เวินเหลียงไม่ใช่บุคคลสาธารณะ รูปที่ปรากฏในอินเทอร์เน็ตก็มีไม่มากพี่สาวหน้าเคาน์เตอร์จำไม่ได้ ยังคิดว่าฟู่เจิงมีกิ๊กคนใหม่อีกแล้วเธออุ้มปุ๊กลุกที่สวมเอลิซาเบธคอลล่าขนาดเล็กไว้ที่คอออกมาจากกรง กำลังจะวางเข้าไปในกระเป๋าใส่แมว ทว่าเวินเหลียงกลับเดินขึ้นหน้าไปเป็นฝ่ายอุ้มปุ๊กลุกเอาไว้ “มาให้ฉันเองค่ะ”พี่สาวหน้าเคาน์เตอร์ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง “คุณผู้หญิง เชื้อราแมวแพร่สู่คนได้นะคะ...”“ฉันทราบค่ะ ไม่เป็นไร”เมื่อเห็นดังนั้น พี่สาวหน้าเคาน์เตอร์ก็ปล่อยมือ แล้วพูดกับฟู่เจิงว่า “คุณฟู่คะ พวกคุณสองคนรออยู่ที่นี่สักครู่นะคะ ฉันจะไปเอายาของปุ๊กลุกมาให้พวกคุณ”“โอเค”เวินเหลียงนั่งลงบนโซฟาที่อยู่ข้าง ๆ เธอยกเอลิซาเบธคอลล่าของปุ๊กลุกขึ้น แล้วมองประเมินมันไม่เจอกันหนึ่งเดือน ปุ๊กลุกโตขึ้นไม่น้อย แต่ว่ารูปลักษณ์ภายนอกยังเป็นเจ้าแมวน้อยเหมือนเดิม ขนยาวขึ้นนิดหน่อยลูบแล้วท้องแน่นปัก ๆ ดูเหมือนจะกินเก่งทีเดียวบนขาหลังมีจุดหนึ่งที่ขนถูกโกนขนออกไปจนเกลี้ยง มีจุดหนึ่งแดงอย่างเห็นได้ชัด ทว่าไม่มีขน คงเป็นจุดที่เป็นเชื้อราแมวปุ๊กลุกนอนพาดตัวอยู่ในอ้อมอกของเวินเหลียง อุ้งมือขาวพาดอยู่บนไหล่ของเว
เขาควรทำยังไงดี?ต้องทำยังไงถึงจะรั้งเธอเอาไว้ได้?เวินเหลียงพูดขึ้นอีกว่า “คุณไม่ยอมให้ยาฉันก็ไม่เป็นไร ฉันค่อยเข้าไปซื้ออีกชุดก็ได้ คุณกลับไปก่อนเถอะ”เธอพูดพลางยกกระเป๋าใส่แมวหมุนตัวกลับเข้าไปในโรงพยาบาลสัตว์“เดี๋ยวก่อน” ฟู่เจิงเรียกให้เธอหยุดอยู่ด้านหลัง พลางอดกลั้นความขมขื่นในใจเอาไว้ “ไม่ต้องไปซื้อแล้ว ฉันเอายาให้เธอก็สิ้นเรื่อง”เวินเหลียงหยุดฝีเท้า ก่อนจะหมุนตัวกลับมาไม่รู้ว่าฟู่เจิงมาอยู่เบื้องหลังเธอตั้งแต่เมื่อไร เขาส่งกล่องยาให้เธอ พลางเผยอริมฝีปาก ทว่าก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาเวินเหลียงรับยามา พร้อมทั้งเงยหน้ามองเขา “ค่ารักษาพยาบาลปุ๊กลุกเท่าไร ฉันจะโอนให้คุณ”“เรื่องนี้ไม่จำเป็นหรอก”“ถึงยังไงก็จำเป็นอยู่ดี เพราะว่าเราหย่ากันแล้ว...”ความรู้สึกพ่ายแพ้ในใจของฟู่เจิงพุ่งทะยานขึ้นสู่จุดสูงสุด เขาเอ่ยปากขึ้นด้วยน้ำเสียงแสนเย็นชาในทันที “ในเมื่อเธออยากจะตีเส้นกับฉันให้มันชัดเจนขนาดนั้น แล้วที่ฉันช่วยเอากระเป๋าสตางค์กลับมาจากโจรให้เธอล่ะ เธอจะขอบคุณฉันยังไง? ที่ฉันช่วยเธอออกมาจากใต้ฝ่าเท้าของฝูงชนล่ะ เธอจะขอบคุณฉันยังไง? แล้วที่ฉันช่วยเธอออกมาจากเงื้อมมือของเฮ่อหมิง ช่ว
เวินเหลียงกลับมาถึงยังเพนท์เฮ้าส์ เธอวางกระเป๋าใส่แมวไว้บนพื้นเจ้าก้อนขนตัวน้อย ๆ เพิ่งมาถึงยังสภาพแวดล้อมแปลกใหม่ มันเอาแต่ขดตัวอยู่ในกระเป๋าใส่แมวไม่กล้าออกมา คอยสำรวจสภาพแวดล้อมโดยรอบผ่านรูข้างกระเป๋าอย่างระมัดระวังเวินเหลียงหยิบขนมแมวเลียมาชิ้นหนึ่ง แล้วบีบไปที่ปากกระเป๋าใส่แมวเล็กน้อยเมื่อปุ๊กลุกได้กลิ่น จมูกน้อย ๆ ก็ฟุดฟิด ๆ เข้าหากัน หางตั้งตรง ก่อนจะชะโงกหัวออกมาอย่างระมัดระวังอาจเป็นเพราะเห็นเวินเหลียงที่คุ้นเคย ปุ๊กลุกจึงผ่อนคลายลงบ้างเล็กน้อย มันก้มหน้ากินอย่างมูมมาม กินขนมแมวเลียรสเนื้อไก่ที่บีบออกมาหมดภายในสามวินาทีมันเลียซองว่างเปล่าที่กินหมดไปแล้ว เลียไปด้วยพลางดมกลิ่นไปด้วย เมื่อดมอยู่นานสองนานแล้วแต่ก็ยังไม่มีอะไรบีบออกมา มันจึงเงยหน้ามองเวินเหลียง “เมี๊ยว...”ในใจของเวินเหลียงอ่อนปวกเปียกไปหมด เธอหยิบชามข้าวแมวมา แล้วบีบขนมแมวเลียทั้งหมดใส่ลงไปในชามให้ปุ๊กลุกปุ๊กลุกกินอย่างตะกละตะกลาม เลียชามจนสะอาดเกลี้ยงกริบมันเงยหน้าขึ้น แล้วมองไปที่สภาพแวดล้อมใหม่รอบข้าง พลางสำรวจอย่างระมัดระวัง…สามทุ่มกว่า ขณะถังซือซือกลับมา ปุ๊กลุกก็กล้าเดินไปเดินมาในห้องรับแข
ในตอนที่เวินเหลียงเห็น ผ้าปูที่นอนก็ถูกกรงเล็บแหลมคมของมันข่วนจนเป็นขุยไปหมดแล้วเนื่องจากขามันสั้นเกินไป กระโดดขึ้นมาไม่ได้เวินเหลียงเลิกผ้าห่มขึ้นไปบนเตียง ปล่อยให้ปุ๊กลุกปีนไปปีนมาอยู่บนเตียง แล้วปิดไฟนอน…แปดโมงเช้าของวันต่อมา เธอป้อนของกินให้ปุ๊กลุกอีกนิดหน่อย หลังใส่คอลล่าให้มันเสร็จสรรพ เวินเหลียงก็ออกจากบ้านไปแปดโมงห้าสิบนาที เวินเหลียงก็มาถึงยังร้านกาแฟ เธอมองดูหน้าจอโทรศัพท์ หาที่นั่งห่างไกลผู้คนนั่งลง แล้วส่งข้อความไปหาอวิ๋นเฉียว “ฉันถึงแล้ว”อวิ๋นเฉียวตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว “รอผมสักสองสามนาที”ผ่านไปประมาณเจ็ดแปดนาที ในตอนใกล้จะเก้าโมงแล้วนั้น มีผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาในร้านกาแฟ อายุน่าจะประมาณสามสิบกว่าปี ตัวท่อนบนสวมแจ็คเก็ตหนังสีน้ำตาล ท่อนล่างสวมกางเกงคาโก้ สวมแว่นกันแดด ผมเผ้ายาวรุงรังเล็กน้อย มองไปเหมือนไม่ได้ตัดมาเป็นเวลานานชายหนุ่มหยุดอยู่ตรงประตูร้านกาแฟ พร้อมทั้งมองไปรอบ ๆเวินเหลียงมองไป ทั้งสองคนสบตากันชายหนุ่มเดินตรงดิ่งมาทางเวินเหลียงเลย ก่อนจะลากเก้าอี้ที่อยู่ตรงหน้าเวินเหลียงออกแล้วนั่งลงไป “คุณเวิน?”“คุณอวิ๋น?”“ผมเอง” อวิ๋นเฉียวพยักหน้า ก่
“ภรรยาเก่าของฟู่เจิง” อวิ๋นเฉียวพูดออกมาโต้ง ๆ เลย พร้อมพูดหยอกล้อ “ถ้าไม่ใช่เพราะคุณเวินบอกว่าภารกิจที่มอบหมายอันตรายแน่นอน ผมยังคิดว่าคุณฟู่มีกิ๊กคนใหม่อีกแล้วซะอีก”เวินเหลียง “...”สีหน้าของเธอราบเรียบ “นอกจากภรรยาเก่าของฟู่เจิงแล้ว อันที่จริงฉันยังมีอีกตัวตนหนึ่งคือ ลูกสาวของนักข่าวเวินหย่งคัง”อวิ๋นเฉียวอึ้งไป สีหน้าพลันเต็มไปด้วยความสงสัยขึ้นมาพูดตามตรง ตอนที่เวินหย่งคังจากไป อวิ๋นเฉียวเพิ่งจบมหาวิทยาลัย กำลังอยู่ในช่วงอารมณ์พลุ่งพล่านและเปี่ยมพลัง เขารู้สึกเสียดายกับการจากไปของนักข่าวผู้เป็นธรรมอย่างนี้มาก ๆ และคอยให้ความสนใจกับคดีนี้อยู่ตลอดตอนนี้มีคนมากมายคาดการณ์ไปต่าง ๆ นานาจริง ๆ ว่ากันว่าเวินหย่งคังไปล่วงเกินคนมากเกินไป จนถูกคนสั่งเก็บแต่ไม่นึกเลยว่า ท้ายที่สุดเมื่อสืบสวนจนเสร็จสิ้นแล้ว จะเป็นเพียงอุบัติเหตุทั่วไปเท่านั้นมีผู้คนมากมายที่ไม่เชื่อในผลลัพธ์นี้ ทว่าก็ไร้หนทางอื่นเมื่อเวลาผ่านไปนานวันเข้า การตายของเวินหย่งคังก็ค่อย ๆ ถูกผู้คนหลงลืมไปตอนนี้จู่ ๆ เวินเหลียงก็มาหาเขา พูดถึงพ่อที่จากไปแล้วของตน อวิ๋นเฉียวสงสัยว่าเธอรู้อะไรบางอย่างมาแน่ฉะนั้นเธอถึง
อันที่จริง ถ้าเรื่องนี้ถูกเปิดโปงออกไป เช่นนั้นเวินเหลียงจะต้องเกิดเรื่องขึ้นต่อหน้าอวิ๋นเฉียวอย่างแน่นอนมีแค่เวินเหลียงตายแล้วเท่านั้น ถึงจะไม่ต้องสืบเรื่องนี้ต่อแม้แต่ผู้หญิงที่อ่อนแออย่างเวินเหลียงยังกล้าเผชิญหน้ากับภัยคุกคามการข่มขู่เหล่านั้น เพียงเพื่อหาความจริงให้แจ่มชัดให้พ่อตัวเอง แล้วทำไมเขาถึงไม่กล้าล่ะ?ยิ่งไปกว่านั้น ในยุคที่อินเทอร์เน็ตได้รับการพัฒนาแล้วยุคนี้ การเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ น้อย ๆ อะไรก็จะถูกโพสต์ลงในอินเทอร์เน็ต และเดิมทีตัวเวินเหลียงเองนั้นก็มีระดับการให้ความสนใจยู่แล้ว บวกกับตระกูลฟู่อีก คนเหล่านั้นต้องไม่กล้าทำอะไรแน่อวิ๋นเฉียวสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เฮือกหนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจอย่างแน่วแน่ “คุณเวิน ผมตัดสินใจแล้ว ผมจะรับภารกิจที่คุณมอบหมาย”เขาไม่รู้ว่าการตัดสินใจของเขามันถูกหรือผิดเขารู้แค่ว่าในวินาทีนี้ เขาเชื่อฟังเสียงหัวใจของตัวเอง ไร้ซึ่งความละอายต่อมโนธรรมของตัวเอง“จริงเหรอคะ?” เวินเหลียงตกตะลึง นัยน์ตาเผยความปลื้มอกปลื้มใจออกมาเล็กน้อย“จริงครับ การตายของนักข่าวเวินในปีนั้น ผมเองก็รู้สึกเสียใจมากเหมือนกัน หวังว่าในวันนี้สิบปีให้หลัง ผมจะท
เวินเหลียงกลับมาถึงบ้าน เธอก็กวาดตามองไปทั่วทั้งห้องรับแขก หาปุ๊กลุ๊กไม่เจอเธอหมอบลงก้มดูใต้โต๊ะทีหนึ่ง ทันใดนั้นก็ไปสบเข้ากับดวงตากลมโตคู่หนึ่งเวินเหลียงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะฮ่า ๆ ออกมาเสียงหนึ่งเมื่อเห็นว่าเป็นเวินเหลียง มันถึงได้กล้ามุดออกมาจากใต้โต๊ะ “เมี๊ยว”เวินเหลียงค้อมตัวลงไปอุ้มมันมาลูบอยู่ในอ้อมอก จากนั้นเธอก็นั่งลงบนโซฟา ลูบมันไปด้วยพลางล้วงโทรศัพท์ออกมา ก่อนจะต่อสายโทรออกไปหาบ้านใหญ่ผ่านไปสองสามวินาที สายก็ถูกรับ มีเสียงป้าแม่บ้านแว่วดังขึ้นมาจากปลายสาย “ฮัลโหลค่ะ คุณเวิน?”“คุณป้าคะ คุณย่าอยู่บ้านไหมคะ?”“อยู่ค่ะ เดี๋ยวฉันเอาโทรศัพท์ไปให้เธอนะคะ”ป้าแม่บ้านมองฟู่เจิงที่อยู่บนโซฟาเดี่ยวข้าง ๆ ทีหนึ่ง จากนั้นก็ส่งโทรศัพท์ให้คุณหญิง“อาเหลียง? กลับมาจากไปเที่ยวแล้วเหรอ? ไปเที่ยวเล่นที่ต่างประเทศเป็นยังไงบ้าง? โทรมาหาย่ามีเรื่องอะไรเหรอ?” คุณหญิงรับโทรศัพท์มา พลางทำสัญลักษณ์มือชู่ว์ให้ฟู่เจิงทีหนึ่ง“คุณย่า ไม่มีเรื่องอะไรหรอกค่ะ ฉันแค่อยากไปเยี่ยมคุณย่า แต่กลัวว่าคุณย่าจะไม่อยู่บ้าน ก็เลยโทรมาหาคุณย่าก่อนจะไป”“ย่าอยู่บ้านนี่แหละ เธอรีบมาสิ ย่าเองก็คิดถึงเธอเหม
หลังจากผ่านมรสุมข่าวแฉ ในเฟซบุ๊กบัญชีหลักของเวินเหลียงก็มีผู้ติดตามเพิ่มขึ้นมาไม่น้อยใต้โพสต์ที่เธอโพสต์รูปใบสำคัญการหย่าไว้ในเฟซบุ๊กโพสต์ก่อน มีคนมากมายเข้ามาคอมเมนต์แสดงออกว่าเข้าใจเธอผิดไป สงสารเธอและสนับสนุนเธอในช่องแสดงความคิดเห็นทีแรกเธอไม่คิดอยากจะลงชื่อเข้าใช้บัญชีเฟซบุ๊กนี้อีกเพียงแต่ในยุคที่อินเทอร์เน็ตพัฒนาจนถึงจุดสูงสุดยุคนี้นั้น ไม่ว่าจะเป็นการเคลื่อนไหวเล็กการเคลื่อนไหวน้อยล้วนแล้วแต่ถูกโพสต์ลงในอินเทอร์เน็ตทั้งนั้น กระทั่งมีเรื่อง ‘สืบคดีในเฟซบุ๊ก’ มากมายเวินเหลียงไม่แน่ใจว่าคนที่อยู่เบื้องหลังการตายของพ่อเป็นใครกันแน่ แต่เธอเป็นกังวลว่าหากเรื่องที่เธอแอบสืบด้วยตัวเองถูกแพร่งพรายออกไป เธออาจมีจุดจบเดียวกับพ่อก็เป็นได้ฉะนั้นเธอจึงต้องรักษาระดับความดังของตัวเองเอาไว้ เตรียมทางหนีทีไล่เอาไว้ให้เรียบร้อยหากตนตายไป เรื่องจะได้เป็นข่าวดังยังมีอีกความเป็นไปได้หนึ่ง คืออวิ๋นเฉียวสืบหาเบาะแสร่องรอยออกมาได้ ทว่าเนื่องจากสาเหตุเรื่องขั้นตอน หรือการขัดขวางของหนอนบ่อนไส้ ไม่สามารถตรวจสำนวนคดีและตัดสินคดีใหม่ได้ถ้าเป็นแบบนั้นเธอจะได้ใช้ระดับความดังและกระแสของตัวเองกดดั