บางครั้งโลกของคนรวยก็ใช่ว่ากฎหมายจะควบคุมได้ เส้นสายอยู่ตรงนั้น ขอแค่ฟู่เจิงส่งสัญญาณเงียบ ๆ ก็มีคนมาช่วยเขาออกหน้าแล้ว เหตุผลที่ถูกสั่งพักงานก็สมเหตุสมควรเป็นอย่างยิ่ง ไม่มีทางสาวมาถึงตัวฟู่เจิงพนักงานสองสามคนที่อยู่รอบ ๆ มองหน้ากันทีหนึ่งคนตัวสูงยิ้มพลางไกล่เกลี่ย “เหล่าหลิวนายเลิกคิดมากได้แล้ว มันเกี่ยวอะไรกับเราล่ะ? เราหาเงินได้ก็พอแล้ว!”ในจังหวะนี้เอง เสียงออดประตูด้านนอกก็ดังขึ้น“ฉันไปเปิดเอง”เหล่าหลิววางตะเกียบแล้วลุกขึ้น เมื่อเปิดประตูออกไป ยังไม่ทันมองให้ชัดว่าชายหนุ่มตรงหน้าเป็นใคร ก็ถูกถีบเข้าที่ท้องอย่างแรงทีหนึ่งแล้วเขาไม่ทันได้ระวังตัว จึงถูกถีบจนหงายเงิบ พลางเอามือปิดท้องพร้อมทั้งหายใจหอบเหนื่อยมีชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามาจากด้านนอก ตัดผมทรงผมสกินเฮด มองแค่ปราดเดียวก็รู้แล้วว่าเป็นพวกนักเลงเขาเดินขึ้นหน้ามาสองสามก้าว ชำเลืองมองปกเสื้อของเหล่าหลิว จากนั้นก็หิ้วตัวเขาขึ้นมา “ลุกขึ้นมา!”เหล่าหลิวทั้งตกใจทั้งกลัวและทั้งเจ็บ “แกจะทำอะไร...พวกแกทำแบบนี้มันผิดกฎหมายนะ!”ชายหนุ่มฟังแต่เหมือนไม่ได้ฟัง หิ้วคอเสื้อของเหล่าหลิวขึ้นมา พลางบีบคอเขา แล้วเหวี่ยงไปกระแท
คนตัวสูงขยับปาก พูดไม่ออกเมื่อครู่เหล่าหลิวยังพูดอยู่เลยว่า กลัวจะถูกหาเรื่อง ไม่นึกเลยว่าจะถูกคนตามมาซ้อมถึงที่เร็วขนาดนี้พวกเขาไม่ตอบ ฟู่เจิงเองก็ไม่ซักไซ้ในเรื่องนี้แล้ว เขาถามขึ้นว่า “ซุบซิบเรื่องรัก แปดกลุ่มห่านขยี้ข่าว ข่าวลับวงการบันเทิง สามบัญชีนี่ เป็นของออฟฟิศพวกนายใช่ไหม?”ภายในห้องเงียบสงัดคนตัวสูงฟังการเต้นของหัวใจตัวเอง พลางก้มหน้าอย่าเห็นว่าเมื่อครู่เขาดูกร่างมาก ตอนนี้เมื่อรู้ว่าฟู่เจิงจะแก้แค้นพวกเขา ไม่ว่าใครก็ไม่ยอมก้าวออกมารับหน้าทั้งนั้นเมื่อชายหนุ่มเห็นแบบนี้ ก็กระทืบไปที่ขาที่ได้รับบาดเจ็บของพนักงานที่อยู่ใต้เท้าทีหนึ่ง เสียงกรีดร้องแว่วดังขึ้นมา ขอบตาของพนักงานเริ่มแดงขึ้น สีหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เหงื่อออกเต็มศีรษะชายหนุ่มมองทุกคนทีหนึ่ง “ถามพวกแกอยู่นะ!”พนักงานที่อยู่ใต้เท้าเอ่ยขึ้นพลางหอบ “เป็นบัญชีของออฟฟิศเรา แต่ฉันไม่ใช่คนรับผิดชอบ ไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน!”ฟู่เจิงมองเขาทีหนึ่ง จากนั้นก็มองไปที่พวกคนตัวสูง “ใครเป็นคนรับผิดชอบ? ใครใช้ให้พวกนายเปิดโปง?”คนตัวสูงกลืนน้ำลายอึก ๆ สองขาอ่อนปวกเปียก ถอยหลังก้าวหนึ่งอย่างเงียบ ๆพนักงานอีกสองคนก็
ถ้าวันนี้อีกฝ่ายทำอะไรพวกเขาขึ้นมาจริง ๆ แม้แต่เรี่ยวแรงสู้กลับพวกเขายังไม่มีเลยสองสามคนที่มาเยือนนี้มองแค่ปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นพวกนักเลง ไม่กลัวต้องติดคุก บวกกับมีฟู่เจิงอยู่ ถึงจะแจ้งตำรวจ ก็ไม่แน่ว่าจะทำอะไรพวกเขาได้กลับกันถ้าเป็นตัวเขา หากพวกเขาปักใจแค้น ครึ่งชีวิตที่เหลือของเขาไม่มีทางสลัดพวกเขาหลุดแน่ ๆ อย่าได้คิดจะใช้ชีวิตอย่างสงบสุขฟู่เจิงเงยหน้ามองเหล่าหลิวที่อยู่ตรงหน้าเหล่าหลิวสั่นเทาไปทั้งตัว รีบขอร้องอ้อนวอน “คุณฟู่ ผมสำนึกผิดแล้ว! ปล่อยผมไปเถอะ! เงินผมก็ไม่เอาแล้ว โพสต์เปิดโปงผมจะลบออกเดี๋ยวนี้! ให้ผมขอโทษคุณกับคุณเวินก็ได้ ขอแค่คุณไม่ทำให้ผมลำบากอีก ให้ผมทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น!”“นี่คงไม่ใช่การร่วมงานครั้งแรกของนายกับเฉินเกินเป่าใช่ไหม?”สีหน้าของเหล่าหลิวซีดขาวกว่ากระดาษเสียอีก ขาทั้งสองเอาแต่สั่นอยู่ตลอดเวลา สารภาพพร้อมทั้งเนื้อตัวที่สั่นเทา “ไม่ใช่...”ฟู่เจิงไม่พูดอะไร เพียงมองเขาอย่างสงบเหล่าหลิวสารภาพออกมาทั้งหมด “ตอนเดือนสิงหาคมเฉินเกินเป่ามาหาผมครั้งหนึ่ง เอารูปมาให้ผมสองสามรูป”เขาชำเลืองมองสีหน้าของฟู่เจิงอย่างงก ๆ เงิ่น ๆ แล้วพูดต่อว่า “เป็นภาพที่คุ
เวินเหลียงนอนหลับสบายตลอดทั้งคืน กระทั่งวันต่อมายังตื่นสายด้วยป้าหวังยังไม่ทันได้บอกเรื่องที่ฟู่เจิงกลับบ้านมาตั้งแต่เมื่อคืน เวินเหลียงก็รีบร้อนไปทำงานแล้วระหว่างทางไปบริษัท เวินเหลียงได้รับคำแนะนำจากเฟซบุ๊กคำแนะนำหนึ่งแฮชแท็กคือ #ซุบซิบเรื่องรักลบโพสต์พร้อมขอโทษแฮชแท็กติดคำค้นหาร้อนแรงไปแล้วกดเข้าไปก็เห็นคำแถลงขอโทษของบัญชีเฟซบุ๊กซุบซิบเรื่องรัก พร้อมทั้งลบทุกโพสต์ในเฟซบุ๊กทิ้ง แล้วปิดช่องคอมเมนต์และจำกัดสิทธิ์การแชร์ ตั้งค่าบัญชีเป็นสามารถมองเห็นหน้าบัญชีได้ถึงแค่หกเดือนก่อนหน้าเมื่อวานซุบซิบเรื่องรักยังประกาศเชิงข่มขู่ว่าจะไม่ลบโพสต์เป็นอันขาดอยู่เลย วันนี้ดันกลับคำไปง่าย ๆ เสียอย่างนั้น ไม่ว่าใครก็มองเรื่องลับลมคมในที่อยู่ในนั้นออก ไม่ใช่การข่มขู่แต่เป็นการแฮกบัญชี กลับกันดันยิ่งทำให้เพื่อนชาวเน็ตรู้สึกไปอีกอย่างแม้จะลบโพสต์ทิ้งไปแล้วก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย คนที่ชอบสอดเรื่องชาวบ้านเซฟรูปหน้าจอพร้อมทั้งอัดคลิปหน้าจอในเฟซบุ๊กที่เกี่ยวข้องของซุบซิบเรื่องรักเอาไว้ตั้งนานแล้ว คนเหล่านั้นก็เอาไปสร้างโพสต์ใหม่ ดึงดูดเพื่อนชาวเน็ตให้แชร์และเข้ามาคอมเมนต์ไม่น้อย กระทั่งมีคนใช้บัญ
เมื่อทีมงานคนนั้นเห็นว่าโจวอวี่ซ้อมเขาไม่ได้ ก็ยิ่งพอใจ แล้วเอ่ยขึ้นอย่างกำเริบเสิบสาน “ใครไม่รู้บ้างว่าประธานฟู่กับคุณฉู่เป็นคนรักกัน? เวินเหลียงหนังหน้าหนา ยังกลัวคนอื่นว่าอีกเหรอ?!”ทันใดนั้นเส้นเลือดบนหน้าผากของโจวอวี่ก็กระตุก สองสามคนที่ลากรั้งเขาเอาไว้พุ่งตัวไปข้างหน้า ลากรั้งยังไงก็รั้งไม่ไปสุดท้ายผู้กำกับเฉินมา การทะเลาะกันฉากนี้ถึงได้ยุติลงผู้กำกับเฉินเรียกพวกเขาเข้าไปในห้องพักเพียงลำพัง ถามต้นสายปลายเหตุให้แจ่มชัดเกี่ยวกับข่าวในโซเชียล ผู้กำกับเฉินเองก็เห็นมาเช่นกัน ไม่รู้ว่าจริงหรือเท็จ แต่คราวก่อนตอนที่ไปทานข้าวด้วยกันก็มองออกอย่างชัดเจนว่า โจวอวี่มีใจให้เวินเหลียงเมื่อรู้ว่าทีมงานวิพากษ์วิจารณ์เวินเหลียงลับหลัง เขาจึงให้ทีมงานไปขอโทษโจวอวี่ก่อนอย่าเห็นว่าทีมงานนั่นเมื่อครู่ยังทำตัวกำเริบเสิบสานอยู่เลย ทว่าตอนนี้เย็นลงแล้ว เข้าใจว่ามันไม่ใช่เวลาจะมาอวดเบ่ง หากถูกแฟนคลับของโจวอวี่รู้เข้า ถล่มเมนต์กันคนละเมนต์อาจทำให้เขาจมแผ่นดินได้ ไม่แน่ว่ายังต้องเสียงานอีก ถึงยังไงเมื่อเทียบกันระหว่างเขากับโจวอวี่ ใช้หัวเข่าคิดยังรู้ว่าโจวอวี่สำคัญกว่าหลังทีมงานขอโทษเสร็จ ผู้ก
ภายใต้การจี้ถามของเวินเหลียง โจวอวี่บอกแค่ว่าเกิดการกระทบกระทั่งเล็กน้อยระหว่างกระบวนการถ่ายทำ บอกเวินเหลียงไม่ต้องเป็นกังวล เวินเหลียงเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ทำได้เพียงปลอบโจวอวี่ไปก่อน “คำพูดของเพื่อนชาวเน็ตที่ไม่รู้ความจริง นายไม่ต้องไปเก็บเอามาใส่ใจนะ ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือรักษางานของนายเอาไว้”โจวอวี่ตอบกลับ “วางใจได้เลย”ไม่พูดไม่ได้ แผนสกปรก ๆ ของสังกัดฝั่งตรงข้ามนี้ กลับให้โอกาสในการกลับแพ้เป็นชนะแก่เขาถ้าทีมงานที่ถูกต่อยคนนั้นไม่ออกหน้ามา คนที่จะโดนเพื่อนชาวเน็ตโจมตีจะมีแค่โจวอวี่เพียงคนเดียวทว่าฝ่ายสังกัดฝั่งตรงข้ามดันอยากทำให้การถล่มรุนแรงขึ้นไปอีก จึงให้ทีมงานที่ถูกต่อยนั่นสร้างภาพลักษณ์ว่าตัวเองเป็นผู้บริสุทธิ์ แล้วโยนผู้กำกับเฉินมาอยู่ฝ่ายตรงข้าม ผลักให้มาอยู่ฝ่ายเดียวกันกับโจวอวี่เลยตอนนี้เขากับผู้กำกับเฉินมีแนวรบเดียวกันแล้วและเมืองอวิ๋นสุ่ยในฐานะของซีรีส์ฟอร์มยักษ์ ดึงดูดคนมากมายมาลงทุน หนึ่งเป็นเพราะฉู่ซืออี๋ สองเป็นเพราะผู้กำกับเฉินผู้กำกับมือทองฝ่ายลงทุนไม่ยอมสลัดทีมของผู้กำกับเฉินทิ้งอยู่แล้ว เช่นนั้นก็ต้องยืนกรานว่าผู้กำกับเฉินไม่ผิด ทำได้เพียงแ
เวินเหลียงหลับตาลง หยิบเอกสารมา ฝืนทำตัวให้กระปรี้กระเปร่าและเตรียมตัวพูดในการประชุม……“ประธานฟู่ เกิดเรื่องแล้วค่ะ” เลขาหยางเดินฉับเข้าห้องทำงาน น้ำเสียงมีความร้อนรน “โทรศัพท์ของผู้อำนวยการเวิน โซเชียลมีเดียทั้งหมดกับแอ็กเคานต์ส่วนตัวถูกคนขุดออกมาหมดเลยค่ะ!”พอฟู่เจิงได้ยินพลันหน้าตึง ลุกขึ้นมาทันที“ประธานฟู่วางใจเถอะค่ะ ผู้อำนวยการเวินเลิกใช้เบอร์นั้นไปแล้ว”“ไปตรวจสอบไอพีหน่อย แล้วเก็บหลักฐานแจ้งความเดี๋ยวนี้!” ในดวงตาของฟู่เจิงมีแต่ความดุดัน พูดออกมาทีละคำ ทีละประโยค บางเรื่องจัดการเงียบ ๆ ได้ แต่บางเรื่องจำเป็นต้องเล่นใหญ่ถึงจะข่มขวัญได้ในเมื่อคนบางคนไม่กลัวตายอยากลองดีให้ได้ เขาก็ต้องให้อีกฝ่ายชดใช้!“ค่ะ ฉันจะไปจัดการเดี๋ยวนั้น”ฟู่เจิงกำลังจะเดินออกไปข้างนอก แต่จู่ ๆ ก็มีเสียงรียกเข้าดังขึ้นเขาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาจากบนโต๊ะและรับ“คุณฟู่ ได้ข่าวแล้วครับ”ปลายสายมีเสียงชายหนุ่มดังมา“ว่ามา”“เฉินเกินเป่าเป็นญาติห่าง ๆ ของรองผู้จัดการใหญ่อู๋ ปกติไม่ทำการทำงาน แต่ช่วงนี้จู่ ๆ อู๋จวินก็สนิทสนมกับเขา”อู๋จวินก็คือลูกชายของรองผู้จัดการใหญ่อู๋ เป็นผู้พี่ของอู๋หลิง
ระยะนี้ข่าวดังเกรียวกราว ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทไม่พูดถึงเพราะพวกเขาไม่มีสิทธิ์แต่รองประธานกรรมการบริหารท่านนี้มีสิทธิ์เขาไม่ได้เป็นแค่รองประธานกรรมการบริหาร ยังเป็นหุ้นส่วนและสมาชิกคณะกรรมการบริษัทคนหนึ่ง หุ้นของบริษัทมีความสัมพันธ์กับเขาโดยตรง การพูดเรื่องนี้ออกมาจึงอยู่ในความคาดหมายบางทีทุกคนต่างรู้ว่าปัญหาอยู่ที่ตัวฟู่เจิง แต่ไม่กล้าตำหนิเขา...พอพูดขึ้นมาต่อหน้าทุกคน เวินเหลียงหน้าซีดหนักกว่าเดิม ละอายใจมาก “ต้องขอโทษจริง ๆ ค่ะ เพราะเรื่องของฉันส่งผลถึงบริษัท...”พูดยังไม่ทันจบฟู่เจิงก็ขัดเขากวาดตามองทุกคนอย่างเฉยเมย “ผมคิดว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมาพูดเรื่องนี้นะครับ”นอกจากหัวหน้าฝ่ายบัญชีที่จำเป็นต้องให้คณะกรรมการบริษัทโหวตออกจากตำแหน่ง ฝ่ายอื่น ๆ รวมถึงคนรับผิดชอบโปรเจกต์ ฟู่เจิงมีสิทธิ์ตัดสินใจโดยตรงประธานเกายิ้มเจื่อน “ก็จริง”เห็นชัดว่าฟู่เจิงต้องการปกป้องเวินเหลียง ต่อให้เขาพูดมากขนาดไหนก็ไม่มีประโยชน์“ต่อเถอะ” ฟู่เจิงพูดเรียบ ๆรองผู้จัดการใหญ่อู๋หรี่ตา “ที่ผมอยากจะพูดมีคนเคยพูดไปหมดแล้ว ผมจะไม่พูดซ้ำแล้วนะครับ”“แต่” เขาเบี่ยงประเด็น “หลายวันก่อนผมกินข้า