เสียงของถังซือซือแว่วดังขึ้นมาจากนอกประตู “อาเหลียง มื้อเที่ยงจะทำเองหรือสั่งดิลิเวอรีดี?”เวินเหลียงถอนหายใจเฮือกหนึ่ง พร้อมทั้งดื่มน้ำตามไปอึกหนึ่ง เธอปิดโน้ตบุ๊กลง แล้วลุกขึ้นไปเปิดประตู “อะไรก็ได้”ถังซือซือหัวเราะฮ่า ๆ “งั้นสั่งดิลิเวอรีแล้วกันนะ”“โอเค”ตอนนี้เวินเหลียงเองก็ไม่มีกะจิตกะใจจะทำอาหาร เธอออกมานั่งกับถังซือซือข้างนอก หารือกันเรื่องสั่งมื้อเที่ยง นั่งเหม่อลอยอยู่บนโซฟาคนร้ายลักพาตัวมีฝีมือทำได้ถึงขนาดนี้ แสดงว่าตัวตนของตัวประกันที่ถูกลักพาตัวไปก็คงไม่ธรรมดาเหมือนกันหากเธออยากสืบต่อจริง ๆ เธอทำคนเดียวคงไม่ได้เรื่องแน่“คิดอะไรอยู่เหรอ จริงจังขนาดนั้นเชียว” เมื่อถังซือซือเห็นดังนั้นก็ถามขึ้นมา“ไม่มีอะไร” เวินเหลียงได้สติกลับมาแล้วฉีกยิ้มออกมา “จริงสิถังถัง เธอรู้ไหมว่าที่เมืองเจียงเฉิงมีนักสืบเอกชนบริษัทไหนบ้าง?”“นักสืบเอกชน? เธอถามเรื่องนี้ไปทำไมเหรอ?” ถังซือซือถลึงตาโต “เธอคิดจะสืบเรื่องใครเหรอ?”เวินเหลียงตอบกลับอย่างจริงครึ่งไม่จริงครึ่ง “ฉันอยากสืบเรื่องคนขับรถบรรทุกที่ชนพ่อฉันตายน่ะ”เวินเหลียงไม่ได้พูดอะไรมาก ทว่าถังซือซือเองก็เข้าใจเจตนาของเวินเหลี
เวินเหลียงเบือนสายตาหนี มองไปในที่ไกล ๆ อย่างเงียบสงบ “อย่ามาเสียเวลาอยู่กับฉันเลย”“ขนาดเขานอกใจ เธอก็ยังชอบเขาอยู่อีกเหรอ?”“มันไม่เกี่ยวอะไรกับว่าฉันชอบเขาหรือเปล่า ตอนนี้ฉันเพิ่งเดินออกมาจากชีวิตการแต่งงาน ในวันนี้ยังไม่มีกะจิตกะใจจะเข้าไปในความรักครั้งใหม่”“ฉันรอเธอได้ รอเธอเดินออกมาจากเงาของชีวิตการแต่งงาน” โจวอวี่เอ่ยขึ้นอย่างหนักแน่น ไร้ซึ่งความลังเลใด ๆเวินเหลียง “...”“ถ้าฉันเดินออกมาไม่ได้ตลอดชีวิตล่ะ?”“งั้นฉันก็จะรอเธอไปตลอดชีวิต!”เวินเหลียงปวดหัวเล็กน้อยเธอไม่ได้ล้อเล่นนะชีวิตแต่งงานครั้งแรกทำเธอเหนื่อยล้าทั้งใจและกายมากพอแล้ว เธอไม่คิดจะแต่งงานใหม่จริง ๆ กระทั่งยังคิดว่าจะไม่แต่งงานอีกตลอดชีวิตใช้ชีวิตคนเดียวก็ดีออกอีกอย่างคือตอนนี้เธอไม่มีกะจิตกะใจไปคิดเรื่องพวกนี้ ณ เวลานี้เธอคิดแค่เรื่องแก้แค้นให้พ่อเท่านั้นเวินเหลียงกำลังอยากจะพูดอะไรต่อ ทว่าจู่ ๆ ก็มีเสียง ‘แปะ ๆ ๆ’ แว่วดังขึ้นมาจากข้าง ๆฟู่เจิงเดินเข้ามาพร้อมกับปรบมือไปด้วย สายตามองสลับไปมาระหว่างเวินเหลียงและโจวอวี่ เขาหัวเราะอย่างเย็นชาทีหนึ่ง “รอเธอไปตลอดชีวิต...ช่างน่าซาบซึ้งใจมากจริง ๆ!”
เขาไม่ได้ชอบฉู่ซืออี๋ ที่เขามีต่อเธอเป็นเพียงการชดใช้ความรู้สึกผิดในใจ ความรู้สึกผิดส่วนนี้มันไม่หลงเหลือแล้ว หลังจากที่เสิ่นฮุ่ยทำร้ายเวินเหลียง และคุณปู่จากไปคนที่เขาชอบคือเธอ แต่เธอไม่เคยเชื่อเลยถ้าเขาชอบเธอมานานแล้ว งั้นทำไมเขาถึงเป็นฝ่ายเอ่ยปากขอหย่าก่อนล่ะ? ถ้าเขาเพิ่งมาชอบเธอก่อนแต่งงานไม่นาน แล้วทำไมเขาถึงเปลี่ยนใจไปง่ายดายขนาดนี้ล่ะ?“ฉันไม่ได้ใช้ให้ฉู่ซืออี๋อำลาวงการ และฉันไม่ได้เตรียมจะแต่งงานกับเธอด้วย อาเหลียง ฉันชอบเธอ ฉันรู้ว่าเธอคงไม่เชื่อแน่ แต่ฉันก็ยังอยากบอกเธอว่า ฉันชอบเธอ ฉันชอบเธอตั้งแต่ก่อนหน้านี้มานานแล้ว แต่แค่ฉันมันโง่ ไม่รู้ความต้องการจริง ๆ ของหัวใจตัวเอง...”เวินเหลียงรู้สึกว่ามันน่าขำสุด ๆ เธอจึงโพล่งเสียงหัวเราะออกมา “คุณชอบฉันตั้งแต่ก่อนหน้านี้มานานแล้ว แต่แค่ไม่รู้ความต้องการจริง ๆ ของหัวใจตัวเอง? ฟู่เจิง คุณคิดว่าฉันจะเชื่อข้ออ้างแบบนี้เหรอ?”“คุณชอบฉัน แต่เดินทางไปทำงานนอกสถานที่หนึ่งเดือนเพื่อไปเจอฉู่ซืออี๋? คุณชอบฉัน แต่เป็นฝ่ายเอ่ยปากขอหย่าฉันก่อน? คุณชอบฉัน แต่บอกกับฉันว่าถึงฉันจะตั้งท้องแล้ว ก็จะให้ฉันไปเอาเด็กออก? คุณชอบฉัน แต่ปล่อยให้ฉัน
เวินเหลียงไม่ใช่บุคคลสาธารณะ รูปที่ปรากฏในอินเทอร์เน็ตก็มีไม่มากพี่สาวหน้าเคาน์เตอร์จำไม่ได้ ยังคิดว่าฟู่เจิงมีกิ๊กคนใหม่อีกแล้วเธออุ้มปุ๊กลุกที่สวมเอลิซาเบธคอลล่าขนาดเล็กไว้ที่คอออกมาจากกรง กำลังจะวางเข้าไปในกระเป๋าใส่แมว ทว่าเวินเหลียงกลับเดินขึ้นหน้าไปเป็นฝ่ายอุ้มปุ๊กลุกเอาไว้ “มาให้ฉันเองค่ะ”พี่สาวหน้าเคาน์เตอร์ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง “คุณผู้หญิง เชื้อราแมวแพร่สู่คนได้นะคะ...”“ฉันทราบค่ะ ไม่เป็นไร”เมื่อเห็นดังนั้น พี่สาวหน้าเคาน์เตอร์ก็ปล่อยมือ แล้วพูดกับฟู่เจิงว่า “คุณฟู่คะ พวกคุณสองคนรออยู่ที่นี่สักครู่นะคะ ฉันจะไปเอายาของปุ๊กลุกมาให้พวกคุณ”“โอเค”เวินเหลียงนั่งลงบนโซฟาที่อยู่ข้าง ๆ เธอยกเอลิซาเบธคอลล่าของปุ๊กลุกขึ้น แล้วมองประเมินมันไม่เจอกันหนึ่งเดือน ปุ๊กลุกโตขึ้นไม่น้อย แต่ว่ารูปลักษณ์ภายนอกยังเป็นเจ้าแมวน้อยเหมือนเดิม ขนยาวขึ้นนิดหน่อยลูบแล้วท้องแน่นปัก ๆ ดูเหมือนจะกินเก่งทีเดียวบนขาหลังมีจุดหนึ่งที่ขนถูกโกนขนออกไปจนเกลี้ยง มีจุดหนึ่งแดงอย่างเห็นได้ชัด ทว่าไม่มีขน คงเป็นจุดที่เป็นเชื้อราแมวปุ๊กลุกนอนพาดตัวอยู่ในอ้อมอกของเวินเหลียง อุ้งมือขาวพาดอยู่บนไหล่ของเว
เขาควรทำยังไงดี?ต้องทำยังไงถึงจะรั้งเธอเอาไว้ได้?เวินเหลียงพูดขึ้นอีกว่า “คุณไม่ยอมให้ยาฉันก็ไม่เป็นไร ฉันค่อยเข้าไปซื้ออีกชุดก็ได้ คุณกลับไปก่อนเถอะ”เธอพูดพลางยกกระเป๋าใส่แมวหมุนตัวกลับเข้าไปในโรงพยาบาลสัตว์“เดี๋ยวก่อน” ฟู่เจิงเรียกให้เธอหยุดอยู่ด้านหลัง พลางอดกลั้นความขมขื่นในใจเอาไว้ “ไม่ต้องไปซื้อแล้ว ฉันเอายาให้เธอก็สิ้นเรื่อง”เวินเหลียงหยุดฝีเท้า ก่อนจะหมุนตัวกลับมาไม่รู้ว่าฟู่เจิงมาอยู่เบื้องหลังเธอตั้งแต่เมื่อไร เขาส่งกล่องยาให้เธอ พลางเผยอริมฝีปาก ทว่าก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาเวินเหลียงรับยามา พร้อมทั้งเงยหน้ามองเขา “ค่ารักษาพยาบาลปุ๊กลุกเท่าไร ฉันจะโอนให้คุณ”“เรื่องนี้ไม่จำเป็นหรอก”“ถึงยังไงก็จำเป็นอยู่ดี เพราะว่าเราหย่ากันแล้ว...”ความรู้สึกพ่ายแพ้ในใจของฟู่เจิงพุ่งทะยานขึ้นสู่จุดสูงสุด เขาเอ่ยปากขึ้นด้วยน้ำเสียงแสนเย็นชาในทันที “ในเมื่อเธออยากจะตีเส้นกับฉันให้มันชัดเจนขนาดนั้น แล้วที่ฉันช่วยเอากระเป๋าสตางค์กลับมาจากโจรให้เธอล่ะ เธอจะขอบคุณฉันยังไง? ที่ฉันช่วยเธอออกมาจากใต้ฝ่าเท้าของฝูงชนล่ะ เธอจะขอบคุณฉันยังไง? แล้วที่ฉันช่วยเธอออกมาจากเงื้อมมือของเฮ่อหมิง ช่ว
เวินเหลียงกลับมาถึงยังเพนท์เฮ้าส์ เธอวางกระเป๋าใส่แมวไว้บนพื้นเจ้าก้อนขนตัวน้อย ๆ เพิ่งมาถึงยังสภาพแวดล้อมแปลกใหม่ มันเอาแต่ขดตัวอยู่ในกระเป๋าใส่แมวไม่กล้าออกมา คอยสำรวจสภาพแวดล้อมโดยรอบผ่านรูข้างกระเป๋าอย่างระมัดระวังเวินเหลียงหยิบขนมแมวเลียมาชิ้นหนึ่ง แล้วบีบไปที่ปากกระเป๋าใส่แมวเล็กน้อยเมื่อปุ๊กลุกได้กลิ่น จมูกน้อย ๆ ก็ฟุดฟิด ๆ เข้าหากัน หางตั้งตรง ก่อนจะชะโงกหัวออกมาอย่างระมัดระวังอาจเป็นเพราะเห็นเวินเหลียงที่คุ้นเคย ปุ๊กลุกจึงผ่อนคลายลงบ้างเล็กน้อย มันก้มหน้ากินอย่างมูมมาม กินขนมแมวเลียรสเนื้อไก่ที่บีบออกมาหมดภายในสามวินาทีมันเลียซองว่างเปล่าที่กินหมดไปแล้ว เลียไปด้วยพลางดมกลิ่นไปด้วย เมื่อดมอยู่นานสองนานแล้วแต่ก็ยังไม่มีอะไรบีบออกมา มันจึงเงยหน้ามองเวินเหลียง “เมี๊ยว...”ในใจของเวินเหลียงอ่อนปวกเปียกไปหมด เธอหยิบชามข้าวแมวมา แล้วบีบขนมแมวเลียทั้งหมดใส่ลงไปในชามให้ปุ๊กลุกปุ๊กลุกกินอย่างตะกละตะกลาม เลียชามจนสะอาดเกลี้ยงกริบมันเงยหน้าขึ้น แล้วมองไปที่สภาพแวดล้อมใหม่รอบข้าง พลางสำรวจอย่างระมัดระวัง…สามทุ่มกว่า ขณะถังซือซือกลับมา ปุ๊กลุกก็กล้าเดินไปเดินมาในห้องรับแข
ในตอนที่เวินเหลียงเห็น ผ้าปูที่นอนก็ถูกกรงเล็บแหลมคมของมันข่วนจนเป็นขุยไปหมดแล้วเนื่องจากขามันสั้นเกินไป กระโดดขึ้นมาไม่ได้เวินเหลียงเลิกผ้าห่มขึ้นไปบนเตียง ปล่อยให้ปุ๊กลุกปีนไปปีนมาอยู่บนเตียง แล้วปิดไฟนอน…แปดโมงเช้าของวันต่อมา เธอป้อนของกินให้ปุ๊กลุกอีกนิดหน่อย หลังใส่คอลล่าให้มันเสร็จสรรพ เวินเหลียงก็ออกจากบ้านไปแปดโมงห้าสิบนาที เวินเหลียงก็มาถึงยังร้านกาแฟ เธอมองดูหน้าจอโทรศัพท์ หาที่นั่งห่างไกลผู้คนนั่งลง แล้วส่งข้อความไปหาอวิ๋นเฉียว “ฉันถึงแล้ว”อวิ๋นเฉียวตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว “รอผมสักสองสามนาที”ผ่านไปประมาณเจ็ดแปดนาที ในตอนใกล้จะเก้าโมงแล้วนั้น มีผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาในร้านกาแฟ อายุน่าจะประมาณสามสิบกว่าปี ตัวท่อนบนสวมแจ็คเก็ตหนังสีน้ำตาล ท่อนล่างสวมกางเกงคาโก้ สวมแว่นกันแดด ผมเผ้ายาวรุงรังเล็กน้อย มองไปเหมือนไม่ได้ตัดมาเป็นเวลานานชายหนุ่มหยุดอยู่ตรงประตูร้านกาแฟ พร้อมทั้งมองไปรอบ ๆเวินเหลียงมองไป ทั้งสองคนสบตากันชายหนุ่มเดินตรงดิ่งมาทางเวินเหลียงเลย ก่อนจะลากเก้าอี้ที่อยู่ตรงหน้าเวินเหลียงออกแล้วนั่งลงไป “คุณเวิน?”“คุณอวิ๋น?”“ผมเอง” อวิ๋นเฉียวพยักหน้า ก่
“ภรรยาเก่าของฟู่เจิง” อวิ๋นเฉียวพูดออกมาโต้ง ๆ เลย พร้อมพูดหยอกล้อ “ถ้าไม่ใช่เพราะคุณเวินบอกว่าภารกิจที่มอบหมายอันตรายแน่นอน ผมยังคิดว่าคุณฟู่มีกิ๊กคนใหม่อีกแล้วซะอีก”เวินเหลียง “...”สีหน้าของเธอราบเรียบ “นอกจากภรรยาเก่าของฟู่เจิงแล้ว อันที่จริงฉันยังมีอีกตัวตนหนึ่งคือ ลูกสาวของนักข่าวเวินหย่งคัง”อวิ๋นเฉียวอึ้งไป สีหน้าพลันเต็มไปด้วยความสงสัยขึ้นมาพูดตามตรง ตอนที่เวินหย่งคังจากไป อวิ๋นเฉียวเพิ่งจบมหาวิทยาลัย กำลังอยู่ในช่วงอารมณ์พลุ่งพล่านและเปี่ยมพลัง เขารู้สึกเสียดายกับการจากไปของนักข่าวผู้เป็นธรรมอย่างนี้มาก ๆ และคอยให้ความสนใจกับคดีนี้อยู่ตลอดตอนนี้มีคนมากมายคาดการณ์ไปต่าง ๆ นานาจริง ๆ ว่ากันว่าเวินหย่งคังไปล่วงเกินคนมากเกินไป จนถูกคนสั่งเก็บแต่ไม่นึกเลยว่า ท้ายที่สุดเมื่อสืบสวนจนเสร็จสิ้นแล้ว จะเป็นเพียงอุบัติเหตุทั่วไปเท่านั้นมีผู้คนมากมายที่ไม่เชื่อในผลลัพธ์นี้ ทว่าก็ไร้หนทางอื่นเมื่อเวลาผ่านไปนานวันเข้า การตายของเวินหย่งคังก็ค่อย ๆ ถูกผู้คนหลงลืมไปตอนนี้จู่ ๆ เวินเหลียงก็มาหาเขา พูดถึงพ่อที่จากไปแล้วของตน อวิ๋นเฉียวสงสัยว่าเธอรู้อะไรบางอย่างมาแน่ฉะนั้นเธอถึง