คนเดียวสักพัก”“ครับ คุณย่า คุณย่าพักผ่อนให้เต็มที่นะครับ”ฟู่เจิงลุกขึ้นออกไปจากห้องเมื่อออกมาจากห้อง เขาก็เห็นเวินเหลียงยืนอยู่ตรงหน้าหน้าต่างชั้นสอง แขนเสื้อลอยพลิ้ว ราวกับจะพุ่งทะยานออกไปจากโลกมนุษย์ดุจขี่เมฆหมอกดั่งเทพเซียน เมื่อได้ยินเสียงเปิดปิดประตู เวินเหลียงก็หันหน้ามา ยังไม่ทันได้พูดอะไร ฟู่เจิงก็สาวเท้าก้าวเข้ามากอดเวินเหลียงไว้ในอ้อมอกแล้
ฟู่เจิงชะงักไปครู่หนึ่ง “ผมไม่เข้าใจทำไมคุณต้องตั้งตัวเป็นศัตรูกับเวินเหลียงขนาดนั้นด้วย หรือว่าเป็นเพราะภรรยาคนที่สองของฮั่วจวินซาน หลินเจียหมิ่น?”แม่เลี้ยงของฮั่วตงเฉิงคือแม่ของเวินเหลียง ฟู่เจิงรู้เรื่องนี้ตั้งนานแล้วเป็นคนแปลกหน้าไม่ข้องเกี่ยวกันแล้ว เขาคิดว่าไม่มีความจำเป็นต้องบอกเวินเหลียงแต่ไม่คิดเลยว่าเวินเหลียงจะไปรู้จักกับฮั่วตงเฉิงตอนเรียนมหาวิทยาลัยเข้าวันนั้นที่วิดีโอคอลกันที่เมืองจิง ดูเวินเหลียงอารมณ์ไม่ดีเอามาก ๆ เขาเดาว่าเธอคงจะรู้ตัวตนของหลินเจียหมิ่นแล้วเขากับเธอล้วนเป็นคนที่ถูกพ่อแท้ ๆ หรือแม่แท้ ๆ ทิ้งเหมือนกันเมื่อได้ยินว่าฟู่เจิงย้อนถามตนเหมือนกับที่เวินเหลียงถาม ฟู่ชิงเยว่ก็เดือดดาลจนในหัวดังหึ่ง ๆ ขึ้นมา “ใช่! ถ้าหลินเจียหมิ่นนังชั้นต่ำนั่นไม่ไปอ่อยฮั่วจวินซาน ตอนนี้ฉันก็เป็นภรรยาของเขา เธอก็จะเป็นคุณชายตระกูลฮั่ว ทั้งหมดของตระกูลฮั่วก็จะตกเป็นของเธอ เวินเหลียงก็เหมือนกับแม่เขา คิดเพ้อเจ้อแค่หวังใช้หน้าตาก็จะ...”ตอนเลิกกัน ฮั่วจวินซานเคยไปส่งเธอที่สนามบิน และบอกเธอเองกับปากว่า เขาจะคิดหาวิธีรับเธอกับลูกกลับมาเธอก็รอคอยอยู่ที่ต่างประเทศ คอยอยู่ตั
เธอสุ่ม ๆ คีบเนื้อขึ้นมาชิ้นหนึ่ง ก่อนจะถามว่า “คุณมองฉันทำไมน่ะ?”“ไม่มีอะไร” ฟู่เจิงเบือนสายตาหนีสายตาของเขาเปล่งประกาย อยากจะพูดทว่าก็ชะงักไป “อาเหลียง เธอ...”พูดไปได้ครึ่งหนึ่ง เขาก็ชะงักไปพลางเม้มริมฝีปาก แล้วเปลี่ยนเรื่องคุย “คดีของพี่ใหญ่ถูกส่งสำนวนไปที่สำนักงานอัยการแล้ว เธอคิดเห็นยังไง?”เวินเหลียงชะงักไป ก่อนจะก้มหน้าพลางตอบ “ก็ไม่ได้คิดยังไง รอพิพากษา”“เธอ...ช่วยให้เวลาฉันอีกหน่อยได้ไหม...”“ทำไมเหรอ?” เวินเหลียงเลิกคิ้ว“อย่าตีตัวออกห่างจากฉันเพราะเรื่องของพี่ใหญ่”หวังว่าเธอจะให้เวลาเขาได้อีกหน่อย เขาจะคิดหาวิธีพิสูจน์ว่าสิ่งที่ฟู่เยว่พูดเป็นเรื่องจริง ฉู่ซืออี๋ต่างหากที่เป็นตัวการทำให้พ่อของเธอตายเวินเหลียงก้มหน้าให้เวลาเขาได้พลิกคดีให้ฟู่เยว่?เขาเชื่อขนาดนั้นเลยเหรอว่าที่ฟู่เยว่พูดเป็นความจริงแน่นอน?จางกั๋วอันกับทางตำรวจมีเหตุผลอะไรให้ต้องกล่าวหาฟู่เยว่อย่างไม่ยุติธรรมด้วย?โดยเฉพาะจางกั๋วอัน ตัวเองยังเอาไม่รอด เผชิญหน้ากับโทษจำคุกสูงสุด ตัวเลือกที่ดีที่สุดก็คือให้ความร่วมมือกับทางตำรวจสารภาพมาตามความจริง เพื่อขอให้ตัดสินโทษในสถานเบา ทว่าหากเขาพูดโกหก