“ฉันรู้”“แต่เห็นได้ชัดว่าเธอไม่เชื่อ”“ฉันเองก็อยากเชื่อคุณ แต่ว่า...” เวินเหลียงหัวเราะอย่างขมขื่นออกมาเสียงหนึ่ง “ฟู่เจิง คุณรู้ว่าฟู่เยว่มีส่วนเกี่ยวข้องตั้งแต่วันนั้นที่บริษัทแล้วใช่ไหม?”เธอเองก็อยากเชื่อเขา แต่ว่าบทสนทนาแบบนั้นที่ฟู่ชิงเยว่คุยกับผู้กำกับการ จะให้เธอเชื่อเขาได้ยังไง?“อืม”“สองสามวันก่อนที่เขาจะมอบตัว คุณทำอะไร?”ฟู่เจิงอึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยความเหลือเชื่อ “หมายความว่าไง? เธอสงสัยว่าฉันช่วยทำให้ฟู่เยว่พ้นผิดงั้นเหรอ? เธอคิดกับฉันแบบนี้เหรอ?”“หรือว่าไม่ใช่หรือไง? ฟู่เยว่ไม่มีทางคิดไปถึงเรื่องผลักความผิดไปให้ฉู่ซืออี๋ได้หรอก”มีแค่ฟู่เจิงที่คิดอยากจะขีดเส้นความสัมพันธ์กับฉู่ซืออี๋ให้ชัด ถึงได้ทำแบบนี้ ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว...“หรือว่าเป็นเรื่องจริงไม่ได้เลย?” นัยน์ตาฟู่เจิงเต็มไปด้วยความเศร้าสลดในใจเธอเขาเป็นคนแบบนี้เหรอ?เขาไม่ควรค่าให้เธอเชื่อใจเลยสักนิดเหรอ?เวินเหลียงเบือนสายตาหนี “คุณบอกว่าจางกั๋วอันถูกคนซื้อตัว ใครล่ะที่ซื้อตัวเขา? แล้วทำไมต้องทำแบบนี้ด้วยล่ะ?”เมื่อเห็นสีหน้าเย็นชาของเวินเหลียง ในใจของฟู่เจิงก็ผุดความขมขื่นขึ้น
“ฉันไม่รู้ว่าควรทำยังไงถึงจะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของฉันได้ เลยทำได้แค่ใช้วิธีนี้เท่านั้น...”“คุณ...”เวินเหลียงโมโหจะแย่อยู่แล้ว “นี่คุณกำลังขู่ฉันอยู่ใช่ไหม?”“ฉันไม่ได้มีเจตนานี้...”“คุณอยากยืนก็ยืนไปเลย!”เวินเหลียงตัดสายทิ้งไปเธอโยนโทรศัพท์ไปบนโต๊ะ ก่อนจะไปทำกับข้าวในครัวทันใดนั้นก็มีเสียงเปิดประตูแว่วดังขึ้นมาจากประตูเมื่อเวินเหลียงชะโงกคอออกมาจากห้องครัว ก็เห็นถังซือซือลากกระเป๋าเดินทางเข้ามา “เสี่ยวเหลียงเหลียง ฉันกลับมาแล้ว!”“ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะ กินมื้อค่ำหรือยัง?”ถังซือซือเห็นเวินเหลียงอยู่ในห้องครัวก็รีบยกมือขึ้นมาทันที “ยังไม่ได้กินเลย ๆ! ทำเผื่อฉันด้วยที่หนึ่ง”“ได้”น้ำเดือดแล้ว เวินเหลียงหย่อนเกี๊ยวกุ้งสำหรับสองที่ลงไปน้ำร้อนเดือดปุด ๆ กระเด็นใส่นิ้วของเธอในช่วงเวลาที่ไม่ทันได้ระวัง“ซี๊ด...”เวินเหลียงรีบสะบัดมืออย่างรวดเร็ว ก่อนจะขยับนิ้วเอาไปวางข้างปากแล้วเป่าถังซือซือเข้ามาเดินวนอยู่สองรอบ พลางมองเวินเหลียงด้วยความเป็นห่วง “เป็นอะไร? น้ำร้อนกระเด็นใส่มือเหรอ?”“ไม่ระวังน่ะ”“ก่อนหน้านี้เธอไม่พลาดเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ พรรค์นี้นี่” ถังซือซือเอ
เมื่อเดินเข้าไปดูใกล้ ๆ เสื้อผ้าของเขาเปียกชุ่มไปทั้งเนื้อตัวแล้ว ผมแปะอยู่ตรงหน้าผาก น้ำหยดติ๋ง ๆ ลงมาด้านล่างฟู่เจิงมองร่มที่อยู่ในมือเธอทีหนึ่ง เขาไม่ได้รับมา ทว่าจ้องเวินเหลียงเขม็ง “ขอบคุณนะอาเหลียง เธอมาได้ฉันก็ดีใจมาก แต่ว่าฉันรับไว้ไม่ได้”ภายใต้แสงไฟสลัว พอเผยอปากนิดหน่อย ลมหนาวก็พัดปะทะเข้ามาแล้วเวินเหลียงก้มหน้าพลางเดินขึ้นหน้ามาก้าวหนึ่ง ก่อนจะพยายามยัดเยียดร่มเข้าไปในมือของฟู่เจิง “เอาไปซะ! แล้วกลับเข้าไปในรถ”พอเธอปล่อยมือ ร่มก็ร่วงลงบนพื้นสีหน้าเวินเหลียงเปลี่ยน เธอมองร่มที่อยู่บนพื้นครู่หนึ่งก่อนจะจ้องฟู่เจิงเขม็ง “ไม่เอาก็ช่าง! ถ้าคุณอยากเปียกฝนก็รบกวนช่วยเปลี่ยนที่ด้วย อย่ามาอยู่ใต้ตึกบ้านฉัน ถ้าเกิดเรื่องขึ้นมาฉันจะได้ไม่ต้องเป็นแพะรับบาป”“ได้ ฉันจะไปนอกย่าน”เวินเหลียง “...”เขาหมุนตัวแล้วก็เดินออกไปด้านนอกเปียกปอนไปด้วยฝนท่ามกลางม่านฝน เงาเบื้องหลังของเขาก็ยังตรงตระหง่านดังเดิม เพียงแต่มีความโดดเดี่ยวที่ไร้คำพูดเพิ่มขึ้นมาสองสามส่วนในใจของเวินเหลียงผุดความเดือดพล่านขึ้นมาสายหนึ่ง ก่อนจะหมุนตัวเดินขึ้นไปด้านบนเอาร่มมาให้เขาเขายังไม่รับน้ำใจอีกเ
เธอพุ่งมาตรงหน้าเขาด้วยความเดือดดาล พร้อมขบกรามแน่น “คุณจะกลับไปไม่ใช่เหรอ?!”ฟู่เจิงอึ้งไป “ทำไมเธอถึงลงมาอีกล่ะ?”เวินเหลียงมองเขาด้วยความโมโห พร้อมถลึงตาใส่เขาทีหนึ่ง ทว่าไม่ได้พูดอะไร เธอหันหลังแล้วก็ไปเลยเมื่อครู่เธอยังไม่ได้ขึ้นไป คอยดูอยู่ในโถงตลอด อยากดูว่าเขาจะไปไหมเป็นอย่างที่คิดเอาไว้จริง ๆ เขาไม่ยอมไปสักทีถ้าเธอขึ้นไปเลย เขาจะยืนอยู่ตรงนี้ทั้งคืนใช่ไหม?เวินเหลียงครุ่นคิด เป้าหมายของการที่ฟู่เจิงทำแบบนี้ นั่นก็คืออยากให้เธอใจอ่อน ถ้าอย่างนั้นเขาก็ทำสำเร็จแล้วฟู่เจิงอึ้งไปครู่หนึ่งเดินไปได้สองก้าว เวินเหลียงก็หยุดชะงักพลางหันมาถลึงตาใส่เขา “อยากขึ้นไปไม่ใช่เหรอ?”พูดจบเธอก็เดินไปทางตึกยูนิตเลยโดยไม่แม้แต่จะมองเขาอีกฟู่เจิงกระตุกยิ้มมุมปากเล็กน้อย ก่อนจะเยื้องย่างตามไปเวินเหลียงเดินเข้าไปในลิฟต์ก่อน เธอมองฟู่เจิงที่อยู่เบื้องหลังทีหนึ่ง ก่อนจะกลอกตาขาวเงียบ ๆภายในลิฟต์ มีน้ำหยดลงมาจากตัวเขาอยู่ตลอด ไม่นานก็รวมกันเป็นแอ่งขนาดย่อมแอ่งหนึ่ง“อาเหลียง เธอยอมให้โอกาสฉันอีกครั้งแล้วใช่ไหม?”เวินเหลียงไม่ตอบ ได้แต่ขมวดคิ้วเข้าหากัน “ถังนอนพักผ่อนไปแล้ว เดี๋ยวเข
เธอพิงอยู่บนบานประตูพลางถอนหายใจเฮือกหนึ่ง เมื่อลืมตาขึ้นมาก็เห็นฟู่เจิงยืนอยู่กลางห้อง ผมเผ้ายุ่งเหยิง ร่างกายเปลือยเปล่า กล้ามเนื้อที่เห็นได้อย่างชัดเจนแต่ละมัดยาวเหยียดลงไปด้านล่าง หายวับไปใต้ผ้าขนหนูผ้าขนหนูที่ห่อหุ้มตัวท่อนล่างของเขาเอาไว้เป็นสีชมพู เป็นหนึ่งในผ้าขนหนูของเวินเหลียง เดิมทีผิวของเขาก็ขาวอยู่แล้ว เมื่อเข้าคู่กับสีชมพูช่างไร้ซึ่งความละมุนละไมไปโดยสิ้นเชิง กลับกันผิวยิ่งขาวผ่องขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจนผ่านปีนี้ไป ฟู่เจิงก็อายุสามสิบปีแล้วหน้าตาเขามีมิติ เค้าโครงสวยงาม กาลเวลาไม่ทิ้งร่องรอยอะไรไว้บนตัวเขาเลย มองไปยังคงมีออร่าของความเยาว์วัยเช่นเดิมเวินเหลียงหูร้อนผ่าว เธอรีบเบือนสายตาหนีอย่างรวดเร็ว “ยืนอยู่ทำไม? ยังไม่รีบไปอาบน้ำอีก?”นัยน์ตาฟู่เจิงประกายรอยยิ้มออกมา “โอเค จริงสิ เธอบอกว่าเขานอนไปแล้วไม่ใช่เหรอ?”“สะดุ้งตื่นระหว่างนั้นไม่ได้เลยหรือไง?” เวินเหลียงถลึงตาใส่เขาทีหนึ่ง ถามมากมายขนาดนั้นไปทำไม?“ก็ได้”ฟู่เจิงเหยียดยิ้มมุมปาก ก่อนจะเดินไปที่ห้องน้ำเวินเหลียงถอนหายใจเฮือกหนึ่งพลางนั่งลงข้างเตียงได้ยินเสียงน้ำหยดเบา ๆ ในห้องน้ำ เธอกระวนกระวายใจเป
เวินเหลียงคิดว่าสายแรกที่เขาโทรออกไปเป็นเลขาคนอื่น จึงถามขึ้นว่า “คุณไม่ได้โทรหาเลขาหยางเหรอ?”“วันนี้ไม่รู้ว่าเขาทำงานเสร็จหรือยัง ฉันจะลองโทรหาเขาดูละกัน” ฟู่เจิงเอ่ยเขาต่อสายโทรออกหาเลขาหยางผ่านไปหลายสิบวินาที ไม่มีคนรับกระทั่งตัดสายไปเองโดยอัตโนมัติฟู่เจิงเปิดหน้าโฮมให้เวินเหลียงดูทีหนึ่ง“เอาละ”เธอขมวดคิ้วเข้าหากัน “คุณนั่งลงก่อนก็แล้วกัน ฉันจะอ่านบทละคร อย่ามารบกวนฉัน เดี๋ยวค่อยลองโทรไปใหม่”“อ่านบท?” ฟู่เจิงเลิกคิ้ว สายตาพลางตกไปบนบทละครที่อยู่ข้างมือเธอ “เธอจะไปถ่ายซีรีส์เหรอ?”“อืม”“บทอะไร?”“ก็บทบาทที่ตอนแรกฉู่ซืออี๋เป็นคนแสดงครั้งก่อนนั่นไง เธอไปถ่ายทำไม่ได้แล้ว เวลาแป๊บเดียวหาคนที่เหมาะสมไม่ได้ ผู้กำกับก็เลยให้ฉันไปแสดง”เมื่อได้ยินดังนั้น สีหน้าของฟู่เจิงก็คล้ำดำหมองขึ้นเล็กน้อยถ้าเขาจำไม่ผิด บทบาทนี้คือปีศาจจิ้งจอก เทียบกับฝ่ายที่มีชื่อเสียงแล้วมันค่อนข้างโป๊“ถ้าเธออยากถ่ายซีรีส์ ฉันเลือกบทบาทที่ดีกว่านี้ให้เธอได้นะ”“ไม่ต้อง” เวินเหลียงปฏิเสธไปเลย “ฉันแค่ช่วยวิจารณ์ข้อบกพร่องให้ผู้กำกับเท่านั้น อีกอย่างบทบาทซูเมี่ยวนี่ก็ดีทีเดียว”แม้จะเป็นฝ่ายตัวร้
เวินเหลียงลุกออกจากเตียงไปอาบน้ำ พร้อมลวดบอกฟู่เจิงว่า “คุณรออยู่ที่นี่เฉย ๆ ไปก่อน รอซือซือไปทำงานแล้ว ค่อยให้คนเอาเสื้อผ้ามาให้คุณ”“อืม” ฟู่เจิงนอนมุดอยู่ในผ้าห่ม ใบหน้าเผยความแดงระเรื่อออกมาเล็กน้อย ริมฝีปากแห้งจนขาวซีด น้ำเสียงแหบนิดหน่อยเวินเหลียงขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย พลางมองประเมินฟู่เจิงอย่างละเอียดทีหนึ่ง “คุณ...ไม่สบายหรือเปล่า?”ฟู่เจิงยกมือขึ้นไปสัมผัสอุณหภูมิร่างกายตรงหน้าผากของตน เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง “เหมือนจะใช่มั้ง”เวินเหลียง “...”เธอออกนอกห้องไป แล้วกลับเข้ามาพร้อมกับถือน้ำร้อนแก้วหนึ่ง และยาลดไข้หนึ่งกล่องอยู่ในมือ เธอวางไว้ให้เขาบนหัวเตียง “ดื่มน้ำก่อนสักหน่อยนะ เดี๋ยวตอนให้เลขาเอาเสื้อผ้ามาให้ก็ให้เขาเอาอาหารเช้าติดมือมาให้คุณด้วย กินข้าวเช้าเสร็จแล้วค่อยกินยา”“อืม”เมื่อได้ยินคำที่เธอพูดกำชับอย่างใส่ใจ ฟู่เจิงก็มีความรู้สึกเหมือนว่าไม่ได้ยินคำนี้มานานแล้วประเภทหนึ่ง “ขอบคุณนะ”เมื่อก่อนเธอมักจะพูดคำพูดประเภทนี้กับเขาบ่อย ๆทว่าตอนนี้เขาไม่ได้ยินมันมานานแล้วเขานอนมองเธอ “อาเหลียง เธอดีกับฉันมากจริง ๆ”เวินเหลียงถลึงตาใส่เขาทีหนึ่ง ก่อนจะหมุนตัวเ
ไม่ใช่สิ ต้องเป็นผู้ชายชาติชั่ว!ถังซือซือหย่อนก้นนั่งลงบนโซฟา มองดูเลขาหยางเดินเข้าไปในห้องนอนของเวินเหลียงตาปริบ ๆผ่านไปไม่นาน ประตูห้องก็ถูกเปิดออกพร้อมเสียงดังเอี๊ยด ฟู่เจิงที่อยู่ในชุดสูทรองเท้าหนังเดินออกมาจากในห้อง เสื้อผ้าสะอาดเรียบร้อยหมดจดเลขาหยางเดินตามอยู่เบื้องหลังเขาหลังได้ยินเสียง ถังซือซือก็หันไปมอง ไฟโทสะที่อยู่ในใจอดไม่ได้ที่จะค่อย ๆ ลุกโชนขึ้นมาเธอพยายามอดกลั้นความโกรธ พร้อมปั้นหน้ายิ้มแย้มออกมา “คุณฟู่ คุณมาตั้งแต่เมื่อไรคะเนี่ย? ทำไมฉันไม่รู้เลย? หรือว่าคุณมีวิชาพลางตัว?”เขาฟังการถากถางในคำพูดของถังซือซือออก ฟู่เจิงยิ้มชืด ๆ ทีหนึ่ง ก่อนจะนั่งลงตรงหน้าเธอ “คุณถัง ขอโทษด้วยนะครับ เมื่อคืนอาเหลียงบอกว่าคุณหลับไปแล้ว ก็เลยไม่กล้ารบกวนคุณ”ถังซือซือกระตุกรอยยิ้มมุมปากเวินเสี่ยวเหลียง!ฟู่เจิงพูดขึ้นอีกว่า “ขอบคุณการดูแลและการปลอบโยนที่คุณถังมีต่อเวินเหลียงมานานขนาดนี้มากนะครับ ถ้าไม่ได้คุณเกรงว่าอาเหลียงคงไม่มูฟออนได้เร็วขนาดนี้แน่ ผมรู้สึกขอบคุณอย่างสุดซึ้งจริง ๆ ครับ ถ้าคุณถังต้องการอะไร ก็รีบบอกผมมาได้เลยนะครับ ผมรู้ว่าคุณถังค่อนข้างมีอคติกับผมเพราะเร
อิเลียลุกขึ้นพรวด พลางมองเยี่ยนหวยอย่างเหลือเชื่อ“ถ้าเธอยังเห็นฉันเป็นพี่ชายของเธออยู่ ก็เชื่อฟังฉัน แล้วกลับไปเมืองฟิลาเดลเฟียพรุ่งนี้ซะ!” เยี่ยนหวยนั่งตัวตรงพลางเงยหน้ามองเธออยู่บนโซฟา“ฉันไม่กลับ!” อิเลียเดือดดาลจนแค่นเสียงฮึออกมาทีหนึ่ง ก่อนจะกลับไปนั่งตรงมุมโซฟา “อยากกลับพี่ก็กลับไปเองซะเลยสิ!”“ฟู่เจิงไม่ใช่คนดี ต่อให้ระหว่างพวกเธอมีลูกด้วยกัน เขาก็ไม่มีทางคบกับเธอ”ก่อนหน้านี้ฟู่เจิงเคยมีเรื่องอื้อฉาวว่ามีชู้ ตอนนี้ก็มีอดีตภรรยาที่มีความสัมพันธ์คลุมเครือมาอีกคน ขอให้เป็นผู้ใหญ่ที่รักลูกสาว ก็จะไม่มีวันเลือกเขาทั้งนั้น“พี่รู้ได้ยังไงว่าเขาไม่ใช่คนดี? พี่รู้ได้ไงว่าเขาจะไม่คบกับฉัน? วันนี้ตอนเที่ยงเรายังไปกินข้าวด้วยกันอยู่เลย!”เมื่อเห็นอิเลียดื้อดึง ในใจของเยียนหวยก็รู้สึกไม่ได้ดั่งใจ เขาแสยะยิ้มออกมาทีหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยว่า “พวกเธอไม่ได้ไปกินข้าวด้วยกันตามลำพัง แต่ฟู่ซือฝานอยู่ข้าง ๆ ใช่ไหม?”ในช่วงเวลาสำคัญแบบนี้ ฟู่เจิงจะมากินข้าวกับอิเลียตามลำพังได้ยังไง? นอกเสียจากเขาคิดจะเลิกกับเวินเหลียงจริง ๆ“...ใช่ ก็เขาเป็นลูกของพวกเรานี่” เมื่อเห็นว่าถูกเดาทางถูก อิเลียก็พูดอึ
แต่หลังจากเดินตามแผนแล้วถึงได้พบว่า นี่มันไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เลยถ้าพ่อแม่คุณลุงคุณป้ารู้ว่าเธอมีลูกนอกสมรสข้างนอก ต้องเข้ามาแทรก และไม่แน่ว่าจะพาตัวเธอกับลูกกลับไป“อิเลีย ผมเข้าใจนะครับคุณในฐานะแม่แท้ ๆ คุณอยากรีบกระชับความสัมพันธ์กับฝานฝาน แต่ก็อย่าตื่นตระหนกจนทำอะไรไม่ถูก โดยเฉพาะมักจะไปหาฝานฝานที่โรงเรียนอนุบาล แบบนี้จะส่งผลกระทบกับชีวิตของเธอได้นะครับ”“ฉันรู้แล้วค่ะ ต่อไปจะไม่ไปหาเขาที่โรงเรียนอนุบาลอีก ฉันเห็นว่าคุณกินน้อยมาก อาหารที่เหลือไม่ถูกปากหรือเปล่า?”ฟู่เจิง “...ก่อนมาผมกินมาบ้างแล้ว”หลังกินข้าวเที่ยงเสร็จ ฟู่ซือฝานรบเร้าขอกลับกับฟู่เจิงเธอล้วงกลยุทธ์ร้องไห้งอแงชักดิ้นชักงออยู่ที่พื้นของเด็กห้าขวบออกมาอย่างล้ำลึก ไม่มีเหตุผล ทว่าอิเลียฝืนเธอไม่ได้อิเลียทำได้เพียงกลับไปที่บ้านของเซี่ยเจิน“อิเลีย เธอกลับมาแล้วเหรอ?”เมื่อเห็นอลิซนั่งอยู่บนโซฟา อิเลียเดินมานั่งลง “เป็นยังไงบ้าง? ครั้งนี้เธอไปเมืองซีกับซีซาร์ ได้แสร้งทำเป็นเจอโดยบังเอิญ แล้วไปกินข้าวกับเขาอะไรหรือเปล่า?”อลิซเบะปาก “เปล่า”“ทำไมล่ะ? โอกาสดีขนาดนั้นทำไมเธอไม่คว้าเอาไว้?”“เขางานยุ่งมาก ฉันกล
อิเลียจัดผมด้วยท่าทางราวกับไม่มีเจตนาอื่น หน้าตาเผยความตื่นเต้นออกมาดูท่าเธอจะเลือกวิธีถูกจริง ๆในตอนนี้เธอเพิ่งเข้าใกล้ฟู่ซือฝานไม่เท่าไร ท่าทีของฟู่เจิงเขาก็ผ่อนคลายลงเยอะแล้วผ่านไปยี่สิบนาที ฟู่เจิงก็ปรากฏตัวขึ้นในห้องรับรองนี่เป็นการเจอกันครั้งที่สองหลังจากวันนั้นเขานั่งลงข้าง ๆ ฟู่ซือฝาน พลางพยักหน้าให้อิเลียเบา ๆ “รบกวนแล้ว ไม่ถือสาที่ผมมาร่วมโต๊ะด้วยใช่ไหม?”“ไม่ถือสา นั่งเถอะค่ะ”สีหน้าของอิเลียเย็นชา ราวกับยังอยู่ต่อหน้าคุณหญิงและฟู่ชิงเยว่ครั้งก่อน เธอไม่ได้โกรธที่ฟู่เจิงปฏิเสธเธออย่างไร้ความปรานี“งานผมยุ่งมาก ยากที่จะใส่ใจคุณกับฝานฝานได้มากขนาดนั้น”“ฝานฝานเป็นลูกของฉัน นี่เป็นสิ่งที่สมควรอยู่แล้ว ฉันไม่รู้ว่าคุณจะมา ก็เลยสั่งอาหารไปสุ่ม ๆ เดี๋ยวอาหารมาเสิร์ฟคุณก็ดูแล้วกันว่าอยากจะสั่งเพิ่มไหม”“ผมไม่เลือกกิน” ฟู่เจิงตอบจากนั้นพนักงานก็เริ่มมาเสิร์ฟอาหารฟู่เจิงมองเนื้อแพะที่มาเสิร์ฟเต็มโต๊ะ เขาเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก้มหน้าไปมองฟู่ซือฝานฟู่ซือฝานก้มศีรษะน้อย ๆ อย่างกระวนกระวายอิเลียหยิบตะเกียบขึ้นมา “ไม่ต้องเกรงใจ กินเลยค่ะ”ฟู่เจิงลังเลอยู่ครู่หนึ่
เจียงเฉิงเที่ยงวันศุกร์ อิเลียไปรับฟู่ซือฝานออกไปกินข้าวเที่ยงที่คฤหาสน์ย่านซิงเหอวานเธอฉีกยิ้มพลางพูดกับฟู่ซือฝานว่า “เมื่อวานแม่ว่าจะไปรับหนูที่โรงเรียนอนุบาล จู่ ๆ ก็นึกถึงคำพูดของหนูเมื่อครั้งก่อนได้ ก็เลยมาวันนี้ วันนี้ตอนบ่ายแม่จะพาหนูไปเล่นดี ๆ เป็นยังไงจ๊ะ?”ฟู่ซือฝานเอียงคอพลางครุ่นคิด “ตอนบ่ายหนูต้องทำการบ้าน แค่กินข้าวเที่ยงก็พอแล้วค่ะ”“ก็ได้ งั้นหนูคิดไว้หรือเปล่าว่าอยากกินอะไร?”“ไปร้านอาหารที่มีเมนูเนื้อแพะแนะนำแล้วกันค่ะ” ฟู่ซือฝานเอ่ยขึ้นด้วยทีท่าจริงจัง “วันนี้คุณลุงบอกว่าจะไปกินข้าวเที่ยงเป็นเพื่อนหนู ไม่รู้ว่าจะมาไหม”นัยน์ตาอิเลียวาบความปลื้มปีติออกมา “จริงเหรอ?”“เขาเคยบอกไว้แบบนี้ค่ะ คุณน้าคะ ที่คุณน้ารับหนูออกมา ไม่ใช่เป็นเพราะอยากกระชับความสัมพันธ์กับหนูสองต่อสองเหรอคะ? ทำไมถึงหวังให้คุณลุงมาด้วยล่ะคะ?”เจ้าตัวน้อยเอ่ยถามขึ้นด้วยใบหน้าจริงจัง“น้า...น้ามีเรื่องอยากพูดคุยกับพ่อของหนูน่ะ แล้วก็หวังว่าเราจะได้กินข้าวด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตากันทั้งครอบครัว” อิเลียรีบหาข้ออ้างทันทีเจ้าเด็กคนนี้ หูตาเฉียบแหลมจริง ๆ“อ้อ”“น้าจะหาร้านอาหารเนื้อแพะเดี๋ยวน
“เรียกฉันทำไม?” เยี่ยนหวยมองเธอด้วยสีหน้าไร้เดียงสา“ตอนนี้มันฤดูร้อน”ผ่านฤดูใบไม้ผลิมาแล้ว“ฉันแค่นึกถึงวันนั้นที่ไปติวให้เธอแล้วเจอแม่เธอเข้าโดยบังเอิญ เธอคิดไปถึงไหน?” เยี่ยนหวยเลิกคิ้วถังซือซือชะงักไปมีครั้งหนึ่งตอนที่เธอติวอยู่ในบ้าน แล้วบังเอิญเจอแม่ของเธอเข้าจริง ๆ แต่นั่นมันเรื่องตอนเทอมที่สองเยี่ยนหวยต้องจงใจพูดถึงวันนั้นตอนเทอมแรกแน่ ๆ ให้เธอเข้าใจผิดถ้าเธอชี้ไปเลยว่าเยี่ยนหวยจำผิด ก็จะเข้าแผนของเยี่ยนหวย เหมือนว่าเธอยังไม่เคยลืมเรื่องในอดีต คิดถึงเรื่องราวเหล่านั้นของเธอกับเยี่ยนหวยอยู่ตลอด“ตอนนี้ไม่ใช่ฤดูร้อนเหรอ? นายคิดไปถึงไหนอีก?” เธอปัดตกเรื่องนี้ไปอย่างมั่นใจทันทีหลังพูดจบ เธอก็หมุนตัวเดินไปด้านหน้าต่อ “ไม่พูดแล้ว รีบไปร้านถัดไปเถอะ”อยู่ข้างนอกจนถึงสี่ทุ่ม ทั้งสองคนถึงกลับไปยังโรงแรมด้วยกันถังซือซืออยากเรียกรถกลับไปเอง ไม่อยากให้เยี่ยนหวยไปส่งเธอเยี่ยนหวยจึงเอ่ยไปตามตรงว่า “ฉันพักอยู่ที่โรงแรมเดียวกันกับเธอ”ถังซือซือ “...”นี่ไม่ใช่ครั้งแรกแล้วคราวก่อนตอนที่เวินเหลียงถ่ายรูปเยี่ยนหวยรูปแรกที่เมืองฟิลาเดลเฟีย เวินเหลียงก็ถามว่าช่วงนี้เยี่ยนหวย
เมืองซีในฐานะเมืองใหญ่ของเจียงหนาน ประเภทของกินเล่นมีมากมาย ของกินเอกลักษณ์ที่ขึ้นชื่อไปทั่วประเทศอาทิ เต้าหู้เหม็น ไส้กรอกยักษ์ เส้นหมีเฝิ่น กุ้งเผ็ดเป็นต้นถังซือซือเคยมาเมืองซีตอนมาทำงานต่างถิ่นก่อนหน้านี้ เวลาค่อนข้างกระชั้นชิด จึงทำได้เพียงเดินช็อปปิงที่อื่น แต่เพิ่งเคยมาถนนคนเดินที่นี่เป็นครั้งแรกเธอซื้อไส้กรอกยักษ์สองชิ้นก่อน และแบ่งให้เยี่ยนหวยหนึ่งชิ้นกินไปได้เพียงครึ่งเดียว ถังซือซือก็หยุดอยู่ตรงหน้าร้านขายขนมฉือปา เธอกลืนน้ำลายแล้วถามขึ้นว่า “รู้ไหมคะว่าตรงไหนมีถังขยะบ้าง?”“ที่เหลือเธอไม่กินแล้วเหรอ?”“อืม”“ไม่อร่อย?”“ไม่ใช่ อร่อยมาก แต่ว่ายังมีของอร่อยอื่น ๆ อีกเยอะแยะ ฉันอยากเก็บท้องเอาไว้”เยี่ยนหวย “...”“เอามาให้ฉันก็ได้” เยี่ยนหวยรับไส้กรอกครึ่งชิ้นที่เหลืออยู่มาจากในมือของเธอ ก่อนจะเติมเข้าไปในท้องอย่างไม่มีภาระใด ๆถังซือซือซื้อขนมฉือปาแล้วเธอทำตัวอย่างกับโจร แต่ละร้านไม่ยอมปล่อยไปเลย ทว่าก็ชิมเพียงสองสามคำ ทั้งหมดที่เหลือก็โยนให้เยี่ยนหวยอย่างสบายใจเยี่ยนหวยเพลิดเพลินกับพฤติกรรมพรรค์นี้ ในใจเข้าใจได้ในทันที ราวกับกลับไปเมื่อเจ็ดปีก่อนหลังเรียนอย
“มันเรื่องอะไรกันแน่?”ก่อนหน้านี้ที่เยี่ยนหวยอยู่ที่เจียงเฉิง กลับไม่ได้สังเกตเท่าไรว่าอิเลียกำลังทำอะไรอยู่ เธอออกไปข้างนอกทุกวัน เยี่ยนหวยคิดเพียงแค่ว่าเธอกำลังไปเที่ยวเล่นถังซือซือไม่ใช่คนที่จะกุเรื่องมั่วซั่ว เธอพูดแบบนี้ ต้องรู้อะไรบางอย่างแน่ ๆ“พูดไปแล้วก็ยาว ตอนแรกฟู่ชิงเยว่อาของฟู่เจิงรับเลี้ยงเด็กกำพร้าอยู่ที่เมืองนอก ตอนนี้อายุห้าขวบแล้ว ปีที่แล้วอาเหลียงแท้ง แล้วฟู่ชิงเยว่ติดธุระพอดี เลยส่งเด็กคนนั้นกลับประเทศมาให้ฟู่เจิงดูแลช่วงหนึ่ง ฟู่เจิงเลยให้เด็กคนนั้นอยู่ในประเทศไปเลยเพื่อง้ออาเหลียง ปกติจะมาอยู่เป็นเพื่อนอาเหลียง และเด็กคนนั้นเองก็เข้าไปอยู่ในทะเบียนบ้านของฟู่เจิง แต่ว่า...”เยี่ยนหวยเดาเรื่องที่จะเกิดขึ้นต่อไปออกแล้ว จึงรับช่วงเอ่ยขึ้นต่อว่า “แต่ว่าจู่ ๆ ก่อนหน้านี้ก็มีข่าวบอกว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นเป็นลูกของฟู่เจิงกับอิเลีย?”“ใช่ รายละเอียดฉันก็ไม่ค่อยแน่ใจเหมือนกัน เหมือนว่าจะเกี่ยวข้องกับอาของฟู่เจิงนิดหน่อย เธอรู้ตัวตนของเด็กผู้หญิงคนนั้นมาตั้งแต่แรก และไม่ชอบอาเหลียงมาโดยตลอด ยังไงตอนนี้อาเหลียงก็อยู่กับฉัน เขากับฟู่เจิงทะเลาะกันอีกแล้ว”เยี่ยนหวยเอ่ยควา
“เยี่ยนหวย!!”ประตูลิฟต์เปิดออก ทั้งสองคนเข้าไปกันตามลำดับ แล้วลงไปยังลานจอดรถใต้ดินตรงมุมเลี้ยว ในหัวของผู้หญิงสวมหน้ากากอนามัยวาบภาพที่เห็นเมื่อครู่ขึ้นมา หมัดที่ห้อยอยู่กำขึ้นแน่น เธอก้มหน้าทั้งดวงตาที่ประกายความอำมหิตออกมาหากเวินเหลียงอยู่ตรงนี้ คงจะจำได้แน่ ๆ ว่าผู้หญิงที่สวมหน้ากากอนามัยคนนี้ก็คืออลิซที่เธอมาเจียงเฉิง ก็เพราะเยี่ยนหวย เยี่ยนหวยมาเมืองซีเมื่อสองวันก่อน เธอเองก็ตามมาเช่นกันอิเลียถามเลขาของเยี่ยนหวย เมื่อรู้โรงแรมของเขาก็บอกกับอลิซทีแรกอลิซคิดว่าเยี่ยนหวยมาทำธุระที่เมืองซี จากนั้นก็ค่อย ๆ พบว่ามันไม่ชอบมาพากลเยี่ยนหวยไม่ยุ่งเลยสักนิดแถมยังมีเวลาไปสอบถามร้านอาหารท้องถิ่น ถนนคนเดิน จุดชมวิวของเมืองซีเป็นต้น อีกต่างหาก ไม่เหมือนมาทำงานต่างถิ่น แต่เหมือนมาเที่ยวเสียมากกว่าจนกระทั่งวันนี้ เมื่อได้เห็นภาพนั้น อลิซถึงเข้าใจทุกอย่างที่แท้คนที่ซีซาร์ชอบไม่ใช่เฟย์ แต่เป็นถังซือซือเพื่อนของเฟย์!ที่แท้เขาไม่ได้มาทำงานต่างถิ่นที่เมืองซี แต่มาเพื่อตามจีบถังซือซือ!ที่เขาสอบถามร้านอาหารและจุดชมวิวของเมืองซี ก็เพื่อพาถังซือซือไปวันนี้!ในใจอลิซอิจฉาเป็นอย่างม
เมื่อเยี่ยนหวยได้ยินดังนั้น ก็รู้ในทันทีว่าเวินเหลียงไม่ได้รักษาคำมั่นสัญญาแต่เขาก็เตรียมตัวไว้นานแล้ว วันนั้นหลังจากกลับไปก็ให้คนไปตรวจสอบกล้องวงจรปิด แล้วตัดคลิปมาใส่ไว้ในโทรศัพท์เมื่อได้ยินถังซือซือถามขึ้น เขาก็รีบส่งให้เธอทันที “ก็แค่คนที่ไม่สลักสำคัญอะไรคนหนึ่ง ฉันปฏิเสธเขาไปแล้ว”ถังซือซือดูคลิปรอบหนึ่ง ก่อนจะเบะปาก “อยู่ต่างประเทศคุณเยี่ยนมีสาวมาชอบเพียบเลยนะคะ”“แต่ฉันสนใจอยากจะครอบครองแค่เธอ”“จะยอมให้ฉันครอบครองไหม คุณถัง?”เยี่ยนหวยนั่งเอี้ยวตัว แขนข้างหนึ่งพาดอยู่บนพนักพิงเก้าอี้ เขาโน้มตัวเข้ามา ตัวท่อนบนใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ กลิ่นหอมฉุยจาง ๆ และกลิ่นอายของชายหนุ่มที่มาพร้อมกับการบุกรุกโอบล้อมเธอเอาไว้เขาดันแว่นตากรอบทอง สีหน้าอบอุ่น ฉีกยิ้มทว่าก็ราวกับไม่ยิ้ม มุมปากกระตุกรอยยิ้มเล็กน้อย ค่อนข้างมีความรู้สึกประเภทหน้าเนื้อใจเสือถังซือซือเหม่อไปครู่หนึ่ง“คุณถัง?”ใบหน้าหล่อเหลาตรงหน้าขยายใหญ่ขึ้นอีกครั้ง ไออุ่นร้อนปะทะเข้ามาที่หน้า ในที่สุดถังซือซือก็ได้สติกลับมา เธอเอนหลังพลางตบหน้าอก “นายทำฉันตกใจหมด...ไป ไปเดินหาของกินเล่นกันเถอะ”เธอลุกขึ้นและเดินออกไปอย่าง