คุณผู้หญิงไม่ให้บอก...ท้ายที่สุดตอนนี้ฟู่เจิงก็มั่นใจว่า เวินเหลียงรู้อยู่ตั้งนานแล้วว่าตัวเองตั้งท้องแต่เธอก็ยังอยากจะหย่ากับเขา และออกนอกประเทศไปกับโจวอวี่!เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ ทันใดนั้นฟู่เจิงก็กำมือที่จับมือถือแน่นขึ้น ส่วนมือที่ห้อยอยู่นั้นกำหมัดแน่นเช่นกันเห็นฟู่เจิงเงียบไป ป้าหวังก็พูดขึ้นว่า “คุณผู้ชายคะ คุณอย่าโทษคุณผู้หญิงเลยค่ะ เธอเองก็ทุกข์ใจมากเหมือนกัน...”ฟู่เจิงเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงขึงขัง “ผมรู้ครับ”เวินเหลียงคงรู้สึกสิ้นหวังและผิดหวังกับเขามากจริง ๆ ถึงได้คิดจะพาลูกไปสี่เดือนนี้ เธอรู้สึกยังไงบ้าง ทั้งต้องมาทนทุกข์ทรมานจากการตั้งครรภ์ แล้วยังต้องมาอดกลั้นกับเรื่องน่าน้อยเนื้อต่ำใจพวกนั้นอีกก่อนหน้านี้เขาไม่ใช่สามีที่มีคุณสมบัติเพียบพร้อม ตอนนี้ยิ่งไม่ใช่พ่อของลูกที่มีคุณสมบัติเหมาะสมอีก...ฟู่เจิงกลับไปยังห้องพักผู้ป่วย เขากลับไปนั่งลงข้างเตียง ก่อนจะโน้มตัวลงจูบบนหน้าผากของเวินเหลียงเบา ๆ เขาจะไม่ยอมปล่อยมือไปอีก!เขาจะให้ลูกของตัวเองเรียกโจวอวี่ว่าพ่อไม่ได้!ไม่มีวัน!…ภายในโรงพยาบาลเสียง ‘เพล้ง’ ดังขึ้นเสียงหนึ่ง แก้วหล่
เวินเหลียงลืมตาขึ้นมาอย่างสะลึมสะลือ สิ่งที่เข้ามาในตาคือเพดานสีขาวความทรงจำก่อนหมดสติไปไหลเข้ามาในหัว ราวกับฝันไปอย่างนั้น เธอหลับตาลง แล้วค่อย ๆ ยกมือขึ้นมาลูบแก้มของตัวเอง คลำไปเจอแต่ผ้าก๊อซผืนหนึ่ง“อาเหลียง เธอฟื้นแล้วเหรอ!”เมื่อฟู่เจิงได้ยินเสียง ก็รีบสับเท้าเดินไปนั่งลงข้างเตียง “รู้สึกยังไงบ้าง?”หูของเวินเหลียงมีแต่เสียงดังหึ่ง ๆ เห็นเพียงริมฝีปากของเขาขยับ จึงถามขึ้นตามสัญชาตญาณ “คุณว่าอะไรนะ?”เมื่อเอ่ยปาก น้ำเสียงก็แห้งแหบพร่า ลำคอเจ็บไปหมดราวกับถูกมีดกรีดฟู่เจิงรีบยกน้ำมาแก้วหนึ่ง ประคองศีรษะของเธอขึ้นมา ป้อนให้เธอสองสามคำอย่างระมัดระวัง“ฉันถามหน่อยนะ ตอนนี้เธอรู้สึกยังไงบ้าง? ไม่สบายตัวตรงไหนหรือเปล่า?”ฟู่เจิงวางแก้วน้ำไว้บนโต๊ะ แล้วขยับเข้ามาใกล้อีกหน่อย แทบจะเอาหน้าไว้ข้างหูเวินเหลียงเวินเหลียงเบือนหน้ามองเขา ไม่เข้าใจอยู่เล็กน้อย “ก็โอเค ทำไมคุณต้องเอาหน้าเข้ามาใกล้ขนาดนี้ด้วย?”“หมอบอกว่าตอนนี้อาการบาดเจ็บที่หูภายนอกทำให้แก้วหูทะลุ ประสิทธิภาพในการได้ยินของหูทั้งสองข้างลดลง แต่ต่อไปจะค่อย ๆ ฟื้นตัวเอง”“อ้อ เถ้ากระดูกของพ่อฉัน...” เวินเหลียงมองฟู่เจิง
ฟู่เจิงสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เฮือกหนึ่ง ลูกกระเดือกขยับขึ้นลง ในใจนึกเสียใจเป็นอย่างมากในหัวความทรงจำผุดขึ้นมาอย่างชัดเจน ตอนนั้นเขาพูดไปอย่างใจร้อนว่า “ไม่มีคำว่าถ้า ถึงมีฉันก็ไม่มีทางให้เขาคลอดออกมา”ตอนนั้นเธอต้องผิดหวังและอับจนหนทางมากแน่ ๆ...ฉะนั้นเธอจึงปิดบังมาตลอดจนถึงวันนี้เวินเหลียงพูดต่อ “อันที่จริงฉันโชคดีมาก ที่ฉันปิดบังเรื่องที่ตัวเองตั้งท้องมาตลอด ไม่อย่างนั้นพอมาเจอเหตุการณ์เมื่อวาน ต้องรักษาเด็กคนนี้เอาไว้ไม่ได้แน่”เธอปิดบังฟู่เจิง และปิดบังฉู่ซืออี๋กับแม่ของฉู่ซืออี๋ด้วยถ้าเสิ่นฮู่ยรู้ว่าเธอตั้งท้อง คงไม่มีทางปล่อยเด็กในท้องเธอไปในใจขงอฟู่เจิงราวกับถูกคนใช้มีดทิ่มแทงไปทีหนึ่ง เลือดไหลอยู่ตลอดเวลา“อาเหลียง ฉันรับรองกับเธอเลยว่า หลังจากนี้จะไม่มีแบบนี้อีกแล้ว...”“เรื่องหย่า...”“อาเหลียง เห็นแก่ลูกของเรา เธอให้โอกาสฉันอีกครั้งได้ไหม?”“...”เธอรู้อยู่แล้วว่าจะเป็นแบบนี้แต่ว่าฟู่เจิง ตอนนี้เขาแยกได้อย่างชัดเจนหรือเปล่า ว่าความรู้สึกที่มีต่อเธอนั้นเป็นเพราะใส่ใจจริง ๆ หรือเพราะต้องรับผิดชอบ?หรือเป็นความรู้สึกผิดเล็กน้อยที่ไม่มีค่าพอให้พูดถึงของเขากันแ
สามวันผ่านไป เวินเหลียงออกจากโรงพยาบาลฟู่เจิงอุ้มเวินเหลียงเข้าไปในรถ หลังกลับมาถึงคฤหาสน์ก็อุ้มขึ้นไปยังห้องนอนหลักอีกครั้ง ตลอดทางไม่ให้เท้าของเวินเหลียงแตะพื้นเลยผ่านไปสองวัน เวินเหลียงแกะผ้าก๊อซที่อยู่บนหน้าออกบนหน้าหายบวมไปตั้งนานแล้ว เหลือทิ้งไว้เพียงรอยตกสะเก็ดสีแดงจาง ๆ สามรอยหนึ่งรอยในนั้นอยู่ตรงตำแหน่งโหนกแก้ม ขึ้นไปอีกนิด อาจบาดเจ็บไปถึงดวงตาฟู่เจิงลูบศีรษะน้อย ๆ ของเวินเหลียง ปลอบโยนอย่างถึงที่สุด “ไม่เป็นไรนะ มันจะไม่ทิ้งรอยแผลเป็นเอาไว้”เขาจะหายาลบรอยแผลเป็นและเครื่องมือที่ได้ผลที่สุดมาให้เธอสีหน้าของเวินเหลียงกลับราบเรียบ ราวกับไม่ได้สนใจนักจะบอกว่าไม่รักสวยรักงามก็ไม่จริง เพียงแต่เวินเหลียงรู้ว่า ตัวเธอนั้นไม่ใช่คนที่จะเป็นแผลเป็นได้ง่าย หลังจากแผลตกสะเก็ดหลุดไป ผิวที่เกิดขึ้นมาใหม่จะอ่อนนุ่มกว่าผิวโดยรอบอยู่เล็กน้อย และขาวกว่าหน่อย ใช้รองพื้นและคอนซีลเลอร์กลบก็ได้แล้ว“ฉันจะไปหาพ่อ” เวินเหลียงเงยหน้ามองฟู่เจิงแล้วเอ่ย“ได้ เดี๋ยวฉันไปเป็นเพื่อนเธอเอง”ขณะที่ออกจากบ้าน เวินเหลียงสวมหน้ากากอนามัย บดบังส่วนใบหน้าของตัวเองมิดชิดฟู่เจิงอุ้มเวินเหลียงเข้
พอตื่นขึ้นมาก็เหลือเธอคนเดียวแล้วหลังเกิดเรื่อง นักข่าวก็แข่งกันรายงานข่าว ภายใต้การช่วยเหลือของคุณท่านฟู่และคนมีน้ำใจมากมาย ช่วยจัดงานศพและงานไว้อาลัยของพ่อให้ในตอนนั้น เวินเหลียงงงเป็นไก่ตาแตกไปหมด สับสนจนทำอะไรไม่ถูก ราวกับหุ่นไม้ชักใยอย่างนั้นพ่อจากไปอย่างกะทันหันเกินไป เธอไม่รู้จะทำยังไง ถึงขั้นร้องไห้ไม่ออกจนกระทั่งเรื่องนี้ผ่านไปนานแล้ว ทุกเย็นวันศุกร์ เธอเลิกเรียนกลับบ้าน ระหว่างทางผ่านร้านปลาย่างแห่งหนึ่ง มองลอดผ่านกระจก เห็นข้างในร้านมีคนเดินเข้าเดินออกอย่างไม่ขาดสายในวินาทีแสนราบเรียบนั้นเอง ไม่รู้ว่ามันไปแตะเส้นประสาทเส้นไหนของเธอเข้า ในตอนที่เธอได้สติกลับมา น้ำตาก็ไหลอาบเต็มหน้าแล้วในตอนนี้ เธอถึงได้รู้สึกตัวว่า พ่อจากไปแล้วจากเธอไปตลอดกาล!หลังถูกตระกูลฟู่รับเลี้ยง เธอยังกลับไปดูห้องเล็ก ๆ ที่เธอเคยอาศัยอยู่กับพ่อบ่อย ๆ เธอคิดถึงพ่อต่อมาที่นั่นถูกรื้อถอน เธอเก็บของที่เหลือทิ้งไว้ดูต่างหน้าของพ่อกลับมาเล็กน้อยเสื้อผ้าของพ่อเวินเหลียงเผาทิ้งไปหมดแล้ว เอากลับมาแค่ของใช้ประจำวัน หนังสือและสมุดบันทึกบางส่วนเท่านั้นของทุกชิ้น ทำให้เวินเหลียงหวนนึกถึงท่าทา
วันนี้ ฟู่เจิงต้องได้เห็นเวินเหลียงกินข้าวเช้าก่อน ถึงจะไปบริษัทได้ขณะที่ฟู่เจิงไปรับสาย เวินเหลียงกำลังนั่งพิงหัวเตียงอ่านหนังสืออยู่เธอเองก็ซื้อหนังสือเกี่ยวกับการตั้งครรภ์และการเลี้ยงลูกมาให้ตัวเองสองสามเล่มเช่นกันก่อนหน้านี้กลัวว่าจะถูกฟู่เจิงรู้เข้า เธอจึงไม่ได้ไปศึกษาความรู้ในด้านนี้เลย ตอนนี้ในที่สุดก็มีเวลาสักทีมีหมายเลขชุดหนึ่งโชว์ขึ้นบนหน้าจอ โทรศัพท์ใหม่ของเวินเหลียงไม่มีสมุดรายชื่อเดิมที่อยู่ในเครื่องเก่าเธอรับโทรศัพท์ “ฮัลโหล สวัสดีค่ะ?”ปลายสายพลันมีเสียงผู้หญิงแว่วมาเสียงหนึ่ง เอ่ยขึ้นอย่างเย้ยหยันว่า “เวินเหลียง ตอนนี้เธอคงพอใจมากใช่ไหม?! ฟู่เจิงเปิดเผยความสัมพันธ์ของพวกเธอต่อหน้าสื่อแล้ว แถมเธอยังตั้งท้องอีก รู้สึกตัวเองโชคดีมากใช่ไหม?”เป็นอู๋หลิงฟู่เจิงดำเนินคดีกับเธอ และไล่เธอออกจากบริษัทไปแล้วแต่การดำเนินคดีนั้นต้องใช้เวลาพอสมควร ตอนนี้อู๋หลิงยังลอยนวลอยู่ในวันที่เวินเหลียงออกจากโรงพยาบาล อู๋หลิงเองก็อยู่ที่โรงพยาบาลพอดี เธอเห็นฟู่เจิงอุ้มเวินเหลียงขึ้นรถ ด้วยท่าทางระมัดระวังดูแลเป็นอย่างดีมากับตาตัวเอง มันช่างบาดตาบาดใจเธอมากจริง ๆมีสิทธิ์อะไร?
อู๋หลิงเงียบไปสักพัก ก่อนจะด่าอย่างเดือดดาลว่า “นังคนชั้นต่ำ เธอทำปากแข็งไปเถอะ! เรามาคอยดูกัน!”เธอไม่เชื่อ!เวินเหลียงต้องทำเป็นปากแข็งอยู่แน่นอน!ฟู่เจิงจะทิ้งตำแหน่งประธานของฟู่ซื่อเพื่อเธอได้ยังไงกัน?!เขาอายุยังน้อยขนาดนี้ ยืนอยู่ในตำแหน่งด้านบนของพีระมิด และมีอำนาจอยู่ในกำมือแล้ว มีหน้ามีตาระดับไหน เฉิดฉายระดับไหน!เขาจะออกไปอย่างสมัครใจได้ยังไงกัน?!หลังจากวางสายไป เวินเหลียงก็นั่งอยู่บนเตียง หวนนึกถึงคำพูดเหล่านั้นของอู๋หลิงถ้าสิ่งที่เธอพูดเป็นความจริงทั้งหมด ตัวเลือกที่เหมาะสมในสายตาของเหล่าประธานพวกนั้นคือใครกันนะ?ไม่มีทางเป็นคนของผู้จัดการมืออาชีพ พวกเขาไม่มีทางเชื่อใจถ้าอย่างนั้นคนที่ถูกเลือกเหลือแค่ไม่กี่คนอารองเหรอ?ถึงเขาจะเป็นประธานกรรมการของบริษัท แต่ก็สอดมือมายุ่งเรื่องกิจการของบริษัทน้อยมาก เอาแต่ยุ่งอยู่กับบริษัทลูกร้านอาหารของตัวเองอยู่ตลอด หลายวันก่อนตอนที่อาสะใภ้รองมาเยี่ยมเธอ ยังบอกว่าร้านหนึ่งในเมืองบีของอารองเกิดปัญหา อารองก็เลยเดินทางไปทำงานที่นั่นแล้วลูกพี่ลูกน้องฝ่ายพ่อก็คงเป็นไปไม่ได้ก่อนหน้านี้ฟู่เจิงเคยบอกว่าจะยกตำแหน่งให้น้อง แต่น้อง
เมื่อได้ยินดังนั้น ภายในห้องประชุมก็เงียบกริบ บรรยากาศพลันเคร่งเครียดขึ้นมาเหล่าประธานแต่ละคนมองหน้ากันบางคนกระซิบกระซาบ บางคนไม่สนใจ และมีบางคนส่งสายตาให้กันประธานเกามองไปรอบ ๆ แล้วพูดขึ้นอีกว่า “แน่นอนว่า ผมไม่มีทางปฏิเสธคุณงามความดีที่ประธานฟู่เจิงมีต่อบริษัท แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่เขาถูกปลดออกจากตำแหน่ง แม่ทัพคนหนึ่ง ต่อให้ก่อนหน้านี้ชนะมานับครั้งไม่ถ้วน แต่ครั้งนี้ดันพ่ายแพ้ย่อยยับ จนทำให้เกิดการบาดเจ็บล้มตายมากมาย ถึงยังไงก็ต้องรับผิดชอบ นอกจากนี้ปัญหามากมายที่อยู่ในนั้น ล้วนเกิดจากชีวิตส่วนตัวของฟู่เจิงทั้งสิ้น ผมอยากให้ทุกท่านที่นั่งอยู่ ณ ที่นี้เข้าใจ เขาอยู่ในตำแหน่งนี้ ทุกคำพูดทุกการกระทำของเขาแสดงถึงภาพลักษณ์ขององค์กร แต่เขาไม่มีทีท่าที่จะนึกถึงองค์กรเลย เอาพวกเราและผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่ไปไว้ตรงไหน?”เมื่อประธานเกาพูดจบ ก็มีคนพูดต่อทันที ในน้ำเสียงแฝงไปด้วยความลังเล “มาเปลี่ยนประธานในช่วงนี้เวลานี้ กลัวว่าบรรดาผู้ถือหุ้นคงไม่เชื่อถือและศรัทธากันง่าย ๆ แน่”“อย่างน้อยก็แสดงถึงท่าทีของเราต่อบรรดาผู้ถือหุ้น และหาคำอธิบายไปให้พวกเขาได้สักข้อ หรือว่าจะปล่อยให้พวกเขาขายหุ้นออก