“ได้สิ!” ถังซือซือรีบพยักหน้า แล้วมองนางเอกอย่างหยอกล้อ “ไอ้หยา เสี่ยวอาเหลียงของเราพอหย่าปุ๊บ ก็มีคนมาจีบปั๊บเลยไม่ใช่เหรอเนี่ย? แถมมารวดเดียวสามคนเลยด้วย!”“อย่าพูดซี้ซั้วสิ”“เอาละ ๆ ๆ ฉันไม่พูดแล้ว ถึงยังไงเธอเป็นคนเลือกเองก็สิ้นเรื่องแล้ว ฉันว่าลู่เย่ากับโจวอวี่ก็ไม่เลวเลยนะ!”เวินเหลียง “...”โจวอวี่ส่งข้อมูลเที่ยวบินของตัวเองให้จูฝานจูฝานเห็นว่ายังพอมีเวลานิดหน่อย พวกเธอจึงอยู่ในโรงแรม พักผ่อนตามอัธยาศัยกันสองสามชั่วโมง จากนั้นค่อยเดินทางออกจากเกาะซัมเมอร์ไอซ์แลนด์พวกเธอเอากระเป๋าสัมภาระวางไว้ที่โรงแรม จากนั้นก็ขับรถไปยังสนามบิน รออยู่ประมาณยี่สิบนาที ก็เห็นโจวอวี่เดินออกมาจากอาคารผู้โดยสารเขาสวมหมวกแก๊ปและหน้ากากอนามัยสีดำ ไม่มีกระเป๋าสัมภาระอะไรทั้งสิ้น อยู่ในชุดเสื้อขนสัตว์แบบยาว ทว่าไม่ได้ดูตัวอ้วนอย่างเห็นได้ชัดขนาดนั้นจูฝานโบกมือไปทางเขาโจวอวี่มาตรงหน้ารถ เขามองเวินเหลียงที่อยู่ด้านหลังผ่านกระจกหน้ารถก่อนทีหนึ่ง จากนั้นก็ดึงหน้ากากอนามัยลงมาครึ่งหนึ่ง “ไม่ได้ถ่วงการท่องเที่ยวของพวกคุณใช่ไหม?”น้ำเสียงแสนเสนาะหูถูกเปล่งออกมา ข้างปากมีควันขาวพวยพุ่ง“เปล่าเลย
หลังกินข้าวเสร็จ จูฝานก็ขับรถไปยังสนามบินเมื่อมาถึงลานจอดรถของสนามบิน เวินเหลียงก็โบกไม้โบกมือให้โจวอวี่ที่อยู่ข้าง ๆ “ไว้เจอกันนะ เจอกันที่ออสเตรเลีย”โจวอวี่ผงะไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเปิดประตูและลงจากรถไป “อาเหลียง เธอไม่ลงมาส่งฉันหน่อยเหรอ?”เวินเหลียงอึ้งไปพักหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เธอลงรถจากอีกฝั่งหนึ่ง กำลังคิดจะกำชับจูฝาน ทว่าได้ยินโจวอวี่พูดขึ้นอีกว่า “จูฝานรออยู่ในรถก็แล้วกันนะ”“ได้เลย!” จูฝานรีบขานรับอย่างรวดเร็วเสียงหนึ่ง ก่อนจะโบกไม้โบกมือกับเวินเหลียงพร้อมทั้งยิ้มแย้ม “ข้างนอกหนาว ฉันไม่ลงไปละนะ อาเหลียง ช่วยส่งโจวอวี่แทนฉันด้วยล่ะ”เวินเหลียงจนใจ เธอพูดกับโจวอวี่ว่า “ถ้างั้นฉันไปส่งนายที่ประตูทางเข้าอาคารผู้โดยสารโอเคไหม?”“ได้” โจวอวี่ยิ้มหวานทีหนึ่งจูฝานและถังซือซือที่อยู่ในรถมองหน้ากันทีหนึ่ง บนใบหน้าแฝงไปด้วยความหมายที่ลึกซึ้งเวินเหลียงและโจวอวี่เดินเคียงคู่กันไปยังประตูอาคารผู้โดยสารระหว่างทางมานี้ เวินหลียงก็จงใจหาหัวข้อบทสนทนา “ไปประชาสัมพันธ์ที่ประเทศฝรั่งเศสนี่ เป็นงานสุดท้ายก่อนปีใหม่ของนายใช่ไหม?”โจวอวี่ส่ายหน้า “ไม่ใช่ ฉันยกการประชาสัมพันธ์ที่เ
ข้างรถยนต์สีดำที่จอดอยู่ไม่ไกลคันหนึ่ง ฟู่เจิงอยู่ในชุดเสื้อขนสัตว์แบบยาวสีดำ สวมใส่หมวกที่บุขนสัตว์ไว้ตรงขอบ ยืนอ้าแขนอยู่ เผยให้เห็นเสื้อถักและเข็มขัดที่อยู่ด้านในเขายืนพิงประตูรถฝั่งที่นั่งข้างคนขับ พร้อมจ้องเธอด้วยนัยน์ตาเปล่งประกายเมื่อรู้ว่าที่พวกเธอออกมาจากเกาะซัมเมอร์ไอซ์แลนด์ก่อนล่วงหน้าเป็นเพราะการมาของโจวอวี่ ในใจของฟู่เจิงก็ผุดเปลวเพลิงแห่งโทสะขึ้นมา พร้อมทั้งเจ็บปวดและอัดอั้นไปในขณะเดียวกัน พ่วงความอิจฉาที่มีต่อโจวอวี่ไปด้วยเมื่อกี้เขาเห็นโจวอวี่กับเวินเหลียงโอบกอดและจูบกัน ไฟโทสะที่อยู่ในใจก็ยิ่งลุกโชนขึ้นเรื่อย ๆ และระเบิดออกมาในเวลาเพียงชั่วครู่ ควบคุมเอาไว้ไม่อยู่อย่างสมบูรณ์แบบ!โจวอวี่สละเวลางานมาหาเธอ เธอถูกเขาทำให้ซาบซึ้งเข้าให้แล้ว?พวกเขาตัดสินใจว่าจะคบกันแล้วงั้นเหรอ?เมื่อคิดว่าต่อไปเวินเหลียงจะกลายเป็นภรรยาของโจวอวี่ สนิทสนมไม่มีช่องว่างระหว่างกันเหมือนกับสามีภรรยาทั่วไป ในใจของฟู่เจิงก็ราวกับถูกมีดสั้นอันแหลมคมหั่นเป็นชิ้น ๆ ครั้งแล้วครั้งเล่า เลือดไหลนอง เจ็บเข้าไปในไขกระดูกฟู่เจิงขบฟันแน่น เขาไม่ยอมเด็ดขาดเวินเหลียงต้องเป็นของเขาเท่านั้น!เดิม
เวินเหลียงราวกับได้ยินเรื่องตลกอะไรอย่างนั้น เธอมองฟู่เจิงอย่างเย็นชา “คุณบอกว่าจะปล่อยให้ฉันเป็นอิสระไม่ใช่เหรอ? คุณปู่ก็จากไปแล้ว พวกเราหย่ากันแล้ว ทำไมคุณยังมาแสดงละครต่อหน้าฉันอีก?”นัยน์ตาของฟู่เจิงประกายความเจ็บปวดออกมา เขาไม่คิดว่าเวินเหลียงจะคิดกับเขาแบบนี้เธอไม่มีความเชื่อมั่นในตัวเขาเลยสักนิด“ฉันนึกเสียใจแล้ว อาเหลียง ฉันไม่ควรปล่อยเธอไป อย่างที่เธอพูด คุณปู่จากไปแล้ว ฉันมีความจำเป็นอะไรยังต้องมาแสดงละครอีก? อาเหลียง ไม่ว่าเธอจะเชื่อไหม แต่ฉันชอบเธอจริง ๆ ไม่อยากหย่ากับเธอ”คราวก่อนเขาก็เคยบอกว่าเขาชอบเธอ เธอถามว่าเขาชอบเธอตอนไหน แต่เขากลับตอบไม่ได้อีกอย่างต่อให้เขาบอกว่ามันเป็นความจริง แล้วทำไมเธอต้องกลับไป?ความเจ็บปวดที่เธอได้รับมาในก่อนหน้านี้มันสามารถลบเลือนไปได้อย่างง่ายดายขนาดนั้นเลยเหรอ?สีหน้าของเวินเหลียงเย็นยะเยือก “บนโลกใบนี้ไม่มียานึกเสียใจ ฉันไม่สนว่าอะไรที่มันบันดาลใจให้คุณพูดคำพูดเหล่านี้ออกมา แต่ฉันอยากจะบอกให้คุณเข้าใจ ฉันไม่คิดจะแต่งงานใหม่กับคุณอีก”เธอคิดไม่ตกว่าตัวเธอมีผลประโยชน์อะไรถึงขั้นควรค่าให้ฟู่เจิงทิ้งฉู่ซืออี๋ไว้ในประเทศ แล้วบินมาแสดง
ตามแพลนเดิม ตอนนี้พวกเธอคงเพิ่งกลับจากเกาะซัมเมอร์ไอซ์แลนด์ตอนนี้มาก่อนกำหนดการตั้งหลายวัน ตอนนี้ทั้งสามคนจึงตัดสินใจเดินทางไปยังตำบลเฟิร์ธตำบลเฟิร์ธเป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่งที่อยู่ใต้การปกครองของทรอมโซที่นี่สามารถชมวิวอ่าวแคบอยู่ระหว่างผาสูงชันและแสงเหนืออันงดงามได้ในเวลานี้ตำบลเล็ก ๆ อย่างตำบลเฟิร์ธเองก็อยู่ในช่วงโพลาร์ไนท์เช่นกันพวกเธอเดินวนรอบตำบลเล็ก ๆ รอบหนึ่ง สัมผัสแนวชายฝั่งรุ่น ๆ และความงดงามของภูเขาหิมะแสนยิ่งใหญ่ ระหว่างนั้นถังซือซือและจูฝานก็คอยสังเกตทีท่าของเวินเหลียงอยู่เงียบ ๆเวินเหลียงเห็นพวกเธอทำท่าทางลับ ๆ ล่อ ๆ ก็หัวเราะออกมา “พวกเธอไม่ต้องเป็นกังวลหรอกน่า ฉันไม่เป็นไร แค่หลังจากเห็นเขาแล้วรู้สึกแย่นิดหน่อย แต่นี่ก็ปกติจะตายไป ผู้หญิงคนไหนเห็นสามีเก่าของตัวเองแล้วอารมณ์ดีบ้าง?”ถังซือซือตบไหล่ของเธอ “อาเหลียง ปล่อยวางได้ก็ดีแล้ว”หลังจากนั้นพวกเวินเหลียงทั้งสามคนก็กลับไปพักผ่อนที่โรงแรมในทรอมโซคืนหนึ่ง วันต่อมาเดินทางไปยังเกาะลิงกาสบางทีอาจจะรู้สึกเหนื่อยหน่ายกับวิวหิมะแล้ว พวกเธอไม่ได้ค้างคืนที่เกาะลิงกาส แต่กลับมายังทรอมโซในวันนั้นเลยได้เวลาก
“ขโมยเป็นคนมีฝีมือ มันฉวยโอกาสตอนที่คุณถ่ายรูปอยู่ที่เกาะลิงกาส ขโมยกระเป๋าสตางค์ของคุณไป แต่ผมบังเอิญไปเห็นเข้าพอดี”เวินเหลียงมองเขาทีหนึ่ง “พวกคุณก็ไปเกาะลิงกาสมาด้วยเหรอ?”มีอยู่แวบหนึ่ง เธอกระทั่งสงสัยว่าลู่เย่าเป็นคนเอากระเป๋าสตางค์ของตัวเธอไป เธอไม่ได้คิดเข้าข้างตัวเอง แต่มันบังเอิญเกินไปแล้วจริง ๆ“อืม ไปมาเมื่อวานน่ะ”“แบบนี้นี่เอง งั้นต้องขอบคุณคุณด้วยนะคะ”วันนี้พวกเธอเพิ่งไปมาอาจเป็นแค่เรื่องบังเอิญจริง ๆ?“เกรงใจอะไรกัน เจอเพื่อนร่วมชาติที่ต่างแดน ที่ช่วยได้ก็ช่วย ๆ กัน” ลู่เย่าส่งกระเป๋าสตางค์มาเวินเหลียงรับกระเป๋าสตางค์มา กุมเอาไว้ในมือพลางเงยหน้ามองลู่เย่า แล้วพูดว่า “ถ้าไม่ใช่เพราะคุณมาได้ทันเวลา ตอนนี้ฉันคงจองตั๋วเครื่องบินไปออสโลแล้ว เอาแบบนี้ก็แล้วกัน พรุ่งนี้ฉันจะเลี้ยงข้าวคุณ เป็นยังไง? ถ้าเพื่อนคุณไม่รังเกียจละก็ จะมาด้วยก็ได้นะ ฉันเลี้ยงพวกคุณเอง”ลู่เย่าเลิกคิ้ว “ค่อยว่ากันก็แล้วกัน ผมขอกลับไปถามเพื่อนผมก่อน”“เพื่อนคุณคนนี้ก็คุมเข้มเกินไปแล้วหรือเปล่า? ไม่เหมือนเป็นเพื่อนของคุณ แต่เหมือนภรรยาคุณมากกว่า กลัวว่าคุณออกไปแล้วจะมีคนเกาะแกะ” เวินเหลียงเอ
ฉะนั้นเวินเหลียงจึงกำหนดเวลาเลี้ยงข้าวลู่เย่าตอนกลางคืนในตอนที่ลู่เย่าบอกว่าเขาจะเป็นคนเลือกร้านอาหารเอง เวินเหลียงก็เกิดความรู้สึกตงิดใจขึ้นมาแต่เธอก็ไม่ได้ปฏิเสธ เธอให้ลู่เย่าบอกเธอหลังจากที่เขาตัดสินใจเรียบร้อยแล้ว…ขณะเจ็ดโมงครึ่งในเช้าวันต่อมา พวกเวินเหลียงทั้งสามคนก็มาถึงยังท่าเรือที่ระบุว่าให้นัดรวมตัวกันในตอนนี้มีคนมารออยู่ที่ท่าเรือค่อนข้างเยอะแล้ว มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นคนที่จองทัวร์ล่องเรือออกทะเลไปดูวาฬ ในบรรดาคนเหล่านั้นมีคนที่มีใบหน้าแบบคนเอเชียไม่น้อยทีเดียวที่พวกเธอจองมาเป็นเรือคาตามารัน ไกด์นำเที่ยวเป็นคนผิวขาว ในกรุ๊ปทัวร์สื่อสารโดยใช้ภาษาอังกฤษเริ่มขึ้นเรือตอนเจ็ดโมงสี่สิบนาที เมื่อถึงเวลาออกเดินทางตอนแปดโมง บนเรือของพวกเธอมีคนทั้งหมดสามสิบกว่าคนตัวเรือแล่นผ่าผิวน้ำ ฟองคลื่นสีขาวแยกออกไปทั้งสองข้าง เรือค่อย ๆ ออกห่างจากท่าเรือเวินเหลียงยืนอยู่บนดาดฟ้าเรือ ลมทะเลตีเข้าหน้า ปนกลิ่นคาวและเค็มที่มีเอกลักษณ์อย่างหนึ่งเธอหันหลังกลับไปมอง ท่าเรือไกลออกไปเรื่อย ๆ ค่อย ๆ เลือนราง กระทั่งหายวับไปเธอมองไปรอบ ๆ รอบข้างล้วนเป็นน้ำทะเลกว้างใหญ่ไพศาล ที่เส้นขอ
วันนี้เวินเหลียงไม่ได้ไปที่ออสโล และได้บอกเรื่องที่ลู่เย่าเอากระเป๋าสตางค์กลับมาให้เธอกับพวกถังซือซือทั้งสองคนแล้วถังซือซือใช้ไหล่กระทุ้งเวินเหลียงทีหนึ่ง ยิ้มจนใบหน้าเต็มไปด้วยความคลุมเครือ “ไม่ให้พวกเราตามไปจริง ๆ เหรอ?”“ฉันไปคนเดียวก็พอ” ริมฝีปากของเวินเหลียงกระตุกรอยยิ้มออกมาถ้าบอกว่าเป็นเพราะรู้สึกขอบคุณลู่เย่าก็เลยจะเลี้ยงข้าวลู่เย่า เวินเหลียงให้ถังซือซือกับจูฝานไปด้วยก็ได้แต่เธออยากไปคนเดียวถังซือซือคิดเพียงเวินเหลียงรู้สึกดีกับลู่เย่า เธอตบไหล่ของเวินเหลียง แล้วยักคิ้วให้เธอ “เอาละ สู้ ๆ นะ คืนนี้ต้องช่วงชิงมาให้ได้!”จูฝานเองก็คิดว่าเวินเหลียงชอบลู่เย่า เธอแอบรู้สึกเสียใจแทนโจวอวี่ “อาเหลียง เธอก็ระวังตัวหน่อยนะ ถึงยังไงพวกเราก็ไม่ได้รู้จักลู่เย่าเท่าไร ไม่รู้ว่าเขาเป็นคนยังไง”“ฉันเข้าใจ วางใจเถอะ ไม่ใช่อย่างที่พวกเธอคิดหรอก”เธอแค่รู้สึกว่าลู่เย่าแปลก อยากจะพิสูจน์การคาดเดาของตัวเองสักหน่อยถังซือซือทำหน้าอย่างเข้าใจทุกอย่าง “การอธิบายก็คือการปิดบัง...”เวินเหลียง “...”ร้านอาหารที่ลู่เย่าจอง เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นที่พวกเวินเหลียงทั้งสามคนไม่เคยมาด้านขวาสุดข