วันเวลาผันผ่านนานนับกว่าพันปีในดินแดนปีศาจหลังเฮยตงถูกกำจัดโดยกองทัพพันธมิตรหกพิภพ เฉิงเคอผู้เป็นอาของเฮยตงก็ได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นราชาปีศาจ แต่ค่อนข้างแก่ชรา ทายาทเพียงคนเดียวคือโจวซุ่นก็ละทิ้งดินแดนปีศาจไปแล้ว ต้องใช้เวลานานกว่าจะตามหาพบและยินยอมกลับมาอยู่เผ่าปีศาจ ร้อยกว่าปีผ่านไปเฉิงเคอสิ้นชีวิตโจวซุ่นจึงขึ้นเป็นราชาปีศาจแทน
เจ้าของร่างเล็กบอบบางทรุดลงวางดอกไม้แล้วคำนับหน้าแท่นป้ายชื่อมารดาของตน
“ดอกไม้ที่ท่านแม่ชอบเจ้าค่ะ”
นางพึมพำพร้อมยิ้มบาง
“ท่านพ่อไม่ว่างมากับข้าในวันนี้ ท่านแม่อย่าโกรธท่านพ่อนะเจ้าคะ อีกอย่างเอาใจช่วยให้ข้าจับปีศาจฆ่าคนให้ได้ด้วยนะเจ้าคะ”
เจ้าตัวเอ่ยราวแอบกระซิบกระซาบก่อนลุกขึ้นแล้วหันกลับไปก็เจอคนของตนซึ่งขยับเข้ามาหาพร้อมสีหน้าไม่ดีนัก
“ธิดาน้อย ท่านเจ้าปีศาจให้ท่านไปโลกมนุษย์เพื่อเก็บดอกไป่เหอก็จริง แต่นี่ท่านยังจะกลับไปจับปีศาจที่นั่น หากท่านเจ้าปีศาจรู้เข้าคงไม่พ้นถูกดุแน่เจ้าค่ะ”
“ตอนนี้ท่านพ่อไม่อยู่ เราก็แค่รีบไปรีบกลับ”
ใบหน้างดงามของโจวซีหรูไร้ซึ่งความกังวล ทั้งแววตายังวิบวับเห็นเป็นเรื่องสนุก
“เรื่องผดุงความยุติธรรมช่วยเหลือมนุษย์ ไม่ใช่หน้าที่เราเผ่าปีศาจสักหน่อยเจ้าค่ะ อย่าไปเลยนะเจ้าคะ มันอันตราย”
เกาถิงจับแขนนายตนพร้อมรั้งอย่างไม่เห็นด้วย
ผู้เป็นนายยืนนิ่ง นางเองก็ไม่ได้สนใจมนุษย์นักหรอก บิดาบอกเสมอว่าห้ามเข้าใกล้มนุษย์เด็ดขาด พวกเขาทั้งกลัวและเกลียดชังปีศาจ แม้ท่านจะอนุญาตให้ไปที่นั่นในวันนี้ก็เนื่องด้วยเป็นวันเกิดของมารดา ซึ่งในทุกปีนางจะไปเก็บดอกไป่เหอสีขาวที่มารดาชอบยังดินแดนมนุษย์ หากก็ย้ำเสมอว่าจงอยู่ให้ห่างและระมัดระวังตัวจากมนุษย์
สำหรับโจวซีหรูแม้จดจำวันที่มารดาจากไปไม่ได้ หากก็คิดว่าท่านไม่เคยจากไปไหน ความทรงจำเพียงหนึ่งเดียวของนางคือท่านชอบดอกไม้ชนิดนี้ และวันเกิดของตนก็จะเอามาให้มารดาเช่นกัน
ขณะลงไปยังโลกมนุษย์ก็ได้รู้ว่ามีปีศาจร้ายกำลังก่อความวุ่นวายที่นั่น แรกทีเดียวนางตั้งใจกลับมาบอกเล่าให้บิดารับรู้เพราะท่านเป็นราชาปีศาจ เมื่อมีปีศาจแตกแถวทำผิดกฎของเผ่า บิดาของนางย่อมต้องส่งผู้คุมกฎไปจัดการ แต่บิดายังไม่กลับมาจากราชกิจสำคัญที่แดนไกลซีหรูจึงคิดไปกำราบด้วยตนเอง
“แต่มีปีศาจทำผิด อย่างไรเผ่าปีศาจก็ควรดูแลความเรียบร้อย”
“เช่นนั้นท่านก็ควรรอท่านเจ้าปีศาจ หรือไม่ก็ต้องบอกกับผู้คุมกฎทั้งสองสิเจ้าคะ”
เกาถิงขอร้องอย่างหนักใจ ธิดาน้อยของนางเก่งกาจก็จริง แต่ไม่เคยต้องสู้รบกับผู้ใดอย่างจริงจัง แม้ฉลาดเฉลียวหัวไว ฝึกฝนพลังปราณก้าวหน้าได้เร็ว คล่องแคล่วในเชิงการต่อสู้ ทว่าทุกอย่างล้วนเป็นการเรียนรู้ภายในเผ่าปีศาจ ไม่เคยผ่านการใช้งานจริง
“ปีศาจตนนั้นแข็งแกร่งเพียงใดไม่อาจรู้ได้ ลำพังแค่ท่านกับข้าอาจจัดการมันไม่ได้”
ซีหรูไม่ได้เกรงกลัว แต่คิดว่าหากดื้อแพ่งบอกว่าจะไปจับปีศาจนอกรีดมาสำเร็จโทษให้จงได้เกาถิงย่อมต้องคัดค้านไม่จบสิ้น ฉะนั้นนางจึงเลือกที่จะพูดให้คนของตนคล้อยตามแทน
“เราแค่ลงไปดูลาดเลาก่อนก็ได้ แค่ได้ยินข่าวมา ยังไม่รู้เลยว่าจะเป็นปีศาจจริงหรือไม่ มนุษย์คิดว่าทุกอย่างที่ตนมองไม่เห็นเป็นปีศาจร้ายไปเสียหมด แท้จริงแล้วอาจเป็นมนุษย์ด้วยกัน หรือสัตว์ร้ายก็เป็นได้”
นางเอ่ยอย่างให้ดูมีเหตุผล ตนกับเกาถิงเพียงได้ยินชาวบ้านพูดคุยกันอย่างหวาดผวาว่ามีบางอย่างทำร้ายมนุษย์ตายในป่าไปหลายรายในรอบหลายปีมานี้ ทั้งบาดแผลเหวอะหวะและปราศจากเลือดในร่างกาย และเรียกว่า ‘ปีศาจดูดเลือด’
เกาถิงนั้นโดยปกติแล้วก็ไม่อาจทัดทานนายตนได้ แม้นางจะอายุมากกว่าหากก็เป็นพี่เลี้ยงที่นับว่าตามใจธิดาน้อย กระนั้นก็เอ่ยเตือนในสิ่งที่เห็นว่าไม่สมควร
“ข้ายังเห็นว่าเราควรบอกท่านผู้คุมกฎก่อนอยู่ดี”
ซีหรูทำหน้าเบื่อหน่าย อีกฝ่ายรู้ว่านางต้องการหาเรื่องไปเที่ยวเล่นยังโลกมนุษย์เมื่อมีโอกาส แม้ไม่ได้ชื่นชอบเป็นพิเศษแต่นางก็รู้สึกคุ้นเคย ลงไปเก็บดอกไป่เหอเมื่อไรก็จะแวบเดินเข้าหมู่บ้าน เที่ยวตลาด ดูเครื่องประดับ กินอาหารของมนุษย์ที่รสชาติถูกปากตน
ตอนเด็กบิดาพานางไปเก็บดอกไม้มาให้ท่านแม่ เนื่องจากดอกไม้ในแดนปีศาจล้วนมีพิษ กระทั่งนางโตและภารกิจของท่านพ่อมากขึ้นหลังขึ้นครองดินแดนปีศาจ นางจึงขอเดินทางไปด้วยตนเอง มีเพียงเกาถิงเป็นผู้ติดตาม หากก็ถูกกำชับว่าให้รีบไปรีบกลับ แม้แรกๆ จะเชื่อฟังแต่หลายปีเข้านางก็แอบเตร็ดเตร่
“มาเถอะน่าอาถิง ข้าแค่อยากรู้ว่าใช่ปีศาจจริงหรือไม่เท่านั้นเอง หากไม่เกี่ยวกับเผ่าเราก็กลับ”
นางพูดพลางชุดมือของเกาถิงให้ตามมา หากขืนมัวช้าบิดากลับมาก่อนแล้วหานางไม่พบจะถูกดุเข้าจนได้ อย่างไรเวลาที่ดินแดนมนุษย์ก็สั้นกว่าเผ่าปีศาจอยู่แล้ว
“อ๊าก!!”
เสียงกรีดร้องแสนโหยหวนดังในป่าหนาทึบ พร้อมชายหนึ่งคนวิ่งออกมาตรงชายป่าด้วยท่าทางหวาดกลัวสุดชีวิต เขาเป็นเพียงคนเดียวที่รอดกลับมาหลังจากเข้าไปล่าหมูป่ากับสหาย แม้จะรู้ว่าแถบนี้เกิดเรื่องบ่อยในช่วงหลังมานี้ แต่เพราะต้องทำมาหากินเอาหมูป่ามาขายจำเป็นต้องเสี่ยง
เขาวิ่งลนลานหันกลับไปมองข้างหลังอย่างพะวักพะวนแล้วก็ชนเข้ากับใครคนหนึ่งจนล้ม แต่เมื่อหันกลับมาเห็นว่าเป็นคนก็จับขาอีกฝ่ายไว้
“หนีเร็ว!”
“เกิดเหตุอันใดขึ้นหรือ”
ชายหนุ่มอีกคนที่ยืนอยู่ใกล้ๆ เป็นผู้เอ่ยถามพร้อมทั้งเข้าไปช่วยพยุง
“ปีศาจ ปีศาจร้าย มันฆ่าทุกคนหมดแล้ว”
คนบอกเสียงแหบพร่าด้วยความกลัวทั้งยังหน้าซีดเผือด
“พวกท่านรีบหนีไปจากป่านี่เสีย ข้าไม่อยู่แล้ว”
หลังพูดจบก็รีบวิ่งจนเกือบจะสะดุดล้ม หากตั้งหลักได้จึงเผ่นหนีชนิดไม่เหลียวหลังกลับมาอีก
เจ้าของร่างสูงใหญ่ยืนนิ่งไม่ได้มองตามและไม่มีทีท่ากริ่งเกรงแต่อย่างใด ขณะที่คนข้างตัวเอ่ยขึ้น
“ปีศาจออกอาละวาดอีกแล้ว แปลกนัก ข้าส่งทหารลงมาเมื่อใด มันกลับหลบซ่อนได้ดีราวนกรู้ จนไม่อาจหาตัวเจอ แต่เมื่อเป็นมนุษย์มันกลับออกมาทำร้าย”
“มันอาศัยดื่มกินเลือดมนุษย์กับเซียนน้อยที่พลังปราณยังไม่แข็งแกร่ง ปีศาจที่ใช้เลือดคนเป็นอาหารคงเป็นอสูรร้ายไปแล้ว”
“ข้าจะรีบไปจัดการมัน”
“ไม่รู้ว่าตอนนี้มันจะซ่อนตัวหรือยัง ข้าจะไปกับเจ้าด้วย”
“แต่เพียงแค่ปีศาจธรรมดา คงไม่ต้องให้ถึงมือไท่...”
ยังเอ่ยไม่ทันจบนายของตนก็นำไปก่อนจึงต้องรีบขยับตาม สองร่างเคลื่อนไหวรวดเร็วจนเห็นเพียงเงาวูบหนึ่งชั่วพริบตา
ในป่าลึกใครผู้หนึ่งกำลังใช้พลังสูบเลือดเนื้อมนุษย์ซึ่งลอยกลางอากาศตรงหน้า โดยมีอีกร่างที่ไร้วิญญาณและซูบเซียวนอนบนพื้นไม่ห่างนัก แล้วก็ชะงักเมื่อรับรู้ได้ถึงพลังเคลื่อนไหวไม่ห่างจากตนนัก จึงรีบขยับตัวเพื่อจะหลบเลี่ยงโดยกลายร่างเป็นเงาดำวูบหลบไปตามต้นไม้ใบหนา หากก็มีเงาตามมาอย่างรวดเร็วจนทัน ทั้งยังปะทะกันกลางอากาศหลายครั้ง ปีศาจดูดเลือดรู้สึกได้ถึงพลังที่แข็งแกร่งกว่าของอีกฝ่ายจึงหาทางหนีไปโดยเร็ว
การเคลื่อนไหวที่ปลายหางตาทำให้เจ้าของร่างสูงใหญ่เบนทิศทาง ขยับวูบเดียวก็ถึงเป้าหมาย พร้อมกระบี่ขยับออกจากฝักเล็กน้อย คมมีดจ่อขวางหน้าคอเล็กทำเอาเจ้าตัวหยุดกึก หากช้ากว่านี้เพียงนิดคออาจขาดได้ ขณะอีกร่างที่ตามมาก็ชะงักตามพร้อมกรีดร้องขึ้น
“ว้าย!”
ดวงตาเข้มคมกริบกวาดมองร่างเล็กบอบบางพร้อมกับก้าวมายืนเผชิญหน้า เห็นชัดว่าอีกฝ่ายหน้าซีดทว่าตาคู่สวยกลับแข็งกร้าว
“คิดว่าจะหนีข้าพ้นหรือปีศาจน้อย”
เสียงเข้มเอ่ยขึ้น พร้อมจ้องนิ่งที่ปีศาจสาวใบหน้างดงามชวนตะลึง
‘คงตั้งใจแปลงกายเป็นหญิงงามเพื่อหลอกชาวบ้าน คิดหรือว่าจะตบตาไท่จื่อสวรรค์เช่นข้าได้’
=========
ปีศาจน้อยใบหน้างดงามคือใครเอ่ย เดาได้ใช่ไหมคะ แน่นอนว่า พระ-นางของเราพบหน้ากันแล้วจ้า ^-^
ฝากเรื่องราวของปีศาจน้อยแสนงามกับไท่จื่อสวรรค์ผู้เย็นชาด้วยนะคะ
“เอ่อ ทะ...ท่านเข้าใจผิด”เป็นผู้ที่อยู่ด้านหลังเอ่ยขึ้นด้วยเสียงตะกุกตะกัก ขณะผู้ที่ถูกจับได้กลับยืนเฉย“พวกเจ้าเป็นปีศาจชัดๆ ยังคิดปฏิเสธอีกหรือ คิดว่ากลายร่างเป็นหญิงรูปร่างบอบบางแล้วข้าจะมองไม่ออกเช่นนั้นหรือ”ชายหนุ่มดันกระบี่ประชิดคอผู้ที่ถูกจับตัวได้จนเลือดซิบขึ้นมา แม้เพียงน้อยนิดหากก็ทำเอาคนเห็นรีบร้องห้าม หากผู้เจ็บก็ยังไม่เอ่ยสิ่งใด“อย่า...”เกาถิงแทบกรีดร้องออกมาเมื่อเห็นเลือดบนคอของนายตนแล้วรีบเอ่ยอย่างหวาดหวั่น“อย่าทำอะไรพวกข้าเลย”“แม้เป็นปีศาจ ท่านก็ไม่มีสิทธิ์มาทำร้ายข้า”ซีหรูเสียงแข็งต่างกับคนของตน นั่นยิ่งเพิ่มความกังวลให้กับเกาถิง ด้วยคมกระบี่ประชิดคอเล็กจนได้เลือด“พวกเจ้าทำร้ายคน”ชายหนุ่มผู้เอ่ยนั้นมีใบหน้าเลิศล้ำยากจะหาผู้เทียบได้ง่ายนักหากกลับเข้มดุดัน ทั้งเรือนร่างก็สูงใหญ่น่าเกรงขาม ดวงตาคมจ้องมายังนางราวต้องการคาดคั้น“ข้าไม่ได้ทำสิ่งใด”“พวกข้าเพิ่งมาถึง ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่นี่เกิดเหตุอันใดขึ้น”เกาถึงรีบสำทับเพื่อหาทางช่วยธิดาน้อยของนางสายตาคมเหลือบมองเลือดสีแดงที่ซึมไหลลงเล็กน้อยแนบคอขาวพลางครุ่นคิดกระบี่เวทย์คู่กายที่สร้างจากเกล็ดมังกรเงินของตนนั้น
“เอ่อ ทะ...ท่านเข้าใจผิด”เป็นผู้ที่อยู่ด้านหลังเอ่ยขึ้นด้วยเสียงตะกุกตะกัก ขณะผู้ที่ถูกจับได้กลับยืนเฉย“พวกเจ้าเป็นปีศาจชัดๆ ยังคิดปฏิเสธอีกหรือ คิดว่ากลายร่างเป็นหญิงรูปร่างบอบบางแล้วข้าจะมองไม่ออกเช่นนั้นหรือ”ชายหนุ่มดันกระบี่ประชิดคอผู้ที่ถูกจับตัวได้จนเลือดซิบขึ้นมา แม้เพียงน้อยนิดหากก็ทำเอาคนเห็นรีบร้องห้าม หากผู้เจ็บก็ยังไม่เอ่ยสิ่งใด“อย่า...”เกาถิงแทบกรีดร้องออกมาเมื่อเห็นเลือดบนคอของนายตนแล้วรีบเอ่ยอย่างหวาดหวั่น“อย่าทำอะไรพวกข้าเลย”“แม้เป็นปีศาจ ท่านก็ไม่มีสิทธิ์มาทำร้ายข้า”ซีหรูเสียงแข็งต่างกับคนของตน นั่นยิ่งเพิ่มความกังวลให้กับเกาถิง ด้วยคมกระบี่ประชิดคอเล็กจนได้เลือด“พวกเจ้าทำร้ายคน”ชายหนุ่มผู้เอ่ยนั้นมีใบหน้าเลิศล้ำยากจะหาผู้เทียบได้ง่ายนักหากกลับเข้มดุดัน ทั้งเรือนร่างก็สูงใหญ่น่าเกรงขาม ดวงตาคมจ้องมายังนางราวต้องการคาดคั้น“ข้าไม่ได้ทำสิ่งใด”“พวกข้าเพิ่งมาถึง ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่นี่เกิดเหตุอันใดขึ้น”เกาถึงรีบสำทับเพื่อหาทางช่วยธิดาน้อยของนางสายตาคมเหลือบมองเลือดสีแดงที่ซึมไหลลงเล็กน้อยแนบคอขาวพลางครุ่นคิดกระบี่เวทย์คู่กายที่สร้างจากเกล็ดมังกรเงินของตนนั้น
“แต่ที่ท่านรับปากว่าจะกำจัดปีศาจตนนั้นด้วยตัวเอง ข้าคิดว่ามันอันตราย”“จุดประสงค์ของเรามาที่นี่ก็เพื่อการณ์นี้ และมีเพียงวิธีนี้ที่จะพิสูจน์ได้ว่าเราบริสุทธิ์ อีกอย่างข้าพูดไปแล้วต้องทำให้ได้”นางเอ่ยอย่างมุ่งมั่นและมั่นใจในตนเอง ทว่าเกาถิงนึกไม่สบายใจนัก เป็นห่วงนายของตนด้วยยังไม่อาจคาดเดาฝีมือปีศาจตนนั้นได้ อย่างไรนางก็จะไม่ปล่อยให้ซีหรูเผชิญหน้ากับปีศาจลำพังเป็นแน่ทว่าหากจะหาทางหนีจากชายสองคนนี้ก็คงยากเช่นกัน พวกเขาดูไม่ธรรมดาโดยเฉพาะผู้ที่คุมอยู่ด้านหลัง นางรู้สึกได้ถึงพลังที่แกร่งกล้าเหนือผู้ใดอย่างไม่เคยพบพานมาก่อนจนน่าประหลาดใจไม่รู้ว่าพวกเขาจะรักษาสัจจะที่จะปล่อยพวกนางหรือไม่ แต่ไม่ว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้นนางจะปกป้องนายตนด้วยชีวิตอยู่ๆ ผู้ที่เดินนำก็ยกมือขึ้นให้หยุด แล้วเดินวนกลับไปหาเจ้าของร่างสูงใหญ่ด้านหลัง“ปีศาจตนนั้นอยู่ไม่ห่างนัก”หวังหย่งรายงานกับนายตนจิ่นลี่พยักหน้า เขากับหวังหย่งบดบังพลังเทพเซียนสวรรค์ของตนเอาไว้ ปีศาจจึงไม่อาจรับรู้ได้ แต่ที่ประมือกันไปเมื่อครู่อาจทำให้มันระมัดระวังตัว ไท่จื่อเหลือบมองไปยังปีศาจน้อยสองตนก่อนเอ่ยขึ้น“เจ้าสองคนนำไปก่อน”“หึ ย่อมได้ ใน
จิ่นลี่เห็นไฟโหมท่วมตรงชายป่าพร้อมเสียงผู้คนเขาก็ปล่อยให้หวังหย่งจัดการกับปีศาจร้าย อย่างน้อยเวลานี้ก็ช่วยชีวิตคนได้แล้ว ร่างสูงใหญ่เหินกายสูงขึ้นมุ่งหน้าออกไปดู แล้วก็เห็นเพลิงล้อมรอบชาวบ้านที่ต่างก็หวาดกลัวและร้องขอความช่วยเหลือ เขารีบร่ายเวทย์เรียกพยับฝนมาอย่างทันท่วงที ทว่าฝนเพียงอย่างเดียวกลับไม่อาจลดทอนไฟนี้ลงได้มีผู้ใช้เวทย์โหมไฟนี้ขึ้นมา จิ่นลี่จำต้องสยบด้วยพลังเวทย์ของตนเสริมด้วยไฟจึงมอดดับลงชาวบ้านบางคนได้รับบาดแผลไฟไหม้แต่นับว่าไม่หนักหนา ต่างก็รีบคุกเข่าขอบคุณสวรรค์ที่บันดาลให้ฝนตกลงมาเพราะก่อนหน้านี้ไม่มีเค้าฝนแม้แต่น้อยจากนั้นไท่จื่อสวรรค์ก็กลับเข้าไปช่วยหวังหย่ง หากอีกฝ่ายสามารถสยบปีศาจดูดเลือดได้แล้ว และพันธนาการไว้ด้วยเวทย์จนไม่อาจหนีได้ ขณะที่ไม่เห็นปีศาจน้อยทั้งสองตน“ปีศาจน้อยสองตนนั่นหนีไปแล้ว นางเป็นพวกเดียวกับเจ้าหรือไม่”จิ่นลี่ถามกับปีศาจดูดเลือดซึ่งเวลานี้ใบหน้าสวยงามที่รังสรรค์ปั้นแต่งด้วยมนต์นั้นซีดเผือด“ข้าไม่รู้จักพวกนาง ไม่เคยเห็นมาก่อน”นางส่ายหน้าแล้วร้องขอ“นายท่านปล่อยข้าไปเถิด อย่าทำอันใดข้าเลย”“ฆ่าคนไม่กลัวความผิด ภัยมาถึงตัวกลับร้องขอชีวิต”ห
“ลูกไม่ไป ลูกไม่แต่ง เหตุใดท่านพ่อจึงผลักไสลูก”คนพูดกอดอกทั้งยังเมินหน้าหนีอย่างไม่อยากรับฟังสิ่งใดหลังจากนางฟื้นขึ้นมาสามวันก็มีราชโองการจากสวรรค์ชั้นฟ้ามายังเผ่าปีศาจ สู่ขอองค์หญิงเผ่าปีศาจเพื่ออภิเษกกับไท่จื่อสวรรค์ซีหรูถูกเรียกออกมารับราชโองการ ถอยกลับไปอยู่ด้านหลังบิดาพร้อมส่ายหน้าไม่ยอมรับ ทำให้เจ้าปีศาจจำต้องเป็นผู้รับไว้ด้วยความเกรงใจ ผู้แทนพระองค์ย้ำว่าวันคืนพระจันทร์เต็มดวงครั้งต่อไปขบวนเกี้ยวเจ้าสาวจากสวรรค์จะมารับว่าที่พระชายา จากนั้นก็กลับไป“เผ่าปีศาจของเรา ตั้งใจอยู่อย่างสันติ เป็นมิตรกับทั้งหกพิภพนับแต่ท่านปู่ของลูกขึ้นครองดินแดน”โจวซุ่นพยายามบอกให้บุตรสาวเข้าใจทั้งที่ตนนั้นก็ห่วงซีหรูมากเช่นกัน ทั้งยังไม่อยากอยู่ห่างลูกสาวคนเดียวแม้แต่น้อย“เมื่อสวรรค์หยิบยื่นไมตรี พ่อก็จำต้องรับไว้ เดิมทีเผ่าปีศาจกับสวรรค์ก็ยากจะเกี่ยวข้องกัน แต่ครานี้สวรรค์ยอมผูกสัมพันธ์ ซื้อใจเผ่าปีศาจด้วยเกียรติของชายาไท่จื่อ ยิ่งทำให้เราปฏิเสธไม่ได้”“ใช่ ธิดาน้อย เราเพิ่งอยู่อย่างสงบสุขไม่กี่พันปี เราไม่ต้องการให้มีสงครามอีก”“เห็นแก่ราษฎรเผ่าปีศาจ ที่สำคัญธิดาน้อยควรเห็นแก่เจ้าปีศาจ ที่จำเป
แม้จ้องมองกันอยู่นานแววตาคู่หวานที่ค่อนข้างปรือก็มีเพียงความขุ่นมัวให้เห็น หากจิ่นลี่ก็คิดว่าอีกฝ่ายอาจแสร้งทำไม่รู้ไม่ชี้ เพราะลงมือเผามนุษย์ชาวบ้านธรรมดาก่อนจะหลบหนี“เสแสร้งแกล้งทำ หลบหนีความผิด ไม่คิดว่าองค์หญิงเผ่าปีศาจจะขี้ขลาดเช่นนี้”เขาเอ่ยขึ้นอย่างไม่หลงเชื่อโดยง่าย“ท่านว่าใครเสแสร้ง ขี้ขลาด”เมื่อถูกต่อว่าตรงๆ อารมณ์โกรธของซีหรูก็พุ่งทะยานในทันใด แม้ตัวเล็กกว่าก็ไม่คิดกลัวเกรง ร่างบอบบางลุกพรวดเชิดหน้าเถียง แต่เพราะมึนเมาทำให้รู้สึกเหมือนพื้นที่ยืนเอียงไปมาจนเสียหลักแทบทรุดล้มลง หากก็ได้แขนกำยำสอดเข้ามารองรับเอาไว้จิ่นลี่เห็นอยู่แล้วว่าอีกฝ่ายอาการไม่มั่นคงนัก เมื่อลุกขึ้นกะทันหันแล้วโอนเอนเขาจึงขยับเข้าไปช่วยได้ทันด้วยสัญชาตญาณของร่างกาย กระชับร่างบอบบางแนบอก กลิ่นเหล้าจากลมหายใจอ่อนโชยมาทำเอาต้องถอนหายใจระอา ขณะจ้องใบหน้างดงามในระยะประชิดซีหรูเงยมองสบตาคมกริบของผู้ที่ประคองตนแล้วความรู้สึกร้อนวูบประหลาดก็แผ่ซ่าน ใบหน้ากับร่างกายที่มีฤทธิ์เหล้ากำจายจนไอร้อนทั่วตัวอยู่แล้วนั้นร้อนกว่าเดิม ทั้งช่องท้องเหมือนมีบางสิ่งหมุนวนอยู่ อาการที่ไม่เคยรู้จักพาให้อกใจหวิวหวั่นหายใจติ
“ให้มันได้อย่างนี้สิ ดื่มเหล้ามงคลจนเมาเละ อาเจียนใส่ข้า ล่วงเกินข้าแล้วก็หลับ หลบหลีกเก่งเช่นนี้จนเป็นนิสัยสินะ”เมื่อไม่อาจทนกับกลิ่นน่าสะอิดสะเอียนต่อได้จิ่นลี่ก็ถอดชุดของตนออกเพื่อล้างหน้าล้างตัว เปลี่ยนทั้งเสื้อคลุมและเสื้อตัวในใหม่ พอกลับมายังเตียงของตนก็หยุดมองร่างเล็กที่นอนไม่ขยับพร้อมกลิ่นไม่พึงประสงค์แล้วส่ายหน้า ยื่นมือจะปลดผ้าคาดตรงเอวบางหากกลับหยุดนิ่งอย่างชั่งใจ“อย่าโทษข้า เจ้าดื่มจนเมาเอง”เอ่ยเสียงเข้มแล้วก็ตัดสินใจจับผ้าคาดเอวของหญิงสาวแกะปม ก่อนจะค่อยๆ ปลดชุดสีแดงเข้มบนเรือนร่างอีกฝ่าย ตาคมเลี่ยงที่จะมองตรงๆ หากมือกลับสั่นอย่างห้ามไม่อยู่ ร่างกายสตรีนั้นเขาไม่เคยเห็นด้วยไม่มีจิตใจฝักใฝ่ การเป็นองค์ชายสวรรค์นั้นต้องเติบโตขึ้นพร้อมความสามารถรอบด้าน จิ่นลี่กับเจิ้งหานฝึกปรือพลังปราณและศาสตร์การสู้รบมาด้วยกัน เข้าสู่วัยผู้ใหญ่ก็เรียนรู้งานราชกิจ ต่างไม่ใส่ใจสิ่งอื่นเพราะภาระที่รอคอยนั้นยิ่งใหญ่พี่ชายเขาเจิ้งหานไม่มีหญิงใดในสายตากระทั่งอภิเษกกับหนิงเฟิ่ง ส่วนเขาไม่ถูกกะเกณฑ์ด้วยชีวิตคู่ไม่มีผลต่อบัลลังก์สวรรค์ ต่างจากเวลานี้ที่ขึ้นมาเป็นไท่จื่อแทนพี่ชาย พระบิดาและพระมาร
ไม่คิดเลยว่าสวรรค์จะมีส่วนอาบน้ำเป็นบ่อที่มิดชิดประดับประดาสวยงามเช่นนี้ซีหรูคิดในใจขณะที่เกาถิงเข้ามาพร้อมนางกำนัลที่มานำทางให้ไปยังพื้นที่อาบน้ำซึ่งเชื่อมต่อด้านหลังตำหนัก“ข้านึกว่าชาวสวรรค์เช่นพวกเจ้า จะมีกายทิพย์หอมสะอาด ไม่จำเป็นต้องชำระล้างร่างกายเสียอีก”นางกำนัลสองคนต่างยิ้มกับคำพูดของพระชายาก่อนหนึ่งในนั้นจะเอ่ย“บ่อน้ำนี้เป็นน้ำแร่สวรรค์เพคะ แช่แล้วจะช่วยให้ผ่อนคลายแล้วก็สมานบาดแผลภายนอกกับรักษาอาการบาดเจ็บภายในได้ดีเพคะ”“หมายความว่าก็ไม่ได้อาบน้ำกันทุกวัน”“เพคะ แต่ไท่จื่อมักแช่น้ำแร่ทุกครั้งเมื่อกลับจากราชกิจเพคะ”ซีหรูมองหน้าผู้ตอบนิ่งชั่วอึดใจก่อนจะยิ้มบาง“พวกเจ้ารู้ลึกรู้จริงเช่นนี้ ข้าถามคนไม่ผิดจริงๆ”นางกำลังคนที่บอกหน้าซีดแล้วรีบคุกเข่าลงพร้อมเพื่อนของนางเองก็เช่นกัน“พระชายาโปรดอภัย ข้าน้อยเพียงต้องการให้พระชายาทราบถึงกิจวัตรของไท่จื่อเพคะ”“ใช่เพคะ ทุกครั้งที่ไท่จื่อแช่น้ำแร่จะมีเพียงหวังหย่งกับจางหย่งปรนนิบัติเพคะ พวกเราเหล่านางกำนัลไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าตำหนักหลี่คุณในเวลานี้เพคะ”นางกำนัลอีกนางรีบช่วยสหายตนผู้เป็นพระชายาอดนึกแปลกใจกับคำบอกไม่ได้จึงถามต่อ“
ร่างอรชรเดินเข้ามายังส่วนอาบน้ำแล้วก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อเห็นแผ่นหลังเปลือยอยู่ในน้ำ ใจกระตุกสั่นไหวจึงหันไปทางอื่น ทั้งยังลังเลไม่กล้าขยับเท้าต่อ“ซีซี”เสียงเข้มแม้จะทุ้มนุ่มหากก็ทำเอาคนได้ยินหน้าเจื่อน ไม่รู้จะทำอย่างไรแต่สุดท้ายก็ยอมเดินไปใกล้“ไท่จื่อให้หวังหย่งจางหย่งมาปรนนิบัติไม่ดีกว่าหรือเพคะ”ซีซวนถามเสียงเบาทั้งที่เข้ามาแล้ว เมื่อขึ้นมาอยู่บนสวรรค์ ไท่จื่อก็บอกว่านางต้องปรนนิบัติทั้งเวลาอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้า แน่นอนว่านางลำบากใจด้วยความขัดเขินแม้จะแนบชิดร่างกายกันมาหลายครั้งหลายครา“ไม่ปรนนิบัติก็ได้”พร้อมกับพูดร่างสูงใหญ่ก็ลุกขึ้นทำเอาผู้ที่ยืนชิดริมสระสะดุ้ง ทว่ายังไม่ทันถอยก็ถูกฉุดให้หล่นเข้าไปอยู่อ้อมอกแกร่งด้วยมัดกล้ามกำยำน่าอิงแอบ“อุ๊ย ไท่จื่อ”“มาอาบด้วยกันดีกว่า”ไม่เพียงพูดมือหนายังเคลื่อนไหวทั่วตัวต้องการถอดชุดของนางไปด้วย“เอ่อ อาถิงรออยู่ข้างนอกเพคะ นางคงได้ยินเสียงเป็นแน่”ซีซวนอุบอิบบอกพลางส่ายหน้า รู้ว่าอาบด้วยกันของไท่จื่อมีความหมายมากกว่านั้นนางขอกับบิดาให้เกาถิงมาอยู่ด้วยตั้งแต่วันที่พบท่านหลังพิธีอภิเษก ซึ่งบิดาก็ไม่ได้ขัดแต่อย่างใด เพราะเกาถิงเองก็คง
เรือนร่างไร้อาภรณ์สองร่างกอดก่ายแนบชิด ก่อนจิ่นลี่จะยกร่างเล็กกว่าขึ้นมานั่งคร่อมตักตน ซีซวนดูลำบากใจหากเขาก็กอดเอวบางแล้วลูบไล้ฝ่ามือตนบนผิวนุ่มของร่างสาวจนไม่หลงเหลือสัดส่วนใดที่ไม่ได้แตะต้อง อกอวบสวยยิ่งเคล้นคลึงก็ยิ่งชวนให้อยากลงน้ำหนักมือมากขึ้น ทั้งยังน่าซุกซบกว่าอกหนาของเขาเสียอีก จิ่นลี่มั่นใจว่าตนสามารถนอนซุกอกอวบได้ทั้งคืนไม่เพียงแค่คิดเขาก้มลงดูดดื่มยอดทรวงสีหวานให้เต็มที่เท่าที่ต้องการ ใบหน้าคมคายฝังปรนเปรอสองปทุมกลมกลึงเนิ่นนาน หากมือก็ไม่ลืมปลุกปั่นกายสาวสุดบอบบาง ดอกไม้แสนพิสุทธิ์พร้อมพรักเพื่อเขาแล้ว หากจิ่นลี่ยังใจเย็นไม่รีบหักหาญ ซีซวนต้องการมากเท่าไรนางจะยิ่งรู้สึกดีเมื่อเป็นของกันและกันซีซวนรู้สึกเหมือนตนหอบจนเหนื่อยอ่อน มือเกาะบ่าหนาราวหาที่ยึดด้วยไม่กล้านั่งลงเต็มสะโพก แต่ก็ฝืนเกร็งไม่ได้นานเพราะร่างกายปวกเปียกไร้กระดูกจากการรุมเร้าฉกาจฉกรรจ์“ไท่จื่อ ได้โปรด”นางเอ่ยขึ้นโดยไม่รู้ตัวว่าร้องขอสิ่งใด รู้เพียงร่างกายตนต้องการบางอย่างและแล้วจิ่นลี่ก็พาร่างงามลงไปนอนระทดระทวยใต้ร่างตน มอบจูบอันร้อนแรงครู่หนึ่งพร้อมกับค่อยๆ หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว แม้อีกฝ่ายจะเริ่มดิ้
“เจ้าทำเช่นนี้ข้าชักกลัวแล้วว่าเจ้าอยากกลับสวรรค์กับข้าหรือไม่ กลัวเจ้าจะอยากกลับเผ่าปีศาจมากกว่า”“ข้ากลัวว่าจะไม่ได้กอดท่านพ่ออีกแล้ว”เมื่อชายาตนทำเสียงงอแงนิดๆ ผู้เป็นไท่จื่อก็ใจอ่อน“เอาเถิด ข้าจะพาเจ้าไปเผ่าปีศาจในทุกครั้งที่เจ้าต้องการ อย่างน้อยก็...”เขาหยุดไปชั่วอึดใจก่อนจะบอกต่อ“เอาดอกไป่เหอไปให้เจ้าในทุกปี”หัวใจของซีซวนกระตุกวูบหนึ่งกับคำพูดนี้ ราวตอบรับความรู้สึกที่ไท่จื่อมีต่อซีหรู“ข้ายังอยากทำเหมือนเดิม ร่างของเจ้าอยู่ที่นั่น แม้แต่งกับเจ้าที่เป็นเซียนแล้ว ข้าก็ไม่อาจลืมเจ้าที่เป็นปีศาจครึ่งมนุษย์ได้”ซีซวนไม่ได้ขุ่นเคืองใจ นางรู้สึกดีใจด้วยซ้ำที่ไท่จื่อยังผูกพันกับตนในชาติก่อนอยู่ และยิ้มกว้างให้กับสวามีของตนด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความสุข“ข้าขอถามเจ้าปีศาจเรื่องนึงได้หรือไม่”ไท่จื่อมีโอกาสเอ่ยถึงสิ่งที่ตนสงสัย“ท่านรู้ว่าซีหรูมาเกิดใหม่ยังเผ่าบุปผา แล้วเหตุใดจึงไม่เคยบอกข้า”“ในตอนแรกข้าเพียงหวังจึงให้จางฉวนนำแหวนมาที่นี่ ไม่ได้มั่นใจแต่อย่างใด และเมื่อได้รู้ว่าในแหวนมังกรมีดวงจิตวิญญาณอยู่ อดีตเทพธิดาสามารถสร้างชีวิตใหม่ให้ซีหรูได้ ข้าก็ดีใจนัก ไม่ได้คิดว่านางจะเหม
หลังไท่จื่อเอ่ยปากขอซีซวนแต่งงานแล้วแจ้งความนี้กับอดีตเทพธิดาบุปผาเพียงวันเดียว ขบวนสู่ขอจากสวรรค์กับของกำนัลก็มาถึงยังเผ่าบุปผา“ข้าให้หวังหย่งกับจางหย่งจัดเตรียมทุกอย่างไว้พร้อมสรรพแล้ว รอเพียงซีซวนตอบรับ”ไท่จื่อเอ่ยเมื่อหลิงเซียวมองของกำนัลมากมายที่นำเข้ามาในตำหนักด้วยความประหลาดใจ“ส่วนฤกษ์ยามนั้น พระมารดารอคำตอบจากเทพชะตา และพระบิดากับพระมารดายินดีให้จัดงานที่เผ่าบุปผา ทั้งสองพระองค์จะมารับชายาข้ากลับสวรรค์พร้อมกับข้า”จิ่นลี่ไม่ได้กลับสวรรค์ก็จริง ทว่าส่งสารขอราชโองการกับบิดาตนนับแต่บอกกับอดีตเทพธิดาไปว่าจะทำให้ถูกต้องทุกประการ บิดากับมารดาตนยินดีรับซีซวนเป็นสะใภ้สวรรค์โดยไม่ติดใจในข้อใด ด้วยสถานะของนางเป็นธิดาของอดีตเทพธิดาเซียนขั้นสูงสุดในเผ่าบุปผาซีซวนจะได้รับตำแหน่งพระชายาเอกไม่ต่างจากซีหรู“องค์จักรพรรดิกับฮองเฮาเมตตาซีซวนยิ่งนัก”หลิงเซียวทำได้เพียงตอบรับ รู้สึกใจหายไม่น้อยเมื่อบุตรสาวกำลังจะห่างไปจากอกตน นางไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อน“ซีซวนไม่เคยต้องอยู่ห่างจากข้า ได้แต่หวังว่าเมื่อไปอยู่สวรรค์ชั้นฟ้าไท่จื่อจะเอ็นดูนาง”“ท่านก็ทราบดีว่าข้ารักซีซีมากเพียงใด นางคือชายาเพ
“เจ้าพร้อมปลอบข้าแล้วใช่หรือไม่”ไม่เพียงถามร่างกายเต็มไปด้วยมัดกล้ามยังบดเบียดให้รับรู้ได้ถึงความกร้าวร้อนที่น่าเกรงกราม ซีซวนหลบสายตาคม หน้าท้องร้อนวูบทว่าจิตใจกลับเฝ้ารอให้ไท่จื่อแตะต้อง คาดหวังพร้อมกับหัวใจที่เต้นแรงกระทบหน้าอกข้างซ้าย“ร่างกายที่ยังไม่หายดีของเจ้าอาจยังรับไม่ไหว ข้าจะเบามืออย่างที่สุด”ในชั่วอึดใจร่างของทั้งสองก็เปลือยเปล่าด้วยฝีมือจิ่นลี่ ร่างอรชรสั่นเบาๆ อยู่ตลอดเวลาทำให้เขาอยากปลอบ แม้ซีซวนจะจำเมื่อครั้งเป็นซีหรูได้แล้วแต่ความจริงข้อหนึ่งก็คือนางยังผุดผ่องด้วยวัยแรกแย้ม อย่างไรก็ไม่อาจรับเขาได้โดยง่าย ทั้งหัวใจที่บาดเจ็บหนักยังไม่แข็งแรงดีทำให้จิ่นลี่เลือกไม่เอาแต่ใจหลังจูบอย่างดูดดื่มแล้วร่างสูงใหญ่ก็เคลื่อนลงพร้อมนาบปากตนฝากรอยร้อนรุ่มผ่านลำคอ กลางอกอวบ ระเรื่อยลงมายังหน้าท้องแบนราบจูบเม้มผิวอ่อนบางทุกจุดที่ผ่านซีซวนขยับกายอย่างไม่เป็นสุข ทรวงอกสะท้อนสูงตามลมหายใจที่รุนแรงด้วยอารมณ์หวาม ไฟปรารถนาลุกพรึ่บในร่างจากที่ค่อยๆ ถูกจุดให้ระอุก่อนหน้านี้ ยิ่งมือหนาลูบไล้ต้นขากับสะโพกซีซวนก็ยิ่งร้อนรน ทั้งลมหายใจร้อนกับปากอุ่นจัดยังเลื่อนต่ำลงอีก บดจูบแผดเผาร่างสาวด
“เจ้าทิ้งข้าไปนานนัก แต่ไม่ว่านานแค่ไหนข้าก็ไม่เคยลืมเจ้าไปจากใจ”ซีซวนร้องไห้หนักขึ้นจนตัวสั่นเทา นางเองไม่ได้รับรู้สิ่งใด มีความสุขกับชีวิตใหม่ของตน ทว่าผู้ที่อยู่กับการจากลาอันแสนเศร้านั้นต้องจมอยู่กับความทุกข์ทนนานนัก รู้ซึ้งถึงหัวอกไท่จื่อที่พยายามไขว่คว้าพระชายาที่สูญเสียไปกลับคืนมา หากเป็นนางเอง แม้มีเวลาอยู่ด้วยกันเพิ่มอีกเพียงวันเดียวนางก็จะทำทุกอย่างให้กลับไปอยู่เคียงข้างไท่จื่อเช่นเดิม ในเมื่อซีหรูจากมาโดยไร้คำร่ำลาจิ่นลี่จับมือบางสองข้างที่ประคองแก้มตนไปจูบด้วยความดีใจและแสนคิดถึง ก่อนจะเคลื่อนใบหน้าประชิด แตะปากได้รูปประทับจูบซับน้ำตาบนแก้มนวลให้ซีซวนหลับตาลงให้สัมผัสอ่อนโยนและอบอุ่นจากริมฝีปากไท่จื่อปลอบประโลม ก่อนจะรู้สึกได้ถึงแรงแนบชิดเหนือกลีบปากตน นางจึงขยับตอบรับจุมพิตด้วยความเต็มใจเมื่อหัวใจสองดวงที่ต่างผูกพันรักใคร่กลับมาใกล้ชิดความโหยหาจึงก่อเกิด จูบผะผ่าวแผ่วเบาจึงค่อยเพิ่มความดูดดื่มขึ้น ปลายลิ้นอุ่นรุกไล่ซีซวนก็ยินดีเปิดรับเกี่ยวกระหวัดลิ้นตนกับอีกฝ่ายตามสัญชาตญาณและความรู้สึกส่วนลึกในหัวใจ ใจดวงน้อยเต้นเร่า เนื้อตัวร้อนวูบวาบทว่าใจกลับต้องการแนบกายบดเบียด
“ไม่ลำบากเลย ข้ายินดีดูแลเจ้า”จิ่นลี่บอกพร้อมยิ้มบางเป็นอีกครั้งที่ใจดวงน้อยของซีซวนกระตุก ไม่กี่วันมานี้ที่ปัดถ้วยยาทิ้งนั้นนางไม่ได้รู้สึกอะไร ทว่าเมื่อไท่จื่อบอกว่าเป็นผู้ต้มด้วยตัวเองนางก็ลำบากใจที่จะปัดทิ้ง ไม่ได้สงสารแต่กังวลว่าจะกลายเป็นเผ่าบุปผาทำให้ไท่จื่อสวรรค์ต้องลำบาก“เกรงใจไท่จื่อ ครั้งนี้ข้าจะดื่มยาท่าน แต่อย่าได้ทำเช่นนี้อีกเลย”ซีซวนบอกแล้วรับไปดื่มอย่างไม่เกี่ยงงอนอีก“ข้าบอกแล้วว่ายินดี...”“ขอไท่จื่อเมตตา...”ร่างอรชรทรุดลงคุกเข่าในทันใด ทำเอาจิ่นลี่นิ่งไปชั่วอึดใจ ภาพซีหรูคุกเข่าแวบเข้ามาในหัว เขารีบรั้งนางขึ้นแต่ซีซวนส่ายหน้าไปมาไม่ยอมลุก“ได้โปรดปล่อยข้ากับท่านแม่ และเผ่าบุปผาไปเถิด”“ลุกขึ้นเถิด”อีกฝ่ายก้มหน้าไม่ยอมขยับเช่นที่เขาต้องการ หลังจากยืนคิดครู่หนึ่งจิ่นลี่ก็คุกเข่าลงตรงหน้าซีซวนเช่นกัน ใบหน้างดงามเงยขึ้นมามองเข้าด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความตกใจ“ไท่จื่อ”จิ่นลี่มองสบตากับซีซวนนิ่ง ดวงตาคู่งามสดใสดูสั่นไหว สีหน้าแสดงถึงความไม่มั่นใจและงุนงง“ผู้ที่ควรคุกเข่าควรเป็นข้า ข้าเสียใจกับเรื่องในวันนั้นนัก เพราะข้าเอาแต่ใจทำให้เจ้าต้องทำเช่นนั้น ทุกอย่างล้วนเ
หวังหย่งกับจางหย่งหอบฎีกาเดินทางไปกลับสวรรค์กับเผ่าบุปผาบ่อยครั้งในช่วงหลายวันที่ไท่จื่ออยู่ที่นี่ ทั้งยังไปจัดการราชกิจกับไท่จื่อในบางวันเวลานี้กระท่อมเชิงเขาในสวนดอกไม้เป็นที่พำนักไท่จื่อ ด้วยอาการซีซวนยังไม่ดีจิ่นลี่จึงยังไม่กลับสวรรค์ แม้จะไม่ได้พบหน้าอีกฝ่ายหากเขาก็ถามไถ่อาการกับอดีตเทพธิดาในทุกวันเช้าเย็น แต่อยู่ใกล้เพียงแค่นี้ทว่าไม่อาจพบได้ทำให้จิ่นลี่ยิ่งคิดถึง สุดท้ายเขาก็อดใจไม่อยู่ ขอให้เห็นว่านางดีขึ้นแม้ในยามหลับก็ยังดีร่างสูงใหญ่ปรากฏกายขึ้นในห้องของซีซวนกลางดึก ยืนมองใบหน้างดงามในยามหลับหากก็พอมีสีสันขึ้นมากว่าก่อนหน้านี้ มุมปากได้รูปขยับยิ้มเล็กน้อย อยากยื่นมือไปแตะแก้มนุ่มแต่พยายามยับยั้งใจตนเองเอาไว้ขณะนั้นซีซวนก็ขยับพลิกตัวเอียงไปทางฝั่งซ้ายแล้วนางก็สะดุ้งมือกุมอกตนเอง ทั้งยังไอออกมาเบาๆ ทำให้เขาอดกังวลไม่ได้“แค่กๆ”คิ้วเรียวขมวดก่อนจะค่อยๆ ลืมตาขึ้น ภายในห้องค่อนข้างมืด ซีซวนพยายามลุกจากเตียงช้าๆ จับทิศทางค่อยๆ เดินไปยังโต๊ะวางกาน้ำชาเพื่อรินชา แม้มีเสี่ยวชิงนอนอยู่ที่เตียงเล็กมุมหนึ่งในห้องนางด้วย แต่ซีซวนไม่อยากเรียกรบกวนอีกฝ่ายจึงพยายามด้วยตัวเองจิ่นลี่ใ
“เจ้าต้องอยู่กับข้าตลอดไปซีซี”หลิงเซียวที่นั่งอยู่บนเตียงข้างบุตรสาวลูบหน้าผากเล็กอย่างปวดใจ ไม่คิดว่าซีซวนจะเลือกวิธีนี้ ไม่ใช่เพียงแค่ปลิดชีพตัวเอง ยังฆ่าคนอีกสองคนให้ตายตามไปด้วย นางเหลือบมองไท่จื่อที่จับมือบุตรสาวตนไม่ปล่อยแล้วก็ถอนหายใจอย่างลำบากใจ หากก็คิดว่าตนควรพูดในสิ่งที่จำเป็นที่สุด ไม่เช่นนั้นไม่มีทางที่เรื่องนี้จะจบลงด้วยดี“ไท่จื่อ ข้าอยากพูดบางอย่างกับท่าน”จิ่นลี่เหลือบขึ้นมองผู้ที่นั่งอยู่อีกฝั่งหนึ่งของร่างซีซวน“ข้าไม่ได้คิดขวางท่านเลย หากท่านรักผูกพันกับซีซวนด้วยใจจริง”“ข้า...”“ท่านเอ่ยได้เต็มคำจริงหรือ”หลิงเซียวถามขึ้นมาก่อนที่ไท่จื่อจะตอบจบเสียอีก“ท่านรักพระชายาท่านแน่นอน แต่ท่านเพิ่งพบเจอซีซวน นางมีชีวิตของนางในพันแปดร้อยปีที่ผ่านมา นางลืมเลือนความเป็นซีหรูพระชายาของท่านไปแล้ว และท่านก็ไม่เคยรู้จักกับนางที่เป็นซีซวนมาก่อน”ไท่จื่อยังมีสีหน้าไม่เห็นด้วยนัก หากหลิงเซียวก็ยังเอ่ยต่อถึงสิ่งที่อยากขอ“ข้าอยากให้ซีซวนมีความสุข ข้าขอร้องท่าน หากต้องการให้ซีซวนไปอยู่บนสวรรค์กับท่าน ขอให้นางไปอย่างเต็มใจได้หรือไม่”จิ่นลี่นิ่งคิดครู่หนึ่ง มองใบหน้าซีดเผือดไร้สีเลือ