รถของเวินเหลียงแล่นไปยังคฤหาสน์ย่านซิงเหอวานเมื่อมาถึงช่วงถนนใกล้จะถึงคฤหาสน์ ความเร็วในการขับขี่ของเธอก็อดไม่ได้ที่จะช้าลงมีความรู้สึกยิ่งใกล้บ้านก็ยิ่งหวั่นใจอย่างหนึ่งผุดขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุเวินเหลียงสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เฮือกหนึ่ง พยายามสงบจิตใจลงรถยนต์มาหยุดที่ประตูใหญ่ของคฤหาสน์ย่านซิงเหอวานป้ายทะเบียนรถยังอยู่ในกล้องวงจรปิดของ รปภ. ในย่าน ไม้กั้นยกขึ้น เธอเหยียบคันเร่งขับรถเข้าไป ก่อนจะไปหยุดลงนอกคฤหาสน์ป้าหวังกำลังทำความสะอาดห้องน้ำในลานบ้าน ครั้นได้ยินเสียงเครื่องยนต์ของรถ เธอก็เงยหน้าขึ้นมามอง เมื่อเห็นก็วางไม้กวาดลงด้วยความดีใจปนแปลกใจ ก่อนจะมารับหน้า “คุณผู้หญิง คุณกลับมาแล้วเหรอคะ?”เวินเหลียงยิ้มชืด ๆ ทีหนึ่ง “ป้าหวัง ฉันหย่ากับเขาแล้ว ป้าเลิกเรียกฉันว่าคุณผู้หญิงได้แล้วค่ะ ที่ฉันมาวันนี้ เพราะจะมารับปุ๊กลุกค่ะ”ป้าหวังอุททาน “ให้ตายเถอะ” ขึ้นเสียงหนึ่ง “คุณเวิน ตอนนี้ปุ๊กลุกไม่ได้อยู่ที่นี่ค่ะ”เวินเหลียงประหลาดใจ “ปุ๊กลุกไม่ได้อยู่ที่นี่?”“ใช่ค่ะ” ป้าหวังถอนหายใจอีกครั้ง “ทั้งหมดต้องโทษฉัน วันนั้นฉันอุ้มปุ๊กลุกไปเล่นในลาน อาจเป็นเพราะมันยังเล็กเกินไป ภูม
เลขาหยางที่อยู่ปลายสาย “ประธานฟู่??? นี่คุณกำลังพูดเรื่องอะไรอยู่คะเนี่ย?”“ตกลงตามนี้ละกัน แค่นี้นะ” ฟู่เจิงกดวางสายด้วยใบหน้าที่มีสีหน้าคงเดิม จากนั้นก็วางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะ ทว่าตากลับเอาแต่มองไปที่หน้าของเวินเหลียงอยู่ตลอด สีหน้าแฝงความไม่ยอมปล่อยเวินเหลียงไปอยู่เล็กน้อยเลขาหยาง “???”นี่เขาคิดจะขายคฤหาสน์หลังนี้เหรอ?เวินเหลียงกัดริมฝีปากเงียบ ๆดูท่าเขาคงคิดตกแล้ว ว่าจะบอกลาการแต่งงานที่ผ่านมาสามปีโดยสิ้นเชิงเขาคงกำลังจะแต่งงานกับฉู่ซืออี๋นี่คือสิ่งที่เธอต้องการไม่ใช่เหรอ?ตอนนั้นเธอเองก็อยากขายคฤหาสน์หลังนี้ทิ้งไปเหมือนกันไม่ใช่เหรอ?แต่ทำไมหลังจากรู้ข่าวนี้ ในใจของเธอกลับว่างเปล่าอยู่นิดหน่อยนะคงเป็นเพราะยังไม่ชินละมั้ง ต่อไปคงค่อย ๆ ดีขึ้นเองเวินเหลียงพยายามคุมอารมณ์ให้มั่นคง “คุณจะขายที่นี่เหรอ?”ฟู่เจิงมองสีหน้าบนหน้าเธออย่างจริงจัง “ก็มีแพลนเรื่องนี้ไว้”“ขายไปก็ดี หย่ากันแล้ว เก็บมันไว้ก็ไม่มีประโยชน์อะไร” เวินหลียงเอ่ยขึ้นชืด ๆ “จริงสิ เมื่อกี้คุณอยากจะพูดอะไรนะ?”เห็นเวินเหลียงไม่สะทกสะท้าน ความโกรธในใจของฟู่เจิงก็พลุ่งพล่านขึ้นมาความเดือดดาลกลิ้งไปมาอ
เวินเหลียงย้ายอาหารแมว ทรายแมวและอาหารกระป๋องแมวของปุ๊กลุกไปไว้บนรถเลยเธอหันมองไปด้านหลังเบา ๆ ทีหนึ่ง ฟู่เจิงไม่ได้ตามมาแม้ในใจเธอจะลอบถอนหายใจเฮือกหนึ่ง ทว่าก็มีความผิดหวังที่ยากจะเชื่ออยู่เล็กน้อยเธอเข้าไปนั่งยังตำแหน่งคนขับ เงียบไปอยู่ครู่หนึ่ง ถึงได้ล้วงโทรศัพท์ออกมา แล้วกดโทรหาเลขาหยางพูดตามตรงตอนที่เห็นสายเวินเหลียงโทรเข้ามา เลขาหยางประหลาดใจเป็นพิเศษเธอรับสายอย่างระมัดระวัง “ฮัลโหล คุณเวิน?”“เลขาหยาง ปุ๊กลุกอยู่โรงพยาบาลสัตว์ไหนคะ?”ใครบอกเธอได้บ้างว่าปุ๊กลุกนี่ใคร?แล้วทำไมเวินเหลียงถึงมาถามเรื่องนี้กับเธอล่ะ?เลขาหยางนึกถึงคำพูดแปลกพิกลสองสามประโยคนั่นตอนที่ฟู่เจิงรับสาย เธอชะงักไปสองสามวินาที ถึงตอบกลับไปว่า “ขอโทษนะคะคุณเวิน ฉันมีงานด่วนกะทันหัน เลยส่งปุ๊กลุกให้ผู้ช่วยไป ตอนนี้ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะว่ามันอยู่โรงพยาบาลสัตว์ไหน”เวินเหลียง “...”เวินเหลียงพลันหมดคำพูด ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรต่อดีมีชั่ววูบหนึ่ง เวินเหลียงสงสัยว่าฟู่เจิงจะทำปุ๊กลุกตาย ถึงได้ใช้เหตุผลแบบนี้มาถ่วงเวลาเลขาหยางพูดขึ้นอีกว่า “เอาแบบนี้นะคะ ฉันจะช่วยถามผู้ช่วยให้คุณเองค่ะ ได้เรื่องแ
ฮอตแอนด์คูล “ถ้านายคิดจะพัฒนาจริงจัง ความจริงแล้วจุดสำคัญก็ยังต้องพิจารณาว่าโปรเจกต์ของทั้งสองบริษัทตรงกับสาขาที่นายเรียนมาไหม แล้วความคิดสอดคล้องกันหรือเปล่า ในด้านแผนการทำงาน ถ้านายอยากจะเลื่อนขั้นเร็ว ๆ ก็เลือกอวี้เซิ่ง แต่ถ้าอยากพัฒนาไปยาว ๆ ก็เลือกฟู่ซื่อ”เมิ่งเซ่อ “พูดตามตรงนะครับ ตัวผมค่อนข้างเอนเอียงไปทางฟู่เจิง อาจเป็นเพราะความคิดในการพัฒนาของฟู่ซื่อมั้งครับ ฟู่เจิงประธานบริหารคนก่อนจบจากภาควิชาคณิตศาสตร์ ก็เริ่มทำอาชีพจากการพัฒนาโปรแกรม”ฮอตแอนด์คูล “เขาจบปริญญาสองใบคณิตศาสตร์กับเศรษฐศาสตร์”เมิ่งเซ่อ “เก่งจังเลย ผมเคยอ่านสัมภาษณ์ที่ต่างประเทศของเขาก่อนหน้านี้ ผมชื่นชมเขามาก พี่ครับ พี่รู้จักเขาไหม?”เวินเหลียง “...”ฮอตแอนด์คูล “รู้จัก”ฮอตแอนด์คูล “เขาคือสามีเก่าฉัน”พูดตามตรงเวินเหลียงคอยหาโอกาสที่จะพูดเรื่องนี้ออกมาอยู่ตลอดเธอคิดว่าพอเมิ่งเซ่อรู้ว่าเธอเคยผ่านการแต่งงานมาก่อน ไม่แน่ว่าอาจตัดใจไปเลยก็ได้เพียงแต่เมิ่งเซ่อเองก็ไม่ได้เป็นฝ่ายแสดงท่าทีอะไรออกมาก่อน ราวกับการที่เธอโพล่งออกมาว่าตัวเองเคยผ่านการแต่งงานมาก่อนมันกะทันหันเกินไปตอนนี้โอกาสมาถึงแล้ว!สำห
ก่อนหน้านี้เวินเหลียงย้ายข้าวของเครื่องใช้ของตัวเองเข้ามายังเพนส์เฮ้าส์ หลังจากนั้นก็จัดการเสื้อผ้าที่ไปนอร์เวย์นิดหน่อย กระเป๋าสัมภาระใบอื่นยังกองอยู่ในห้อง ยังไม่ได้เก็บในเมื่อตัดสินใจที่จะอาศัยอยู่ที่นี่ระยะยาวแล้ว เวินเหลียงก็จัดการกระเป๋าสัมภาระของตัวเองอย่างจริงจังหลังจัดเรียงเสื้อผ้าและข้าวของเครื่องใช้ทั้งหมดเสร็จ ก็เหลือแค่ของทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้าของพ่อปีใหม่ผ่านไปแล้ว ก็กำลังจะเข้าสู่เทศกาลตรุษจีน ผ่านไปอีกหนึ่งปีแล้วระยะเวลาที่พ่อจากไปจะเพิ่มขึ้นอีกปีแล้วตอนนี้คนขับรถบรรทุกออกจากคุกแล้ว เขาใช้ชีวิตอย่างสบายอกสบายใจ มิหนำซ้ำยังมีเงินเหลือใช้ให้ออกไปเที่ยวเล่นต่างประเทศอีกทว่าพ่อของเธอกลับนอนไร้ลมหายใจอยู่ใต้ดิน จากไปตลอดกาลเมื่อเวินเหลียงนึกถึงตรงนี้ ในใจก็ขมขื่นจนยากจะรับไหวเธอเปิดสมุดบันทึกของพ่อ แล้วเปิดอ่านไปทีละหน้าช้า ๆ ส่วนท้ายหน้ากระดาษที่อยู่ข้างในเริ่มเป็นสีเหลือง เธอลูบตัวอักษรลายมือคุ้นตาในหน้ารอบแล้วรอบเล่าระหว่างที่เธอกำลังเปิดหน้าสมุดบันทึก รูปภาพใบหนึ่งก็ร่วงลงมาจากสมุดบันทึกเป็นรูปภาพที่ดูเหมือนกับจะเกี่ยวข้องกับคดีลักพาตัวในตอนนั้นนั่นเว
สถานที่เกิดเหตุ กระบวนการช่วยเหลือ และยิ่งไปกว่านั้นไม่มีนักข่าวอยู่ในจุดเกิดเหตุเลย!ถ้างั้นพ่อถ่ายรูปคนร้ายลักพาตัวมาได้ยังไง?พอพ่อได้รับข่าว ก็ไปแอบถ่ายบริเวณจุดเกิดเหตุโดยไม่สนอันตรายงั้นเหรอ?นี่เป็นเรื่องที่พ่อเธอทำได้จริง ๆ ตอนแรกในคดีสารเจือปนอาหารคดีนั้น พ่อก็ไปซ่อนตัวสืบเรื่องอยู่ในโรงงานด้วยตัวเอง ถึงได้หลักฐานมาคงเป็นเพราะพ่อถูกจับได้ตอนแอบถ่าย จึงทำให้คนร้ายลักพาตัวแค้นเคืองตอนนั้นพ่อกำลังเขียนต้นฉบับข่าวแล้ว กระทั่งถึงช่วงที่สามารถรายงานข่าวได้แล้ว ถ้าไม่เป็นเพราะตัวประกันถูกช่วยออกมาแล้ว ก็เป็นเพราะตัวประกันเสียชีวิตไปแล้วในสมุดบันทึก จากในร่างที่พ่อยังเขียนไม่เสร็จทำให้รู้ได้ว่า ช่วงเวลาที่เกิดคดีลักพาตัวขึ้นคือวันที่สิบสอง เดือนเมษายนของปีนั้น และวันครบรอบวันตายของพ่อคือวันที่สิบแปด เดือนเมษายนนี่สามารถอธิบายได้เรื่องหนึ่ง...คนร้ายลักพาตัวไม่ได้ถูกจับกุมตัวในที่เกิดเหตุ อย่างน้อยในตอนที่พ่อเสียพวกเขายังหลบหนีอยู่ข้างนอก ไม่อย่างนั้นการกระทำนี้ของคนขับรถบรรทุกจะไม่มีความหมายอะไรเลยส่วนความเป็นตายของตัวประกัน ท้ายที่สุดแล้วคนร้ายลักพาตัวถูกจับกุมหรือเปล่า ต
เสียงของถังซือซือแว่วดังขึ้นมาจากนอกประตู “อาเหลียง มื้อเที่ยงจะทำเองหรือสั่งดิลิเวอรีดี?”เวินเหลียงถอนหายใจเฮือกหนึ่ง พร้อมทั้งดื่มน้ำตามไปอึกหนึ่ง เธอปิดโน้ตบุ๊กลง แล้วลุกขึ้นไปเปิดประตู “อะไรก็ได้”ถังซือซือหัวเราะฮ่า ๆ “งั้นสั่งดิลิเวอรีแล้วกันนะ”“โอเค”ตอนนี้เวินเหลียงเองก็ไม่มีกะจิตกะใจจะทำอาหาร เธอออกมานั่งกับถังซือซือข้างนอก หารือกันเรื่องสั่งมื้อเที่ยง นั่งเหม่อลอยอยู่บนโซฟาคนร้ายลักพาตัวมีฝีมือทำได้ถึงขนาดนี้ แสดงว่าตัวตนของตัวประกันที่ถูกลักพาตัวไปก็คงไม่ธรรมดาเหมือนกันหากเธออยากสืบต่อจริง ๆ เธอทำคนเดียวคงไม่ได้เรื่องแน่“คิดอะไรอยู่เหรอ จริงจังขนาดนั้นเชียว” เมื่อถังซือซือเห็นดังนั้นก็ถามขึ้นมา“ไม่มีอะไร” เวินเหลียงได้สติกลับมาแล้วฉีกยิ้มออกมา “จริงสิถังถัง เธอรู้ไหมว่าที่เมืองเจียงเฉิงมีนักสืบเอกชนบริษัทไหนบ้าง?”“นักสืบเอกชน? เธอถามเรื่องนี้ไปทำไมเหรอ?” ถังซือซือถลึงตาโต “เธอคิดจะสืบเรื่องใครเหรอ?”เวินเหลียงตอบกลับอย่างจริงครึ่งไม่จริงครึ่ง “ฉันอยากสืบเรื่องคนขับรถบรรทุกที่ชนพ่อฉันตายน่ะ”เวินเหลียงไม่ได้พูดอะไรมาก ทว่าถังซือซือเองก็เข้าใจเจตนาของเวินเหลี
เวินเหลียงเบือนสายตาหนี มองไปในที่ไกล ๆ อย่างเงียบสงบ “อย่ามาเสียเวลาอยู่กับฉันเลย”“ขนาดเขานอกใจ เธอก็ยังชอบเขาอยู่อีกเหรอ?”“มันไม่เกี่ยวอะไรกับว่าฉันชอบเขาหรือเปล่า ตอนนี้ฉันเพิ่งเดินออกมาจากชีวิตการแต่งงาน ในวันนี้ยังไม่มีกะจิตกะใจจะเข้าไปในความรักครั้งใหม่”“ฉันรอเธอได้ รอเธอเดินออกมาจากเงาของชีวิตการแต่งงาน” โจวอวี่เอ่ยขึ้นอย่างหนักแน่น ไร้ซึ่งความลังเลใด ๆเวินเหลียง “...”“ถ้าฉันเดินออกมาไม่ได้ตลอดชีวิตล่ะ?”“งั้นฉันก็จะรอเธอไปตลอดชีวิต!”เวินเหลียงปวดหัวเล็กน้อยเธอไม่ได้ล้อเล่นนะชีวิตแต่งงานครั้งแรกทำเธอเหนื่อยล้าทั้งใจและกายมากพอแล้ว เธอไม่คิดจะแต่งงานใหม่จริง ๆ กระทั่งยังคิดว่าจะไม่แต่งงานอีกตลอดชีวิตใช้ชีวิตคนเดียวก็ดีออกอีกอย่างคือตอนนี้เธอไม่มีกะจิตกะใจไปคิดเรื่องพวกนี้ ณ เวลานี้เธอคิดแค่เรื่องแก้แค้นให้พ่อเท่านั้นเวินเหลียงกำลังอยากจะพูดอะไรต่อ ทว่าจู่ ๆ ก็มีเสียง ‘แปะ ๆ ๆ’ แว่วดังขึ้นมาจากข้าง ๆฟู่เจิงเดินเข้ามาพร้อมกับปรบมือไปด้วย สายตามองสลับไปมาระหว่างเวินเหลียงและโจวอวี่ เขาหัวเราะอย่างเย็นชาทีหนึ่ง “รอเธอไปตลอดชีวิต...ช่างน่าซาบซึ้งใจมากจริง ๆ!”