Home / แฟนตาซี / สวรรค์ไร้ใจ ข้าขอไร้วาสนา / 1.กาลก่อน ณ สวรรค์ชั้นฟ้า (3)

Share

1.กาลก่อน ณ สวรรค์ชั้นฟ้า (3)

Author: rasita_suin
last update Last Updated: 2025-02-23 12:50:10

เทพสงครามกลับมาโดยมีเจ้าของเรือนร่างสะโอดสะองในชุดทะมัดทะแมงพร้อมออกศึกของหนิงเฟิ่งพระชายาก้าวตามเข้ามาหยุดยืนหน้าแท่นประทับ

“ไท่จื่อ”

เจ้าของเสียงหวานเอ่ยพร้อมย่อตัวลง ใบหน้างามล้ำสงบนิ่งไม่มีลนลานกลัวเกรง ดวงตาคู่งามมองตรงแน่วนิ่งไร้แววหวาดหวั่นหรือรู้สึกผิดทำให้ผู้เห็นนึกขัดใจ

“หนิงเฟิ่ง รู้ความผิดหรือไม่”

คิ้วเรียวสวยกระตุกเล็กน้อยกับเสียงเข้มที่ดูเหมือนจะตัดสินนางไปแล้ว

“ข้ามีเหตุจำเป็นไม่อาจร่วมทัพ ขอไท่จื่อประทานอภัย”

หนิงเฟิ่งคุกเข่าลงพร้อมขอในสิ่งที่คิดว่านางทำผิด

“อภัย? กิจอันใดสำคัญกว่าการสู้ศึกใหญ่ปกป้องมวลมนุษย์กับทุกดินแดนจากเผ่าพันธุ์ปิศาจ”

ยิ่งฟังคำขอของชายาตนไท่จื่อเจิ้งหานก็ยิ่งไม่พอใจ

“ข้าไม่ได้มีกิจอันใด เพียงแต่ข้าไม่อาจร่วมทัพได้”

“หนิงเฟิ่ง!”

นอกจากไม่สำนึกแล้วชายายังใช้คำบิดเบือนหนีความผิดในสายตาไท่จื่อ

“หรือเจ้าเห็นว่าตนไม่ผิด มีกิจกับไม่อาจร่วมทัพต่างกันอย่างไร นั่นถือเป็นความผิดด้วยกันทั้งสิ้น อย่าใช้ความเป็นชายาของข้าลบเลือนความผิดของเจ้า ยิ่งเป็นคนใกล้ตัวข้ายิ่งไม่อาจละเลย”

พระชายาเหมือนจะเอ่ยบางอย่างทว่าทหารยามด้านหน้าเอ่ยขึ้นมาก่อน

“เรียนไทจื่อ ท่านเทพวิหคสือเฟิ่งกับเจ้าบาดาลขอเข้าพบขอรับ”

“เข้ามา”

แม้ไท่จื่อไม่อยากไต่สวนให้เป็นเรื่องใหญ่จนข่าวแพร่ออกไป หากก็เลี่ยงเจ้าบาดาลกับเทพวิหคไม่ได้ ในเมื่อทั้งสองถือว่ามีส่วนเกี่ยวข้องด้วย

“เจ้า...”

เจ้าบาดาลเข้ามาก็มุ่งไปยังร่างของพระชายาทันใด แต่เทพวิหคยื่นมือมาขวางเอาไว้ เทพทั้งสองเขม่นกันด้วยสายตานับแต่มาขอเข้าพบด้านนอกที่ประทับ หลังได้ข่าวว่าเทพสงครามพาพระชายามาถึงแล้ว ทว่าต่างคนต่างเป้าหมาย ด้านเทพวิหคสือเฟิ่งต้องการปกป้องหลานสาวแต่เจ้าบาดาลต้องการเอาผิด

“ต่อหน้าไท่จื่อ ท่านกล้าแตะต้องพระชายาหรือ”

เจ้าบาดาลซีเหว่ยจ้องเทพวิหคด้วยสายตากรุ่นโกรธแล้วเหลือบไปยังพระชายาอย่างอาฆาตแค้น หากก็ต้องระงับโทสะของตน เพราะไม่เพียงไท่จื่อที่มองมานิ่งทว่าแววตาดุดัน เทพสงครามเองก็ขยับเข้ามาใกล้บ่งบอกว่าหากเขาทำอะไรก็พร้อมจัดการ นั่นทำให้เจ้าบาดาลรีบคุกเข่าลงเอ่ยเสียงเศร้าสร้อย

“ขอไท่จื่อเมตตา ข้าใจร้อนด้วยความเสียใจ แต่ข้ามีซีเหวินเป็นบุตรชายเพียงคนเดียว เวลานี้มาจากไปด้วยฝีมือพระชายา ไท่จื่อโปรดให้ความเป็นธรรมกับซีเหวินด้วยเถิด”

“เจ้าบาดาลวางใจเถิด ข้าไม่ได้นิ่งนอนใจ กำลังจะไต่ส่วนชายาของข้าเรื่องบุตรชายของท่านเช่นกัน”

เอ่ยแล้วไท่จื่อก็หันมายังชายาของตน ขณะที่เจ้าบาดาลยิ้มอย่างพอใจ

“ว่ายังไงหนิงเฟิ่ง เจ้าลงมือสังหารซีเหวินบุตรชายของเจ้าบาดาลจริงหรือไม่”

“เป็นความจริงที่ฆ่าสังหารเขา เพราะ...”

“ในเมื่อพระชายายอมรับ ขอไท่จื่อตัดสินให้ความเป็นธรรมกับบุตรของข้าด้วย”

“ช้าก่อนเจ้าบาดาล ดูเหมือนพระชายายังมีสิ่งที่ต้องพูดต่อ ท่านควรรอฟังความจากพระนางให้จบก่อน”

สือเฟิ่งรีบแทรกขึ้น อย่างไรเสียก็มั่นใจว่าหลานสาวของตนไม่สังหารใครส่งเดช แล้วบอกกับหลานอย่างช่วยเหลือ

“หนิงเฟิ่ง มีสิ่งใดจะพูดรีบพูดให้หมด”

“องค์ชายเผ่าบาดาลไปขอพบข้าที่เผ่าวิหค บอกว่าไท่จื่อได้รับบาดเจ็บสาหัส ต้องการพบ ข้าจึงรีบตามมา ไม่คิดเลยว่า...”

เล่ามาได้ครู่หนึ่งหนิงเฟิ่งก็อ้ำอึ้งไม่อยากพูด มองสบตาคู่คมของไท่จื่ออย่างไม่สบายใจ เพราะเขาไม่ได้มีท่าทีอ่อนลงให้เห็นเลยแม้แต่น้อย นางจึงเอ่ยต่อด้วยความปวดหนึบในใจ

“เขาจะล่วงเกินข้า”

“ล่วงเกินหรือ”

ไท่จื่อพึมพำพร้อมสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย แล้วเหลือบมองเจ้าบาดาลตาขุ่นขวางเมื่ออีกฝ่ายรีบแก้ตัว

“เป็นไปไม่ได้ฝ่าบาท ซีเหวินไม่มีนิสัยเจ้าสำราญ เขายังไม่มีชายาด้วยซ้ำ อีกอย่างเขาย่อมรู้ว่าพระชายาของท่านไม่อาจแตะต้องได้”

“เช่นนั้นเขาไปพบพระชายาด้วยเหตุใด ไท่จื่อไม่ได้มีรับสั่งถึงพระชายา หากไม่มีเจตนาไม่ดี จะไปเชิญพระชายาให้เดินทางมาด้วยทำไม”

สือเฟิ่งแย้ง จุดบอดมีให้เห็นชัดเจน เขาจะไม่ยอมให้เจ้าบาดาลเอาผิดหลานสาวตนทั้งที่บุตรชายทำสิ่งเลวร้ายเด็ดขาด

“บังอาจล่วงเกินพระชายา สมควรตาย”

“ไม่จริง บุตรชายข้ารู้ว่าอะไรควรไม่ควร เขาไม่มีวันยุ่งกับพระชายา”

“ท่านจะกล่าวหาพระชายาว่าลดตัวลงมายุ่งกับบุตรชายท่านเอง เช่นนั้นหรือ”

“เทพวิหค เจ้าบาดาล ท่านทั้งสองต่างก็เป็นผู้ใหญ่ อย่าเอ่ยโต้กันไปมาเช่นนี้เลย”

เทพสงครามอดไม่ได้ที่จะห้าม ในเมื่อยิ่งพูดก็ยิ่งเหมือนดึงพระชายาไท่จื่อลงมาสู่ความต่ำตม

ไท่จื่อกำมือแน่นกับสิ่งที่ได้ฟังทั้งที่ใบหน้าคมคายราบเรียบ ยิ่งเห็นว่าชายาของตนมองมานิ่ง ทว่าภายในดวงตานั้นมีน้ำเอ่อคลอก็นึกอยากพังวังบาดาลลากเอาคนตายออกมาเผาให้เป็นจุณ

“ไท่จื่อโปรดให้คำเป็นธรรม คนตายแล้วไม่อาจพูด ไม่อาจแก้ต่างได้ ข้าสงสารเหวินเอ๋อร์ของข้ายิ่งนัก”

เจ้าบาดาลเห็นว่าความผิดจะตกอยู่กับเผ่าบาดาลก็ยิ่งพูดให้ตนดูน่าสงสาร

“ข้าพูดความจริง”

หนิงเฟิ่งมองเพียงสวามีของตนขณะยืนยันความบริสุทธิ์ใจ มั่นใจว่าเขาจะเชื่อมั่นใจตัวนาง

“ข้าไม่รู้จักองค์ชายเผ่าบาดาลเป็นการส่วนตัว”

นางย้ำอีกครั้ง

“ในเมื่อเจ้าบาดาลต้องการคนแก้ต่างก็ย่อมได้ ตามทหารคนที่รายงานคนนั้นมา”

ไท่จื่อออกคำสั่ง ไม่ต้องการให้เป็นที่ครหาได้ว่าตนลำเอียง ไม่นานทหารคนเดิมก็เข้ามาและถูกสั่งให้เล่าในสิ่งที่รับรู้ให้หมด

“เพราะเร่งรีบเดินทาง องค์ชายเกรงพระชายาจะอ่อนล้าจึงหยุดพักระหว่างชายแดนมนุษย์กับเผ่าบาดาลชั่วครู่ ตอนนั้นข้าจะเอาชาไปให้แล้วเห็นว่าพวกเขายื้อยุดกัน พระชายาบอกว่าจะไม่อยู่ที่นี่ องค์ชายขอให้อยู่ บอกว่ารักพระนางมาก แล้ว...เอ่อ...”

“พูดมา”

เมื่ออึกอักไท่จื่อก็สั่งเสียงเข้ม

“องค์ชายกอดรั้งพระนางไว้ ข้าไม่อาจอยู่ต่อจึงหลบออกมา ห่างเพียงไม่ถึงสามก้าวก็ได้ยินเสียงองค์ชายร้องขึ้น รีบกลับไปก็เห็นว่าถูกสังหารแล้ว ข้ากลัวพระนางจะฆ่าพวกเราทั้งหมดจึงรีบหนีมาก่อน แต่ก็คิดว่าต้องรายงานกับเจ้าบาดาลขอรับ”

คำพูดของทหารผู้น้อยยังดูกำกวม เหมือนจะไม่ได้รู้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ทำให้ทุกคนต่างมีสีหน้าคิดหนัก

หนิงเฟิ่งเม้มปาก ใบหน้างามล้ำไม่มีหวั่นไหว แม้ภายในใจคับแค้นและอับอายยิ่งนัก นางถูกล่วงเกินหมิ่นเกียรติและต้องประกาศต่อหน้าผู้คน ทั้งยังถูกสวามีไต่สวนราวนักโทษอย่างไม่เชื่อใจ สิ่งที่ทหารผู้นี้เอ่ยราวลากนางมาเผากลางลานประหารทั้งเป็นก็ไม่ปาน หากก็ไม่ได้ให้ความกระจ่างเลยแม้แต่น้อย ยิ่งฟังก็ยิ่งเหมือนนางไร้ยางอายลักลอบคบหาชายอื่นลับหลังสวามี

ดูสีหน้าที่เครียดขรึมนั่นสิ ทั้งที่นางพยายามสบตาไท่จื่อแต่เขากลับเมินจ้องเพียงทหารผู้นั้นราวไม่อยากมองหน้านางแล้ว

อยากรู้นักว่าใจท่านคิดเห็นเช่นไร เชื่อคนอื่นมากกว่าข้าผู้เป็นภรรยาหรือไม่

==========

หนิงเฟิ่งต้องใจแข็งแค่ไหน ต้องพูดเรื่องตัวเองถูกล่วงเกิน ยืนให้คนอื่นลากมาประจาน ^-^"

Related chapters

  • สวรรค์ไร้ใจ ข้าขอไร้วาสนา   2.โทษทัณฑ์แสนสาหัส (1)

    “องค์ชายของเจ้าบอกหรือไม่ เหตุใดต้องไปรับพระชายาของข้า”ไท่จื่อถามต่ออย่างไม่ยอมให้มีสิ่งใดหลุดรอดไปได้“ข้าน้อยเพียงทำตามคำสั่งหัวหน้าให้เดินทางไปแดนวิหคพร้อมองค์ชายขอรับ”“จะยังไงพระชายาก็ฆ่าบุตรชายของข้าจริง”“จากคำพูดทหารของเจ้า หนิงเฟิ่งป้องกันตัว”“ฆ่าคนคือฆ่าคน”“นี่เจ้า...”ทั้งเจ้าบาดาลกับเทพวิหคไม่มีผู้ใดยอมลดละ แต่เสียงทหารก็ดังขึ้น“องค์หญิงเจ้าบาดาลขอเข้าเฝ้าไท่จื่อ”แม้จะแปลกใจหากไท่จื่อก็อนุญาต ชั่วอึดใจร่างอ่อนระโหยอ้อนแอ้นขององค์หญิงเพ่ยซานบุตรีเจ้าบาดาลก็เข้ามา ผู้เป็นบิดาจึงรีบพยุงด้วยความเป็นห่วง“ซานซาน เจ้ายังไม่หายดี เหตุใดจึงมาถึงนี่”“ซานซานมีเรื่องต้องทูลไท่จื่อ”เพ่ยซานเอ่ยเบาโรยแรง“เป็นเรื่องที่ซานซานต้องพูดเพื่อความบริสุทธิ์ใจของพี่ชาย”นางทูลต่อไท่จื่อพร้อมน้ำตาไหลพราก“พูดมาเถิด”ไท่จื่อจำต้องรับฟังอย่างไม่อาจเลี่ยง แม้รู้แก่ใจว่าอาจได้ฟังในสิ่งที่ไม่อยากได้ยิน“พี่ชายข้าผูกสมัครรักใคร่พระชายา นับแต่เริ่มการศึกได้พยายามแอบไปพบพระนางที่เผ่าวิหคบ่อยครั้ง แม้รู้ว่าไม่ควรแต่เพราะพระนางเองก็หยิบยื่นไมตรี”“เจ้าพูดอะไร”หนิงเฟิ่งหันมาเอ่ยกับธิดาเจ้าบาดาลทันที

    Last Updated : 2025-02-23
  • สวรรค์ไร้ใจ ข้าขอไร้วาสนา   2.โทษทัณฑ์แสนสาหัส (2)

    ไท่จื่อนำทัพสวรรค์และแม่ทัพใหญ่เผ่าบาดาลกับเผ่าวิหคเข้าเฝ้ารายงานการศึกต่อหน้าจักรพรรดิและขุนนางสวรรค์ แม้จะมีชัยเหนือราชาปิศาจที่บาดเจ็บหนักจนต้องถอยทัพ แต่ยังต้องระแวดระวังดินแดนมนุษย์อยู่เพราะอ่อนแอและถูกครอบงำง่าย ไม่รู้ว่าราชาปิศาจจะกลับมาแข็งแกร่งและคิดมีอำนาจเหนือทุกดินแดนอีกเมื่อไร“ศึกนี้ข้าต้องขอบใจเผ่าวิหคกับเผ่าบาดาลยิ่งนัก”จักรพรรดิสวรรค์จินหวงเอ่ยน้ำเสียงหนักแน่น“แต่ราชาบาดาลต้องสูญเสียบุตรชาย ทั้งบุตรีของท่านก็บาดเจ็บหนักเพราะช่วยไท่จื่อ ถือว่ามีความชอบต้องตอบแทนท่าน”สือเฟิ่งได้แต่แอบถอนใจ ขณะที่สีหน้าซีเหว่ยไม่ดีนัก เพราะไท่จื่อเอ่ยสั่งไว้ว่าให้การตายของบุตรชายตนเกี่ยวข้องกับการศึก โดยถูกเผ่าปิศาจจู่โจมขณะคุ้มกันพระชายาเดินทางมาหาไท่จื่อที่บาดเจ็บยังเผ่าบาดาล ขอให้เจ้าบาดาลเห็นแก่ไท่จื่อ ในเมื่อได้ลงโทษพระชายาสถานหนักแล้ว“เป็นพระกรุณาฝ่าบาท บุตรชายข้าอุทิศตนเพื่อการศึกเพื่อหกพิภพดินแดน ซานซานบุตรีของข้าแม้ตายแทนไท่จื่อได้ก็ยินดี”“สั่งสอนบุตรได้ดียิ่ง น่าชื่นชม น่าชื่นชม”เผ่าบาดาลช่างหวังสูงนัก คำชมจากจักรพรรดิทำให้สือเฟิ่งคิดพลางกำมือตนแน่น เวลานี้เผ่าวิหคเหมือนน

    Last Updated : 2025-02-23
  • สวรรค์ไร้ใจ ข้าขอไร้วาสนา   2.โทษทัณฑ์แสนสาหัส (3)

    “นั่นคือ...”นางเอ่ยเสียงสั่นด้วยความหวาดหวั่นกับสิ่งที่เห็น“ดวงจิตลูกข้ายังอ่อนแอนัก เขาไม่อาจทนต่อสายฟ้าฟาดได้ หากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไปข้าต้องสูญเสียเขาเป็นแน่”หนิงเฟิ่งพยายามใช้กำลังของตนสร้างเกราะป้องกันให้กับดวงจิตวิญญาณดวงน้อยของบุตรตนที่เกือบจะต้องแตกดับเพราะพลังสายฟ้า ปราการสีทองเปล่งประกายก่อตัวเป็นดอกไม้ชนิดหนึ่งล้อมรอบฟางเซียนมารดาของหนิงเฟิ่งเป็นเทพธิดาเผ่าบุปผา หนิงเฟิ่งจึงสามารถใช้พลังของเผ่าบุปผาได้ อิงอิงนั้นเทพธิดาสร้างขึ้นจากดอกอิงฮวาเพื่อให้เป็นเพื่อนเล่นกับบุตรสาวของตนมาตั้งแต่อายุยังน้อย“ดอกอวี้หลันนี้ เจ้านำไปปลูกไปไว้ที่อุทยานตำหนักฮวาหรงของข้าในวังไท่จื่อ ข้าหวังให้เขาแข็งแกร่งดั่งดอกอวี้หลันที่มีกลีบแข็งแรง”ขณะพูดหนิงเฟิ่งมองดอกอวี้หลันทองสุกสกาวในมืออย่างเศร้าสร้อย“อย่าให้ใครรู้เห็น หรือเข้าใกล้ลูกข้าก่อนข้าจะรับพลังสายฟ้าครบสามวันสามคืน”“แต่เป็นเช่นนี้แล้วพลังปราณของท่านอาจรับสายฟ้าฟาดไม่ไหว ผิวกายปริแตก”อิงอิงเกรงว่านายตนจะต้องเจ็บปวดทรมาน“ข้าต้องปกป้องลูกข้า”ยิ่งได้ฟังเสียงหวานพร่าที่ราวแหลกสลายแล้วของพระชายาอิงอิงก็ยิ่งร้องไห้หนักด้วยความเสีย

    Last Updated : 2025-02-23
  • สวรรค์ไร้ใจ ข้าขอไร้วาสนา   3.สวามีช่างไร้ใจ (1)

    “ไท่จื่อท่านลงโทษพระชายาแล้ว ยังต้องรับธิดาเจ้าบาดาลไว้อีกหรือ”เทพสงครามจิ่นลี่มาพบไท่จื่อถึงตำหนักเฉิงคุน หลังจากองค์จักรพรรดิประทานอภิเษกของไท่จื่อกับธิดาของเจ้าบาดาล“หากพระชายารู้จะเสียใจแค่ไหน ท่านลงโทษพระนางเพราะฆ่าคนที่ทำร้ายตนเอง แล้วยังรับคนที่พูดให้ร้ายมาเป็นสนม ราวท่านไม่นึกถึงใจพระนางเลย”มีเพียงเทพสงครามเท่านั้นที่กล้าออกความเห็นกับไท่จื่อ เพราะเป็นน้องชายในฮองเฮาพระมารดาเดียวกัน เรียนรู้ทั้งด้านกลการรบและวิชาความรู้มาด้วยกันเหมือนเพื่อนคู่คิด“เรื่องราวคลุมเครือ นางไม่อาจแก้ต่างให้ตัวเองพ้นผิดได้ จะให้ข้าทำอย่างไร ข้าไม่อาจมองข้ามได้จิ่นลี่ หากช่วยนางก็ต้องผิดใจกับเผ่าบาดาล ข้าคือไท่จื่อสวรรค์จะลำเอียงไม่ได้”ไท่จื่อเจิ้งหานถอนหายใจเคร่งเครียด“ถึงอย่างนั้นข้าก็คิดว่าท่านไม่จำเป็นต้องยอมรับธิดาของเจ้าบาดาล”“จุดประสงค์เจ้าบาดาลกับบุตรีมีหรือที่ข้าจะมองไม่ออก ยิ่งสูญเสียบุตรชายก็คงยากที่จะล้มเลิกความตั้งใจ ไม่ทำเช่นนี้คิดหรือว่าเผ่าบาดาลจะยอมจบโดยง่าย หากเรื่องถึงพระบิดา หนิงเฟิ่งอาจไม่เพียงแค่รับสายฟ้าฟาด”ใช่ว่าจิ่นลี่จะไม่เข้าใจไท่จื่อว่าที่ลงโทษพระชายาหนักเช่นนี้ส่วน

    Last Updated : 2025-02-23
  • สวรรค์ไร้ใจ ข้าขอไร้วาสนา   3.สวามีช่างไร้ใจ (2)

    วังประดับประดาอย่างสวยงามทั้งโคมไฟและผ้าแดงมงคลทำให้หนิงเฟิ่งสังเกตได้ แม้ว่าเทพสงครามจะพานางมายังประตูสวรรค์แล้วเข้าวังทันที ทั้งยังตรงมายังตำหนักฮวาหรงอย่างไม่หยุดที่ใด“ขอบใจท่านมาก เทพสงคราม”“พระชายาพักผ่อนให้มาก ข้าต้องขอตัวก่อน”เมื่อเทพสงครามไปแล้วหนิงเฟิ่งก็สั่งอิงอิงทันที โดยเก็บความแปลกใจเอาไว้ก่อน“พาข้าไปที่อุทยาน”อิงอิงโล่งใจขึ้นมาหน่อยที่พระชายาไม่ถามถึงความเปลี่ยนแปลง แม้คาดว่าไม่นานพระนางต้องรู้เป็นแน่ แต่นางก็อยากให้นายตนแข็งแรงพอที่จะทนรับความเจ็บปวดเสียใจได้“ลูกแม่”มาถึงต้นอวี้หลันน้อยร่างของหนิงเฟิ่งก็ทรุดลงนั่งใกล้ชิด“เจ้ายังบอบบางนัก ยังไม่ทันได้เติบโต ก็ถูกสายฟ้าฟาดเสียแล้ว แม้จะให้พลังส่วนหนึ่งเสริมกายทิพย์ให้กับเจ้า เจ้าอาจต้องใช้เวลาบำเพ็ญตนประสานจิตกับกายทิพย์หลายพันปี แต่หากว่า...พ่อเจ้าได้รู้ เขา...เขาอาจช่วยเจ้า”แม้ไม่อยากคร่ำครวญแต่น้ำตาก็ไหลออกมาเอง นางยังไม่แน่ใจว่าจะพูดกับไท่จื่ออย่างไร ในเมื่อแคลงใจแล้ว บอกไปเขาจะเชื่อหรือไม่ว่าอวี้หลันน้อยนี้คือลูกของเขา เหนืออื่นใด นางยังไม่อยากเห็นหน้าสวามีของตนไม่อยากเห็นหน้าคนใจดำ“อิงเอ๋อร์ เจ้าพาอวี้หลั

    Last Updated : 2025-02-23
  • สวรรค์ไร้ใจ ข้าขอไร้วาสนา   4.สวรรค์ไร้ใจ ไร้เมตตา (1)

    หนิงเฟิ่งปรากฏกายกลางท้องพระโรงตำนักสวรรค์ชั้นฟ้าในสภาพที่เสื้อผ้าร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลจากสายฟ้า นางรำที่กำลังโชว์ต่อหน้าธารกำนัลที่มาร่วมงานรื่นเริ่งมงคลสวรรค์ต่างก็หยุดลง เทพเซียนทั้งหมดต่างก็หันมาสนใจร่างบอบบางที่บาดเจ็บหนักของพระชายาไท่จื่อ“หนิงเฟิ่ง”ฮองเฮาสวรรค์ฮุ่ยเฟิ่งพึมพำแล้วรีบลงไปช่วยพยุง“เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า เหตุใดจึงบอบช้ำเช่นนี้”พระนางเอ็นดูสะใภ้อย่างมากด้วยเป็นเทพธิดาวิหค เป็นน้องสาวท่านปู่ของหนิงเฟิ่งจึงเป็นห่วงเมื่อเห็นว่าบาดเจ็บ“หนิงเฟิ่งมีเรื่องทูลฝ่าบาทกับฮองเฮา”หนิงเฟิ่งเอ่ยโดยไม่ยอมให้เสียเวลา“มีเรื่องอะไรก็พูดมา”องค์จักรพรรดิสวรรค์จินหวงรู้สึกแปลกใจ เพราะวันนี้เป็นงานอภิเษกของไท่จื่อ แต่ชายากลับมาปรากฏเบื้องหน้าด้วยสภาพไม่ดีนัก ราวตั้งใจทำให้งานไม่เป็นมงคล และเวลานี้เกี้ยวเจ้าสาวน่าจะไปถึงวังไท่จื่อตามฤกษ์ยามแล้ว ไม่รู้ว่าที่นั่นเกิดเรื่องราวอะไรขึ้นหรือไม่“ขอฝ่าบาทกับฮองเฮาเมตตา เผ่าบาดาลหลอกลวงเบื้องสูง หนิงเฟิ่งไม่อาจนิ่งเฉยได้”คำพูดของพระชายาไท่จื่อทำให้เทพเซียนต่างก็มองหน้ากันแล้วเริ่มซุบซิบด้วยความสงสัยเมื่อเห็นว่าการณ์ภายในไม่ค่อยดีนัก องค์จัก

    Last Updated : 2025-02-27
  • สวรรค์ไร้ใจ ข้าขอไร้วาสนา   4.สวรรค์ไร้ใจ ไร้เมตตา (2)

    กรงจักรวัฎสงสารอยู่ตรงหน้า หนิงเฟิ่งยืนเคียงข้างเทพชะตา สำหรับนางแล้วไม่มีอะไรต้องห่วงอีก เวลานี้ลูกของนางปลอดภัยที่ดินแดนบุปผา หลังเผชิญวิบากกรรมนางก็จะได้ไปอุ้มชูลูกน้อยที่นั่น แม้ในโลกมนุษย์จะกินเวลาหลายสิบปี ทว่าดินแดนเทพเซียนก็เพียงไม่กี่วัน“พระชายา ลำบากท่านแล้ว”“ข้าจะไม่ใช่พระชายาอีกแล้ว”เทพชะตาหน้าเสีย เขาได้รู้เรื่องยังประหลาดใจทั้งยังเอ่ยทัดทานว่าไม่สมควรทำ แต่องค์จักรพรรดิรับสั่งอย่างเด็ดขาดตนจึงขัดไม่ได้“พระชายาดูแลตัวเองด้วย”เมื่อติดเรียกเช่นเดิมก็ถูกมองตาขุ่นแต่เทพชะตาไม่ยอมแก้ไข เขาผายมือเชิญให้หนิงเฟิ่งเตรียมพร้อม ก่อนจะเริ่มร่ายเวทย์หนิงเฟิ่งหลับตาลง บอกตัวเองว่านางทำถูกแล้ว เพื่อตนเองและลูกน้อย ผู้หญิงร้ายกาจเช่นองค์หญิงเผ่าบาดาลหรือจะยอมให้นางกับลูกอยู่ในวังอย่างสงบสุขสวรรค์ชั้นฟ้า ไม่ใช่สวรรค์อันสงบสุขสำหรับนางอีกแล้ว‘ท่านเป็นฝ่ายทอดทิ้งข้าและลูกเจิ้งหาน ลาก่อน’นางคิดอยู่ในใจ หากสวามีไม่คลางแคลงใจ หากเขาปกป้องนางบ้างแม้เพียงเล็กน้อย นางคงพร้อมสู้เพื่อยืนเคียงข้างเขาต่อไป แต่เขากลับสั่งลงทัณฑ์แล้วไปแต่งงานกับธิดาเจ้าบาดาลอย่างไม่แย่แสแม้แต่จะไปเยือนนางที่แท

    Last Updated : 2025-02-27
  • สวรรค์ไร้ใจ ข้าขอไร้วาสนา   5.นางผู้เกิดมาพร้อมแผลเป็นอัปลักษณ์ (1)

    ร่างสูงสง่าปรากฏกายขึ้นทันควันขวางหน้าเทพชะตาที่เพิ่งลงมาจากแท่นกรงจักรวัฏสงสาร สีหน้าถมึงทึงของไท่จื่อจ้องเขม็งทำเอาเทพชะตาหน้าซีด“ไท่จื่อ”“หนิงเฟิ่งอยู่ไหน”“เอ่อ...”“ตอบมา!”ผู้ถูกสั่งเสียงดังใส่สะดุ้ง ขณะเดียวกันนั้นเทพสงครามก็ตามมาถึงเช่นกัน“โลกมนุษย์”“บังอาจ! ท่านส่งชายาข้าไปโลกมนุษย์ด้วยเหตุใด”ไท่จื่อยังเสียงเข้มไม่ยอมลดละ“ฝ่าบาทมีพระบัญชา”“พระบิดาอย่างนั้นหรือ”เอ่ยแล้วไท่จื่อก็หันไปสบตากับจิ่นลี่ อีกฝ่ายมีสีหน้าแปลกใจ ขณะที่เจิ้งหานรู้สึกราวใจหายวาบ“พระบิดาลงโทษหนิงเฟิ่ง?”“ขอไท่จื่อเมตตา...”ร่างสูงสง่าของไท่จื่อฉุดเทพชะตาขยับวูบเดียวก็ไปถึงหน้ากรงจักรโดยที่เขายังไม่ทันตั้งตัวด้วยซ้ำ“ท่านส่งหนิงเฟิ่งไปที่ใด ส่งข้าไปที่นั่นเดี๋ยวนี้”“ไท่จื่อ”แม้แต่จิ่นลี่ที่ตามติดมาก็ยังไม่เห็นด้วย“เทพชะตา!”เจิ้งหานไม่ฟังคำห้ามปราม เขาตวาดเสียงดังลั่น เทพชะตาเงอะงะตัวสั่นเกรงกลัว“ข้าว่าท่านไปถามพระบิดาก่อนไม่ดีกว่าหรือ ว่าเพราะเหตุใดต้องส่งพระชายาไปโลกมนุษย์ อีกอย่างท่านอยู่ข้างบนยังพอหาทางผ่อนหนักเป็นเบาให้พระนางได้ หากลงไปอาจช่วยได้ยากนัก”“นั่นเป็นหน้าที่เจ้า ยังไงข้าก็ต้องล

    Last Updated : 2025-02-27

Latest chapter

  • สวรรค์ไร้ใจ ข้าขอไร้วาสนา   7.ดอกไม้งามที่ถูกซ่อนเร้น (2)

    ฉึก! ฉึก!เสียงดังแปลกๆ ดึงเฟยเซียงที่ตกอยู่ในภวังค์ให้รู้สึกตัว“เสียงอะไรเจ้าคะ”เจียวเหมยเอ่ยพร้อมจับมือคุณหนูทั้งสองแน่น“โจร...โจรขอรับคุณหนู”คนบังคับรถม้าร้องบอกเสียงดังเย่วซินจะขยับออกไปดูแต่เจียวเหมยห้ามไว้“อันตรายนะเจ้าคะคุณหนูใหญ่”“ข้าดูแลตัวเองได้”นางหันมาบอกอย่างไม่เกรงกลัว ห่วงเพียงแต่น้องสาวกับคนของตน“พวกเจ้าเป็นใคร”เสียงของคนบังคับรถม้าดังขึ้นอีกครั้ง แต่ไม่มีการพูดจา มีเพียงเสียงชักดาบและเสียงร้อง ทำให้แม่นางทั้งสามยิ่งหวั่นวิตก“ข้าต้องออกไป ฝากเซียงเซียงด้วยนะน้าเจียวเหมย”“อย่าเจ้าค่ะคุณหนูใหญ่”แม้เจียวเหมยจะห้ามแต่เยว่ซินออกไปแล้ว นางไม่อาจทำอะไรได้ พอเฟยเซียงจะขยับตามพี่สาวด้วยความเป็นห่วงนางจึงรีบผวากอดคุณหนูรองในทันใด“ข้างนอกต่อสู้กันนะเจ้าคะคุณหนู”“แต่พี่ซินซินล่ะ”“คุณหนูใหญ่มีฝีมือ แต่คุณหนูทำอะไรไม่ได้ ออกไปจะยิ่งทำให้คุณหนูใหญ่เป็นห่วงนะเจ้าคะ”“พี่ซินซิน ท่านเป็นยังไงบ้าง”เฟยเซียงห่วงพี่สาว เมื่อได้ยินเสียงต่อสู้ประชิดติดรถม้า“พี่ไม่เป็นไร เจ้าอย่าออกมาเด็ดขาด”เยว่ซินอยู่หน้ารถม้าไม่ได้ขยับห่างไปเพราะต้องการปกป้องคนด้านใน นางไม่ได้พกดาบติดตัวแ

  • สวรรค์ไร้ใจ ข้าขอไร้วาสนา   7.ดอกไม้งามที่ถูกซ่อนเร้น (1)

    “มันตายแล้ว”เฟยเซียงเอ่ยเสียงเครือ ขณะน้ำตารินไหลออกมาเอง นางไม่ได้โกรธเคืองใคร แต่สงสารกระต่ายจับใจที่มันต้องมาตายเพราะตน จนตอนนี้ก็ยังรู้สึกผิดไม่เสื่อมคลาย หากไม่ดื้อดึงยื้อยุดกับน้องชายมันอาจมีชีวิตยืนยาวกว่านั้น แม้จะไม่ใช่เพื่อนเล่นของตนแต่เป็นสัตว์เลี้ยงของน้องก็ตาม“หากข้าทำให้เจ้าเสียใจเพราะนึกถึงมันก็ต้องขออภัย”บุรุษหนุ่มบอกด้วยความรู้สึกเศร้าตามไปด้วยผู้ที่ร้องไห้ปาดน้ำตาโดยเร็ว ขณะที่เจียวเหมยกลับมาจับมือบางกระซิบบอก“อยู่ตรงนี้นานไม่ดีนะเจ้าคะคุณหนู”“ข้าต้องขอตัวก่อน”เฟยเซียงเชื่อฟังโดยง่าย แม้รู้ว่าบุรุษผู้นี้เป็นคนที่เคยใจดีกับตนเมื่อครั้งยังเด็ก แต่บิดาของนางไม่ค่อยอยากให้ใครเห็นนางนัก“เดี๋ยวแม่นาง”เสียงทุ้มทักท้วงก่อนที่ร่างอ้อนแอ้นจะขยับตัว“พบกันอีกครั้งนับเป็นวาสนา เจ้าจะบอกชื่อกับข้าได้หรือไม่”เจียวเหมยส่งสายตาพร้อมส่ายหน้าเล็กน้อยว่าเป็นการไม่ควร เฟยเซียงจึงปฏิเสธออกไป“ชื่อข้าไม่น่าฟังนัก ต้องขออภัยคุณชาย”‘ใบหน้างดงามราวนางสวรรค์เช่นนี้หรือ จะชื่อไม่น่าฟัง’แม้จะคิดในใจอย่างนั้นเขาก็เอ่ยอย่างอารมณ์ดีไม่ขุ่นเคือง“เช่นนั้นข้าเรียกกระต่ายน้อยก็แล้วกัน เหม

  • สวรรค์ไร้ใจ ข้าขอไร้วาสนา   6.คุณหนูรองผู้น่าสงสาร (2)

    เฟยเซียงรู้ว่ากระต่ายน้อยของตนตายไปแล้วหลังจากนั้นหลายวัน และแอบนอนร้องไห้คนเดียวหลายคืน แถมยังถูกบิดาสั่งห้ามไม่ให้ออกไปนอกบ้านเด็ดขาด หนูน้อยจึงเก็บตัวยิ่งกว่าเดิม ได้เรียนหนังสือจากที่พี่สาวสอน แต่ไม่ได้ออกไปฝึกอาวุธเช่นพี่สาวและน้องชาย เฟยเซียงอ่านหนังสือแต่งโคลงกลอน วาดภาพ หัดงานบ้านงานเรือนของสตรีจากเจียวเหมยจนเชี่ยวชาญ แม้ไม่ชอบนักแต่เจียวเหมยบังคับอย่างแนบเนียนเจ้าตัวจึงค่อยๆ ทำได้ดีโดยไม่รู้ตัวสิบปีต่อมาจากหนูน้อยเติบโตขึ้นเป็นสาวสะพรั่งวัยสิบเจ็ด แต่ก็ยังไม่มีโอกาสออกไปไหนเช่นเคย“วันนี้มีคนมาพบท่านพ่อ”เฟยเซียงเปรยขึ้นขณะนั่งปักผ้าเช็ดหน้าในศาลาใกล้กับโรงครัว เป็นส่วนที่นางมักจะอยู่นอกจากห้องของตน โดยมีเจียวเหมยเอาขนมกับชามาวางให้ใกล้ๆ“ข้าได้ยินจากบ่าวว่ามาจากจวนใต้เท้าฉี มาคุยเรื่องพี่ซินซิน ส่งของหมั้นมามากมาย”“ใช่เจ้าค่ะ”เจียวเหมยตอบรับพร้อมรินชาให้คุณหนูของตน“พี่ซินซินควรแต่งงานตั้งนานแล้ว”เพราะก่อนใต้เท้าฉีจะส่งคนมาทาบทาบ ก็มีขุนนางคนอื่นเคยส่งมาแล้วแต่บิดาของนางและเยว่ซินปฏิเสธ เพิ่งตอบรับฝ่ายใต้เท้าฉีเมื่อสองเดือนก่อน“เจ้าค่ะคุณหนู”“เพราะข้าหรือเปล่าน้าเจียวเ

  • สวรรค์ไร้ใจ ข้าขอไร้วาสนา   6.คุณหนูรองผู้น่าสงสาร (1)

    “ปินปิน”ลู่ฮูหยินเอ่ยเรียกบุตรชายด้วยความตื่นตระหนก ขณะที่สาวใช้พี่เลี้ยงอุ้มคุณชายเล็กให้ออกมายืนห่างจากสระน้ำ ส่วนคนในบ้านผู้ชายรีบกระโดดลงไปช่วยคุณหนูรอง“เกิดอะไรขึ้นกัน ปินปินเป็นอะไรหรือเปล่าลูก”“ท่านแม่ พี่รอง ตีข้า ฮือ...”หนูน้อยลู่ปินบอกพร้อมสะอึกสะอื้น วิ่งมากอดผู้เป็นแม่“ว่าไงนะ เจ้าถูกเฟยเซียงตีหรือ”ลู่ฮูหยินเสียงเข้ม หันมองสาวใช้ที่เป็นพี่เลี้ยงของลูกชายด้วยสายตาไม่พอใจ“พวกเจ้าทำอะไรกันอยู่ ถึงปล่อยให้เฟยเซียงมาตีลูกชายข้าได้”“เอ่อ...”สาวใช้พี่เลี้ยงหลบสายตา นางเองก็ไม่รู้จะแยกสองพี่น้องอย่างไร เพราะทั้งคู่เพิ่งจะทะเลาะกันครั้งนี้ครั้งแรก คุณหนูรองไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับคุณชายเล็กหรือฮูหยินนัก จะพูดคุยก็กับคุณหนูใหญ่เพียงเท่านั้นขณะนั้นคนช่วยร่างน้อยของเฟยเซียงที่หมดสติไปแล้วขึ้นมาได้ และพยายามอุ้มขึ้นพาดบ่าให้น้ำไหลออกมา ทำให้ลู่ฮูหยินเองต้องหันไปให้ความสนใจเพราะเกรงจะเกิดเรื่องร้ายแรงในจวนเช่นกันครู่หนึ่งเฟยเซียงน้อยก็สำลักน้ำออกมา ทำให้คนในบ้านต่างก็เบาใจ ลู่ฮูหยินเองก็ถอนหายใจแม้จะขัดใจที่ได้รู้ว่าลูกชายตนถูกทำร้ายแต่เรื่องนั้นค่อยจัดการทีหลัง“พวกเจ้ารีบพาคุ

  • สวรรค์ไร้ใจ ข้าขอไร้วาสนา   5.นางผู้เกิดมาพร้อมแผลเป็นอัปลักษณ์ (2)

    “น้าเจียวเหมย”หนูน้อยวัยเจ็ดขวบในชุดสีอ่อนเรียบง่ายโผล่มาจากด้านหลังจวนที่เป็นส่วนซักล้างพร้อมกระต่ายตัวโตเมื่อเทียบกับมือผู้อุ้ม“ข้าเลี้ยงได้ไหม”“แอบออกไปข้างนอกอีกแล้วหรือเจ้าคะคุณหนู แล้วไปได้มันมาจากที่ไหน”“มีคนให้มา”เด็กหญิงใบหน้าหวานที่เห็นชัดว่ามีเค้าความสวยงามตั้งแต่ยังอายุน้อย ยิ้มแป้นอวดฟันเรียงสวย นางไม่ได้อยากออกไปบ่อยแต่เด็กชาวบ้านด้านหลังจวนมักแอบชวนไปเล่นด้วยเมื่อเห็นนางนั่งอย่างเหงาๆ แถวส่วนซักล้างไม่ห่างทางออกนัก“ข้าอยากเลี้ยงมันไว้ในห้องข้า เป็นเพื่อนข้า”“เอาไปเลี้ยงถึงในห้อง นายท่านอาจไม่ยอมนะเจ้าคะ”“แต่ข้าอยากมีเพื่อน”หนูน้อยเสียงเศร้าลง เจียวหมยคนสนิทฮูหยินคนก่อนของท่าน แม่ทัพมองคุณหนูของตนด้วยความสงสาร คุณหนูรองเฟยเซียงแทบไม่มีความสำคัญใดในจวนนี้ คุณหนูใหญ่เยว่ซินมีความสามารถเก่งทั้งบุ๋นและบู๊ได้อย่างที่ใจแม่ทัพต้องการ แต่ก็ยังไม่ชื่นชอบเท่าบุตรชายคนเล็กลู่ปินซึ่งเกิดจากฮูหยินรองที่แต่งเข้ามาหลังฮูหยินจากไป และก็มีบุตรชายในทันใด แม่ทัพลู่จึงทั้งประคบประหงมให้ความรักบุตรชายคนเล็กกับภรรยาคนปัจจุบันอย่างมาก“น้าเลี้ยงให้ ยังไงคุณหนูก็มาเล่นกับมันทุกวันได้นี

  • สวรรค์ไร้ใจ ข้าขอไร้วาสนา   5.นางผู้เกิดมาพร้อมแผลเป็นอัปลักษณ์ (1)

    ร่างสูงสง่าปรากฏกายขึ้นทันควันขวางหน้าเทพชะตาที่เพิ่งลงมาจากแท่นกรงจักรวัฏสงสาร สีหน้าถมึงทึงของไท่จื่อจ้องเขม็งทำเอาเทพชะตาหน้าซีด“ไท่จื่อ”“หนิงเฟิ่งอยู่ไหน”“เอ่อ...”“ตอบมา!”ผู้ถูกสั่งเสียงดังใส่สะดุ้ง ขณะเดียวกันนั้นเทพสงครามก็ตามมาถึงเช่นกัน“โลกมนุษย์”“บังอาจ! ท่านส่งชายาข้าไปโลกมนุษย์ด้วยเหตุใด”ไท่จื่อยังเสียงเข้มไม่ยอมลดละ“ฝ่าบาทมีพระบัญชา”“พระบิดาอย่างนั้นหรือ”เอ่ยแล้วไท่จื่อก็หันไปสบตากับจิ่นลี่ อีกฝ่ายมีสีหน้าแปลกใจ ขณะที่เจิ้งหานรู้สึกราวใจหายวาบ“พระบิดาลงโทษหนิงเฟิ่ง?”“ขอไท่จื่อเมตตา...”ร่างสูงสง่าของไท่จื่อฉุดเทพชะตาขยับวูบเดียวก็ไปถึงหน้ากรงจักรโดยที่เขายังไม่ทันตั้งตัวด้วยซ้ำ“ท่านส่งหนิงเฟิ่งไปที่ใด ส่งข้าไปที่นั่นเดี๋ยวนี้”“ไท่จื่อ”แม้แต่จิ่นลี่ที่ตามติดมาก็ยังไม่เห็นด้วย“เทพชะตา!”เจิ้งหานไม่ฟังคำห้ามปราม เขาตวาดเสียงดังลั่น เทพชะตาเงอะงะตัวสั่นเกรงกลัว“ข้าว่าท่านไปถามพระบิดาก่อนไม่ดีกว่าหรือ ว่าเพราะเหตุใดต้องส่งพระชายาไปโลกมนุษย์ อีกอย่างท่านอยู่ข้างบนยังพอหาทางผ่อนหนักเป็นเบาให้พระนางได้ หากลงไปอาจช่วยได้ยากนัก”“นั่นเป็นหน้าที่เจ้า ยังไงข้าก็ต้องล

  • สวรรค์ไร้ใจ ข้าขอไร้วาสนา   4.สวรรค์ไร้ใจ ไร้เมตตา (2)

    กรงจักรวัฎสงสารอยู่ตรงหน้า หนิงเฟิ่งยืนเคียงข้างเทพชะตา สำหรับนางแล้วไม่มีอะไรต้องห่วงอีก เวลานี้ลูกของนางปลอดภัยที่ดินแดนบุปผา หลังเผชิญวิบากกรรมนางก็จะได้ไปอุ้มชูลูกน้อยที่นั่น แม้ในโลกมนุษย์จะกินเวลาหลายสิบปี ทว่าดินแดนเทพเซียนก็เพียงไม่กี่วัน“พระชายา ลำบากท่านแล้ว”“ข้าจะไม่ใช่พระชายาอีกแล้ว”เทพชะตาหน้าเสีย เขาได้รู้เรื่องยังประหลาดใจทั้งยังเอ่ยทัดทานว่าไม่สมควรทำ แต่องค์จักรพรรดิรับสั่งอย่างเด็ดขาดตนจึงขัดไม่ได้“พระชายาดูแลตัวเองด้วย”เมื่อติดเรียกเช่นเดิมก็ถูกมองตาขุ่นแต่เทพชะตาไม่ยอมแก้ไข เขาผายมือเชิญให้หนิงเฟิ่งเตรียมพร้อม ก่อนจะเริ่มร่ายเวทย์หนิงเฟิ่งหลับตาลง บอกตัวเองว่านางทำถูกแล้ว เพื่อตนเองและลูกน้อย ผู้หญิงร้ายกาจเช่นองค์หญิงเผ่าบาดาลหรือจะยอมให้นางกับลูกอยู่ในวังอย่างสงบสุขสวรรค์ชั้นฟ้า ไม่ใช่สวรรค์อันสงบสุขสำหรับนางอีกแล้ว‘ท่านเป็นฝ่ายทอดทิ้งข้าและลูกเจิ้งหาน ลาก่อน’นางคิดอยู่ในใจ หากสวามีไม่คลางแคลงใจ หากเขาปกป้องนางบ้างแม้เพียงเล็กน้อย นางคงพร้อมสู้เพื่อยืนเคียงข้างเขาต่อไป แต่เขากลับสั่งลงทัณฑ์แล้วไปแต่งงานกับธิดาเจ้าบาดาลอย่างไม่แย่แสแม้แต่จะไปเยือนนางที่แท

  • สวรรค์ไร้ใจ ข้าขอไร้วาสนา   4.สวรรค์ไร้ใจ ไร้เมตตา (1)

    หนิงเฟิ่งปรากฏกายกลางท้องพระโรงตำนักสวรรค์ชั้นฟ้าในสภาพที่เสื้อผ้าร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลจากสายฟ้า นางรำที่กำลังโชว์ต่อหน้าธารกำนัลที่มาร่วมงานรื่นเริ่งมงคลสวรรค์ต่างก็หยุดลง เทพเซียนทั้งหมดต่างก็หันมาสนใจร่างบอบบางที่บาดเจ็บหนักของพระชายาไท่จื่อ“หนิงเฟิ่ง”ฮองเฮาสวรรค์ฮุ่ยเฟิ่งพึมพำแล้วรีบลงไปช่วยพยุง“เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า เหตุใดจึงบอบช้ำเช่นนี้”พระนางเอ็นดูสะใภ้อย่างมากด้วยเป็นเทพธิดาวิหค เป็นน้องสาวท่านปู่ของหนิงเฟิ่งจึงเป็นห่วงเมื่อเห็นว่าบาดเจ็บ“หนิงเฟิ่งมีเรื่องทูลฝ่าบาทกับฮองเฮา”หนิงเฟิ่งเอ่ยโดยไม่ยอมให้เสียเวลา“มีเรื่องอะไรก็พูดมา”องค์จักรพรรดิสวรรค์จินหวงรู้สึกแปลกใจ เพราะวันนี้เป็นงานอภิเษกของไท่จื่อ แต่ชายากลับมาปรากฏเบื้องหน้าด้วยสภาพไม่ดีนัก ราวตั้งใจทำให้งานไม่เป็นมงคล และเวลานี้เกี้ยวเจ้าสาวน่าจะไปถึงวังไท่จื่อตามฤกษ์ยามแล้ว ไม่รู้ว่าที่นั่นเกิดเรื่องราวอะไรขึ้นหรือไม่“ขอฝ่าบาทกับฮองเฮาเมตตา เผ่าบาดาลหลอกลวงเบื้องสูง หนิงเฟิ่งไม่อาจนิ่งเฉยได้”คำพูดของพระชายาไท่จื่อทำให้เทพเซียนต่างก็มองหน้ากันแล้วเริ่มซุบซิบด้วยความสงสัยเมื่อเห็นว่าการณ์ภายในไม่ค่อยดีนัก องค์จัก

  • สวรรค์ไร้ใจ ข้าขอไร้วาสนา   3.สวามีช่างไร้ใจ (2)

    วังประดับประดาอย่างสวยงามทั้งโคมไฟและผ้าแดงมงคลทำให้หนิงเฟิ่งสังเกตได้ แม้ว่าเทพสงครามจะพานางมายังประตูสวรรค์แล้วเข้าวังทันที ทั้งยังตรงมายังตำหนักฮวาหรงอย่างไม่หยุดที่ใด“ขอบใจท่านมาก เทพสงคราม”“พระชายาพักผ่อนให้มาก ข้าต้องขอตัวก่อน”เมื่อเทพสงครามไปแล้วหนิงเฟิ่งก็สั่งอิงอิงทันที โดยเก็บความแปลกใจเอาไว้ก่อน“พาข้าไปที่อุทยาน”อิงอิงโล่งใจขึ้นมาหน่อยที่พระชายาไม่ถามถึงความเปลี่ยนแปลง แม้คาดว่าไม่นานพระนางต้องรู้เป็นแน่ แต่นางก็อยากให้นายตนแข็งแรงพอที่จะทนรับความเจ็บปวดเสียใจได้“ลูกแม่”มาถึงต้นอวี้หลันน้อยร่างของหนิงเฟิ่งก็ทรุดลงนั่งใกล้ชิด“เจ้ายังบอบบางนัก ยังไม่ทันได้เติบโต ก็ถูกสายฟ้าฟาดเสียแล้ว แม้จะให้พลังส่วนหนึ่งเสริมกายทิพย์ให้กับเจ้า เจ้าอาจต้องใช้เวลาบำเพ็ญตนประสานจิตกับกายทิพย์หลายพันปี แต่หากว่า...พ่อเจ้าได้รู้ เขา...เขาอาจช่วยเจ้า”แม้ไม่อยากคร่ำครวญแต่น้ำตาก็ไหลออกมาเอง นางยังไม่แน่ใจว่าจะพูดกับไท่จื่ออย่างไร ในเมื่อแคลงใจแล้ว บอกไปเขาจะเชื่อหรือไม่ว่าอวี้หลันน้อยนี้คือลูกของเขา เหนืออื่นใด นางยังไม่อยากเห็นหน้าสวามีของตนไม่อยากเห็นหน้าคนใจดำ“อิงเอ๋อร์ เจ้าพาอวี้หลั

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status