“หรือว่าเธออยากให้ฉันไป?”เวินเหลียงคิดว่านี่ไม่ใช่ปัญหาว่าเธออยากให้ไปหรือไม่อยากให้ไป แต่เป็นปัญหาที่ว่าฉู่ซืออี๋จะยอมหรือไม่ยอมต่างหากเป็นไปตามคาด ขณะที่ทั้งสองคนพักกลางวันอยู่ในห้องพัก สายของหวังเหยียนก็โทรเข้ามาอีกครั้งฟู่เจิงรับสายในห้องพักเลยเธอได้ยินฟู่เจิงถามขึ้นว่า “ใช้ยาระงับประสาทหรือยัง?”“ใช้แล้วค่ะ แต่ช่วงนี้ใช้บ่อยเกินไป ร่างกายของซืออี๋เกิดการต่อต้านแล้ว ไม่ค่อยได้ผลเท่าไร”“ทำไมไม่หาคนมาควบคุมเธอเพิ่มอีกสักสองสามคนล่ะ?”“ซืออี๋ข่วนหมอบาดเจ็บไปสองคนแล้ว...”“...”ผ่านไปครู่หนึ่งฟู่เจิงก็วางสายแล้วหันหน้ามองไปที่เวินเหลียงเวินเหลียงประคองตัวลุกขึ้นนั่ง ดวงตาใสเป็นประกาย เธอยักไหล่แสดงทีท่าว่าทำอะไรไม่ได้ “ไปโรงพยาบาล?”เห็นสายตาของเวินเหลียง ลมหายใจของฟู่เจิงก็ติดขัด เขาอธิบายว่า “ซืออี๋กรีดข้อมือพยายามฆ่าตัวตาย...”น้ำเสียงของเขาแผ่วเบาลงเรื่อย ๆ เข้าใจดีว่าในช่วงเวลานี้อธิบายอีกมากมายแค่ไหนก็ช่วยอะไรไม่ได้อยู่ดีเพียงแต่เขาจะทนดูซืออี๋เป็นอะไรไปต่อหน้าต่อตาไม่ได้ ในตอนที่อาการกำเริบเธอทำได้หมดทุกอย่าง“อืม ฉันรู้คะ” เวินเหลียงพยักหน้าเบา ๆ “คุณไปเถอะ
ฉู่ซืออี๋โผเข้าไปในอ้อมอกของฟู่เจิงด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ พลางคว้าปกเสื้อของฟู่เจิงเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย ปากก็สะอึกสะอื้นไปด้วย “อาเจิง ฉันคิดว่าคุณจะไม่ต้องการฉันแล้วซะอีก! ทำไมคุณถึงเพิ่งมาล่ะ...”ฟู่เจิงชะงักไปครู่หนึ่ง ในตอนนี้ถึงได้ค่อย ๆ ยื่นมือออกไปวางบนหลังของฉู่ซืออี๋ แล้วปลอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “ไม่ต้องกลัวนะ ไม่เป็นไรแล้ว...”ฉู่ซืออี๋นอนอิงร้องไห้จนควบคุมตัวเองไม่ได้อยู่ในอ้อมอกของฟู่เจิงชายมากความสามารถกับสาวงาม กอดกันร้องไห้ ช่างเป็นฉากของคู่สามีภรรยาจริง ๆ...เวินเหลียงยืนห่างออกไปไม่ไกล มองพวกเขาทั้งสองคนด้วยใบหน้าไร้อารมณ์เสียใจเหรอ? เหมือนจะไม่ได้เสียใจขนาดนั้นก่อนหน้าที่เธอจะมาโรงพยาบาล ก็จินตนาการถึงภาพนี้เอาไว้แล้วเธอคิดว่าตัวเองจะเจ็บปวดใจและเดือดดาลแต่ตอนนี้พอได้มาเห็นเข้าจริง ๆ แล้ว ในใจกลับสงบอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน“แผลของคุณยังมีเลือดไหลอยู่ ให้หมอทำแผลก่อนนะ”ฟู่เจิงกุมข้อมือที่ได้รับบาดเจ็บของฉู่ซืออี๋เอาไว้ ก่อนจะเงยหน้าส่งสัญญาณให้หมอเข้ามาใครจะรู้ได้ว่าหมอเพิ่งก้าวเข้ามาเพียงก้าวเดียว ฉู่ซืออี๋ก็หลบไปขดตัวอยู่หลังฟ
“ฉันคิดว่าประโยคนี้ คุณควรเก็บไว้พูดกับคุณฉู่ถึงจะถูก ต่อให้รักลึกซึ้งแค่ไหน ก็จะเอามาเป็นเหตุผลในการเข้าไปแทรกชีวิตคู่ของคนอื่นไม่ได้ เช้าวันนี้ซือซือคิดว่าในข่าวเป็นเรื่องจริง เธอพูดกับฉันว่า ‘ฉันไม่เป็นเพื่อนกับชู้’ ดูท่าแล้วที่โบราณว่าไว้คงจะจริง คนเลวก็คบกับคนเลว คนดีก็คบกับคนดี!”สีหน้าของหวังเหยียนแข็งทื่อ กำลังจะพูดอะไรบางอย่าง ทว่าเบื้องหลังมีเสียงฝีเท้าแว่วดังขึ้นมาฟู่เจิงออกมาจากห้องพักผู้ป่วย เขามาหยุดเบื้องหลังเวินเหลียง “ไปกันเถอะ”“พันแผลเสร็จแล้วเหรอ?” เวินเหลียงหมุนตัวกลับไป“อืม”จากนั้นก็มีเสียงกรีดร้องเสียงแหลมของฉู่ซืออี๋แว่วดังมาจากในห้องพักผู้ป่วยอีกครั้ง ราวกับตื่นตระหนกตกใจ“ประธานฟู่ คุณไม่อยู่เป็นเพื่อนซืออี๋อีกหน่อยเหรอคะ? เธอ...” หวังเหยียนยังอยากพูดอะไรต่ออีกหน่อย ทว่าสัมผัสได้ถึงสายตาอันเย็นชาของฟู่เจิง เธอจึงรีบเงียบไปเวินเหลียงมองฟู่เจิงทีหนึ่งฟู่เจิงกุมมือน้อย ๆ ของเธอเอาไว้ แล้วลงไปชั้นล่างพร้อมกับเธอเมื่อเห็นพวกเขา คนขับรถก็รีบบี้ก้นบุหรี่ แล้วเปิดประตูรถ “คุณผู้ชาย กลับบริษัทเหรอครับ?”“อืม”รถยนต์แล่นออกไปจากประตูใหญ่ของโรงพยาบาล วิ่
เป็นไปตามคาด ไม่นานภาพที่เวินเหลียงและฟู่เจิงถูกนักข่าวดักรอ แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่โผล่หน้าออกมาก็ถูกอัพลงโซเชียลแต่ในสายตาของเหล่าเพื่อนชาวเน็ต การโต้กลับคือการแถ การหลีกเลี่ยงคือรู้สึกผิดคอมเมนต์ในเชิงลบเริ่มมากขึ้นเรื่อย ๆถังซือซืออดไม่ได้ที่จะโพสต์วิดีโอนี้ลงไป พร้อมกับเขียนแคปชันว่า รู้อยู่แก่ใจว่าไม่ได้ทำผิด ภูตผีปีศาจอะไรก็ไม่กล้าเข้ามาใกล้ตั้งแต่เกิดเรื่องแต่งหน้านั่นขึ้น เธอก็พูดแทนเวินเหลียงมาตลอด เหล่าเพื่อนในเน็ตรู้ว่าเธอคือเพื่อนของเวินเหลียง ตามมาหาในเฟซบุ๊ก แล้วพาลด่าถังซือซือไปด้วยถังซือซือเองก็ไม่กลัว ทะเลาะกับเพื่อนชาวเน็ตใต้คอมเมนต์เฟซบุ๊กของตัวเอง…ตอนบ่ายมีประชุมด่วน เวินเหลียงออกมาจากห้องประชุม แล้วเดินถือเอกสารเข้าไปยังห้องทำงานประธานกรรมการ“ผู้อำนวยการเวิน” เลขาหยางที่อยู่ตรงพื้นที่สำนักงานเข้ามารับหน้า “คุณมาหาประธานฟู่เหรอคะ?”“มีเอกสารต้องให้เขาเซ็นน่ะ”“ตอนนี้ประธานฟู่ไม่ได้อยู่ที่บริษัท ถ้าไม่รีบละก็ คุณเอาเอกสารมาให้ฉันก่อนก็ได้นะคะ รอเขากลับมาแล้วฉันค่อยส่งต่อให้เขาเอง”เวินเหลียงมองนาฬิกาข้อมือ เป็นเวลาสี่โมงเย็นแล้ว“ได้ค่ะ” เวินเหลียงส่
บางครั้งโลกของคนรวยก็ใช่ว่ากฎหมายจะควบคุมได้ เส้นสายอยู่ตรงนั้น ขอแค่ฟู่เจิงส่งสัญญาณเงียบ ๆ ก็มีคนมาช่วยเขาออกหน้าแล้ว เหตุผลที่ถูกสั่งพักงานก็สมเหตุสมควรเป็นอย่างยิ่ง ไม่มีทางสาวมาถึงตัวฟู่เจิงพนักงานสองสามคนที่อยู่รอบ ๆ มองหน้ากันทีหนึ่งคนตัวสูงยิ้มพลางไกล่เกลี่ย “เหล่าหลิวนายเลิกคิดมากได้แล้ว มันเกี่ยวอะไรกับเราล่ะ? เราหาเงินได้ก็พอแล้ว!”ในจังหวะนี้เอง เสียงออดประตูด้านนอกก็ดังขึ้น“ฉันไปเปิดเอง”เหล่าหลิววางตะเกียบแล้วลุกขึ้น เมื่อเปิดประตูออกไป ยังไม่ทันมองให้ชัดว่าชายหนุ่มตรงหน้าเป็นใคร ก็ถูกถีบเข้าที่ท้องอย่างแรงทีหนึ่งแล้วเขาไม่ทันได้ระวังตัว จึงถูกถีบจนหงายเงิบ พลางเอามือปิดท้องพร้อมทั้งหายใจหอบเหนื่อยมีชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามาจากด้านนอก ตัดผมทรงผมสกินเฮด มองแค่ปราดเดียวก็รู้แล้วว่าเป็นพวกนักเลงเขาเดินขึ้นหน้ามาสองสามก้าว ชำเลืองมองปกเสื้อของเหล่าหลิว จากนั้นก็หิ้วตัวเขาขึ้นมา “ลุกขึ้นมา!”เหล่าหลิวทั้งตกใจทั้งกลัวและทั้งเจ็บ “แกจะทำอะไร...พวกแกทำแบบนี้มันผิดกฎหมายนะ!”ชายหนุ่มฟังแต่เหมือนไม่ได้ฟัง หิ้วคอเสื้อของเหล่าหลิวขึ้นมา พลางบีบคอเขา แล้วเหวี่ยงไปกระแท
คนตัวสูงขยับปาก พูดไม่ออกเมื่อครู่เหล่าหลิวยังพูดอยู่เลยว่า กลัวจะถูกหาเรื่อง ไม่นึกเลยว่าจะถูกคนตามมาซ้อมถึงที่เร็วขนาดนี้พวกเขาไม่ตอบ ฟู่เจิงเองก็ไม่ซักไซ้ในเรื่องนี้แล้ว เขาถามขึ้นว่า “ซุบซิบเรื่องรัก แปดกลุ่มห่านขยี้ข่าว ข่าวลับวงการบันเทิง สามบัญชีนี่ เป็นของออฟฟิศพวกนายใช่ไหม?”ภายในห้องเงียบสงัดคนตัวสูงฟังการเต้นของหัวใจตัวเอง พลางก้มหน้าอย่าเห็นว่าเมื่อครู่เขาดูกร่างมาก ตอนนี้เมื่อรู้ว่าฟู่เจิงจะแก้แค้นพวกเขา ไม่ว่าใครก็ไม่ยอมก้าวออกมารับหน้าทั้งนั้นเมื่อชายหนุ่มเห็นแบบนี้ ก็กระทืบไปที่ขาที่ได้รับบาดเจ็บของพนักงานที่อยู่ใต้เท้าทีหนึ่ง เสียงกรีดร้องแว่วดังขึ้นมา ขอบตาของพนักงานเริ่มแดงขึ้น สีหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เหงื่อออกเต็มศีรษะชายหนุ่มมองทุกคนทีหนึ่ง “ถามพวกแกอยู่นะ!”พนักงานที่อยู่ใต้เท้าเอ่ยขึ้นพลางหอบ “เป็นบัญชีของออฟฟิศเรา แต่ฉันไม่ใช่คนรับผิดชอบ ไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน!”ฟู่เจิงมองเขาทีหนึ่ง จากนั้นก็มองไปที่พวกคนตัวสูง “ใครเป็นคนรับผิดชอบ? ใครใช้ให้พวกนายเปิดโปง?”คนตัวสูงกลืนน้ำลายอึก ๆ สองขาอ่อนปวกเปียก ถอยหลังก้าวหนึ่งอย่างเงียบ ๆพนักงานอีกสองคนก็
ถ้าวันนี้อีกฝ่ายทำอะไรพวกเขาขึ้นมาจริง ๆ แม้แต่เรี่ยวแรงสู้กลับพวกเขายังไม่มีเลยสองสามคนที่มาเยือนนี้มองแค่ปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นพวกนักเลง ไม่กลัวต้องติดคุก บวกกับมีฟู่เจิงอยู่ ถึงจะแจ้งตำรวจ ก็ไม่แน่ว่าจะทำอะไรพวกเขาได้กลับกันถ้าเป็นตัวเขา หากพวกเขาปักใจแค้น ครึ่งชีวิตที่เหลือของเขาไม่มีทางสลัดพวกเขาหลุดแน่ ๆ อย่าได้คิดจะใช้ชีวิตอย่างสงบสุขฟู่เจิงเงยหน้ามองเหล่าหลิวที่อยู่ตรงหน้าเหล่าหลิวสั่นเทาไปทั้งตัว รีบขอร้องอ้อนวอน “คุณฟู่ ผมสำนึกผิดแล้ว! ปล่อยผมไปเถอะ! เงินผมก็ไม่เอาแล้ว โพสต์เปิดโปงผมจะลบออกเดี๋ยวนี้! ให้ผมขอโทษคุณกับคุณเวินก็ได้ ขอแค่คุณไม่ทำให้ผมลำบากอีก ให้ผมทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น!”“นี่คงไม่ใช่การร่วมงานครั้งแรกของนายกับเฉินเกินเป่าใช่ไหม?”สีหน้าของเหล่าหลิวซีดขาวกว่ากระดาษเสียอีก ขาทั้งสองเอาแต่สั่นอยู่ตลอดเวลา สารภาพพร้อมทั้งเนื้อตัวที่สั่นเทา “ไม่ใช่...”ฟู่เจิงไม่พูดอะไร เพียงมองเขาอย่างสงบเหล่าหลิวสารภาพออกมาทั้งหมด “ตอนเดือนสิงหาคมเฉินเกินเป่ามาหาผมครั้งหนึ่ง เอารูปมาให้ผมสองสามรูป”เขาชำเลืองมองสีหน้าของฟู่เจิงอย่างงก ๆ เงิ่น ๆ แล้วพูดต่อว่า “เป็นภาพที่คุ
เวินเหลียงนอนหลับสบายตลอดทั้งคืน กระทั่งวันต่อมายังตื่นสายด้วยป้าหวังยังไม่ทันได้บอกเรื่องที่ฟู่เจิงกลับบ้านมาตั้งแต่เมื่อคืน เวินเหลียงก็รีบร้อนไปทำงานแล้วระหว่างทางไปบริษัท เวินเหลียงได้รับคำแนะนำจากเฟซบุ๊กคำแนะนำหนึ่งแฮชแท็กคือ #ซุบซิบเรื่องรักลบโพสต์พร้อมขอโทษแฮชแท็กติดคำค้นหาร้อนแรงไปแล้วกดเข้าไปก็เห็นคำแถลงขอโทษของบัญชีเฟซบุ๊กซุบซิบเรื่องรัก พร้อมทั้งลบทุกโพสต์ในเฟซบุ๊กทิ้ง แล้วปิดช่องคอมเมนต์และจำกัดสิทธิ์การแชร์ ตั้งค่าบัญชีเป็นสามารถมองเห็นหน้าบัญชีได้ถึงแค่หกเดือนก่อนหน้าเมื่อวานซุบซิบเรื่องรักยังประกาศเชิงข่มขู่ว่าจะไม่ลบโพสต์เป็นอันขาดอยู่เลย วันนี้ดันกลับคำไปง่าย ๆ เสียอย่างนั้น ไม่ว่าใครก็มองเรื่องลับลมคมในที่อยู่ในนั้นออก ไม่ใช่การข่มขู่แต่เป็นการแฮกบัญชี กลับกันดันยิ่งทำให้เพื่อนชาวเน็ตรู้สึกไปอีกอย่างแม้จะลบโพสต์ทิ้งไปแล้วก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย คนที่ชอบสอดเรื่องชาวบ้านเซฟรูปหน้าจอพร้อมทั้งอัดคลิปหน้าจอในเฟซบุ๊กที่เกี่ยวข้องของซุบซิบเรื่องรักเอาไว้ตั้งนานแล้ว คนเหล่านั้นก็เอาไปสร้างโพสต์ใหม่ ดึงดูดเพื่อนชาวเน็ตให้แชร์และเข้ามาคอมเมนต์ไม่น้อย กระทั่งมีคนใช้บัญ