เวินเหลียงไม่ใช่บุคคลสาธารณะ รูปที่ปรากฏในอินเทอร์เน็ตก็มีไม่มากพี่สาวหน้าเคาน์เตอร์จำไม่ได้ ยังคิดว่าฟู่เจิงมีกิ๊กคนใหม่อีกแล้วเธออุ้มปุ๊กลุกที่สวมเอลิซาเบธคอลล่าขนาดเล็กไว้ที่คอออกมาจากกรง กำลังจะวางเข้าไปในกระเป๋าใส่แมว ทว่าเวินเหลียงกลับเดินขึ้นหน้าไปเป็นฝ่ายอุ้มปุ๊กลุกเอาไว้ “มาให้ฉันเองค่ะ”พี่สาวหน้าเคาน์เตอร์ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง “คุณผู้หญิง เชื้อราแมวแพร่สู่คนได้นะคะ...”“ฉันทราบค่ะ ไม่เป็นไร”เมื่อเห็นดังนั้น พี่สาวหน้าเคาน์เตอร์ก็ปล่อยมือ แล้วพูดกับฟู่เจิงว่า “คุณฟู่คะ พวกคุณสองคนรออยู่ที่นี่สักครู่นะคะ ฉันจะไปเอายาของปุ๊กลุกมาให้พวกคุณ”“โอเค”เวินเหลียงนั่งลงบนโซฟาที่อยู่ข้าง ๆ เธอยกเอลิซาเบธคอลล่าของปุ๊กลุกขึ้น แล้วมองประเมินมันไม่เจอกันหนึ่งเดือน ปุ๊กลุกโตขึ้นไม่น้อย แต่ว่ารูปลักษณ์ภายนอกยังเป็นเจ้าแมวน้อยเหมือนเดิม ขนยาวขึ้นนิดหน่อยลูบแล้วท้องแน่นปัก ๆ ดูเหมือนจะกินเก่งทีเดียวบนขาหลังมีจุดหนึ่งที่ขนถูกโกนขนออกไปจนเกลี้ยง มีจุดหนึ่งแดงอย่างเห็นได้ชัด ทว่าไม่มีขน คงเป็นจุดที่เป็นเชื้อราแมวปุ๊กลุกนอนพาดตัวอยู่ในอ้อมอกของเวินเหลียง อุ้งมือขาวพาดอยู่บนไหล่ของเว
เขาควรทำยังไงดี?ต้องทำยังไงถึงจะรั้งเธอเอาไว้ได้?เวินเหลียงพูดขึ้นอีกว่า “คุณไม่ยอมให้ยาฉันก็ไม่เป็นไร ฉันค่อยเข้าไปซื้ออีกชุดก็ได้ คุณกลับไปก่อนเถอะ”เธอพูดพลางยกกระเป๋าใส่แมวหมุนตัวกลับเข้าไปในโรงพยาบาลสัตว์“เดี๋ยวก่อน” ฟู่เจิงเรียกให้เธอหยุดอยู่ด้านหลัง พลางอดกลั้นความขมขื่นในใจเอาไว้ “ไม่ต้องไปซื้อแล้ว ฉันเอายาให้เธอก็สิ้นเรื่อง”เวินเหลียงหยุดฝีเท้า ก่อนจะหมุนตัวกลับมาไม่รู้ว่าฟู่เจิงมาอยู่เบื้องหลังเธอตั้งแต่เมื่อไร เขาส่งกล่องยาให้เธอ พลางเผยอริมฝีปาก ทว่าก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาเวินเหลียงรับยามา พร้อมทั้งเงยหน้ามองเขา “ค่ารักษาพยาบาลปุ๊กลุกเท่าไร ฉันจะโอนให้คุณ”“เรื่องนี้ไม่จำเป็นหรอก”“ถึงยังไงก็จำเป็นอยู่ดี เพราะว่าเราหย่ากันแล้ว...”ความรู้สึกพ่ายแพ้ในใจของฟู่เจิงพุ่งทะยานขึ้นสู่จุดสูงสุด เขาเอ่ยปากขึ้นด้วยน้ำเสียงแสนเย็นชาในทันที “ในเมื่อเธออยากจะตีเส้นกับฉันให้มันชัดเจนขนาดนั้น แล้วที่ฉันช่วยเอากระเป๋าสตางค์กลับมาจากโจรให้เธอล่ะ เธอจะขอบคุณฉันยังไง? ที่ฉันช่วยเธอออกมาจากใต้ฝ่าเท้าของฝูงชนล่ะ เธอจะขอบคุณฉันยังไง? แล้วที่ฉันช่วยเธอออกมาจากเงื้อมมือของเฮ่อหมิง ช่ว
เวินเหลียงกลับมาถึงยังเพนท์เฮ้าส์ เธอวางกระเป๋าใส่แมวไว้บนพื้นเจ้าก้อนขนตัวน้อย ๆ เพิ่งมาถึงยังสภาพแวดล้อมแปลกใหม่ มันเอาแต่ขดตัวอยู่ในกระเป๋าใส่แมวไม่กล้าออกมา คอยสำรวจสภาพแวดล้อมโดยรอบผ่านรูข้างกระเป๋าอย่างระมัดระวังเวินเหลียงหยิบขนมแมวเลียมาชิ้นหนึ่ง แล้วบีบไปที่ปากกระเป๋าใส่แมวเล็กน้อยเมื่อปุ๊กลุกได้กลิ่น จมูกน้อย ๆ ก็ฟุดฟิด ๆ เข้าหากัน หางตั้งตรง ก่อนจะชะโงกหัวออกมาอย่างระมัดระวังอาจเป็นเพราะเห็นเวินเหลียงที่คุ้นเคย ปุ๊กลุกจึงผ่อนคลายลงบ้างเล็กน้อย มันก้มหน้ากินอย่างมูมมาม กินขนมแมวเลียรสเนื้อไก่ที่บีบออกมาหมดภายในสามวินาทีมันเลียซองว่างเปล่าที่กินหมดไปแล้ว เลียไปด้วยพลางดมกลิ่นไปด้วย เมื่อดมอยู่นานสองนานแล้วแต่ก็ยังไม่มีอะไรบีบออกมา มันจึงเงยหน้ามองเวินเหลียง “เมี๊ยว...”ในใจของเวินเหลียงอ่อนปวกเปียกไปหมด เธอหยิบชามข้าวแมวมา แล้วบีบขนมแมวเลียทั้งหมดใส่ลงไปในชามให้ปุ๊กลุกปุ๊กลุกกินอย่างตะกละตะกลาม เลียชามจนสะอาดเกลี้ยงกริบมันเงยหน้าขึ้น แล้วมองไปที่สภาพแวดล้อมใหม่รอบข้าง พลางสำรวจอย่างระมัดระวัง…สามทุ่มกว่า ขณะถังซือซือกลับมา ปุ๊กลุกก็กล้าเดินไปเดินมาในห้องรับแข
ในตอนที่เวินเหลียงเห็น ผ้าปูที่นอนก็ถูกกรงเล็บแหลมคมของมันข่วนจนเป็นขุยไปหมดแล้วเนื่องจากขามันสั้นเกินไป กระโดดขึ้นมาไม่ได้เวินเหลียงเลิกผ้าห่มขึ้นไปบนเตียง ปล่อยให้ปุ๊กลุกปีนไปปีนมาอยู่บนเตียง แล้วปิดไฟนอน…แปดโมงเช้าของวันต่อมา เธอป้อนของกินให้ปุ๊กลุกอีกนิดหน่อย หลังใส่คอลล่าให้มันเสร็จสรรพ เวินเหลียงก็ออกจากบ้านไปแปดโมงห้าสิบนาที เวินเหลียงก็มาถึงยังร้านกาแฟ เธอมองดูหน้าจอโทรศัพท์ หาที่นั่งห่างไกลผู้คนนั่งลง แล้วส่งข้อความไปหาอวิ๋นเฉียว “ฉันถึงแล้ว”อวิ๋นเฉียวตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว “รอผมสักสองสามนาที”ผ่านไปประมาณเจ็ดแปดนาที ในตอนใกล้จะเก้าโมงแล้วนั้น มีผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาในร้านกาแฟ อายุน่าจะประมาณสามสิบกว่าปี ตัวท่อนบนสวมแจ็คเก็ตหนังสีน้ำตาล ท่อนล่างสวมกางเกงคาโก้ สวมแว่นกันแดด ผมเผ้ายาวรุงรังเล็กน้อย มองไปเหมือนไม่ได้ตัดมาเป็นเวลานานชายหนุ่มหยุดอยู่ตรงประตูร้านกาแฟ พร้อมทั้งมองไปรอบ ๆเวินเหลียงมองไป ทั้งสองคนสบตากันชายหนุ่มเดินตรงดิ่งมาทางเวินเหลียงเลย ก่อนจะลากเก้าอี้ที่อยู่ตรงหน้าเวินเหลียงออกแล้วนั่งลงไป “คุณเวิน?”“คุณอวิ๋น?”“ผมเอง” อวิ๋นเฉียวพยักหน้า ก่
“ภรรยาเก่าของฟู่เจิง” อวิ๋นเฉียวพูดออกมาโต้ง ๆ เลย พร้อมพูดหยอกล้อ “ถ้าไม่ใช่เพราะคุณเวินบอกว่าภารกิจที่มอบหมายอันตรายแน่นอน ผมยังคิดว่าคุณฟู่มีกิ๊กคนใหม่อีกแล้วซะอีก”เวินเหลียง “...”สีหน้าของเธอราบเรียบ “นอกจากภรรยาเก่าของฟู่เจิงแล้ว อันที่จริงฉันยังมีอีกตัวตนหนึ่งคือ ลูกสาวของนักข่าวเวินหย่งคัง”อวิ๋นเฉียวอึ้งไป สีหน้าพลันเต็มไปด้วยความสงสัยขึ้นมาพูดตามตรง ตอนที่เวินหย่งคังจากไป อวิ๋นเฉียวเพิ่งจบมหาวิทยาลัย กำลังอยู่ในช่วงอารมณ์พลุ่งพล่านและเปี่ยมพลัง เขารู้สึกเสียดายกับการจากไปของนักข่าวผู้เป็นธรรมอย่างนี้มาก ๆ และคอยให้ความสนใจกับคดีนี้อยู่ตลอดตอนนี้มีคนมากมายคาดการณ์ไปต่าง ๆ นานาจริง ๆ ว่ากันว่าเวินหย่งคังไปล่วงเกินคนมากเกินไป จนถูกคนสั่งเก็บแต่ไม่นึกเลยว่า ท้ายที่สุดเมื่อสืบสวนจนเสร็จสิ้นแล้ว จะเป็นเพียงอุบัติเหตุทั่วไปเท่านั้นมีผู้คนมากมายที่ไม่เชื่อในผลลัพธ์นี้ ทว่าก็ไร้หนทางอื่นเมื่อเวลาผ่านไปนานวันเข้า การตายของเวินหย่งคังก็ค่อย ๆ ถูกผู้คนหลงลืมไปตอนนี้จู่ ๆ เวินเหลียงก็มาหาเขา พูดถึงพ่อที่จากไปแล้วของตน อวิ๋นเฉียวสงสัยว่าเธอรู้อะไรบางอย่างมาแน่ฉะนั้นเธอถึง
อันที่จริง ถ้าเรื่องนี้ถูกเปิดโปงออกไป เช่นนั้นเวินเหลียงจะต้องเกิดเรื่องขึ้นต่อหน้าอวิ๋นเฉียวอย่างแน่นอนมีแค่เวินเหลียงตายแล้วเท่านั้น ถึงจะไม่ต้องสืบเรื่องนี้ต่อแม้แต่ผู้หญิงที่อ่อนแออย่างเวินเหลียงยังกล้าเผชิญหน้ากับภัยคุกคามการข่มขู่เหล่านั้น เพียงเพื่อหาความจริงให้แจ่มชัดให้พ่อตัวเอง แล้วทำไมเขาถึงไม่กล้าล่ะ?ยิ่งไปกว่านั้น ในยุคที่อินเทอร์เน็ตได้รับการพัฒนาแล้วยุคนี้ การเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ น้อย ๆ อะไรก็จะถูกโพสต์ลงในอินเทอร์เน็ต และเดิมทีตัวเวินเหลียงเองนั้นก็มีระดับการให้ความสนใจยู่แล้ว บวกกับตระกูลฟู่อีก คนเหล่านั้นต้องไม่กล้าทำอะไรแน่อวิ๋นเฉียวสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เฮือกหนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจอย่างแน่วแน่ “คุณเวิน ผมตัดสินใจแล้ว ผมจะรับภารกิจที่คุณมอบหมาย”เขาไม่รู้ว่าการตัดสินใจของเขามันถูกหรือผิดเขารู้แค่ว่าในวินาทีนี้ เขาเชื่อฟังเสียงหัวใจของตัวเอง ไร้ซึ่งความละอายต่อมโนธรรมของตัวเอง“จริงเหรอคะ?” เวินเหลียงตกตะลึง นัยน์ตาเผยความปลื้มอกปลื้มใจออกมาเล็กน้อย“จริงครับ การตายของนักข่าวเวินในปีนั้น ผมเองก็รู้สึกเสียใจมากเหมือนกัน หวังว่าในวันนี้สิบปีให้หลัง ผมจะท
เวินเหลียงกลับมาถึงบ้าน เธอก็กวาดตามองไปทั่วทั้งห้องรับแขก หาปุ๊กลุ๊กไม่เจอเธอหมอบลงก้มดูใต้โต๊ะทีหนึ่ง ทันใดนั้นก็ไปสบเข้ากับดวงตากลมโตคู่หนึ่งเวินเหลียงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะฮ่า ๆ ออกมาเสียงหนึ่งเมื่อเห็นว่าเป็นเวินเหลียง มันถึงได้กล้ามุดออกมาจากใต้โต๊ะ “เมี๊ยว”เวินเหลียงค้อมตัวลงไปอุ้มมันมาลูบอยู่ในอ้อมอก จากนั้นเธอก็นั่งลงบนโซฟา ลูบมันไปด้วยพลางล้วงโทรศัพท์ออกมา ก่อนจะต่อสายโทรออกไปหาบ้านใหญ่ผ่านไปสองสามวินาที สายก็ถูกรับ มีเสียงป้าแม่บ้านแว่วดังขึ้นมาจากปลายสาย “ฮัลโหลค่ะ คุณเวิน?”“คุณป้าคะ คุณย่าอยู่บ้านไหมคะ?”“อยู่ค่ะ เดี๋ยวฉันเอาโทรศัพท์ไปให้เธอนะคะ”ป้าแม่บ้านมองฟู่เจิงที่อยู่บนโซฟาเดี่ยวข้าง ๆ ทีหนึ่ง จากนั้นก็ส่งโทรศัพท์ให้คุณหญิง“อาเหลียง? กลับมาจากไปเที่ยวแล้วเหรอ? ไปเที่ยวเล่นที่ต่างประเทศเป็นยังไงบ้าง? โทรมาหาย่ามีเรื่องอะไรเหรอ?” คุณหญิงรับโทรศัพท์มา พลางทำสัญลักษณ์มือชู่ว์ให้ฟู่เจิงทีหนึ่ง“คุณย่า ไม่มีเรื่องอะไรหรอกค่ะ ฉันแค่อยากไปเยี่ยมคุณย่า แต่กลัวว่าคุณย่าจะไม่อยู่บ้าน ก็เลยโทรมาหาคุณย่าก่อนจะไป”“ย่าอยู่บ้านนี่แหละ เธอรีบมาสิ ย่าเองก็คิดถึงเธอเหม
หลังจากผ่านมรสุมข่าวแฉ ในเฟซบุ๊กบัญชีหลักของเวินเหลียงก็มีผู้ติดตามเพิ่มขึ้นมาไม่น้อยใต้โพสต์ที่เธอโพสต์รูปใบสำคัญการหย่าไว้ในเฟซบุ๊กโพสต์ก่อน มีคนมากมายเข้ามาคอมเมนต์แสดงออกว่าเข้าใจเธอผิดไป สงสารเธอและสนับสนุนเธอในช่องแสดงความคิดเห็นทีแรกเธอไม่คิดอยากจะลงชื่อเข้าใช้บัญชีเฟซบุ๊กนี้อีกเพียงแต่ในยุคที่อินเทอร์เน็ตพัฒนาจนถึงจุดสูงสุดยุคนี้นั้น ไม่ว่าจะเป็นการเคลื่อนไหวเล็กการเคลื่อนไหวน้อยล้วนแล้วแต่ถูกโพสต์ลงในอินเทอร์เน็ตทั้งนั้น กระทั่งมีเรื่อง ‘สืบคดีในเฟซบุ๊ก’ มากมายเวินเหลียงไม่แน่ใจว่าคนที่อยู่เบื้องหลังการตายของพ่อเป็นใครกันแน่ แต่เธอเป็นกังวลว่าหากเรื่องที่เธอแอบสืบด้วยตัวเองถูกแพร่งพรายออกไป เธออาจมีจุดจบเดียวกับพ่อก็เป็นได้ฉะนั้นเธอจึงต้องรักษาระดับความดังของตัวเองเอาไว้ เตรียมทางหนีทีไล่เอาไว้ให้เรียบร้อยหากตนตายไป เรื่องจะได้เป็นข่าวดังยังมีอีกความเป็นไปได้หนึ่ง คืออวิ๋นเฉียวสืบหาเบาะแสร่องรอยออกมาได้ ทว่าเนื่องจากสาเหตุเรื่องขั้นตอน หรือการขัดขวางของหนอนบ่อนไส้ ไม่สามารถตรวจสำนวนคดีและตัดสินคดีใหม่ได้ถ้าเป็นแบบนั้นเธอจะได้ใช้ระดับความดังและกระแสของตัวเองกดดั
อิเลียลุกขึ้นพรวด พลางมองเยี่ยนหวยอย่างเหลือเชื่อ“ถ้าเธอยังเห็นฉันเป็นพี่ชายของเธออยู่ ก็เชื่อฟังฉัน แล้วกลับไปเมืองฟิลาเดลเฟียพรุ่งนี้ซะ!” เยี่ยนหวยนั่งตัวตรงพลางเงยหน้ามองเธออยู่บนโซฟา“ฉันไม่กลับ!” อิเลียเดือดดาลจนแค่นเสียงฮึออกมาทีหนึ่ง ก่อนจะกลับไปนั่งตรงมุมโซฟา “อยากกลับพี่ก็กลับไปเองซะเลยสิ!”“ฟู่เจิงไม่ใช่คนดี ต่อให้ระหว่างพวกเธอมีลูกด้วยกัน เขาก็ไม่มีทางคบกับเธอ”ก่อนหน้านี้ฟู่เจิงเคยมีเรื่องอื้อฉาวว่ามีชู้ ตอนนี้ก็มีอดีตภรรยาที่มีความสัมพันธ์คลุมเครือมาอีกคน ขอให้เป็นผู้ใหญ่ที่รักลูกสาว ก็จะไม่มีวันเลือกเขาทั้งนั้น“พี่รู้ได้ยังไงว่าเขาไม่ใช่คนดี? พี่รู้ได้ไงว่าเขาจะไม่คบกับฉัน? วันนี้ตอนเที่ยงเรายังไปกินข้าวด้วยกันอยู่เลย!”เมื่อเห็นอิเลียดื้อดึง ในใจของเยียนหวยก็รู้สึกไม่ได้ดั่งใจ เขาแสยะยิ้มออกมาทีหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยว่า “พวกเธอไม่ได้ไปกินข้าวด้วยกันตามลำพัง แต่ฟู่ซือฝานอยู่ข้าง ๆ ใช่ไหม?”ในช่วงเวลาสำคัญแบบนี้ ฟู่เจิงจะมากินข้าวกับอิเลียตามลำพังได้ยังไง? นอกเสียจากเขาคิดจะเลิกกับเวินเหลียงจริง ๆ“...ใช่ ก็เขาเป็นลูกของพวกเรานี่” เมื่อเห็นว่าถูกเดาทางถูก อิเลียก็พูดอึ
แต่หลังจากเดินตามแผนแล้วถึงได้พบว่า นี่มันไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เลยถ้าพ่อแม่คุณลุงคุณป้ารู้ว่าเธอมีลูกนอกสมรสข้างนอก ต้องเข้ามาแทรก และไม่แน่ว่าจะพาตัวเธอกับลูกกลับไป“อิเลีย ผมเข้าใจนะครับคุณในฐานะแม่แท้ ๆ คุณอยากรีบกระชับความสัมพันธ์กับฝานฝาน แต่ก็อย่าตื่นตระหนกจนทำอะไรไม่ถูก โดยเฉพาะมักจะไปหาฝานฝานที่โรงเรียนอนุบาล แบบนี้จะส่งผลกระทบกับชีวิตของเธอได้นะครับ”“ฉันรู้แล้วค่ะ ต่อไปจะไม่ไปหาเขาที่โรงเรียนอนุบาลอีก ฉันเห็นว่าคุณกินน้อยมาก อาหารที่เหลือไม่ถูกปากหรือเปล่า?”ฟู่เจิง “...ก่อนมาผมกินมาบ้างแล้ว”หลังกินข้าวเที่ยงเสร็จ ฟู่ซือฝานรบเร้าขอกลับกับฟู่เจิงเธอล้วงกลยุทธ์ร้องไห้งอแงชักดิ้นชักงออยู่ที่พื้นของเด็กห้าขวบออกมาอย่างล้ำลึก ไม่มีเหตุผล ทว่าอิเลียฝืนเธอไม่ได้อิเลียทำได้เพียงกลับไปที่บ้านของเซี่ยเจิน“อิเลีย เธอกลับมาแล้วเหรอ?”เมื่อเห็นอลิซนั่งอยู่บนโซฟา อิเลียเดินมานั่งลง “เป็นยังไงบ้าง? ครั้งนี้เธอไปเมืองซีกับซีซาร์ ได้แสร้งทำเป็นเจอโดยบังเอิญ แล้วไปกินข้าวกับเขาอะไรหรือเปล่า?”อลิซเบะปาก “เปล่า”“ทำไมล่ะ? โอกาสดีขนาดนั้นทำไมเธอไม่คว้าเอาไว้?”“เขางานยุ่งมาก ฉันกล
อิเลียจัดผมด้วยท่าทางราวกับไม่มีเจตนาอื่น หน้าตาเผยความตื่นเต้นออกมาดูท่าเธอจะเลือกวิธีถูกจริง ๆในตอนนี้เธอเพิ่งเข้าใกล้ฟู่ซือฝานไม่เท่าไร ท่าทีของฟู่เจิงเขาก็ผ่อนคลายลงเยอะแล้วผ่านไปยี่สิบนาที ฟู่เจิงก็ปรากฏตัวขึ้นในห้องรับรองนี่เป็นการเจอกันครั้งที่สองหลังจากวันนั้นเขานั่งลงข้าง ๆ ฟู่ซือฝาน พลางพยักหน้าให้อิเลียเบา ๆ “รบกวนแล้ว ไม่ถือสาที่ผมมาร่วมโต๊ะด้วยใช่ไหม?”“ไม่ถือสา นั่งเถอะค่ะ”สีหน้าของอิเลียเย็นชา ราวกับยังอยู่ต่อหน้าคุณหญิงและฟู่ชิงเยว่ครั้งก่อน เธอไม่ได้โกรธที่ฟู่เจิงปฏิเสธเธออย่างไร้ความปรานี“งานผมยุ่งมาก ยากที่จะใส่ใจคุณกับฝานฝานได้มากขนาดนั้น”“ฝานฝานเป็นลูกของฉัน นี่เป็นสิ่งที่สมควรอยู่แล้ว ฉันไม่รู้ว่าคุณจะมา ก็เลยสั่งอาหารไปสุ่ม ๆ เดี๋ยวอาหารมาเสิร์ฟคุณก็ดูแล้วกันว่าอยากจะสั่งเพิ่มไหม”“ผมไม่เลือกกิน” ฟู่เจิงตอบจากนั้นพนักงานก็เริ่มมาเสิร์ฟอาหารฟู่เจิงมองเนื้อแพะที่มาเสิร์ฟเต็มโต๊ะ เขาเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก้มหน้าไปมองฟู่ซือฝานฟู่ซือฝานก้มศีรษะน้อย ๆ อย่างกระวนกระวายอิเลียหยิบตะเกียบขึ้นมา “ไม่ต้องเกรงใจ กินเลยค่ะ”ฟู่เจิงลังเลอยู่ครู่หนึ่
เจียงเฉิงเที่ยงวันศุกร์ อิเลียไปรับฟู่ซือฝานออกไปกินข้าวเที่ยงที่คฤหาสน์ย่านซิงเหอวานเธอฉีกยิ้มพลางพูดกับฟู่ซือฝานว่า “เมื่อวานแม่ว่าจะไปรับหนูที่โรงเรียนอนุบาล จู่ ๆ ก็นึกถึงคำพูดของหนูเมื่อครั้งก่อนได้ ก็เลยมาวันนี้ วันนี้ตอนบ่ายแม่จะพาหนูไปเล่นดี ๆ เป็นยังไงจ๊ะ?”ฟู่ซือฝานเอียงคอพลางครุ่นคิด “ตอนบ่ายหนูต้องทำการบ้าน แค่กินข้าวเที่ยงก็พอแล้วค่ะ”“ก็ได้ งั้นหนูคิดไว้หรือเปล่าว่าอยากกินอะไร?”“ไปร้านอาหารที่มีเมนูเนื้อแพะแนะนำแล้วกันค่ะ” ฟู่ซือฝานเอ่ยขึ้นด้วยทีท่าจริงจัง “วันนี้คุณลุงบอกว่าจะไปกินข้าวเที่ยงเป็นเพื่อนหนู ไม่รู้ว่าจะมาไหม”นัยน์ตาอิเลียวาบความปลื้มปีติออกมา “จริงเหรอ?”“เขาเคยบอกไว้แบบนี้ค่ะ คุณน้าคะ ที่คุณน้ารับหนูออกมา ไม่ใช่เป็นเพราะอยากกระชับความสัมพันธ์กับหนูสองต่อสองเหรอคะ? ทำไมถึงหวังให้คุณลุงมาด้วยล่ะคะ?”เจ้าตัวน้อยเอ่ยถามขึ้นด้วยใบหน้าจริงจัง“น้า...น้ามีเรื่องอยากพูดคุยกับพ่อของหนูน่ะ แล้วก็หวังว่าเราจะได้กินข้าวด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตากันทั้งครอบครัว” อิเลียรีบหาข้ออ้างทันทีเจ้าเด็กคนนี้ หูตาเฉียบแหลมจริง ๆ“อ้อ”“น้าจะหาร้านอาหารเนื้อแพะเดี๋ยวน
“เรียกฉันทำไม?” เยี่ยนหวยมองเธอด้วยสีหน้าไร้เดียงสา“ตอนนี้มันฤดูร้อน”ผ่านฤดูใบไม้ผลิมาแล้ว“ฉันแค่นึกถึงวันนั้นที่ไปติวให้เธอแล้วเจอแม่เธอเข้าโดยบังเอิญ เธอคิดไปถึงไหน?” เยี่ยนหวยเลิกคิ้วถังซือซือชะงักไปมีครั้งหนึ่งตอนที่เธอติวอยู่ในบ้าน แล้วบังเอิญเจอแม่ของเธอเข้าจริง ๆ แต่นั่นมันเรื่องตอนเทอมที่สองเยี่ยนหวยต้องจงใจพูดถึงวันนั้นตอนเทอมแรกแน่ ๆ ให้เธอเข้าใจผิดถ้าเธอชี้ไปเลยว่าเยี่ยนหวยจำผิด ก็จะเข้าแผนของเยี่ยนหวย เหมือนว่าเธอยังไม่เคยลืมเรื่องในอดีต คิดถึงเรื่องราวเหล่านั้นของเธอกับเยี่ยนหวยอยู่ตลอด“ตอนนี้ไม่ใช่ฤดูร้อนเหรอ? นายคิดไปถึงไหนอีก?” เธอปัดตกเรื่องนี้ไปอย่างมั่นใจทันทีหลังพูดจบ เธอก็หมุนตัวเดินไปด้านหน้าต่อ “ไม่พูดแล้ว รีบไปร้านถัดไปเถอะ”อยู่ข้างนอกจนถึงสี่ทุ่ม ทั้งสองคนถึงกลับไปยังโรงแรมด้วยกันถังซือซืออยากเรียกรถกลับไปเอง ไม่อยากให้เยี่ยนหวยไปส่งเธอเยี่ยนหวยจึงเอ่ยไปตามตรงว่า “ฉันพักอยู่ที่โรงแรมเดียวกันกับเธอ”ถังซือซือ “...”นี่ไม่ใช่ครั้งแรกแล้วคราวก่อนตอนที่เวินเหลียงถ่ายรูปเยี่ยนหวยรูปแรกที่เมืองฟิลาเดลเฟีย เวินเหลียงก็ถามว่าช่วงนี้เยี่ยนหวย
เมืองซีในฐานะเมืองใหญ่ของเจียงหนาน ประเภทของกินเล่นมีมากมาย ของกินเอกลักษณ์ที่ขึ้นชื่อไปทั่วประเทศอาทิ เต้าหู้เหม็น ไส้กรอกยักษ์ เส้นหมีเฝิ่น กุ้งเผ็ดเป็นต้นถังซือซือเคยมาเมืองซีตอนมาทำงานต่างถิ่นก่อนหน้านี้ เวลาค่อนข้างกระชั้นชิด จึงทำได้เพียงเดินช็อปปิงที่อื่น แต่เพิ่งเคยมาถนนคนเดินที่นี่เป็นครั้งแรกเธอซื้อไส้กรอกยักษ์สองชิ้นก่อน และแบ่งให้เยี่ยนหวยหนึ่งชิ้นกินไปได้เพียงครึ่งเดียว ถังซือซือก็หยุดอยู่ตรงหน้าร้านขายขนมฉือปา เธอกลืนน้ำลายแล้วถามขึ้นว่า “รู้ไหมคะว่าตรงไหนมีถังขยะบ้าง?”“ที่เหลือเธอไม่กินแล้วเหรอ?”“อืม”“ไม่อร่อย?”“ไม่ใช่ อร่อยมาก แต่ว่ายังมีของอร่อยอื่น ๆ อีกเยอะแยะ ฉันอยากเก็บท้องเอาไว้”เยี่ยนหวย “...”“เอามาให้ฉันก็ได้” เยี่ยนหวยรับไส้กรอกครึ่งชิ้นที่เหลืออยู่มาจากในมือของเธอ ก่อนจะเติมเข้าไปในท้องอย่างไม่มีภาระใด ๆถังซือซือซื้อขนมฉือปาแล้วเธอทำตัวอย่างกับโจร แต่ละร้านไม่ยอมปล่อยไปเลย ทว่าก็ชิมเพียงสองสามคำ ทั้งหมดที่เหลือก็โยนให้เยี่ยนหวยอย่างสบายใจเยี่ยนหวยเพลิดเพลินกับพฤติกรรมพรรค์นี้ ในใจเข้าใจได้ในทันที ราวกับกลับไปเมื่อเจ็ดปีก่อนหลังเรียนอย
“มันเรื่องอะไรกันแน่?”ก่อนหน้านี้ที่เยี่ยนหวยอยู่ที่เจียงเฉิง กลับไม่ได้สังเกตเท่าไรว่าอิเลียกำลังทำอะไรอยู่ เธอออกไปข้างนอกทุกวัน เยี่ยนหวยคิดเพียงแค่ว่าเธอกำลังไปเที่ยวเล่นถังซือซือไม่ใช่คนที่จะกุเรื่องมั่วซั่ว เธอพูดแบบนี้ ต้องรู้อะไรบางอย่างแน่ ๆ“พูดไปแล้วก็ยาว ตอนแรกฟู่ชิงเยว่อาของฟู่เจิงรับเลี้ยงเด็กกำพร้าอยู่ที่เมืองนอก ตอนนี้อายุห้าขวบแล้ว ปีที่แล้วอาเหลียงแท้ง แล้วฟู่ชิงเยว่ติดธุระพอดี เลยส่งเด็กคนนั้นกลับประเทศมาให้ฟู่เจิงดูแลช่วงหนึ่ง ฟู่เจิงเลยให้เด็กคนนั้นอยู่ในประเทศไปเลยเพื่อง้ออาเหลียง ปกติจะมาอยู่เป็นเพื่อนอาเหลียง และเด็กคนนั้นเองก็เข้าไปอยู่ในทะเบียนบ้านของฟู่เจิง แต่ว่า...”เยี่ยนหวยเดาเรื่องที่จะเกิดขึ้นต่อไปออกแล้ว จึงรับช่วงเอ่ยขึ้นต่อว่า “แต่ว่าจู่ ๆ ก่อนหน้านี้ก็มีข่าวบอกว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นเป็นลูกของฟู่เจิงกับอิเลีย?”“ใช่ รายละเอียดฉันก็ไม่ค่อยแน่ใจเหมือนกัน เหมือนว่าจะเกี่ยวข้องกับอาของฟู่เจิงนิดหน่อย เธอรู้ตัวตนของเด็กผู้หญิงคนนั้นมาตั้งแต่แรก และไม่ชอบอาเหลียงมาโดยตลอด ยังไงตอนนี้อาเหลียงก็อยู่กับฉัน เขากับฟู่เจิงทะเลาะกันอีกแล้ว”เยี่ยนหวยเอ่ยควา
“เยี่ยนหวย!!”ประตูลิฟต์เปิดออก ทั้งสองคนเข้าไปกันตามลำดับ แล้วลงไปยังลานจอดรถใต้ดินตรงมุมเลี้ยว ในหัวของผู้หญิงสวมหน้ากากอนามัยวาบภาพที่เห็นเมื่อครู่ขึ้นมา หมัดที่ห้อยอยู่กำขึ้นแน่น เธอก้มหน้าทั้งดวงตาที่ประกายความอำมหิตออกมาหากเวินเหลียงอยู่ตรงนี้ คงจะจำได้แน่ ๆ ว่าผู้หญิงที่สวมหน้ากากอนามัยคนนี้ก็คืออลิซที่เธอมาเจียงเฉิง ก็เพราะเยี่ยนหวย เยี่ยนหวยมาเมืองซีเมื่อสองวันก่อน เธอเองก็ตามมาเช่นกันอิเลียถามเลขาของเยี่ยนหวย เมื่อรู้โรงแรมของเขาก็บอกกับอลิซทีแรกอลิซคิดว่าเยี่ยนหวยมาทำธุระที่เมืองซี จากนั้นก็ค่อย ๆ พบว่ามันไม่ชอบมาพากลเยี่ยนหวยไม่ยุ่งเลยสักนิดแถมยังมีเวลาไปสอบถามร้านอาหารท้องถิ่น ถนนคนเดิน จุดชมวิวของเมืองซีเป็นต้น อีกต่างหาก ไม่เหมือนมาทำงานต่างถิ่น แต่เหมือนมาเที่ยวเสียมากกว่าจนกระทั่งวันนี้ เมื่อได้เห็นภาพนั้น อลิซถึงเข้าใจทุกอย่างที่แท้คนที่ซีซาร์ชอบไม่ใช่เฟย์ แต่เป็นถังซือซือเพื่อนของเฟย์!ที่แท้เขาไม่ได้มาทำงานต่างถิ่นที่เมืองซี แต่มาเพื่อตามจีบถังซือซือ!ที่เขาสอบถามร้านอาหารและจุดชมวิวของเมืองซี ก็เพื่อพาถังซือซือไปวันนี้!ในใจอลิซอิจฉาเป็นอย่างม
เมื่อเยี่ยนหวยได้ยินดังนั้น ก็รู้ในทันทีว่าเวินเหลียงไม่ได้รักษาคำมั่นสัญญาแต่เขาก็เตรียมตัวไว้นานแล้ว วันนั้นหลังจากกลับไปก็ให้คนไปตรวจสอบกล้องวงจรปิด แล้วตัดคลิปมาใส่ไว้ในโทรศัพท์เมื่อได้ยินถังซือซือถามขึ้น เขาก็รีบส่งให้เธอทันที “ก็แค่คนที่ไม่สลักสำคัญอะไรคนหนึ่ง ฉันปฏิเสธเขาไปแล้ว”ถังซือซือดูคลิปรอบหนึ่ง ก่อนจะเบะปาก “อยู่ต่างประเทศคุณเยี่ยนมีสาวมาชอบเพียบเลยนะคะ”“แต่ฉันสนใจอยากจะครอบครองแค่เธอ”“จะยอมให้ฉันครอบครองไหม คุณถัง?”เยี่ยนหวยนั่งเอี้ยวตัว แขนข้างหนึ่งพาดอยู่บนพนักพิงเก้าอี้ เขาโน้มตัวเข้ามา ตัวท่อนบนใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ กลิ่นหอมฉุยจาง ๆ และกลิ่นอายของชายหนุ่มที่มาพร้อมกับการบุกรุกโอบล้อมเธอเอาไว้เขาดันแว่นตากรอบทอง สีหน้าอบอุ่น ฉีกยิ้มทว่าก็ราวกับไม่ยิ้ม มุมปากกระตุกรอยยิ้มเล็กน้อย ค่อนข้างมีความรู้สึกประเภทหน้าเนื้อใจเสือถังซือซือเหม่อไปครู่หนึ่ง“คุณถัง?”ใบหน้าหล่อเหลาตรงหน้าขยายใหญ่ขึ้นอีกครั้ง ไออุ่นร้อนปะทะเข้ามาที่หน้า ในที่สุดถังซือซือก็ได้สติกลับมา เธอเอนหลังพลางตบหน้าอก “นายทำฉันตกใจหมด...ไป ไปเดินหาของกินเล่นกันเถอะ”เธอลุกขึ้นและเดินออกไปอย่าง