เวินเหลียงอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายอึกหนึ่ง นิ้วมือกำกระโปรงไว้แน่น พร้อมมองไปรอบ ๆ ด้วยความหวาดระแวงชั้นนี้มีแค่พวกเธอที่พักอยู่ห้องเดียว นอกห้องเป็นโถงลิฟต์ ข้างโถงลิฟต์คือบันไดหนีไฟรอบข้างเงียบสงัด มีเพียงเสียงดังเบา ๆ ของลิฟต์เลื่อนขึ้นเลื่อนลงแว่วดังมาอยู่เลือนรางทว่าราวกับเวินเหลียงได้ยินเสียงหายใจหอบอยู่หลังประตูทางหนีไฟ...คนที่มาส่งกระดาษแผ่นนี้ ต้องซ่อนตัวอยู่ตรงนั้นแน่ เพื่อดูปฏิกิริยาของเธอเวินเหลียงสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เฮือกหนึ่ง ก่อนจะหมุนตัวไปปิดประตู พร้อมกดล็อกจากด้านในหลังของเธอกำลังพิงอยู่บนบานประตู ทั้งเนื้อทั้งตัวอ่อนแรงไปหมดผ่านไปสองสามนาที เวินเหลียงถึงสงบลงได้ จากนั้นถึงถ่ายรูปส่งไปให้ฝ่ายนิติ ให้ฝ่ายนิติดึงข้อมูลกล้องวงจรปิดมาขณะที่ตัดสินใจว่าจะสืบเรื่องนี้ ในตอนที่อวิ๋นเฉียวได้รับจดหมายขู่ฆ่า เธอก็เคยนึกถึงผลลัพธ์ที่ตามมาในภายหลังไว้แล้ว ฉะนั้นเธอจึงไม่กลัวอะไรถึงเวลานี้แล้ว เธอจะมาวางมือตอนนี้ไม่ได้เวินเหลียงล้วงโทรศัพท์ออกมา แล้วโทรหาฟู่เจิงเมื่อเขารับสายเธอก็รีบพูดขึ้นทันทีว่า “ฟู่เจิง ฉันมีธุระด่วนน่ะ คุณพาฝานฝานกลับไปก่อนนะ สองสามวันนี้ฉัน
ถ้าเพื่อนเล่นพิเรนทร์ จะเป็นเรื่องดีที่สุด ถ้าไม่ใช่...“โอเค ผมรู้แล้ว”“จริงสิ สืบเจอหรือยังว่าผู้ว่าจ้างของอวิ๋นเฉียวคือใคร?”“สืบเจอแล้วครับ”“ใคร?”“...เวินเหลียง” ลู่เย่าเอ่ยขึ้นเสียงอ่อนฟู่เจิงชะงักไป พร้อมมองไปที่ประตูที่อยู่ข้าง ๆ “นายแน่ใจ?”“แน่ใจและมั่นใจมาก ๆ ก่อนที่อวิ๋นเฉียวจะไปทำภารกิจ พวกเขาเคยมาเจอกัน น่าจะเพราะมาคุยเรื่องที่จะมอบหมายให้ไปทำ”ฟู่เจิงเงียบไปเวินเหลียงมอบหมายให้นักสืบเอกชนไปสืบคดีลักพาตัวในปีนั้น เพราะอะไร?ลู่เย่าเอ่ยขึ้นพร้อมหัวเราะคิกคัก “นี่ คุณว่าเป็นเพราะเธอชอบคุณหรือเปล่า ถึงได้สืบเรื่องนั้น? งั้นก็ให้เธอสืบต่อไปสิ ตอนนี้คุณกับฉู่ซืออี๋ก็เลิกข้องเกี่ยวกันแล้วไม่ใช่เหรอ? ทำไมยังช่วยเธอปิดบังอยู่อีกล่ะ?”ตอนนี้ข้อมูลเกี่ยวกับคดีลักพาตัวในโซเชียลไม่มีเหลือแล้ว ทั้งหมดล้วนเป็นฝีมือของฟู่เจิงและไม่น่าแปลกใจเลยที่เวินเหลียงจะไปจ้างนักสืบเอกชนฟู่เจิงชะงักไป “มันคนละเรื่องกัน ไม่ว่าความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับเธอจะเป็นยังไง ก็เลี่ยงไม่ได้ว่าเธอเป็นเหยื่อในเรื่องนี้”ถ้าถูกเพื่อนชาวเน็ตขุดออกมา บางทีอาจมีคนมากมายเห็นใจฉู่ซืออี๋ ทว่าก็จะยิ
วันที่หกมกราคม ถังซือซือกลับมาจากบ้านตระกูลถังเธอผลักกระเป๋าเดินทางไปด้านข้าง ก่อนจะหย่อนก้นนั่งลงบนโซฟาอย่างเป็นอัมพาต พร้อมลูบหัวอย่างหงุดหงิด ท่าทางดูเหนื่อยล้าเป็นอย่างมาก“เป็นอะไรไป?” เวินเหลียงเทน้ำร้อนแก้วหนึ่ง ก่อนจะลวดมือส่งให้เธอ“เฮ้อ...”ถังซือซือถอนหายใจยาวเฮือกหนึ่ง ก่อนจะเงียบไป พลางแผ่กลิ่นอายของความกดดันออกมาทั่วทั้งตัวก่อนหน้านี้เธอมีชีวิตชีวามาตลอด ฉีกยิ้มหน่อย ๆ ให้กับทุกการเผชิญหน้า เวินเหลียงเพิ่งเคยเห็นเธอเป็นแบบนี้ครั้งแรก“ถัง ตกลงเป็นอะไรกันแน่? สุขภาพของคุณลุงคุณป้าไม่ดีเหรอ?”ถังซือซือก้มหน้า สีหน้าเหี่ยวเฉา “อาเหลียง เธอว่าผู้ชายเป็นสิ่งมีชีวิตที่คิดแต่เรื่องสืบพันธุ์กันทั้งนั้นหรือเปล่า?”เวินเหลียงชะงักไป ในใจผุดการคาดเดาไม่ดีขึ้นอย่างหนึ่งถังซือซือยิ้มทั้งเย้ยหยันออกมา “ฉันเพิ่งรู้ พ่อฉันมีชู้ แถมยังมีลูกชายอยู่ข้างนอกอีกคน โตจนเข้ามหาลัยแล้วด้วย! ฉันถึงว่าทำไมเขาถึงบังคับฉันไปนัดบอดตลอด!”แม้จะทายถูก ทว่าเวินเหลียงก็ยังอดไม่ได้ที่จะแสดงสีหน้าตกตะลึงออกมา ไม่นึกเลยว่าคุณลุงถังที่แสนอบอุ่นในจินตนาการก็จะ...เวินเหลียงกอดถังซือซือเงียบ ๆ พร้
ฟู่เจิงกลับไปที่ฟู่ซื่อจริง ๆ บัญชีทางการของกรุ๊ปประกาศข่าว นับตั้งแต่วันนี้ไปฟู่เจิงจะมาเป็นประธานกรรมการใหญ่ของกรุ๊ปอาจเป็นเพราะช่วงนี้สถานการณ์ของฟู่ซื่อไม่ดีนักถึงยังไงก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเวินเหลียง เธอจึงปิดโทรศัพท์ไปเลย“ฝานฝานกลับไปแล้วใช่ไหม?”“ยัง นอนหลับอยู่ข้างในน่ะ” เวินเหลียงชี้ไปที่ห้อง “เธออยากไปดูชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนกับฉัน”“จูฝานไปหรือเปล่า?”“ไป ฉันถามเขาแล้ว”“งั้นฉันไปด้วย!”...ณ คลับแห่งหนึ่งตัวเลขบนหน้าจอของลิฟต์เด้งจนถึง ‘1’ ประตูลิฟต์ทั้งสองข้างเปิดออกเสียงดัง ‘ตึ๊ง’ฟู่เจิงเยื้องย่างเข้าไป ก่อนจะกดปุ่มปิดประตู และในขณะที่ประตูลิฟต์กำลังปิดนี้เอง แขนข้างหนึ่งก็ยื่นเข้ามา เซนเซอร์ประตูลิฟต์ตอบสนอง รีบเปิดออกไปทั้งสองข้างทันทีชายหนุ่มคนหนึ่งยืนอยู่ปากประตูลิฟต์ สวมสูทสีกรมท่า สะอาดเรียบร้อยประณีต มีเสื้อคลุมสีดำพาดอยู่บนแขนตัวหนึ่งเมื่อเห็นประตูลิฟต์เปิดออก เขาก็เงยหน้ามองมาด้านในทีหนึ่ง พลันไปสบตาเข้ากับฟู่เจิงโดยไม่ได้ตั้งใจสองวินาที ก่อนจะก้มหน้าเดินเข้ามาในลิฟต์ พร้อมเอนตัวเดินเข้ามายืนอยู่ข้าง ๆ ก้าวหนึ่งฟู่เจิงเองก็ชักสายตากลับ และท
เลขาหยางจะพูดแต่หยุดเอาไว้ถ้าเธอจำไม่ผิด ฮั่วตงเฉิงคนนี้ก็คือหัวหน้าสมาคมหัวเฉียวตอนที่คุณผู้หญิงไปเรียนหนังสือที่ต่างประเทศในปีนั้นยังไงล่ะ เคยช่วยคุณผู้หญิงมาไม่น้อย เป็นหนึ่งในผู้ชายที่สนิทกับคุณผู้หญิง และอาจเป็นพ่อของลูกที่คุณผู้หญิงเคยคลอดออกมาก็ได้!ไม่แน่ว่าที่เขาเหม็นขี้หน้าประธานฟู่ถึงขนาดนี้ เป็นเพราะรู้ว่าประธานฟู่คืออดีตสามีของคุณผู้หญิง!หนึ่งในสาเหตุที่ฟู่เจิงหวนกลับฟู่ซื่อในครั้งนี้ ก็เพราะตระกูลฮั่วกว้านซื้อตัวเหล่าบุคคลที่เป็นหัวใจหลักในโปรเจกต์พลังงานใหม่ของฟู่ซื่อ กรุ๊ปไปในราคาสูง โปรเจกต์จึงต้องหยุดพักไปต่อไม่ได้ทุกวันที่ล่าช้าไป จะมีความเสียหายมูลค่าหลายบาทก่อนหน้านี้ฟู่เจิงเป็นคนประคองโปรเจกต์นี้คนเดียว ลงทุนไปไม่น้อย ผู้บริหารระดับสูงไม่ยอมให้ความพยายามที่ผ่านมาต้องสูญเปล่า ฟู่เจิงเองก็ไม่ยอมเช่นกันถึงยังไงก็ไม่ควรประมาทคนแซ่ฮั่วนี่เลขาหยางกำลังคิดจะพูดเตือนฟู่เจิงเรื่องความสัมพันธ์ของฮั่วตงเฉิงและเวินเหลียง ทว่าในจังหวะนี้เองประตูลิฟต์ก็เปิดออก ฟู่เจิงสาวเท้าก้าวยาวเดินออกไปเลขาหยางทำได้เพียงสับเท้าเดินตามไปอย่างรวดเร็วการทานอาหารในครั้งนี้ ที่ส
เธอถือกระเป๋าเดินเข้าไปในร้านอาหาร แล้วมุ่งตรงขึ้นไปยังชั้นสองเลย ก่อนจะเดินหน้าไปยังห้องรับรองที่จองไว้เดินผ่านตรงหัวมุม เวินเหลียงขึ้นบันไดไปพลางเงยหน้าขึ้น ทันใดนั้นก็เห็นคนคนหนึ่งยืนอยู่ตรงปากบันไดชั้นสอง ซึ่งคือเงาร่างที่เธอเห็นเมื่อครู่ ฉู่ซืออี๋!ฉู่ซืออี๋แต่งตัวสวยสะดุดตา กำลังยืนพิงอยู่บนราวบันได ใบหน้าแฝงรอยยิ้มอันงดงามเอาไว้ เธอมองเวินเหลียงตาไม่กะพริบ ราวกับจงใจมารอเธออย่างนั้น “ที่แท้ฉันก็ไม่ได้ตาฝาดไป นั่นเป็นรถเธอจริง ๆ!”ฝีเท้าของเวินเหลียงชะงัก ก่อนจะขึ้นบันไดต่อ “ทำไม? ที่คุณฉู่มายืนรอฉันตรงนี้ เพราะอยากพูดคุยเรื่องสัพเพเหระกับฉันเหรอ?”“แน่นอนว่าไม่ใช่อยู่แล้ว” ฉู่ซืออี๋ยิ้มไปพูดไป นัยน์ตาประกายความโหดร้ายออกมาสายหนึ่ง “ฉันก็แค่อยากเอาของขวัญสุดพิเศษชิ้นหนึ่งให้เธอเท่านั้น...”เมื่อสิ้นเสียง จู่ ๆ เธอก็ยื่นมือออกไปแล้วออกแรงผลัก“อ๊า...”เวินเหลียงไม่ทันได้ระวังตัว เท้าลอยขึ้นกลิ้งตกลงไปจากบนบันไดเลยในวินาทีนั้นโลกหมุนติ้วไปหมดเมื่อเธอได้สติกลับมา ก็ตกลงมาบนพื้นอย่างแรงแล้ว ความเจ็บปวดทำให้ตรงหน้าเธอมืดไปหมดเมื่อเธอเงยหน้ามองขึ้นไป ฉู่ซืออี๋หายไปแล้วแ
มิน่าล่ะ มิน่าล่ะหาอยู่ในอินเทอร์เน็ตตั้งนานสองนานก็หาข่าวที่เกี่ยวข้องกับปีนั้นไม่เจอเลยมิน่าล่ะเมื่อกี้ฉู่ซืออี๋ถึงได้ผลักเธออย่างกำเริบเสิบสาน เพราะรู้ว่าเธอมีเรื่องอยากจะขอร้องเขา จึงไม่กล้าแจ้งตำรวจอยู่แล้วในวินาทีนี้ ความคิดที่เดิมทีแจ่มชัดของเวินเหลียงพลันเปลี่ยนเป็นยุ่งเหยิงไปหมด ราวกับเส้นด้ายที่ม้วนพันอยู่ด้วยกัน จะคลี่ยังไงก็คลี่ไม่ออกก่อนหน้าจะเข้ามา เธอคิดเอาไว้แล้วว่าจะโน้มน้าวให้เหยื่อพูดให้การทว่าข่าวที่ว่าฉู่ซืออี๋คือเหยื่อคนนั้น ทำเอาเธอรับมือไม่ทัน กวนการเตรียมการที่เธอเตรียมเอาไว้แล้วยุ่งเหยิงไปหมดทันใดนั้นเธอก็ไม่รู้แล้วว่าควรจะทำยังไงดีฉู่ซืออี๋จะออกหน้าไประบุตัวไหม?เวินเหลียงไม่แน่ใจเลยเธอสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เฮือกหนึ่ง ก่อนจะเดินกะโผลกกะเผลกมานั่งลงข้างโซฟา “บุญคุณความแค้นของเราก่อนหน้านี้ยังไม่ต้องไปพูดถึง เธอรู้จุดประสงค์ที่ฉันนัดเจอเธอ ฉันหวังว่าเธอจะออกหน้ามาระบุตัวเมิ่งจินถัง เขาคือโจรเรียกค่าไถ่ที่ทำให้เกิดเรื่องกับเธอ หรือว่าเธอไม่อยากให้พวกเขาได้รับโทษตามกฎหมายที่สมควรได้รับ?”ฉู่ซืออี๋หัวเราะออกมาเบา ๆ เสียงหนึ่ง ก่อนจะยื่นมือไปชี้หน้า
เวินเหลียงกระตุกยิ้มมุมปาก “...”เธอจ้องฉู่ซืออี๋เขม็งอย่างเคียดแค้น ในใจเดือดดาลจนแทบจะระเบิดออกมา นิ้วกำเข้าหากันแน่นจนเป็นหมัด ถึงได้ควบคุมความพลุ่งพล่านที่ตัวเองอยากเข้าไปตบฉู่ซืออี๋สักสองฉาดได้ในใจเวินเหลียงรู้สึกวิตกกังวลเป็นอย่างมากไปแล้ว โดยพื้นฐานแล้วทางฝ่ายฉู่ซืออี๋คงตั้งความหวังไว้ไม่ได้แล้วเธอทำได้เพียงฝากความหวังไว้กับจี้ตัน หวังว่าเขาจะไม่ใช่จอมลวงโลก หวังว่าเขาจะพาตัวจางกั๋วอันกลับมาประเทศได้ในขณะนี้เอง จู่ ๆ โทรศัพท์ของเวินเหลียงก็มีเสียงแจ้งเตือนข้อความเข้าแว่วดังขึ้นมาเธอกดเปิดอ่าน เป็นข้อความตอบกลับของจี้ตันอย่างที่คิดเอาไว้จริง ๆเขาตอบ “โอ้ชิต! เราจับตัวจางกั๋วอันได้แล้ว แต่ใครจะไปรู้ว่าตอนที่ใกล้จะถึงชายแดน เขาจะหนีไปได้!”กลัวเธอไม่เชื่อ จี้ตันยังส่งเอ็มเอ็มเอสมาสองสามภาพ เป็นรูปภาพที่จางกั๋วอันถูกมัดเวินเหลียงตรวจสอบดู รูปร่างหน้าตาคล้ายกับในรูปที่ถูกประกาศจับของจางกั๋วอันจริง ๆ ดูท่าจี้ตันจะไม่ใช่จอมลวงโลก แต่จางกั๋วอันหนีไปแล้ว...การหนีไปครั้งนี้ เขามีการระแวดระวังตัวแล้ว จะจับตัวได้อีกคงยาก!ในใจเวินเหลียงพลันจมดิ่งลงไปใต้หุบเหว อารมณ์หดหู่อย่