Beranda / แฟนตาซี / สวรรค์ไร้ใจ ข้าขอไร้วาสนา / 4.สวรรค์ไร้ใจ ไร้เมตตา (1)

Share

4.สวรรค์ไร้ใจ ไร้เมตตา (1)

Penulis: rasita_suin
last update Terakhir Diperbarui: 2025-02-27 01:25:14

หนิงเฟิ่งปรากฏกายกลางท้องพระโรงตำนักสวรรค์ชั้นฟ้าในสภาพที่เสื้อผ้าร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลจากสายฟ้า นางรำที่กำลังโชว์ต่อหน้าธารกำนัลที่มาร่วมงานรื่นเริ่งมงคลสวรรค์ต่างก็หยุดลง เทพเซียนทั้งหมดต่างก็หันมาสนใจร่างบอบบางที่บาดเจ็บหนักของพระชายาไท่จื่อ

“หนิงเฟิ่ง”

ฮองเฮาสวรรค์ฮุ่ยเฟิ่งพึมพำแล้วรีบลงไปช่วยพยุง

“เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า เหตุใดจึงบอบช้ำเช่นนี้”

พระนางเอ็นดูสะใภ้อย่างมากด้วยเป็นเทพธิดาวิหค เป็นน้องสาวท่านปู่ของหนิงเฟิ่งจึงเป็นห่วงเมื่อเห็นว่าบาดเจ็บ

“หนิงเฟิ่งมีเรื่องทูลฝ่าบาทกับฮองเฮา”

หนิงเฟิ่งเอ่ยโดยไม่ยอมให้เสียเวลา

“มีเรื่องอะไรก็พูดมา”

องค์จักรพรรดิสวรรค์จินหวงรู้สึกแปลกใจ เพราะวันนี้เป็นงานอภิเษกของไท่จื่อ แต่ชายากลับมาปรากฏเบื้องหน้าด้วยสภาพไม่ดีนัก ราวตั้งใจทำให้งานไม่เป็นมงคล และเวลานี้เกี้ยวเจ้าสาวน่าจะไปถึงวังไท่จื่อตามฤกษ์ยามแล้ว ไม่รู้ว่าที่นั่นเกิดเรื่องราวอะไรขึ้นหรือไม่

“ขอฝ่าบาทกับฮองเฮาเมตตา เผ่าบาดาลหลอกลวงเบื้องสูง หนิงเฟิ่งไม่อาจนิ่งเฉยได้”

คำพูดของพระชายาไท่จื่อทำให้เทพเซียนต่างก็มองหน้ากันแล้วเริ่มซุบซิบด้วยความสงสัย

เมื่อเห็นว่าการณ์ภายในไม่ค่อยดีนัก องค์จักรพรรดิก็เอ่ยแก้หน้าก่อน

“หนิงเฟิ่งคงเข้าใจผิด นางถูกเผ่าปิศาจลอบทำร้ายอาจบาดเจ็บจนไม่รู้สึกตัว ข้ากับฮองเฮาจะคุยกับนางเอง งานมงคลก็ผ่านไปด้วยดีแล้ว ขอบใจที่ทุกท่านมาร่วมยินดี”

เทพเซียนต่างก็ทยอยกลับ แม้ยังสงสัยแต่ก็รับรู้ได้ว่าเป็นคำสั่งเชิญกลับกลายๆ จึงไม่มีใครกล้าคัดค้านอยากรู้อยากเห็น

“หนิงเฟิ่งข้ารู้ว่าเจ้าอาจไม่พอใจองค์หญิงเผ่าบาดาล แต่เป็นถึงชายาไท่จื่อสวรรค์ เจ้าควรใจกว้าง ช่วยแบ่งเบาภาระไท่จื่อ ไม่ใช่ทำตัวหึงหวงพาลใส่ร้ายผู้อื่นเช่นนี้”

องค์จักพรรดิตำหนิทันทีเมื่ออยู่ตามลำพัง

“ฝ่าบาท ท่านก็เห็นว่าหนิงเฟิ่งเจ็บหนัก จิตใจอาจอ่อนแอ ให้เวลานางได้ทำใจหน่อยเถิด”

ฮองเฮาเห็นใจหลานของตนไม่น้อยจึงช่วยพูดกับองค์จักรพรรดิ

“เจ้าเองก็อย่าเพิ่งร้อนใจไป ไท่จื่อแต่งสนมเป็นเรื่องธรรมดาสามัญ ทุกดินแดนต่างก็ต้องการผูกมิตรไม่ตรีกับสวรรค์ อาจเป็นเพราะเจิ้งหานเป็นคนมั่นคง สนใจเพียงการปกครอง ไม่ใส่ใจอิสตรี พันกว่าปีที่พวกเจ้าแต่งงานร่วมชีวิตกันมาจึงไม่มีปัญหาวุ่นวายใจ แต่ข้าอยากบอกไว้ว่า อีกหลายหมื่นปีต่อจากนี้อาจมีสนมที่ไท่จื่อต้องรับไว้อีกมากมายนัก”

หนิงเฟิ่งส่ายหน้า แม้เข้าใจว่าการรับสนมเป็นเรื่องธรรมดาแต่เผ่าบาดาลเหยียบย่ำศักดิ์ศรีนางกับไท่จื่อ เอาความดีความชอบเข้าตัว นางยอมไม่ได้

“องค์ชายเผ่าบาดาลคิดล่วงเกินข้า ข้าจึงฆ่าเขา ไม่ใช่เพราะถูกปิศาจจู่โจม และองค์หญิงเผ่าบาดาลใส่ความข้าต่อหน้าไท่จื่อ ว่าข้ามีใจให้พี่ชายของนาง ไท่จื่อจึงสั่งลงทัณฑ์ข้าเพื่อรักษาเกียรติของเขา”

นางพูดทุกอย่างออกมาโดยไม่ลังเล ทำเอาฮองเฮาถึงกับนิ่งงันไปเมื่อได้ยินเช่นนั้น

“ขอทูลถามฝ่าบาท เป็นเช่นนี้แล้วยังเห็นว่าเผ่าบาดาลมีความชอบอีกหรือไม่”

“ถึงอย่างนั้นองค์หญิงเผ่าบาดาลก็ช่วยชีวิตเจิ้งหานจริง ถือเป็นความชอบ”

องค์จักรพรรดิพูดไปแล้วไม่อาจคืนคำได้ แม้สิ่งที่ได้รู้จากหนิงเฟิ่งจะทำให้ขุ่นเคืองใจอยู่บ้าง แต่ก็ยังไม่ปักใจนัก

“ส่วนเรื่องเผ่าบาดาลใส่ความเจ้า หากทำเอิกเกริกไปอาจผิดใจกับเผ่าบาดาล คงต้องสืบหาความจริงอย่างเงียบๆ ไม่ให้ทางนั้นระแคะระคาย”

สืบความจริงก็หมายความว่าองค์จักรพรรดิยังไม่เชื่อคำพูดของนาง และเรื่องนี้อาจเงียบหายไปกับสายลมโดยนางไม่มีทางรู้ได้เลยว่าองค์จักรพรรดิสืบสวนเรื่องราวจริงหรือไม่

หนิงเฟิ่งราวหมดอาลัย ร่างกายนางหนักอึ้ง แรงกายแทบจะสูญสิ้น แรงใจไม่มีหลงเหลือ นางรู้สึกเหมือนถูกสวามีทอดทิ้ง พ่อแม่สามีเมินหน้าหนีอย่างไรอย่างนั้น

“ข้าไม่อาจทนอยู่ร่วมวัง ทนร่วมมีสามีเดียวกับคนที่ใส่ร้ายข้าได้”

นางเอ่ยอย่างเด็ดเดี่ยว

“หนิงเฟิ่ง เรื่องนี้จะเอาแต่ใจไม่ได้ งานแต่งก็มีแล้ว ทั้งหกพิภพรับรู้ว่าไท่จื่ออภิเษกธิดาเจ้าบาดาลเป็นสนมเอก เปลี่ยนแปลงไม่ได้”

ฮองเฮาพยายามปลอบใจและสั่งสอนอีกยาวเหยียด

“เจ้าก็พยายามสงบจิตใจ คิดถึงส่วนรวมเข้าไว้ อย่าได้คิดถึงเพียงแค่ตัวเอง การณ์ข้างหน้าเจ้าต้องเคียงข้างไท่จื่อ ครองสวรรค์ชั้นฟ้า เมื่ออยู่จุดสูงสุดเหนือดินแดนทั้งปวง การปกครองย่อมต้องใช้เหตุผลไม่อาจใช้ใจตัดสินได้”

“หรือฝ่าบาทเกรงกลัวเผ่าบาดาล”

หนิงเฟิ่งเสียงแข็งราวไม่ได้ยินคำสอนของฮองเฮาแม้แต่น้อย

“บังอาจ!”

องค์จักรพรรดิเริ่มไม่พอใจมากขึ้น เมื่อหนิงเฟิ่งไม่ฟังเหตุผลใดเลย

“หนิงเฟิ่ง...”

ฮองเฮาจะเอ่ยห้ามแต่หนิงเฟิ่งหันมาจับมือพระนางไว้แน่น

“ฮองเฮาไม่รู้สึกเลยหรือว่าสิ่งที่เผ่าบาดาลทำเป็นการเหยียบย่ำศักดิ์ศรีเผ่าวิหค ท่านทนได้หรือ”

“เหลวไหล หยุดได้แล้ว เจ้าอย่าทำให้ฮองเฮาไขว้เขว”

องค์จักรพรรดิรีบสั่งเมื่อฮองเฮามีสีหน้าไม่ดีนัก

“ข้าจะเห็นแก่ฮองเฮา ไม่เอาเรื่องเจ้าในวันนี้ และเจ้าก็รับโทษทัณฑ์ไปแล้ว กลับไปดูแลตัวเองให้หายดีเถิด”

หนิงเฟิ่งมององค์จักรพรรดิที่สะบัดแขนไล่และเมินหน้าหนี แล้วหันมายังฮองเฮาที่ประคองตนอยู่ก็เห็นว่ามองด้วยความสงสารแต่ก็พยักหน้าให้ทำตามคำสั่ง แล้วยิ่งขมขื่นใจ

เกียรติและศักดิ์ศรีอันสูงส่งเหนือใคร ทำให้องค์จักรพรรดิมองข้ามคำพูดของนาง ไม่ยอมเสียหน้าต่อหกพิภพดินแดนว่าชื่นชมคนผิด ไม่อยากผิดใจกับเผ่าบาดาล แต่ไม่เห็นใจนางแม้แต่น้อย

สวรรค์ช่างไร้ใจ ไร้เมตตานัก

อย่าว่าแต่สวรรค์เลย แม้แต่สวามีเองยังหันหลังให้นาง ยินดีรับผู้หญิงที่ให้ร้ายนางเป็นภรรยาอีกคน

‘ไท่จื่อ ท่านใจร้ายกับข้าเหลือเกิน’

นางอดคร่ำครวญในใจไม่ได้

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ทำให้หนิงเฟิ่งรู้สึกราวตนอยู่ผิดที่ผิดทาง อย่างไรเสียนางก็ไม่ต้องการอยู่ร่วมวังเดียวกับหญิงร้ายกาจผู้นั้น และคิดว่าในเมื่อแต่งงานใหม่ไท่จื่อเองคงไม่ใส่ใจนางอีก ส่วนลูกน้อยนางก็ฝากอิงอิงพาไปยังดินแดนบุปผาแล้ว นางตั้งใจตามไปอยู่ที่นั่น ไม่คิดกลับวังของไท่จื่อ มาถึงเวลานี้หนิงเฟิ่งตัดสินใจได้แล้ว

ร่างอ่อนแรงของหนิงเฟิ่งทรุดกายลงคุกเข่าอย่างเด็ดเดี่ยวก่อนเอ่ยเสียงหนักแน่น

“ฝ่าบาท ข้าขอพระเมตตา ขอตัดสัมพันธ์กับไท่จื่อ จบสิ้นวาสนา ไม่ขอเป็นชายาของไท่จื่ออีกต่อไป”

“นี่เจ้า...”

“หนิงเฟิ่ง”

องค์จักรพรรดิกับฮองเฮาเอ่ยขึ้นพร้อมกันอย่างคาดไม่ถึง

“ขอฝ่าบาทประทานอนุญาตให้หนิงเฟิ่งหย่าขาดจากไท่จื่อ”

หลังพูดในสิ่งที่ต้องการอย่างมั่นคงหนิงเฟิ่งก็ใช้พลังแรงกายตนเท่าที่มีอยู่โขกศีรษะลงแนบพื้น

“เหลวไหล”

“หนิงเฟิ่งขอพระเมตตา”

นางฝืนโขกศีรษะซ้ำอีกจนฮองเฮาทนเห็นไม่ได้ ต้องรีบพยุงเอาไว้พร้อมบอกเสียงเบา

“เจ้ากับเจิ้งหานมีดวงผูกพันสวรรค์ประทาน ดวงดาววาสนาเคียงคู่ ไม่อาจตัดขาดจากกันได้โดยง่าย”

“หากเจ้าต้องการตัดวาสนา เปลี่ยนดวงชะตา เจ้าต้องรับวิบากกรรมหนักหน่วง”

องค์จักรพรรดิย้ำเพิ่มเติมให้รู้ว่าไม่มีทางเป็นไปได้ ทว่าหนิงเฟิ่งกลับยืนยันคำเดิม

“หนิงเฟิ่งยินดีรับ ขอเพียงตัดขาดวาสนากับไท่จื่อได้ ไม่ว่าวิบากกรรมใดข้าพร้อมเผชิญ”

นางมีสิ่งสำคัญในชีวิตแล้ว ขอเพียงได้ไปอยู่และดูแลลูกน้อย ไม่ต้องรับรู้หรือเกี่ยวข้องใดกับไท่จื่อและสวรรค์อีก นางพร้อมทำทุกอย่าง

“อย่าทำแบบนี้เลยหนิงเฟิ่ง เจิ้งหานต้องไม่ยอมแน่ เจ้าตัดขาดสัมพันธ์ฝ่ายเดียวโดยไม่ถามความเห็นเจิ้งหานไม่ได้”

ฮองเฮารีบห้าม แต่หนิงเฟิ่งทำให้องค์จักรพรรดิโมโห รู้สึกราวถูกท้าทายอำนาจ

“ช่างเอาแต่ใจนัก ได้...คิดฝืนชะตาสวรรค์ไม่ใช่เรื่องง่าย เช่นนั้นเจ้าก็จงลงไปรับวิบากกรรมในโลกมนุษย์ รับเคราะห์รับทุกข์โศกแสนสาหัส ไม่มีวันพานพบความสุขจนจบสิ้นชีวิตมนุษย์ของเจ้า”

“ฝ่าบาท”

คนที่ตกใจแทบสิ้นสติกลับเป็นฮองเฮา ไม่ใช่ผู้ที่ต้องรับเคราะห์กรรมแต่อย่างใด

“หนิงเฟิ่งรับบัญชา”

“ไม่นะหนิงเฟิ่ง เหตุใดเจ้าจึงดื้อรั้นนัก”

“ฮองเฮา หนิงเฟิ่งอกตัญญู ไม่ได้ตอบแทนพระเมตตาให้สมกับที่ท่านห่วงใยใส่ใจตลอดเวลาที่ข้าขึ้นมาอยู่บนสวรรค์ชั้นฟ้า”

ฮองเฮาถึงกับน้ำตานอง ไม่คิดว่าผู้เป็นหลานจะทั้งใจร้อนและใจเด็ดเยี่ยงนี้

“ในเมื่อไม่อาจรั้งได้ ข้าก็คงทำได้เพียงเอ่ยเตือนใจเจ้า ตึงเกินไปอาจไม่ดีนัก จำคำข้าไว้นะหนิงเฟิ่ง”

“คำสั่งสอนของฮองเฮา หนิงเฟิ่งจะจำใส่ใจไม่ลืม”

นางซาบซึ้งในความใส่ใจและเข้าใจคำเตือนของฮองเฮา แต่หนิงเฟิ่งต่อสู้เพื่อพิสูจน์ว่าตนบริสุทธิ์ ทว่ากลับไม่มีใครให้ความเป็นธรรมกับนาง นางอาจไม่ใช่คนใจกว้าง ไม่เหมาะสมที่จะเกิดมาเป็นผู้ยิ่งใหญ่สูงส่งบนสวรรค์ชั้นฟ้า

“ทหาร ตามเทพชะตามาพบข้า”

องค์จักรพรรดิออกคำสั่งโดยไม่รีรอ ต้องการสั่งสอนหนิงเฟิ่งให้รู้ว่าไม่มีผู้ใดได้ทุกอย่างเช่นใจต้องการ หากจะเป็นใหญ่ย่อมต้องเสียสละบ้าง สิ่งต่างๆ ล้วนไม่ราบรื่นสวยงามไม่ว่าบนสวรรค์ชั้นฟ้าหรือโลกมนุษย์ และจะไม่สามารถกลับมาเรียกร้องสิ่งที่สูญเสียไปแล้วได้อีก

==========

หนิงเฟิ่งเทไท่จื่อแล้วอย่างเด็ดเดี่ยว ต้องรับเคราะห์ก็ยอม T^T

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terkait

  • สวรรค์ไร้ใจ ข้าขอไร้วาสนา   4.สวรรค์ไร้ใจ ไร้เมตตา (2)

    กรงจักรวัฎสงสารอยู่ตรงหน้า หนิงเฟิ่งยืนเคียงข้างเทพชะตา สำหรับนางแล้วไม่มีอะไรต้องห่วงอีก เวลานี้ลูกของนางปลอดภัยที่ดินแดนบุปผา หลังเผชิญวิบากกรรมนางก็จะได้ไปอุ้มชูลูกน้อยที่นั่น แม้ในโลกมนุษย์จะกินเวลาหลายสิบปี ทว่าดินแดนเทพเซียนก็เพียงไม่กี่วัน“พระชายา ลำบากท่านแล้ว”“ข้าจะไม่ใช่พระชายาอีกแล้ว”เทพชะตาหน้าเสีย เขาได้รู้เรื่องยังประหลาดใจทั้งยังเอ่ยทัดทานว่าไม่สมควรทำ แต่องค์จักรพรรดิรับสั่งอย่างเด็ดขาดตนจึงขัดไม่ได้“พระชายาดูแลตัวเองด้วย”เมื่อติดเรียกเช่นเดิมก็ถูกมองตาขุ่นแต่เทพชะตาไม่ยอมแก้ไข เขาผายมือเชิญให้หนิงเฟิ่งเตรียมพร้อม ก่อนจะเริ่มร่ายเวทย์หนิงเฟิ่งหลับตาลง บอกตัวเองว่านางทำถูกแล้ว เพื่อตนเองและลูกน้อย ผู้หญิงร้ายกาจเช่นองค์หญิงเผ่าบาดาลหรือจะยอมให้นางกับลูกอยู่ในวังอย่างสงบสุขสวรรค์ชั้นฟ้า ไม่ใช่สวรรค์อันสงบสุขสำหรับนางอีกแล้ว‘ท่านเป็นฝ่ายทอดทิ้งข้าและลูกเจิ้งหาน ลาก่อน’นางคิดอยู่ในใจ หากสวามีไม่คลางแคลงใจ หากเขาปกป้องนางบ้างแม้เพียงเล็กน้อย นางคงพร้อมสู้เพื่อยืนเคียงข้างเขาต่อไป แต่เขากลับสั่งลงทัณฑ์แล้วไปแต่งงานกับธิดาเจ้าบาดาลอย่างไม่แย่แสแม้แต่จะไปเยือนนางที่แท

    Terakhir Diperbarui : 2025-02-27
  • สวรรค์ไร้ใจ ข้าขอไร้วาสนา   5.นางผู้เกิดมาพร้อมแผลเป็นอัปลักษณ์ (1)

    ร่างสูงสง่าปรากฏกายขึ้นทันควันขวางหน้าเทพชะตาที่เพิ่งลงมาจากแท่นกรงจักรวัฏสงสาร สีหน้าถมึงทึงของไท่จื่อจ้องเขม็งทำเอาเทพชะตาหน้าซีด“ไท่จื่อ”“หนิงเฟิ่งอยู่ไหน”“เอ่อ...”“ตอบมา!”ผู้ถูกสั่งเสียงดังใส่สะดุ้ง ขณะเดียวกันนั้นเทพสงครามก็ตามมาถึงเช่นกัน“โลกมนุษย์”“บังอาจ! ท่านส่งชายาข้าไปโลกมนุษย์ด้วยเหตุใด”ไท่จื่อยังเสียงเข้มไม่ยอมลดละ“ฝ่าบาทมีพระบัญชา”“พระบิดาอย่างนั้นหรือ”เอ่ยแล้วไท่จื่อก็หันไปสบตากับจิ่นลี่ อีกฝ่ายมีสีหน้าแปลกใจ ขณะที่เจิ้งหานรู้สึกราวใจหายวาบ“พระบิดาลงโทษหนิงเฟิ่ง?”“ขอไท่จื่อเมตตา...”ร่างสูงสง่าของไท่จื่อฉุดเทพชะตาขยับวูบเดียวก็ไปถึงหน้ากรงจักรโดยที่เขายังไม่ทันตั้งตัวด้วยซ้ำ“ท่านส่งหนิงเฟิ่งไปที่ใด ส่งข้าไปที่นั่นเดี๋ยวนี้”“ไท่จื่อ”แม้แต่จิ่นลี่ที่ตามติดมาก็ยังไม่เห็นด้วย“เทพชะตา!”เจิ้งหานไม่ฟังคำห้ามปราม เขาตวาดเสียงดังลั่น เทพชะตาเงอะงะตัวสั่นเกรงกลัว“ข้าว่าท่านไปถามพระบิดาก่อนไม่ดีกว่าหรือ ว่าเพราะเหตุใดต้องส่งพระชายาไปโลกมนุษย์ อีกอย่างท่านอยู่ข้างบนยังพอหาทางผ่อนหนักเป็นเบาให้พระนางได้ หากลงไปอาจช่วยได้ยากนัก”“นั่นเป็นหน้าที่เจ้า ยังไงข้าก็ต้องล

    Terakhir Diperbarui : 2025-02-27
  • สวรรค์ไร้ใจ ข้าขอไร้วาสนา   5.นางผู้เกิดมาพร้อมแผลเป็นอัปลักษณ์ (2)

    “น้าเจียวเหมย”หนูน้อยวัยเจ็ดขวบในชุดสีอ่อนเรียบง่ายโผล่มาจากด้านหลังจวนที่เป็นส่วนซักล้างพร้อมกระต่ายตัวโตเมื่อเทียบกับมือผู้อุ้ม“ข้าเลี้ยงได้ไหม”“แอบออกไปข้างนอกอีกแล้วหรือเจ้าคะคุณหนู แล้วไปได้มันมาจากที่ไหน”“มีคนให้มา”เด็กหญิงใบหน้าหวานที่เห็นชัดว่ามีเค้าความสวยงามตั้งแต่ยังอายุน้อย ยิ้มแป้นอวดฟันเรียงสวย นางไม่ได้อยากออกไปบ่อยแต่เด็กชาวบ้านด้านหลังจวนมักแอบชวนไปเล่นด้วยเมื่อเห็นนางนั่งอย่างเหงาๆ แถวส่วนซักล้างไม่ห่างทางออกนัก“ข้าอยากเลี้ยงมันไว้ในห้องข้า เป็นเพื่อนข้า”“เอาไปเลี้ยงถึงในห้อง นายท่านอาจไม่ยอมนะเจ้าคะ”“แต่ข้าอยากมีเพื่อน”หนูน้อยเสียงเศร้าลง เจียวหมยคนสนิทฮูหยินคนก่อนของท่าน แม่ทัพมองคุณหนูของตนด้วยความสงสาร คุณหนูรองเฟยเซียงแทบไม่มีความสำคัญใดในจวนนี้ คุณหนูใหญ่เยว่ซินมีความสามารถเก่งทั้งบุ๋นและบู๊ได้อย่างที่ใจแม่ทัพต้องการ แต่ก็ยังไม่ชื่นชอบเท่าบุตรชายคนเล็กลู่ปินซึ่งเกิดจากฮูหยินรองที่แต่งเข้ามาหลังฮูหยินจากไป และก็มีบุตรชายในทันใด แม่ทัพลู่จึงทั้งประคบประหงมให้ความรักบุตรชายคนเล็กกับภรรยาคนปัจจุบันอย่างมาก“น้าเลี้ยงให้ ยังไงคุณหนูก็มาเล่นกับมันทุกวันได้นี

    Terakhir Diperbarui : 2025-02-27
  • สวรรค์ไร้ใจ ข้าขอไร้วาสนา   6.คุณหนูรองผู้น่าสงสาร (1)

    “ปินปิน”ลู่ฮูหยินเอ่ยเรียกบุตรชายด้วยความตื่นตระหนก ขณะที่สาวใช้พี่เลี้ยงอุ้มคุณชายเล็กให้ออกมายืนห่างจากสระน้ำ ส่วนคนในบ้านผู้ชายรีบกระโดดลงไปช่วยคุณหนูรอง“เกิดอะไรขึ้นกัน ปินปินเป็นอะไรหรือเปล่าลูก”“ท่านแม่ พี่รอง ตีข้า ฮือ...”หนูน้อยลู่ปินบอกพร้อมสะอึกสะอื้น วิ่งมากอดผู้เป็นแม่“ว่าไงนะ เจ้าถูกเฟยเซียงตีหรือ”ลู่ฮูหยินเสียงเข้ม หันมองสาวใช้ที่เป็นพี่เลี้ยงของลูกชายด้วยสายตาไม่พอใจ“พวกเจ้าทำอะไรกันอยู่ ถึงปล่อยให้เฟยเซียงมาตีลูกชายข้าได้”“เอ่อ...”สาวใช้พี่เลี้ยงหลบสายตา นางเองก็ไม่รู้จะแยกสองพี่น้องอย่างไร เพราะทั้งคู่เพิ่งจะทะเลาะกันครั้งนี้ครั้งแรก คุณหนูรองไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับคุณชายเล็กหรือฮูหยินนัก จะพูดคุยก็กับคุณหนูใหญ่เพียงเท่านั้นขณะนั้นคนช่วยร่างน้อยของเฟยเซียงที่หมดสติไปแล้วขึ้นมาได้ และพยายามอุ้มขึ้นพาดบ่าให้น้ำไหลออกมา ทำให้ลู่ฮูหยินเองต้องหันไปให้ความสนใจเพราะเกรงจะเกิดเรื่องร้ายแรงในจวนเช่นกันครู่หนึ่งเฟยเซียงน้อยก็สำลักน้ำออกมา ทำให้คนในบ้านต่างก็เบาใจ ลู่ฮูหยินเองก็ถอนหายใจแม้จะขัดใจที่ได้รู้ว่าลูกชายตนถูกทำร้ายแต่เรื่องนั้นค่อยจัดการทีหลัง“พวกเจ้ารีบพาคุณ

    Terakhir Diperbarui : 2025-02-27
  • สวรรค์ไร้ใจ ข้าขอไร้วาสนา   6.คุณหนูรองผู้น่าสงสาร (2)

    เฟยเซียงรู้ว่ากระต่ายน้อยของตนตายไปแล้วหลังจากนั้นหลายวัน และแอบนอนร้องไห้คนเดียวหลายคืน แถมยังถูกบิดาสั่งห้ามไม่ให้ออกไปนอกบ้านเด็ดขาด หนูน้อยจึงเก็บตัวยิ่งกว่าเดิม ได้เรียนหนังสือจากที่พี่สาวสอน แต่ไม่ได้ออกไปฝึกอาวุธเช่นพี่สาวและน้องชาย เฟยเซียงอ่านหนังสือแต่งโคลงกลอน วาดภาพ หัดงานบ้านงานเรือนของสตรีจากเจียวเหมยจนเชี่ยวชาญ แม้ไม่ชอบนักแต่เจียวเหมยบังคับอย่างแนบเนียนเจ้าตัวจึงค่อยๆ ทำได้ดีโดยไม่รู้ตัวสิบปีต่อมาจากหนูน้อยเติบโตขึ้นเป็นสาวสะพรั่งวัยสิบเจ็ด แต่ก็ยังไม่มีโอกาสออกไปไหนเช่นเคย“วันนี้มีคนมาพบท่านพ่อ”เฟยเซียงเปรยขึ้นขณะนั่งปักผ้าเช็ดหน้าในศาลาใกล้กับโรงครัว เป็นส่วนที่นางมักจะอยู่นอกจากห้องของตน โดยมีเจียวเหมยเอาขนมกับชามาวางให้ใกล้ๆ“ข้าได้ยินจากบ่าวว่ามาจากจวนใต้เท้าฉี มาคุยเรื่องพี่ซินซิน ส่งของหมั้นมามากมาย”“ใช่เจ้าค่ะ”เจียวเหมยตอบรับพร้อมรินชาให้คุณหนูของตน“พี่ซินซินควรแต่งงานตั้งนานแล้ว”เพราะก่อนใต้เท้าฉีจะส่งคนมาทาบทาบ ก็มีขุนนางคนอื่นเคยส่งมาแล้วแต่บิดาของนางและเยว่ซินปฏิเสธ เพิ่งตอบรับฝ่ายใต้เท้าฉีเมื่อสองเดือนก่อน“เจ้าค่ะคุณหนู”“เพราะข้าหรือเปล่าน้าเจียวเห

    Terakhir Diperbarui : 2025-02-27
  • สวรรค์ไร้ใจ ข้าขอไร้วาสนา   7.ดอกไม้งามที่ถูกซ่อนเร้น (1)

    “มันตายแล้ว”เฟยเซียงเอ่ยเสียงเครือ ขณะน้ำตารินไหลออกมาเอง นางไม่ได้โกรธเคืองใคร แต่สงสารกระต่ายจับใจที่มันต้องมาตายเพราะตน จนตอนนี้ก็ยังรู้สึกผิดไม่เสื่อมคลาย หากไม่ดื้อดึงยื้อยุดกับน้องชายมันอาจมีชีวิตยืนยาวกว่านั้น แม้จะไม่ใช่เพื่อนเล่นของตนแต่เป็นสัตว์เลี้ยงของน้องก็ตาม“หากข้าทำให้เจ้าเสียใจเพราะนึกถึงมันก็ต้องขออภัย”บุรุษหนุ่มบอกด้วยความรู้สึกเศร้าตามไปด้วยผู้ที่ร้องไห้ปาดน้ำตาโดยเร็ว ขณะที่เจียวเหมยกลับมาจับมือบางกระซิบบอก“อยู่ตรงนี้นานไม่ดีนะเจ้าคะคุณหนู”“ข้าต้องขอตัวก่อน”เฟยเซียงเชื่อฟังโดยง่าย แม้รู้ว่าบุรุษผู้นี้เป็นคนที่เคยใจดีกับตนเมื่อครั้งยังเด็ก แต่บิดาของนางไม่ค่อยอยากให้ใครเห็นนางนัก“เดี๋ยวแม่นาง”เสียงทุ้มทักท้วงก่อนที่ร่างอ้อนแอ้นจะขยับตัว“พบกันอีกครั้งนับเป็นวาสนา เจ้าจะบอกชื่อกับข้าได้หรือไม่”เจียวเหมยส่งสายตาพร้อมส่ายหน้าเล็กน้อยว่าเป็นการไม่ควร เฟยเซียงจึงปฏิเสธออกไป“ชื่อข้าไม่น่าฟังนัก ต้องขออภัยคุณชาย”‘ใบหน้างดงามราวนางสวรรค์เช่นนี้หรือ จะชื่อไม่น่าฟัง’แม้จะคิดในใจอย่างนั้นเขาก็เอ่ยอย่างอารมณ์ดีไม่ขุ่นเคือง“เช่นนั้นข้าเรียกกระต่ายน้อยก็แล้วกัน เหมา

    Terakhir Diperbarui : 2025-02-27
  • สวรรค์ไร้ใจ ข้าขอไร้วาสนา   7.ดอกไม้งามที่ถูกซ่อนเร้น (2)

    ฉึก! ฉึก!เสียงดังแปลกๆ ดึงเฟยเซียงที่ตกอยู่ในภวังค์ให้รู้สึกตัว“เสียงอะไรเจ้าคะ”เจียวเหมยเอ่ยพร้อมจับมือคุณหนูทั้งสองแน่น“โจร...โจรขอรับคุณหนู”คนบังคับรถม้าร้องบอกเสียงดังเย่วซินจะขยับออกไปดูแต่เจียวเหมยห้ามไว้“อันตรายนะเจ้าคะคุณหนูใหญ่”“ข้าดูแลตัวเองได้”นางหันมาบอกอย่างไม่เกรงกลัว ห่วงเพียงแต่น้องสาวกับคนของตน“พวกเจ้าเป็นใคร”เสียงของคนบังคับรถม้าดังขึ้นอีกครั้ง แต่ไม่มีการพูดจา มีเพียงเสียงชักดาบและเสียงร้อง ทำให้แม่นางทั้งสามยิ่งหวั่นวิตก“ข้าต้องออกไป ฝากเซียงเซียงด้วยนะน้าเจียวเหมย”“อย่าเจ้าค่ะคุณหนูใหญ่”แม้เจียวเหมยจะห้ามแต่เยว่ซินออกไปแล้ว นางไม่อาจทำอะไรได้ พอเฟยเซียงจะขยับตามพี่สาวด้วยความเป็นห่วงนางจึงรีบผวากอดคุณหนูรองในทันใด“ข้างนอกต่อสู้กันนะเจ้าคะคุณหนู”“แต่พี่ซินซินล่ะ”“คุณหนูใหญ่มีฝีมือ แต่คุณหนูทำอะไรไม่ได้ ออกไปจะยิ่งทำให้คุณหนูใหญ่เป็นห่วงนะเจ้าคะ”“พี่ซินซิน ท่านเป็นยังไงบ้าง”เฟยเซียงห่วงพี่สาว เมื่อได้ยินเสียงต่อสู้ประชิดติดรถม้า“พี่ไม่เป็นไร เจ้าอย่าออกมาเด็ดขาด”เยว่ซินอยู่หน้ารถม้าไม่ได้ขยับห่างไปเพราะต้องการปกป้องคนด้านใน นางไม่ได้พกดาบติดตัวแต

    Terakhir Diperbarui : 2025-02-27
  • สวรรค์ไร้ใจ ข้าขอไร้วาสนา   8.บุรุษในดวงใจ (1)

    “วันนี้ข้าพบผู้ใด เจ้าอยากรู้หรือไม่”ฉีอี้เฉิงเพียงเหลือบมองเล็กน้อย เมื่อพี่ชายเข้ามาในห้องตน นั่งลงตรงข้ามพร้อมรินชาขึ้นดื่มแล้วเอ่ยขึ้นอย่างอารมณ์ดี“ข้าไม่เคยเห็นผู้ใดงดงามเช่นนี้มาก่อน”“ข้านึกว่าแม่นางลู่จะเป็นหญิงงามเพียงนางเดียวในสายตาท่าน”เขายังเขียนโคลงกลอนของตนต่อแม้จะพูดกับผู้เป็นพี่“นั่นย่อมแน่อยู่แล้ว”ฉีอี๋เฉินยิ้มกริ่มให้กับน้องชาย“แต่ไม่ใช่นางเดียว มีแม่นางลู่ที่แสนงดงามถึงสองคนนี่สิ”มือหนาที่จับปลายพู่กันเคลื่อนไหวชะงักสะดุดจนมีจุดเปรอะเปื้อน ทำให้ต้องวางพู่กันละมือจากงานเขียน“แม่นางลู่มีน้องสาว ข้าก็เพิ่งเคยพบเห็นในวันนี้”ผู้เป็นพี่เข้าเรื่องในทันทีเมื่อเห็นว่าน้องชายสนใจตนแล้ว“คาดไม่ถึงเลยว่าจะงดงามน่ามองนัก คนพี่ว่าสวยเด่นแจ่มจรัสเกินใครแล้ว คนน้องได้เห็นความสวยหวานแล้วใจละลายเลยทีเดียว ใบหน้านวลเนียนใส ดวงตากลมโตมีแววหม่นเศร้าแต่ก็ชวนหลงใหล ปากก็อิ่มเชิดน่า...”“ท่านพี่”คนเป็นน้องท้วงขึ้นเสียงเรียบ มือเขากำอยู่บนตักตนแน่น“เอ่ยถึงสตรีเช่นนี้ไม่ดีนัก และท่านก็มีคู่หมายแล้ว”“ข้าก็พูดกับเจ้าเพียงคนเดียว”อี๋เฉินไม่เห็นเป็นเรื่องสำคัญและไม่ได้ขุ่นเคืองน้องชา

    Terakhir Diperbarui : 2025-02-28

Bab terbaru

  • สวรรค์ไร้ใจ ข้าขอไร้วาสนา   30.ตอนพิเศษ ครอบครัวของอวี้หลันน้อย (4)

    เสียงผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นทำให้นางหันมอง แล้วก็ลุกขึ้นยืนด้วยสัญชาตญาณ เพราะสองคนผู้มาใหม่พร้อมกับบิดามารดานั้นดูน่าเกรงขามยิ่งนัก ทั้งฝ่ายผู้หญิงยังเดินตรงมาหานางเร็วกว่าคนอื่นและจับมือทันที“ช่างสวยน่ารักน่าเอ็นดูยิ่งนัก”อวี้หลันยืนงง ขณะอีกฝ่ายลูบผมนาง“หลันเอ๋อร์ นี่คือท่านย่าของเจ้า”มารดาเดินเข้ามาใกล้แล้วเอ่ยเสียงเบา“ท่านย่า”สาวน้อยย่อตัวลงเล็กน้อยแม้จะยังอึ้งแปลกใจ และบิดาก็เอ่ยขึ้นนางจึงต้องหันมองตาม“แล้วนี่ก็ท่านปู่”“ท่านปู่”นางย่อตัวลงอีกครั้ง สบตาคมดูมีอำนาจของผู้เป็นปู่แวบเดียวก็หลบ แล้วก็ต้องยิ้มบางกับท่านย่าที่ประคองสองข้างแก้มตน“ไหนให้ย่าดูชัดๆ สิ เหมือนเจิ้งหานเมื่อยังเด็ก แต่ก็คล้ายหนิงเฟิ่ง ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะโตถึงเพียงนี้”“หากพวกท่านมาเยี่ยมท่านพ่อบ่อยๆ ก็จะไม่คิดว่าข้าโตเร็ว”“หลันเอ๋อร์”หนิงเฟิ่งดุเสียงเบา ทว่าอวี้หลันไม่ได้สลดนัก นางคิดว่านางพูดความจริง ตนนั้นเห็นว่าบิดาเป็นเซียนปลายแถวทำสวน หากก็รักท่านมาก ทั้งเมื่อเห็นญาติฝ่ายมารดามาเยี่ยมไม่เคยขาด ยังอดคิดไม่ได้ว่าบิดาคงโดดเดี่ยวไร้ญาติ น่าสงสาร แต่นางก็ไม่เคยพูดสิ่งนี้กับผู้ใด“จริงนี่เจ้าคะ ข้าคิดว่

  • สวรรค์ไร้ใจ ข้าขอไร้วาสนา   30.ตอนพิเศษ ครอบครัวของอวี้หลันน้อย (3)

    “แล้วนี่จะเรียกว่าท่านปรนนิบัติได้อย่างไร”นางนึกหมั่นไส้คนที่ถูกตำหนิแล้วยังยิ้มกลับมาตรงหน้านัก“อย่างนี้ไงเล่า”มือหนาข้างหนึ่งวางกระชับสะโพกผาย ส่วนอีกข้างทาบเหนือทรวงอวบขาวแล้วฟอนเฟ้นพร้อมเพรียงกัน ทั้งยังสลับไปมาขณะที่สะโพกแกร่งด้านล่างก็ขยับเร้าร่างหญิงสาวจนในที่สุดหนิงเฟิ่งก็ต้องเคลื่อนไหวสะโพกตนตามอีกฝ่าย“อืม ไม่นะ นี่ข้าปรนนิบัติท่าน”มือเกาะบ่าหนาเป็นหลักขณะเอ่ยแย้ง“แล้วอย่างนี้เล่า”คราวนี้ปลายนิ้วแกร่งเปลี่ยนมาไล้วนเหนือสัดส่วนบอบบางด้านหน้าเร็วรี่จนหญิงสาวต้องกัดฟันครางยาวในลำคอ ซุกซบใบหน้าลงกับซอกคอแกร่งเพราะอ่อนไหวเสียดสยิวจนไม่อาจขยับได้อีกแล้ว ร่างงามเกร็งขึ้นเรื่อยๆ รู้สึกร้อนเหมือนไฟลุกท่วมตัวกระทั่งกระตุกอย่างรุนแรง เอนกายเข้าหาร่างแกร่ง และแขนกำยำก็โอบกอดนางไว้ ขณะที่สะโพกหนาเคลื่อนไหวเชื่องช้าเหมือนกำลังเริ่มต้น หากหนิงเฟิ่งก็รู้ว่าเขาจะไม่หยุดเพียงเท่านี้“พอใจหรือยังชายาที่รักของข้า”นางกัดฟันไม่ยอมตอบหากกลับนั่งตั้งหลักอย่างมุ่งมั่น โยกไหวสะโพกสวนกลับชายหนุ่ม เร่งจังหวะให้เร็วกว่าเขาหนึ่งก้าว เห็นว่าชายหนุ่มเองก็ขบกรามแน่นเช่นกันนางก็นึกพอใจ ในเมื่อถูกเล่นง

  • สวรรค์ไร้ใจ ข้าขอไร้วาสนา   30.ตอนพิเศษ ครอบครัวของอวี้หลันน้อย (2)

    “องค์ชายเจิ้งหานมาขอพบเจ้าค่ะ”อิงอิงกระซิบบอกผู้ที่อยู่ในสระอาบน้ำเล็กหนิงเฟิ่งขมวดคิ้ว นึกแปลกใจด้วยปกติแล้วเจิ้งหานจะไม่เข้ามาในตำหนักหากไม่มีกิจจำเป็น ทั้งยังในเวลาส่วนตัวเช่นนี้ทว่าวันนี้เขามาร่วมโต๊ะกับเทพธิดาบุปผาที่ต้อนรับไท่จื่อสวรรค์ในตำหนัก ส่วนหนิงเฟิงกับลูกอยู่ที่ตำหนักเล็กของตน เพราะเห็นว่าเป็นการใหญ่เกินไป นางไม่อยากให้อวี้หลันคิดว่าตนนั้นอยู่เหนือผู้อื่น อยากให้ลูกเป็นเทพเซียนน้อยผู้หนึ่งในดินแดนบุปผาเท่านั้น“เวลาเช่นนี้น่ะหรือ”เวลาที่นางอาบน้ำอยู่...อีกฝ่ายคงเพิ่งแยกจากไท่จื่อจิ่นลี่แล้วมายังตำหนักเล็กนี้“อิงอิงจะไปทูลว่าองค์หญิงยังไม่สะดวก”อิงอิงเอ่ยอย่างรู้ใจ ทว่าเสียงเข้มดังขึ้นห่างออกไป“ข้ามีเรื่องสำคัญต้องคุยกับเจ้า”เจิ้งหานเชิญตนเองเข้ามา ทำเอาอิงอิงหน้าเสีย ตำหนักเล็กของหนิงเฟิ่งนั้นมีเพียงอิงอิง เพราะนางต้องการเพียงเท่านี้ และถือว่าตนนั้นเป็นเพียงผู้อาศัยเทพธิดาบุปผาจึงไม่ต้องการมีคนมาคอยห้อมล้อมเช่นตอนที่อยู่เผ่าวิหค หรือแม้แต่บนสวรรค์ นางต้องการเลี้ยงลูกด้วยตัวเองแม้มีม่านกั้นหากหนิงเฟิ่งก็รู้สึกขนลุกและวูบวาบตามผิวกายเพียงได้ยินเสียงเข้มของเจิ้งห

  • สวรรค์ไร้ใจ ข้าขอไร้วาสนา   30.ตอนพิเศษ ครอบครัวของอวี้หลันน้อย (1)

    ไท่จื่อจิ่นลี่เพิ่งเคยมายังดินแดนบุปผาครั้งแรก ความงดงามชื่นตาชื่นใจจากพันธุ์ไม้ดอกไม้ให้ความรู้สึกสดชื่นในทันทีที่เหยียบย่างเข้ามา“ท่านมาพบผู้ใด โปรดแจ้งนาม”ผู้ที่เฝ้าประตูทางเข้าดูค่อนข้างมีอายุ หากก็ไม่ถึงกับดุเข้มจนน่ากลัว“ข้ามาพบเจิ้งหาน บอกเขาว่าจิ่นลี่มาเยี่ยมเยือน”ครั้งนี้เขาลงไปแก้ปัญหาน้ำหลากท่วมบ้านเรือนมนุษย์กับหวังหย่ง และผ่านดินแดนบุปผาจึงอยากเยี่ยมพี่ชายที่ไม่พบหน้ากันมาถึงพันสองร้อยปี“ชื่อท่านช่างคุ้นยิ่งนัก”หวังหย่งขยับจะพูด ทว่าจิ่นลี่เหลือบมองห้ามปรามจึงเงียบไป“เชิญตามข้ามาทางนี้”อีกฝ่ายไม่ซักไซ้สงสัย ทั้งยังนำทางโดยง่าย จิ่นลี่ก็ยิ้มบางแล้วเดินตามไปโดยมีหวังหย่งผู้ที่มีหน้าที่ช่วยราชกิจไท่จื่อแบบใช้กำลังตามติดไม่ห่าง ส่วนจางหย่งนั้นเป็นผู้ดูแลงานด้านงบประมาณและฎีกาเมื่อมาถึงหน้ากระท่อมเนินเขาที่มีไร่ดอกไม้ล้อมรอบจิ่นลี่ก็รู้สึกไม่ดียิ่งนัก พี่ชายตนต้องลำบากถึงเพียงนี้เชียวหรือ ที่อยู่หลับนอนก็เป็นเพียงกระท่อมเล็กๆ หากมารดามาเห็นคงปวดใจ ยิ่งบิดาคงยิ่งกรุ่นโกรธผู้นำทางไปแล้วจิ่นลี่กำลังคิดว่าจะเคาะประตูดีหรือไม่ก็มีเสียงหวานใสของผู้หนึ่งดังขึ้นไม่ห่างนัก“พ

  • สวรรค์ไร้ใจ ข้าขอไร้วาสนา   29.หัวใจและดวงจิตข้าอยู่ที่เจ้า (2)

    “ยอดดวงใจของข้า เจ้าเจ็บปวดกับสิ่งที่ข้าทำ ไม่ยกโทษให้ไปอีกแสนปีก็ย่อมได้ ตามแต่ใจเจ้าต้องการ แต่ความรักของข้าก็ยังเป็นเจ้า หัวใจของข้าอยู่ที่เจ้าเสมอหนิงเฟิ่ง”บอกแล้วปากได้รูปก็จูบลงบนหน้าผากสวยราวตอกย้ำคำพูดตน เขาไม่ต้องการขอให้อีกฝ่ายยกโทษให้อีกแล้ว นับจากได้ยินว่าตนสั่งลงทัณฑ์สายฟ้าจนเกือบสูญเสียลูกน้อยและหนิงเฟิ่งพยายามเพียงไรเพื่อให้อวี้หลันมีชีวิตอยู่ เจิ้งหานก็ปวดร้าวในอก เขาเกือบฆ่าลูกของตนไปแล้ว หากไม่เพราะหนิงเฟิ่งคงไม่มีโอกาสได้เห็นหน้าหรือได้อุ้มลูกน้อย“ข้าไม่รู้”เสียงหวานพร่าเอ่ยเบาหวิว“แต่ข้ารู้เพียงว่า มีท่านอยู่ใกล้ ข้ากับลูกจะปลอดภัย”ใบหน้างดงามนองน้ำตาเงยขึ้น เจิ้งหานยิ้มรับกับคำพูดของอีกฝ่ายด้วยหัวใจที่ชุ่มชื่นขึ้น เท่านี้ก็ดีมากแล้ว เขาก้มลงทาบทับปากได้รูปบนหน้าผากสวย เปลือกตาทั้งสองข้าง และข้างแก้มที่ชื้นด้วยน้ำตา ก่อนจะไล่มายังริมฝีปากอิ่ม จูบซับบางเบาแล้วค่อยเพิ่มน้ำหนักขึ้น มือช้อนใต้ศีรษะเล็กเมื่ออีกฝ่ายเริ่มแหงนเงยรับเขาปลายลิ้นอุ่นเริ่มเคลื่อนไล้ก่อนจะรุกล้ำภายในปากนุ่มเพราะอีกฝ่ายเปิดหนทาง หนิงเฟิ่งจูบตอบคลอเคลียกับชายหนุ่มอย่างยินยอม สองแขนเรียวเค

  • สวรรค์ไร้ใจ ข้าขอไร้วาสนา   29.หัวใจและดวงจิตข้าอยู่ที่เจ้า (1)

    หนิงเฟิ่งลืมตาขึ้นมาโดยไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน แต่จำเหตุการณ์สุดท้ายได้จึงรีบผวาลุกขึ้น เมื่อเห็นว่าบุตรสาวนอนอยู่ในอ้อมกอดระหว่างกลางร่างตนกับเจ้าของร่างสูงสง่า ทั้งยังหายใจขึ้นลงผะแผ่วเป็นปกติก็ถอนหายใจ เหลือบมองใบหน้าคมคายที่ค่อนข้างซีดแล้วก็แตะหลังมือบนหน้าผากกว้างอีกฝ่ายตัวอุ่นแต่ดูเหมือนคนป่วยทำให้นางขมวดคิ้ว ทว่ามาคิดดูแล้วคงเพราะเจิ้งหานใช้พลังเพื่อช่วยนางกับลูก เห็นอย่างนี้แล้วนางจะพาอวี้หลันกลับไปเลยก็คงไม่ได้ร่างอ้อนแอ้นลุกขึ้นพร้อมกับอุ้มลูกน้อยไปวางบนเตียงด้านใน ส่วนร่างสูงของเจิ้งหานนางร่ายเวทย์เคลื่อนย้าย เปลี่ยนเสื้อผ้าของทั้งเขากับลูกและตนเอง ห่มผ้าให้ทั้งคู่อย่างเรียบร้อยก่อนจะออกไปด้านนอกหนิงเฟิ่งไปยังบ่อน้ำทิพย์และนำน้ำกลับมาให้เจิ้งหานดื่ม นางพยายามค่อยๆ ประคองอีกฝ่ายให้ดื่มน้ำทิพย์จนสำเร็จ เช็ดปากและห่มผ้าให้เช่นเดิม ทว่าพอจะลุกขึ้นกลับถูกจับข้อมือไว้“นี่ท่านฟื้นแล้วอย่างนั้นหรือ”นางหันไปมองพร้อมกับเอ่ยเสียงเข้ม“เพิ่งรู้สึกตัวก่อนที่เจ้าจะเข้ามานี่แหละ พอได้ยินเสียงก็เลยหลับตาลงต่อ”“ท่านหลอกข้า”หนิงเฟิ่งพยายามดึงมือออกจากอีกฝ่ายให้ได้“เปล่าเลย แค่หลับตา

  • สวรรค์ไร้ใจ ข้าขอไร้วาสนา   28.แม้ไม่อภัย ขอเพียงอยู่ใกล้ชั่วชีวิต (2)

    “ขอลูกข้าคืนด้วย”หนิงเฟิ่งตัดความ ไม่คิดจะพูดคุยอะไรอีกแล้วเจิ้งหานยอมปล่อยลูกน้อย ไม่ใช่เพราะความตั้งใจถดถอย ยิ่งได้รู้เช่นนี้เขายิ่งรู้สึกผิดต่อหนิงเฟิ่งและลูก สมควรแล้วที่ได้รับการโกรธเคืองจากนาง“ข้าทำผิด และจะไม่แก้ตัว เวลานั้นข้าเห็นแก่งานราชกิจก่อนเจ้า จนตัดสินใจพลาดไป แต่ข้าไม่เคยคิดปล่อยคนที่ใส่ร้ายเจ้าลอยนวลเลย”“ไม่ปล่อยลอยนวลก็เลยรับเป็นสนมเช่นนั้นหรือ”หนิงเฟิ่งไม่คิดว่าตนจะหึงหวง นางโกรธที่เจิ้งหานยอมรับคนที่ใส่ร้ายนางเป็นสนม ทว่าเมื่อได้ยินกับหูนางจึงรู้ว่าตนมีความหึงหวงอยู่ในใจเอ่ยอย่างขุ่นเคืองแล้วหนิงเฟิ่งก็อุ้มลูกน้อยหันหลังจะเดินจากไป ทว่าเสียงเข้มก็ดังขึ้นด้านหลัง“ข้าไม่เคยแม้แต่ชายตาแลนาง เรื่องสนมเป็นเพียงเรื่องการเมืองสำหรับข้า ขอโทษที่ทำให้เจ้าเสียใจ”นางก้าวต่อทั้งที่รู้สึกราวเท้าหนักอึ้ง ขณะที่อีกฝ่ายก็ยังเอ่ย“แม้ไม่ยกโทษให้ ก็ขอให้ข้าได้อยู่ใกล้เจ้ากับลูกเถิด หนิงเฟิ่ง ข้าอยากทำหน้าที่ของข้า...”“ข้าไม่ต้อง...”“ทั้งสามีและพ่อ”เจิ้งหานสวนขึ้นก่อนที่อีกฝ่ายจะเอ่ยจบ“หากเจ้าหมดรักแล้วข้าก็จะไม่ฝืนใจ รู้ไว้ว่าข้ารักเจ้าหมดใจก็เพียงพอแล้ว”ขอบตานางร้อนผ่า

  • สวรรค์ไร้ใจ ข้าขอไร้วาสนา   28.แม้ไม่อภัย ขอเพียงอยู่ใกล้ชั่วชีวิต (1)

    นับแต่พบหน้าเจิ้งหานในวันนั้นหนิงเฟิ่งก็ไม่พาอวี้หลันไปสวนดอกไม้อีก หนูน้อยงอแงขึ้นอย่างไม่ยอมเชื่อฟัง ส่วนนางเองยังต้องฝึกพลังปราณอยู่ จึงต้องให้มารดากับอิงอิงดูแลแทนบางเวลา ทว่าเมื่อออกมาแล้วไม่เห็นผู้ใดนางจึงแปลกใจแล้วไปยังอุทยาน เห็นว่ามารดาตนพักผ่อนอยู่โดยมีเซียนบุปผาน้อยดูแล หากไม่เห็นอวี้หลันน้อยกับอิงอิง“หลันเอ๋อร์เล่าท่านแม่”ราชินีฟางเซียนถอนหายใจ แม้ตนจะอยู่ดินแดนบุปผาเนิ่นนาน แต่เพราะหนิงเฟิ่งเองก็ยังไม่แข็งแกร่งสมบูรณ์ ทั้งหลานก็ยังเล็กนัก ต้องมีผู้ช่วยดูแล นางจึงไม่อาจวางใจกลับเผ่าวิหคได้ แล้วยิ่งมีเรื่ององค์ชายเพิ่มมาด้วยราชินียิ่งต้องคอยช่วยเหลือให้จบลงด้วยดีเสียก่อน“แม่ให้ไปอยู่กับผู้เป็นพ่อบ้าง”“ท่านแม่”“หลันเอ๋อร์ควรได้รับความอบอุ่นจากพ่อและแม่ จะได้เติบโตขึ้นโดยไม่รู้สึกขาดสิ่งใด”“ไม่จำเป็น ลูกดูแลหลันเอ๋อร์ได้”หนิงเฟิ่งเสียงแข็งใส่มารดาอย่างไม่เคยเป็น ทั้งยังก้าวพรวดรวดเร็วจะออกไปจากตรงนี้“แล้วนี่เจ้าจะไปไหน”“จะไปตามลูกเจ้าค่ะ”“อีกไม่นานอิงเอ๋อร์ก็พากลับมาแล้ว”“อิงเอ๋อร์พาไปสินะ คงต้องลงโทษกันบ้างแล้ว”เมื่อเห็นบุตรสาวเข่นเขี้ยวราชินีฟางเซียนก็ถอนหายใจ“

  • สวรรค์ไร้ใจ ข้าขอไร้วาสนา   27.เพียงคนทำสวนธรรมดา (2)

    อวี้หลันน้อยโตเร็วจนสามารถเดินได้แล้วทว่าพูดได้ไม่กี่คำ หนิงเฟิ่งมักจะพามาเดินเล่นอุทยานดอกไม้บ่อยจนหากวันไหนไม่ออกมาหนูน้อยจะงอแงร่างน้อยเตาะแตะเล่นกับผีเสื้อวนเวียนไปมา ขณะที่หนิงเฟิ่งนั่งฝึกปักผ้าไม่ห่างและเงยหน้ามองเป็นระยะ อยู่ๆ นางก็นึกอยากทำขึ้นมาแม้ช่วงแรกจะโดนเข็มทิ่มไปไม่น้อยเลย ทว่าความทรงจำบนโลกมนุษย์ทำให้จดจำได้ว่าปักผ้านั้นช่วยให้ใจสงบมีสมาธิ แม้จะทำให้ความคิดวนเวียนอยู่กับเรื่องบนโลกมนุษย์บ่อยครั้ง หากก็ไม่ฟุ้งซ่านในตอนฝึกฝนจิตและพลังปราณตุ้บ...“แง...”เสียงล้มและร้องทำให้หนิงเฟิ่งรีบลุกขึ้นพร้อมทิ้งผ้าที่ปัก ขยับตัวเร็วเพื่อไปหาลูกสาวตัวน้อย ทว่ากลับมีใครคนหนึ่งก้าวเข้ามาอุ้มขึ้นเสียก่อน นางจึงเอ่ยเสียงเข้ม“เจ้าเป็นใคร ปล่อยลูกข้านะ”ร่างสูงสง่าที่หันหลังให้นั้นดูคุ้นตา และเมื่ออีกฝ่ายหันกลับมาพร้อมอวี้หลันน้อยในอ้อมกอดหนิงเฟิ่งก็ถึงกับผงะ“ท่าน...ไท่จื่อ...”“มา...มา...”อวี้หลันน้อยชูมือมาทางมารดาของตน ขณะที่หนิงเฟิ่งนั้นยืนมองหน้าลูกกับใบหน้าคมคายสลับไปมา ดวงหน้าหวานซีดเผือด ทำตัวไม่ถูกกระทั่งหนูน้อยเริ่มร้องไห้อีกครั้งที่มารดาไม่เข้ามาหาตนเอง“มา...แง...”“ส่งล

Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status