'เพราะข้าคือเฟิงซูเหยา ผู้ที่สวรรค์ส่งกลับมาลงทัณฑ์คนโฉดชั่วพวกนั้น'
"คุณหนูต้องระวังตัวนะเจ้าคะ วันนี้ฮูหยินรองกับคุณหนูเจินเม่ยเสียหน้ามาก ข้ากลัวว่าพวกนางจะต้องกลับมาเอาคืนคุณหนูไม่ช้าก็เร็วเจ้าค่ะ"
อาถังหวั่นใจเหลือเกิน วันนี้คุณหนูนางอาจจะรับมือได้ แต่วันหน้าใครจะไปรู้ว่าคนบอบบางเช่นคุณหนูสามจะรับมือสองแม่ลูกนั้นได้อีกหรือเปล่า
"ต่อให้มีสองแม่ลูกนั้นมาเป็นสิบร่าง ข้าก็จะเอาคืนอย่างสาสม"
ประโยคนี้ของซูเหยาทำเอาอาถังขนลุกราวอยู่ในฤดูเหมันต์ที่หนาวเหน็บ
สาวรับใช้คนสนิทข้างกายมิชวนคุยต่อเพราะเห็นเฟิงซูเหยากำลังตั้งใจทานของว่างตรงหน้าอย่างสำราญใจ
วันนี้ท้องฟ้าปลอดโปร่ง สายลมเย็น ๆ พัดโชยมาพร้อมกลิ่นมวลดอกไม้นานาชนิดที่อยู่ใน 'สวนสำราญใจ' สวนที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจของคนในจวนฟ่าง
เฟิงซูเหยายืนเหม่อมองไปด้านหน้าอย่างใจเหม่อลอย คิดทบทวนถึงเรื่องราวที่ผ่านมาสองวันนี้ที่เกิดขึ้นกับตน
ด้วยความอยากรู้ว่าการกลับมาเกิดใหม่ในร่างนี้มาเพียงแค่ดวงวิญญาณหรือความสามารถที่มีชาติก่อนก็ติดตัวมาด้วย จึงได้ลองโคจรลมปราณดู ทว่าทุกครั้งที่นางลองขับลมปราณเพื่อเรียกใช้กำลังภายในอุปสรรคใหญ่หลวงที่คอยขัดขวางนางคือหัวใจดวงนี้มักจะเจ็บปวดจนแทบจะขาดใจ
"ไม่ใช่โรคของนางผู้นี้แน่"
เสียงพึมพำกับตนเองดังขึ้น
แม้ไม่เคยเป็นโรคหัวใจอ่อนแอมาก่อน แต่นางมั่นใจว่าอาการเจ็บแปลบที่หน้าอกมิใช่อาการโรคร้ายกำเริบ หากแต่เป็นความเจ็บปวดที่นางเป็นคนฝังมีดเล่มนั้นลงลึกสุดขั้วหัวใจในชาติที่แล้ว
"คุณหนูคิดอันใดอยู่เจ้าคะ"
อาถังวางข้าวของกระจุกกระจิกที่ต้องนำมาที่นี่ทุกครั้งยามคุณหนูนางมาพักผ่อน
"นั่นอะไร"
เฟิงซูเหยามองข้าวของที่อาถังเพิ่งนำมาโดยไม่ใส่ใจจะตอบคำถามสาวใช้
"ถุงเครื่องหอมไงเจ้าคะ"
เฟิงซูเหยารู้ว่านั่นคือถุงเครื่องหอม แต่นางแค่ไม่เข้าใจเหตุใดสาวรับใช้นางนี้ถึงได้เอามาวางไว้ที่นี่ หรือว่าอาถังจะเอามาปักเพื่อฆ่าเวลาตอนที่รอนางชื่นชมดอกไม้
"คุณหนูต้องเร่งมือแล้วนะเจ้าคะอีกไม่กี่วันจะถึงวันคล้ายวันพระราชสมภพองค์ชายสามแล้ว"
"องค์ชายสาม?"
"คุณหนูมิต้องเขินอายเจ้าค่ะ อาถังอยู่ข้างคุณหนูและสนับสนุนคุณหนูเรื่ององค์ชายสาม"
ในสายตาของอาถัง หากฟ่างเซียนเซียนกับองค์ชายอี้เฟยได้ครองคู่กันจริงถือว่าสวรรค์เมตตา ชีวิตที่เคยถูกรังแกจากสองแม่ลูกนั้นจะได้มีคนคอยปกป้องสักที
'เหตุใดอาถังถึงได้พูดเหมือนว่าแม่นางฟ่างผู้นี้มีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดากับองค์ชายสามกัน'
"เจ้าหมายถึงองค์ชายสามถังอี้เฟยที่ถูกเนรเทศออกจากวังหลวงตั้งแต่ลืมตาเกิด"
ใบหน้าหวานของสาวรับใช้เอียงอย่างใคร่สงสัยเล็กน้อย เหตุใดสายตาของคุณหนูยามพูดถึงชายที่แอบมีใจจึงดูว่างเปล่าเช่นนั้น ไม่เห็นเหมือนทุกครั้งที่เอ่ยชื่อชายในดวงใจออกมาพวงแก้มจะเปลี่ยนสีทันที
"มิใช่ว่าคุณหนูลืมองค์ชายสามแล้วนะเจ้าคะ" อาถังถามตามเนื้อผ้าที่เฟิงซูเหยาแสดงออก
สตรีที่ถูกถามจู่ ๆ ก็เกิดเห็นความทรงจำบางอย่างของฟ่างเซียนเซียนผุดขึ้นมา
'ข้าจะปักถุงเครื่องหอมนี้เป็นเครื่องบรรณาการวันพระราชสมภพองค์ชายอี้เฟย'
"ถุงเครื่องหอมนี้คือของขวัญวันสำคัญนั้นขององค์ชายอี้เฟย"
เฟิงซูเหยาขยับปากพูดตามสิ่งที่นางเห็นในความทรงจำเมื่อครู่
"คุณหนูมิได้ลืมองค์ชายสามจริง ๆ ด้วย"
อาถังดีใจที่อย่างน้อยคุณหนูก็ไม่ลืมความรักของนาง แม้จะเป็นความรู้สึกรักข้างเดียวก็ตาม
"เช่นนั้นก็ดี เจ้าเร่งเย็บปักที่เหลือให้เสร็จ อีกสามวันเราจะเดินทางไปพบท่านพ่อที่ค่ายทหาร"
เฟิงซูเหยาแย้มยิ้มอย่างอารมณ์ดี
นับว่าสวรรค์เมตตานางเสียจริงที่ให้มาเกิดใหม่ในร่างสตรีนางนี้ อย่างน้อยการแก้แค้นของนางก็ทำได้ง่ายขึ้น
"เดี๋ยวสิเจ้าคะคุณหนู ของสิ่งนี้คุณหนูต้องทำเองนะเจ้าคะ"
เฟิงซูเหยามิได้สนใจเสียงรั้งของสาวใช้ นางเร่งเดินกลับมาที่ห้องนอนเพื่อนั่งสมาธิฝึกเดินลมปราณต่อไป
รถลากคันหนึ่งบุกป่าฝ่าเขาเพื่อจะไปยังค่ายทหารทางตอนใต้ของเมืองหลวง การเดินทางช่างแสนรำเค็ญเพราะถนนหนทางทั้งขรุขระและยาวไกล สตรีสองนางที่นั่งอยู่ในรถม้าเริ่มปวดเมื่อยไปตามร่างกาย ใจอยากให้รถม้าหยุดแล้วพักยืดเส้นยืดสายสักหน่อยแต่กลัวจะยิ่งเดินทางช้าลง
เฟิงซูเหยาหวนนึกถึงเรื่องราวในอดีต เมื่อก่อนจะไปไหนมาไหนคนที่นั่งในรถม้าคือบุรุษรูปงามผู้หนึ่ง ส่วนด้านนอกจะมีนางคอยควบม้ารักษาความปลอดภัยอยู่เคียงข้าง ไม่ว่าจะเดินทางไปทิศใดย่อมขาดนางร่วมเดินทางไม่ได้สักครา
'ข้าอุ่นใจทุกครั้งที่มีเจ้าร่วมเดินทาง เหยาเหยา'
คำพูดหวานหูในตอนนั้นกลายเป็นเหมือนยาพิษในเวลานี้
อึก!
"โรคหัวใจคุณหนูกำเริบอีกแล้วหรือเจ้าคะ!"
อาถังที่นั่งอยู่ข้างกายเห็นคุณหนูนางนิ่วหน้าเจ็บปวดพร้อมยกมือกุมหน้าอกจึงรู้สึกตกใจกลัวขึ้นมา
หากเป็นเช่นนั้นจริง กลางป่าเขาเช่นนี้นางจะไปหาหมอจากที่ไหนมารักษา แถมการเดินทางมาครั้งนี้นางไม่ได้ส่งข่าวแจ้งทางแม่ทัพใหญ่ฟ่างเสียด้วย
"เปล่า ข้าไม่ได้เป็นอะไร สงสัยจะเดินทางนานเลยเหนื่อย"
"งั้นเราให้องครักษ์หยุดรถม้าก่อนดีไหมเจ้าคะ"
"ไม่ต้อง ข้ายังไหว เร่งเดินทางเถอะเดี๋ยวมืดค่ำเสียก่อน"
อาถังมองนายสาวอย่างเป็นห่วง แต่พอเห็นว่าสีหน้าดีขึ้นจากเมื่อครู่ขึ้นมาจึงหายใจทั่วท้อง สองมือคอยพัดวีสลับนวดแขนขาให้เฟิงซูเหยาอย่างไม่คิดเหน็ดเหนื่อย
"หยุด!!"
เสียงคนคุมรถลากดังขึ้น แรงโคลงเคลงหยุดนิ่งลงในเวลาต่อมา
"ด้านนอกเกิดอะไรขึ้น หยุดรถม้าทำไม"
อาถังตะโกนถามพร้อมรู้สึกประหม่าเล็กน้อย
"ข้างหน้ามีซากต้นไม้ใหญ่ขวางทางขอรับ"
องครักษ์นายหนึ่งเอ่ยขึ้น
อาถังแง้มหน้าต่างออกไปดูจึงเห็นตามที่รายงานมา
"เดี๋ยวให้องครักษ์ด้านนอกจัดการต้นไม้แห้งพวกนั้นสักประเดี๋ยวนะเจ้าคะ"อาถังหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับเหงื่อให้คุณหนูของนางเบา ๆ"ซากต้นไม้?"เฟิงซูเหยารู้สึกสังหรณ์ใจบางอย่างวันนี้นางเดินทางออกจากจวนฟ่างซึ่งเป็นที่รู้กันทั้งจวน ทว่าสองแม่ลูกศัตรูคู่กัดของนางกลับไม่ห้ามปรามหรือโผล่หน้ามาให้เห็นสักนิด แบบนี้ยิ่งทำให้เฟิงซูเหยาตะขิดตะขวงใจว่าสองแม่ลูกนั้นต้องวางแผนอะไรอยู่เป็นแน่ หากนางคิดมากไป ขอให้ต้นไม้ที่ขวางทางนี้เกิดจากภัยจากธรรมชาติ แต่ถ้านางเดาถูก...ไม่! ต้องไม่มีอะไรเกิดขึ้นในเวลาเช่นนี้"พวกเจ้าเป็นใคร อ๊าก!!""คุณหนูหนีเร็ว โจร.. โจรภูเขา! เฮือก!"เสียงองครักษ์สองคนด้านนอกดังขึ้น ทำคนที่อยู่ด้านในตกใจตาม อาถังรีบเข้าไปกอดขวางเฟิงซูเหยาเอาไว้อย่างเป็นห่วง"ทำไมถึงมีโจรภูเขาได้ล่ะ" เสียงอาถังสั่นเครือเสียงสู้กันด้านนอกเงียบลงแล้ว ทว่าเฟิงซูเหยารับรู้ได้ว่ายังมีผู้รอดชีวิตอยู่หลายคนและคงเป็นคนของนางที่ตายหมด"ไม่ใช่โจรภูเขาหรอก นี่ไม่ใช่วิถีของพวกนั้น""เหตุใดคุณหนูดูมั่นใจเช่นนั้นเจ้าคะ"จะไม่ให้เฟิงซูเหยามั่นใจได้เช่นไรในเมื่อตั้งแต่จำความได้ ชีวิตของนางก็เกลือกกลั้วอยู่กับกอง
"พวกเจ้าไม่ต้องตาม"หัวหน้าโจรสั่ง และนั่นทำให้คนที่เหลืออีกสองคนรู้สึกไม่ค่อยพอใจ พวกเขาเองก็อยากเห็นเงินที่ว่านั้นกับตาเช่นกัน"พวกข้าไปด้วย"หนึ่งในสองคนที่เหลือเอ่ยขึ้น"ข้าจะไปดูเองกับตาเผื่อมีกับดัก"สิ้นเสียงหัวหน้าโจรลูกน้องที่เหลือก็ได้แต่เก็บความไม่พอใจไว้เงียบ ๆ แล้วรอดูสถานการณ์ต่อส่วนเฟิงซูเหยาได้แต่แอบยิ้มสะใจที่โจรพวกนี้กำลังเดิมตามหมากที่นางวางไว้"นำไป!""คุณหนูระวังนะเจ้าคะ"อาถังมองแผ่นหลังบางด้วยใจกังวล นางชะเง้อคอมองจนสุดสายตาพร้อมกับโจรอีกสองคนที่ยืนไม่เป็นสุขอยู่ใกล้ ๆผ่านมาไม่กี่อึดใจเสียงดัง สวบ! เหมือนมีคนย่ำหยียบใบไม้แห้งก็ดังขึ้น"หนี! หัวหน้าพวกเจ้าเอาเงินหนีไปทางนู้นแล้ว"เฟิงซูเหยาวิ่งหน้าตื่นมาบอกพวกโจรที่เหลือ ความโลภขึ้นหน้า โจรสองคนได้ฟังเช่นนั้นจึงเร่งมาดูที่ท้ายรถม้า เห็นร่องรอยฝีเท้าคนเหยียบกิ่งไม้หักวิ่งไปอีกทางตามคำบอกเล่ายิ่งรู้สึกกระวนกระวายและโมโหยิ่งนักที่ถูกหักหลัง"ตามไป! มันกล้าหักหลังพวกเรา"เสียงวิ่งบุกป่าของโจรสองคนเรียกเสียงหัวเราะอย่างสะใจของเฟิงซูเหยาได้เป็นอย่างดี"คุณหนูไม่บาดเจ็บตรงไหนนะเจ้าคะ"อาถังเหงื่อตกเอาแต่ห่วงนายหญิง หา
"กำลังนินทาอะไรหม่อมฉันหรือเปล่าเพคะ"เฟิงซูเหยาเดินเข้ามาร่วมงานเฉลิมฉลองด้วยชุดสีแดงโดดเด่นหากแต่แต่งแบบทะมัดทะแมงเล็กน้อยเพื่อให้เคลื่อนไหวสะดวก ด้านหลังมีอาถังเดินตามมาติด ๆ"นั่นองค์ชายไป๋เจิ้นหยาง" เสวียนสวี่แนะนำบุคคลแปลกหน้าให้กับบุตรสาวทว่ากับเฟิงซูเหยาแล้วนางรู้จักคนผู้นี้ระดับหนึ่งเพราะเคยเป็นสายลับคอยสืบเรื่องส่วนตัวให้กับบุรุษผู้นั้น"องค์ชายไป๋"เฟิงซูเหยาย่อตัวเล็กน้อยเคารพองค์ชายจากแคว้นอื่นด้วยกริยาท่าทางเรียบร้อย เรียกรอยยิ้มให้ผุดขึ้นจากใบหน้าของบุรุษเจ้าสำราญตรงหน้าได้เป็นอย่างดี"องค์ชายสามยังไม่เสด็จหรือเจ้าคะ"ซูเหยาหันไปถามเสวียนสวี่หลังจากนั่งเรียบร้อยแล้วทว่าไม่เห็นเจ้าของงานเลี้ยงฉลองนี้จึงถามขึ้น"ศิษย์น้องเฟยคงกำลังมา"ไป๋เจิ้นหยางตอบคำถามนั้นแทนเพราะเขารู้ดีว่าอีกคนเหตุใดถึงมาช้า เฟิงซูเหยาจึงค้อมศีรษะให้เล็กน้อยเป็นการกล่าวขอบคุณสถานที่จัดงานเลี้ยงฉลองวันคล้ายวันประสูตินี้จัดขึ้นที่ค่ายทหารหลวงของ 'ค่ายเหลียนจิ้น' เป็นค่ายทหารขนาดใหญ่รักษาเขตชายแดนเมืองถังเหลียน มีทหารที่พักอยู่ในค่ายแห่งนี้หกร้อยนาย แต่มีทหารในปกครองห้าแสนนายโดยแบ่งเป็นทหารของกองทัพแม
แต่บัดนี้ คนตรงหน้าคือฟ่างเซียนเซียนผู้นั้นแน่นอน เหตุใดสายตานางกลับเปลี่ยนไปราวคนละคน ไร้ความขลาด มีแต่แววตาเรียบนิ่งเหมือนซ่อนบางสิ่งบางอย่างเอาไว้ มองแล้วทำให้เขารู้สึกอยากค้นหาสิ่งที่นางผู้นี้ซ่อนไว้ในนั้นจนมิอาจละสายตาจากนางได้ไป๋เจิ้นหยางสังเกตเห็นสหายเอาแต่มองแม่นางฟ่างนานสองนานเลยส่งเสียงเรียกสติ"มีใครอยากรู้หรือไม่ว่าในกล่องไม้นั้นมีสิ่งใดอยู่"ไป๋เจิ้นหยางหนุ่มเจ้าสำราญช่างยุรีบพูดเรียกพรรคพวกอี้เฟยเพิ่งรู้ตัวว่าจ้องสตรีตรงหน้านานเกินไปจึงเอ่ยถาม"ข้าเปิดได้?""ของสิ่งนี้เป็นของท่านแล้ว เชิญเพคะ"กล่าวจบย่อตัวเล็กน้อยเพื่อลากลับมานั่งที่เดิมอี้เฟยค่อย ๆ เลื่อนกล่องไม้นั้นออกข้า ๆ เพื่อดูว่าปีนี้เป็นถุงหอมลายอันใดอีก ทว่าสิ่งที่เห็นทำให้เขาตกใจระคนแปลกใจเล็กน้อยที่ปีนี้ของขวัญเขาแปลกเกินคาดเดากว่าทุกปีมาก"จดหมายสารภาพความในใจหรือไร เหตุใดศิษย์น้องข้าถึงได้ดูตะลึงขนาดนั้น"สิ่งที่เจิ้นหยางเย้าแหย่สหายสนิทเรียกความฮือฮาของคนในงานเป็นอย่างมาก รวมถึงแม่ทัพใหญ่ฟ่างที่มองหน้าบุตรสาวคล้ายไม่เชื่อว่านางจะทำเช่นนั้นจริง"เจ้าก็พูดเรื่อยเปื่อย จี้หยกนี้สวยงามยิ่งนัก"สิ่งที่อี้เฟย
"เดี๋ยวข้านำทางเอง"ไป๋เจิ้นหยางด่าทอทางสายตาแก่สหายสนิท หากอี้เฟยอ่านสายตานี้ออกคงพบคำว่า 'ฝากไว้ก่อน' เป็นแน่"ขอบพระทัยคุณชายไป๋"อี้เฟยปล่อยให้พวกเจิ้นหยางกับสาวใช้เดินห่างออกไปก่อน สายตาคู่คมจึงมองไปยังอีกฝั่ง เห็นกระโจมที่ว่าอยู่ไม่ไกลเขาจึงตัดสินใจเดินทางไปจุดหมายเพื่อถามไถ่สิ่งที่อยากรู้มาตลอดทั้งคืน"คุณหนูสามฟ่าง"ทันทีที่เดินมาถึงกระโจมที่ว่า องค์ชายอี้เฟยจึงทักทายสตรีที่นั่งเพียงลำพังและวุ่นวายอยู่กับมีดและท่อนไม้ตรงหน้า"องค์ชายสาม ท่านมาแล้ว"อี้เฟยแปลกใจเล็กน้อยที่สตรีนางนี้ทักตนเหมือนกำลังรอเขาอยู่ หรือว่าสุราที่สาวใช้ผู้นั้นไปนำมาให้จะเป็นของเขากัน"ฝีมือเจ้า?"มือหยาบกร้านหยิบหุ่นไม้สลักคล้ายตัวบุรุษขึ้นมาเชยชม"หม่อมฉันฝีมือยังไม่เอาไหน ทำไว้แก้เหงาเวลาใช้ความคิดเพคะ""งานปรานีตมาก ข้าเป็นชายชาตรียังทำเรียบร้อยไม่ได้ครึ่งของเจ้า""เหมือนหม่อมฉันกำลังถูกจับผิดเลยนะเพคะ""เหตุใดข้าต้องจับผิดเจ้า"นั่นสิ นางผู้นี้มีอะไรซ่อนอยู่ถึงได้กล่าวเหมือนกลัวว่าเขาจะจับพิรุธนาง"พระองค์ช่างไม่มีอารมณ์ขันดั่งเช่นเขาลือกันเลยนะเพคะ"เฟิงซูเหยาวางมีดที่กำลังแกะสลักไม้ลง หันไปรินน้ำช
"ตั้งแต่พระองค์ถูกขับออกจากวัง นอกจากองค์ฮ่องเต้ไม่เหลียวแล พี่น้องร่วมสายเลือดยังเมินเฉย แต่กลับถูกปองร้ายครั้งแล้วครั้งเล่า คิดว่าจากผู้ใดและเพราะอะไรเพคะ""..." คิ้วหนาขมวดเข้าหากันเรื่องที่เขาถูกปองร้ายมีเพียงคนสนิทเท่านั้นที่รู้ เหตุใดแม่นางฟ่างผู้นี้ถึงได้กล่าวออกมาราวรู้เห็น"แม่ทัพใหญ่ฟ่างบอกเจ้า?""ท่านพ่อเป็นคนเช่นนั้นหรือเพคะ" เฟิงซูเหยาย้อนกลับถึงแม้ชาติก่อนนางจะไม่รู้จักแม่ทัพใหญ่ฟ่างเสวียนสวี่เป็นการส่วนตัว แต่กิตติศัพท์เรื่องความจงรักภักดีและเก็บความลับเก่งของเขาเลื่องชื่อ คำถามของอี้เฟยจึงตอบได้เพียงข้อเดียวคือแม่ทัพฟ่างไม่มีทางนำเรื่องในกองทัพหรือเรื่องส่วนตัวเขามาเล่าสู่ผู้อื่นฟังแน่นอน"เจ้ากำลังจะบอกว่าที่พูดมาคือความสามารถพิเศษที่เจ้าได้มาหลังฟื้นจากความตาย"ไม่อยากจะเชื่อ แต่เขาก็ไม่อยากคิดว่ามันไม่สามารถเป็นจริงได้"ตอนพระองค์สิบห้าพรรษา เคยถูกลอบทำร้ายครั้งหนึ่งด้วยลูกดอกอาบยาพิษ แผลเป็นที่ใต้อกข้างขวาเป็นเครื่องยืนยันว่าหม่อมฉันพูดเรื่องจริง"อี้เฟยถึงกับตกใจที่เฟิงซูเหยารู้ความลับเรื่องนี้ของเขาได้อย่างถูกต้องจะไม่ให้นางรู้ได้เช่นไรในเมื่อมือสังหารเมื่อปีน
"เจ้ากล้าเอาศักดิ์ศรีของสตรีมาเดิมพัน งั้นข้าเองก็จะเชื่อผู้ที่สวรรค์ส่งกลับมาเกิดใหม่อีกครั้งเช่นเจ้าดู"เฟิงซูเหยายิ้มในใจสมแล้วที่เป็นองค์ชายสามผู้ฉลาดหลักแหลม แผนการแก้แค้นของนางขยับขึ้นมาแล้วหนึ่งขั้น ความตื่นเต้นที่จะได้เอาคืนคนที่หลอกลวงนางทำให้เฟิงซูเหยาแทบจะรอดูวันหายนะของเขาไม่ไหวแล้ว"เรื่องหมั้นหมาย หวังว่าพระองค์จะกระทำเร็วไวนะเพคะ"เพราะนางไม่รู้ว่าจะทนรอแก้แค้นตามแผนการได้นานแค่ไหนเช่นกัน"สุรารสเลิศมาแล้ว"เสียงไป๋เจิ้นหยางดังแทรกขึ้น ด้านหลังเขามีอาถังและต้าลู่ตามมาพร้อมของกินเต็มไม้เต็มมือ"มาได้เวลาพอดี ข้ามีเรื่องสำคัญจะแจ้งแก่พวกเจ้า"ทั้งสามคนที่มาใหม่ถึงกับมองหน้ากัน ส่วนเฟิงซูเหยาทำตัวเก้อเขินหลบสายตาของคนอื่น ๆ ที่มองนางสลับกับองค์ชายอี้เฟย"อย่าบอกนะว่าพวกข้าหายไปไม่กี่เพลาพวกท่านก็ปลูกต้นรักกันแล้ว"ไป๋เจิ้นหยางพูดแหย่เล่นตามประสาคนช่างจ้อ ทว่าสิ่งที่อี้เฟยตอบกลับมาทำเอาทั้งสามคนที่มาใหม่ถึงกับตกตะลึง"ข้ากับแม่นางฟ่างจะหมั้นหมายกัน"เฟิงซูเหยาตกใจเล็กน้อยที่องค์ชายสามผู้นี้ตัดสินใจเร็วขนาดนี้ แต่ก็ถือว่าเป็นผลดีสำหรับนางอยู่"คุณชายล้อพวกเราเล่นหรือขอรับ"
"บ่าวตกใจหมด คุณหนูอย่าพูดเล่นน่ากลัวแบบนี้อีกนะเจ้าคะ""เจ้ากลัวว่าพี่สาวข้าจะตายจริง?""เปล่าเจ้าค่ะ บ่าวกลัวว่าคนที่พูดจะไม่ใช่คุณหนูของบ่าว""เจ้ากลัวว่าข้าจะเป็นฟ่างเซียนเซียนตัวปลอม?""บ่าวกลัวคุณหนูจะถูกภูติผีสิงมากกว่าเจ้าค่ะ"เฟิงซูเหยาหัวเราะออกมาเบา ๆ"เจ้าอายุเท่าใดแล้วยังเชื่อเรื่องงมงายพวกนั้นอีก"ไม่มีหรอกภูติผีปีศาจ เพราะแค่เฟิงซูเหยาผู้นี้ก็น่ากลัวกว่าสิ่งเหล่านั้นแล้ว"ตกลงแล้วเกิดอะไรขึ้นกับพี่ข้า"เห็นสาวใช้เงียบไปนางจึงเอ่ยถามอีกครั้ง"ตอนนี้ฮูหยินรองกับคุณหนูเจินเม่ยอยู่ที่ค่ายแล้วเจ้าค่ะ""เจ้าว่าอะไรนะ!?"ได้ยินข่าวจากอาถังเฟิงซูเหยาถึงกับตกใจ"ตอนแรกที่บ่าวรู้เรื่องทั้งสองคนมาที่ค่ายก็ตกใจเหมือนคุณหนูนี่ละเจ้าค่ะ"สองแม่ลูกคู่นี้ตั้งใจจะทำอะไรอีก หรือว่าลงทุนมาที่กันดารเช่นนี้เพื่อตามมาหาเรื่องนาง?ถ้าเป็นเรื่องนั้นถือว่าสองคนนี้ลงทุนลงแรงใช่เล่นแต่ถ้าตามลางสังหรณ์ของเฟิงซูเหยาลึก ๆ แล้วสองแม่ลูกนี้น่าจะมาดูทีท่าว่าเฟิงซูเหยาจะเดาผู้อยู่เบื้องหลังโจรนั้นออกหรือไม่มากกว่า"งั้นเราต้องรีบไปต้อนรับฮูหยินรองกับพี่ข้าแล้วละ"มาที่ค่ายได้สี่วันเริ่มรู้สึกเบื่อ ๆ แล
ภายในฐานทัพของศัตรู เฟิงซูเหยาทำร้ายทหารของข้าศึกเพื่อชิงชุดของฝั่งนั้นมาใส่จะได้เดินไปไหนมาไหนในฐานทัพศัตรูได้ง่าย ๆ"ช้าก่อน!"เสียงนายกองที่เดินลาดตระเวนผ่านมารั้งไว้"พลทหารลาดตระเวนกำลังมุ่งหน้าไปที่ใด"เฟิงซูเหยาได้ยินคำถามคิดครู่หนึ่งจึงดัดเสียงให้ใหญ่ตอบ"ข้าน้อยจะไปเข้าห้องน้ำขอรับ"เฟิงซูเหยาตอบแต่ไม่หันหน้ากลับไป"เจ้าเป็นทหารใหม่หรือถึงไม่รู้ว่าห้องน้ำไปทิศทางใด"คนถูกถามในชุดที่ปลอมตัวอยู่ถึงกับเลิ่กลั่ก หูที่แสนดีได้ยินเสียงทหารด้านหลังชักกระบี่ขึ้นเบา ๆ เป็นสัญญาณเตือนว่าเขาไม่เชื่อใจนางแล้วมือแน่งน้อยค่อย ๆ หยิบเข็มพิษที่ซ่อนไว้ในผ้ารัดข้อมือออกมาเตรียมซัดใส่ศัตรู ทว่า..."อั่ก!"เสียงหล่นตุ้บของร่างกำยำดังขึ้นทำเอานางรีบหันกลับไปดู"อาเฟย"ทันทีที่เห็นว่าเป็นฝีมือผู้ใดเฟิงซูเหยาถึงกับตกใจเล็กน้อย"ท่านมาได้เยี่ยงไร"เมื่อเห็นว่าอีกคนไม่ทักทายกลับจึงรีบวิ่งเข้าไปใกล้แล้วชวนคุย"หากข้ามาช้างานแต่งอีกสามวันข้างหน้าคงไร้เจ้าสาวเคียงข้างไปแล้ว"อี้เฟยพูดตัดพ้อใบหน้าเงียบขรึม"ท่านช่างพูดเกินไปเมื่อครู่ข้าคนเดียวก็เอาอยู่"เฟิงซูเหยาย่นจมูกทำท่าทางแง่งอนใส่อีกคน"เอาอยู่น่
“เช่นนั้นช่วยป้าล้างผักตรงนั้นแล้วกัน”เสิ่นอี้มองตาเด็กน้อยก็รู้แล้วว่านางคงมีความทุกข์ในใจจึงไม่ใส่ใจถามสิ่งที่เฟิงพูดค้างคาเอาไว้ต่อ“วันนี้ท่านป้าจะทำกับข้าวเลี้ยงฉลองหรือเจ้าคะ”เฟิงมาอยู่ที่นี่หลายวันแล้วนางเห็นความเป็นอยู่ของทั้งสองคนว่ากินอยู่เช่นไร พอมาวันนี้เห็นของที่วางเรียงรายอยู่ตรงหน้านางรู้ในทันทีว่าต้องเป็นของที่ทำเพื่อเลี้ยงฉลองแน่นอน“วันนี้วันเกิดเฟยเอ๋อร์”เฟยเอ๋อร์หรืออี้เฟยดรุณที่เป็นคนยื่นมือพาเฟิงน้อยคนนี้ออกมาจากตรอกน่ากลัวแห่งนั้น“ข้ามิรู้ว่าวันนี้วันเกิดเสี่ยวเฟยจึงไม่ได้เตรียมของขวัญไว้”เขาเป็นถึงผู้มีพระคุณสำหรับนาง วันสำคัญเช่นนี้เฟิงยังตอบแทนอี้เฟยเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่ได้ช่างไม่สมกับที่เขาให้ชีวิตใหม่นางเอาเสียเลย“ไม่ต้องคิดมาก งั้นวันนี้ป้าจะสอนเฟิงทำอาหารโปรดเฟยเอ๋อร์ดีหรือไม่”เฟิงพยักหน้าอย่างระรื่น นางไม่จำเป็นต้องให้ของขวัญที่เป็นสิ่งของเสมอไป หากเป็นการทำอาหารแม้รสชาติจะไม่ได้เลิศรสเท่ากับพ่อครัวแม่ครัวที่อื่น แต่นางก็จะตั้งใจเรียนรู้และทำให้เขาเพื่อเป็นของขวัญวันเกิดในวันนี้“ทานสิ”เฟิงคะยั้นคะยอให้บุรุษเพียงหนึ่งเดียวที่นั่งร่วมโต๊ะอาหารลองทานอา
แฮ่ก แฮ่ก แฮ่กเสียงหอบเหนื่อยที่ดังเบาแทบจะไม่ให้ใครได้ยินแม้แต่ตัวเองดังขึ้นเด็กน้อยวัยสักสิบขวบเศษกำลังวิ่งหลบไปตามต้นไม้น้อยใหญ่เพื่อหลีกหนีการตามล่าของกองโจรที่แสนน่ากลัวเฟิงเสี้ยว“รอยเท้ามันมาทางนี้ อย่าให้มันหนีรอดไปไหนได้”เสียงหนึ่งในกลุ่มโจรที่ออกตามล่าเด็กน้อยผู้นี้ดังขึ้นร่างบอบบางคุดคู้อยู่ด้านหลังโขดหินที่มีตะไคร่น้ำเกาะจนเป็นสีเดียวกับต้นไม้เพื่ออำพลางไม่ให้ถูกโจรกลุ่มนั้นตามล่าเข้า“เฟิง ข้ารู้ว่าเจ้าแอบซ่อนอยู่แถวนี้”รองหัวหน้ากองโจรเฟิงเสี้ยวเอ่ยชื่อของนักโทษหลบหนีเสียงเรียบเย็นดรุณีน้อยได้แต่ขดตัวสั่นแทบจะลืมหายใจด้วยซ้ำ“ออกมาเถอะน่า ประมุขเฟิงรอเจ้าอยู่”เสียงอีกคนที่ออกตามล่าเอ่ยเรียกอีกแรง“ไม่ ข้าไม่ออก ข้าไม่อยากกลับไปฆ่าคนอีกแล้ว”เฟิงน้อยเอ่ยอย่างรู้สึกหวาดกลัวตลอดเวลาสิบปีมานี้ แม้คนในกองโจรเฟิงเสี้ยวจะดีกับนาง แต่ก็ทำเพื่อหวังผลประโยชน์ทั้งนั้น เห็นดรุณีน้อยฉลาดหัวไว สอนอะไรก็เก่งกาจไปเสียหมด ไม่ว่าจะเรื่องพิษ เรื่องต่อสู้ เฟิงผู้นี้ไม่เคยทำให้ประมุขแห่งกองโจรนี้ผิดหวังสักเรื่อง เพราะแบบนี้เขาเลยไม่ยอมเสียหมากตัวนี้ให้หนีออกไปจากกองโจรแห่งนี้“ระวังต
"อั่ก! จ...เจ้า"ดวงตาอี้ซินเบิกโพลง เลือดมากมายค่อย ๆ ไหลออกมาจากปากและจมูก เฟิงซูเหยาที่ถูกกระบี่ของเขาแทงไหปลาร้าก็มีสภาพไม่ต่างจากอี้ซินเช่นกัน"รสชาติของมีดเล่มนี้ยามปักที่อกท่านเป็นเช่นไรบ้างเพคะ คุณชาย"เฟิงซูเหยากระซิบออกมาแผ่ว ๆ นางเรียกอี้ซินอย่างที่เคยเรียกตอนเป็นเฟิงซูเหยา ทำเอาคนที่คุ้นชินทั้งเหตุการณ์ทั้งสรรพนามที่เคยถูกเรียกหลุบตามองนางด้วยแววตาสั่นไหว"ตอนที่ข้าปักมันลงบนอกด้วยมือของข้าเองท่านรู้หรือไม่ว่ามันไม่เจ็บปวดเลย เพราะตอนนั้นหัวใจข้าได้ตายลงก่อนที่ข้าจะแทงขั้วหัวใจตัวเองแล้ว"เฟิงซูเหยาพรั่งพรูทุกสิ่งทุกอย่างที่นางอยากเล่าในชาติที่แล้วแต่ไม่มีโอกาสให้เขาฟังด้วยความขมขื่น"เจ้าเป็นใครกันแน่"อี้ซินฝืนรวบรวมแรงทั้งหมดเอื้อมมือที่แสนจะหนักอึ้งขึ้นมากระชากผ้าปิดหน้าของสตรีตรงหน้าออกดวงตาเขาสับสนปนวูบไหวเมื่อใบหน้านี้คือใบหน้าของฟ่างเซียนเซียน แต่ประโยคที่นางเอ่ยกับตนกลับเป็นเหตุการณ์ของอีกคนที่นางผู้นี้ไม่มีวันรู้ว่าวันนั้นเมื่อสองเดือนก่อนเกิดอะไรขึ้นบ้าง"คุณชายคงกำลังสับสนใช่หรือไม่ว่าข้ารู้เรื่องราวของเฟิงซูเหยาได้เช่นไร"รอยยิ้มแห่งชัยชนะผุดพรายขึ้นบนใบหน้าสว
"อย่าคิดหนี อ๊ะ!"เฟิงซูเหยาตั้งใจจะตามสามคนนั้นไปแต่ถูกฉินเทาเข้ามาขวางเอาไว้เสียก่อนเสียงกระบี่ทั้งสองฟาดฟันกันอย่างเอาเป็นเอาตายจวบจนเฉินเทาเพลี่ยงพล้ำเสียท่าถูกเฟิงซูเหยาปลิดชีพ"สุนัขรับใช้ที่แสนซื่อสัตย์ สุดท้ายเจ้าก็ตายอย่างโดดเดี่ยวอย่างน่าเวทนา"นางกล่าวอย่างสมเพชร่างไร้ลมหายใจของฉินเทา จากนั้นจึงเร่งตามสามคนนั้นไปเพื่อไม่ให้เสียเวาไปมากกว่านี้มีดสั้นที่นางเก็บไว้กับตัวถูกขว้างออกไปแต่พลาดเป้า"เจ้านี่มันกัดไม่ปล่อยเสียจริง อยากรู้นักว่พวกนั้นจ้างวานเจ้าเท่าใดถึงยอมเสี่ยงตายขนาดนี้"เมื่อหนีไม่พ้นอี้ซินมีเพียงทางเลือกเดียวคือหันหน้าเผชิญกับนักฆ่าสาวที่ปกปิดใบหน้าเอาไว้"อย่าใช้นิสัยตนเองตัดสินผู้อื่น ไม่มีผู้ใดจ้างวานข้าทั้งนั้น หากแต่วันนี้ข้าจ้องการคิดบัญชีแค้นกับท่านด้วยเหตุผลส่วนตัว""ข้าไม่เคยรู้จักนักฆ่าเช่นเจ้ามาก่อน"หึ! แน่แหละที่เขาไม่รู้จักนางในร่างของผู้อื่นเช่นนี้"ท่านไม่รู้จักข้าแล้วเช่นไร ขอเพียงข้าจดจำความแค้นที่ท่านเคยมอบให้ข้าแต่เพียงผู้เดียวก็เพียงพอแล้ว"เฟิงซูเหยาไม่อยากเปลืองน้ำลายยิ่งกว่านี้ นางตั้งท่ากระบี่วสันหวนคืนทันที อี้ซินเห็นท่วงท่าของเพลงกระ
"ดาบนี้ตอบแทนที่ท่านพ่อชุบเลี้ยงข้ามาด้วยความเลือดเย็น"เฟิงซูเหยากระซิบแผ่วเบาข้างหูเฟิงเสี้ยวที่ถามว่านางเป็นใครเพียงแค่ได้ยินถ้อยคำนั้นดวงตาเขาก็เบิกกว้างด้วยความตกใจ"จ...เจ้า เจ้ายังไม่ตาย"น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาเบาจนเฟิงซูเหยาเองก็แทบจะไม่ได้ยิน"ข้าจะตายก่อนได้แก้แค้นคนชั่วช้าเช่นพวกท่านได้เยี่ยงไร"น้ำเสียงที่ส่งออกมามีแต่ความเคียดแค้น"จ...เจ้า ..เฮือก!"มีคำพูดมากมายที่เฟิงเสี้ยวอยากเอ่ยแต่ไม่ทันเสียแล้วเมื่อเฟิงซูเหยาแทงกระบี่เข้าไปจนสุดด้ามปลิดลมหายใจเขาจนสิ้นในครั้งเดียว"แม่นางระวัง!"เฟิงซูเหยาที่ไม่ทันระวังตัวเกือบถูกมีดจากฉินเทาปลิดชีพไปแล้ว โชคดีที่ได้ฟ่างเสวียนสวี่ร้องเตือน"ยานี้ช่วยถอนพิษได้"นางรีบยื่นขวดยาถอนพิษที่พกติดตัวมาเผื่อให้ฟ่างเสวียนสวี่ก่อนจะรีบปลีกตัวหนีไปปิดบัญชีแค้นในครั้งนี้หมับ!ทว่าข้อมือเล็กกลับถูกคว้าเอาไว้เสียก่อนด้วยฝ่ามือแกร่งของฟ่างเสวียนสวี่เอง"เซียนเอ๋อร์ นั่นเจ้าใช่หรือไม่"บิดาที่ไหนกันจะจำเพียงแววตาของบุตรสาวตนเองไม่ได้ครั้งแรกที่เขาลืมตาขึ้นมาเห็นเพียงแววตาของฟ่างเซียนเซียนที่อยู่ด้านหลังประมุขเฟิงเขาก็จับได้ในทันทีเฟิงซูเหยาไม่มีเ
"ซินเอ๋อร์แม่เปลี่ยนแผนแล้ว"คราแรกนางก็หวังจะไว้ชีวิตพระสวามีผู้นี้ให้ใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างมีความสุขจนแก่ตายอยู่หรอก แต่เพราะในใจเขายังไม่เคยลืมเกาเสิ่นอี้ผู้นั้นนางจะสงสารเขาไปไย"เสด็จแม่หมายความเช่นไร""ปล่อยเสือเข้าป่าสักวันมันต้องแว้งมากัดเรา มิสู้ตัดไฟเสียแต่ต้นลมเพื่อวันข้างหน้าที่นอนหลับสบายตา"ได้ยินมารดาพูดเช่นนั้นรอยยิ้มเหี้ยมเกรียมก็ผุดพรายขึ้น"จริงของท่านแม่ ปล่อยเสือบาดเจ็บหนีตายเข้าป่าสักวันแผลมันก็หายและตามมาเอาคืนพวกเรา""ศิษย์น้องระวังตัวด้วย"ไป๋เจิ้นหยางเห็นท่าไม่ดีจึงรีบเตือนสติอี้เฟยที่อยู่ใกล้องค์ชายห้าที่สุด"มาปิดบัญชีแค้นกันเถอะ พี่สาม"เสียงชักกระบี่ดังขึ้นอย่างพร้อมเพียงเมื่อทหารของฝ่ายฝ่าบาทและคนของกองโจรเฟิงเสี้ยวต่างเตรียมพร้อมเข้าห่ำหั่นกันเฟิงซูเหยาที่ปลอมตัวปะปนอยู่ในกลุ่มกองโจรลอบหาโอกาสเข้าไปแก้แค้นคนที่ผลักไสให้นางถึงแก่ความตายหากแต่โจรก็คือโจร คนพวกนั้นเล่นสกปรกเมื่อควันสีเทาลอยคละคลุ้งทั่วตำหนักหอมหมื่นบุปผาอย่างไม่ให้ฝ่ายอี้เฟยได้ป้องกันตัว"ระวังควันพิษ"เฟิงซูเหยารีบตะโกนบอกก่อนจะลงกระบี่ปลิดชีพคนของกองโจรที่หันไปเล่นงานนางเมื่อรู้ว่าเป็นไ
"เหม่าทัน เจ้าคนชั่ว เจ้าจับหยังเอ๋อร์ลูกข้าไป"ทันทีที่จางปิงเห็นโอรสองค์เล็กที่ตามหาไม่พบเดินเข้ามาพร้อมเหม่าทันนางร้อนใจทันที"ใต้เท้าเหม่าทันจะทำการใด"ไป๋เจิ้นหยางถามขึ้นเพราะสิ่งที่เหม่าทันทำอยู่มิได้อยู่ในแผนการในครั้งนี้ แผนของพวกเขาคือให้เหม่าทันเฝ้าองค์ชายอี้หยังเอาไว้ หากพวกเขาพลาดพลั้งเสียท่าค่อยนำตัวองค์ชายสิบมาแลก"กุ้ยเฟย ท่านอยากได้องค์ชายสิบกลับไปหรือไม่"เหม่าทันไม่สนใจคำถามไป๋เจิ้นหยางสักนิด เขาตะโกนถามจางปิงที่ยืนตัวสั่นเทาเมื่อแผนทุกอย่างที่นางวางไว้ดิบดีถูกศัตรูทั้งหลายขัดขวาง"อยากฆ่าก็ฆ่า เจ้าจะพูดพล่ามเพื่ออันใด""เสด็จพี่"อี้หยังได้ยินเช่นนั้นรู้สึกปวดร้าวไปทั้งใจแม้ตลอดมาพวกเขาจะไม่เคยเห็นตนในสายตา แต่อี้หยังยังเชื่อว่าครอบครัวต้องไม่ทิ้งเขา แต่นี่กระไร ถ้อยคำที่พี่ชายเอ่ยบอกแก่ศัตรูมิได้มีความเป็นห่วงเขาสักนิด"เอาสิใต้เท้าเหม่า ท่านกล้าฆ่าคนจริงหรือ"กระบี่ในมือเหม่าทันสั่นเล็กน้อย ตั้งแต่เกิดมาเขาตัดสินโทษประหารผู้คนมาก็เยอะแต่ไม่เคยลงมือเชือดคอผู้อื่นด้วยตัวเองสักครั้งเดียว พอถูกองค์ชายอี้ซินท้าทายเช่นนี้เขายิ่งประหม่าและกลัวการฆ่าคนขึ้นมาจับใจ"โอ๊ย!
"เจ้าคือ..."ตั้งแต่ออกปราบกองโจรนี้ ไม่เคยมีผู้ใดเคยพบหน้าประมุขของกองโจรเฟิงเสี้ยวสักคน เลยไม่แปลกที่เสวียนสวี่จะไม่รู้จักเขา"ข้าคือสามีของฮูหยินรองเจ้าอีกคนอย่างไรเล่า"น้ำเสียงที่แสนหยามเกียรติดังขึ้นฟ่างเสวียนสวี่เกือบจะชักกระบี่ออกมาหากไม่ถูกต้าลู่ที่ยืนเคียงข้างห้ามเอาไว้ก่อน"แค้นข้าหรือว่าเสียหน้าที่ต้องทนเลี้ยงเลือดเนื้อผู้อื่นจนวันที่นางตายเช่นนี้""เจ้าคนชั่วช้า!""ท่านแม่ทัพใหญ่ใจเย็น ๆ ก่อนขอรับ"ต้าลู่รีบห้ามฟ่างเสวียนสวี่ที่ตอนนี้โกรธจนแทบจะควบคุมอารมณ์ตนเองไม่อยู่"นี่แค่เรื่องเดียวที่แม่ทัพใหญ่รับรู้ยังรับแทบไม่ได้ หากท่านรู้ความจริงเรื่องบุตรสาวคนโตจะไม่กระอักเลือดตายก่อนเลยหรือ""บุตรสาวคนโต เจ้ารู้จักฟ่างเฉียนเฉียนลูกข้าได้เช่นไร"ฟ่างเสวียนสวี่ถึงกับควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ เขาตกใจไม่น้อยที่โจรชั่วช้ารู้จักบุตรสาวคนโตของเขาที่เกิดได้ไม่กี่วันก็หายตัวไป"นอกจากรู้จัก ข้ายังเปรียบเสมือนพ่อของนางอีกด้วย""เจ้าหมายความเช่นไร"หว่างคิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน จ้องหน้าประมุขเฟิงเสี้ยวอย่างกดดันให้เขารีบพูดต่อ"เจ้าคิดว่าเด็กน้อยที่เพิ่งลืมตาดูโลกจะหายออกจากจวนใหญ่โตมีข้ารับใช้เ