ถึงอย่างไรเตะถ่วงเวลาออกไป ก็คงไม่จบภายในสองสามปีนี้แน่การตอบกลับของเมิ่งเซ่อทำเอาเวินเหลียงคาดไม่ถึงเลยจริง ๆราวกับกลัวว่าเธอจะไม่เชื่อ เมิ่งเซ่อจึงส่งคลิปเสียงมาคลิปหนึ่ง ในคลิปเสียงอัดมาแค่ครึ่งหลัง ทว่าบทสนทนาของทั้งสองคนที่อยู่ในคลิปมีเจตนาเช่นนี้จริง ๆหรือว่าที่เขาไม่ได้ห้ามเมิ่งจินถัง ที่แท้ก็เพราะรู้อยู่แล้วว่าการไกล่เกลี่ยจะไม่สำเร็จเวินเหลียงตั้งใจฟังรอบหนึ่ง แล้วรีบแยกว่าเสียงไหนคือเสียงของผู้รับผิดชอบฝ่ายซัพพลายเออร์ เสียงไหนคือเสียงของคนบงการเพียงแต่เธอรู้สึกคุ้น ๆ เสียงของคนบงการอยู่นิดหน่อย ราวกับเคยได้ยินเสียงแบบนี้ที่ไหนมาก่อนแต่ดันนึกไม่ออกเวินเหลียงถามขึ้นว่า “แปลกจัง นายอยากสืบหาตัวตนของผู้ชายคนนั้นเหรอ?”เมิ่งเซ่อ “อันที่จริง ผมสงสัยว่าเจ้าของจะรู้จักกับผู้ชายคนนั้น และทั้งหมดนี้ก็คือผลลัพธ์ที่ผู้ชายคนนั้นหาเรื่องพวกเรา! พวกเราจะนั่งรอความตายไม่ได้ หลังจากถูกพวกเขาถ่วงเวลาไปสองสามปี ผมอยากดูซิว่าจะจับจุดอ่อนของพวกเขาได้ไหม”หรือว่าเมิ่งจินถังจะไม่รู้จริง ๆ ว่าวัสดุมีปัญหา แต่แค่ถูกหาเรื่อง?เวินเหลียง “ฉันไม่รู้จักนักสืบเอกชนอะไรหรอก เดี๋ยวฉันขอถาม
เมื่อเห็นข้อความนี้ ลู่เย่าก็เสียวสันหลังวาบขึ้นมาทันที มือสั่นเทา โทรศัพท์เกือบตกลงบนพื้นจู่ ๆ เส้นเลือดบนหน้าผากเขาก็กระตุกสองที เขาตอบกลับว่า “คุณเวิน คุณอย่าทำแบบนี้สิ คุณอย่าทำร้ายผมสิ!”อย่างไอ้จอมขี้หึงฟู่เจิงนั่น ถ้าทำให้เขาเห็นเข้า ไม่แน่ว่าได้มาฝึกต่อยมวยกับเขาอีกแน่คราวก่อนในร้านอาหารที่นอร์เวย์ เวินเหลียงแค่พูดว่าชอบนิสัยเขาไม่กี่ประโยค เมื่อถูกฟู่เจิงที่อยู่ห้องข้าง ๆ ได้ยินเข้า หลังกลับประเทศมาฟู่เจิงก็นัดเขาไปซ้อมต่อยมวยอยู่สองสามครั้ง เรียกให้ดูดีว่าไปเป็นคู่ซ้อม ทว่าอันที่จริงคือโดนซ้อมเขาบอกปัดไม่ได้จริง ๆ จึงเป็นคู่ซ้อมให้ฟู่เจิงอยู่สองครั้ง ฟู่เจิงก็ไม่เบามือเลยสักนิด หมัดหนึ่งหนักกว่าหมัดหนึ่ง ตอนนี้บนตัวเขายังมีรอยฟกช้ำดำเขียวอยู่เลย!ถ้าให้ไปซ้อมอีกที เขารับไม่ไหวแล้วจริง ๆเวินเหลียง “จะทำคุณนั่นแหละ! ไม่งั้นพวกคุณก็ดีแต่เห็นฉันเป็นคนโง่น่ะสิ!”ลู่เย่ามั่นใจว่า เวินเหลียงรู้เรื่องเข้าแล้วแน่ ๆ เขาแสร้งทำเป็นไม่รู้อะไร “ผมไม่เข้าใจว่าคุณกำลังพูดถึงอะไร”เวินเหลียงส่งคลิปเสียงไปเลย “แสร้งอะไร? ถ้าไม่อยากให้คนอื่นรู้ ตัวเองก็อย่าทำสิ”ลู่เย่าที่ได้ฟังคล
ปลายสายเงียบอยู่นานสองนาน น้ำเสียงอ่อนแอไร้ซึ่งเรี่ยวแรงลง “เธอคิดกับฉันแบบนี้เหรอ?”เมื่อเขาเห็นว่าเป็นสายของเธอ ก็รีบรับสายด้วยใจที่เต็มไปด้วยความปลื้มปีติ ทว่าครั้นได้ยินคำถามประดังประเดใส่หน้าโครม ๆ ในใจก็เย็นยะเยียบลงมาทันที“หรือว่าไม่ใช่งั้นเหรอ?” น้ำเสียงของเวินเหลียงเย็นชา ถามกลับคำหนึ่งชะงักคำหนึ่ง“ฮึ” ฟู่เจิงแค่นเสียงฮึด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยียบ ในน้ำเสียงเผยให้เห็นความเย็นชาสายหนึ่ง “ทั้ง ๆ ที่พ่อของเมิ่งเซ่อรู้อยู่แล้วว่าวัสดุไม่ได้มาตรฐานก็ยังจะซื้อมา ถูกคนรายงานก็เป็นเรื่องปกติ ทำไมถึงมาโทษฉันได้ล่ะ?”ตอนนี้เวินเหลียงไม่หลงเหลือความเชื่อใจใด ๆ ให้กับฟู่เจิงเลยแม้แต่น้อยเวินเหลียงทำเหมือนว่าคำพูดของเขาคือลมตด!ต่อให้เมิ่งจินถังจงใจใช้วัสดุไม่ได้มาตรฐานแล้วยังไง เป้าหมายของเธอคือได้รับความเชื่อมั่นจากเมิ่งเซ่อต่างหากส่วนเมิ่งจินถัง รอให้เธอหาหลักฐานที่ชี้ว่าเขาเป็นโจรเรียกค่าไถ และเป็นต้นเหตุทำให้พ่อของเธอต้องตายได้ก่อน เธอจะทำให้เขาได้รับการลงโทษทางกฎหมายแน่นอนเวินเหลียงหัวเราะอย่างเย็นชาทีหนึ่ง “ดูท่าคุณจะรู้เรื่องนี้ดีจังเลยนะ? เพราะงั้นคุณเลยไปหาคนมาร่วมงานกับ
เวินเหลียงชะงักไป “คุณถามเรื่องนี้ทำไม?”ลู่เย่าถอนหายใจหนัก ๆ เฮือกหนึ่ง “สองสามวันก่อนหน้านี้ฟู่เจิงเลือดออกในกระเพาะอาหาร กำลังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล เดิมทีอาการไม่ค่อยสู้ดีอยู่แล้ว จู่ ๆ เขาก็เริ่มอดอาหาร ตั้งแต่เมื่อวานจนถึงตอนนี้ ไม่ยอมกินอะไรเข้าไปเลยแม้แต่นิดเดียว! พยาบาลบอกว่าเมื่อวานหลังจากที่เขารับสายหนึ่งก็กลายเป็นแบบนี้ไปเลย!”ฟู่เจิงเลือดออกในกระเพาะอาหารนอนอยู่ที่โรงพยาบาล?เวินเหลียงอึ้งไปครู่หนึ่ง ทันใดนั้นก็นึกถึงสองวันก่อนตอนไปเยี่ยมหลานของป้าหวังที่โรงพยาบาล เหมือนเธอจะเห็นเงาเบื้องหลังของฟู่เจิง ตอนนั้นเธอยังคิดว่าตาฝาดไปเห็นเวินเหลียงอึ้งไป ลู่เย่าก็เอ่ยขึ้นอีกว่า “คุณต้องไปโน้มน้าวเขาที่โรงพยาบาลกับผมเดี๋ยวนี้!”เวินเหลียงได้สติกลับมา พร้อมถอยหลังก้าวหนึ่ง “ฉันไม่ไป เขาไม่ใช่เด็กแล้วซะหน่อย เอาร่างกายของตัวเองมาล้อเล่น คนที่ต้องได้รับความทุกข์ทรมานก็คือตัวเขาเอง เราหย่ากันแล้ว ต่อไปถ้าเขาเป็นแบบนี้อีก ฉันก็ต้องไปเยี่ยมเขาอีก ฉันไม่ต้องใช้ชีวิตแล้วเหรอ?”ขณะที่ทั้งสองคนยังไม่หย่ากัน เธอเองก็รู้ว่าฟู่เจิงต้องไปเข้าสังคมข้างนอกตลอดปี กระเพาะอาหารจึงไม่ค่อยด
เวินเหลียงเดินตามอยู่เบื้องหลังเขา เธอรีบเดินสับเท้าอย่างรวดเร็ว ตรงหน้าอกพลันพองขึ้นยุบลงอย่างรวดเร็ว ร้อนจนแก้มแดงระเรื่อทุกคนมาหยุดอยู่หน้าประตูห้องพักผู้ป่วยวีไอพีห้องหนึ่ง ลู่เย่าชี้ไปที่ประตู “ห้องนี้แหละ คุณเข้าไปเถอะ”เวินเหลียงมองเข้าไปจากหน้าต่างบนประตู เห็นเพียงฟู่เจิงนอนอยู่บนเตียง มีถุงน้ำเกลือแขวนอยู่ตรงหัวเตียง ไร้ซึ่งการเคลื่อนไหวใด ๆ ราวกับกำลังนอนหลับอยู่อย่างนั้นเธอเปิดประตูเดินเข้าไปเบา ๆฟู่ซือฝานดิ้นอยู่ในอ้อมอกของลู่เย่า พลางเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงไร้เดียงสา “คุณลุงขา หนูก็อยากเข้าไปเหมือนกัน”ลู่เย่ากอดเธอเข้าไปในอ้อมอก “รอเดี๋ยวนะ ให้คุณลุงของเธอคุยกับคุณป้าก่อน”“โอเคค่ะ”เสียงเปิดประตูดังขึ้นปัง ฟู่เจิงจับเสียงฝีเท้าได้ เขาเอ่ยขึ้นชืด ๆ ทั้งหลับตาว่า “ฉันบอกไปแล้วไง ไม่ต้องมาโน้มน้าวอีกแล้ว”ที่แท้ก็ไม่ได้หลับนี่เองเวินเหลียงมาถึงข้างเตียง เมื่อเห็นท่าทางของฟู่เจิงที่นอนอยู่บนเตียงชัด ๆ จู่ ๆ หัวใจก็บีบตัวแรงขึ้นมา เธอกลั้นลมหายใจเอาไว้ไม่เจอหน้ากันไม่กี่วัน เขาผอมลงไปเยอะมาก เบ้าตาบุ๋มลึก บนหน้าแทบจะไม่มีเนื้อหนังอะไรเลย ตรงขากรรไกรล่างและมุมขากรร
ฟู่เจิงหลับตาลง มุมปากกระตุกรอยยิ้มขึ้นมารอยยิ้มหนึ่ง ทว่าในใจเย็นยะเยียบลงไปสองสามส่วนเป็นอย่างที่คิดเอาไว้จริง ๆ ในใจของเธอ เดิมทีเขาไม่ควรค่าจะพูดถึงอยู่ข้างกายเขาเพิ่มอีกหนึ่งวินาที เธอยังไม่ยอมเลยเมื่อเวินเหลียงเห็นฟู่เจิงหลับตาลง เธอก็ยักไหล่อย่างจนใจ ก่อนจะลุกขึ้นยืน “งั้นฉันไปแล้วนะ คุณก็พักรักษาตัวให้ดีแล้วกัน”ดวงตาทั้งสองของฟู่เจิงหลับตาปี๋ มือใหญ่กำผ้าปูเตียงไว้แน่นฟืนแห้งที่อยู่ในใจถูกเวินเหลียงราดน้ำมันไปชั้นหนึ่ง โยนประกายไฟลงไปแค่นิดเดียว ก็เผาไหม้ลุกโชนขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้แล้วแก๊สและควันโขมงปริมาณมากสุมอยู่ในห้องหัวใจของเขา อาจระเบิดออกมาได้ตลอดทุกเมื่อเธอเลือดเย็นและโหดเหี้ยมกับเขาอย่างที่คิดเอาไว้จริง ๆ!แต่เขาดันหาเรื่อง ในใจยังไม่อยากให้เธอจากไป!ฟู่เจิงกำลังจะเอ่ยปาก ทันใดนั้นก็มีความเจ็บปวดรุนแรงแผ่ขึ้นมาจากส่วนกระเพาะอาหาร...“แคก ๆ ๆ...”มีเสียงไอเสียงหนึ่งแว่วดังขึ้นมาจากเบื้องหลัง มาพร้อมกับเสียงอาเจียนเวินเหลียงหยุดฝีเท้า ก่อนจะหันไปมอง ฟู่เจิงกำลังนอนคว่ำหน้าอยู่ข้างเตียงอย่างไร้เรี่ยวแรง มุมปากมีเลือดจาง ๆ อยู่สายหนึ่ง ภายใต้การเสริม
“เธอกลับไปแล้วไม่ใช่เหรอ? จะกลับมาทำไมอีก?” ฟู่เจิงชำเลืองมองเวินเหลียงอย่างเย็นชาทีหนึ่ง น้ำเสียงเย็นยะเยียบเวินเหลียงกำลังกวาดเศษแก้วอยู่ เธอเงยหน้าขึ้นมาแล้วขมวดคิ้วมองฟู่เจิง “ในเมื่อคุณอยากให้ฉันไปขนาดนั้น ฉันจะไปเดี๋ยวนี้ก็ได้”ฟู่เจิงโกรธจนโพล่งหัวเราะออกมาผู้หญิงคนนี้ต้องจงใจแน่ ๆ!จงใจยั่วให้เขาโกรธ!ฟู่ซือฝานส่ายหน้าอย่างไม่เห็นด้วย ทำไมคุณลุงถึงได้ปากแข็งขนาดนี้เนี่ย?นี่มันผลักไสไล่ส่งให้คุณป้าออกไปข้างนอกชัด ๆ ไม่ใช่เหรอ?ดูพี่ไก่อ่อนผอมกะหร่องสิ เอาแต่เรียกพี่ครับ ๆ ปากหวานแค่ไหน?จะให้คุณลุงพูดแบบนี้ต่อไปไม่ได้ ไม่งั้นไม่แน่ว่าคุณป้าได้โกรธจนหนีไปแน่“คุณลุง นี่มันเรื่องอะไรกันคะ?” รองเท้าหนังน้อย ๆ ของฟู่ซือฝานถอยหลังก้าวหนึ่ง พร้อมชี้ไปที่เศษแก้วบนพื้นแล้วเอ่ยถามสีหน้าของฟู่เจิงอ่อนโยนขึ้นนิดหน่อย เขาย้ายกำปั้นมาวางข้างปากแล้วไอเบา ๆ ก่อนจะพูดกระซิบว่า “เมื่อกี้ลุงอยากดื่มน้ำน่ะ แต่ว่าจับแก้วไม่อยู่”“คุณลุง คุณลุงบอกหนูมาหน่อยสิคะ ทำไมต้องอยากเจอคุณป้าด้วย?” ฟู่ซือฝานเงยหน้าขึ้น ดวงตากลมโตกะพริบ บนใบหน้าน้อย ๆ แฝงไปด้วยสีหน้าของความสงสัยเวินเหลียง “...
“ยังไม่แน่ใจน่ะ” ฟู่เจิงชำเลืองมองเวินเหลียงอย่างแยบยลทีหนึ่ง “รอหมอบอกว่าผ่าตัดได้เมื่อไร ถึงจะผ่าตัดได้”เวินเหลียงครุ่นคิด คงเป็นเพราะตอนนี้สภาพร่างกายของเขาไม่ดี อย่างน้อยก็ต้องรอให้ฟื้นตัวสักหน่อยถึงจะขึ้นเตียงเข้ารับการผ่าตัดได้“งั้นตอนที่คุณลุงผ่าตัด หนูจะอยู่เป็นเพื่อนคุณลุงข้างนอกนะคะ”“ฝานฝานเป็นเด็กดีจริง ๆ”“มือของคุณลุงน่ากลัวจังเลยค่ะ”เวินเหลียงแค่นเสียง “ฮึ” ขึ้นมาเสียงหนึ่ง ก่อนจะเอาสองมือกอดอก พลางชำเลืองมองฟู่เจิงทีหนึ่ง “นั่นน่ะสิ บนมือเหลือแต่กระดูก จะไม่ให้น่ากลัวได้ยังไง?” ฟู่เจิง “...”“คุณป้า อย่าดุใส่คุณลุงแบบนั้นสิคะ! คุณลุงเองก็ไม่อยากเป็นแบบนี้เหมือนกัน...”“ไม่อยากเป็นแบบนี้เหมือนหัน? เขารู้ทั้งรู้ว่ากระเพาะอาการตัวเองไม่ดี แล้วทำไมยังดื่มเหล้าเยอะขนาดนั้นอีกล่ะ?”“เพราะคืนนั้นคุณลุงทุกข์ใจสุด ๆ น่ะสิคะ!” ฟู่ซือฝานแสร้งทำเป็นถอนหายใจ พร้อมกดคิ้วน้อย ๆ ให้ต่ำลง “พูดได้แค่ว่า คุณลุงรักคุณป้ามากเกินไป...”“ฟู่ซือฝาน” เวินเหลียงจ้องเธอเขม็งฟู่ซือฝานรีบใช้สองมือปิดปาก พลางมองฟู่เจิงและกะพริบตาปริบ ๆ“ดุฝานฝานทำไม เธอพูดถูกแล้ว” ฟู่เจิงมองตาเวินเห