ตอนบ่ายขณะที่ทั้งสองคนออกมาจากบ้านใหญ่แล้วระหว่างอยู่บนรถเวินเหลียงก็พูดขึ้น “คุณคงดูท่าทีของคุณปู่ออก เขาไม่สนับสนุนให้เราหย่ากัน หลังจากนี้คุณคิดจะทำยังไงคะ?”ฟู่เจิงมองไปนอกหน้าต่าง พลันถอนหายใจ “เราเอาใบสำคัญการหย่ามาก่อนก็ได้ ปิดคุณปู่เอาไว้ แล้วหลังจากนั้นค่อย ๆ บอกเขา”เป็นอย่างที่คิดเอาไว้ เขาก็ยังเลือกที่จะทำแบบนี้อยู่ดี ไม่มีทีท่าจะเปลี่ยนความคิดแม้คุณปู่จะพูดจารุนแรงกับเขา แม้จะต้องปิดบังคุณปู่ ต่อต้านคุณปู่ก็ตามเวินเหลียงหายใจอย่างหนัก ทุกลมหายใจราวกับถูกมีดแทงเธอก้มหน้าแล้วส่ายหัวเงียบ ๆ ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “โอเคค่ะ จะไปเอาใบสำคัญการหย่าเมื่อไรเหรอคะ?”ฟู่เจิงเลื่อนดูกำหนดการในโทรศัพท์ “หลายวันนี้ฉันค่อนข้างยุ่ง วันจันทร์หน้าก็แล้วกัน”“ได้ค่ะ”เห็นเวินเหลียงตอบอย่างไม่ลังเล ฟู่เจิงก็เม้มริมฝีปากแล้วมองเธอสองสามทีหากวิจารณ์อย่างไม่มีอคติ เวินเหลียงหน้าตาสะสวยเป็นอย่างมากหางตาดอกท้อเชิดขึ้น ดวงตาคมชัด บางครั้งก็ดูอ่อนโยนบางครั้งก็ดูดุเดือด ตอนที่ดูอ่อนโยนจะมีเสน่ห์แสนตรึงใจอย่างหนึ่ง ที่ทำให้ผู้คนจมดิ่งลงไปอยู่ในนั้น ทว่าตอนที่ดูดุเดือดกลับมีคว
เมื่อเริ่มถ่ายทำโฆษณาอย่างเป็นทางการ เวินเหลียงมาถึงสตูดิโอก่อนเวลา เธอให้พนักงานที่เป็นลูกน้องจัดการสถานที่ไม่นานช่างภาพและช่างแต่งหน้าก็มาถึงตามลำดับ ทั้งสองคนนี้ล้วนเป็นพาร์ตเนอร์เก่าของเวินเหลียง ร่วมงานกันมาหลายปี เวินเหลียงเอ่ยมาคำเดียว พวกเขาก็เข้าใจทันทีว่าเวินเหลียงต้องการผลลัพธ์แบบไหนสถานที่จัดแต่งจนใกล้จะเสร็จ เวินเหลียงเหลือบดูนาฬิกาทีหนึ่ง จวนจะเก้าโมงแล้ว อีกครึ่งชั่วโมงจะถึงเวลานัด แต่ก็ยังไร้วี่แววของฉู่ซืออี๋และทีมของเธอผู้ช่วยมาเร่งเร้าไปรอบหนึ่งแล้วจูฝานช่างภาพขยับกล้องถ่ายรูปในมือเล่นไปมา พลางถอนหายใจก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า “ฉู่ซืออี๋นี่ช่างวางมาดใหญ่โตจริง ๆ”ถังซือซือช่างแต่งหน้าหัวเราะเยาะ แล้วพูดขึ้นว่า “ทำยังไงได้ ใครใช้ให้เขากลับมาจากเมืองนอกล่ะ? เขาอยากเล่นตัวแล้วพวกเราจะทำอะไรได้? จะไปไล่เขาออกได้ยังไง? อย่าว่าแต่พวกเราเลย ขนาดเวินเหลียงยังไม่มีสิทธิ์ที่จะทำแบบนั้นเลยด้วยซ้ำ”ใครไม่รู้บ้างว่าแอมบาสเดอร์คนนี้ประธานฟู่เป็นคนเลือกมาเองนอกเหนือเวลานี้เวินเหลียงในฐานะผู้จัดการแบรนด์ของเอ็มคิว ย่อมมีอำนาจในการสั่งเปลี่ยนคน แต่ว่าฉู่ซืออี๋คนนี้เธอเปลี่ยนไม่ได
เสร็จสิ้นการประชุมฟู่เจิงนั่งนวดคิ้วอยู่บนพนักพิงเก้าอี้ในจังหวะนี้เองเสียงริงโทนโทรศัพท์ก็ดังขึ้นฟู่เจิงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมามองหน้าจอทีหนึ่งก่อนจะรับสาย “ฮัลโหล”“อาเจิง คุณอยู่ที่บริษัทหรือเปล่าคะ? ฉันจะไปหาคุณเดี๋ยวนี้”ฟู่เจิงมองปฏิทินบนโต๊ะ “วันนี้ถ่ายงานเสร็จเร็วขนาดนี้เลยเหรอ?”ฉู่ซืออี๋ทำทีอยากจะพูดแต่ก็ชะงักไป “วันนี้...วันนี้ไม่ได้ถ่ายค่ะ”“ไม่ได้ถ่ายงั้นเหรอ? ทำไมล่ะ?” ฟู่เจิงถามตอนที่เขาเพิ่งออกมาจากห้องน้ำ ยังเห็นห้องทำงานของเวินเหลียงถูกล็อกเอาไว้ เห็นชัดว่าออกไปทำงานข้างนอกทุกครั้งที่มีการถ่ายโฆษณา เวินเหลียงจะไปดูที่สถานที่ถ่ายทำในเมื่อวันนี้เธอก็ออกไปสตูดิโอ ทำไมถึงไม่ได้ถ่ายล่ะ?“ตอนที่เราไปถึงสตูดิโอ จู่ ๆ อาเหลียงก็บอกกับเราว่ามีเรื่องด่วนไม่ถ่ายแล้ว พูดจบเธอก็ออกไปเลย เราเองก็ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น”“คงจะมีเรื่องอะไรด่วนจริง ๆ แหละมั้ง ไหน ๆ ก็ไม่ได้ถ่ายแล้ว คุณมาหาผมที่บริษัทสิ”ในสามปีนี้ ฟู่เจิงรู้ท่าทีในการทำงานของเวินเหลียงมาตลอดถ้าไม่ได้เกิดเหตุการณ์พิเศษขึ้นมาจริง ๆ เธอไม่มีทางบอกว่าไม่ถ่ายก็ไม่ถ่ายเด็ดขาดเมื่อได้ยินว่าในน้ำเสียงของ
ที่แท้ฟู่เจิงก็ตอบตกลงแล้วนี่เองทันใดนั้นเวินเหลียงก็รู้สึกน่าขันเป็นอย่างมากเพราะฉู่ซืออี๋ ฟู่เจิงถึงแทรกแซงเรื่องของเอ็มคิวครั้งแล้วครั้งเล่าเพราะฉู่ซืออี๋ ฟู่เจิงจึงทำแผนของเธอพังซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทว่ากลับให้เธอมาเก็บกวาดทุกสิ่งแผนของการตลาดในก่อนหน้านี้ก็เตรียมจะลงมือทำเรียบร้อยแล้ว แต่เพราะเปลี่ยนแอมบาสเดอร์เลยต้องกลายเป็นเศษกระดาษ เขาไม่เห็นว่าเธอลงทุนลงแรงไปเท่าไร ถึงจะรักษาสถานการณ์ในตอนนี้เอาไว้ได้เขาต้องการเพียงแค่เอาใจฉู่ซืออี๋ก็พอแล้วส่วนจะกลายเป็นเรื่องวุ่นวายหรือเปล่านั้น ก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของเวินเหลียงแล้วเขาจะมาสนใจได้ยังไง?เมื่อถังซือซือได้ยินดังนั้น ก็ยิ่งรู้สึกว่าเกินไปแล้ว “ประธานฟู่ตกลงแล้วงั้นเหรอ? ประธานฟู่สนใจเรื่องเล็ก ๆ แบบนี้ด้วยเหรอ?”ฉู่ซืออี๋หัวเราะ “คุณถังเองก็รู้ว่านี่เป็นแค่เรื่องเล็ก เพราะงั้นอาเจิงถึงบอกให้ฉันเป็นคนตัดสินใจเองได้เลย”ถังซือซือ “คุณฉู่คะ ทุกคนต่างรู้ดีว่าเรื่องเล็กสำหรับประธานฟู่ที่จริงมันสำคัญมาก ๆ ในการถ่ายทำการแต่งหน้าและทรงผมสำคัญมาก หวังว่าคุณจะเข้าใจนะคะ ฉันแค่สงสัยในตัวประธานฟู่ ว่าทำไมถึงมาสนใจเรื่องแบบนี้ด้วย?
เวินเหลียงมองโทรศัพท์ที่อยู่บนพื้นอย่างแข็งทื่อราวกับท่อนไม้ ยืนมองอยู่นานสองนานเธอถึงค่อย ๆ ก้มลงไปเก็บมือถือขึ้นมาเวินเหลียงไม่อยากหาเรื่องใส่ตัวอีกต่อไปหัวใจของฟู่เจิงลำเอียงไปตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเขาก็มีแต่จะลำเอียงไปทางฉู่ซืออี๋เรื่องเมื่อวาน ขอแค่ฟู่เจิงอยากรู้ความจริง ส่งคนไปสืบดูก็จะรู้แล้ว แต่เขาเชื่อคำพูดของฉู่ซืออี๋มากกว่าเท่านั้นนี่คือรักแรกที่ผู้ชายลืมได้ยากงั้นเหรอ?…“ผู้อำนวยการเวินคะ คุณถังกับคุณจูกำลังรอคุณอยู่ในห้องพักค่ะ”ผู้ช่วยเห็นเวินเหลียงยืนอึ้งอยู่ที่เดิม จึงเดินมาเตือนอย่างระมัดระวัง“โอเค ฉันรู้แล้ว” เวินเหลียงรีบเก็บความรู้สึกของตัวเองเอาไว้ ก่อนจะสาวเท้ายาวก้าวไปทางห้องพัก“เป็นยังไงบ้าง? ประธานฟู่ว่ายังไง?” เมื่อเห็นเวินเหลียงเข้ามา ถังซือซือก็รีบถามจูฝานเงยหน้ามองอย่างลุกลี้ลุกลนเวินเหลียงส่ายหน้าจูฝานถอนหายใจถังซือซือทอดถอนใจ “นึกไม่ถึงเลยจริง ๆ ทีแรกคิดว่าประธานฟู่คือถังไท่จง [footnoteRef:1]ใครจะไปรู้ว่าจะเป็นโจวโยวอ๋อง[footnoteRef:2]” [1: ถังไท่จง คือหนึ่งในจักรพรรดิที่สร้างชื่อเสียงในราชวงศ์ถัง สร้างคุณูปการให้กับ
คนขับรถชำเลืองมองฟู่เจิงผ่านกระจกหลังสองที ก่อนจะมองตามสายตาของฟู่เจิงออกไปนอกหน้าต่าง ทันใดนั้นตาทั้งสองพลันเบิกโพลง นั่นมันคุณผู้หญิงไม่ใช่เหรอ?แล้วผู้ชายที่อยู่ข้างคุณผู้หญิงเป็นใครกัน?สวมหมวกแก๊ปและหน้ากากอนามัย ปิดบังมิดชิดขนาดนั้น แถมยังปรากฏตัวในสตูดิโอ คงจะเป็นดาราคนหนึ่งใช่ไหม?ดูท่าทางแล้วผู้ชายคนนั้นสนิทสนมกับคุณผู้หญิงอยู่ไม่น้อยคนขับรถพูดกระซิบเตือน “คุณผู้ชายครับ คุณฉู่ออกมาแล้วครับ”ฟู่เจิงตอบกลับว่า “อืม” ด้วยน้ำเสียงที่ไม่หนักและไม่เบาทีหนึ่งคนขับรถชักไม่แน่ใจอยู่นิดหน่อยว่าเขาหมายความว่ายังไง“ขับรถไปหน้าประตูสตูดิโอ” ฟู่เจิงเอ่ยขับรถไปหน้าประตูสตูดิโองั้นเหรอ แบบนั้นจะไม่ถูกคุณผู้หญิงเห็นเข้าหรือยังไง?ในใจของคนขับรถกำลังไตร่ตรอง ทว่ายังคงเชื่อฟังคำสั่งของฟู่เจิง ขับรถไปที่หน้าประตูสตูดิโอระหว่างพูดคุยกัน โจวอวี่เชิดคางขึ้น “นั่นประธานฟู่ไม่ใช่เหรอ?”เวินเหลียงมองตามสายตาไป เห็นเพียงหน้าสตูดิโอมีรถยี่ห้อปอร์เช่รุ่นคาเยนน์สีดำคันหนึ่ง แล่นมาจอดอยู่ตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ ป้ายทะเบียนรถคันนั้นเป็นรถที่ฟู่เจิงใช้อยู่เป็นประจำ ฉู่ซืออี๋ยืนอยู่หน้ารถฟู่
ฟู่เจิงเงยหน้าขึ้น มองไปปราดเดียวก็เห็นเงาร่างของเวินเหลียงยืนอยู่หน้าประตูเธอยืนในทิศทางย้อนแสง สีหน้าคลุมเครือมองเห็นไม่ชัด ทว่าเขากลับมีลางสังหรณ์อย่างหนึ่ง เธอกำลังมองเขาอยู่“บังเอิญเจอฉางคงตรงทางเดิน ก็เลยมาทักทายกับทุกคนสักหน่อย” ใบหน้าของเวินเหลียงแฝงรอยยิ้มเล็กน้อย พลางกวาดสายตาไปที่ทุกคนอย่างรวดเร็ว“มากินข้าวกับเพื่อนที่นี่เหรอ?” ฟู่เจิงถาม“อืม”เจียงมู่ยิ้มพร้อมถามขึ้นว่า “เวินเหลียง ช่วงนี้กำลังยุ่งอะไรอยู่เหรอ?”“แอมบาสเดอร์ของเอ็มคิวค่ะ”เจียงมู่อึ้งไป ทันใดนั้นก็ตระหนักได้ว่าตัวเองหยิบระเบิดขึ้นมาแล้วแต่เห็นได้ชัดว่าคนอื่นไม่รู้ ระเบิดลูกนี้นั้นหมายถึงฉู่ซืออี๋ เขาหัวเราะแล้วพูดขึ้น “แอมบาสเดอร์ก็อยู่นี่ไม่ใช่เหรอ?”เวินเหลียงยิ้มชืด ๆ ก่อนจะเดินเข้าไปที่โต๊ะ แล้วหยิบแก้วเปล่าขึ้นมารินชาให้ตัวเอง “วันนี้ไหน ๆ ก็บังเอิญได้เจอกัน ฉันขอใช้ชาแทนเหล้าดื่มให้คุณทั้งสองคนนะคะ รบกวนแล้วนะคะ วันหน้าค่อยเลี้ยงข้าวทุกคนอีกครั้งก็แล้วกันนะคะ พี่รอง ฉันขอดื่มให้คุณด้วย”“พี่รอง” สองคำนี้ เธอเรียกอย่างชัดเจนเป็นพิเศษนับตั้งแต่ทั้งสองคนแต่งงานกัน ราวกับเวินเหลียงเธอไม่เ
ราวกับเสียบมีดแทงเข้าไปในหัวใจเธอด้วยมือตัวเอง“เวินเหลียง ก็แค่ดื่มคารวะพี่สะใภ้รองของเธอเองไม่ใช่เหรอ?”“นี่จะเป็นไรไป?”“คุณฉู่เป็นคนดีเข้าใจหัวอกคนอื่น ดื่มคารวะพี่สะใภ้จะเป็นไรไป?”สีหน้าของเวินเหลียงตึงเครียด เธอเม้มมุมปาก ก่อนจะเดินหน้าไปหยิบแก้วเหล้าบนโต๊ะขึ้นมา แล้วยกดื่มในรวดเดียวต่อหน้าฉู่ซืออี๋ เธอวางแก้วเหล้าลง จากนั้นก็หมุนตัวเดินออกไปโดยไม่พูดไม่จา“ไม่แม้แต่จะเรียกพี่สะใภ้รองเลย” ลู่ฉางคงหัวเราะพลางส่ายหน้า“สงสัยคงคิดว่าตัวเองเป็นคุณหนูตระกูลฟู่ไปแล้วจริง ๆ ไม่นึกเลยว่าจะกล้าสะบัดหน้ากับอาเจิง”“ตอนนี้มีที่ให้เธอยืนในบริษัทฟู่ซื่อก็ดีมากแล้ว คุณฉู่เป็นถึงนายหญิงในอนาคตของฟู่ซื่อ ไม่นึกเลยว่าเธอจะไม่เห็นอยู่ในสายตา อาเจิงหรือว่านายอยากจะดูคุณฉู่ต้องน้อยเนื้อต่ำใจไปทั้งอย่างนี้?”“อะแฮ่ม” เจียงมู่กระแอม มองสีหน้าของฟู่เจิงที่ยิ่งเคร่งขรึมขึ้นเรื่อย ๆ “พวกนายเลิกพูดกันได้แล้ว”เมื่อทุกคนเห็นว่าสีหน้าของฟู่เจิงไม่สบอารมณ์เอาซะเลย ก็คิดว่าฟู่เจิงไม่พอใจเวินเหลียง คนที่เหลือจึงไม่พูดถึงเรื่องนี้อีกแต่มีอยู่คนหนึ่ง กำลังประมาณการคิดจะฉวยโอกาสเอาใจฟู่เจิงกับฉู่ซือ
อิเลียลุกขึ้นพรวด พลางมองเยี่ยนหวยอย่างเหลือเชื่อ“ถ้าเธอยังเห็นฉันเป็นพี่ชายของเธออยู่ ก็เชื่อฟังฉัน แล้วกลับไปเมืองฟิลาเดลเฟียพรุ่งนี้ซะ!” เยี่ยนหวยนั่งตัวตรงพลางเงยหน้ามองเธออยู่บนโซฟา“ฉันไม่กลับ!” อิเลียเดือดดาลจนแค่นเสียงฮึออกมาทีหนึ่ง ก่อนจะกลับไปนั่งตรงมุมโซฟา “อยากกลับพี่ก็กลับไปเองซะเลยสิ!”“ฟู่เจิงไม่ใช่คนดี ต่อให้ระหว่างพวกเธอมีลูกด้วยกัน เขาก็ไม่มีทางคบกับเธอ”ก่อนหน้านี้ฟู่เจิงเคยมีเรื่องอื้อฉาวว่ามีชู้ ตอนนี้ก็มีอดีตภรรยาที่มีความสัมพันธ์คลุมเครือมาอีกคน ขอให้เป็นผู้ใหญ่ที่รักลูกสาว ก็จะไม่มีวันเลือกเขาทั้งนั้น“พี่รู้ได้ยังไงว่าเขาไม่ใช่คนดี? พี่รู้ได้ไงว่าเขาจะไม่คบกับฉัน? วันนี้ตอนเที่ยงเรายังไปกินข้าวด้วยกันอยู่เลย!”เมื่อเห็นอิเลียดื้อดึง ในใจของเยียนหวยก็รู้สึกไม่ได้ดั่งใจ เขาแสยะยิ้มออกมาทีหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยว่า “พวกเธอไม่ได้ไปกินข้าวด้วยกันตามลำพัง แต่ฟู่ซือฝานอยู่ข้าง ๆ ใช่ไหม?”ในช่วงเวลาสำคัญแบบนี้ ฟู่เจิงจะมากินข้าวกับอิเลียตามลำพังได้ยังไง? นอกเสียจากเขาคิดจะเลิกกับเวินเหลียงจริง ๆ“...ใช่ ก็เขาเป็นลูกของพวกเรานี่” เมื่อเห็นว่าถูกเดาทางถูก อิเลียก็พูดอึ
แต่หลังจากเดินตามแผนแล้วถึงได้พบว่า นี่มันไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เลยถ้าพ่อแม่คุณลุงคุณป้ารู้ว่าเธอมีลูกนอกสมรสข้างนอก ต้องเข้ามาแทรก และไม่แน่ว่าจะพาตัวเธอกับลูกกลับไป“อิเลีย ผมเข้าใจนะครับคุณในฐานะแม่แท้ ๆ คุณอยากรีบกระชับความสัมพันธ์กับฝานฝาน แต่ก็อย่าตื่นตระหนกจนทำอะไรไม่ถูก โดยเฉพาะมักจะไปหาฝานฝานที่โรงเรียนอนุบาล แบบนี้จะส่งผลกระทบกับชีวิตของเธอได้นะครับ”“ฉันรู้แล้วค่ะ ต่อไปจะไม่ไปหาเขาที่โรงเรียนอนุบาลอีก ฉันเห็นว่าคุณกินน้อยมาก อาหารที่เหลือไม่ถูกปากหรือเปล่า?”ฟู่เจิง “...ก่อนมาผมกินมาบ้างแล้ว”หลังกินข้าวเที่ยงเสร็จ ฟู่ซือฝานรบเร้าขอกลับกับฟู่เจิงเธอล้วงกลยุทธ์ร้องไห้งอแงชักดิ้นชักงออยู่ที่พื้นของเด็กห้าขวบออกมาอย่างล้ำลึก ไม่มีเหตุผล ทว่าอิเลียฝืนเธอไม่ได้อิเลียทำได้เพียงกลับไปที่บ้านของเซี่ยเจิน“อิเลีย เธอกลับมาแล้วเหรอ?”เมื่อเห็นอลิซนั่งอยู่บนโซฟา อิเลียเดินมานั่งลง “เป็นยังไงบ้าง? ครั้งนี้เธอไปเมืองซีกับซีซาร์ ได้แสร้งทำเป็นเจอโดยบังเอิญ แล้วไปกินข้าวกับเขาอะไรหรือเปล่า?”อลิซเบะปาก “เปล่า”“ทำไมล่ะ? โอกาสดีขนาดนั้นทำไมเธอไม่คว้าเอาไว้?”“เขางานยุ่งมาก ฉันกล
อิเลียจัดผมด้วยท่าทางราวกับไม่มีเจตนาอื่น หน้าตาเผยความตื่นเต้นออกมาดูท่าเธอจะเลือกวิธีถูกจริง ๆในตอนนี้เธอเพิ่งเข้าใกล้ฟู่ซือฝานไม่เท่าไร ท่าทีของฟู่เจิงเขาก็ผ่อนคลายลงเยอะแล้วผ่านไปยี่สิบนาที ฟู่เจิงก็ปรากฏตัวขึ้นในห้องรับรองนี่เป็นการเจอกันครั้งที่สองหลังจากวันนั้นเขานั่งลงข้าง ๆ ฟู่ซือฝาน พลางพยักหน้าให้อิเลียเบา ๆ “รบกวนแล้ว ไม่ถือสาที่ผมมาร่วมโต๊ะด้วยใช่ไหม?”“ไม่ถือสา นั่งเถอะค่ะ”สีหน้าของอิเลียเย็นชา ราวกับยังอยู่ต่อหน้าคุณหญิงและฟู่ชิงเยว่ครั้งก่อน เธอไม่ได้โกรธที่ฟู่เจิงปฏิเสธเธออย่างไร้ความปรานี“งานผมยุ่งมาก ยากที่จะใส่ใจคุณกับฝานฝานได้มากขนาดนั้น”“ฝานฝานเป็นลูกของฉัน นี่เป็นสิ่งที่สมควรอยู่แล้ว ฉันไม่รู้ว่าคุณจะมา ก็เลยสั่งอาหารไปสุ่ม ๆ เดี๋ยวอาหารมาเสิร์ฟคุณก็ดูแล้วกันว่าอยากจะสั่งเพิ่มไหม”“ผมไม่เลือกกิน” ฟู่เจิงตอบจากนั้นพนักงานก็เริ่มมาเสิร์ฟอาหารฟู่เจิงมองเนื้อแพะที่มาเสิร์ฟเต็มโต๊ะ เขาเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก้มหน้าไปมองฟู่ซือฝานฟู่ซือฝานก้มศีรษะน้อย ๆ อย่างกระวนกระวายอิเลียหยิบตะเกียบขึ้นมา “ไม่ต้องเกรงใจ กินเลยค่ะ”ฟู่เจิงลังเลอยู่ครู่หนึ่
เจียงเฉิงเที่ยงวันศุกร์ อิเลียไปรับฟู่ซือฝานออกไปกินข้าวเที่ยงที่คฤหาสน์ย่านซิงเหอวานเธอฉีกยิ้มพลางพูดกับฟู่ซือฝานว่า “เมื่อวานแม่ว่าจะไปรับหนูที่โรงเรียนอนุบาล จู่ ๆ ก็นึกถึงคำพูดของหนูเมื่อครั้งก่อนได้ ก็เลยมาวันนี้ วันนี้ตอนบ่ายแม่จะพาหนูไปเล่นดี ๆ เป็นยังไงจ๊ะ?”ฟู่ซือฝานเอียงคอพลางครุ่นคิด “ตอนบ่ายหนูต้องทำการบ้าน แค่กินข้าวเที่ยงก็พอแล้วค่ะ”“ก็ได้ งั้นหนูคิดไว้หรือเปล่าว่าอยากกินอะไร?”“ไปร้านอาหารที่มีเมนูเนื้อแพะแนะนำแล้วกันค่ะ” ฟู่ซือฝานเอ่ยขึ้นด้วยทีท่าจริงจัง “วันนี้คุณลุงบอกว่าจะไปกินข้าวเที่ยงเป็นเพื่อนหนู ไม่รู้ว่าจะมาไหม”นัยน์ตาอิเลียวาบความปลื้มปีติออกมา “จริงเหรอ?”“เขาเคยบอกไว้แบบนี้ค่ะ คุณน้าคะ ที่คุณน้ารับหนูออกมา ไม่ใช่เป็นเพราะอยากกระชับความสัมพันธ์กับหนูสองต่อสองเหรอคะ? ทำไมถึงหวังให้คุณลุงมาด้วยล่ะคะ?”เจ้าตัวน้อยเอ่ยถามขึ้นด้วยใบหน้าจริงจัง“น้า...น้ามีเรื่องอยากพูดคุยกับพ่อของหนูน่ะ แล้วก็หวังว่าเราจะได้กินข้าวด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตากันทั้งครอบครัว” อิเลียรีบหาข้ออ้างทันทีเจ้าเด็กคนนี้ หูตาเฉียบแหลมจริง ๆ“อ้อ”“น้าจะหาร้านอาหารเนื้อแพะเดี๋ยวน
“เรียกฉันทำไม?” เยี่ยนหวยมองเธอด้วยสีหน้าไร้เดียงสา“ตอนนี้มันฤดูร้อน”ผ่านฤดูใบไม้ผลิมาแล้ว“ฉันแค่นึกถึงวันนั้นที่ไปติวให้เธอแล้วเจอแม่เธอเข้าโดยบังเอิญ เธอคิดไปถึงไหน?” เยี่ยนหวยเลิกคิ้วถังซือซือชะงักไปมีครั้งหนึ่งตอนที่เธอติวอยู่ในบ้าน แล้วบังเอิญเจอแม่ของเธอเข้าจริง ๆ แต่นั่นมันเรื่องตอนเทอมที่สองเยี่ยนหวยต้องจงใจพูดถึงวันนั้นตอนเทอมแรกแน่ ๆ ให้เธอเข้าใจผิดถ้าเธอชี้ไปเลยว่าเยี่ยนหวยจำผิด ก็จะเข้าแผนของเยี่ยนหวย เหมือนว่าเธอยังไม่เคยลืมเรื่องในอดีต คิดถึงเรื่องราวเหล่านั้นของเธอกับเยี่ยนหวยอยู่ตลอด“ตอนนี้ไม่ใช่ฤดูร้อนเหรอ? นายคิดไปถึงไหนอีก?” เธอปัดตกเรื่องนี้ไปอย่างมั่นใจทันทีหลังพูดจบ เธอก็หมุนตัวเดินไปด้านหน้าต่อ “ไม่พูดแล้ว รีบไปร้านถัดไปเถอะ”อยู่ข้างนอกจนถึงสี่ทุ่ม ทั้งสองคนถึงกลับไปยังโรงแรมด้วยกันถังซือซืออยากเรียกรถกลับไปเอง ไม่อยากให้เยี่ยนหวยไปส่งเธอเยี่ยนหวยจึงเอ่ยไปตามตรงว่า “ฉันพักอยู่ที่โรงแรมเดียวกันกับเธอ”ถังซือซือ “...”นี่ไม่ใช่ครั้งแรกแล้วคราวก่อนตอนที่เวินเหลียงถ่ายรูปเยี่ยนหวยรูปแรกที่เมืองฟิลาเดลเฟีย เวินเหลียงก็ถามว่าช่วงนี้เยี่ยนหวย
เมืองซีในฐานะเมืองใหญ่ของเจียงหนาน ประเภทของกินเล่นมีมากมาย ของกินเอกลักษณ์ที่ขึ้นชื่อไปทั่วประเทศอาทิ เต้าหู้เหม็น ไส้กรอกยักษ์ เส้นหมีเฝิ่น กุ้งเผ็ดเป็นต้นถังซือซือเคยมาเมืองซีตอนมาทำงานต่างถิ่นก่อนหน้านี้ เวลาค่อนข้างกระชั้นชิด จึงทำได้เพียงเดินช็อปปิงที่อื่น แต่เพิ่งเคยมาถนนคนเดินที่นี่เป็นครั้งแรกเธอซื้อไส้กรอกยักษ์สองชิ้นก่อน และแบ่งให้เยี่ยนหวยหนึ่งชิ้นกินไปได้เพียงครึ่งเดียว ถังซือซือก็หยุดอยู่ตรงหน้าร้านขายขนมฉือปา เธอกลืนน้ำลายแล้วถามขึ้นว่า “รู้ไหมคะว่าตรงไหนมีถังขยะบ้าง?”“ที่เหลือเธอไม่กินแล้วเหรอ?”“อืม”“ไม่อร่อย?”“ไม่ใช่ อร่อยมาก แต่ว่ายังมีของอร่อยอื่น ๆ อีกเยอะแยะ ฉันอยากเก็บท้องเอาไว้”เยี่ยนหวย “...”“เอามาให้ฉันก็ได้” เยี่ยนหวยรับไส้กรอกครึ่งชิ้นที่เหลืออยู่มาจากในมือของเธอ ก่อนจะเติมเข้าไปในท้องอย่างไม่มีภาระใด ๆถังซือซือซื้อขนมฉือปาแล้วเธอทำตัวอย่างกับโจร แต่ละร้านไม่ยอมปล่อยไปเลย ทว่าก็ชิมเพียงสองสามคำ ทั้งหมดที่เหลือก็โยนให้เยี่ยนหวยอย่างสบายใจเยี่ยนหวยเพลิดเพลินกับพฤติกรรมพรรค์นี้ ในใจเข้าใจได้ในทันที ราวกับกลับไปเมื่อเจ็ดปีก่อนหลังเรียนอย
“มันเรื่องอะไรกันแน่?”ก่อนหน้านี้ที่เยี่ยนหวยอยู่ที่เจียงเฉิง กลับไม่ได้สังเกตเท่าไรว่าอิเลียกำลังทำอะไรอยู่ เธอออกไปข้างนอกทุกวัน เยี่ยนหวยคิดเพียงแค่ว่าเธอกำลังไปเที่ยวเล่นถังซือซือไม่ใช่คนที่จะกุเรื่องมั่วซั่ว เธอพูดแบบนี้ ต้องรู้อะไรบางอย่างแน่ ๆ“พูดไปแล้วก็ยาว ตอนแรกฟู่ชิงเยว่อาของฟู่เจิงรับเลี้ยงเด็กกำพร้าอยู่ที่เมืองนอก ตอนนี้อายุห้าขวบแล้ว ปีที่แล้วอาเหลียงแท้ง แล้วฟู่ชิงเยว่ติดธุระพอดี เลยส่งเด็กคนนั้นกลับประเทศมาให้ฟู่เจิงดูแลช่วงหนึ่ง ฟู่เจิงเลยให้เด็กคนนั้นอยู่ในประเทศไปเลยเพื่อง้ออาเหลียง ปกติจะมาอยู่เป็นเพื่อนอาเหลียง และเด็กคนนั้นเองก็เข้าไปอยู่ในทะเบียนบ้านของฟู่เจิง แต่ว่า...”เยี่ยนหวยเดาเรื่องที่จะเกิดขึ้นต่อไปออกแล้ว จึงรับช่วงเอ่ยขึ้นต่อว่า “แต่ว่าจู่ ๆ ก่อนหน้านี้ก็มีข่าวบอกว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นเป็นลูกของฟู่เจิงกับอิเลีย?”“ใช่ รายละเอียดฉันก็ไม่ค่อยแน่ใจเหมือนกัน เหมือนว่าจะเกี่ยวข้องกับอาของฟู่เจิงนิดหน่อย เธอรู้ตัวตนของเด็กผู้หญิงคนนั้นมาตั้งแต่แรก และไม่ชอบอาเหลียงมาโดยตลอด ยังไงตอนนี้อาเหลียงก็อยู่กับฉัน เขากับฟู่เจิงทะเลาะกันอีกแล้ว”เยี่ยนหวยเอ่ยควา
“เยี่ยนหวย!!”ประตูลิฟต์เปิดออก ทั้งสองคนเข้าไปกันตามลำดับ แล้วลงไปยังลานจอดรถใต้ดินตรงมุมเลี้ยว ในหัวของผู้หญิงสวมหน้ากากอนามัยวาบภาพที่เห็นเมื่อครู่ขึ้นมา หมัดที่ห้อยอยู่กำขึ้นแน่น เธอก้มหน้าทั้งดวงตาที่ประกายความอำมหิตออกมาหากเวินเหลียงอยู่ตรงนี้ คงจะจำได้แน่ ๆ ว่าผู้หญิงที่สวมหน้ากากอนามัยคนนี้ก็คืออลิซที่เธอมาเจียงเฉิง ก็เพราะเยี่ยนหวย เยี่ยนหวยมาเมืองซีเมื่อสองวันก่อน เธอเองก็ตามมาเช่นกันอิเลียถามเลขาของเยี่ยนหวย เมื่อรู้โรงแรมของเขาก็บอกกับอลิซทีแรกอลิซคิดว่าเยี่ยนหวยมาทำธุระที่เมืองซี จากนั้นก็ค่อย ๆ พบว่ามันไม่ชอบมาพากลเยี่ยนหวยไม่ยุ่งเลยสักนิดแถมยังมีเวลาไปสอบถามร้านอาหารท้องถิ่น ถนนคนเดิน จุดชมวิวของเมืองซีเป็นต้น อีกต่างหาก ไม่เหมือนมาทำงานต่างถิ่น แต่เหมือนมาเที่ยวเสียมากกว่าจนกระทั่งวันนี้ เมื่อได้เห็นภาพนั้น อลิซถึงเข้าใจทุกอย่างที่แท้คนที่ซีซาร์ชอบไม่ใช่เฟย์ แต่เป็นถังซือซือเพื่อนของเฟย์!ที่แท้เขาไม่ได้มาทำงานต่างถิ่นที่เมืองซี แต่มาเพื่อตามจีบถังซือซือ!ที่เขาสอบถามร้านอาหารและจุดชมวิวของเมืองซี ก็เพื่อพาถังซือซือไปวันนี้!ในใจอลิซอิจฉาเป็นอย่างม
เมื่อเยี่ยนหวยได้ยินดังนั้น ก็รู้ในทันทีว่าเวินเหลียงไม่ได้รักษาคำมั่นสัญญาแต่เขาก็เตรียมตัวไว้นานแล้ว วันนั้นหลังจากกลับไปก็ให้คนไปตรวจสอบกล้องวงจรปิด แล้วตัดคลิปมาใส่ไว้ในโทรศัพท์เมื่อได้ยินถังซือซือถามขึ้น เขาก็รีบส่งให้เธอทันที “ก็แค่คนที่ไม่สลักสำคัญอะไรคนหนึ่ง ฉันปฏิเสธเขาไปแล้ว”ถังซือซือดูคลิปรอบหนึ่ง ก่อนจะเบะปาก “อยู่ต่างประเทศคุณเยี่ยนมีสาวมาชอบเพียบเลยนะคะ”“แต่ฉันสนใจอยากจะครอบครองแค่เธอ”“จะยอมให้ฉันครอบครองไหม คุณถัง?”เยี่ยนหวยนั่งเอี้ยวตัว แขนข้างหนึ่งพาดอยู่บนพนักพิงเก้าอี้ เขาโน้มตัวเข้ามา ตัวท่อนบนใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ กลิ่นหอมฉุยจาง ๆ และกลิ่นอายของชายหนุ่มที่มาพร้อมกับการบุกรุกโอบล้อมเธอเอาไว้เขาดันแว่นตากรอบทอง สีหน้าอบอุ่น ฉีกยิ้มทว่าก็ราวกับไม่ยิ้ม มุมปากกระตุกรอยยิ้มเล็กน้อย ค่อนข้างมีความรู้สึกประเภทหน้าเนื้อใจเสือถังซือซือเหม่อไปครู่หนึ่ง“คุณถัง?”ใบหน้าหล่อเหลาตรงหน้าขยายใหญ่ขึ้นอีกครั้ง ไออุ่นร้อนปะทะเข้ามาที่หน้า ในที่สุดถังซือซือก็ได้สติกลับมา เธอเอนหลังพลางตบหน้าอก “นายทำฉันตกใจหมด...ไป ไปเดินหาของกินเล่นกันเถอะ”เธอลุกขึ้นและเดินออกไปอย่าง