แชร์

4.สวรรค์ไร้ใจ ไร้เมตตา (1)

ผู้เขียน: rasita_suin
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-02-27 01:25:14

หนิงเฟิ่งปรากฏกายกลางท้องพระโรงตำนักสวรรค์ชั้นฟ้าในสภาพที่เสื้อผ้าร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลจากสายฟ้า นางรำที่กำลังโชว์ต่อหน้าธารกำนัลที่มาร่วมงานรื่นเริ่งมงคลสวรรค์ต่างก็หยุดลง เทพเซียนทั้งหมดต่างก็หันมาสนใจร่างบอบบางที่บาดเจ็บหนักของพระชายาไท่จื่อ

“หนิงเฟิ่ง”

ฮองเฮาสวรรค์ฮุ่ยเฟิ่งพึมพำแล้วรีบลงไปช่วยพยุง

“เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า เหตุใดจึงบอบช้ำเช่นนี้”

พระนางเอ็นดูสะใภ้อย่างมากด้วยเป็นเทพธิดาวิหค เป็นน้องสาวท่านปู่ของหนิงเฟิ่งจึงเป็นห่วงเมื่อเห็นว่าบาดเจ็บ

“หนิงเฟิ่งมีเรื่องทูลฝ่าบาทกับฮองเฮา”

หนิงเฟิ่งเอ่ยโดยไม่ยอมให้เสียเวลา

“มีเรื่องอะไรก็พูดมา”

องค์จักรพรรดิสวรรค์จินหวงรู้สึกแปลกใจ เพราะวันนี้เป็นงานอภิเษกของไท่จื่อ แต่ชายากลับมาปรากฏเบื้องหน้าด้วยสภาพไม่ดีนัก ราวตั้งใจทำให้งานไม่เป็นมงคล และเวลานี้เกี้ยวเจ้าสาวน่าจะไปถึงวังไท่จื่อตามฤกษ์ยามแล้ว ไม่รู้ว่าที่นั่นเกิดเรื่องราวอะไรขึ้นหรือไม่

“ขอฝ่าบาทกับฮองเฮาเมตตา เผ่าบาดาลหลอกลวงเบื้องสูง หนิงเฟิ่งไม่อาจนิ่งเฉยได้”

คำพูดของพระชายาไท่จื่อทำให้เทพเซียนต่างก็มองหน้ากันแล้วเริ่มซุบซิบด้วยความสงสัย

เมื่อเห็นว่าการณ์ภายในไม่ค่อยดีนัก องค์จักรพรรดิก็เอ่ยแก้หน้าก่อน

“หนิงเฟิ่งคงเข้าใจผิด นางถูกเผ่าปิศาจลอบทำร้ายอาจบาดเจ็บจนไม่รู้สึกตัว ข้ากับฮองเฮาจะคุยกับนางเอง งานมงคลก็ผ่านไปด้วยดีแล้ว ขอบใจที่ทุกท่านมาร่วมยินดี”

เทพเซียนต่างก็ทยอยกลับ แม้ยังสงสัยแต่ก็รับรู้ได้ว่าเป็นคำสั่งเชิญกลับกลายๆ จึงไม่มีใครกล้าคัดค้านอยากรู้อยากเห็น

“หนิงเฟิ่งข้ารู้ว่าเจ้าอาจไม่พอใจองค์หญิงเผ่าบาดาล แต่เป็นถึงชายาไท่จื่อสวรรค์ เจ้าควรใจกว้าง ช่วยแบ่งเบาภาระไท่จื่อ ไม่ใช่ทำตัวหึงหวงพาลใส่ร้ายผู้อื่นเช่นนี้”

องค์จักพรรดิตำหนิทันทีเมื่ออยู่ตามลำพัง

“ฝ่าบาท ท่านก็เห็นว่าหนิงเฟิ่งเจ็บหนัก จิตใจอาจอ่อนแอ ให้เวลานางได้ทำใจหน่อยเถิด”

ฮองเฮาเห็นใจหลานของตนไม่น้อยจึงช่วยพูดกับองค์จักรพรรดิ

“เจ้าเองก็อย่าเพิ่งร้อนใจไป ไท่จื่อแต่งสนมเป็นเรื่องธรรมดาสามัญ ทุกดินแดนต่างก็ต้องการผูกมิตรไม่ตรีกับสวรรค์ อาจเป็นเพราะเจิ้งหานเป็นคนมั่นคง สนใจเพียงการปกครอง ไม่ใส่ใจอิสตรี พันกว่าปีที่พวกเจ้าแต่งงานร่วมชีวิตกันมาจึงไม่มีปัญหาวุ่นวายใจ แต่ข้าอยากบอกไว้ว่า อีกหลายหมื่นปีต่อจากนี้อาจมีสนมที่ไท่จื่อต้องรับไว้อีกมากมายนัก”

หนิงเฟิ่งส่ายหน้า แม้เข้าใจว่าการรับสนมเป็นเรื่องธรรมดาแต่เผ่าบาดาลเหยียบย่ำศักดิ์ศรีนางกับไท่จื่อ เอาความดีความชอบเข้าตัว นางยอมไม่ได้

“องค์ชายเผ่าบาดาลคิดล่วงเกินข้า ข้าจึงฆ่าเขา ไม่ใช่เพราะถูกปิศาจจู่โจม และองค์หญิงเผ่าบาดาลใส่ความข้าต่อหน้าไท่จื่อ ว่าข้ามีใจให้พี่ชายของนาง ไท่จื่อจึงสั่งลงทัณฑ์ข้าเพื่อรักษาเกียรติของเขา”

นางพูดทุกอย่างออกมาโดยไม่ลังเล ทำเอาฮองเฮาถึงกับนิ่งงันไปเมื่อได้ยินเช่นนั้น

“ขอทูลถามฝ่าบาท เป็นเช่นนี้แล้วยังเห็นว่าเผ่าบาดาลมีความชอบอีกหรือไม่”

“ถึงอย่างนั้นองค์หญิงเผ่าบาดาลก็ช่วยชีวิตเจิ้งหานจริง ถือเป็นความชอบ”

องค์จักรพรรดิพูดไปแล้วไม่อาจคืนคำได้ แม้สิ่งที่ได้รู้จากหนิงเฟิ่งจะทำให้ขุ่นเคืองใจอยู่บ้าง แต่ก็ยังไม่ปักใจนัก

“ส่วนเรื่องเผ่าบาดาลใส่ความเจ้า หากทำเอิกเกริกไปอาจผิดใจกับเผ่าบาดาล คงต้องสืบหาความจริงอย่างเงียบๆ ไม่ให้ทางนั้นระแคะระคาย”

สืบความจริงก็หมายความว่าองค์จักรพรรดิยังไม่เชื่อคำพูดของนาง และเรื่องนี้อาจเงียบหายไปกับสายลมโดยนางไม่มีทางรู้ได้เลยว่าองค์จักรพรรดิสืบสวนเรื่องราวจริงหรือไม่

หนิงเฟิ่งราวหมดอาลัย ร่างกายนางหนักอึ้ง แรงกายแทบจะสูญสิ้น แรงใจไม่มีหลงเหลือ นางรู้สึกเหมือนถูกสวามีทอดทิ้ง พ่อแม่สามีเมินหน้าหนีอย่างไรอย่างนั้น

“ข้าไม่อาจทนอยู่ร่วมวัง ทนร่วมมีสามีเดียวกับคนที่ใส่ร้ายข้าได้”

นางเอ่ยอย่างเด็ดเดี่ยว

“หนิงเฟิ่ง เรื่องนี้จะเอาแต่ใจไม่ได้ งานแต่งก็มีแล้ว ทั้งหกพิภพรับรู้ว่าไท่จื่ออภิเษกธิดาเจ้าบาดาลเป็นสนมเอก เปลี่ยนแปลงไม่ได้”

ฮองเฮาพยายามปลอบใจและสั่งสอนอีกยาวเหยียด

“เจ้าก็พยายามสงบจิตใจ คิดถึงส่วนรวมเข้าไว้ อย่าได้คิดถึงเพียงแค่ตัวเอง การณ์ข้างหน้าเจ้าต้องเคียงข้างไท่จื่อ ครองสวรรค์ชั้นฟ้า เมื่ออยู่จุดสูงสุดเหนือดินแดนทั้งปวง การปกครองย่อมต้องใช้เหตุผลไม่อาจใช้ใจตัดสินได้”

“หรือฝ่าบาทเกรงกลัวเผ่าบาดาล”

หนิงเฟิ่งเสียงแข็งราวไม่ได้ยินคำสอนของฮองเฮาแม้แต่น้อย

“บังอาจ!”

องค์จักรพรรดิเริ่มไม่พอใจมากขึ้น เมื่อหนิงเฟิ่งไม่ฟังเหตุผลใดเลย

“หนิงเฟิ่ง...”

ฮองเฮาจะเอ่ยห้ามแต่หนิงเฟิ่งหันมาจับมือพระนางไว้แน่น

“ฮองเฮาไม่รู้สึกเลยหรือว่าสิ่งที่เผ่าบาดาลทำเป็นการเหยียบย่ำศักดิ์ศรีเผ่าวิหค ท่านทนได้หรือ”

“เหลวไหล หยุดได้แล้ว เจ้าอย่าทำให้ฮองเฮาไขว้เขว”

องค์จักรพรรดิรีบสั่งเมื่อฮองเฮามีสีหน้าไม่ดีนัก

“ข้าจะเห็นแก่ฮองเฮา ไม่เอาเรื่องเจ้าในวันนี้ และเจ้าก็รับโทษทัณฑ์ไปแล้ว กลับไปดูแลตัวเองให้หายดีเถิด”

หนิงเฟิ่งมององค์จักรพรรดิที่สะบัดแขนไล่และเมินหน้าหนี แล้วหันมายังฮองเฮาที่ประคองตนอยู่ก็เห็นว่ามองด้วยความสงสารแต่ก็พยักหน้าให้ทำตามคำสั่ง แล้วยิ่งขมขื่นใจ

เกียรติและศักดิ์ศรีอันสูงส่งเหนือใคร ทำให้องค์จักรพรรดิมองข้ามคำพูดของนาง ไม่ยอมเสียหน้าต่อหกพิภพดินแดนว่าชื่นชมคนผิด ไม่อยากผิดใจกับเผ่าบาดาล แต่ไม่เห็นใจนางแม้แต่น้อย

สวรรค์ช่างไร้ใจ ไร้เมตตานัก

อย่าว่าแต่สวรรค์เลย แม้แต่สวามีเองยังหันหลังให้นาง ยินดีรับผู้หญิงที่ให้ร้ายนางเป็นภรรยาอีกคน

‘ไท่จื่อ ท่านใจร้ายกับข้าเหลือเกิน’

นางอดคร่ำครวญในใจไม่ได้

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ทำให้หนิงเฟิ่งรู้สึกราวตนอยู่ผิดที่ผิดทาง อย่างไรเสียนางก็ไม่ต้องการอยู่ร่วมวังเดียวกับหญิงร้ายกาจผู้นั้น และคิดว่าในเมื่อแต่งงานใหม่ไท่จื่อเองคงไม่ใส่ใจนางอีก ส่วนลูกน้อยนางก็ฝากอิงอิงพาไปยังดินแดนบุปผาแล้ว นางตั้งใจตามไปอยู่ที่นั่น ไม่คิดกลับวังของไท่จื่อ มาถึงเวลานี้หนิงเฟิ่งตัดสินใจได้แล้ว

ร่างอ่อนแรงของหนิงเฟิ่งทรุดกายลงคุกเข่าอย่างเด็ดเดี่ยวก่อนเอ่ยเสียงหนักแน่น

“ฝ่าบาท ข้าขอพระเมตตา ขอตัดสัมพันธ์กับไท่จื่อ จบสิ้นวาสนา ไม่ขอเป็นชายาของไท่จื่ออีกต่อไป”

“นี่เจ้า...”

“หนิงเฟิ่ง”

องค์จักรพรรดิกับฮองเฮาเอ่ยขึ้นพร้อมกันอย่างคาดไม่ถึง

“ขอฝ่าบาทประทานอนุญาตให้หนิงเฟิ่งหย่าขาดจากไท่จื่อ”

หลังพูดในสิ่งที่ต้องการอย่างมั่นคงหนิงเฟิ่งก็ใช้พลังแรงกายตนเท่าที่มีอยู่โขกศีรษะลงแนบพื้น

“เหลวไหล”

“หนิงเฟิ่งขอพระเมตตา”

นางฝืนโขกศีรษะซ้ำอีกจนฮองเฮาทนเห็นไม่ได้ ต้องรีบพยุงเอาไว้พร้อมบอกเสียงเบา

“เจ้ากับเจิ้งหานมีดวงผูกพันสวรรค์ประทาน ดวงดาววาสนาเคียงคู่ ไม่อาจตัดขาดจากกันได้โดยง่าย”

“หากเจ้าต้องการตัดวาสนา เปลี่ยนดวงชะตา เจ้าต้องรับวิบากกรรมหนักหน่วง”

องค์จักรพรรดิย้ำเพิ่มเติมให้รู้ว่าไม่มีทางเป็นไปได้ ทว่าหนิงเฟิ่งกลับยืนยันคำเดิม

“หนิงเฟิ่งยินดีรับ ขอเพียงตัดขาดวาสนากับไท่จื่อได้ ไม่ว่าวิบากกรรมใดข้าพร้อมเผชิญ”

นางมีสิ่งสำคัญในชีวิตแล้ว ขอเพียงได้ไปอยู่และดูแลลูกน้อย ไม่ต้องรับรู้หรือเกี่ยวข้องใดกับไท่จื่อและสวรรค์อีก นางพร้อมทำทุกอย่าง

“อย่าทำแบบนี้เลยหนิงเฟิ่ง เจิ้งหานต้องไม่ยอมแน่ เจ้าตัดขาดสัมพันธ์ฝ่ายเดียวโดยไม่ถามความเห็นเจิ้งหานไม่ได้”

ฮองเฮารีบห้าม แต่หนิงเฟิ่งทำให้องค์จักรพรรดิโมโห รู้สึกราวถูกท้าทายอำนาจ

“ช่างเอาแต่ใจนัก ได้...คิดฝืนชะตาสวรรค์ไม่ใช่เรื่องง่าย เช่นนั้นเจ้าก็จงลงไปรับวิบากกรรมในโลกมนุษย์ รับเคราะห์รับทุกข์โศกแสนสาหัส ไม่มีวันพานพบความสุขจนจบสิ้นชีวิตมนุษย์ของเจ้า”

“ฝ่าบาท”

คนที่ตกใจแทบสิ้นสติกลับเป็นฮองเฮา ไม่ใช่ผู้ที่ต้องรับเคราะห์กรรมแต่อย่างใด

“หนิงเฟิ่งรับบัญชา”

“ไม่นะหนิงเฟิ่ง เหตุใดเจ้าจึงดื้อรั้นนัก”

“ฮองเฮา หนิงเฟิ่งอกตัญญู ไม่ได้ตอบแทนพระเมตตาให้สมกับที่ท่านห่วงใยใส่ใจตลอดเวลาที่ข้าขึ้นมาอยู่บนสวรรค์ชั้นฟ้า”

ฮองเฮาถึงกับน้ำตานอง ไม่คิดว่าผู้เป็นหลานจะทั้งใจร้อนและใจเด็ดเยี่ยงนี้

“ในเมื่อไม่อาจรั้งได้ ข้าก็คงทำได้เพียงเอ่ยเตือนใจเจ้า ตึงเกินไปอาจไม่ดีนัก จำคำข้าไว้นะหนิงเฟิ่ง”

“คำสั่งสอนของฮองเฮา หนิงเฟิ่งจะจำใส่ใจไม่ลืม”

นางซาบซึ้งในความใส่ใจและเข้าใจคำเตือนของฮองเฮา แต่หนิงเฟิ่งต่อสู้เพื่อพิสูจน์ว่าตนบริสุทธิ์ ทว่ากลับไม่มีใครให้ความเป็นธรรมกับนาง นางอาจไม่ใช่คนใจกว้าง ไม่เหมาะสมที่จะเกิดมาเป็นผู้ยิ่งใหญ่สูงส่งบนสวรรค์ชั้นฟ้า

“ทหาร ตามเทพชะตามาพบข้า”

องค์จักรพรรดิออกคำสั่งโดยไม่รีรอ ต้องการสั่งสอนหนิงเฟิ่งให้รู้ว่าไม่มีผู้ใดได้ทุกอย่างเช่นใจต้องการ หากจะเป็นใหญ่ย่อมต้องเสียสละบ้าง สิ่งต่างๆ ล้วนไม่ราบรื่นสวยงามไม่ว่าบนสวรรค์ชั้นฟ้าหรือโลกมนุษย์ และจะไม่สามารถกลับมาเรียกร้องสิ่งที่สูญเสียไปแล้วได้อีก

==========

หนิงเฟิ่งเทไท่จื่อแล้วอย่างเด็ดเดี่ยว ต้องรับเคราะห์ก็ยอม T^T

บทที่เกี่ยวข้อง

  • สวรรค์ไร้ใจ ข้าขอไร้วาสนา   4.สวรรค์ไร้ใจ ไร้เมตตา (2)

    กรงจักรวัฎสงสารอยู่ตรงหน้า หนิงเฟิ่งยืนเคียงข้างเทพชะตา สำหรับนางแล้วไม่มีอะไรต้องห่วงอีก เวลานี้ลูกของนางปลอดภัยที่ดินแดนบุปผา หลังเผชิญวิบากกรรมนางก็จะได้ไปอุ้มชูลูกน้อยที่นั่น แม้ในโลกมนุษย์จะกินเวลาหลายสิบปี ทว่าดินแดนเทพเซียนก็เพียงไม่กี่วัน“พระชายา ลำบากท่านแล้ว”“ข้าจะไม่ใช่พระชายาอีกแล้ว”เทพชะตาหน้าเสีย เขาได้รู้เรื่องยังประหลาดใจทั้งยังเอ่ยทัดทานว่าไม่สมควรทำ แต่องค์จักรพรรดิรับสั่งอย่างเด็ดขาดตนจึงขัดไม่ได้“พระชายาดูแลตัวเองด้วย”เมื่อติดเรียกเช่นเดิมก็ถูกมองตาขุ่นแต่เทพชะตาไม่ยอมแก้ไข เขาผายมือเชิญให้หนิงเฟิ่งเตรียมพร้อม ก่อนจะเริ่มร่ายเวทย์หนิงเฟิ่งหลับตาลง บอกตัวเองว่านางทำถูกแล้ว เพื่อตนเองและลูกน้อย ผู้หญิงร้ายกาจเช่นองค์หญิงเผ่าบาดาลหรือจะยอมให้นางกับลูกอยู่ในวังอย่างสงบสุขสวรรค์ชั้นฟ้า ไม่ใช่สวรรค์อันสงบสุขสำหรับนางอีกแล้ว‘ท่านเป็นฝ่ายทอดทิ้งข้าและลูกเจิ้งหาน ลาก่อน’นางคิดอยู่ในใจ หากสวามีไม่คลางแคลงใจ หากเขาปกป้องนางบ้างแม้เพียงเล็กน้อย นางคงพร้อมสู้เพื่อยืนเคียงข้างเขาต่อไป แต่เขากลับสั่งลงทัณฑ์แล้วไปแต่งงานกับธิดาเจ้าบาดาลอย่างไม่แย่แสแม้แต่จะไปเยือนนางที่แท

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-27
  • สวรรค์ไร้ใจ ข้าขอไร้วาสนา   5.นางผู้เกิดมาพร้อมแผลเป็นอัปลักษณ์ (1)

    ร่างสูงสง่าปรากฏกายขึ้นทันควันขวางหน้าเทพชะตาที่เพิ่งลงมาจากแท่นกรงจักรวัฏสงสาร สีหน้าถมึงทึงของไท่จื่อจ้องเขม็งทำเอาเทพชะตาหน้าซีด“ไท่จื่อ”“หนิงเฟิ่งอยู่ไหน”“เอ่อ...”“ตอบมา!”ผู้ถูกสั่งเสียงดังใส่สะดุ้ง ขณะเดียวกันนั้นเทพสงครามก็ตามมาถึงเช่นกัน“โลกมนุษย์”“บังอาจ! ท่านส่งชายาข้าไปโลกมนุษย์ด้วยเหตุใด”ไท่จื่อยังเสียงเข้มไม่ยอมลดละ“ฝ่าบาทมีพระบัญชา”“พระบิดาอย่างนั้นหรือ”เอ่ยแล้วไท่จื่อก็หันไปสบตากับจิ่นลี่ อีกฝ่ายมีสีหน้าแปลกใจ ขณะที่เจิ้งหานรู้สึกราวใจหายวาบ“พระบิดาลงโทษหนิงเฟิ่ง?”“ขอไท่จื่อเมตตา...”ร่างสูงสง่าของไท่จื่อฉุดเทพชะตาขยับวูบเดียวก็ไปถึงหน้ากรงจักรโดยที่เขายังไม่ทันตั้งตัวด้วยซ้ำ“ท่านส่งหนิงเฟิ่งไปที่ใด ส่งข้าไปที่นั่นเดี๋ยวนี้”“ไท่จื่อ”แม้แต่จิ่นลี่ที่ตามติดมาก็ยังไม่เห็นด้วย“เทพชะตา!”เจิ้งหานไม่ฟังคำห้ามปราม เขาตวาดเสียงดังลั่น เทพชะตาเงอะงะตัวสั่นเกรงกลัว“ข้าว่าท่านไปถามพระบิดาก่อนไม่ดีกว่าหรือ ว่าเพราะเหตุใดต้องส่งพระชายาไปโลกมนุษย์ อีกอย่างท่านอยู่ข้างบนยังพอหาทางผ่อนหนักเป็นเบาให้พระนางได้ หากลงไปอาจช่วยได้ยากนัก”“นั่นเป็นหน้าที่เจ้า ยังไงข้าก็ต้องล

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-27
  • สวรรค์ไร้ใจ ข้าขอไร้วาสนา   5.นางผู้เกิดมาพร้อมแผลเป็นอัปลักษณ์ (2)

    “น้าเจียวเหมย”หนูน้อยวัยเจ็ดขวบในชุดสีอ่อนเรียบง่ายโผล่มาจากด้านหลังจวนที่เป็นส่วนซักล้างพร้อมกระต่ายตัวโตเมื่อเทียบกับมือผู้อุ้ม“ข้าเลี้ยงได้ไหม”“แอบออกไปข้างนอกอีกแล้วหรือเจ้าคะคุณหนู แล้วไปได้มันมาจากที่ไหน”“มีคนให้มา”เด็กหญิงใบหน้าหวานที่เห็นชัดว่ามีเค้าความสวยงามตั้งแต่ยังอายุน้อย ยิ้มแป้นอวดฟันเรียงสวย นางไม่ได้อยากออกไปบ่อยแต่เด็กชาวบ้านด้านหลังจวนมักแอบชวนไปเล่นด้วยเมื่อเห็นนางนั่งอย่างเหงาๆ แถวส่วนซักล้างไม่ห่างทางออกนัก“ข้าอยากเลี้ยงมันไว้ในห้องข้า เป็นเพื่อนข้า”“เอาไปเลี้ยงถึงในห้อง นายท่านอาจไม่ยอมนะเจ้าคะ”“แต่ข้าอยากมีเพื่อน”หนูน้อยเสียงเศร้าลง เจียวหมยคนสนิทฮูหยินคนก่อนของท่าน แม่ทัพมองคุณหนูของตนด้วยความสงสาร คุณหนูรองเฟยเซียงแทบไม่มีความสำคัญใดในจวนนี้ คุณหนูใหญ่เยว่ซินมีความสามารถเก่งทั้งบุ๋นและบู๊ได้อย่างที่ใจแม่ทัพต้องการ แต่ก็ยังไม่ชื่นชอบเท่าบุตรชายคนเล็กลู่ปินซึ่งเกิดจากฮูหยินรองที่แต่งเข้ามาหลังฮูหยินจากไป และก็มีบุตรชายในทันใด แม่ทัพลู่จึงทั้งประคบประหงมให้ความรักบุตรชายคนเล็กกับภรรยาคนปัจจุบันอย่างมาก“น้าเลี้ยงให้ ยังไงคุณหนูก็มาเล่นกับมันทุกวันได้นี

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-27
  • สวรรค์ไร้ใจ ข้าขอไร้วาสนา   6.คุณหนูรองผู้น่าสงสาร (1)

    “ปินปิน”ลู่ฮูหยินเอ่ยเรียกบุตรชายด้วยความตื่นตระหนก ขณะที่สาวใช้พี่เลี้ยงอุ้มคุณชายเล็กให้ออกมายืนห่างจากสระน้ำ ส่วนคนในบ้านผู้ชายรีบกระโดดลงไปช่วยคุณหนูรอง“เกิดอะไรขึ้นกัน ปินปินเป็นอะไรหรือเปล่าลูก”“ท่านแม่ พี่รอง ตีข้า ฮือ...”หนูน้อยลู่ปินบอกพร้อมสะอึกสะอื้น วิ่งมากอดผู้เป็นแม่“ว่าไงนะ เจ้าถูกเฟยเซียงตีหรือ”ลู่ฮูหยินเสียงเข้ม หันมองสาวใช้ที่เป็นพี่เลี้ยงของลูกชายด้วยสายตาไม่พอใจ“พวกเจ้าทำอะไรกันอยู่ ถึงปล่อยให้เฟยเซียงมาตีลูกชายข้าได้”“เอ่อ...”สาวใช้พี่เลี้ยงหลบสายตา นางเองก็ไม่รู้จะแยกสองพี่น้องอย่างไร เพราะทั้งคู่เพิ่งจะทะเลาะกันครั้งนี้ครั้งแรก คุณหนูรองไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับคุณชายเล็กหรือฮูหยินนัก จะพูดคุยก็กับคุณหนูใหญ่เพียงเท่านั้นขณะนั้นคนช่วยร่างน้อยของเฟยเซียงที่หมดสติไปแล้วขึ้นมาได้ และพยายามอุ้มขึ้นพาดบ่าให้น้ำไหลออกมา ทำให้ลู่ฮูหยินเองต้องหันไปให้ความสนใจเพราะเกรงจะเกิดเรื่องร้ายแรงในจวนเช่นกันครู่หนึ่งเฟยเซียงน้อยก็สำลักน้ำออกมา ทำให้คนในบ้านต่างก็เบาใจ ลู่ฮูหยินเองก็ถอนหายใจแม้จะขัดใจที่ได้รู้ว่าลูกชายตนถูกทำร้ายแต่เรื่องนั้นค่อยจัดการทีหลัง“พวกเจ้ารีบพาคุ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-27
  • สวรรค์ไร้ใจ ข้าขอไร้วาสนา   6.คุณหนูรองผู้น่าสงสาร (2)

    เฟยเซียงรู้ว่ากระต่ายน้อยของตนตายไปแล้วหลังจากนั้นหลายวัน และแอบนอนร้องไห้คนเดียวหลายคืน แถมยังถูกบิดาสั่งห้ามไม่ให้ออกไปนอกบ้านเด็ดขาด หนูน้อยจึงเก็บตัวยิ่งกว่าเดิม ได้เรียนหนังสือจากที่พี่สาวสอน แต่ไม่ได้ออกไปฝึกอาวุธเช่นพี่สาวและน้องชาย เฟยเซียงอ่านหนังสือแต่งโคลงกลอน วาดภาพ หัดงานบ้านงานเรือนของสตรีจากเจียวเหมยจนเชี่ยวชาญ แม้ไม่ชอบนักแต่เจียวเหมยบังคับอย่างแนบเนียนเจ้าตัวจึงค่อยๆ ทำได้ดีโดยไม่รู้ตัวสิบปีต่อมาจากหนูน้อยเติบโตขึ้นเป็นสาวสะพรั่งวัยสิบเจ็ด แต่ก็ยังไม่มีโอกาสออกไปไหนเช่นเคย“วันนี้มีคนมาพบท่านพ่อ”เฟยเซียงเปรยขึ้นขณะนั่งปักผ้าเช็ดหน้าในศาลาใกล้กับโรงครัว เป็นส่วนที่นางมักจะอยู่นอกจากห้องของตน โดยมีเจียวเหมยเอาขนมกับชามาวางให้ใกล้ๆ“ข้าได้ยินจากบ่าวว่ามาจากจวนใต้เท้าฉี มาคุยเรื่องพี่ซินซิน ส่งของหมั้นมามากมาย”“ใช่เจ้าค่ะ”เจียวเหมยตอบรับพร้อมรินชาให้คุณหนูของตน“พี่ซินซินควรแต่งงานตั้งนานแล้ว”เพราะก่อนใต้เท้าฉีจะส่งคนมาทาบทาบ ก็มีขุนนางคนอื่นเคยส่งมาแล้วแต่บิดาของนางและเยว่ซินปฏิเสธ เพิ่งตอบรับฝ่ายใต้เท้าฉีเมื่อสองเดือนก่อน“เจ้าค่ะคุณหนู”“เพราะข้าหรือเปล่าน้าเจียวเ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-27
  • สวรรค์ไร้ใจ ข้าขอไร้วาสนา   7.ดอกไม้งามที่ถูกซ่อนเร้น (1)

    “มันตายแล้ว”เฟยเซียงเอ่ยเสียงเครือ ขณะน้ำตารินไหลออกมาเอง นางไม่ได้โกรธเคืองใคร แต่สงสารกระต่ายจับใจที่มันต้องมาตายเพราะตน จนตอนนี้ก็ยังรู้สึกผิดไม่เสื่อมคลาย หากไม่ดื้อดึงยื้อยุดกับน้องชายมันอาจมีชีวิตยืนยาวกว่านั้น แม้จะไม่ใช่เพื่อนเล่นของตนแต่เป็นสัตว์เลี้ยงของน้องก็ตาม“หากข้าทำให้เจ้าเสียใจเพราะนึกถึงมันก็ต้องขออภัย”บุรุษหนุ่มบอกด้วยความรู้สึกเศร้าตามไปด้วยผู้ที่ร้องไห้ปาดน้ำตาโดยเร็ว ขณะที่เจียวเหมยกลับมาจับมือบางกระซิบบอก“อยู่ตรงนี้นานไม่ดีนะเจ้าคะคุณหนู”“ข้าต้องขอตัวก่อน”เฟยเซียงเชื่อฟังโดยง่าย แม้รู้ว่าบุรุษผู้นี้เป็นคนที่เคยใจดีกับตนเมื่อครั้งยังเด็ก แต่บิดาของนางไม่ค่อยอยากให้ใครเห็นนางนัก“เดี๋ยวแม่นาง”เสียงทุ้มทักท้วงก่อนที่ร่างอ้อนแอ้นจะขยับตัว“พบกันอีกครั้งนับเป็นวาสนา เจ้าจะบอกชื่อกับข้าได้หรือไม่”เจียวเหมยส่งสายตาพร้อมส่ายหน้าเล็กน้อยว่าเป็นการไม่ควร เฟยเซียงจึงปฏิเสธออกไป“ชื่อข้าไม่น่าฟังนัก ต้องขออภัยคุณชาย”‘ใบหน้างดงามราวนางสวรรค์เช่นนี้หรือ จะชื่อไม่น่าฟัง’แม้จะคิดในใจอย่างนั้นเขาก็เอ่ยอย่างอารมณ์ดีไม่ขุ่นเคือง“เช่นนั้นข้าเรียกกระต่ายน้อยก็แล้วกัน เหม

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-27
  • สวรรค์ไร้ใจ ข้าขอไร้วาสนา   7.ดอกไม้งามที่ถูกซ่อนเร้น (2)

    ฉึก! ฉึก!เสียงดังแปลกๆ ดึงเฟยเซียงที่ตกอยู่ในภวังค์ให้รู้สึกตัว“เสียงอะไรเจ้าคะ”เจียวเหมยเอ่ยพร้อมจับมือคุณหนูทั้งสองแน่น“โจร...โจรขอรับคุณหนู”คนบังคับรถม้าร้องบอกเสียงดังเย่วซินจะขยับออกไปดูแต่เจียวเหมยห้ามไว้“อันตรายนะเจ้าคะคุณหนูใหญ่”“ข้าดูแลตัวเองได้”นางหันมาบอกอย่างไม่เกรงกลัว ห่วงเพียงแต่น้องสาวกับคนของตน“พวกเจ้าเป็นใคร”เสียงของคนบังคับรถม้าดังขึ้นอีกครั้ง แต่ไม่มีการพูดจา มีเพียงเสียงชักดาบและเสียงร้อง ทำให้แม่นางทั้งสามยิ่งหวั่นวิตก“ข้าต้องออกไป ฝากเซียงเซียงด้วยนะน้าเจียวเหมย”“อย่าเจ้าค่ะคุณหนูใหญ่”แม้เจียวเหมยจะห้ามแต่เยว่ซินออกไปแล้ว นางไม่อาจทำอะไรได้ พอเฟยเซียงจะขยับตามพี่สาวด้วยความเป็นห่วงนางจึงรีบผวากอดคุณหนูรองในทันใด“ข้างนอกต่อสู้กันนะเจ้าคะคุณหนู”“แต่พี่ซินซินล่ะ”“คุณหนูใหญ่มีฝีมือ แต่คุณหนูทำอะไรไม่ได้ ออกไปจะยิ่งทำให้คุณหนูใหญ่เป็นห่วงนะเจ้าคะ”“พี่ซินซิน ท่านเป็นยังไงบ้าง”เฟยเซียงห่วงพี่สาว เมื่อได้ยินเสียงต่อสู้ประชิดติดรถม้า“พี่ไม่เป็นไร เจ้าอย่าออกมาเด็ดขาด”เยว่ซินอยู่หน้ารถม้าไม่ได้ขยับห่างไปเพราะต้องการปกป้องคนด้านใน นางไม่ได้พกดาบติดตัวแ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-27
  • สวรรค์ไร้ใจ ข้าขอไร้วาสนา   1.กาลก่อน ณ สวรรค์ชั้นฟ้า (1)

    “เราต้องบุกแล้วไท่จื่อ”แม่ทัพข้างกายรายงานผู้บัญชาการใหญ่ของทัพซึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้หัวโต๊ะตัวใหญ่ที่มีแผนที่จำลองเสมือนจริงของดินแดนมนุษย์โดยถูกเผ่าปิศาจครอบครองลอยอยู่ตรงกลาง“หากไม่เคลื่อนทัพเวลานี้ เราอาจตีขนาบพร้อมทัพท่านเทพสงครามไม่ทัน”ทัพสวรรค์แบ่งออกเป็นสองทัพนำโดยองค์ไท่จื่อเจิ้งหานที่มีทัพเสริมเป็นเผ่าวิหคหนึ่งทัพ กับเทพสงครามจิ่นลี่ซึ่งบุกมาพร้อมเผ่าบาดาลพันธมิตรอีกหนึ่งทัพ แม้กองทัพพร้อมแล้วทว่าผู้บัญชาการก็ยังไม่สั่งเคลื่อนพลทำให้แม่ทัพสวรรค์กับเผ่าวิหคต่างก็เริ่มกังวล“เคลื่อนทัพ”ไท่จื่อเจิ้งหานนิ่งเงียบไม่นานนักก็เอ่ยขึ้น“แต่พระชายา...”รองแม่ทัพเผ่าวิหคจะเอ่ยทัดทานแต่แม่ทัพกลับกระแทกแขนห้ามเอาไว้อีกฝ่ายจึงหยุดปาก“รับบัญชา”เมื่อไม่มีผู้ใดเอ่ยขัด แม่ทัพสวรรค์มือขวาของเทพสงครามที่ร่วมทัพกับไท่จื่อเพื่อประสานกลศึกระหว่างสองทัพก็รับคำก่อนสั่งการออกไป“สั่งกองพลเตรียมเคลื่อนทัพ”คำสั่งมากองทัพพร้อม ไทจื่อนำทัพสวรรค์มุ่งหน้าสู่แดนมนุษย์ที่เวลานี้เหมือนเป็นกึ่งแดนปิศาจไปแล้ว ด้วยถูกปกครองโดยเผ่าปิศาจที่แผ่อิทธิพลรุกรานกินอาณาเขตกว้างขวางทั่วดินแดน ผู้คนถูกความมืดดำครอบงำ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-23

บทล่าสุด

  • สวรรค์ไร้ใจ ข้าขอไร้วาสนา   7.ดอกไม้งามที่ถูกซ่อนเร้น (2)

    ฉึก! ฉึก!เสียงดังแปลกๆ ดึงเฟยเซียงที่ตกอยู่ในภวังค์ให้รู้สึกตัว“เสียงอะไรเจ้าคะ”เจียวเหมยเอ่ยพร้อมจับมือคุณหนูทั้งสองแน่น“โจร...โจรขอรับคุณหนู”คนบังคับรถม้าร้องบอกเสียงดังเย่วซินจะขยับออกไปดูแต่เจียวเหมยห้ามไว้“อันตรายนะเจ้าคะคุณหนูใหญ่”“ข้าดูแลตัวเองได้”นางหันมาบอกอย่างไม่เกรงกลัว ห่วงเพียงแต่น้องสาวกับคนของตน“พวกเจ้าเป็นใคร”เสียงของคนบังคับรถม้าดังขึ้นอีกครั้ง แต่ไม่มีการพูดจา มีเพียงเสียงชักดาบและเสียงร้อง ทำให้แม่นางทั้งสามยิ่งหวั่นวิตก“ข้าต้องออกไป ฝากเซียงเซียงด้วยนะน้าเจียวเหมย”“อย่าเจ้าค่ะคุณหนูใหญ่”แม้เจียวเหมยจะห้ามแต่เยว่ซินออกไปแล้ว นางไม่อาจทำอะไรได้ พอเฟยเซียงจะขยับตามพี่สาวด้วยความเป็นห่วงนางจึงรีบผวากอดคุณหนูรองในทันใด“ข้างนอกต่อสู้กันนะเจ้าคะคุณหนู”“แต่พี่ซินซินล่ะ”“คุณหนูใหญ่มีฝีมือ แต่คุณหนูทำอะไรไม่ได้ ออกไปจะยิ่งทำให้คุณหนูใหญ่เป็นห่วงนะเจ้าคะ”“พี่ซินซิน ท่านเป็นยังไงบ้าง”เฟยเซียงห่วงพี่สาว เมื่อได้ยินเสียงต่อสู้ประชิดติดรถม้า“พี่ไม่เป็นไร เจ้าอย่าออกมาเด็ดขาด”เยว่ซินอยู่หน้ารถม้าไม่ได้ขยับห่างไปเพราะต้องการปกป้องคนด้านใน นางไม่ได้พกดาบติดตัวแ

  • สวรรค์ไร้ใจ ข้าขอไร้วาสนา   7.ดอกไม้งามที่ถูกซ่อนเร้น (1)

    “มันตายแล้ว”เฟยเซียงเอ่ยเสียงเครือ ขณะน้ำตารินไหลออกมาเอง นางไม่ได้โกรธเคืองใคร แต่สงสารกระต่ายจับใจที่มันต้องมาตายเพราะตน จนตอนนี้ก็ยังรู้สึกผิดไม่เสื่อมคลาย หากไม่ดื้อดึงยื้อยุดกับน้องชายมันอาจมีชีวิตยืนยาวกว่านั้น แม้จะไม่ใช่เพื่อนเล่นของตนแต่เป็นสัตว์เลี้ยงของน้องก็ตาม“หากข้าทำให้เจ้าเสียใจเพราะนึกถึงมันก็ต้องขออภัย”บุรุษหนุ่มบอกด้วยความรู้สึกเศร้าตามไปด้วยผู้ที่ร้องไห้ปาดน้ำตาโดยเร็ว ขณะที่เจียวเหมยกลับมาจับมือบางกระซิบบอก“อยู่ตรงนี้นานไม่ดีนะเจ้าคะคุณหนู”“ข้าต้องขอตัวก่อน”เฟยเซียงเชื่อฟังโดยง่าย แม้รู้ว่าบุรุษผู้นี้เป็นคนที่เคยใจดีกับตนเมื่อครั้งยังเด็ก แต่บิดาของนางไม่ค่อยอยากให้ใครเห็นนางนัก“เดี๋ยวแม่นาง”เสียงทุ้มทักท้วงก่อนที่ร่างอ้อนแอ้นจะขยับตัว“พบกันอีกครั้งนับเป็นวาสนา เจ้าจะบอกชื่อกับข้าได้หรือไม่”เจียวเหมยส่งสายตาพร้อมส่ายหน้าเล็กน้อยว่าเป็นการไม่ควร เฟยเซียงจึงปฏิเสธออกไป“ชื่อข้าไม่น่าฟังนัก ต้องขออภัยคุณชาย”‘ใบหน้างดงามราวนางสวรรค์เช่นนี้หรือ จะชื่อไม่น่าฟัง’แม้จะคิดในใจอย่างนั้นเขาก็เอ่ยอย่างอารมณ์ดีไม่ขุ่นเคือง“เช่นนั้นข้าเรียกกระต่ายน้อยก็แล้วกัน เหม

  • สวรรค์ไร้ใจ ข้าขอไร้วาสนา   6.คุณหนูรองผู้น่าสงสาร (2)

    เฟยเซียงรู้ว่ากระต่ายน้อยของตนตายไปแล้วหลังจากนั้นหลายวัน และแอบนอนร้องไห้คนเดียวหลายคืน แถมยังถูกบิดาสั่งห้ามไม่ให้ออกไปนอกบ้านเด็ดขาด หนูน้อยจึงเก็บตัวยิ่งกว่าเดิม ได้เรียนหนังสือจากที่พี่สาวสอน แต่ไม่ได้ออกไปฝึกอาวุธเช่นพี่สาวและน้องชาย เฟยเซียงอ่านหนังสือแต่งโคลงกลอน วาดภาพ หัดงานบ้านงานเรือนของสตรีจากเจียวเหมยจนเชี่ยวชาญ แม้ไม่ชอบนักแต่เจียวเหมยบังคับอย่างแนบเนียนเจ้าตัวจึงค่อยๆ ทำได้ดีโดยไม่รู้ตัวสิบปีต่อมาจากหนูน้อยเติบโตขึ้นเป็นสาวสะพรั่งวัยสิบเจ็ด แต่ก็ยังไม่มีโอกาสออกไปไหนเช่นเคย“วันนี้มีคนมาพบท่านพ่อ”เฟยเซียงเปรยขึ้นขณะนั่งปักผ้าเช็ดหน้าในศาลาใกล้กับโรงครัว เป็นส่วนที่นางมักจะอยู่นอกจากห้องของตน โดยมีเจียวเหมยเอาขนมกับชามาวางให้ใกล้ๆ“ข้าได้ยินจากบ่าวว่ามาจากจวนใต้เท้าฉี มาคุยเรื่องพี่ซินซิน ส่งของหมั้นมามากมาย”“ใช่เจ้าค่ะ”เจียวเหมยตอบรับพร้อมรินชาให้คุณหนูของตน“พี่ซินซินควรแต่งงานตั้งนานแล้ว”เพราะก่อนใต้เท้าฉีจะส่งคนมาทาบทาบ ก็มีขุนนางคนอื่นเคยส่งมาแล้วแต่บิดาของนางและเยว่ซินปฏิเสธ เพิ่งตอบรับฝ่ายใต้เท้าฉีเมื่อสองเดือนก่อน“เจ้าค่ะคุณหนู”“เพราะข้าหรือเปล่าน้าเจียวเ

  • สวรรค์ไร้ใจ ข้าขอไร้วาสนา   6.คุณหนูรองผู้น่าสงสาร (1)

    “ปินปิน”ลู่ฮูหยินเอ่ยเรียกบุตรชายด้วยความตื่นตระหนก ขณะที่สาวใช้พี่เลี้ยงอุ้มคุณชายเล็กให้ออกมายืนห่างจากสระน้ำ ส่วนคนในบ้านผู้ชายรีบกระโดดลงไปช่วยคุณหนูรอง“เกิดอะไรขึ้นกัน ปินปินเป็นอะไรหรือเปล่าลูก”“ท่านแม่ พี่รอง ตีข้า ฮือ...”หนูน้อยลู่ปินบอกพร้อมสะอึกสะอื้น วิ่งมากอดผู้เป็นแม่“ว่าไงนะ เจ้าถูกเฟยเซียงตีหรือ”ลู่ฮูหยินเสียงเข้ม หันมองสาวใช้ที่เป็นพี่เลี้ยงของลูกชายด้วยสายตาไม่พอใจ“พวกเจ้าทำอะไรกันอยู่ ถึงปล่อยให้เฟยเซียงมาตีลูกชายข้าได้”“เอ่อ...”สาวใช้พี่เลี้ยงหลบสายตา นางเองก็ไม่รู้จะแยกสองพี่น้องอย่างไร เพราะทั้งคู่เพิ่งจะทะเลาะกันครั้งนี้ครั้งแรก คุณหนูรองไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับคุณชายเล็กหรือฮูหยินนัก จะพูดคุยก็กับคุณหนูใหญ่เพียงเท่านั้นขณะนั้นคนช่วยร่างน้อยของเฟยเซียงที่หมดสติไปแล้วขึ้นมาได้ และพยายามอุ้มขึ้นพาดบ่าให้น้ำไหลออกมา ทำให้ลู่ฮูหยินเองต้องหันไปให้ความสนใจเพราะเกรงจะเกิดเรื่องร้ายแรงในจวนเช่นกันครู่หนึ่งเฟยเซียงน้อยก็สำลักน้ำออกมา ทำให้คนในบ้านต่างก็เบาใจ ลู่ฮูหยินเองก็ถอนหายใจแม้จะขัดใจที่ได้รู้ว่าลูกชายตนถูกทำร้ายแต่เรื่องนั้นค่อยจัดการทีหลัง“พวกเจ้ารีบพาคุ

  • สวรรค์ไร้ใจ ข้าขอไร้วาสนา   5.นางผู้เกิดมาพร้อมแผลเป็นอัปลักษณ์ (2)

    “น้าเจียวเหมย”หนูน้อยวัยเจ็ดขวบในชุดสีอ่อนเรียบง่ายโผล่มาจากด้านหลังจวนที่เป็นส่วนซักล้างพร้อมกระต่ายตัวโตเมื่อเทียบกับมือผู้อุ้ม“ข้าเลี้ยงได้ไหม”“แอบออกไปข้างนอกอีกแล้วหรือเจ้าคะคุณหนู แล้วไปได้มันมาจากที่ไหน”“มีคนให้มา”เด็กหญิงใบหน้าหวานที่เห็นชัดว่ามีเค้าความสวยงามตั้งแต่ยังอายุน้อย ยิ้มแป้นอวดฟันเรียงสวย นางไม่ได้อยากออกไปบ่อยแต่เด็กชาวบ้านด้านหลังจวนมักแอบชวนไปเล่นด้วยเมื่อเห็นนางนั่งอย่างเหงาๆ แถวส่วนซักล้างไม่ห่างทางออกนัก“ข้าอยากเลี้ยงมันไว้ในห้องข้า เป็นเพื่อนข้า”“เอาไปเลี้ยงถึงในห้อง นายท่านอาจไม่ยอมนะเจ้าคะ”“แต่ข้าอยากมีเพื่อน”หนูน้อยเสียงเศร้าลง เจียวหมยคนสนิทฮูหยินคนก่อนของท่าน แม่ทัพมองคุณหนูของตนด้วยความสงสาร คุณหนูรองเฟยเซียงแทบไม่มีความสำคัญใดในจวนนี้ คุณหนูใหญ่เยว่ซินมีความสามารถเก่งทั้งบุ๋นและบู๊ได้อย่างที่ใจแม่ทัพต้องการ แต่ก็ยังไม่ชื่นชอบเท่าบุตรชายคนเล็กลู่ปินซึ่งเกิดจากฮูหยินรองที่แต่งเข้ามาหลังฮูหยินจากไป และก็มีบุตรชายในทันใด แม่ทัพลู่จึงทั้งประคบประหงมให้ความรักบุตรชายคนเล็กกับภรรยาคนปัจจุบันอย่างมาก“น้าเลี้ยงให้ ยังไงคุณหนูก็มาเล่นกับมันทุกวันได้นี

  • สวรรค์ไร้ใจ ข้าขอไร้วาสนา   5.นางผู้เกิดมาพร้อมแผลเป็นอัปลักษณ์ (1)

    ร่างสูงสง่าปรากฏกายขึ้นทันควันขวางหน้าเทพชะตาที่เพิ่งลงมาจากแท่นกรงจักรวัฏสงสาร สีหน้าถมึงทึงของไท่จื่อจ้องเขม็งทำเอาเทพชะตาหน้าซีด“ไท่จื่อ”“หนิงเฟิ่งอยู่ไหน”“เอ่อ...”“ตอบมา!”ผู้ถูกสั่งเสียงดังใส่สะดุ้ง ขณะเดียวกันนั้นเทพสงครามก็ตามมาถึงเช่นกัน“โลกมนุษย์”“บังอาจ! ท่านส่งชายาข้าไปโลกมนุษย์ด้วยเหตุใด”ไท่จื่อยังเสียงเข้มไม่ยอมลดละ“ฝ่าบาทมีพระบัญชา”“พระบิดาอย่างนั้นหรือ”เอ่ยแล้วไท่จื่อก็หันไปสบตากับจิ่นลี่ อีกฝ่ายมีสีหน้าแปลกใจ ขณะที่เจิ้งหานรู้สึกราวใจหายวาบ“พระบิดาลงโทษหนิงเฟิ่ง?”“ขอไท่จื่อเมตตา...”ร่างสูงสง่าของไท่จื่อฉุดเทพชะตาขยับวูบเดียวก็ไปถึงหน้ากรงจักรโดยที่เขายังไม่ทันตั้งตัวด้วยซ้ำ“ท่านส่งหนิงเฟิ่งไปที่ใด ส่งข้าไปที่นั่นเดี๋ยวนี้”“ไท่จื่อ”แม้แต่จิ่นลี่ที่ตามติดมาก็ยังไม่เห็นด้วย“เทพชะตา!”เจิ้งหานไม่ฟังคำห้ามปราม เขาตวาดเสียงดังลั่น เทพชะตาเงอะงะตัวสั่นเกรงกลัว“ข้าว่าท่านไปถามพระบิดาก่อนไม่ดีกว่าหรือ ว่าเพราะเหตุใดต้องส่งพระชายาไปโลกมนุษย์ อีกอย่างท่านอยู่ข้างบนยังพอหาทางผ่อนหนักเป็นเบาให้พระนางได้ หากลงไปอาจช่วยได้ยากนัก”“นั่นเป็นหน้าที่เจ้า ยังไงข้าก็ต้องล

  • สวรรค์ไร้ใจ ข้าขอไร้วาสนา   4.สวรรค์ไร้ใจ ไร้เมตตา (2)

    กรงจักรวัฎสงสารอยู่ตรงหน้า หนิงเฟิ่งยืนเคียงข้างเทพชะตา สำหรับนางแล้วไม่มีอะไรต้องห่วงอีก เวลานี้ลูกของนางปลอดภัยที่ดินแดนบุปผา หลังเผชิญวิบากกรรมนางก็จะได้ไปอุ้มชูลูกน้อยที่นั่น แม้ในโลกมนุษย์จะกินเวลาหลายสิบปี ทว่าดินแดนเทพเซียนก็เพียงไม่กี่วัน“พระชายา ลำบากท่านแล้ว”“ข้าจะไม่ใช่พระชายาอีกแล้ว”เทพชะตาหน้าเสีย เขาได้รู้เรื่องยังประหลาดใจทั้งยังเอ่ยทัดทานว่าไม่สมควรทำ แต่องค์จักรพรรดิรับสั่งอย่างเด็ดขาดตนจึงขัดไม่ได้“พระชายาดูแลตัวเองด้วย”เมื่อติดเรียกเช่นเดิมก็ถูกมองตาขุ่นแต่เทพชะตาไม่ยอมแก้ไข เขาผายมือเชิญให้หนิงเฟิ่งเตรียมพร้อม ก่อนจะเริ่มร่ายเวทย์หนิงเฟิ่งหลับตาลง บอกตัวเองว่านางทำถูกแล้ว เพื่อตนเองและลูกน้อย ผู้หญิงร้ายกาจเช่นองค์หญิงเผ่าบาดาลหรือจะยอมให้นางกับลูกอยู่ในวังอย่างสงบสุขสวรรค์ชั้นฟ้า ไม่ใช่สวรรค์อันสงบสุขสำหรับนางอีกแล้ว‘ท่านเป็นฝ่ายทอดทิ้งข้าและลูกเจิ้งหาน ลาก่อน’นางคิดอยู่ในใจ หากสวามีไม่คลางแคลงใจ หากเขาปกป้องนางบ้างแม้เพียงเล็กน้อย นางคงพร้อมสู้เพื่อยืนเคียงข้างเขาต่อไป แต่เขากลับสั่งลงทัณฑ์แล้วไปแต่งงานกับธิดาเจ้าบาดาลอย่างไม่แย่แสแม้แต่จะไปเยือนนางที่แท

  • สวรรค์ไร้ใจ ข้าขอไร้วาสนา   4.สวรรค์ไร้ใจ ไร้เมตตา (1)

    หนิงเฟิ่งปรากฏกายกลางท้องพระโรงตำนักสวรรค์ชั้นฟ้าในสภาพที่เสื้อผ้าร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลจากสายฟ้า นางรำที่กำลังโชว์ต่อหน้าธารกำนัลที่มาร่วมงานรื่นเริ่งมงคลสวรรค์ต่างก็หยุดลง เทพเซียนทั้งหมดต่างก็หันมาสนใจร่างบอบบางที่บาดเจ็บหนักของพระชายาไท่จื่อ“หนิงเฟิ่ง”ฮองเฮาสวรรค์ฮุ่ยเฟิ่งพึมพำแล้วรีบลงไปช่วยพยุง“เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า เหตุใดจึงบอบช้ำเช่นนี้”พระนางเอ็นดูสะใภ้อย่างมากด้วยเป็นเทพธิดาวิหค เป็นน้องสาวท่านปู่ของหนิงเฟิ่งจึงเป็นห่วงเมื่อเห็นว่าบาดเจ็บ“หนิงเฟิ่งมีเรื่องทูลฝ่าบาทกับฮองเฮา”หนิงเฟิ่งเอ่ยโดยไม่ยอมให้เสียเวลา“มีเรื่องอะไรก็พูดมา”องค์จักรพรรดิสวรรค์จินหวงรู้สึกแปลกใจ เพราะวันนี้เป็นงานอภิเษกของไท่จื่อ แต่ชายากลับมาปรากฏเบื้องหน้าด้วยสภาพไม่ดีนัก ราวตั้งใจทำให้งานไม่เป็นมงคล และเวลานี้เกี้ยวเจ้าสาวน่าจะไปถึงวังไท่จื่อตามฤกษ์ยามแล้ว ไม่รู้ว่าที่นั่นเกิดเรื่องราวอะไรขึ้นหรือไม่“ขอฝ่าบาทกับฮองเฮาเมตตา เผ่าบาดาลหลอกลวงเบื้องสูง หนิงเฟิ่งไม่อาจนิ่งเฉยได้”คำพูดของพระชายาไท่จื่อทำให้เทพเซียนต่างก็มองหน้ากันแล้วเริ่มซุบซิบด้วยความสงสัยเมื่อเห็นว่าการณ์ภายในไม่ค่อยดีนัก องค์จัก

  • สวรรค์ไร้ใจ ข้าขอไร้วาสนา   3.สวามีช่างไร้ใจ (2)

    วังประดับประดาอย่างสวยงามทั้งโคมไฟและผ้าแดงมงคลทำให้หนิงเฟิ่งสังเกตได้ แม้ว่าเทพสงครามจะพานางมายังประตูสวรรค์แล้วเข้าวังทันที ทั้งยังตรงมายังตำหนักฮวาหรงอย่างไม่หยุดที่ใด“ขอบใจท่านมาก เทพสงคราม”“พระชายาพักผ่อนให้มาก ข้าต้องขอตัวก่อน”เมื่อเทพสงครามไปแล้วหนิงเฟิ่งก็สั่งอิงอิงทันที โดยเก็บความแปลกใจเอาไว้ก่อน“พาข้าไปที่อุทยาน”อิงอิงโล่งใจขึ้นมาหน่อยที่พระชายาไม่ถามถึงความเปลี่ยนแปลง แม้คาดว่าไม่นานพระนางต้องรู้เป็นแน่ แต่นางก็อยากให้นายตนแข็งแรงพอที่จะทนรับความเจ็บปวดเสียใจได้“ลูกแม่”มาถึงต้นอวี้หลันน้อยร่างของหนิงเฟิ่งก็ทรุดลงนั่งใกล้ชิด“เจ้ายังบอบบางนัก ยังไม่ทันได้เติบโต ก็ถูกสายฟ้าฟาดเสียแล้ว แม้จะให้พลังส่วนหนึ่งเสริมกายทิพย์ให้กับเจ้า เจ้าอาจต้องใช้เวลาบำเพ็ญตนประสานจิตกับกายทิพย์หลายพันปี แต่หากว่า...พ่อเจ้าได้รู้ เขา...เขาอาจช่วยเจ้า”แม้ไม่อยากคร่ำครวญแต่น้ำตาก็ไหลออกมาเอง นางยังไม่แน่ใจว่าจะพูดกับไท่จื่ออย่างไร ในเมื่อแคลงใจแล้ว บอกไปเขาจะเชื่อหรือไม่ว่าอวี้หลันน้อยนี้คือลูกของเขา เหนืออื่นใด นางยังไม่อยากเห็นหน้าสวามีของตนไม่อยากเห็นหน้าคนใจดำ“อิงเอ๋อร์ เจ้าพาอวี้หลั

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status