ต่อให้ฟู่เจิงไม่ได้นอกใจจริง ๆ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขากับฉู่ซืออี๋เคยมีความสัมพันธ์คลุมเครือกันอยู่ช่วงหนึ่ง ในสายตาของถังซือซือมันก็คือการนอกใจเวินเหลียงไม่ได้แก้ต่างให้ฟู่เจิง เธอตอบกลับไปว่า “ตอนนี้สุขภาพของคุณปู่ฟู่ไม่ค่อยดีนัก เขาไม่อยากให้พวกเราหย่ากัน”เธอเป็นเด็กที่โตมาในครอบครัวพ่อแม่เลี้ยงเดี่ยว เธอจึงไม่อยากให้ลูกของตัวเองเป็นเหมือนกับตัวเองแต่ลองถามใจตัวเองอีกที ด้วยความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับฟู่เจิงในตอนนี้ จะสร้างสภาพแวดล้อมครอบครัวที่อบอุ่นให้ลูกได้จริงเหรอ?ถัง “ดั่งคนดื่มน้ำ เย็นร้อนรู้เอง นี่ เรื่องของเธอ ฉันเองก็ไม่ดีที่จะพูดเยอะ ในใจเธอรู้ดีก็พอแล้ว”ถัง “แล้วตอนนี้เธอคิดจะจัดการยังไง? ฉันเห็นคอมเมนต์ด้านล่างของเฟซบุ๊กนั่นมีแต่คนด่าเธอ ฉันว่านะ ถึงยังไงเธอกับประธานฟู่ก็แต่งงานกันถูกต้องตามกฎหมายแล้ว เปิดตัวไปเลย ตบหน้าฉู่ซืออี๋ให้ดังเพียะ ๆ ซะ!”ฮอตแอนด์คูล “ตอนนี้พวกเรายังไม่มีแผนจะเปิดตัว คนในเน็ตพวกนั้น พวกเขาอยากด่าก็ปล่อยให้พวกเขาด่าไปเถอะ”ถัง “หึ ๆ”ถัง “คิดว่าฉันไม่รู้แผนของฟู่เจิงเหรอ?”ฮอตแอนด์คูล “...”ถัง “ถ้าพวกเธอเปิดตัว นี่ก็เท่ากับบอกว่าฟู่
เมื่อได้ยินฟู่เจิงพูดแบบนี้ เหล่าจางก็อึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบรับ “ครับ”ฟู่เจิงหยิบเอกสารที่อยู่ข้างมือขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะ นิ้วเรียวยาวดันไปข้างหน้า “ผมให้ฝ่ายเลขากับฝ่ายกฎหมายร่างจดหมายเตือนขึ้นมาฉบับหนึ่ง เดี๋ยวก็คงโพสต์ในแอ็กเคานต์ทางการ ตอนโพสต์ คุณคอยสังเกตการเคลื่อนไหวในโซเชียลอยู่ตลอดเวลาด้วยนะครับ”“ครับ ผมเข้าใจแล้ว” เหล่าจางหยิบเอกสารที่อยู่บนโต๊ะขึ้นมา แล้วเปิดแฟ้มเอกสารเป็นไปตามคาด นี่เป็นจดหมายเตือนที่มักใช้กันบ่อย ๆ ในวงการบันเทิง ทว่าไม่ได้มีนัยสำคัญทางกฎหมาย เป็นเพียงแค่การตักเตือนการกระทำเท่านั้นในจดหมายเตือนระบุเอาไว้อย่างชัดเจนว่า ซุบซิบเรื่องรักละเมิดสิทธิด้านชื่อเสียงของคุณฟู่เจิง ขอให้ซุบซิบเรื่องรักรีบลบโพสต์ในเฟซบุ๊ก เพื่อเป็นการขอโทษ และให้หยุดใส่ร้ายและโจมตีคุณฟู่เจิงโพสต์นี้ติดคำค้นหาร้อนแรงภายในไม่กี่นาทีด้านล่างมีคอมเมนต์เยาะเย้ยส่วนหนึ่ง“จดหมายเตือน? ข้อเสนอของฉันคือฟ้องไปเลย”“สิทธิด้านชื่อเสียง? งั้นมันก็เป็นเรื่องจริง?”“ฟู่เจิง เขาละเมิดสิทธิด้านชื่อเสียงของผมครับ”ผู้พิพากษา คุณทำอะไร?ฉัน พูดเรื่องที่เขาเคยทำอีกครั้ง“ความรู้เจ๋ง ๆ
เรื่องราวมาถึงจุดนี้แล้ว เวินเหลียงพยายามหลีกเลี่ยงข้อครหากับฟู่เจิงในบริษัท แต่ฟู่เจิงกลับทำราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ยังคงให้เวินเหลียงไปกินข้าวที่ห้องทำงานของเขาอย่างเดิมเวินเหลียงนั่งลงบนโซฟา ตรงหน้ามีอาหารที่ตัวเธอชอบกินอยู่เต็มโต๊ะ มองฟู่เจิงที่อยู่ตรงหน้าเตรียมตะเกียบและอุปกรณ์กินข้าวให้เธออย่างใส่ใจ จู่ ๆ ในใจของเวินเหลียงก็เกิดแรงกระตุ้นขึ้นมาอย่างหนึ่ง เธออยากถามออกไปมากจริง ๆ พวกเขายังมีความเป็นไปได้ที่จะเปิดตัวไหม?เพียงแต่ยังไม่ทันได้พูดออกมา ฟู่เจิงก็เป็นฝ่ายพูดก่อนว่า “อาเหลียง เรื่องในโซเชียลฉันพิจารณาดูแล้ว อันที่จริงฉันเคยคิดอยากจะเปิดเผยความสัมพันธ์ของพวกเรา แต่หลังจากเปิดตัว หัวหอกก็จะหันไปหาซืออี๋ แบบนี้จะทำให้เธอไม่มีที่ยืนในสังคม ถึงขั้นชื่อเสียงฉาวโฉ่ และกระแสวิจารณ์คงไม่หยุดแค่นี้แน่ มีแต่จะยิ่งเลวร้ายลง ถึงเวลานั้นก็จะสูญเสียการควบคุม...”“คุณไม่ต้องพูดแล้ว ฉันเข้าใจทุกอย่าง”จู่ ๆ อาหารที่อยู่ในปากก็จืดชืด อย่างกับไม่มีรสชาติ ยากจะกลืนลงไปในจังหวะนั้น เวินเหลียงก็ผุดความคิดหนึ่งขึ้นในใจ เธอชอบอะไรในตัวเขากัน?ชอบการหยามหน้าและการหลอกลวงที่เขาทำมาตลอด
“หรือว่าเธออยากให้ฉันไป?”เวินเหลียงคิดว่านี่ไม่ใช่ปัญหาว่าเธออยากให้ไปหรือไม่อยากให้ไป แต่เป็นปัญหาที่ว่าฉู่ซืออี๋จะยอมหรือไม่ยอมต่างหากเป็นไปตามคาด ขณะที่ทั้งสองคนพักกลางวันอยู่ในห้องพัก สายของหวังเหยียนก็โทรเข้ามาอีกครั้งฟู่เจิงรับสายในห้องพักเลยเธอได้ยินฟู่เจิงถามขึ้นว่า “ใช้ยาระงับประสาทหรือยัง?”“ใช้แล้วค่ะ แต่ช่วงนี้ใช้บ่อยเกินไป ร่างกายของซืออี๋เกิดการต่อต้านแล้ว ไม่ค่อยได้ผลเท่าไร”“ทำไมไม่หาคนมาควบคุมเธอเพิ่มอีกสักสองสามคนล่ะ?”“ซืออี๋ข่วนหมอบาดเจ็บไปสองคนแล้ว...”“...”ผ่านไปครู่หนึ่งฟู่เจิงก็วางสายแล้วหันหน้ามองไปที่เวินเหลียงเวินเหลียงประคองตัวลุกขึ้นนั่ง ดวงตาใสเป็นประกาย เธอยักไหล่แสดงทีท่าว่าทำอะไรไม่ได้ “ไปโรงพยาบาล?”เห็นสายตาของเวินเหลียง ลมหายใจของฟู่เจิงก็ติดขัด เขาอธิบายว่า “ซืออี๋กรีดข้อมือพยายามฆ่าตัวตาย...”น้ำเสียงของเขาแผ่วเบาลงเรื่อย ๆ เข้าใจดีว่าในช่วงเวลานี้อธิบายอีกมากมายแค่ไหนก็ช่วยอะไรไม่ได้อยู่ดีเพียงแต่เขาจะทนดูซืออี๋เป็นอะไรไปต่อหน้าต่อตาไม่ได้ ในตอนที่อาการกำเริบเธอทำได้หมดทุกอย่าง“อืม ฉันรู้คะ” เวินเหลียงพยักหน้าเบา ๆ “คุณไปเถอะ
ฉู่ซืออี๋โผเข้าไปในอ้อมอกของฟู่เจิงด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ พลางคว้าปกเสื้อของฟู่เจิงเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย ปากก็สะอึกสะอื้นไปด้วย “อาเจิง ฉันคิดว่าคุณจะไม่ต้องการฉันแล้วซะอีก! ทำไมคุณถึงเพิ่งมาล่ะ...”ฟู่เจิงชะงักไปครู่หนึ่ง ในตอนนี้ถึงได้ค่อย ๆ ยื่นมือออกไปวางบนหลังของฉู่ซืออี๋ แล้วปลอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “ไม่ต้องกลัวนะ ไม่เป็นไรแล้ว...”ฉู่ซืออี๋นอนอิงร้องไห้จนควบคุมตัวเองไม่ได้อยู่ในอ้อมอกของฟู่เจิงชายมากความสามารถกับสาวงาม กอดกันร้องไห้ ช่างเป็นฉากของคู่สามีภรรยาจริง ๆ...เวินเหลียงยืนห่างออกไปไม่ไกล มองพวกเขาทั้งสองคนด้วยใบหน้าไร้อารมณ์เสียใจเหรอ? เหมือนจะไม่ได้เสียใจขนาดนั้นก่อนหน้าที่เธอจะมาโรงพยาบาล ก็จินตนาการถึงภาพนี้เอาไว้แล้วเธอคิดว่าตัวเองจะเจ็บปวดใจและเดือดดาลแต่ตอนนี้พอได้มาเห็นเข้าจริง ๆ แล้ว ในใจกลับสงบอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน“แผลของคุณยังมีเลือดไหลอยู่ ให้หมอทำแผลก่อนนะ”ฟู่เจิงกุมข้อมือที่ได้รับบาดเจ็บของฉู่ซืออี๋เอาไว้ ก่อนจะเงยหน้าส่งสัญญาณให้หมอเข้ามาใครจะรู้ได้ว่าหมอเพิ่งก้าวเข้ามาเพียงก้าวเดียว ฉู่ซืออี๋ก็หลบไปขดตัวอยู่หลังฟ
“ฉันคิดว่าประโยคนี้ คุณควรเก็บไว้พูดกับคุณฉู่ถึงจะถูก ต่อให้รักลึกซึ้งแค่ไหน ก็จะเอามาเป็นเหตุผลในการเข้าไปแทรกชีวิตคู่ของคนอื่นไม่ได้ เช้าวันนี้ซือซือคิดว่าในข่าวเป็นเรื่องจริง เธอพูดกับฉันว่า ‘ฉันไม่เป็นเพื่อนกับชู้’ ดูท่าแล้วที่โบราณว่าไว้คงจะจริง คนเลวก็คบกับคนเลว คนดีก็คบกับคนดี!”สีหน้าของหวังเหยียนแข็งทื่อ กำลังจะพูดอะไรบางอย่าง ทว่าเบื้องหลังมีเสียงฝีเท้าแว่วดังขึ้นมาฟู่เจิงออกมาจากห้องพักผู้ป่วย เขามาหยุดเบื้องหลังเวินเหลียง “ไปกันเถอะ”“พันแผลเสร็จแล้วเหรอ?” เวินเหลียงหมุนตัวกลับไป“อืม”จากนั้นก็มีเสียงกรีดร้องเสียงแหลมของฉู่ซืออี๋แว่วดังมาจากในห้องพักผู้ป่วยอีกครั้ง ราวกับตื่นตระหนกตกใจ“ประธานฟู่ คุณไม่อยู่เป็นเพื่อนซืออี๋อีกหน่อยเหรอคะ? เธอ...” หวังเหยียนยังอยากพูดอะไรต่ออีกหน่อย ทว่าสัมผัสได้ถึงสายตาอันเย็นชาของฟู่เจิง เธอจึงรีบเงียบไปเวินเหลียงมองฟู่เจิงทีหนึ่งฟู่เจิงกุมมือน้อย ๆ ของเธอเอาไว้ แล้วลงไปชั้นล่างพร้อมกับเธอเมื่อเห็นพวกเขา คนขับรถก็รีบบี้ก้นบุหรี่ แล้วเปิดประตูรถ “คุณผู้ชาย กลับบริษัทเหรอครับ?”“อืม”รถยนต์แล่นออกไปจากประตูใหญ่ของโรงพยาบาล วิ่
เป็นไปตามคาด ไม่นานภาพที่เวินเหลียงและฟู่เจิงถูกนักข่าวดักรอ แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่โผล่หน้าออกมาก็ถูกอัพลงโซเชียลแต่ในสายตาของเหล่าเพื่อนชาวเน็ต การโต้กลับคือการแถ การหลีกเลี่ยงคือรู้สึกผิดคอมเมนต์ในเชิงลบเริ่มมากขึ้นเรื่อย ๆถังซือซืออดไม่ได้ที่จะโพสต์วิดีโอนี้ลงไป พร้อมกับเขียนแคปชันว่า รู้อยู่แก่ใจว่าไม่ได้ทำผิด ภูตผีปีศาจอะไรก็ไม่กล้าเข้ามาใกล้ตั้งแต่เกิดเรื่องแต่งหน้านั่นขึ้น เธอก็พูดแทนเวินเหลียงมาตลอด เหล่าเพื่อนในเน็ตรู้ว่าเธอคือเพื่อนของเวินเหลียง ตามมาหาในเฟซบุ๊ก แล้วพาลด่าถังซือซือไปด้วยถังซือซือเองก็ไม่กลัว ทะเลาะกับเพื่อนชาวเน็ตใต้คอมเมนต์เฟซบุ๊กของตัวเอง…ตอนบ่ายมีประชุมด่วน เวินเหลียงออกมาจากห้องประชุม แล้วเดินถือเอกสารเข้าไปยังห้องทำงานประธานกรรมการ“ผู้อำนวยการเวิน” เลขาหยางที่อยู่ตรงพื้นที่สำนักงานเข้ามารับหน้า “คุณมาหาประธานฟู่เหรอคะ?”“มีเอกสารต้องให้เขาเซ็นน่ะ”“ตอนนี้ประธานฟู่ไม่ได้อยู่ที่บริษัท ถ้าไม่รีบละก็ คุณเอาเอกสารมาให้ฉันก่อนก็ได้นะคะ รอเขากลับมาแล้วฉันค่อยส่งต่อให้เขาเอง”เวินเหลียงมองนาฬิกาข้อมือ เป็นเวลาสี่โมงเย็นแล้ว“ได้ค่ะ” เวินเหลียงส่
บางครั้งโลกของคนรวยก็ใช่ว่ากฎหมายจะควบคุมได้ เส้นสายอยู่ตรงนั้น ขอแค่ฟู่เจิงส่งสัญญาณเงียบ ๆ ก็มีคนมาช่วยเขาออกหน้าแล้ว เหตุผลที่ถูกสั่งพักงานก็สมเหตุสมควรเป็นอย่างยิ่ง ไม่มีทางสาวมาถึงตัวฟู่เจิงพนักงานสองสามคนที่อยู่รอบ ๆ มองหน้ากันทีหนึ่งคนตัวสูงยิ้มพลางไกล่เกลี่ย “เหล่าหลิวนายเลิกคิดมากได้แล้ว มันเกี่ยวอะไรกับเราล่ะ? เราหาเงินได้ก็พอแล้ว!”ในจังหวะนี้เอง เสียงออดประตูด้านนอกก็ดังขึ้น“ฉันไปเปิดเอง”เหล่าหลิววางตะเกียบแล้วลุกขึ้น เมื่อเปิดประตูออกไป ยังไม่ทันมองให้ชัดว่าชายหนุ่มตรงหน้าเป็นใคร ก็ถูกถีบเข้าที่ท้องอย่างแรงทีหนึ่งแล้วเขาไม่ทันได้ระวังตัว จึงถูกถีบจนหงายเงิบ พลางเอามือปิดท้องพร้อมทั้งหายใจหอบเหนื่อยมีชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามาจากด้านนอก ตัดผมทรงผมสกินเฮด มองแค่ปราดเดียวก็รู้แล้วว่าเป็นพวกนักเลงเขาเดินขึ้นหน้ามาสองสามก้าว ชำเลืองมองปกเสื้อของเหล่าหลิว จากนั้นก็หิ้วตัวเขาขึ้นมา “ลุกขึ้นมา!”เหล่าหลิวทั้งตกใจทั้งกลัวและทั้งเจ็บ “แกจะทำอะไร...พวกแกทำแบบนี้มันผิดกฎหมายนะ!”ชายหนุ่มฟังแต่เหมือนไม่ได้ฟัง หิ้วคอเสื้อของเหล่าหลิวขึ้นมา พลางบีบคอเขา แล้วเหวี่ยงไปกระแท
อิเลียลุกขึ้นพรวด พลางมองเยี่ยนหวยอย่างเหลือเชื่อ“ถ้าเธอยังเห็นฉันเป็นพี่ชายของเธออยู่ ก็เชื่อฟังฉัน แล้วกลับไปเมืองฟิลาเดลเฟียพรุ่งนี้ซะ!” เยี่ยนหวยนั่งตัวตรงพลางเงยหน้ามองเธออยู่บนโซฟา“ฉันไม่กลับ!” อิเลียเดือดดาลจนแค่นเสียงฮึออกมาทีหนึ่ง ก่อนจะกลับไปนั่งตรงมุมโซฟา “อยากกลับพี่ก็กลับไปเองซะเลยสิ!”“ฟู่เจิงไม่ใช่คนดี ต่อให้ระหว่างพวกเธอมีลูกด้วยกัน เขาก็ไม่มีทางคบกับเธอ”ก่อนหน้านี้ฟู่เจิงเคยมีเรื่องอื้อฉาวว่ามีชู้ ตอนนี้ก็มีอดีตภรรยาที่มีความสัมพันธ์คลุมเครือมาอีกคน ขอให้เป็นผู้ใหญ่ที่รักลูกสาว ก็จะไม่มีวันเลือกเขาทั้งนั้น“พี่รู้ได้ยังไงว่าเขาไม่ใช่คนดี? พี่รู้ได้ไงว่าเขาจะไม่คบกับฉัน? วันนี้ตอนเที่ยงเรายังไปกินข้าวด้วยกันอยู่เลย!”เมื่อเห็นอิเลียดื้อดึง ในใจของเยียนหวยก็รู้สึกไม่ได้ดั่งใจ เขาแสยะยิ้มออกมาทีหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยว่า “พวกเธอไม่ได้ไปกินข้าวด้วยกันตามลำพัง แต่ฟู่ซือฝานอยู่ข้าง ๆ ใช่ไหม?”ในช่วงเวลาสำคัญแบบนี้ ฟู่เจิงจะมากินข้าวกับอิเลียตามลำพังได้ยังไง? นอกเสียจากเขาคิดจะเลิกกับเวินเหลียงจริง ๆ“...ใช่ ก็เขาเป็นลูกของพวกเรานี่” เมื่อเห็นว่าถูกเดาทางถูก อิเลียก็พูดอึ
แต่หลังจากเดินตามแผนแล้วถึงได้พบว่า นี่มันไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เลยถ้าพ่อแม่คุณลุงคุณป้ารู้ว่าเธอมีลูกนอกสมรสข้างนอก ต้องเข้ามาแทรก และไม่แน่ว่าจะพาตัวเธอกับลูกกลับไป“อิเลีย ผมเข้าใจนะครับคุณในฐานะแม่แท้ ๆ คุณอยากรีบกระชับความสัมพันธ์กับฝานฝาน แต่ก็อย่าตื่นตระหนกจนทำอะไรไม่ถูก โดยเฉพาะมักจะไปหาฝานฝานที่โรงเรียนอนุบาล แบบนี้จะส่งผลกระทบกับชีวิตของเธอได้นะครับ”“ฉันรู้แล้วค่ะ ต่อไปจะไม่ไปหาเขาที่โรงเรียนอนุบาลอีก ฉันเห็นว่าคุณกินน้อยมาก อาหารที่เหลือไม่ถูกปากหรือเปล่า?”ฟู่เจิง “...ก่อนมาผมกินมาบ้างแล้ว”หลังกินข้าวเที่ยงเสร็จ ฟู่ซือฝานรบเร้าขอกลับกับฟู่เจิงเธอล้วงกลยุทธ์ร้องไห้งอแงชักดิ้นชักงออยู่ที่พื้นของเด็กห้าขวบออกมาอย่างล้ำลึก ไม่มีเหตุผล ทว่าอิเลียฝืนเธอไม่ได้อิเลียทำได้เพียงกลับไปที่บ้านของเซี่ยเจิน“อิเลีย เธอกลับมาแล้วเหรอ?”เมื่อเห็นอลิซนั่งอยู่บนโซฟา อิเลียเดินมานั่งลง “เป็นยังไงบ้าง? ครั้งนี้เธอไปเมืองซีกับซีซาร์ ได้แสร้งทำเป็นเจอโดยบังเอิญ แล้วไปกินข้าวกับเขาอะไรหรือเปล่า?”อลิซเบะปาก “เปล่า”“ทำไมล่ะ? โอกาสดีขนาดนั้นทำไมเธอไม่คว้าเอาไว้?”“เขางานยุ่งมาก ฉันกล
อิเลียจัดผมด้วยท่าทางราวกับไม่มีเจตนาอื่น หน้าตาเผยความตื่นเต้นออกมาดูท่าเธอจะเลือกวิธีถูกจริง ๆในตอนนี้เธอเพิ่งเข้าใกล้ฟู่ซือฝานไม่เท่าไร ท่าทีของฟู่เจิงเขาก็ผ่อนคลายลงเยอะแล้วผ่านไปยี่สิบนาที ฟู่เจิงก็ปรากฏตัวขึ้นในห้องรับรองนี่เป็นการเจอกันครั้งที่สองหลังจากวันนั้นเขานั่งลงข้าง ๆ ฟู่ซือฝาน พลางพยักหน้าให้อิเลียเบา ๆ “รบกวนแล้ว ไม่ถือสาที่ผมมาร่วมโต๊ะด้วยใช่ไหม?”“ไม่ถือสา นั่งเถอะค่ะ”สีหน้าของอิเลียเย็นชา ราวกับยังอยู่ต่อหน้าคุณหญิงและฟู่ชิงเยว่ครั้งก่อน เธอไม่ได้โกรธที่ฟู่เจิงปฏิเสธเธออย่างไร้ความปรานี“งานผมยุ่งมาก ยากที่จะใส่ใจคุณกับฝานฝานได้มากขนาดนั้น”“ฝานฝานเป็นลูกของฉัน นี่เป็นสิ่งที่สมควรอยู่แล้ว ฉันไม่รู้ว่าคุณจะมา ก็เลยสั่งอาหารไปสุ่ม ๆ เดี๋ยวอาหารมาเสิร์ฟคุณก็ดูแล้วกันว่าอยากจะสั่งเพิ่มไหม”“ผมไม่เลือกกิน” ฟู่เจิงตอบจากนั้นพนักงานก็เริ่มมาเสิร์ฟอาหารฟู่เจิงมองเนื้อแพะที่มาเสิร์ฟเต็มโต๊ะ เขาเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก้มหน้าไปมองฟู่ซือฝานฟู่ซือฝานก้มศีรษะน้อย ๆ อย่างกระวนกระวายอิเลียหยิบตะเกียบขึ้นมา “ไม่ต้องเกรงใจ กินเลยค่ะ”ฟู่เจิงลังเลอยู่ครู่หนึ่
เจียงเฉิงเที่ยงวันศุกร์ อิเลียไปรับฟู่ซือฝานออกไปกินข้าวเที่ยงที่คฤหาสน์ย่านซิงเหอวานเธอฉีกยิ้มพลางพูดกับฟู่ซือฝานว่า “เมื่อวานแม่ว่าจะไปรับหนูที่โรงเรียนอนุบาล จู่ ๆ ก็นึกถึงคำพูดของหนูเมื่อครั้งก่อนได้ ก็เลยมาวันนี้ วันนี้ตอนบ่ายแม่จะพาหนูไปเล่นดี ๆ เป็นยังไงจ๊ะ?”ฟู่ซือฝานเอียงคอพลางครุ่นคิด “ตอนบ่ายหนูต้องทำการบ้าน แค่กินข้าวเที่ยงก็พอแล้วค่ะ”“ก็ได้ งั้นหนูคิดไว้หรือเปล่าว่าอยากกินอะไร?”“ไปร้านอาหารที่มีเมนูเนื้อแพะแนะนำแล้วกันค่ะ” ฟู่ซือฝานเอ่ยขึ้นด้วยทีท่าจริงจัง “วันนี้คุณลุงบอกว่าจะไปกินข้าวเที่ยงเป็นเพื่อนหนู ไม่รู้ว่าจะมาไหม”นัยน์ตาอิเลียวาบความปลื้มปีติออกมา “จริงเหรอ?”“เขาเคยบอกไว้แบบนี้ค่ะ คุณน้าคะ ที่คุณน้ารับหนูออกมา ไม่ใช่เป็นเพราะอยากกระชับความสัมพันธ์กับหนูสองต่อสองเหรอคะ? ทำไมถึงหวังให้คุณลุงมาด้วยล่ะคะ?”เจ้าตัวน้อยเอ่ยถามขึ้นด้วยใบหน้าจริงจัง“น้า...น้ามีเรื่องอยากพูดคุยกับพ่อของหนูน่ะ แล้วก็หวังว่าเราจะได้กินข้าวด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตากันทั้งครอบครัว” อิเลียรีบหาข้ออ้างทันทีเจ้าเด็กคนนี้ หูตาเฉียบแหลมจริง ๆ“อ้อ”“น้าจะหาร้านอาหารเนื้อแพะเดี๋ยวน
“เรียกฉันทำไม?” เยี่ยนหวยมองเธอด้วยสีหน้าไร้เดียงสา“ตอนนี้มันฤดูร้อน”ผ่านฤดูใบไม้ผลิมาแล้ว“ฉันแค่นึกถึงวันนั้นที่ไปติวให้เธอแล้วเจอแม่เธอเข้าโดยบังเอิญ เธอคิดไปถึงไหน?” เยี่ยนหวยเลิกคิ้วถังซือซือชะงักไปมีครั้งหนึ่งตอนที่เธอติวอยู่ในบ้าน แล้วบังเอิญเจอแม่ของเธอเข้าจริง ๆ แต่นั่นมันเรื่องตอนเทอมที่สองเยี่ยนหวยต้องจงใจพูดถึงวันนั้นตอนเทอมแรกแน่ ๆ ให้เธอเข้าใจผิดถ้าเธอชี้ไปเลยว่าเยี่ยนหวยจำผิด ก็จะเข้าแผนของเยี่ยนหวย เหมือนว่าเธอยังไม่เคยลืมเรื่องในอดีต คิดถึงเรื่องราวเหล่านั้นของเธอกับเยี่ยนหวยอยู่ตลอด“ตอนนี้ไม่ใช่ฤดูร้อนเหรอ? นายคิดไปถึงไหนอีก?” เธอปัดตกเรื่องนี้ไปอย่างมั่นใจทันทีหลังพูดจบ เธอก็หมุนตัวเดินไปด้านหน้าต่อ “ไม่พูดแล้ว รีบไปร้านถัดไปเถอะ”อยู่ข้างนอกจนถึงสี่ทุ่ม ทั้งสองคนถึงกลับไปยังโรงแรมด้วยกันถังซือซืออยากเรียกรถกลับไปเอง ไม่อยากให้เยี่ยนหวยไปส่งเธอเยี่ยนหวยจึงเอ่ยไปตามตรงว่า “ฉันพักอยู่ที่โรงแรมเดียวกันกับเธอ”ถังซือซือ “...”นี่ไม่ใช่ครั้งแรกแล้วคราวก่อนตอนที่เวินเหลียงถ่ายรูปเยี่ยนหวยรูปแรกที่เมืองฟิลาเดลเฟีย เวินเหลียงก็ถามว่าช่วงนี้เยี่ยนหวย
เมืองซีในฐานะเมืองใหญ่ของเจียงหนาน ประเภทของกินเล่นมีมากมาย ของกินเอกลักษณ์ที่ขึ้นชื่อไปทั่วประเทศอาทิ เต้าหู้เหม็น ไส้กรอกยักษ์ เส้นหมีเฝิ่น กุ้งเผ็ดเป็นต้นถังซือซือเคยมาเมืองซีตอนมาทำงานต่างถิ่นก่อนหน้านี้ เวลาค่อนข้างกระชั้นชิด จึงทำได้เพียงเดินช็อปปิงที่อื่น แต่เพิ่งเคยมาถนนคนเดินที่นี่เป็นครั้งแรกเธอซื้อไส้กรอกยักษ์สองชิ้นก่อน และแบ่งให้เยี่ยนหวยหนึ่งชิ้นกินไปได้เพียงครึ่งเดียว ถังซือซือก็หยุดอยู่ตรงหน้าร้านขายขนมฉือปา เธอกลืนน้ำลายแล้วถามขึ้นว่า “รู้ไหมคะว่าตรงไหนมีถังขยะบ้าง?”“ที่เหลือเธอไม่กินแล้วเหรอ?”“อืม”“ไม่อร่อย?”“ไม่ใช่ อร่อยมาก แต่ว่ายังมีของอร่อยอื่น ๆ อีกเยอะแยะ ฉันอยากเก็บท้องเอาไว้”เยี่ยนหวย “...”“เอามาให้ฉันก็ได้” เยี่ยนหวยรับไส้กรอกครึ่งชิ้นที่เหลืออยู่มาจากในมือของเธอ ก่อนจะเติมเข้าไปในท้องอย่างไม่มีภาระใด ๆถังซือซือซื้อขนมฉือปาแล้วเธอทำตัวอย่างกับโจร แต่ละร้านไม่ยอมปล่อยไปเลย ทว่าก็ชิมเพียงสองสามคำ ทั้งหมดที่เหลือก็โยนให้เยี่ยนหวยอย่างสบายใจเยี่ยนหวยเพลิดเพลินกับพฤติกรรมพรรค์นี้ ในใจเข้าใจได้ในทันที ราวกับกลับไปเมื่อเจ็ดปีก่อนหลังเรียนอย
“มันเรื่องอะไรกันแน่?”ก่อนหน้านี้ที่เยี่ยนหวยอยู่ที่เจียงเฉิง กลับไม่ได้สังเกตเท่าไรว่าอิเลียกำลังทำอะไรอยู่ เธอออกไปข้างนอกทุกวัน เยี่ยนหวยคิดเพียงแค่ว่าเธอกำลังไปเที่ยวเล่นถังซือซือไม่ใช่คนที่จะกุเรื่องมั่วซั่ว เธอพูดแบบนี้ ต้องรู้อะไรบางอย่างแน่ ๆ“พูดไปแล้วก็ยาว ตอนแรกฟู่ชิงเยว่อาของฟู่เจิงรับเลี้ยงเด็กกำพร้าอยู่ที่เมืองนอก ตอนนี้อายุห้าขวบแล้ว ปีที่แล้วอาเหลียงแท้ง แล้วฟู่ชิงเยว่ติดธุระพอดี เลยส่งเด็กคนนั้นกลับประเทศมาให้ฟู่เจิงดูแลช่วงหนึ่ง ฟู่เจิงเลยให้เด็กคนนั้นอยู่ในประเทศไปเลยเพื่อง้ออาเหลียง ปกติจะมาอยู่เป็นเพื่อนอาเหลียง และเด็กคนนั้นเองก็เข้าไปอยู่ในทะเบียนบ้านของฟู่เจิง แต่ว่า...”เยี่ยนหวยเดาเรื่องที่จะเกิดขึ้นต่อไปออกแล้ว จึงรับช่วงเอ่ยขึ้นต่อว่า “แต่ว่าจู่ ๆ ก่อนหน้านี้ก็มีข่าวบอกว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นเป็นลูกของฟู่เจิงกับอิเลีย?”“ใช่ รายละเอียดฉันก็ไม่ค่อยแน่ใจเหมือนกัน เหมือนว่าจะเกี่ยวข้องกับอาของฟู่เจิงนิดหน่อย เธอรู้ตัวตนของเด็กผู้หญิงคนนั้นมาตั้งแต่แรก และไม่ชอบอาเหลียงมาโดยตลอด ยังไงตอนนี้อาเหลียงก็อยู่กับฉัน เขากับฟู่เจิงทะเลาะกันอีกแล้ว”เยี่ยนหวยเอ่ยควา
“เยี่ยนหวย!!”ประตูลิฟต์เปิดออก ทั้งสองคนเข้าไปกันตามลำดับ แล้วลงไปยังลานจอดรถใต้ดินตรงมุมเลี้ยว ในหัวของผู้หญิงสวมหน้ากากอนามัยวาบภาพที่เห็นเมื่อครู่ขึ้นมา หมัดที่ห้อยอยู่กำขึ้นแน่น เธอก้มหน้าทั้งดวงตาที่ประกายความอำมหิตออกมาหากเวินเหลียงอยู่ตรงนี้ คงจะจำได้แน่ ๆ ว่าผู้หญิงที่สวมหน้ากากอนามัยคนนี้ก็คืออลิซที่เธอมาเจียงเฉิง ก็เพราะเยี่ยนหวย เยี่ยนหวยมาเมืองซีเมื่อสองวันก่อน เธอเองก็ตามมาเช่นกันอิเลียถามเลขาของเยี่ยนหวย เมื่อรู้โรงแรมของเขาก็บอกกับอลิซทีแรกอลิซคิดว่าเยี่ยนหวยมาทำธุระที่เมืองซี จากนั้นก็ค่อย ๆ พบว่ามันไม่ชอบมาพากลเยี่ยนหวยไม่ยุ่งเลยสักนิดแถมยังมีเวลาไปสอบถามร้านอาหารท้องถิ่น ถนนคนเดิน จุดชมวิวของเมืองซีเป็นต้น อีกต่างหาก ไม่เหมือนมาทำงานต่างถิ่น แต่เหมือนมาเที่ยวเสียมากกว่าจนกระทั่งวันนี้ เมื่อได้เห็นภาพนั้น อลิซถึงเข้าใจทุกอย่างที่แท้คนที่ซีซาร์ชอบไม่ใช่เฟย์ แต่เป็นถังซือซือเพื่อนของเฟย์!ที่แท้เขาไม่ได้มาทำงานต่างถิ่นที่เมืองซี แต่มาเพื่อตามจีบถังซือซือ!ที่เขาสอบถามร้านอาหารและจุดชมวิวของเมืองซี ก็เพื่อพาถังซือซือไปวันนี้!ในใจอลิซอิจฉาเป็นอย่างม
เมื่อเยี่ยนหวยได้ยินดังนั้น ก็รู้ในทันทีว่าเวินเหลียงไม่ได้รักษาคำมั่นสัญญาแต่เขาก็เตรียมตัวไว้นานแล้ว วันนั้นหลังจากกลับไปก็ให้คนไปตรวจสอบกล้องวงจรปิด แล้วตัดคลิปมาใส่ไว้ในโทรศัพท์เมื่อได้ยินถังซือซือถามขึ้น เขาก็รีบส่งให้เธอทันที “ก็แค่คนที่ไม่สลักสำคัญอะไรคนหนึ่ง ฉันปฏิเสธเขาไปแล้ว”ถังซือซือดูคลิปรอบหนึ่ง ก่อนจะเบะปาก “อยู่ต่างประเทศคุณเยี่ยนมีสาวมาชอบเพียบเลยนะคะ”“แต่ฉันสนใจอยากจะครอบครองแค่เธอ”“จะยอมให้ฉันครอบครองไหม คุณถัง?”เยี่ยนหวยนั่งเอี้ยวตัว แขนข้างหนึ่งพาดอยู่บนพนักพิงเก้าอี้ เขาโน้มตัวเข้ามา ตัวท่อนบนใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ กลิ่นหอมฉุยจาง ๆ และกลิ่นอายของชายหนุ่มที่มาพร้อมกับการบุกรุกโอบล้อมเธอเอาไว้เขาดันแว่นตากรอบทอง สีหน้าอบอุ่น ฉีกยิ้มทว่าก็ราวกับไม่ยิ้ม มุมปากกระตุกรอยยิ้มเล็กน้อย ค่อนข้างมีความรู้สึกประเภทหน้าเนื้อใจเสือถังซือซือเหม่อไปครู่หนึ่ง“คุณถัง?”ใบหน้าหล่อเหลาตรงหน้าขยายใหญ่ขึ้นอีกครั้ง ไออุ่นร้อนปะทะเข้ามาที่หน้า ในที่สุดถังซือซือก็ได้สติกลับมา เธอเอนหลังพลางตบหน้าอก “นายทำฉันตกใจหมด...ไป ไปเดินหาของกินเล่นกันเถอะ”เธอลุกขึ้นและเดินออกไปอย่าง