รถยนต์มาจอดอยู่หน้าประตูโรงแรม เวินเหลียงเปิดประตูลงมาจากรถ เธอค้ำยันประตูเอาไว้แล้วหมุนตัวกลับไปมอง “พี่ตงเฉิง ขอบคุณนะคะ ฉันขึ้นไปก่อนนะ พวกคุณกลับดี ๆ นะคะ”“อืม จริงสิ พรุ่งนี้เธอบินไฟล์ทกี่โมงเหรอ เดี๋ยวฉันจะไปส่งเธอเอง”“จะเป็นการรบกวนคุณหรือเปล่าคะ?”“ไม่เลย ฉันจะมารับเธอนะ ยังไงต้องพาเธอไปส่งให้ได้” ใบหน้าของฮั่วตงเฉิงแฝงไปด้วยรอยยิ้ม ทว่าไม่ได้มีมาดอะไรเวินเหลียงตอบไปตามความจริง “ในตั๋วเขียนว่าตอนบ่ายโมงค่ะ”“งั้นฉันจะมารับเธอประมาณเที่ยงนะ ถึงเวลานั้นจะส่งข้อความบอกเธออีกที”“ค่ะ ขอบคุณนะคะพี่ตงเฉิง เจอกันพรุ่งนี้ค่ะ”“เจอกันพรุ่งนี้”เวินเหลียงโบกมือลาฮั่วตงเฉิง แล้วเข้าไปในโรงแรมรถยนต์จอดอยู่ตรงที่ห่างไปไม่ไกลอยู่ตลอด ฮั่วตงเฉิงมองเงาร่างของเวินเหลียงกระทั่งเดินลับสายตาไป ถึงสั่งให้คนขับรถออกรถได้เวินเหลียงเดินออกจากลิฟต์พลางล้วงคีย์การ์ดห้องออกมาจากกระเป๋าครั้นเดินผ่านมุมเลี้ยวมุมหนึ่ง ฝีเท้าของเธอก็เป็นอันต้องชะงักไปมีเงาร่างสูงตระหง่านแสนคุ้นเคยร่างหนึ่งยืนอยู่หน้าประตูห้องของเธอคุ้นเคยถึงขั้นที่ว่าแม้เวินเหลียงไม่เห็นหน้า ก็รู้ทันทีว่านั่นคือฟู่เจิง
เวินเหลียงกลืนน้ำลายอึกหนึ่ง แล้วพูดด้วยท่าทีจริงจัง “เอ๊ะ เหมือนมันจะแบตหมดจริง ๆ นะ งั้นทำไมมันถึงได้ปิดเครื่องไปโดยอัตโนมัติล่ะ? คงไม่ได้พังแล้วหรอกนะ?”เธอเงยหน้าขึ้นไปยิ้มกับฟู่เจิง “ฉันยังคิดว่ามันปิดเครื่องไปโดยอัตโนมัติซะอีก”ฟู่เจิงมองเธอด้วยสีหน้าราบเรียบ พร้อมแสยะยิ้มทั้งที่ในใจไม่ยิ้มดูการแสดงโกหกไปเรื่อยนี่สิ ไปเข้าชิงรางวัลนักแสดงนำยอดเยี่ยมได้เลยนะเนี่ย!เวินเหลียงพลันใจเต้นระรัวขึ้นมา เธออดไม่ได้ที่จะถอยหลังก้าวหนึ่ง “ทำไมคุณถึงมองฉันแบบนี้ล่ะ?”ฟู่เจิงเดินหน้าเข้ามาใกล้ ๆ พร้อมฉีกยิ้มเล็กน้อย “อาเหลียง ฉันเพิ่งรู้นะเนี่ยว่าฝีมือการแสดงของเธอมันดีขนาดนี้ มิน่าล่ะผู้กำกับซ่งถึงได้ยืนกรานจะเชิญเธอไปแสดงซีรีส์ให้ได้ขนาดนั้น”ในใจเวินเหลียงราวกับมีเสียงดินถล่มตู้มอะไรบางอย่างเธออึ้งกิมกี่ไปอยู่สองสามวินาที ก่อนจะกระตุกยิ้มมุมปาก ยังคงหอบความหวังว่าจะโกหกจนเนียนผ่านไปได้อยู่สองสามส่วน “...คุณพูดแบบนี้หมายความว่าไง?”“ไม่เข้าใจเหรอ?” ฟู่เจิงเดินเข้ามาใกล้อีกก้าวหนึ่ง รอยยิ้มที่มุมปากกว้างขึ้นเรื่อย ๆ ทว่ายิ้มแค่ที่ปากแต่ในใจไม่ยิ้ม “ตอนฉันโทรหาเธอ เธอไม่ได้กินข้าวอย
ยัยตัวดี ไม่นึกเลยว่ายังจะกล้าพูดถึงฮั่วตงเฉิงอีก!ฟู่เจิงไม่ไปไหนเขาจะอยู่ที่นี่ให้ได้ ก่อนนอนยังช่วยทำให้เวินเหลียงผ่อนคลายอีกทีหนึ่งสวยงามเย้ายวนใจสบายเนื้อสบายตัวจนเคลิ้มหลับไป ก่อนเข้าสู่แดนแห่งความฝัน เวินเหลียงคิดเช่นนี้ฟู่เจิงมองใบหน้าที่หลับสนิทของเวินเหลียง นัยน์ตาพลางประกายความอบอุ่นออกมาสายหนึ่งตอนเช้าเวินเหลียงส่งข้อความหาฮั่วตงเฉิง “พี่ตงเฉิง ตอนเช้าฉันมีธุระน่ะ ถึงเวลาทำธุระเสร็จก็ไปที่สนามบินเลย ตอนเที่ยงคุณไม่ต้องมารับฉันแล้วนะ”ผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง ฮั่วตงเฉิงถึงตอบกลับมาว่า “โอเค เดินทางปลอดภัยนะ”“อืม ขอบคุณนะคะ”เมื่อเห็นข้อความในหน้าจอมือถือ ฮั่วตงเฉิงก็กำโทรศัพท์แน่นฟู่เจิงมาเมืองจิง พักอยู่โรงแรมเดียวกับเวินเหลียงที่เวินเหลียงไม่ให้เขาไปส่ง เพราะอยู่กับฟู่เจิงเหรอ?พวกเขาคืนดีกันแล้วเหรอ?นัยน์ตาของฮั่วตงเฉิงประกายแสงดำมืดออกมา ก่อนจะต่อสายโทรออกไปยังหมายเลขหนึ่งตอนเช้าเวินเหลียงไปเดินเล่นรอบ ๆ โดยไม่คิดอะไรกับฟู่เจิง มาถึงยังสนามบินก่อนเที่ยง ก่อนจะบินกลับไปเจียงเฉิงมาถึงยังสนามบินเจียงเฉิงเวลาสามโมงกว่า หลังคนขับรถพาเวินเหลียงไปส่งที
ขณะที่เวินเหลียงกำลังสับสน ก็ได้รับสายระหว่างประเทศจากฟู่ชิงเยว่เธอยากจะเลี่ยงไม่ให้หวนนึกถึงบทสนทนานั่นที่ได้ยินจากในห้องทำงานของผู้กำกับที่สถานีตำรวจ ในใจเธอเปี่ยมล้นไปด้วยความมืดครึ้ม อารมณ์ดิ่งลงมาขั้นสุด“ฮัลโหลค่ะ คุณฟู่...มีเรื่องอะไรเหรอคะ?” เวินเหลียงถามขึ้นชืด ๆฟู่เยว่หัวเราะเย้ยหยันเบา ๆ ในน้ำเสียงแฝงความโอหังอยู่สองสามส่วน “ตอนนี้แม้แต่คำว่าคุณอาก็ไม่เรียกแล้ว?”“คุณอามีเรื่องอะไรก็พูดมาตรง ๆ เถอะค่ะ” น้ำเสียงของเวินเหลียงนิ่งสงบก่อนหน้านี้ผิวเผินเธอยังมีความเคารพต่อฟู่ชิงเยว่อยู่สองสามส่วน ทว่าตอนนี้ไม่อยากจะรักษามันเอาไว้แล้ว หากไม่ใช่เพราะเธอเป็นลูกสาวของคุณย่า เวินเหลียงไม่คิดจะรับสายด้วยซ้ำฟู่ชิงเยว่แค้นเสียงฮึออกมาทีหนึ่ง “งั้นฉันก็จะพูดตรง ๆ เลยแล้วกัน ต่อไปนี้เธออยู่ให้ห่างจากอาเจิงซะ! อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะ เธอกำลังจงใจเกาะอาเจิงอยู่! แม่เป็นยังไงลูกมันก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ รู้จักแต่อ่อยผู้ชายเหมือนแม่ปีศาจจิ้งจอกของเธอนั่นไม่มีผิด!”เวินเหลียงสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เฮือกหนึ่ง ก่อนจะกัดฟันเอ่ยขึ้นว่า “คุณอาพูดแบบนี้หมายความว่ายังไงคะ?”ฟู่ชิงเยว่รู้จักหลินเ
เด็กชายมองฉู่ซืออี๋ด้วยความระแวงพลางลุกขึ้นมาจากรถโยกฉู่ซืออี๋มาหยุดตรงหน้าเด็กชาย ก่อนจะย่อตัวลง โผล่ให้เห็นเพียงดวงตาทั้งสอง “ฟู่รุ่ย?”ฟู่รุ่ยมองประเมินเธอสองที แล้วเอ่ยถามขึ้นอย่างระมัดระวัง “คุณน้ารู้จักผมด้วยเหรอครับ?”ฉู่ซืออี๋ไม่ตอบ “พ่อนายจะติดคุกแล้วใช่ไหม?”เมื่อฟู่รุ่ยได้ยินดังนั้น สีหน้าบนใบหน้าน้อย ๆ ก็เปลี่ยนไปทันที “คุณน้าอย่าพูดจามั่วซั่วนะครับ”“ฉันไม่ได้พูดมั่วซั่ว ในใจนายรู้ดี พ่อนายเป็นฆาตกร!”ใบหน้าน้อย ๆ ของฟู่รุ่ยซีดเผือด มุมปากคว่ำลงพร้อมโต้แย้งอย่างไม่มั่นใจ “เขาไม่ใช่...”“นายไม่อยากช่วยพ่อของนายออกมาเหรอ?”“ช่วยยังไงเหรอครับ?”“ง่ายมาก นายบอกเรื่องนี้กับคุณย่าทวดสิ ให้คุณย่าทวดของนายไปขอร้องคุณอาเวินเหลียง เห็นแก่บุญคุณที่คุณย่าทวดของนายเลี้ยงดูมา คุณอาเวินเหลียงต้องยอมยกโทษให้พ่อนายแน่นอน แบบนี้พ่อนายก็ไม่ต้องติดคุกแล้ว”ฟู่รุ่ยเงียบไปสองสามวินาที ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยความสงสัยว่า “แต่...แต่ว่าแม่ไม่ให้ผมบอกคุณย่าทวด...”“นั่นเพราะแม่นายคิดจะฉวยโอกาสนี้หย่ากับพ่อนาย เลยไม่อยากให้พ่อนายออกมา นายคิดดูสิ ปกติพ่อนายดีกับนายแค่ไหน นายอยากให้พ่อนายอยู่ใน
วันนี้ขณะถ่ายซีรีส์ เวินเหลียงจิตใจไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวเท่าไรก่อนเข้างาน เธอได้รับข้อความ ฟู่เจิงให้คนไปชะลอที่สำนักงานอัยการ ในเวลาเพียงชั่วครู่ชั่วยามสำนวนไปถึงศาลไม่ได้ ไม่แน่อาจให้ตีกลับไปสอบสวนที่สถานีตำรวจใหม่โดยใช้เหตุผลว่าหลักฐานไม่เพียงพอ ขณะเดียวกันเขายังจ้างจี้เจ๋อทนายอันดับหนึ่งแห่งเจียงเฉิงมาให้ฟู่เยว่อีกด้วย เตรียมไว้สองลู่ทาง แม้ว่าจะชะลอไว้ไม่ได้ แต่ก็ตั้งใจให้ฟู่เยว่ได้รับโทษสถานเบาที่สุดถ้าเป็นปัญหาแค่เรื่องการจ้างทนาย เดิมทีเป็นสิทธิ์ที่ฟู่เยว่ควรจะมีอยู่แล้ว เวินเหลียงคงไม่รู้สึกว่ามีอะไร แต่เขาสอดมือไปถึงสำนักงานอัยการ เจตนายืดกระบวนการของคดีออกไปฟู่เจิงเชื่อที่ฟู่เยว่พูด ฉะนั้นฉู่ซืออี๋ต่างหากที่เป็นตัวการทำให้พ่อของเธอเสียชีวิต คิดจะยืดเวลาออกไป เพื่อหาหลักฐานที่เป็นประโยชน์กับฟู่เยว่มาแต่ขณะที่เวินเหลียงรู้เรื่องนี้เข้า คำพูดของฟู่ชิงเยว่ก็ผุดขึ้นในหัวทันที“อาเจิงรักฟู่เยว่มาก ตอนนี้กำลังคิดหาวิธีพลิกคดีให้ฟู่เยว่อยู่”ฉะนั้นถ้าคดีนี้ถูกส่งกลับไปสอบสวนใหม่อีกครั้ง ผลของการสืบสวนที่ออกมาจะเป็นเรื่องจริงแน่ ๆ?ในหัวเวินเหลียงสับสนไปหมดเธอไม่รู้เ
แต่ว่าเขาแค่อยากช่วยพ่อเท่านั้นทั้งสองคนสบตากัน เวินเหลียงเม้มริมฝีปากล่าง “พี่สะใภ้ใหญ่”ซูชิงอวิ๋นก้มหน้าพลางพยักหน้าเบา ๆ “พวกเธอมากันแล้วเหรอ...”“คุณย่าอยู่ข้างบนเหรอครับ?” ฟู่เจิงเดินเข้ามาแล้วเอ่ยถามขึ้นซูชิงอวิ๋นพยักหน้าเวินเหลียงกับฟู่เจิงสบตากันทีหนึ่ง ก่อนจะขึ้นไปชั้นบนตามลำดับภายในห้องนอน คุณหญิงนั่งพิงอยู่บนพนักพิงบนเตียงด้วยสีหน้ากลัดกลุ้ม มองออกไปนอกหน้าต่างอย่างเหม่อลอยเสียงฝีเท้าใกล้เข้ามาเธอค่อย ๆ เบือนสายตาไปที่ประตูยิ่งใกล้ถึงห้องฝีเท้าของเวินเหลียงก็ยิ่งช้าลงเรื่อย ๆในวินาทีที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตู เธอแทบจะให้เวลาหยุดอยู่แค่ตรงนี้ แบบนั้นเธอจะได้ไม่ต้องเผชิญหน้าอีกต่อไปทว่านี่เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เวินเหลียงสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เฮือกหนึ่ง ก่อนจะยกมือขึ้นไปกดมือจับประตูประตูถูกเปิดแย้มออกเป็นร่อง จากนั้นก็ค่อย ๆ เปิดกว้างขึ้นเมื่อไปสบเข้ากับสายตาของคุณย่า ไม่รู้ทำไม ขอบตาของเวินเหลียงก็พลันแดงระเรื่อขึ้นมา “คุณย่าคะ!”เธอรีบโผไปที่ข้างเตียง คว้ามือของคุณย่าเอาไว้ทั้งสั่นเทา “คุณย่า...”“เด็กดี” คุณหญิงพลิกมือมาเป็นฝ่ายกุมมือของเวินเหลียงเ
“แกไม่ใช่ลูกนอกสมรสของฟู่หรง เขาไม่ใช่พ่อของแกแต่เป็นคุณลุงของแกต่างหาก” คุณหญิงเอ่ยลมหายใจของฟู่เจิงติดขัดไปครู่หนึ่งข่าวนี้ราวกับสายฟ้าแสนน่าตกตะลึงที่ฟาดลงมาจากฟากฟ้า สั่นสะเทือนจนในหัวของฟู่เจิงสับสนไปหมดเขาไม่ใช่ลูกนอกสมรสของฟู่หรง?ฟู่หรงไม่ใช่พ่อของเขา?แต่เป็นลุงของเขา?ถ้าอย่างนั้นตัวตนของแม่เขา...เดาออกได้โดยทันทีฟู่เจิงไม่กล้าเชื่อ ทว่าจะไม่เชื่อก็ไม่ได้แม่ที่เขาตั้งตารอคอยมานานแสนนานตอนเด็ก ๆ ไม่นึกเลยว่าจะเป็นฟู่ชิงเยว่ท้ายที่สุดเบาะแสที่ไม่ชัดเจนในก่อนหน้านี้เหล่านั้นก็มีคำตอบแล้วมิน่าล่ะตอนเด็ก ๆ ฟู่ชิงเยว่ถึงดีกับเขาขนาดนั้นมิน่าล่ะฟู่ชิงเยว่ถึงไม่ชอบหลานชายแท้ ๆ อย่างฟู่เยว่ แต่กลับชอบหลานชาย ‘นอกสมรส’ อย่างเขามากกว่ามิน่าล่ะฟู่ชิงเยว่มักจะชอบก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของเขา อันที่จริงแล้วนั้นเป็นการก้าวก่ายเรื่องแต่งงานของเขาด้วยฐานะแม่คุณหญิงเห็นสีหน้าอึ้งทึ่งของฟู่เจิง เธอก็รีบพูดต่อว่า “ชิงเยว่กับพ่อของแกรู้จักกันมาตั้งนานแล้ว แต่พ่อของแกถูกครอบครัวกดดันให้แต่งงานกับผู้หญิงอีกคน ชิงเยว่ถูกพ่อของแกหลอกให้ลุ่มหลง ไม่นึกเลยว่าจะไม่คิดตัดขาดจากกัน ฉัน