วันนี้ขณะถ่ายซีรีส์ เวินเหลียงจิตใจไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวเท่าไรก่อนเข้างาน เธอได้รับข้อความ ฟู่เจิงให้คนไปชะลอที่สำนักงานอัยการ ในเวลาเพียงชั่วครู่ชั่วยามสำนวนไปถึงศาลไม่ได้ ไม่แน่อาจให้ตีกลับไปสอบสวนที่สถานีตำรวจใหม่โดยใช้เหตุผลว่าหลักฐานไม่เพียงพอ ขณะเดียวกันเขายังจ้างจี้เจ๋อทนายอันดับหนึ่งแห่งเจียงเฉิงมาให้ฟู่เยว่อีกด้วย เตรียมไว้สองลู่ทาง แม้ว่าจะชะลอไว้ไม่ได้ แต่ก็ตั้งใจให้ฟู่เยว่ได้รับโทษสถานเบาที่สุดถ้าเป็นปัญหาแค่เรื่องการจ้างทนาย เดิมทีเป็นสิทธิ์ที่ฟู่เยว่ควรจะมีอยู่แล้ว เวินเหลียงคงไม่รู้สึกว่ามีอะไร แต่เขาสอดมือไปถึงสำนักงานอัยการ เจตนายืดกระบวนการของคดีออกไปฟู่เจิงเชื่อที่ฟู่เยว่พูด ฉะนั้นฉู่ซืออี๋ต่างหากที่เป็นตัวการทำให้พ่อของเธอเสียชีวิต คิดจะยืดเวลาออกไป เพื่อหาหลักฐานที่เป็นประโยชน์กับฟู่เยว่มาแต่ขณะที่เวินเหลียงรู้เรื่องนี้เข้า คำพูดของฟู่ชิงเยว่ก็ผุดขึ้นในหัวทันที“อาเจิงรักฟู่เยว่มาก ตอนนี้กำลังคิดหาวิธีพลิกคดีให้ฟู่เยว่อยู่”ฉะนั้นถ้าคดีนี้ถูกส่งกลับไปสอบสวนใหม่อีกครั้ง ผลของการสืบสวนที่ออกมาจะเป็นเรื่องจริงแน่ ๆ?ในหัวเวินเหลียงสับสนไปหมดเธอไม่รู้เ
แต่ว่าเขาแค่อยากช่วยพ่อเท่านั้นทั้งสองคนสบตากัน เวินเหลียงเม้มริมฝีปากล่าง “พี่สะใภ้ใหญ่”ซูชิงอวิ๋นก้มหน้าพลางพยักหน้าเบา ๆ “พวกเธอมากันแล้วเหรอ...”“คุณย่าอยู่ข้างบนเหรอครับ?” ฟู่เจิงเดินเข้ามาแล้วเอ่ยถามขึ้นซูชิงอวิ๋นพยักหน้าเวินเหลียงกับฟู่เจิงสบตากันทีหนึ่ง ก่อนจะขึ้นไปชั้นบนตามลำดับภายในห้องนอน คุณหญิงนั่งพิงอยู่บนพนักพิงบนเตียงด้วยสีหน้ากลัดกลุ้ม มองออกไปนอกหน้าต่างอย่างเหม่อลอยเสียงฝีเท้าใกล้เข้ามาเธอค่อย ๆ เบือนสายตาไปที่ประตูยิ่งใกล้ถึงห้องฝีเท้าของเวินเหลียงก็ยิ่งช้าลงเรื่อย ๆในวินาทีที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตู เธอแทบจะให้เวลาหยุดอยู่แค่ตรงนี้ แบบนั้นเธอจะได้ไม่ต้องเผชิญหน้าอีกต่อไปทว่านี่เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เวินเหลียงสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เฮือกหนึ่ง ก่อนจะยกมือขึ้นไปกดมือจับประตูประตูถูกเปิดแย้มออกเป็นร่อง จากนั้นก็ค่อย ๆ เปิดกว้างขึ้นเมื่อไปสบเข้ากับสายตาของคุณย่า ไม่รู้ทำไม ขอบตาของเวินเหลียงก็พลันแดงระเรื่อขึ้นมา “คุณย่าคะ!”เธอรีบโผไปที่ข้างเตียง คว้ามือของคุณย่าเอาไว้ทั้งสั่นเทา “คุณย่า...”“เด็กดี” คุณหญิงพลิกมือมาเป็นฝ่ายกุมมือของเวินเหลียงเ
“แกไม่ใช่ลูกนอกสมรสของฟู่หรง เขาไม่ใช่พ่อของแกแต่เป็นคุณลุงของแกต่างหาก” คุณหญิงเอ่ยลมหายใจของฟู่เจิงติดขัดไปครู่หนึ่งข่าวนี้ราวกับสายฟ้าแสนน่าตกตะลึงที่ฟาดลงมาจากฟากฟ้า สั่นสะเทือนจนในหัวของฟู่เจิงสับสนไปหมดเขาไม่ใช่ลูกนอกสมรสของฟู่หรง?ฟู่หรงไม่ใช่พ่อของเขา?แต่เป็นลุงของเขา?ถ้าอย่างนั้นตัวตนของแม่เขา...เดาออกได้โดยทันทีฟู่เจิงไม่กล้าเชื่อ ทว่าจะไม่เชื่อก็ไม่ได้แม่ที่เขาตั้งตารอคอยมานานแสนนานตอนเด็ก ๆ ไม่นึกเลยว่าจะเป็นฟู่ชิงเยว่ท้ายที่สุดเบาะแสที่ไม่ชัดเจนในก่อนหน้านี้เหล่านั้นก็มีคำตอบแล้วมิน่าล่ะตอนเด็ก ๆ ฟู่ชิงเยว่ถึงดีกับเขาขนาดนั้นมิน่าล่ะฟู่ชิงเยว่ถึงไม่ชอบหลานชายแท้ ๆ อย่างฟู่เยว่ แต่กลับชอบหลานชาย ‘นอกสมรส’ อย่างเขามากกว่ามิน่าล่ะฟู่ชิงเยว่มักจะชอบก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของเขา อันที่จริงแล้วนั้นเป็นการก้าวก่ายเรื่องแต่งงานของเขาด้วยฐานะแม่คุณหญิงเห็นสีหน้าอึ้งทึ่งของฟู่เจิง เธอก็รีบพูดต่อว่า “ชิงเยว่กับพ่อของแกรู้จักกันมาตั้งนานแล้ว แต่พ่อของแกถูกครอบครัวกดดันให้แต่งงานกับผู้หญิงอีกคน ชิงเยว่ถูกพ่อของแกหลอกให้ลุ่มหลง ไม่นึกเลยว่าจะไม่คิดตัดขาดจากกัน ฉัน
แม้ความเคียดแค้นประเภทนี้จะถูกคุณท่านกดลงไปเยอะแล้ว ทว่าก็ยังคงฝังอยู่ในมุมมืดภายในใจ ถึงได้ถูกคนเสี้ยมเอาได้ง่าย“คุณย่าครับ ที่ตอนแรกคุณย่าทำแบบนั้นก็เพื่อพวกเราอย่างแน่นอน”ในสายตาของสองตายาย พี่น้องดูรักใคร่กลมเกลียว ไม่มีทางเกิดเรื่องพรรค์นี้ขึ้น ทว่าใครจะไปรู้ว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นล่ะ?“ชิงเยว่ แม่ของแก...เธออยู่ต่างประเทศมานานหลายปีขนาดนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลย แกอย่าโทษเธอเลยนะ”นัยน์ตาฟู่เจิงลึกซึ้ง ยังจำได้ชัดเจนว่าก่อนหน้าที่ฟู่ชิงเยว่จะไปเธอทำอะไรเอาไว้ “ขอแค่เขาไม่ก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของผมอีก ไม่ขวางไม่ให้ผมคบกับอาเหลียงอีก ผมก็จะเห็นเขาเป็นแม่ครับ”“ดี” คุณหญิงพยักหน้า “เอาละ แกออกไปก่อน ย่าเหนื่อยแล้ว อยากอยู่คนเดียวสักพัก”“ครับ คุณย่า คุณย่าพักผ่อนให้เต็มที่นะครับ”ฟู่เจิงลุกขึ้นออกไปจากห้องเมื่อออกมาจากห้อง เขาก็เห็นเวินเหลียงยืนอยู่ตรงหน้าหน้าต่างชั้นสอง แขนเสื้อลอยพลิ้ว ราวกับจะพุ่งทะยานออกไปจากโลกมนุษย์ดุจขี่เมฆหมอกดั่งเทพเซียน เมื่อได้ยินเสียงเปิดปิดประตู เวินเหลียงก็หันหน้ามา ยังไม่ทันได้พูดอะไร ฟู่เจิงก็สาวเท้าก้าวเข้ามากอดเวินเหลียงไว้ในอ้อมอกแล้
ฟู่เจิงชะงักไปครู่หนึ่ง “ผมไม่เข้าใจทำไมคุณต้องตั้งตัวเป็นศัตรูกับเวินเหลียงขนาดนั้นด้วย หรือว่าเป็นเพราะภรรยาคนที่สองของฮั่วจวินซาน หลินเจียหมิ่น?”แม่เลี้ยงของฮั่วตงเฉิงคือแม่ของเวินเหลียง ฟู่เจิงรู้เรื่องนี้ตั้งนานแล้วเป็นคนแปลกหน้าไม่ข้องเกี่ยวกันแล้ว เขาคิดว่าไม่มีความจำเป็นต้องบอกเวินเหลียงแต่ไม่คิดเลยว่าเวินเหลียงจะไปรู้จักกับฮั่วตงเฉิงตอนเรียนมหาวิทยาลัยเข้าวันนั้นที่วิดีโอคอลกันที่เมืองจิง ดูเวินเหลียงอารมณ์ไม่ดีเอามาก ๆ เขาเดาว่าเธอคงจะรู้ตัวตนของหลินเจียหมิ่นแล้วเขากับเธอล้วนเป็นคนที่ถูกพ่อแท้ ๆ หรือแม่แท้ ๆ ทิ้งเหมือนกันเมื่อได้ยินว่าฟู่เจิงย้อนถามตนเหมือนกับที่เวินเหลียงถาม ฟู่ชิงเยว่ก็เดือดดาลจนในหัวดังหึ่ง ๆ ขึ้นมา “ใช่! ถ้าหลินเจียหมิ่นนังชั้นต่ำนั่นไม่ไปอ่อยฮั่วจวินซาน ตอนนี้ฉันก็เป็นภรรยาของเขา เธอก็จะเป็นคุณชายตระกูลฮั่ว ทั้งหมดของตระกูลฮั่วก็จะตกเป็นของเธอ เวินเหลียงก็เหมือนกับแม่เขา คิดเพ้อเจ้อแค่หวังใช้หน้าตาก็จะ...”ตอนเลิกกัน ฮั่วจวินซานเคยไปส่งเธอที่สนามบิน และบอกเธอเองกับปากว่า เขาจะคิดหาวิธีรับเธอกับลูกกลับมาเธอก็รอคอยอยู่ที่ต่างประเทศ คอยอยู่ตั
เธอสุ่ม ๆ คีบเนื้อขึ้นมาชิ้นหนึ่ง ก่อนจะถามว่า “คุณมองฉันทำไมน่ะ?”“ไม่มีอะไร” ฟู่เจิงเบือนสายตาหนีสายตาของเขาเปล่งประกาย อยากจะพูดทว่าก็ชะงักไป “อาเหลียง เธอ...”พูดไปได้ครึ่งหนึ่ง เขาก็ชะงักไปพลางเม้มริมฝีปาก แล้วเปลี่ยนเรื่องคุย “คดีของพี่ใหญ่ถูกส่งสำนวนไปที่สำนักงานอัยการแล้ว เธอคิดเห็นยังไง?”เวินเหลียงชะงักไป ก่อนจะก้มหน้าพลางตอบ “ก็ไม่ได้คิดยังไง รอพิพากษา”“เธอ...ช่วยให้เวลาฉันอีกหน่อยได้ไหม...”“ทำไมเหรอ?” เวินเหลียงเลิกคิ้ว“อย่าตีตัวออกห่างจากฉันเพราะเรื่องของพี่ใหญ่”หวังว่าเธอจะให้เวลาเขาได้อีกหน่อย เขาจะคิดหาวิธีพิสูจน์ว่าสิ่งที่ฟู่เยว่พูดเป็นเรื่องจริง ฉู่ซืออี๋ต่างหากที่เป็นตัวการทำให้พ่อของเธอตายเวินเหลียงก้มหน้าให้เวลาเขาได้พลิกคดีให้ฟู่เยว่?เขาเชื่อขนาดนั้นเลยเหรอว่าที่ฟู่เยว่พูดเป็นความจริงแน่นอน?จางกั๋วอันกับทางตำรวจมีเหตุผลอะไรให้ต้องกล่าวหาฟู่เยว่อย่างไม่ยุติธรรมด้วย?โดยเฉพาะจางกั๋วอัน ตัวเองยังเอาไม่รอด เผชิญหน้ากับโทษจำคุกสูงสุด ตัวเลือกที่ดีที่สุดก็คือให้ความร่วมมือกับทางตำรวจสารภาพมาตามความจริง เพื่อขอให้ตัดสินโทษในสถานเบา ทว่าหากเขาพูดโกหก
เวินเหลียงเงียบไปครู่หนึ่ง “เปล่า ฉันยังจะไปเยี่ยมคุณย่าที่บ้านใหญ่อยู่เป็นครั้งคราวเหมือนเดิม”“งั้นทำไมจู่ ๆ เธอถึงก่อตั้งมูลนิธิบ้านั่นขึ้นมาล่ะ?”แม้ต้องเผชิญหน้ากับการย้อนถามของฟู่เจิง เวินเหลียงก็ยังสงบดังเดิม “ฉันแค่คิดว่าเงินพวกนั้นอยู่ในมือฉันก็ไม่มีประโยชน์อะไร ไม่สู้บริจาคให้คนที่ต้องการดีกว่า”ตอนเด็ก ๆ เธอเองก็นับว่าเป็นเด็กที่ถูกทิ้งให้อยู่ตามลำพังเช่นกัน ก่อนหน้านี้ไม่นานเมื่อได้รู้ตัวตนของหลินเจียหมิ่น ก็ทำให้เธอนึกย้อนไปถึงเรื่องราวบางอย่างตอนเด็ก ๆ ภาพเหล่านั้นค่อย ๆ ปรากฏขึ้นมาอย่างชัดเจนกอปรกับเธอคิดจะจัดการทรัพย์สินที่อยู่ในมือพอดี จึงได้ถือโอกาสก่อตั้งมูลนิธีขึ้นตีให้ตายฟู่เจิงก็ไม่เชื่อเหตุผลนี้ของเธออย่างแน่นอนเขาจ้องเวินเหลียงด้วยความเย็นชา “หลังบริจาคทรัพย์สินทั้งหมดแล้ว เธอก็จะได้จากไปอย่างโล่งใจใช่ไหม?”เวินเหลียง: “...”เธอคิดแบบนี้จริง ๆตอนนี้เธอมีซีรีส์บางฉากที่ยังถ่ายทำไม่เสร็จ ภายในช่วงเวลานี้ เธอจะได้เลือกรองประธานที่เหมาะสมและทีมงานจัดการคนอื่นมาดำเนินการให้มูลนิธิรอถ่ายซีรีส์เสร็จหมดแล้ว เธอก็จะจากไป ไปที่ไหนก็ได้ทั้งนั้นเมื่อก่อนเธอ
“ฉันรู้ ก็แค่มันรู้สึกทอดถอนใจนิดหน่อยเท่านั้น” เวินเหลียงก้มหน้าพร้อมกับหาเรื่องกลับ “เพียงแต่ ทำไมฉันถึงก่อตั้งมูลนิธิน่ะเหรอ คุณคิดว่าฉันจะจากไปเพราะเรื่องของพี่ใหญ่? ในเมื่อคุณเชื่อมั่นอย่างแน่วแน่ว่าเขาไม่ใช่คนบงการ ก็ต้องมั่นใจว่าจะหาหลักฐานเจอสิถึงจะถูก หรือเป็นเพราะในใจคุณรู้ดีอยู่แล้วว่าเดิมทีฟู่เยว่พลิกคดีไม่ได้?”“ไม่ใช่ ฉันก็แค่กลัวว่าเธอจะจากไปมากเกินไป”“แต่ว่า สองสามวันก่อนคุณบอกว่าให้ฉันเชื่อใจคุณ ให้เวลาคุณ ฉันก็ตอบตกลงแล้ว แต่คุณกลับไม่เชื่อใจฉันอย่างนั้น...” เวินเหลียงหยิกต้นขาอย่างแรงทีหนึ่ง ก่อนจะเช็ดตรงขอบตา “เดิมทีคุณไม่สนใจความรู้สึกของฉันเลย คุณสนใจแค่ตัวเอง”ฟู่เจิงสับสน “อาเหลียง ขอโทษนะ เธอไม่ต้องร้องไห้นะ ฉันไม่ได้ไม่สนใจความรู้สึกของเธอ ฉันก็แค่...”เขาอ้าแขนเข้าไปกอดเวินเหลียงเอาไว้ “ฉันก็แค่ขาดเธอมาได้...ฉันรับรองกับเธอเลยว่า หลังจากนี้ฉันจะไม่สงสัยในตัวเธออีกแล้ว”“มีแต่ผีน่ะสิที่เชื่อคุณ” เวินเหลียงจ้องเขาเขม็งทีหนึ่ง “ก่อนหน้านี้คุณก็เคยพูดว่าจะไม่ตามตอแยฉันอีก แต่ไม่เคยทำจริงได้เลยสักครั้ง” เวินเหลียงค้นพบตั้งนานแล้ว บางคำฟู่เจิงพูดออกมาราวกับ