จิ่นลี่เห็นไฟโหมท่วมตรงชายป่าพร้อมเสียงผู้คนเขาก็ปล่อยให้หวังหย่งจัดการกับปีศาจร้าย อย่างน้อยเวลานี้ก็ช่วยชีวิตคนได้แล้ว ร่างสูงใหญ่เหินกายสูงขึ้นมุ่งหน้าออกไปดู แล้วก็เห็นเพลิงล้อมรอบชาวบ้านที่ต่างก็หวาดกลัวและร้องขอความช่วยเหลือ เขารีบร่ายเวทย์เรียกพยับฝนมาอย่างทันท่วงที ทว่าฝนเพียงอย่างเดียวกลับไม่อาจลดทอนไฟนี้ลงได้
มีผู้ใช้เวทย์โหมไฟนี้ขึ้นมา จิ่นลี่จำต้องสยบด้วยพลังเวทย์ของตนเสริมด้วยไฟจึงมอดดับลง
ชาวบ้านบางคนได้รับบาดแผลไฟไหม้แต่นับว่าไม่หนักหนา ต่างก็รีบคุกเข่าขอบคุณสวรรค์ที่บันดาลให้ฝนตกลงมาเพราะก่อนหน้านี้ไม่มีเค้าฝนแม้แต่น้อย
จากนั้นไท่จื่อสวรรค์ก็กลับเข้าไปช่วยหวังหย่ง หากอีกฝ่ายสามารถสยบปีศาจดูดเลือดได้แล้ว และพันธนาการไว้ด้วยเวทย์จนไม่อาจหนีได้ ขณะที่ไม่เห็นปีศาจน้อยทั้งสองตน
“ปีศาจน้อยสองตนนั่นหนีไปแล้ว นางเป็นพวกเดียวกับเจ้าหรือไม่”
จิ่นลี่ถามกับปีศาจดูดเลือดซึ่งเวลานี้ใบหน้าสวยงามที่รังสรรค์ปั้นแต่งด้วยมนต์นั้นซีดเผือด
“ข้าไม่รู้จักพวกนาง ไม่เคยเห็นมาก่อน”
นางส่ายหน้าแล้วร้องขอ
“นายท่านปล่อยข้าไปเถิด อย่าทำอันใดข้าเลย”
“ฆ่าคนไม่กลัวความผิด ภัยมาถึงตัวกลับร้องขอชีวิต”
หวังหย่งไม่เห็นว่าควรละเว้น แต่เขารอให้ไท่จื่อมาตัดสินโทษ
“เดิมทีข้าก็ไม่คิดทำร้ายมนุษย์ แต่มนุษย์ร้ายกาจนัก จิตใจโลเลหลอกลวง รักง่ายหน่ายเร็ว ข้าพลั้งมือฆ่าสามีกับชู้รัก จากนั้นก็ไม่อาจหยุดยั้งความต้องการเลือดมนุษย์ได้”
นางบอกไปร้องไห้บีบน้ำตาไปด้วย ทว่าทั้งไท่จื่อและหวังหย่งกลับใบหน้าเคร่งขรึม
“เจ้าเบียดเบียนมนุษย์มาหลายพันปี คิดหรือว่าร้องไห้ขอความเมตตาแล้วทุกอย่างจะจบลงโดยง่าย”
จิ่นลี่เอ่ยโดยไม่มองปีศาจดูดเลือดสาวด้วยซ้ำ
“แต่ยังไงนางก็เป็นคนเผ่าปีศาจ การนี้ข้าจะไม่เข้าไปยุ่ง ให้เผ่าปีศาจจัดการลงโทษนางเอง ส่งนางไปดินแดนปีศาจ ให้เจ้าปีศาจสำเร็จโทษ”
“ท่านจะไปยังแดนปีศาจเช่นนั้นหรือ”
หวังหย่งถามนายตนด้วยเห็นว่าก่อนหน้านี้เลี่ยงการพบเจอกับราชาปีศาจโดยลงมาจัดการเรื่องวุ่นวายบนโลกมนุษย์แทน
“ไม่ล่ะ เจ้าให้คนของเราควบคุมตัวนางไปก็แล้วกัน”
จิ่นลี่มีสีหน้าเครียดขรึมเมื่อเอ่ยถึงเผ่าปีศาจ เวลานี้รอบตัวเขาวนเวียนอยู่แต่กับปีศาจ ทว่าที่ยังติดอยู่ในใจก็คือ เหตุใดปีศาจน้อยต้องเผามนุษย์ทั้งเป็น เขามั่นใจว่าเป็นฝีมือพวกนางด้วยไม่มีผู้ใดในอาณาเขตป่านี้ที่ใช้พลังเวทย์ได้อีกแล้ว
เกาถิงพาซีหรูหลบมาได้ไกล หากไม่อาจพากลับไปยังเผ่าปีศาจได้ ด้วยพละกำลังของนางนั้นยังไม่สามารถนำร่างหมดสติของนายตนเดินทางไกลและรวดเร็วได้ แต่นั่นยิ่งทำให้นางกังวลใจ ด้วยอีกไม่เกินชั่วยามธิดาน้อยก็จะฟื้นขึ้นมาแล้ว ถึงเวลานั้นนางคาดเดาไม่ได้ว่านายตนจะอาละวาดอีกหรือไม่
เมื่อจนปัญญาจะแก้ไขเรื่องที่เกิดขึ้นเกาถิงจึงหยิบกระดิ่งข้อมือเล็กที่พกติดตัวออกมา สิ่งนี้นางได้มานับแต่มาดูแลธิดาน้อย ราชาปีศาจห่วงใยธิดาตนเป็นอันมาก ไม่เคยปล่อยให้หลุดรอดสายตา ทั้งยังกำชับว่าหากเกิดเรื่องกับธิดาน้อยและเกาถิงไม่อาจรับมือไหวให้นางสั่นกระดิ่ง
นางไม่เคยแม้แต่ต้องหยิบออกมา ครั้งนี้เป็นครั้งแรกเพราะมาเกิดเรื่องยังโลกมนุษย์ และนางก็เพิ่งเคยเห็นธิดาน้อยเกรี้ยวกราดควบคุมตนเองไม่ได้อย่างน่ากลัวเช่นนี้
กริ๊งงง
เพียงชั่วอึดใจหลังกระดิ่งดังขึ้น ก็ปรากฏกลุ่มควันหมุนวนแล้วร่างหนึ่งก็มาอยู่ตรงหน้า
“ท่านผู้คมกฎหู”
หูพานคือผู้คุมกฎของเผ่าปีศาจที่เรียกได้ว่าเป็นมือขวาของราชาปีศาจ ไม่คิดว่าสิ่งนี้จะเป็นการเรียกผู้คุมกฎ
“เกิดเหตุอันใดขึ้นกับธิดาน้อย”
ผู้มาใหม่รีบขยับเข้ามาดูร่างของซีหรูที่นอนหมดสติโดยมีเกาถิงประคองในทันใด
“ข้าไม่รู้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้น อยู่ๆ ธิดาน้อยก็อาละวาดเผาชาวบ้าน ข้าต้องทำให้นางหมดสติยับยั้งเอาไว้ ข้าเกรงว่าธิดาน้อยอาจฟื้นขึ้นมาก่อนที่จะไปถึงเผ่าปิศาจ จึงใช้กระดิ่งนี่”
นางชูกระดิ่งในมือขึ้น หูพานก็พยักหน้าเข้าใจ กระดิ่งนี้ผู้ที่สามารถได้ยินมีเพียงราชาปีศาจและผู้คุมกฎทั้งสองเท่านั้น ตอนนี้ราชาปีศาจยังไม่กลับจากกิจสำคัญ เขาที่อาวุโสกว่าจึงมาแทนเพราะอาจเกิดเรื่องร้ายแรงกับธิดาน้อย
“งั้นก็ไปจากที่นี่ก่อน”
หูพานบอกแล้วร่ายมนตร์อำพรางปีศาจน้อยทั้งสองก่อนจะใช้พลังเคลื่อนย้ายพาตัวกลับเผ่าปีศาจอย่างทันท่วงที
ภายในห้องนอนของธิดาน้อยเผ่าปีศาจ ราชาปีศาจโจวซุ่นใช้พลังของตนบดบังซ่อนความทรงจำส่วนลึกที่ทำให้บุตรสาวเจ็บปวดเอาไว้อีกครั้ง
เมื่อยังเด็กนักนั้นซีหรูถูกความโหดร้ายของมนุษย์ที่ฆ่ามารดาครอบงำ นั่งกอดเข่าร้องไห้ด้วยความหวาดกลัวและเรียกร้องหาแม่อยู่นานนับเดือน เป็นเด็กที่ขลาดกลัวผู้คน เก็บตัวอยู่คนเดียวไม่กล้าออกไปเล่นตามที่ต่างๆ เหมือนก่อน โจวซุ่นในตอนนั้นเป็นผู้คุมกฎแต่ก็มีงานมากมายต้องจัดการจึงให้เกาถิงมาอยู่เป็นเพื่อนบุตรตน แม้จะใช้เวลานานแต่ซีหรูก็ค่อยๆ ยิ้มแย้มแจ่มใสขึ้น
กระทั่งวันหนึ่งที่เขาพาบุตรสาวไปเก็บดอกไป่เหอยังโลกมนุษย์แล้วบังเอิญพบเจอมนุษย์ที่กำลังตีบุตรของตนอยู่ แล้วซีหรูกลับกรีดร้องและอาละวาดขึ้นมาอย่างไม่เคยเห็นมาก่อน ถึงพลังปีศาจยังไม่แข็งแกร่งแต่ก็นับว่าเกือบจะฆ่ามนุษย์ผู้นั้นไปแล้ว นั่นทำให้โจวซุ่นรู้ว่าบุตรสาวตนเก็บสิ่งเลวร้ายที่เห็นมาไว้ส่วนลึกของจิตใจแล้วก็พร้อมปะทุขึ้นมาได้เสมอ จึงตัดสินใจสะกดความทรงจำนั้นให้อยู่ภายใต้เงามืดในจิตใต้สำนึก หากก็มีโอกาสผุดขึ้นมาทุกเมื่อหากมีสิ่งกระตุ้นเช่นครั้งนี้
“ซีเอ๋อร์ ความเจ็บปวดนี้ทำร้ายเจ้ายิ่งนัก ไม่รู้ว่าจะส่งผลต่ออนาคตข้างหน้าของเจ้าหรือไม่”
ราชาปีศาจเอ่ยอย่างเป็นกังวลเมื่อซ่อนความจำเลวร้ายของธิดาตนเสร็จสิ้น ทั้งภายในใจยังมีเรื่องหนักอกลำบากใจกลับมาจากสวรรค์ชั้นฟ้าพร้อมตนด้วย
‘สวรรค์ให้เกียรติเผ่าปีศาจเช่นนี้ หวังว่าราชาปีศาจจะถนอมน้ำใจ’
น้ำเสียงทรงอำนาจของจักรพรรดิสวรรค์ยังก้องในห้วงสำนึก เป็นเช่นนี้แล้วเขาจะทำอย่างไรได้
=========
ราชาปีศาจไม่อยู่เพราะขึ้นไปสวรรค์นี่เอง ว่าแต่สวรรค์ต้องการอะไรจากเผ่าปีศาจ?
และความทรงจำช่วงเด็กของซีหรูก็ถูกบิดาบดบังไว้ ก็เลยจำวันที่มารดาจากไปไม่ได้ ^-^"
“ลูกไม่ไป ลูกไม่แต่ง เหตุใดท่านพ่อจึงผลักไสลูก”คนพูดกอดอกทั้งยังเมินหน้าหนีอย่างไม่อยากรับฟังสิ่งใดหลังจากนางฟื้นขึ้นมาสามวันก็มีราชโองการจากสวรรค์ชั้นฟ้ามายังเผ่าปีศาจ สู่ขอองค์หญิงเผ่าปีศาจเพื่ออภิเษกกับไท่จื่อสวรรค์ซีหรูถูกเรียกออกมารับราชโองการ ถอยกลับไปอยู่ด้านหลังบิดาพร้อมส่ายหน้าไม่ยอมรับ ทำให้เจ้าปีศาจจำต้องเป็นผู้รับไว้ด้วยความเกรงใจ ผู้แทนพระองค์ย้ำว่าวันคืนพระจันทร์เต็มดวงครั้งต่อไปขบวนเกี้ยวเจ้าสาวจากสวรรค์จะมารับว่าที่พระชายา จากนั้นก็กลับไป“เผ่าปีศาจของเรา ตั้งใจอยู่อย่างสันติ เป็นมิตรกับทั้งหกพิภพนับแต่ท่านปู่ของลูกขึ้นครองดินแดน”โจวซุ่นพยายามบอกให้บุตรสาวเข้าใจทั้งที่ตนนั้นก็ห่วงซีหรูมากเช่นกัน ทั้งยังไม่อยากอยู่ห่างลูกสาวคนเดียวแม้แต่น้อย“เมื่อสวรรค์หยิบยื่นไมตรี พ่อก็จำต้องรับไว้ เดิมทีเผ่าปีศาจกับสวรรค์ก็ยากจะเกี่ยวข้องกัน แต่ครานี้สวรรค์ยอมผูกสัมพันธ์ ซื้อใจเผ่าปีศาจด้วยเกียรติของชายาไท่จื่อ ยิ่งทำให้เราปฏิเสธไม่ได้”“ใช่ ธิดาน้อย เราเพิ่งอยู่อย่างสงบสุขไม่กี่พันปี เราไม่ต้องการให้มีสงครามอีก”“เห็นแก่ราษฎรเผ่าปีศาจ ที่สำคัญธิดาน้อยควรเห็นแก่เจ้าปีศาจ ที่จำเป
แม้จ้องมองกันอยู่นานแววตาคู่หวานที่ค่อนข้างปรือก็มีเพียงความขุ่นมัวให้เห็น หากจิ่นลี่ก็คิดว่าอีกฝ่ายอาจแสร้งทำไม่รู้ไม่ชี้ เพราะลงมือเผามนุษย์ชาวบ้านธรรมดาก่อนจะหลบหนี“เสแสร้งแกล้งทำ หลบหนีความผิด ไม่คิดว่าองค์หญิงเผ่าปีศาจจะขี้ขลาดเช่นนี้”เขาเอ่ยขึ้นอย่างไม่หลงเชื่อโดยง่าย“ท่านว่าใครเสแสร้ง ขี้ขลาด”เมื่อถูกต่อว่าตรงๆ อารมณ์โกรธของซีหรูก็พุ่งทะยานในทันใด แม้ตัวเล็กกว่าก็ไม่คิดกลัวเกรง ร่างบอบบางลุกพรวดเชิดหน้าเถียง แต่เพราะมึนเมาทำให้รู้สึกเหมือนพื้นที่ยืนเอียงไปมาจนเสียหลักแทบทรุดล้มลง หากก็ได้แขนกำยำสอดเข้ามารองรับเอาไว้จิ่นลี่เห็นอยู่แล้วว่าอีกฝ่ายอาการไม่มั่นคงนัก เมื่อลุกขึ้นกะทันหันแล้วโอนเอนเขาจึงขยับเข้าไปช่วยได้ทันด้วยสัญชาตญาณของร่างกาย กระชับร่างบอบบางแนบอก กลิ่นเหล้าจากลมหายใจอ่อนโชยมาทำเอาต้องถอนหายใจระอา ขณะจ้องใบหน้างดงามในระยะประชิดซีหรูเงยมองสบตาคมกริบของผู้ที่ประคองตนแล้วความรู้สึกร้อนวูบประหลาดก็แผ่ซ่าน ใบหน้ากับร่างกายที่มีฤทธิ์เหล้ากำจายจนไอร้อนทั่วตัวอยู่แล้วนั้นร้อนกว่าเดิม ทั้งช่องท้องเหมือนมีบางสิ่งหมุนวนอยู่ อาการที่ไม่เคยรู้จักพาให้อกใจหวิวหวั่นหายใจติ
“ให้มันได้อย่างนี้สิ ดื่มเหล้ามงคลจนเมาเละ อาเจียนใส่ข้า ล่วงเกินข้าแล้วก็หลับ หลบหลีกเก่งเช่นนี้จนเป็นนิสัยสินะ”เมื่อไม่อาจทนกับกลิ่นน่าสะอิดสะเอียนต่อได้จิ่นลี่ก็ถอดชุดของตนออกเพื่อล้างหน้าล้างตัว เปลี่ยนทั้งเสื้อคลุมและเสื้อตัวในใหม่ พอกลับมายังเตียงของตนก็หยุดมองร่างเล็กที่นอนไม่ขยับพร้อมกลิ่นไม่พึงประสงค์แล้วส่ายหน้า ยื่นมือจะปลดผ้าคาดตรงเอวบางหากกลับหยุดนิ่งอย่างชั่งใจ“อย่าโทษข้า เจ้าดื่มจนเมาเอง”เอ่ยเสียงเข้มแล้วก็ตัดสินใจจับผ้าคาดเอวของหญิงสาวแกะปม ก่อนจะค่อยๆ ปลดชุดสีแดงเข้มบนเรือนร่างอีกฝ่าย ตาคมเลี่ยงที่จะมองตรงๆ หากมือกลับสั่นอย่างห้ามไม่อยู่ ร่างกายสตรีนั้นเขาไม่เคยเห็นด้วยไม่มีจิตใจฝักใฝ่ การเป็นองค์ชายสวรรค์นั้นต้องเติบโตขึ้นพร้อมความสามารถรอบด้าน จิ่นลี่กับเจิ้งหานฝึกปรือพลังปราณและศาสตร์การสู้รบมาด้วยกัน เข้าสู่วัยผู้ใหญ่ก็เรียนรู้งานราชกิจ ต่างไม่ใส่ใจสิ่งอื่นเพราะภาระที่รอคอยนั้นยิ่งใหญ่พี่ชายเขาเจิ้งหานไม่มีหญิงใดในสายตากระทั่งอภิเษกกับหนิงเฟิ่ง ส่วนเขาไม่ถูกกะเกณฑ์ด้วยชีวิตคู่ไม่มีผลต่อบัลลังก์สวรรค์ ต่างจากเวลานี้ที่ขึ้นมาเป็นไท่จื่อแทนพี่ชาย พระบิดาและพระมาร
ไม่คิดเลยว่าสวรรค์จะมีส่วนอาบน้ำเป็นบ่อที่มิดชิดประดับประดาสวยงามเช่นนี้ซีหรูคิดในใจขณะที่เกาถิงเข้ามาพร้อมนางกำนัลที่มานำทางให้ไปยังพื้นที่อาบน้ำซึ่งเชื่อมต่อด้านหลังตำหนัก“ข้านึกว่าชาวสวรรค์เช่นพวกเจ้า จะมีกายทิพย์หอมสะอาด ไม่จำเป็นต้องชำระล้างร่างกายเสียอีก”นางกำนัลสองคนต่างยิ้มกับคำพูดของพระชายาก่อนหนึ่งในนั้นจะเอ่ย“บ่อน้ำนี้เป็นน้ำแร่สวรรค์เพคะ แช่แล้วจะช่วยให้ผ่อนคลายแล้วก็สมานบาดแผลภายนอกกับรักษาอาการบาดเจ็บภายในได้ดีเพคะ”“หมายความว่าก็ไม่ได้อาบน้ำกันทุกวัน”“เพคะ แต่ไท่จื่อมักแช่น้ำแร่ทุกครั้งเมื่อกลับจากราชกิจเพคะ”ซีหรูมองหน้าผู้ตอบนิ่งชั่วอึดใจก่อนจะยิ้มบาง“พวกเจ้ารู้ลึกรู้จริงเช่นนี้ ข้าถามคนไม่ผิดจริงๆ”นางกำลังคนที่บอกหน้าซีดแล้วรีบคุกเข่าลงพร้อมเพื่อนของนางเองก็เช่นกัน“พระชายาโปรดอภัย ข้าน้อยเพียงต้องการให้พระชายาทราบถึงกิจวัตรของไท่จื่อเพคะ”“ใช่เพคะ ทุกครั้งที่ไท่จื่อแช่น้ำแร่จะมีเพียงหวังหย่งกับจางหย่งปรนนิบัติเพคะ พวกเราเหล่านางกำนัลไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าตำหนักหลี่คุณในเวลานี้เพคะ”นางกำนัลอีกนางรีบช่วยสหายตนผู้เป็นพระชายาอดนึกแปลกใจกับคำบอกไม่ได้จึงถามต่อ“
“เจ้ารีบเอาเหล้ามาให้ข้าโดยเร็ว”นางสั่งกับหนึ่งในนางกำนัลที่กำลังจัดโต๊ะอาหาร อีกฝ่ายก็รับคำแล้วเร่งรีบไปจัดการ เกาถิงได้แต่มองอย่างแปลกใจ เมื่อได้เหล้ามาและนางกำนัลออกไปหมดแล้วซีหรูก็รีบดื่มอย่างเช่นที่เคยทำในวันแต่งงาน“ไท่จื่อกำลังจะมาแล้ว ท่านดื่มเช่นนี้ไม่ได้นะเพคะพระชายา ไท่จื่อย่อมต้องการเวลาส่วนตัวกับท่าน”สีหน้าของซีหรูเหยเก หากก็ยังพยายามดื่มต่อ ในลำคอ ช่องท้องและใบหน้าร้อนวูบวาบด้วยสุรารสชาติร้อนแรง“เวลานี้ไท่จื่อไม่มีผู้ใด ท่านควรทำตัวให้เป็นที่โปรดปราน ยึดหัวใจของไท่จื่อไว้ให้ได้เพียงผู้เดียว ยิ่งหากมีทายาท ยิ่งส่งเสริมความมั่นคงของท่าน”เกาถิงไม่อยากให้นายตนละเลยการใช้ชีวิตสำหรับคู่แต่งงาน แม้มาอยู่สวรรค์ชั้นฟ้าก็ไม่ต่างจากทุกที่นัก หากวันใดวันหนึ่งมีไท่จื่อชายารอง ย่อมต้องมีการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นซีหรูทอดถอนใจ อย่างไรนางก็ยังไม่คุ้นชินกับสวามี ทั้งไม่มีความรู้สึกใดๆ ต่อกัน นางคิดว่าเขาเองก็เช่นกัน“เจ้าก็รู้ว่ามันไม่ง่ายเลย ข้ากับไท่จื่อก็เพิ่งพบหน้ากันในวันแต่งงาน ยังต่างก็เป็นคนแปลกหน้าต่อกัน เขาเองก็ดูไม่ชอบหน้าข้าเท่าไรนัก”นางพูดไปอย่างที่เข้าใจ ด้วยท่าทางของอีก
อ้อมแขนกำยำรัดร่างของซีหรูแนบแน่นจนรู้สึกได้ถึงเรือนกายหนาแกร่งพร้อมสัดส่วนต่างจากตนที่เบียดชิดทำเอาขนลุกชัน ทั้งหัวใจยังยิ่งสั่นระรัว ปากอุ่นกระด้างกดลงไม่รุนแรง หากมีพลานุภาพทำให้ขาของนางราวไร้กระดูก นอกจากบดเบียดไม่ห่างแล้วอีกฝ่ายยังเม้มกลีบปากทั้งบนล่าง มือบางเกร็งจนขยำสาบเสื้อบนแผงอกกว้างราวเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวร่างนุ่มนิ่มที่ทิ้งกายเข้ามาหามากกว่าเดิม ดึงสัญชาตญาณดิบในกายชายที่ถูกเก็บกดเอาไว้ภายใต้ความมั่นคงของจิตจิ่นลี่ในมาเนิ่นนาน ริมฝีปากและลมหายใจร้อนอ่อนบางกรุ่นกลิ่นเหล้าไม่ได้ทำให้นึกรังเกียจ กลับเชิญชวนให้ลิ้มลองครอบครอง อยากมึนเมาไปกับนาง คิดแล้วปลายลิ้นอุ่นก็ขยับไล้เพื่อหาทางล่วงล้ำโพรงปากนุ่มมือหนาเคลื่อนไหวตามใจปรารถนาที่อยากแตะต้องร่างนุ่มมือในทุกส่วน ข้างหนึ่งไล้ไปหยุดวางกระชับสะโพก อีกข้างลูบผ่านเอวบางขึ้นมาเกาะกุมเหนือทรวงอวบอิ่มแล้วร่างเล็กก็สะดุ้งเบาๆ กลีบปากอิ่มเผยอเป็นโอกาสให้เขาสอดแทรกลิ้นเข้าโลมเล้าลิ้นเล็กได้ตามต้องการ“อื้อ...”ซีหรูที่มึนกับสัมผัสแสนระทึกใจเริ่มขยับตัวอย่างต่อต้าน ความตระหนกก่อตัวในจิตใจสาวน้อยเมื่อถูกคุกคามในร่างกายส่วนที่ไม่ควรให้ผู้ใดแตะ
“เจ้าเป็นภรรยา ไม่มีสิทธิ์ขึ้นเสียงหรือแย้งสามี ที่ดินแดนปีศาจทุกคนอาจจะตามใจเจ้าแม้แต่เจ้าปีศาจ แต่ที่นี่เจ้าต้องเชื่อฟังข้า เดินตามข้าหนึ่งก้าว”แม้น้ำเสียงที่เอ่ยจะราบเรียบหากก็เน้นถึงคำสั่งชัดเจน และคนฟังก็รู้สึกราวถูกกดขี่ข่มเหงให้อยู่ในฐานะที่ต่ำกว่า“นี่ข้าเป็นชายาหรือบ่าวของท่าน ข้าก็มีความคิดของข้า อยากพูดอะไรข้าก็จะพูด”“หากคำพูดกับการกระทำของเจ้าเหมาะสมและเป็นผู้ใหญ่ ข้าจะไม่บังคับเลย แต่นี่เจ้าหาเรื่องป่วนข้าเป็นเด็กไม่ยอมโตแล้วก็เอาแต่ใจ ไม่คิดทำหน้าที่ภรรยาที่ดีแม้แต่น้อย”“ถึงข้าจะอายุน้อยกว่าท่านหลายแสนปี แต่ข้าก็โตแล้ว”ซีหรูเสียงแข็ง ตาขุ่นขึ้นเมื่อรู้สึกว่าไท่จื่อดุเหมือนนางเป็นเด็กเล็กไม่ประสา“ท่านไม่ใช่อาจารย์ ไม่ใช่ท่านพ่อ อย่ามาสั่งสอนเหมือนข้าไม่รู้ความ”เพราะคำก็เด็กสองคำก็เด็กของสวามีทำให้ซีหรูโกรธจัด นางรู้ว่าตนนั้นยังอายุน้อย แต่ก็ไม่ใช่คนที่โง่งมคิดเองไม่เป็น ต้องทำตามทุกอย่างที่เขาสั่งเพียงเท่านั้น นางไม่ชอบความคิดเช่นนี้ แม้เป็นสตรี อ่อนด้อยประสบการณ์กว่าแต่นางก็เป็นชายาสามีภรรยาวควรยืนเคียงข้างกัน ช่วยส่งเสริมกันและกัน บิดาของนางบอกเอาไว้เช่นนั้นก่อนจะ
บรรยากาศบนโต๊ะอาหารระหว่างไท่จื่อกับพระชายาค่อนข้างเงียบ ต่างคนต่างตักอาหารของตน ไม่ได้ใส่ใจกันและกัน ไม่มีการพูดคุยระหว่างมื้อเช่นสามีภรรยา ไร้ความหวานชื่นใดๆเกาถิงที่คอยรับใช้กับนางกำนัลหนึ่งคนได้แต่ลอบสบตากัน ก่อนหน้านี้สายตาคมกริบเหลือบมองนางแวบหนึ่งในตอนมาถึงโต๊ะอาหารทำให้เกาถิงแทบอยากให้ตนเองตัวเล็กลงนัก และนางก็ได้รู้แล้วว่าผู้ที่ลงไปแดนมนุษย์กับไท่จื่อในครั้งนั้นชื่อหวังหย่ง อีกฝ่ายมองเธอด้วยแววตาสงสัยชัดเจนทว่าไม่เอ่ยถาม นั่นยิ่งทำให้นางไม่สบายใจหากก็ยังทำราวไม่เคยพบเจอเขาไม่นานไท่จื่อก็วางช้อนแล้วนั่งนิ่งเงียบ ซีหรูที่ยังกินอยู่แสร้งกินเชื่องช้าไปเรื่อยๆ คิดว่าเขาอิ่มและเบื่อก็คงกลับตำหนักไปเอง ทว่าผ่านไปครู่หนึ่งอีกฝ่ายก็ยังนั่งหลังตรงท่าทางเคร่งขรึม สร้างความกดดันให้ผู้ที่ตั้งใจถ่วงเวลา สุดท้ายนางก็เอ่ยเพราะไม่อยากฝืนทนอีกแล้ว“ท่านอิ่มแล้วกลับตำหนักก่อนก็ได้ ข้ายังไม่อิ่ม เกรงใจไท่จื่อ”บอกแล้วก็รีบตักน้ำแกงตรงหน้ามาซด แสดงท่าทางให้รู้ว่าตนนั้นยังเอร็ดอร่อยกับการกินยิ่งนัก“ข้าจะพักที่ตำหนักเจ้า”“พรวด...”เกาถิงรีบเข้ามาเช็ดปากให้นายตนที่เลอะน้ำแกง เพราะคำพูดของไท่จื่อท
ร่างอรชรเดินเข้ามายังส่วนอาบน้ำแล้วก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อเห็นแผ่นหลังเปลือยอยู่ในน้ำ ใจกระตุกสั่นไหวจึงหันไปทางอื่น ทั้งยังลังเลไม่กล้าขยับเท้าต่อ“ซีซี”เสียงเข้มแม้จะทุ้มนุ่มหากก็ทำเอาคนได้ยินหน้าเจื่อน ไม่รู้จะทำอย่างไรแต่สุดท้ายก็ยอมเดินไปใกล้“ไท่จื่อให้หวังหย่งจางหย่งมาปรนนิบัติไม่ดีกว่าหรือเพคะ”ซีซวนถามเสียงเบาทั้งที่เข้ามาแล้ว เมื่อขึ้นมาอยู่บนสวรรค์ ไท่จื่อก็บอกว่านางต้องปรนนิบัติทั้งเวลาอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้า แน่นอนว่านางลำบากใจด้วยความขัดเขินแม้จะแนบชิดร่างกายกันมาหลายครั้งหลายครา“ไม่ปรนนิบัติก็ได้”พร้อมกับพูดร่างสูงใหญ่ก็ลุกขึ้นทำเอาผู้ที่ยืนชิดริมสระสะดุ้ง ทว่ายังไม่ทันถอยก็ถูกฉุดให้หล่นเข้าไปอยู่อ้อมอกแกร่งด้วยมัดกล้ามกำยำน่าอิงแอบ“อุ๊ย ไท่จื่อ”“มาอาบด้วยกันดีกว่า”ไม่เพียงพูดมือหนายังเคลื่อนไหวทั่วตัวต้องการถอดชุดของนางไปด้วย“เอ่อ อาถิงรออยู่ข้างนอกเพคะ นางคงได้ยินเสียงเป็นแน่”ซีซวนอุบอิบบอกพลางส่ายหน้า รู้ว่าอาบด้วยกันของไท่จื่อมีความหมายมากกว่านั้นนางขอกับบิดาให้เกาถิงมาอยู่ด้วยตั้งแต่วันที่พบท่านหลังพิธีอภิเษก ซึ่งบิดาก็ไม่ได้ขัดแต่อย่างใด เพราะเกาถิงเองก็คง
เรือนร่างไร้อาภรณ์สองร่างกอดก่ายแนบชิด ก่อนจิ่นลี่จะยกร่างเล็กกว่าขึ้นมานั่งคร่อมตักตน ซีซวนดูลำบากใจหากเขาก็กอดเอวบางแล้วลูบไล้ฝ่ามือตนบนผิวนุ่มของร่างสาวจนไม่หลงเหลือสัดส่วนใดที่ไม่ได้แตะต้อง อกอวบสวยยิ่งเคล้นคลึงก็ยิ่งชวนให้อยากลงน้ำหนักมือมากขึ้น ทั้งยังน่าซุกซบกว่าอกหนาของเขาเสียอีก จิ่นลี่มั่นใจว่าตนสามารถนอนซุกอกอวบได้ทั้งคืนไม่เพียงแค่คิดเขาก้มลงดูดดื่มยอดทรวงสีหวานให้เต็มที่เท่าที่ต้องการ ใบหน้าคมคายฝังปรนเปรอสองปทุมกลมกลึงเนิ่นนาน หากมือก็ไม่ลืมปลุกปั่นกายสาวสุดบอบบาง ดอกไม้แสนพิสุทธิ์พร้อมพรักเพื่อเขาแล้ว หากจิ่นลี่ยังใจเย็นไม่รีบหักหาญ ซีซวนต้องการมากเท่าไรนางจะยิ่งรู้สึกดีเมื่อเป็นของกันและกันซีซวนรู้สึกเหมือนตนหอบจนเหนื่อยอ่อน มือเกาะบ่าหนาราวหาที่ยึดด้วยไม่กล้านั่งลงเต็มสะโพก แต่ก็ฝืนเกร็งไม่ได้นานเพราะร่างกายปวกเปียกไร้กระดูกจากการรุมเร้าฉกาจฉกรรจ์“ไท่จื่อ ได้โปรด”นางเอ่ยขึ้นโดยไม่รู้ตัวว่าร้องขอสิ่งใด รู้เพียงร่างกายตนต้องการบางอย่างและแล้วจิ่นลี่ก็พาร่างงามลงไปนอนระทดระทวยใต้ร่างตน มอบจูบอันร้อนแรงครู่หนึ่งพร้อมกับค่อยๆ หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว แม้อีกฝ่ายจะเริ่มดิ้
“เจ้าทำเช่นนี้ข้าชักกลัวแล้วว่าเจ้าอยากกลับสวรรค์กับข้าหรือไม่ กลัวเจ้าจะอยากกลับเผ่าปีศาจมากกว่า”“ข้ากลัวว่าจะไม่ได้กอดท่านพ่ออีกแล้ว”เมื่อชายาตนทำเสียงงอแงนิดๆ ผู้เป็นไท่จื่อก็ใจอ่อน“เอาเถิด ข้าจะพาเจ้าไปเผ่าปีศาจในทุกครั้งที่เจ้าต้องการ อย่างน้อยก็...”เขาหยุดไปชั่วอึดใจก่อนจะบอกต่อ“เอาดอกไป่เหอไปให้เจ้าในทุกปี”หัวใจของซีซวนกระตุกวูบหนึ่งกับคำพูดนี้ ราวตอบรับความรู้สึกที่ไท่จื่อมีต่อซีหรู“ข้ายังอยากทำเหมือนเดิม ร่างของเจ้าอยู่ที่นั่น แม้แต่งกับเจ้าที่เป็นเซียนแล้ว ข้าก็ไม่อาจลืมเจ้าที่เป็นปีศาจครึ่งมนุษย์ได้”ซีซวนไม่ได้ขุ่นเคืองใจ นางรู้สึกดีใจด้วยซ้ำที่ไท่จื่อยังผูกพันกับตนในชาติก่อนอยู่ และยิ้มกว้างให้กับสวามีของตนด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความสุข“ข้าขอถามเจ้าปีศาจเรื่องนึงได้หรือไม่”ไท่จื่อมีโอกาสเอ่ยถึงสิ่งที่ตนสงสัย“ท่านรู้ว่าซีหรูมาเกิดใหม่ยังเผ่าบุปผา แล้วเหตุใดจึงไม่เคยบอกข้า”“ในตอนแรกข้าเพียงหวังจึงให้จางฉวนนำแหวนมาที่นี่ ไม่ได้มั่นใจแต่อย่างใด และเมื่อได้รู้ว่าในแหวนมังกรมีดวงจิตวิญญาณอยู่ อดีตเทพธิดาสามารถสร้างชีวิตใหม่ให้ซีหรูได้ ข้าก็ดีใจนัก ไม่ได้คิดว่านางจะเหม
หลังไท่จื่อเอ่ยปากขอซีซวนแต่งงานแล้วแจ้งความนี้กับอดีตเทพธิดาบุปผาเพียงวันเดียว ขบวนสู่ขอจากสวรรค์กับของกำนัลก็มาถึงยังเผ่าบุปผา“ข้าให้หวังหย่งกับจางหย่งจัดเตรียมทุกอย่างไว้พร้อมสรรพแล้ว รอเพียงซีซวนตอบรับ”ไท่จื่อเอ่ยเมื่อหลิงเซียวมองของกำนัลมากมายที่นำเข้ามาในตำหนักด้วยความประหลาดใจ“ส่วนฤกษ์ยามนั้น พระมารดารอคำตอบจากเทพชะตา และพระบิดากับพระมารดายินดีให้จัดงานที่เผ่าบุปผา ทั้งสองพระองค์จะมารับชายาข้ากลับสวรรค์พร้อมกับข้า”จิ่นลี่ไม่ได้กลับสวรรค์ก็จริง ทว่าส่งสารขอราชโองการกับบิดาตนนับแต่บอกกับอดีตเทพธิดาไปว่าจะทำให้ถูกต้องทุกประการ บิดากับมารดาตนยินดีรับซีซวนเป็นสะใภ้สวรรค์โดยไม่ติดใจในข้อใด ด้วยสถานะของนางเป็นธิดาของอดีตเทพธิดาเซียนขั้นสูงสุดในเผ่าบุปผาซีซวนจะได้รับตำแหน่งพระชายาเอกไม่ต่างจากซีหรู“องค์จักรพรรดิกับฮองเฮาเมตตาซีซวนยิ่งนัก”หลิงเซียวทำได้เพียงตอบรับ รู้สึกใจหายไม่น้อยเมื่อบุตรสาวกำลังจะห่างไปจากอกตน นางไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อน“ซีซวนไม่เคยต้องอยู่ห่างจากข้า ได้แต่หวังว่าเมื่อไปอยู่สวรรค์ชั้นฟ้าไท่จื่อจะเอ็นดูนาง”“ท่านก็ทราบดีว่าข้ารักซีซีมากเพียงใด นางคือชายาเพ
“เจ้าพร้อมปลอบข้าแล้วใช่หรือไม่”ไม่เพียงถามร่างกายเต็มไปด้วยมัดกล้ามยังบดเบียดให้รับรู้ได้ถึงความกร้าวร้อนที่น่าเกรงกราม ซีซวนหลบสายตาคม หน้าท้องร้อนวูบทว่าจิตใจกลับเฝ้ารอให้ไท่จื่อแตะต้อง คาดหวังพร้อมกับหัวใจที่เต้นแรงกระทบหน้าอกข้างซ้าย“ร่างกายที่ยังไม่หายดีของเจ้าอาจยังรับไม่ไหว ข้าจะเบามืออย่างที่สุด”ในชั่วอึดใจร่างของทั้งสองก็เปลือยเปล่าด้วยฝีมือจิ่นลี่ ร่างอรชรสั่นเบาๆ อยู่ตลอดเวลาทำให้เขาอยากปลอบ แม้ซีซวนจะจำเมื่อครั้งเป็นซีหรูได้แล้วแต่ความจริงข้อหนึ่งก็คือนางยังผุดผ่องด้วยวัยแรกแย้ม อย่างไรก็ไม่อาจรับเขาได้โดยง่าย ทั้งหัวใจที่บาดเจ็บหนักยังไม่แข็งแรงดีทำให้จิ่นลี่เลือกไม่เอาแต่ใจหลังจูบอย่างดูดดื่มแล้วร่างสูงใหญ่ก็เคลื่อนลงพร้อมนาบปากตนฝากรอยร้อนรุ่มผ่านลำคอ กลางอกอวบ ระเรื่อยลงมายังหน้าท้องแบนราบจูบเม้มผิวอ่อนบางทุกจุดที่ผ่านซีซวนขยับกายอย่างไม่เป็นสุข ทรวงอกสะท้อนสูงตามลมหายใจที่รุนแรงด้วยอารมณ์หวาม ไฟปรารถนาลุกพรึ่บในร่างจากที่ค่อยๆ ถูกจุดให้ระอุก่อนหน้านี้ ยิ่งมือหนาลูบไล้ต้นขากับสะโพกซีซวนก็ยิ่งร้อนรน ทั้งลมหายใจร้อนกับปากอุ่นจัดยังเลื่อนต่ำลงอีก บดจูบแผดเผาร่างสาวด
“เจ้าทิ้งข้าไปนานนัก แต่ไม่ว่านานแค่ไหนข้าก็ไม่เคยลืมเจ้าไปจากใจ”ซีซวนร้องไห้หนักขึ้นจนตัวสั่นเทา นางเองไม่ได้รับรู้สิ่งใด มีความสุขกับชีวิตใหม่ของตน ทว่าผู้ที่อยู่กับการจากลาอันแสนเศร้านั้นต้องจมอยู่กับความทุกข์ทนนานนัก รู้ซึ้งถึงหัวอกไท่จื่อที่พยายามไขว่คว้าพระชายาที่สูญเสียไปกลับคืนมา หากเป็นนางเอง แม้มีเวลาอยู่ด้วยกันเพิ่มอีกเพียงวันเดียวนางก็จะทำทุกอย่างให้กลับไปอยู่เคียงข้างไท่จื่อเช่นเดิม ในเมื่อซีหรูจากมาโดยไร้คำร่ำลาจิ่นลี่จับมือบางสองข้างที่ประคองแก้มตนไปจูบด้วยความดีใจและแสนคิดถึง ก่อนจะเคลื่อนใบหน้าประชิด แตะปากได้รูปประทับจูบซับน้ำตาบนแก้มนวลให้ซีซวนหลับตาลงให้สัมผัสอ่อนโยนและอบอุ่นจากริมฝีปากไท่จื่อปลอบประโลม ก่อนจะรู้สึกได้ถึงแรงแนบชิดเหนือกลีบปากตน นางจึงขยับตอบรับจุมพิตด้วยความเต็มใจเมื่อหัวใจสองดวงที่ต่างผูกพันรักใคร่กลับมาใกล้ชิดความโหยหาจึงก่อเกิด จูบผะผ่าวแผ่วเบาจึงค่อยเพิ่มความดูดดื่มขึ้น ปลายลิ้นอุ่นรุกไล่ซีซวนก็ยินดีเปิดรับเกี่ยวกระหวัดลิ้นตนกับอีกฝ่ายตามสัญชาตญาณและความรู้สึกส่วนลึกในหัวใจ ใจดวงน้อยเต้นเร่า เนื้อตัวร้อนวูบวาบทว่าใจกลับต้องการแนบกายบดเบียด
“ไม่ลำบากเลย ข้ายินดีดูแลเจ้า”จิ่นลี่บอกพร้อมยิ้มบางเป็นอีกครั้งที่ใจดวงน้อยของซีซวนกระตุก ไม่กี่วันมานี้ที่ปัดถ้วยยาทิ้งนั้นนางไม่ได้รู้สึกอะไร ทว่าเมื่อไท่จื่อบอกว่าเป็นผู้ต้มด้วยตัวเองนางก็ลำบากใจที่จะปัดทิ้ง ไม่ได้สงสารแต่กังวลว่าจะกลายเป็นเผ่าบุปผาทำให้ไท่จื่อสวรรค์ต้องลำบาก“เกรงใจไท่จื่อ ครั้งนี้ข้าจะดื่มยาท่าน แต่อย่าได้ทำเช่นนี้อีกเลย”ซีซวนบอกแล้วรับไปดื่มอย่างไม่เกี่ยงงอนอีก“ข้าบอกแล้วว่ายินดี...”“ขอไท่จื่อเมตตา...”ร่างอรชรทรุดลงคุกเข่าในทันใด ทำเอาจิ่นลี่นิ่งไปชั่วอึดใจ ภาพซีหรูคุกเข่าแวบเข้ามาในหัว เขารีบรั้งนางขึ้นแต่ซีซวนส่ายหน้าไปมาไม่ยอมลุก“ได้โปรดปล่อยข้ากับท่านแม่ และเผ่าบุปผาไปเถิด”“ลุกขึ้นเถิด”อีกฝ่ายก้มหน้าไม่ยอมขยับเช่นที่เขาต้องการ หลังจากยืนคิดครู่หนึ่งจิ่นลี่ก็คุกเข่าลงตรงหน้าซีซวนเช่นกัน ใบหน้างดงามเงยขึ้นมามองเข้าด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความตกใจ“ไท่จื่อ”จิ่นลี่มองสบตากับซีซวนนิ่ง ดวงตาคู่งามสดใสดูสั่นไหว สีหน้าแสดงถึงความไม่มั่นใจและงุนงง“ผู้ที่ควรคุกเข่าควรเป็นข้า ข้าเสียใจกับเรื่องในวันนั้นนัก เพราะข้าเอาแต่ใจทำให้เจ้าต้องทำเช่นนั้น ทุกอย่างล้วนเ
หวังหย่งกับจางหย่งหอบฎีกาเดินทางไปกลับสวรรค์กับเผ่าบุปผาบ่อยครั้งในช่วงหลายวันที่ไท่จื่ออยู่ที่นี่ ทั้งยังไปจัดการราชกิจกับไท่จื่อในบางวันเวลานี้กระท่อมเชิงเขาในสวนดอกไม้เป็นที่พำนักไท่จื่อ ด้วยอาการซีซวนยังไม่ดีจิ่นลี่จึงยังไม่กลับสวรรค์ แม้จะไม่ได้พบหน้าอีกฝ่ายหากเขาก็ถามไถ่อาการกับอดีตเทพธิดาในทุกวันเช้าเย็น แต่อยู่ใกล้เพียงแค่นี้ทว่าไม่อาจพบได้ทำให้จิ่นลี่ยิ่งคิดถึง สุดท้ายเขาก็อดใจไม่อยู่ ขอให้เห็นว่านางดีขึ้นแม้ในยามหลับก็ยังดีร่างสูงใหญ่ปรากฏกายขึ้นในห้องของซีซวนกลางดึก ยืนมองใบหน้างดงามในยามหลับหากก็พอมีสีสันขึ้นมากว่าก่อนหน้านี้ มุมปากได้รูปขยับยิ้มเล็กน้อย อยากยื่นมือไปแตะแก้มนุ่มแต่พยายามยับยั้งใจตนเองเอาไว้ขณะนั้นซีซวนก็ขยับพลิกตัวเอียงไปทางฝั่งซ้ายแล้วนางก็สะดุ้งมือกุมอกตนเอง ทั้งยังไอออกมาเบาๆ ทำให้เขาอดกังวลไม่ได้“แค่กๆ”คิ้วเรียวขมวดก่อนจะค่อยๆ ลืมตาขึ้น ภายในห้องค่อนข้างมืด ซีซวนพยายามลุกจากเตียงช้าๆ จับทิศทางค่อยๆ เดินไปยังโต๊ะวางกาน้ำชาเพื่อรินชา แม้มีเสี่ยวชิงนอนอยู่ที่เตียงเล็กมุมหนึ่งในห้องนางด้วย แต่ซีซวนไม่อยากเรียกรบกวนอีกฝ่ายจึงพยายามด้วยตัวเองจิ่นลี่ใ
“เจ้าต้องอยู่กับข้าตลอดไปซีซี”หลิงเซียวที่นั่งอยู่บนเตียงข้างบุตรสาวลูบหน้าผากเล็กอย่างปวดใจ ไม่คิดว่าซีซวนจะเลือกวิธีนี้ ไม่ใช่เพียงแค่ปลิดชีพตัวเอง ยังฆ่าคนอีกสองคนให้ตายตามไปด้วย นางเหลือบมองไท่จื่อที่จับมือบุตรสาวตนไม่ปล่อยแล้วก็ถอนหายใจอย่างลำบากใจ หากก็คิดว่าตนควรพูดในสิ่งที่จำเป็นที่สุด ไม่เช่นนั้นไม่มีทางที่เรื่องนี้จะจบลงด้วยดี“ไท่จื่อ ข้าอยากพูดบางอย่างกับท่าน”จิ่นลี่เหลือบขึ้นมองผู้ที่นั่งอยู่อีกฝั่งหนึ่งของร่างซีซวน“ข้าไม่ได้คิดขวางท่านเลย หากท่านรักผูกพันกับซีซวนด้วยใจจริง”“ข้า...”“ท่านเอ่ยได้เต็มคำจริงหรือ”หลิงเซียวถามขึ้นมาก่อนที่ไท่จื่อจะตอบจบเสียอีก“ท่านรักพระชายาท่านแน่นอน แต่ท่านเพิ่งพบเจอซีซวน นางมีชีวิตของนางในพันแปดร้อยปีที่ผ่านมา นางลืมเลือนความเป็นซีหรูพระชายาของท่านไปแล้ว และท่านก็ไม่เคยรู้จักกับนางที่เป็นซีซวนมาก่อน”ไท่จื่อยังมีสีหน้าไม่เห็นด้วยนัก หากหลิงเซียวก็ยังเอ่ยต่อถึงสิ่งที่อยากขอ“ข้าอยากให้ซีซวนมีความสุข ข้าขอร้องท่าน หากต้องการให้ซีซวนไปอยู่บนสวรรค์กับท่าน ขอให้นางไปอย่างเต็มใจได้หรือไม่”จิ่นลี่นิ่งคิดครู่หนึ่ง มองใบหน้าซีดเผือดไร้สีเลือ