เวินเหลียงลืมตาขึ้นมาอย่างสะลึมสะลือ สิ่งที่เข้ามาในตาคือเพดานสีขาวความทรงจำก่อนหมดสติไปไหลเข้ามาในหัว ราวกับฝันไปอย่างนั้น เธอหลับตาลง แล้วค่อย ๆ ยกมือขึ้นมาลูบแก้มของตัวเอง คลำไปเจอแต่ผ้าก๊อซผืนหนึ่ง“อาเหลียง เธอฟื้นแล้วเหรอ!”เมื่อฟู่เจิงได้ยินเสียง ก็รีบสับเท้าเดินไปนั่งลงข้างเตียง “รู้สึกยังไงบ้าง?”หูของเวินเหลียงมีแต่เสียงดังหึ่ง ๆ เห็นเพียงริมฝีปากของเขาขยับ จึงถามขึ้นตามสัญชาตญาณ “คุณว่าอะไรนะ?”เมื่อเอ่ยปาก น้ำเสียงก็แห้งแหบพร่า ลำคอเจ็บไปหมดราวกับถูกมีดกรีดฟู่เจิงรีบยกน้ำมาแก้วหนึ่ง ประคองศีรษะของเธอขึ้นมา ป้อนให้เธอสองสามคำอย่างระมัดระวัง“ฉันถามหน่อยนะ ตอนนี้เธอรู้สึกยังไงบ้าง? ไม่สบายตัวตรงไหนหรือเปล่า?”ฟู่เจิงวางแก้วน้ำไว้บนโต๊ะ แล้วขยับเข้ามาใกล้อีกหน่อย แทบจะเอาหน้าไว้ข้างหูเวินเหลียงเวินเหลียงเบือนหน้ามองเขา ไม่เข้าใจอยู่เล็กน้อย “ก็โอเค ทำไมคุณต้องเอาหน้าเข้ามาใกล้ขนาดนี้ด้วย?”“หมอบอกว่าตอนนี้อาการบาดเจ็บที่หูภายนอกทำให้แก้วหูทะลุ ประสิทธิภาพในการได้ยินของหูทั้งสองข้างลดลง แต่ต่อไปจะค่อย ๆ ฟื้นตัวเอง”“อ้อ เถ้ากระดูกของพ่อฉัน...” เวินเหลียงมองฟู่เจิง
ฟู่เจิงสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เฮือกหนึ่ง ลูกกระเดือกขยับขึ้นลง ในใจนึกเสียใจเป็นอย่างมากในหัวความทรงจำผุดขึ้นมาอย่างชัดเจน ตอนนั้นเขาพูดไปอย่างใจร้อนว่า “ไม่มีคำว่าถ้า ถึงมีฉันก็ไม่มีทางให้เขาคลอดออกมา”ตอนนั้นเธอต้องผิดหวังและอับจนหนทางมากแน่ ๆ...ฉะนั้นเธอจึงปิดบังมาตลอดจนถึงวันนี้เวินเหลียงพูดต่อ “อันที่จริงฉันโชคดีมาก ที่ฉันปิดบังเรื่องที่ตัวเองตั้งท้องมาตลอด ไม่อย่างนั้นพอมาเจอเหตุการณ์เมื่อวาน ต้องรักษาเด็กคนนี้เอาไว้ไม่ได้แน่”เธอปิดบังฟู่เจิง และปิดบังฉู่ซืออี๋กับแม่ของฉู่ซืออี๋ด้วยถ้าเสิ่นฮู่ยรู้ว่าเธอตั้งท้อง คงไม่มีทางปล่อยเด็กในท้องเธอไปในใจขงอฟู่เจิงราวกับถูกคนใช้มีดทิ่มแทงไปทีหนึ่ง เลือดไหลอยู่ตลอดเวลา“อาเหลียง ฉันรับรองกับเธอเลยว่า หลังจากนี้จะไม่มีแบบนี้อีกแล้ว...”“เรื่องหย่า...”“อาเหลียง เห็นแก่ลูกของเรา เธอให้โอกาสฉันอีกครั้งได้ไหม?”“...”เธอรู้อยู่แล้วว่าจะเป็นแบบนี้แต่ว่าฟู่เจิง ตอนนี้เขาแยกได้อย่างชัดเจนหรือเปล่า ว่าความรู้สึกที่มีต่อเธอนั้นเป็นเพราะใส่ใจจริง ๆ หรือเพราะต้องรับผิดชอบ?หรือเป็นความรู้สึกผิดเล็กน้อยที่ไม่มีค่าพอให้พูดถึงของเขากันแ
สามวันผ่านไป เวินเหลียงออกจากโรงพยาบาลฟู่เจิงอุ้มเวินเหลียงเข้าไปในรถ หลังกลับมาถึงคฤหาสน์ก็อุ้มขึ้นไปยังห้องนอนหลักอีกครั้ง ตลอดทางไม่ให้เท้าของเวินเหลียงแตะพื้นเลยผ่านไปสองวัน เวินเหลียงแกะผ้าก๊อซที่อยู่บนหน้าออกบนหน้าหายบวมไปตั้งนานแล้ว เหลือทิ้งไว้เพียงรอยตกสะเก็ดสีแดงจาง ๆ สามรอยหนึ่งรอยในนั้นอยู่ตรงตำแหน่งโหนกแก้ม ขึ้นไปอีกนิด อาจบาดเจ็บไปถึงดวงตาฟู่เจิงลูบศีรษะน้อย ๆ ของเวินเหลียง ปลอบโยนอย่างถึงที่สุด “ไม่เป็นไรนะ มันจะไม่ทิ้งรอยแผลเป็นเอาไว้”เขาจะหายาลบรอยแผลเป็นและเครื่องมือที่ได้ผลที่สุดมาให้เธอสีหน้าของเวินเหลียงกลับราบเรียบ ราวกับไม่ได้สนใจนักจะบอกว่าไม่รักสวยรักงามก็ไม่จริง เพียงแต่เวินเหลียงรู้ว่า ตัวเธอนั้นไม่ใช่คนที่จะเป็นแผลเป็นได้ง่าย หลังจากแผลตกสะเก็ดหลุดไป ผิวที่เกิดขึ้นมาใหม่จะอ่อนนุ่มกว่าผิวโดยรอบอยู่เล็กน้อย และขาวกว่าหน่อย ใช้รองพื้นและคอนซีลเลอร์กลบก็ได้แล้ว“ฉันจะไปหาพ่อ” เวินเหลียงเงยหน้ามองฟู่เจิงแล้วเอ่ย“ได้ เดี๋ยวฉันไปเป็นเพื่อนเธอเอง”ขณะที่ออกจากบ้าน เวินเหลียงสวมหน้ากากอนามัย บดบังส่วนใบหน้าของตัวเองมิดชิดฟู่เจิงอุ้มเวินเหลียงเข้
พอตื่นขึ้นมาก็เหลือเธอคนเดียวแล้วหลังเกิดเรื่อง นักข่าวก็แข่งกันรายงานข่าว ภายใต้การช่วยเหลือของคุณท่านฟู่และคนมีน้ำใจมากมาย ช่วยจัดงานศพและงานไว้อาลัยของพ่อให้ในตอนนั้น เวินเหลียงงงเป็นไก่ตาแตกไปหมด สับสนจนทำอะไรไม่ถูก ราวกับหุ่นไม้ชักใยอย่างนั้นพ่อจากไปอย่างกะทันหันเกินไป เธอไม่รู้จะทำยังไง ถึงขั้นร้องไห้ไม่ออกจนกระทั่งเรื่องนี้ผ่านไปนานแล้ว ทุกเย็นวันศุกร์ เธอเลิกเรียนกลับบ้าน ระหว่างทางผ่านร้านปลาย่างแห่งหนึ่ง มองลอดผ่านกระจก เห็นข้างในร้านมีคนเดินเข้าเดินออกอย่างไม่ขาดสายในวินาทีแสนราบเรียบนั้นเอง ไม่รู้ว่ามันไปแตะเส้นประสาทเส้นไหนของเธอเข้า ในตอนที่เธอได้สติกลับมา น้ำตาก็ไหลอาบเต็มหน้าแล้วในตอนนี้ เธอถึงได้รู้สึกตัวว่า พ่อจากไปแล้วจากเธอไปตลอดกาล!หลังถูกตระกูลฟู่รับเลี้ยง เธอยังกลับไปดูห้องเล็ก ๆ ที่เธอเคยอาศัยอยู่กับพ่อบ่อย ๆ เธอคิดถึงพ่อต่อมาที่นั่นถูกรื้อถอน เธอเก็บของที่เหลือทิ้งไว้ดูต่างหน้าของพ่อกลับมาเล็กน้อยเสื้อผ้าของพ่อเวินเหลียงเผาทิ้งไปหมดแล้ว เอากลับมาแค่ของใช้ประจำวัน หนังสือและสมุดบันทึกบางส่วนเท่านั้นของทุกชิ้น ทำให้เวินเหลียงหวนนึกถึงท่าทา
วันนี้ ฟู่เจิงต้องได้เห็นเวินเหลียงกินข้าวเช้าก่อน ถึงจะไปบริษัทได้ขณะที่ฟู่เจิงไปรับสาย เวินเหลียงกำลังนั่งพิงหัวเตียงอ่านหนังสืออยู่เธอเองก็ซื้อหนังสือเกี่ยวกับการตั้งครรภ์และการเลี้ยงลูกมาให้ตัวเองสองสามเล่มเช่นกันก่อนหน้านี้กลัวว่าจะถูกฟู่เจิงรู้เข้า เธอจึงไม่ได้ไปศึกษาความรู้ในด้านนี้เลย ตอนนี้ในที่สุดก็มีเวลาสักทีมีหมายเลขชุดหนึ่งโชว์ขึ้นบนหน้าจอ โทรศัพท์ใหม่ของเวินเหลียงไม่มีสมุดรายชื่อเดิมที่อยู่ในเครื่องเก่าเธอรับโทรศัพท์ “ฮัลโหล สวัสดีค่ะ?”ปลายสายพลันมีเสียงผู้หญิงแว่วมาเสียงหนึ่ง เอ่ยขึ้นอย่างเย้ยหยันว่า “เวินเหลียง ตอนนี้เธอคงพอใจมากใช่ไหม?! ฟู่เจิงเปิดเผยความสัมพันธ์ของพวกเธอต่อหน้าสื่อแล้ว แถมเธอยังตั้งท้องอีก รู้สึกตัวเองโชคดีมากใช่ไหม?”เป็นอู๋หลิงฟู่เจิงดำเนินคดีกับเธอ และไล่เธอออกจากบริษัทไปแล้วแต่การดำเนินคดีนั้นต้องใช้เวลาพอสมควร ตอนนี้อู๋หลิงยังลอยนวลอยู่ในวันที่เวินเหลียงออกจากโรงพยาบาล อู๋หลิงเองก็อยู่ที่โรงพยาบาลพอดี เธอเห็นฟู่เจิงอุ้มเวินเหลียงขึ้นรถ ด้วยท่าทางระมัดระวังดูแลเป็นอย่างดีมากับตาตัวเอง มันช่างบาดตาบาดใจเธอมากจริง ๆมีสิทธิ์อะไร?
อู๋หลิงเงียบไปสักพัก ก่อนจะด่าอย่างเดือดดาลว่า “นังคนชั้นต่ำ เธอทำปากแข็งไปเถอะ! เรามาคอยดูกัน!”เธอไม่เชื่อ!เวินเหลียงต้องทำเป็นปากแข็งอยู่แน่นอน!ฟู่เจิงจะทิ้งตำแหน่งประธานของฟู่ซื่อเพื่อเธอได้ยังไงกัน?!เขาอายุยังน้อยขนาดนี้ ยืนอยู่ในตำแหน่งด้านบนของพีระมิด และมีอำนาจอยู่ในกำมือแล้ว มีหน้ามีตาระดับไหน เฉิดฉายระดับไหน!เขาจะออกไปอย่างสมัครใจได้ยังไงกัน?!หลังจากวางสายไป เวินเหลียงก็นั่งอยู่บนเตียง หวนนึกถึงคำพูดเหล่านั้นของอู๋หลิงถ้าสิ่งที่เธอพูดเป็นความจริงทั้งหมด ตัวเลือกที่เหมาะสมในสายตาของเหล่าประธานพวกนั้นคือใครกันนะ?ไม่มีทางเป็นคนของผู้จัดการมืออาชีพ พวกเขาไม่มีทางเชื่อใจถ้าอย่างนั้นคนที่ถูกเลือกเหลือแค่ไม่กี่คนอารองเหรอ?ถึงเขาจะเป็นประธานกรรมการของบริษัท แต่ก็สอดมือมายุ่งเรื่องกิจการของบริษัทน้อยมาก เอาแต่ยุ่งอยู่กับบริษัทลูกร้านอาหารของตัวเองอยู่ตลอด หลายวันก่อนตอนที่อาสะใภ้รองมาเยี่ยมเธอ ยังบอกว่าร้านหนึ่งในเมืองบีของอารองเกิดปัญหา อารองก็เลยเดินทางไปทำงานที่นั่นแล้วลูกพี่ลูกน้องฝ่ายพ่อก็คงเป็นไปไม่ได้ก่อนหน้านี้ฟู่เจิงเคยบอกว่าจะยกตำแหน่งให้น้อง แต่น้อง
เมื่อได้ยินดังนั้น ภายในห้องประชุมก็เงียบกริบ บรรยากาศพลันเคร่งเครียดขึ้นมาเหล่าประธานแต่ละคนมองหน้ากันบางคนกระซิบกระซาบ บางคนไม่สนใจ และมีบางคนส่งสายตาให้กันประธานเกามองไปรอบ ๆ แล้วพูดขึ้นอีกว่า “แน่นอนว่า ผมไม่มีทางปฏิเสธคุณงามความดีที่ประธานฟู่เจิงมีต่อบริษัท แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่เขาถูกปลดออกจากตำแหน่ง แม่ทัพคนหนึ่ง ต่อให้ก่อนหน้านี้ชนะมานับครั้งไม่ถ้วน แต่ครั้งนี้ดันพ่ายแพ้ย่อยยับ จนทำให้เกิดการบาดเจ็บล้มตายมากมาย ถึงยังไงก็ต้องรับผิดชอบ นอกจากนี้ปัญหามากมายที่อยู่ในนั้น ล้วนเกิดจากชีวิตส่วนตัวของฟู่เจิงทั้งสิ้น ผมอยากให้ทุกท่านที่นั่งอยู่ ณ ที่นี้เข้าใจ เขาอยู่ในตำแหน่งนี้ ทุกคำพูดทุกการกระทำของเขาแสดงถึงภาพลักษณ์ขององค์กร แต่เขาไม่มีทีท่าที่จะนึกถึงองค์กรเลย เอาพวกเราและผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่ไปไว้ตรงไหน?”เมื่อประธานเกาพูดจบ ก็มีคนพูดต่อทันที ในน้ำเสียงแฝงไปด้วยความลังเล “มาเปลี่ยนประธานในช่วงนี้เวลานี้ กลัวว่าบรรดาผู้ถือหุ้นคงไม่เชื่อถือและศรัทธากันง่าย ๆ แน่”“อย่างน้อยก็แสดงถึงท่าทีของเราต่อบรรดาผู้ถือหุ้น และหาคำอธิบายไปให้พวกเขาได้สักข้อ หรือว่าจะปล่อยให้พวกเขาขายหุ้นออก
“แต่ว่า ทุกท่านมารวมตัวกันอยู่ที่นี่ในวันนี้ คิดว่าคงมีแนวคิดและสไตล์ที่ไม่ตรงกันกับผม ในเมื่อเป็นแบบนี้ ผมเองก็จะไม่บังคับ วิถีทางไม่ตรงกัน อย่ามาร่วมคิดค้นทำอะไรร่วมกัน เป็นศัตรูต่อกัน นับตั้งแต่วันนี้ไปฟู่เจิงขอลาออกจากตำแหน่งประธานและผู้จัดการทั่วไปของฟู่ซื่อ กรุ๊ป!”“แม้ว่าจะเคยประสบพบเจอกับสิ่งที่ทำให้เป็นทุกข์ใจก็ตาม แต่ก็ต้องขอบคุณการสนับสนุนและการไว้วางใจต่อการทำงานของผมหลายปีมานี้ด้วยนะครับ แล้วก็ปีหน้าผมจะอายุสามสิบ และเป็นปีที่ผมจะได้กลายเป็นพ่อคน ภรรยาของผมกำลังตั้งท้อง ผมเองก็อยากมีเวลาและกำลังใจไปอยู่เป็นเพื่อนเธอ”เหล่าประธานสีแต่ละคนสีหน้าต่างกันไปภายในห้องประชุมเงียบไปสองสามนาทีมีประธานคนหนึ่งพูดขึ้นว่า “ตำแหน่งประธานนี้สำหรับฟู่ซื่อ กรุ๊ปแล้วมันหมายความว่าอะไร ผมเชื่อว่าทุกคนต่างรู้ดี ประธานฟู่อย่าใช้อารมณ์ไปเลย ผมว่าเรื่องนี้ ยังไงก็มาโหวตกันดีกว่า”“ไม่จำเป็นครับ” ฟู่เจิงลุกขึ้นมาจากที่นั่ง ล้อเก้าอี้เลื่อนไปข้างหลังอัตโนมัติ “จดหมายลาออกที่เป็นลายลักษณ์อักษรผมส่งไปที่อีเมลของคณะกรรมการบริษัทแล้ว ขอให้ทุกท่านอนุมัติโดยเร็วด้วยนะครับ ตรวจสอบการทำงานเรียบร้อยแ
อิเลียลุกขึ้นพรวด พลางมองเยี่ยนหวยอย่างเหลือเชื่อ“ถ้าเธอยังเห็นฉันเป็นพี่ชายของเธออยู่ ก็เชื่อฟังฉัน แล้วกลับไปเมืองฟิลาเดลเฟียพรุ่งนี้ซะ!” เยี่ยนหวยนั่งตัวตรงพลางเงยหน้ามองเธออยู่บนโซฟา“ฉันไม่กลับ!” อิเลียเดือดดาลจนแค่นเสียงฮึออกมาทีหนึ่ง ก่อนจะกลับไปนั่งตรงมุมโซฟา “อยากกลับพี่ก็กลับไปเองซะเลยสิ!”“ฟู่เจิงไม่ใช่คนดี ต่อให้ระหว่างพวกเธอมีลูกด้วยกัน เขาก็ไม่มีทางคบกับเธอ”ก่อนหน้านี้ฟู่เจิงเคยมีเรื่องอื้อฉาวว่ามีชู้ ตอนนี้ก็มีอดีตภรรยาที่มีความสัมพันธ์คลุมเครือมาอีกคน ขอให้เป็นผู้ใหญ่ที่รักลูกสาว ก็จะไม่มีวันเลือกเขาทั้งนั้น“พี่รู้ได้ยังไงว่าเขาไม่ใช่คนดี? พี่รู้ได้ไงว่าเขาจะไม่คบกับฉัน? วันนี้ตอนเที่ยงเรายังไปกินข้าวด้วยกันอยู่เลย!”เมื่อเห็นอิเลียดื้อดึง ในใจของเยียนหวยก็รู้สึกไม่ได้ดั่งใจ เขาแสยะยิ้มออกมาทีหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยว่า “พวกเธอไม่ได้ไปกินข้าวด้วยกันตามลำพัง แต่ฟู่ซือฝานอยู่ข้าง ๆ ใช่ไหม?”ในช่วงเวลาสำคัญแบบนี้ ฟู่เจิงจะมากินข้าวกับอิเลียตามลำพังได้ยังไง? นอกเสียจากเขาคิดจะเลิกกับเวินเหลียงจริง ๆ“...ใช่ ก็เขาเป็นลูกของพวกเรานี่” เมื่อเห็นว่าถูกเดาทางถูก อิเลียก็พูดอึ
แต่หลังจากเดินตามแผนแล้วถึงได้พบว่า นี่มันไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เลยถ้าพ่อแม่คุณลุงคุณป้ารู้ว่าเธอมีลูกนอกสมรสข้างนอก ต้องเข้ามาแทรก และไม่แน่ว่าจะพาตัวเธอกับลูกกลับไป“อิเลีย ผมเข้าใจนะครับคุณในฐานะแม่แท้ ๆ คุณอยากรีบกระชับความสัมพันธ์กับฝานฝาน แต่ก็อย่าตื่นตระหนกจนทำอะไรไม่ถูก โดยเฉพาะมักจะไปหาฝานฝานที่โรงเรียนอนุบาล แบบนี้จะส่งผลกระทบกับชีวิตของเธอได้นะครับ”“ฉันรู้แล้วค่ะ ต่อไปจะไม่ไปหาเขาที่โรงเรียนอนุบาลอีก ฉันเห็นว่าคุณกินน้อยมาก อาหารที่เหลือไม่ถูกปากหรือเปล่า?”ฟู่เจิง “...ก่อนมาผมกินมาบ้างแล้ว”หลังกินข้าวเที่ยงเสร็จ ฟู่ซือฝานรบเร้าขอกลับกับฟู่เจิงเธอล้วงกลยุทธ์ร้องไห้งอแงชักดิ้นชักงออยู่ที่พื้นของเด็กห้าขวบออกมาอย่างล้ำลึก ไม่มีเหตุผล ทว่าอิเลียฝืนเธอไม่ได้อิเลียทำได้เพียงกลับไปที่บ้านของเซี่ยเจิน“อิเลีย เธอกลับมาแล้วเหรอ?”เมื่อเห็นอลิซนั่งอยู่บนโซฟา อิเลียเดินมานั่งลง “เป็นยังไงบ้าง? ครั้งนี้เธอไปเมืองซีกับซีซาร์ ได้แสร้งทำเป็นเจอโดยบังเอิญ แล้วไปกินข้าวกับเขาอะไรหรือเปล่า?”อลิซเบะปาก “เปล่า”“ทำไมล่ะ? โอกาสดีขนาดนั้นทำไมเธอไม่คว้าเอาไว้?”“เขางานยุ่งมาก ฉันกล
อิเลียจัดผมด้วยท่าทางราวกับไม่มีเจตนาอื่น หน้าตาเผยความตื่นเต้นออกมาดูท่าเธอจะเลือกวิธีถูกจริง ๆในตอนนี้เธอเพิ่งเข้าใกล้ฟู่ซือฝานไม่เท่าไร ท่าทีของฟู่เจิงเขาก็ผ่อนคลายลงเยอะแล้วผ่านไปยี่สิบนาที ฟู่เจิงก็ปรากฏตัวขึ้นในห้องรับรองนี่เป็นการเจอกันครั้งที่สองหลังจากวันนั้นเขานั่งลงข้าง ๆ ฟู่ซือฝาน พลางพยักหน้าให้อิเลียเบา ๆ “รบกวนแล้ว ไม่ถือสาที่ผมมาร่วมโต๊ะด้วยใช่ไหม?”“ไม่ถือสา นั่งเถอะค่ะ”สีหน้าของอิเลียเย็นชา ราวกับยังอยู่ต่อหน้าคุณหญิงและฟู่ชิงเยว่ครั้งก่อน เธอไม่ได้โกรธที่ฟู่เจิงปฏิเสธเธออย่างไร้ความปรานี“งานผมยุ่งมาก ยากที่จะใส่ใจคุณกับฝานฝานได้มากขนาดนั้น”“ฝานฝานเป็นลูกของฉัน นี่เป็นสิ่งที่สมควรอยู่แล้ว ฉันไม่รู้ว่าคุณจะมา ก็เลยสั่งอาหารไปสุ่ม ๆ เดี๋ยวอาหารมาเสิร์ฟคุณก็ดูแล้วกันว่าอยากจะสั่งเพิ่มไหม”“ผมไม่เลือกกิน” ฟู่เจิงตอบจากนั้นพนักงานก็เริ่มมาเสิร์ฟอาหารฟู่เจิงมองเนื้อแพะที่มาเสิร์ฟเต็มโต๊ะ เขาเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก้มหน้าไปมองฟู่ซือฝานฟู่ซือฝานก้มศีรษะน้อย ๆ อย่างกระวนกระวายอิเลียหยิบตะเกียบขึ้นมา “ไม่ต้องเกรงใจ กินเลยค่ะ”ฟู่เจิงลังเลอยู่ครู่หนึ่
เจียงเฉิงเที่ยงวันศุกร์ อิเลียไปรับฟู่ซือฝานออกไปกินข้าวเที่ยงที่คฤหาสน์ย่านซิงเหอวานเธอฉีกยิ้มพลางพูดกับฟู่ซือฝานว่า “เมื่อวานแม่ว่าจะไปรับหนูที่โรงเรียนอนุบาล จู่ ๆ ก็นึกถึงคำพูดของหนูเมื่อครั้งก่อนได้ ก็เลยมาวันนี้ วันนี้ตอนบ่ายแม่จะพาหนูไปเล่นดี ๆ เป็นยังไงจ๊ะ?”ฟู่ซือฝานเอียงคอพลางครุ่นคิด “ตอนบ่ายหนูต้องทำการบ้าน แค่กินข้าวเที่ยงก็พอแล้วค่ะ”“ก็ได้ งั้นหนูคิดไว้หรือเปล่าว่าอยากกินอะไร?”“ไปร้านอาหารที่มีเมนูเนื้อแพะแนะนำแล้วกันค่ะ” ฟู่ซือฝานเอ่ยขึ้นด้วยทีท่าจริงจัง “วันนี้คุณลุงบอกว่าจะไปกินข้าวเที่ยงเป็นเพื่อนหนู ไม่รู้ว่าจะมาไหม”นัยน์ตาอิเลียวาบความปลื้มปีติออกมา “จริงเหรอ?”“เขาเคยบอกไว้แบบนี้ค่ะ คุณน้าคะ ที่คุณน้ารับหนูออกมา ไม่ใช่เป็นเพราะอยากกระชับความสัมพันธ์กับหนูสองต่อสองเหรอคะ? ทำไมถึงหวังให้คุณลุงมาด้วยล่ะคะ?”เจ้าตัวน้อยเอ่ยถามขึ้นด้วยใบหน้าจริงจัง“น้า...น้ามีเรื่องอยากพูดคุยกับพ่อของหนูน่ะ แล้วก็หวังว่าเราจะได้กินข้าวด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตากันทั้งครอบครัว” อิเลียรีบหาข้ออ้างทันทีเจ้าเด็กคนนี้ หูตาเฉียบแหลมจริง ๆ“อ้อ”“น้าจะหาร้านอาหารเนื้อแพะเดี๋ยวน
“เรียกฉันทำไม?” เยี่ยนหวยมองเธอด้วยสีหน้าไร้เดียงสา“ตอนนี้มันฤดูร้อน”ผ่านฤดูใบไม้ผลิมาแล้ว“ฉันแค่นึกถึงวันนั้นที่ไปติวให้เธอแล้วเจอแม่เธอเข้าโดยบังเอิญ เธอคิดไปถึงไหน?” เยี่ยนหวยเลิกคิ้วถังซือซือชะงักไปมีครั้งหนึ่งตอนที่เธอติวอยู่ในบ้าน แล้วบังเอิญเจอแม่ของเธอเข้าจริง ๆ แต่นั่นมันเรื่องตอนเทอมที่สองเยี่ยนหวยต้องจงใจพูดถึงวันนั้นตอนเทอมแรกแน่ ๆ ให้เธอเข้าใจผิดถ้าเธอชี้ไปเลยว่าเยี่ยนหวยจำผิด ก็จะเข้าแผนของเยี่ยนหวย เหมือนว่าเธอยังไม่เคยลืมเรื่องในอดีต คิดถึงเรื่องราวเหล่านั้นของเธอกับเยี่ยนหวยอยู่ตลอด“ตอนนี้ไม่ใช่ฤดูร้อนเหรอ? นายคิดไปถึงไหนอีก?” เธอปัดตกเรื่องนี้ไปอย่างมั่นใจทันทีหลังพูดจบ เธอก็หมุนตัวเดินไปด้านหน้าต่อ “ไม่พูดแล้ว รีบไปร้านถัดไปเถอะ”อยู่ข้างนอกจนถึงสี่ทุ่ม ทั้งสองคนถึงกลับไปยังโรงแรมด้วยกันถังซือซืออยากเรียกรถกลับไปเอง ไม่อยากให้เยี่ยนหวยไปส่งเธอเยี่ยนหวยจึงเอ่ยไปตามตรงว่า “ฉันพักอยู่ที่โรงแรมเดียวกันกับเธอ”ถังซือซือ “...”นี่ไม่ใช่ครั้งแรกแล้วคราวก่อนตอนที่เวินเหลียงถ่ายรูปเยี่ยนหวยรูปแรกที่เมืองฟิลาเดลเฟีย เวินเหลียงก็ถามว่าช่วงนี้เยี่ยนหวย
เมืองซีในฐานะเมืองใหญ่ของเจียงหนาน ประเภทของกินเล่นมีมากมาย ของกินเอกลักษณ์ที่ขึ้นชื่อไปทั่วประเทศอาทิ เต้าหู้เหม็น ไส้กรอกยักษ์ เส้นหมีเฝิ่น กุ้งเผ็ดเป็นต้นถังซือซือเคยมาเมืองซีตอนมาทำงานต่างถิ่นก่อนหน้านี้ เวลาค่อนข้างกระชั้นชิด จึงทำได้เพียงเดินช็อปปิงที่อื่น แต่เพิ่งเคยมาถนนคนเดินที่นี่เป็นครั้งแรกเธอซื้อไส้กรอกยักษ์สองชิ้นก่อน และแบ่งให้เยี่ยนหวยหนึ่งชิ้นกินไปได้เพียงครึ่งเดียว ถังซือซือก็หยุดอยู่ตรงหน้าร้านขายขนมฉือปา เธอกลืนน้ำลายแล้วถามขึ้นว่า “รู้ไหมคะว่าตรงไหนมีถังขยะบ้าง?”“ที่เหลือเธอไม่กินแล้วเหรอ?”“อืม”“ไม่อร่อย?”“ไม่ใช่ อร่อยมาก แต่ว่ายังมีของอร่อยอื่น ๆ อีกเยอะแยะ ฉันอยากเก็บท้องเอาไว้”เยี่ยนหวย “...”“เอามาให้ฉันก็ได้” เยี่ยนหวยรับไส้กรอกครึ่งชิ้นที่เหลืออยู่มาจากในมือของเธอ ก่อนจะเติมเข้าไปในท้องอย่างไม่มีภาระใด ๆถังซือซือซื้อขนมฉือปาแล้วเธอทำตัวอย่างกับโจร แต่ละร้านไม่ยอมปล่อยไปเลย ทว่าก็ชิมเพียงสองสามคำ ทั้งหมดที่เหลือก็โยนให้เยี่ยนหวยอย่างสบายใจเยี่ยนหวยเพลิดเพลินกับพฤติกรรมพรรค์นี้ ในใจเข้าใจได้ในทันที ราวกับกลับไปเมื่อเจ็ดปีก่อนหลังเรียนอย
“มันเรื่องอะไรกันแน่?”ก่อนหน้านี้ที่เยี่ยนหวยอยู่ที่เจียงเฉิง กลับไม่ได้สังเกตเท่าไรว่าอิเลียกำลังทำอะไรอยู่ เธอออกไปข้างนอกทุกวัน เยี่ยนหวยคิดเพียงแค่ว่าเธอกำลังไปเที่ยวเล่นถังซือซือไม่ใช่คนที่จะกุเรื่องมั่วซั่ว เธอพูดแบบนี้ ต้องรู้อะไรบางอย่างแน่ ๆ“พูดไปแล้วก็ยาว ตอนแรกฟู่ชิงเยว่อาของฟู่เจิงรับเลี้ยงเด็กกำพร้าอยู่ที่เมืองนอก ตอนนี้อายุห้าขวบแล้ว ปีที่แล้วอาเหลียงแท้ง แล้วฟู่ชิงเยว่ติดธุระพอดี เลยส่งเด็กคนนั้นกลับประเทศมาให้ฟู่เจิงดูแลช่วงหนึ่ง ฟู่เจิงเลยให้เด็กคนนั้นอยู่ในประเทศไปเลยเพื่อง้ออาเหลียง ปกติจะมาอยู่เป็นเพื่อนอาเหลียง และเด็กคนนั้นเองก็เข้าไปอยู่ในทะเบียนบ้านของฟู่เจิง แต่ว่า...”เยี่ยนหวยเดาเรื่องที่จะเกิดขึ้นต่อไปออกแล้ว จึงรับช่วงเอ่ยขึ้นต่อว่า “แต่ว่าจู่ ๆ ก่อนหน้านี้ก็มีข่าวบอกว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นเป็นลูกของฟู่เจิงกับอิเลีย?”“ใช่ รายละเอียดฉันก็ไม่ค่อยแน่ใจเหมือนกัน เหมือนว่าจะเกี่ยวข้องกับอาของฟู่เจิงนิดหน่อย เธอรู้ตัวตนของเด็กผู้หญิงคนนั้นมาตั้งแต่แรก และไม่ชอบอาเหลียงมาโดยตลอด ยังไงตอนนี้อาเหลียงก็อยู่กับฉัน เขากับฟู่เจิงทะเลาะกันอีกแล้ว”เยี่ยนหวยเอ่ยควา
“เยี่ยนหวย!!”ประตูลิฟต์เปิดออก ทั้งสองคนเข้าไปกันตามลำดับ แล้วลงไปยังลานจอดรถใต้ดินตรงมุมเลี้ยว ในหัวของผู้หญิงสวมหน้ากากอนามัยวาบภาพที่เห็นเมื่อครู่ขึ้นมา หมัดที่ห้อยอยู่กำขึ้นแน่น เธอก้มหน้าทั้งดวงตาที่ประกายความอำมหิตออกมาหากเวินเหลียงอยู่ตรงนี้ คงจะจำได้แน่ ๆ ว่าผู้หญิงที่สวมหน้ากากอนามัยคนนี้ก็คืออลิซที่เธอมาเจียงเฉิง ก็เพราะเยี่ยนหวย เยี่ยนหวยมาเมืองซีเมื่อสองวันก่อน เธอเองก็ตามมาเช่นกันอิเลียถามเลขาของเยี่ยนหวย เมื่อรู้โรงแรมของเขาก็บอกกับอลิซทีแรกอลิซคิดว่าเยี่ยนหวยมาทำธุระที่เมืองซี จากนั้นก็ค่อย ๆ พบว่ามันไม่ชอบมาพากลเยี่ยนหวยไม่ยุ่งเลยสักนิดแถมยังมีเวลาไปสอบถามร้านอาหารท้องถิ่น ถนนคนเดิน จุดชมวิวของเมืองซีเป็นต้น อีกต่างหาก ไม่เหมือนมาทำงานต่างถิ่น แต่เหมือนมาเที่ยวเสียมากกว่าจนกระทั่งวันนี้ เมื่อได้เห็นภาพนั้น อลิซถึงเข้าใจทุกอย่างที่แท้คนที่ซีซาร์ชอบไม่ใช่เฟย์ แต่เป็นถังซือซือเพื่อนของเฟย์!ที่แท้เขาไม่ได้มาทำงานต่างถิ่นที่เมืองซี แต่มาเพื่อตามจีบถังซือซือ!ที่เขาสอบถามร้านอาหารและจุดชมวิวของเมืองซี ก็เพื่อพาถังซือซือไปวันนี้!ในใจอลิซอิจฉาเป็นอย่างม
เมื่อเยี่ยนหวยได้ยินดังนั้น ก็รู้ในทันทีว่าเวินเหลียงไม่ได้รักษาคำมั่นสัญญาแต่เขาก็เตรียมตัวไว้นานแล้ว วันนั้นหลังจากกลับไปก็ให้คนไปตรวจสอบกล้องวงจรปิด แล้วตัดคลิปมาใส่ไว้ในโทรศัพท์เมื่อได้ยินถังซือซือถามขึ้น เขาก็รีบส่งให้เธอทันที “ก็แค่คนที่ไม่สลักสำคัญอะไรคนหนึ่ง ฉันปฏิเสธเขาไปแล้ว”ถังซือซือดูคลิปรอบหนึ่ง ก่อนจะเบะปาก “อยู่ต่างประเทศคุณเยี่ยนมีสาวมาชอบเพียบเลยนะคะ”“แต่ฉันสนใจอยากจะครอบครองแค่เธอ”“จะยอมให้ฉันครอบครองไหม คุณถัง?”เยี่ยนหวยนั่งเอี้ยวตัว แขนข้างหนึ่งพาดอยู่บนพนักพิงเก้าอี้ เขาโน้มตัวเข้ามา ตัวท่อนบนใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ กลิ่นหอมฉุยจาง ๆ และกลิ่นอายของชายหนุ่มที่มาพร้อมกับการบุกรุกโอบล้อมเธอเอาไว้เขาดันแว่นตากรอบทอง สีหน้าอบอุ่น ฉีกยิ้มทว่าก็ราวกับไม่ยิ้ม มุมปากกระตุกรอยยิ้มเล็กน้อย ค่อนข้างมีความรู้สึกประเภทหน้าเนื้อใจเสือถังซือซือเหม่อไปครู่หนึ่ง“คุณถัง?”ใบหน้าหล่อเหลาตรงหน้าขยายใหญ่ขึ้นอีกครั้ง ไออุ่นร้อนปะทะเข้ามาที่หน้า ในที่สุดถังซือซือก็ได้สติกลับมา เธอเอนหลังพลางตบหน้าอก “นายทำฉันตกใจหมด...ไป ไปเดินหาของกินเล่นกันเถอะ”เธอลุกขึ้นและเดินออกไปอย่าง