เวินเหลียงและถังซือซือโทรคุยกันถังซือซือเล่าว่า ที่เต็นท์มีรอยนิ้วมือของเฮ่อหมิง ไกด์นำเที่ยวและนักท่องเที่ยวคนอื่นชี้ว่าเฮ่อหมิงมีโอกาสแตะต้องแก้วของเวินเหลียง จางชวนเองก็บอกเล่าว่ายานอนหลับของตัวเองหายไปเม็ดหนึ่ง มิหนำซ้ำยังมีการรับรองของเจ้าของร้านขายของเล่นผู้ใหญ่ในตำบล เฮ่อหมิงถูกจับกุมเรียบร้อยแล้วเพียงแต่น่าเสียดายที่ วันที่สองของการท่องเที่ยวในเกรตโอเชียนสองวันเสียเปล่าไปเลย พวกเขาไม่ได้ออกเดินทางจากอ่าวอะพอลโล ไม่ได้นั่งเฮลิคอปเตอร์ ไม่ได้ดูจิงโจ้ น่าเสียดายเป็นอย่างมากมีเพียงนักท่องเที่ยวสองสามคนที่ยังมีเวลาเหลือเฟือ สามารถไปทัวร์กับไกด์นำเที่ยวครั้งต่อไปได้ฟรีส่วนคนที่มาร่วมในครั้งถัดไปไม่ได้ ไกด์นำเที่ยวก็คืนค่าใช้จ่ายให้ครึ่งหนึ่ง นี่ถือเป็นการปลอบใจเพียงอย่างเดียวถังซือซือถามความเห็นของเวินเหลียง เวินเหลียงถามขึ้นว่า “ทัวร์ครั้งหน้าคือเมื่อไร?”“อีกสามวัน”“งั้นพวกเราเข้าร่วมทัวร์ครั้งหน้ากันไหม”“โอเค งั้นเดี๋ยวฉันไปบอกกับไกด์นำเที่ยวนะ”ภายในระยะเวลาสามวันนี้ เวิเนหลียงและถังซือซือได้ไปที่เคนส์กันมาเที่ยวหนึ่ง นั่งเรือไปเกรตแบร์ริเออร์รีฟ สัมผัสประสบการณ์น
ไม่ได้กลับมาเกือบหนึ่งเดือน ทุกที่ภายในห้องมีขี้ฝุ่นร่วงหล่นลงมาชั้นหนึ่ง เครื่องใช้ภายในห้องครัวก็ต้องล้างทำความสะอาดเพียงแต่ตอนนี้พวกเธอไม่มีกะจิตกะใจจะไปทำความสะอาด หลังนอนบนโซฟาอยู่นานสองนาน ถังซือซือไถโทรศัพท์ไปพลางถามขึ้นว่า “เธออยากกินอะไร?”เวินเหลียงเข้าใจในทันทีว่าถังซือซือจะสั่งดิลิเวอรี เธอแจ๊บ ๆ ปาก ก่อนจะเปิดแอพดิลิเวอรี “ฉันสั่งเป็ดย่าง”“งั้นฉันจะสั่งไก่ทอดก็แล้วกัน...พูดคำว่าไก่ไม่พูดคำว่าก็แล้วกันต่อท้าย[1] จะได้ฟังดูสุภาพทุกคน”เวินเหลียง “...”อาหารดิลิเวอรีที่ทั้งสองคนสั่งมาถึงตามลำดับก่อนปีใหม่ภายในประเทศมีหนังสองสามเรื่องที่รอเข้าฉายอยู่นานแล้ว ตอนนี้เข้าแอพดูหนังแล้วในเพนส์เฮ้าส์ของถังซือซือมีห้องดูหนังขนาดย่อมห้องหนึ่งทั้งสองคนยกอาหารดิลิเวอรีไปในห้องดูหนังด้วยกัน ดูหนังไปด้วยกินอาหารดิลิเวอรีไปด้วยหลังกินอาหารดิลิเวอรีเสร็จ ทั้งสองคนก็นอนดูหนังบนโซฟากันอย่างไม่ห่วงภาพลักษณ์เวินเหลียงเอ่ยขึ้นพร้อมทั้งนั่งไขว่ห้าง “ดีจริง ๆ ฉันก็อยากซื้อเพนส์เฮ้าส์ห้องหนึ่งพอดี อยู่คนเดียวมีความสุขดี”ไม่ดีที่เธอจะมาพลอยอาศัยอยู่กับถังซือซือที่นี่ ทว่าก็ไม่คิดจะ
รถของเวินเหลียงแล่นไปยังคฤหาสน์ย่านซิงเหอวานเมื่อมาถึงช่วงถนนใกล้จะถึงคฤหาสน์ ความเร็วในการขับขี่ของเธอก็อดไม่ได้ที่จะช้าลงมีความรู้สึกยิ่งใกล้บ้านก็ยิ่งหวั่นใจอย่างหนึ่งผุดขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุเวินเหลียงสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เฮือกหนึ่ง พยายามสงบจิตใจลงรถยนต์มาหยุดที่ประตูใหญ่ของคฤหาสน์ย่านซิงเหอวานป้ายทะเบียนรถยังอยู่ในกล้องวงจรปิดของ รปภ. ในย่าน ไม้กั้นยกขึ้น เธอเหยียบคันเร่งขับรถเข้าไป ก่อนจะไปหยุดลงนอกคฤหาสน์ป้าหวังกำลังทำความสะอาดห้องน้ำในลานบ้าน ครั้นได้ยินเสียงเครื่องยนต์ของรถ เธอก็เงยหน้าขึ้นมามอง เมื่อเห็นก็วางไม้กวาดลงด้วยความดีใจปนแปลกใจ ก่อนจะมารับหน้า “คุณผู้หญิง คุณกลับมาแล้วเหรอคะ?”เวินเหลียงยิ้มชืด ๆ ทีหนึ่ง “ป้าหวัง ฉันหย่ากับเขาแล้ว ป้าเลิกเรียกฉันว่าคุณผู้หญิงได้แล้วค่ะ ที่ฉันมาวันนี้ เพราะจะมารับปุ๊กลุกค่ะ”ป้าหวังอุททาน “ให้ตายเถอะ” ขึ้นเสียงหนึ่ง “คุณเวิน ตอนนี้ปุ๊กลุกไม่ได้อยู่ที่นี่ค่ะ”เวินเหลียงประหลาดใจ “ปุ๊กลุกไม่ได้อยู่ที่นี่?”“ใช่ค่ะ” ป้าหวังถอนหายใจอีกครั้ง “ทั้งหมดต้องโทษฉัน วันนั้นฉันอุ้มปุ๊กลุกไปเล่นในลาน อาจเป็นเพราะมันยังเล็กเกินไป ภูม
เลขาหยางที่อยู่ปลายสาย “ประธานฟู่??? นี่คุณกำลังพูดเรื่องอะไรอยู่คะเนี่ย?”“ตกลงตามนี้ละกัน แค่นี้นะ” ฟู่เจิงกดวางสายด้วยใบหน้าที่มีสีหน้าคงเดิม จากนั้นก็วางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะ ทว่าตากลับเอาแต่มองไปที่หน้าของเวินเหลียงอยู่ตลอด สีหน้าแฝงความไม่ยอมปล่อยเวินเหลียงไปอยู่เล็กน้อยเลขาหยาง “???”นี่เขาคิดจะขายคฤหาสน์หลังนี้เหรอ?เวินเหลียงกัดริมฝีปากเงียบ ๆดูท่าเขาคงคิดตกแล้ว ว่าจะบอกลาการแต่งงานที่ผ่านมาสามปีโดยสิ้นเชิงเขาคงกำลังจะแต่งงานกับฉู่ซืออี๋นี่คือสิ่งที่เธอต้องการไม่ใช่เหรอ?ตอนนั้นเธอเองก็อยากขายคฤหาสน์หลังนี้ทิ้งไปเหมือนกันไม่ใช่เหรอ?แต่ทำไมหลังจากรู้ข่าวนี้ ในใจของเธอกลับว่างเปล่าอยู่นิดหน่อยนะคงเป็นเพราะยังไม่ชินละมั้ง ต่อไปคงค่อย ๆ ดีขึ้นเองเวินเหลียงพยายามคุมอารมณ์ให้มั่นคง “คุณจะขายที่นี่เหรอ?”ฟู่เจิงมองสีหน้าบนหน้าเธออย่างจริงจัง “ก็มีแพลนเรื่องนี้ไว้”“ขายไปก็ดี หย่ากันแล้ว เก็บมันไว้ก็ไม่มีประโยชน์อะไร” เวินหลียงเอ่ยขึ้นชืด ๆ “จริงสิ เมื่อกี้คุณอยากจะพูดอะไรนะ?”เห็นเวินเหลียงไม่สะทกสะท้าน ความโกรธในใจของฟู่เจิงก็พลุ่งพล่านขึ้นมาความเดือดดาลกลิ้งไปมาอ
เวินเหลียงย้ายอาหารแมว ทรายแมวและอาหารกระป๋องแมวของปุ๊กลุกไปไว้บนรถเลยเธอหันมองไปด้านหลังเบา ๆ ทีหนึ่ง ฟู่เจิงไม่ได้ตามมาแม้ในใจเธอจะลอบถอนหายใจเฮือกหนึ่ง ทว่าก็มีความผิดหวังที่ยากจะเชื่ออยู่เล็กน้อยเธอเข้าไปนั่งยังตำแหน่งคนขับ เงียบไปอยู่ครู่หนึ่ง ถึงได้ล้วงโทรศัพท์ออกมา แล้วกดโทรหาเลขาหยางพูดตามตรงตอนที่เห็นสายเวินเหลียงโทรเข้ามา เลขาหยางประหลาดใจเป็นพิเศษเธอรับสายอย่างระมัดระวัง “ฮัลโหล คุณเวิน?”“เลขาหยาง ปุ๊กลุกอยู่โรงพยาบาลสัตว์ไหนคะ?”ใครบอกเธอได้บ้างว่าปุ๊กลุกนี่ใคร?แล้วทำไมเวินเหลียงถึงมาถามเรื่องนี้กับเธอล่ะ?เลขาหยางนึกถึงคำพูดแปลกพิกลสองสามประโยคนั่นตอนที่ฟู่เจิงรับสาย เธอชะงักไปสองสามวินาที ถึงตอบกลับไปว่า “ขอโทษนะคะคุณเวิน ฉันมีงานด่วนกะทันหัน เลยส่งปุ๊กลุกให้ผู้ช่วยไป ตอนนี้ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะว่ามันอยู่โรงพยาบาลสัตว์ไหน”เวินเหลียง “...”เวินเหลียงพลันหมดคำพูด ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรต่อดีมีชั่ววูบหนึ่ง เวินเหลียงสงสัยว่าฟู่เจิงจะทำปุ๊กลุกตาย ถึงได้ใช้เหตุผลแบบนี้มาถ่วงเวลาเลขาหยางพูดขึ้นอีกว่า “เอาแบบนี้นะคะ ฉันจะช่วยถามผู้ช่วยให้คุณเองค่ะ ได้เรื่องแ
ฮอตแอนด์คูล “ถ้านายคิดจะพัฒนาจริงจัง ความจริงแล้วจุดสำคัญก็ยังต้องพิจารณาว่าโปรเจกต์ของทั้งสองบริษัทตรงกับสาขาที่นายเรียนมาไหม แล้วความคิดสอดคล้องกันหรือเปล่า ในด้านแผนการทำงาน ถ้านายอยากจะเลื่อนขั้นเร็ว ๆ ก็เลือกอวี้เซิ่ง แต่ถ้าอยากพัฒนาไปยาว ๆ ก็เลือกฟู่ซื่อ”เมิ่งเซ่อ “พูดตามตรงนะครับ ตัวผมค่อนข้างเอนเอียงไปทางฟู่เจิง อาจเป็นเพราะความคิดในการพัฒนาของฟู่ซื่อมั้งครับ ฟู่เจิงประธานบริหารคนก่อนจบจากภาควิชาคณิตศาสตร์ ก็เริ่มทำอาชีพจากการพัฒนาโปรแกรม”ฮอตแอนด์คูล “เขาจบปริญญาสองใบคณิตศาสตร์กับเศรษฐศาสตร์”เมิ่งเซ่อ “เก่งจังเลย ผมเคยอ่านสัมภาษณ์ที่ต่างประเทศของเขาก่อนหน้านี้ ผมชื่นชมเขามาก พี่ครับ พี่รู้จักเขาไหม?”เวินเหลียง “...”ฮอตแอนด์คูล “รู้จัก”ฮอตแอนด์คูล “เขาคือสามีเก่าฉัน”พูดตามตรงเวินเหลียงคอยหาโอกาสที่จะพูดเรื่องนี้ออกมาอยู่ตลอดเธอคิดว่าพอเมิ่งเซ่อรู้ว่าเธอเคยผ่านการแต่งงานมาก่อน ไม่แน่ว่าอาจตัดใจไปเลยก็ได้เพียงแต่เมิ่งเซ่อเองก็ไม่ได้เป็นฝ่ายแสดงท่าทีอะไรออกมาก่อน ราวกับการที่เธอโพล่งออกมาว่าตัวเองเคยผ่านการแต่งงานมาก่อนมันกะทันหันเกินไปตอนนี้โอกาสมาถึงแล้ว!สำห
ก่อนหน้านี้เวินเหลียงย้ายข้าวของเครื่องใช้ของตัวเองเข้ามายังเพนส์เฮ้าส์ หลังจากนั้นก็จัดการเสื้อผ้าที่ไปนอร์เวย์นิดหน่อย กระเป๋าสัมภาระใบอื่นยังกองอยู่ในห้อง ยังไม่ได้เก็บในเมื่อตัดสินใจที่จะอาศัยอยู่ที่นี่ระยะยาวแล้ว เวินเหลียงก็จัดการกระเป๋าสัมภาระของตัวเองอย่างจริงจังหลังจัดเรียงเสื้อผ้าและข้าวของเครื่องใช้ทั้งหมดเสร็จ ก็เหลือแค่ของทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้าของพ่อปีใหม่ผ่านไปแล้ว ก็กำลังจะเข้าสู่เทศกาลตรุษจีน ผ่านไปอีกหนึ่งปีแล้วระยะเวลาที่พ่อจากไปจะเพิ่มขึ้นอีกปีแล้วตอนนี้คนขับรถบรรทุกออกจากคุกแล้ว เขาใช้ชีวิตอย่างสบายอกสบายใจ มิหนำซ้ำยังมีเงินเหลือใช้ให้ออกไปเที่ยวเล่นต่างประเทศอีกทว่าพ่อของเธอกลับนอนไร้ลมหายใจอยู่ใต้ดิน จากไปตลอดกาลเมื่อเวินเหลียงนึกถึงตรงนี้ ในใจก็ขมขื่นจนยากจะรับไหวเธอเปิดสมุดบันทึกของพ่อ แล้วเปิดอ่านไปทีละหน้าช้า ๆ ส่วนท้ายหน้ากระดาษที่อยู่ข้างในเริ่มเป็นสีเหลือง เธอลูบตัวอักษรลายมือคุ้นตาในหน้ารอบแล้วรอบเล่าระหว่างที่เธอกำลังเปิดหน้าสมุดบันทึก รูปภาพใบหนึ่งก็ร่วงลงมาจากสมุดบันทึกเป็นรูปภาพที่ดูเหมือนกับจะเกี่ยวข้องกับคดีลักพาตัวในตอนนั้นนั่นเว
สถานที่เกิดเหตุ กระบวนการช่วยเหลือ และยิ่งไปกว่านั้นไม่มีนักข่าวอยู่ในจุดเกิดเหตุเลย!ถ้างั้นพ่อถ่ายรูปคนร้ายลักพาตัวมาได้ยังไง?พอพ่อได้รับข่าว ก็ไปแอบถ่ายบริเวณจุดเกิดเหตุโดยไม่สนอันตรายงั้นเหรอ?นี่เป็นเรื่องที่พ่อเธอทำได้จริง ๆ ตอนแรกในคดีสารเจือปนอาหารคดีนั้น พ่อก็ไปซ่อนตัวสืบเรื่องอยู่ในโรงงานด้วยตัวเอง ถึงได้หลักฐานมาคงเป็นเพราะพ่อถูกจับได้ตอนแอบถ่าย จึงทำให้คนร้ายลักพาตัวแค้นเคืองตอนนั้นพ่อกำลังเขียนต้นฉบับข่าวแล้ว กระทั่งถึงช่วงที่สามารถรายงานข่าวได้แล้ว ถ้าไม่เป็นเพราะตัวประกันถูกช่วยออกมาแล้ว ก็เป็นเพราะตัวประกันเสียชีวิตไปแล้วในสมุดบันทึก จากในร่างที่พ่อยังเขียนไม่เสร็จทำให้รู้ได้ว่า ช่วงเวลาที่เกิดคดีลักพาตัวขึ้นคือวันที่สิบสอง เดือนเมษายนของปีนั้น และวันครบรอบวันตายของพ่อคือวันที่สิบแปด เดือนเมษายนนี่สามารถอธิบายได้เรื่องหนึ่ง...คนร้ายลักพาตัวไม่ได้ถูกจับกุมตัวในที่เกิดเหตุ อย่างน้อยในตอนที่พ่อเสียพวกเขายังหลบหนีอยู่ข้างนอก ไม่อย่างนั้นการกระทำนี้ของคนขับรถบรรทุกจะไม่มีความหมายอะไรเลยส่วนความเป็นตายของตัวประกัน ท้ายที่สุดแล้วคนร้ายลักพาตัวถูกจับกุมหรือเปล่า ต