"บ่าวตกใจหมด คุณหนูอย่าพูดเล่นน่ากลัวแบบนี้อีกนะเจ้าคะ"
"เจ้ากลัวว่าพี่สาวข้าจะตายจริง?"
"เปล่าเจ้าค่ะ บ่าวกลัวว่าคนที่พูดจะไม่ใช่คุณหนูของบ่าว"
"เจ้ากลัวว่าข้าจะเป็นฟ่างเซียนเซียนตัวปลอม?"
"บ่าวกลัวคุณหนูจะถูกภูติผีสิงมากกว่าเจ้าค่ะ"
เฟิงซูเหยาหัวเราะออกมาเบา ๆ
"เจ้าอายุเท่าใดแล้วยังเชื่อเรื่องงมงายพวกนั้นอีก"
ไม่มีหรอกภูติผีปีศาจ เพราะแค่เฟิงซูเหยาผู้นี้ก็น่ากลัวกว่าสิ่งเหล่านั้นแล้ว
"ตกลงแล้วเกิดอะไรขึ้นกับพี่ข้า"
เห็นสาวใช้เงียบไปนางจึงเอ่ยถามอีกครั้ง
"ตอนนี้ฮูหยินรองกับคุณหนูเจินเม่ยอยู่ที่ค่ายแล้วเจ้าค่ะ"
"เจ้าว่าอะไรนะ!?"
ได้ยินข่าวจากอาถังเฟิงซูเหยาถึงกับตกใจ
"ตอนแรกที่บ่าวรู้เรื่องทั้งสองคนมาที่ค่ายก็ตกใจเหมือนคุณหนูนี่ละเจ้าค่ะ"
สองแม่ลูกคู่นี้ตั้งใจจะทำอะไรอีก หรือว่าลงทุนมาที่กันดารเช่นนี้เพื่อตามมาหาเรื่องนาง?
ถ้าเป็นเรื่องนั้นถือว่าสองคนนี้ลงทุนลงแรงใช่เล่น
แต่ถ้าตามลางสังหรณ์ของเฟิงซูเหยาลึก ๆ แล้วสองแม่ลูกนี้น่าจะมาดูทีท่าว่าเฟิงซูเหยาจะเดาผู้อยู่เบื้องหลังโจรนั้นออกหรือไม่มากกว่า
"งั้นเราต้องรีบไปต้อนรับฮูหยินรองกับพี่ข้าแล้วละ"
มาที่ค่ายได้สี่วันเริ่มรู้สึกเบื่อ ๆ แล้วเหมือนกัน หากได้มีเรื่องมีราวกับสองแม่ลูกนั่นคงคลายเบื่อให้เฟิงซูเหยาได้สักหน่อย
"คุณหนูจะไปพบทั้งสองคนจริงหรือเจ้าคะ เรื่องโจรพวกนั้น..."
แค่หวนคิดถึงวันที่ถูกเอาดาบจ่อคออาถังก็กลัวจนไม่กล้าสู้หน้าสองแม่ลูกนั่นแล้ว
"มีเหตุผลอะไรที่ข้าจะต้องหลบหน้าพวกนาง"
อาถังได้แต่มองหน้าเฟิงซูเหยาอย่างเป็นห่วง
ห่วงว่าจะถูกกลั่นแกล้งถึงขั้นเลือดตกยางออกอีก
"เจ้าเตรียมชุดสีแดงที่ข้าสวมออกจากจวนวันนั้นให้ที"
"คุณหนูจะใส่ชุดวันนั้นทำไมเจ้าคะ"
"ข้าจะเริ่มตีงูแก้แค้นให้เจ้าที่ถูกดาบจ่อคอ"
เหตุใดถึงบอกว่าแก้แค้นให้สาวใช้อย่างนางกัน คนที่สมควรแก้แค้นให้คือตัวคุณหนูนางมากกว่า ทว่าอาถังก็มิได้ใคร่ถามอย่างที่สงสัย นางเชื่อใจคุณหนูของนางว่าทำการใดย่อมตริตรองมาแล้วอย่างดี
"คุณหนูจะบอกเรื่องนี้กับท่านแม่ทัพใหญ่แล้วใช่หรือไม่เจ้าคะ"
"ข้าบอกเจ้าแล้วเรื่องนี้ต้องเก็บเป็นความลับจากท่านพ่อ"
"แล้วเหตุใดคุณหนูถึงกล่าวว่าจะตีงูที่นี่ล่ะเจ้าคะ"
บางครั้งอาถังก็ตามความคิดของคุณหนูนางไม่ทัน
"แค่ตีงูกระจอก ๆ ข้าไม่จำเป็นต้องพึ่งท่านพ่อให้เสียเวลา ทำตามที่ข้าสั่ง เตรียมชุดนั่นไว้ อีกประเดี๋ยวข้าจะขึ้นจากน้ำแล้ว"
อาถังได้แต่รับคำสั่งเดินออกไปเตรียมชุดที่ว่าให้เฟิงซูเหยาอย่างไร้การไถ่ถามใด ๆ
"ท่านพี่อี้เฟยอยู่ที่ใดเจ้าคะท่านพ่อ"
เจินเม่ยที่เพิ่งเดินทางมาถึงค่ายทหารแห่งนี้ถามถึงบุรุษที่แอบมีใจให้
เพราะนางเคยพบเจออี้เฟยตั้งแต่เด็กบ่อยกว่าฟ่างเซียนเซียนน้องสาวและด้วยความที่อี้เฟยเคารพแม่ทัพใหญ่ฟ่างมากจึงเห็นนางเป็นน้องสาวคนหนึ่งเลยไม่ได้ใส่ใจหากนางจะเรียกเขาแบบนั้น
"องค์ชายฝึกดาบอยู่กับคุณชายไป๋"
เสวียนสวี่ตอบบุตรสาวพร้อมมองหน้าเจินซู่
"เหตุใดเจ้าถึงได้พาเจินเม่ยมาที่ค่ายนี้โดยไม่แจ้งแก่ข้าก่อน"
น้ำเสียงที่ถามออกไปกึ่งไม่พอใจกึ่งเป็นห่วงผสมผสานกัน
"ข้าต้องขออภัยท่านพี่ พอดีว่าเห็นเซียนเอ๋อร์ออกมาหลายวันแล้วแต่ไม่มีใครส่งข่าวกลับจวน พวกเราเลยเป็นห่วงนาง เร่งเดินทางมาดูด้วยตาตนเองว่าปลอดภัยดี"
"ขอบคุณฮูหยินรองที่เป็นห่วงข้า"
เสียงบุคคลที่อยู่ในบทสนทนาดังขึ้น
เจินซู่รีบหันมองตามต้นเสียงนั้นเห็นบุตรสาวของมารหัวใจสวมชุดสีแดงโดดเด่นเดินเข้ามาพร้อมสาวใช้คนสนิท
หากจำไม่ผิดนี่คือชุดที่นางออกจากจวนวันนั้น แต่สภาพยังดูดีไม่มีร่องรอยขาดวิ่นเหมือนไม่มีเรื่องร้ายอันใดเกิดกับนางมาก่อน
"เซียนเอ๋อร์ลูกแม่" เจินซู่รีบตีสองหน้าทำเป็นห่วงใยเฟิงซูเหยาด้วยการถลาเข้ามาสวมกอด สร้างความกระอักกระอ่วนให้คนถูกแสร้งทำดีด้วยจนเกือบอาเจียนออกมา
"เจ้านี่ดวงแข็งเสียจริง"
เสียงกระซิบแบบกัดฟันพูดดังให้ได้ยินแค่สองคน เฟิงซูเหยาสวมกอดตอบอีกคนพร้อมเล็บทั้งห้าที่จิกลงผ่านผ้าไหมเนื้อดีหวังให้อีกคนเจ็บปวด
"โอ๊ย!" เจินซู่ร้องออกมาเมื่อเล็บแหลมคมจิกบาดเนื้อนางผ่านเสื้อผ้า
"ท่านแม่เป็นอันใด" เจินเม่ยที่อยู่ใกล้ทั้งสองคนได้ยินเสียงร้องของมารดาจึงปรี่เข้าไปดูอาการ
"ฮูหยินรองคงเหนื่อยล้าจากการเดินทาง เซียนเอ๋อร์ช่วยพาท่านไปพักที่กระโจมรับรองได้ไหมเจ้าคะท่านพ่อ"
เฟิงซูเหยาแสร้งทำเสียงอ่อนหวานอย่างห่วงใยคนที่พูดถึง
"ดีเหมือนกัน พ่อฝากเจ้าด้วย สักประเดี๋ยวต้องพาทหารออกไปลาดตระเวนแล้ว"
"ท่านพ่อวางใจ เซียนเอ๋อร์จะต้อนรับฮูหยินรองและท่านพี่อย่างดีเจ้าค่ะ"
"ท่านพี่จะไปแล้วหรือเจ้าคะ"
"ท่านพี่จะไปแล้วหรือเจ้าคะ"เจินซู่รีบเรียกฟ่างเสวียนสวี่เอาไว้ ทว่าอีกคนกลับไม่สนใจเดินออกจากกระโจมนี้ไปราวไม่ได้ยินเสียงเรียกนั้น"ไปกันเถอะเจ้าค่ะ เซียนเอ๋อร์จะพาฮูหยินรองและท่านพี่ไปพักผ่อน""โอ๊ย!""เจ้าทำอะไรท่านแม่ข้า"เจินเม่ยรีบผลักเฟิงซูเหยาออกห่างมารดาเมื่อเจินซู่ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดอีกครั้งหลังถูกเฟิงซูเหยากดที่จุดกลางหลังให้เจ็บถึงภายในเจินซู่ขมวดคิ้วจนหว่างคิ้วย่นเข้าหากัน ดวงตาถลึงมองเฟิงซูเหยาที่มอบความเจ็บปวดให้นางถึงสองครั้งติด"ข้าแค่เห็นร่างกายฮูหยินรองเกร็ง ๆ เกรงว่าน่าจะเคล็ดขัดยอกตอนเดินทางจึงช่วยนวดให้""นวดบ้าบออะไรแม่ข้าร้องเหมือนเจ็บปวดปานนั้น"เจินเม่ยตะคอกเสียงใส่อย่างเอาเรื่อง"ฮูหยินรองแค่ถูกนวดสองครั้งพี่รองก็โวยวายดิ้นพล่าน ๆ แล้ว หากพวกท่านเจอเหตุการณ์เช่นข้ากับอาถังที่ถูกพวกโจรเอาดาบจ่อคอจะไม่กรีดร้องเสียงลั่นป่าเลยหรือเจ้าคะ"เฟิงซูเหยาเริ่มรื้อฟื้นเรื่องที่นางกับสาวใช้เจอมาต่อหน้าสองแม่ลูกเพื่อดูท่าทีของทั้งสอง"น่าจะถูกโจรสามคนนั้นบั่นคอให้สิ้นซาก"เจินเม่ยโมโหที่มารดาถูกทำร้ายจึงพูดไม่คิดออกไป"พี่รองข้าช่างเก่งกาจเดาถูกด้วยว่าโจรที่ดักปล้นพ
"เจ้าไม่เป็นอะไรมากนะ"อี้เฟยวางซูเหยาไว้บนตั่งนั่งที่ศาลาริมน้ำ คราแรกเขาตั้งใจจะพานางไปส่งที่กระโจมของนาง ทว่าซูเหยาขอออกมานั่งสูดอากาศหายใจด้านนอกแทน"หม่อมฉันไม่เป็นอะไรเพคะ"แค่กัดปากตนเองเพื่อให้เขาสงสารและป้ายความผิดให้เจินซู่เท่านั้น นางรู้สึกสะใจเสียมากกว่าเจ็บอีก"เจ้าไปนำน้ำอุ่นกับผ้ามา"อี้เฟยหันมาสั่งสาวใช้ของฟ่างเซียนเซียน"เพคะ"อาถังน้อมรับคำสั่งก่อนจะเร่งเดินออกจากศาลาตรงนี้"ข้าไม่คิดว่าเทียนฮูหยินจะกล้าทำร้ายเจ้า"แม้ฟ่างเซียนเซียนจะเป็นเพียงลูกเลี้ยงของเทียนเจินซู่ แต่เขาก็ไม่เคยคิดว่าเจินซู่จะมีจิตใจโหดร้ายกล้าทำร้ายสายเลือดของเสวียนสวี่ในค่ายทหารแห่งนี้"จะโทษฮูหยินรองฝ่ายเดียวคงมิได้ เป็นข้าเองที่ทำร้ายพี่รองก่อน"ซูเหยาเล่าพร้อมใบหน้าที่สลดลง"เจ้าทำร้ายเจินเม่ยด้วยเหตุใด"อี้เฟยจ้องสตรีตรงหน้าอย่างใคร่รู้"พี่รองจะทำร้ายอาถัง หม่อมฉันเลยจำเป็นต้องปกป้องบ่าวข้างกาย""เหตุใดเจินเม่ยต้องทำร้ายสาวใช้นางนั้น""เพราะเรื่อง..."ซูเหยาทำท่าทีอึกอัก ทั้งอยากพูดแต่สีหน้ากลับหวาดระแวง"หากเชื่อใจข้าก็พูดออกมาเถิด"สายตาของอี้เฟยบ่งบอกว่าเขาจะปกป้องนางเองทำให้วูบหนึ่งหัวใ
"ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องกลัว"อี้เฟยโอบกอดร่างเล็กที่แสดงความหวาดกลัวได้แนบเนียนเข้ามาสู่อกอุ่นสองแม่ลูกแทบจะถลาเข้ามากระชากหนังศีรษะศัตรูหัวใจของบุตรสาวให้หายแค้นใจหากแต่ทำได้แค่เก็บอาการเอาไว้"หม่อมฉันมาเพื่อดูบาดแผลของเซียนเอ๋อร์"เจินซู่กล่าวราวสำนึกผิด"ข้าไม่ได้เป็นอะไรมาก ฮูหยินรองอย่ารู้สึกผิดเลยเจ้าค่ะ"ซูเหยาตอบนางทั้ง ๆ ที่อยู่ในอ้อมกอดของอี้เฟย"เม่ยเอ๋อร์"เจินซู่เรียกบุตรสาวที่จ้องซูเหยาจนตาแทบจะลุกเป็นไฟให้ได้สติ"เซียนเอ๋อร์ พี่รองต้มน้ำแกงมาให้ หวังว่าเจ้าจะไม่ถือโทษกับเรื่องก่อนหน้านี้"แค่แสร้งสำนึกผิดเหตุใดคนอย่างซูเหยาจะดูไม่ออกแต่ถึงกระนั้นซูเหยาก็แสร้งเป็นสตรีน้ำใจงามยกโทษให้งูพิษตรงหน้าเพราะนางมีแผนในใจที่จะเอาคืนแล้ว"องค์ชายเพคะ" ซูเหยาผละออกจากอ้อมกอดของอี้เฟย นางจ้องตาสีเหล็กกล้าอย่างอบอุ่นพร้อมเอ่ย"หม่อมฉันขอปรับความเข้าใจกับพี่หญิงและฮูหยินรองได้ไหมเพคะ"อี้เฟยมองซูเหยาสลับกับสองแม่ลูกตรงหน้า พลางมองเลยไปด้านหลังพวกนางเห็นไป๋เจิ้นหยางด้อม ๆ มอง ๆ อยู่จึงไม่ขัดสิ่งที่ซูเหยาขอ"หวังว่าข้าจะไม่เห็นเจ้ามีแผลอันใดเพิ่มมาอีก"ก่อนปลีกตัวออกไปอี้เฟยก็ไม่วายพูดเช
"เม่ยเอ๋อร์!"เจินซู่ตกใจที่เห็นบุตรสาวตกน้ำไป นางลนลานทำอันใดไม่ถูก สองมือจับขอบเรือชะเง้อมองหาร่างของบุตรสาวในน้ำ"มัวแต่มองอยู่ไย รีบลงไปช่วยลูกข้าเร็ว!"เจินซู่ตะโกนบอกทหารที่ช่วยพายเรือให้บุตรสาว ก่อนที่ทหารนายนั้นจะรีบกระโดดน้ำตามลงไปช่วยงมหาร่างคุณหนูรอง"นี่! เจ้าทำอันใด"เมื่อเหลือเจินซู่กับซูเหยาบนเรือเพียงสองคน เรือก็เริ่มมีอาการโคลงเคลงสั่นไปมาทำเอาคนว่ายน้ำไม่เก่งอย่างเจินซู่อกสั่นขวัญหายเกรงว่าจะตกน้ำไป"ท่านแม่นั่งนิ่ง ๆ สิเจ้าคะ"ซูเหยาตะเบ็งเสียงราวหวาดหวั่นกับเหตุการณ์ตรงหน้า หากแต่ในใจนางกลับรู้สึกตื่นเต้นกับตอนต่อไปของฮูหยินรองใจร้ายผู้นี้นัก"เจ้าสินั่งนิ่ง ๆ ข้าเวียนหัวแล้ว"ถูกอย่างที่เจินซู่กล่าว คนที่ควรนั่งนิ่ง ๆ คือเฟิงซูเหยา ต้นเหตุของอาการเรือโคลงเคลงไปมาก็เพราะนางโยกเรือด้วยกำลังภายในนั่นเอง"ฮูหยินรองอย่าแกล้งเซียนเอ๋อร์สิเจ้าคะ เดี๋ยวเราได้จมลงไปเช่นเดียวกับพี่รองพอดี"หางตานางเห็นแล้วว่ามีทหารยามที่อยู่ใกล้บริเวณนี้เริ่มให้ความสนใจจึงเพิ่มระดับเสียงให้ดังกังวาลหวังให้คนรอบข้างได้ยินบทสนทนาด้วย"เจ้าพูดบ้าอะไร เจ้านั่นแหละ...""ฮูหยินรอง งู! งูอยู่ด้านห
"พอดีในค่ายเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้น กระหม่อมกำลังสอบสวนหาความจริงอยู่พ่ะย่ะค่ะ""เรื่องวุ่นวาย เรื่องอันใดกัน หากไม่เป็นความลับ ข้าขอร่วมฟังด้วยคนได้หรือไม่"เสวียนสวี่ชักสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก หากจะบอกว่าเป็นเรื่องภายในครอบครัวคงเป็นการฆ่าตัวตายทางอ้อมที่ปฏิเสธความอยากรู้ของเชื้อพระวงศ์ผู้นี้"มิใช่เรื่องใหญ่อันใดที่ควรปกปิด เพียงแต่ก่อนหน้านี้ฮูหยินของกระหม่อมและบุตรสาวทั้งสองพายเรือชมทิวทัศน์แล้วเกิดอุบัติเหตุเข้าจนจมน้ำทั้งสามคน""จมน้ำ! แล้วพวกนางเป็นเยี่ยงไรกันบ้าง"อี้ซินเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงตกใจผสานห่วงใย"ฮูหยินกับเจินเม่ยอาการน่าเป็นห่วงทั้งคู่พ่ะย่ะค่ะ"พูดแล้วก็จุกที่อก แม้เขาจะมิได้ชอบพอเจินซู่เท่ากับเหวินเหม่ยเซียวมารดาฟ่างเซียนเซียนแต่ด้วยความที่อยู่กินกับเจินซู่มาสิบกว่าปีจึงพอมีความพันผูกกับนางอยู่บ้าง ครั้นมาเกิดเหตุการณ์แบบนี้เขาเลยรู้สึกผิดปนห่วงใยตามประสาสามีภรรยา"ผู้ที่ตกน้ำคือบุตรสาวและหลานสาวของเจ้ากรมมหาดไทยอ้าวหลุน?""พ่ะย่ะค่ะ"เรื่องนี้ชักน่าสนใจแล้วสิเทียนอ้าวหลุนคือเจ้ากรมมหาดไทย ผู้มีอำนาจควบคุมการเลื่อนขั้นของเหล่าขุนนางในวัง เขารักบุตรสาวอย่างเจินซู่ย
"เจิ้นหยางมิได้เห็นกับตา ทว่าจากคำบอกเล่าของเหล่าทหารที่ข้าแอบไปถามก่อนมาที่นี่ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกัน ก่อนที่ฮูหยินรองกับแม่นางเซียนเซียนจะตกน้ำ พวกเขาเห็นทั้งสองคนมีปากเสียงกันหลังจากนั้นฮูหยินรองก็ปรี่เข้าไปทำร้ายแม่นางเซียนเซียนจนทั้งคู่พลัดตกน้ำไป"ไป๋เจิ้นหยางเล่าสิ่งที่ตนไปตามสอบถามกับเหล่าทหารนายอื่นที่ไม่ได้ถูกเรียกเข้ามาในกระโจมแห่งนี้จนได้ความเท็จจริงจึงรีบมารายงานเสวียนสวี่"เทียนเจินซู่"ฟ่างเสวียนสวี่เอ่ยนามฮูหยินตนออกมาเบา ๆ ด้วยน้ำเสียงเคียดแค้น หากแต่อี้ซินกลับเก่งเรื่องการอ่านปากผู้คนจึงจับใจความได้ เขาแค่นหัวเราะในลำคอเบา ๆ เมื่อนึกถึงผลลัพธ์ต่อจากนี้"ข้าว่าทางที่ดีเรารอให้คุณหนูสามตื่นก่อนดีหรือไม่"องค์ชายอี้ซินยังคงไกล่เกลี่ยปัญหาด้วยความนิ่งสงบบ่งบอกถึงศักยภาพในการเป็นผู้นำที่ดี ทำให้ทหารที่อยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้ต่างคิดเป็นเสียงเดียวกันว่าเขาเหมาะกะบตำแหน่งรัชทายาทเป็นที่สุด"อ้อ ที่ข้ามาเพราะมีอีกเรื่องจะแจ้งแก่ท่านแม่ทัพใหญ่"ไป๋เจิ้นหยางเก็บพัดที่คลี่ไว้ด้วยการตบเพียงหนึ่งครั้งลงที่ฝ่ามือก่อนจะสบตากับเสวียนสวี่"คุณชายไป๋ที่มีเรื่องอันใดจะกล่าวกับข้า""อาถัง"
"นั่นใช่เสด็จพี่อี้เฟยหรือไม่"หลังจากเรียกสติได้แล้ว อี้ซินก็กลับมาปั้นหน้าเป็นองค์ชายผู้อ่อนโยนอีกครั้งสองเท้ารีบก้าวลงมาจากตั่งนั่งตรงปรี่เข้ามายังบุรุษผู้มีใบหน้าละม้ายคล้ายตน"ข้าเอง องค์ชายห้าอี้ซินน้องชายของพระองค์"เป็นการแนะนำตัวที่แฝงไปด้วยการแบ่งชนชั้นที่เป็นอยู่ตอนนี้อย่างที่เคยกล่าว แม้อี้เฟยจะได้ยศศักดิ์องค์ชายกลับมาได้หลายปีแล้ว แต่ในสายตาองค์ชายและข้าราชบริวาลคนอื่น ๆ ไม่เคยคิดว่าเขาเป็นองค์ชายสักนิดเดียวซึ่งไม่ต่างจากองค์ชายห้าอี้ซินที่มองว่าพี่ชายอย่างอี้เฟยนั้นต่ำต้อยกว่าเขาเยี่ยงนัก"ถวายบังคมองค์ชายอี้ซิน"อี้เฟยเห็นสายตาที่น้องชายต่างมารดามองมาก็ดูออกในทันทีว่าเขาไม่ได้เคารพตนอย่างที่แสดงออกอยู่"เสด็จพี่ไม่ต้องมากพิธี ข้ามีศักดิ์เป็นน้อง อย่างทรงเรียกหม่อมฉันเช่นนั้นอีกนะ"คำเสนาะหูของอี้ซินไม่ต่างจากยาพิษที่ไร้สีไร้กลิ่น"อึก!""คุณหนู!""เซียนเอ๋อร์! เจ้าเป็นอันใดอีก"เสวียนสวี่ได้ยินเสียงสาวใช้เรียกบุตรสาวอย่างตกใจจึงหันไปมอง ร่างเล็กจู่ ๆ ก็ล้มลงนั่งกับพื้นพร้อมมือที่กำแน่นตรงอกร่างกายนางสั่นเทาราวกระต่ายน้อยกำลังหวาดกลัวคมเล็บของราชสีห์ที่จ้องจะจับกิน"
เสียงสะอื้นเบา ๆ แบบข่มกลั้นน้ำเสียงเอาไว้ดังออกมาจากกองขยะในตรอกที่ทั้งมืดทั้งแคบแห่งหนึ่งเด็กน้อยวัยสักสิบขวบเศษขดตัวคุดคู้เร้นกายให้กลมกลืนกับกองขยะเพราะกลัวจะมีคนตามหานางเจอแล้วจับกลับไปยังสถานที่ที่น่ากลัวแห่งนั้นอีกทุกลมหายใจที่พ่นเข้าพ่นออกล้วนขมขื่นไปถึงขั้วหัวใจ ร่างน้อยสั่นเทิ้มด้วยความโดดเดี่ยวและหวาดกลัวหากแต่เด็กน้อยผู้นี้กลับไร้น้ำตาแม้แต่หยดเดียว มีเพียงเสียงสะอื้นในลำคอดังออกมาเป็นจังหวะเท่านั้นตอนนี้ท้องฟ้ามืดครึ้มราวอยู่ในห้วงลึกใต้หุบเหว ลมพัดกรรโชกแรงกลัวจะหอบเอาร่างเล็กพัดปลิวไปตามแรงลมนั้น เสียงฟ้าดังคำรามมาแต่ไกล ๆ บ่งบอกว่าอีกไม่นานฝนคงตกแล้วตลอดเวลาสิบปีที่ผ่านมาเด็กน้อยผู้นี้ไม่เคยหวาดกลัวกับสิ่งใด แต่วันนี้นางกลับรู้สึกถึงความสิ้นหวังเหมือนชีวิตนี้ไร้แสงสว่างให้เดินหน้าต่อไป"เจ้าต้องอดทน เจ้าต้องอดทน"เสียงแหบพร่าสั่นสะอึกพร่ำบอกตนเอง กว่าจะหนีออกมาจากค่ายโจรแห่งนั้นมิใช่เรื่องง่าย ต้องผ่านกับดักมากมายจนเกือบจะเอาตัวไม่รอด ทั้ง ๆ ที่คิดว่าสิบปีที่อยู่ในสถานที่แห่งนั้นนางจะคุ้นชินกับสภาพแวดล้อมของค่ายโจรนี้แล้ว แต่เปล่าเลย...ด้วยความเยาว์วัยทำให้การหนีอ
ภายในฐานทัพของศัตรู เฟิงซูเหยาทำร้ายทหารของข้าศึกเพื่อชิงชุดของฝั่งนั้นมาใส่จะได้เดินไปไหนมาไหนในฐานทัพศัตรูได้ง่าย ๆ"ช้าก่อน!"เสียงนายกองที่เดินลาดตระเวนผ่านมารั้งไว้"พลทหารลาดตระเวนกำลังมุ่งหน้าไปที่ใด"เฟิงซูเหยาได้ยินคำถามคิดครู่หนึ่งจึงดัดเสียงให้ใหญ่ตอบ"ข้าน้อยจะไปเข้าห้องน้ำขอรับ"เฟิงซูเหยาตอบแต่ไม่หันหน้ากลับไป"เจ้าเป็นทหารใหม่หรือถึงไม่รู้ว่าห้องน้ำไปทิศทางใด"คนถูกถามในชุดที่ปลอมตัวอยู่ถึงกับเลิ่กลั่ก หูที่แสนดีได้ยินเสียงทหารด้านหลังชักกระบี่ขึ้นเบา ๆ เป็นสัญญาณเตือนว่าเขาไม่เชื่อใจนางแล้วมือแน่งน้อยค่อย ๆ หยิบเข็มพิษที่ซ่อนไว้ในผ้ารัดข้อมือออกมาเตรียมซัดใส่ศัตรู ทว่า..."อั่ก!"เสียงหล่นตุ้บของร่างกำยำดังขึ้นทำเอานางรีบหันกลับไปดู"อาเฟย"ทันทีที่เห็นว่าเป็นฝีมือผู้ใดเฟิงซูเหยาถึงกับตกใจเล็กน้อย"ท่านมาได้เยี่ยงไร"เมื่อเห็นว่าอีกคนไม่ทักทายกลับจึงรีบวิ่งเข้าไปใกล้แล้วชวนคุย"หากข้ามาช้างานแต่งอีกสามวันข้างหน้าคงไร้เจ้าสาวเคียงข้างไปแล้ว"อี้เฟยพูดตัดพ้อใบหน้าเงียบขรึม"ท่านช่างพูดเกินไปเมื่อครู่ข้าคนเดียวก็เอาอยู่"เฟิงซูเหยาย่นจมูกทำท่าทางแง่งอนใส่อีกคน"เอาอยู่น่
“เช่นนั้นช่วยป้าล้างผักตรงนั้นแล้วกัน”เสิ่นอี้มองตาเด็กน้อยก็รู้แล้วว่านางคงมีความทุกข์ในใจจึงไม่ใส่ใจถามสิ่งที่เฟิงพูดค้างคาเอาไว้ต่อ“วันนี้ท่านป้าจะทำกับข้าวเลี้ยงฉลองหรือเจ้าคะ”เฟิงมาอยู่ที่นี่หลายวันแล้วนางเห็นความเป็นอยู่ของทั้งสองคนว่ากินอยู่เช่นไร พอมาวันนี้เห็นของที่วางเรียงรายอยู่ตรงหน้านางรู้ในทันทีว่าต้องเป็นของที่ทำเพื่อเลี้ยงฉลองแน่นอน“วันนี้วันเกิดเฟยเอ๋อร์”เฟยเอ๋อร์หรืออี้เฟยดรุณที่เป็นคนยื่นมือพาเฟิงน้อยคนนี้ออกมาจากตรอกน่ากลัวแห่งนั้น“ข้ามิรู้ว่าวันนี้วันเกิดเสี่ยวเฟยจึงไม่ได้เตรียมของขวัญไว้”เขาเป็นถึงผู้มีพระคุณสำหรับนาง วันสำคัญเช่นนี้เฟิงยังตอบแทนอี้เฟยเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่ได้ช่างไม่สมกับที่เขาให้ชีวิตใหม่นางเอาเสียเลย“ไม่ต้องคิดมาก งั้นวันนี้ป้าจะสอนเฟิงทำอาหารโปรดเฟยเอ๋อร์ดีหรือไม่”เฟิงพยักหน้าอย่างระรื่น นางไม่จำเป็นต้องให้ของขวัญที่เป็นสิ่งของเสมอไป หากเป็นการทำอาหารแม้รสชาติจะไม่ได้เลิศรสเท่ากับพ่อครัวแม่ครัวที่อื่น แต่นางก็จะตั้งใจเรียนรู้และทำให้เขาเพื่อเป็นของขวัญวันเกิดในวันนี้“ทานสิ”เฟิงคะยั้นคะยอให้บุรุษเพียงหนึ่งเดียวที่นั่งร่วมโต๊ะอาหารลองทานอา
แฮ่ก แฮ่ก แฮ่กเสียงหอบเหนื่อยที่ดังเบาแทบจะไม่ให้ใครได้ยินแม้แต่ตัวเองดังขึ้นเด็กน้อยวัยสักสิบขวบเศษกำลังวิ่งหลบไปตามต้นไม้น้อยใหญ่เพื่อหลีกหนีการตามล่าของกองโจรที่แสนน่ากลัวเฟิงเสี้ยว“รอยเท้ามันมาทางนี้ อย่าให้มันหนีรอดไปไหนได้”เสียงหนึ่งในกลุ่มโจรที่ออกตามล่าเด็กน้อยผู้นี้ดังขึ้นร่างบอบบางคุดคู้อยู่ด้านหลังโขดหินที่มีตะไคร่น้ำเกาะจนเป็นสีเดียวกับต้นไม้เพื่ออำพลางไม่ให้ถูกโจรกลุ่มนั้นตามล่าเข้า“เฟิง ข้ารู้ว่าเจ้าแอบซ่อนอยู่แถวนี้”รองหัวหน้ากองโจรเฟิงเสี้ยวเอ่ยชื่อของนักโทษหลบหนีเสียงเรียบเย็นดรุณีน้อยได้แต่ขดตัวสั่นแทบจะลืมหายใจด้วยซ้ำ“ออกมาเถอะน่า ประมุขเฟิงรอเจ้าอยู่”เสียงอีกคนที่ออกตามล่าเอ่ยเรียกอีกแรง“ไม่ ข้าไม่ออก ข้าไม่อยากกลับไปฆ่าคนอีกแล้ว”เฟิงน้อยเอ่ยอย่างรู้สึกหวาดกลัวตลอดเวลาสิบปีมานี้ แม้คนในกองโจรเฟิงเสี้ยวจะดีกับนาง แต่ก็ทำเพื่อหวังผลประโยชน์ทั้งนั้น เห็นดรุณีน้อยฉลาดหัวไว สอนอะไรก็เก่งกาจไปเสียหมด ไม่ว่าจะเรื่องพิษ เรื่องต่อสู้ เฟิงผู้นี้ไม่เคยทำให้ประมุขแห่งกองโจรนี้ผิดหวังสักเรื่อง เพราะแบบนี้เขาเลยไม่ยอมเสียหมากตัวนี้ให้หนีออกไปจากกองโจรแห่งนี้“ระวังต
"อั่ก! จ...เจ้า"ดวงตาอี้ซินเบิกโพลง เลือดมากมายค่อย ๆ ไหลออกมาจากปากและจมูก เฟิงซูเหยาที่ถูกกระบี่ของเขาแทงไหปลาร้าก็มีสภาพไม่ต่างจากอี้ซินเช่นกัน"รสชาติของมีดเล่มนี้ยามปักที่อกท่านเป็นเช่นไรบ้างเพคะ คุณชาย"เฟิงซูเหยากระซิบออกมาแผ่ว ๆ นางเรียกอี้ซินอย่างที่เคยเรียกตอนเป็นเฟิงซูเหยา ทำเอาคนที่คุ้นชินทั้งเหตุการณ์ทั้งสรรพนามที่เคยถูกเรียกหลุบตามองนางด้วยแววตาสั่นไหว"ตอนที่ข้าปักมันลงบนอกด้วยมือของข้าเองท่านรู้หรือไม่ว่ามันไม่เจ็บปวดเลย เพราะตอนนั้นหัวใจข้าได้ตายลงก่อนที่ข้าจะแทงขั้วหัวใจตัวเองแล้ว"เฟิงซูเหยาพรั่งพรูทุกสิ่งทุกอย่างที่นางอยากเล่าในชาติที่แล้วแต่ไม่มีโอกาสให้เขาฟังด้วยความขมขื่น"เจ้าเป็นใครกันแน่"อี้ซินฝืนรวบรวมแรงทั้งหมดเอื้อมมือที่แสนจะหนักอึ้งขึ้นมากระชากผ้าปิดหน้าของสตรีตรงหน้าออกดวงตาเขาสับสนปนวูบไหวเมื่อใบหน้านี้คือใบหน้าของฟ่างเซียนเซียน แต่ประโยคที่นางเอ่ยกับตนกลับเป็นเหตุการณ์ของอีกคนที่นางผู้นี้ไม่มีวันรู้ว่าวันนั้นเมื่อสองเดือนก่อนเกิดอะไรขึ้นบ้าง"คุณชายคงกำลังสับสนใช่หรือไม่ว่าข้ารู้เรื่องราวของเฟิงซูเหยาได้เช่นไร"รอยยิ้มแห่งชัยชนะผุดพรายขึ้นบนใบหน้าสว
"อย่าคิดหนี อ๊ะ!"เฟิงซูเหยาตั้งใจจะตามสามคนนั้นไปแต่ถูกฉินเทาเข้ามาขวางเอาไว้เสียก่อนเสียงกระบี่ทั้งสองฟาดฟันกันอย่างเอาเป็นเอาตายจวบจนเฉินเทาเพลี่ยงพล้ำเสียท่าถูกเฟิงซูเหยาปลิดชีพ"สุนัขรับใช้ที่แสนซื่อสัตย์ สุดท้ายเจ้าก็ตายอย่างโดดเดี่ยวอย่างน่าเวทนา"นางกล่าวอย่างสมเพชร่างไร้ลมหายใจของฉินเทา จากนั้นจึงเร่งตามสามคนนั้นไปเพื่อไม่ให้เสียเวาไปมากกว่านี้มีดสั้นที่นางเก็บไว้กับตัวถูกขว้างออกไปแต่พลาดเป้า"เจ้านี่มันกัดไม่ปล่อยเสียจริง อยากรู้นักว่พวกนั้นจ้างวานเจ้าเท่าใดถึงยอมเสี่ยงตายขนาดนี้"เมื่อหนีไม่พ้นอี้ซินมีเพียงทางเลือกเดียวคือหันหน้าเผชิญกับนักฆ่าสาวที่ปกปิดใบหน้าเอาไว้"อย่าใช้นิสัยตนเองตัดสินผู้อื่น ไม่มีผู้ใดจ้างวานข้าทั้งนั้น หากแต่วันนี้ข้าจ้องการคิดบัญชีแค้นกับท่านด้วยเหตุผลส่วนตัว""ข้าไม่เคยรู้จักนักฆ่าเช่นเจ้ามาก่อน"หึ! แน่แหละที่เขาไม่รู้จักนางในร่างของผู้อื่นเช่นนี้"ท่านไม่รู้จักข้าแล้วเช่นไร ขอเพียงข้าจดจำความแค้นที่ท่านเคยมอบให้ข้าแต่เพียงผู้เดียวก็เพียงพอแล้ว"เฟิงซูเหยาไม่อยากเปลืองน้ำลายยิ่งกว่านี้ นางตั้งท่ากระบี่วสันหวนคืนทันที อี้ซินเห็นท่วงท่าของเพลงกระ
"ดาบนี้ตอบแทนที่ท่านพ่อชุบเลี้ยงข้ามาด้วยความเลือดเย็น"เฟิงซูเหยากระซิบแผ่วเบาข้างหูเฟิงเสี้ยวที่ถามว่านางเป็นใครเพียงแค่ได้ยินถ้อยคำนั้นดวงตาเขาก็เบิกกว้างด้วยความตกใจ"จ...เจ้า เจ้ายังไม่ตาย"น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาเบาจนเฟิงซูเหยาเองก็แทบจะไม่ได้ยิน"ข้าจะตายก่อนได้แก้แค้นคนชั่วช้าเช่นพวกท่านได้เยี่ยงไร"น้ำเสียงที่ส่งออกมามีแต่ความเคียดแค้น"จ...เจ้า ..เฮือก!"มีคำพูดมากมายที่เฟิงเสี้ยวอยากเอ่ยแต่ไม่ทันเสียแล้วเมื่อเฟิงซูเหยาแทงกระบี่เข้าไปจนสุดด้ามปลิดลมหายใจเขาจนสิ้นในครั้งเดียว"แม่นางระวัง!"เฟิงซูเหยาที่ไม่ทันระวังตัวเกือบถูกมีดจากฉินเทาปลิดชีพไปแล้ว โชคดีที่ได้ฟ่างเสวียนสวี่ร้องเตือน"ยานี้ช่วยถอนพิษได้"นางรีบยื่นขวดยาถอนพิษที่พกติดตัวมาเผื่อให้ฟ่างเสวียนสวี่ก่อนจะรีบปลีกตัวหนีไปปิดบัญชีแค้นในครั้งนี้หมับ!ทว่าข้อมือเล็กกลับถูกคว้าเอาไว้เสียก่อนด้วยฝ่ามือแกร่งของฟ่างเสวียนสวี่เอง"เซียนเอ๋อร์ นั่นเจ้าใช่หรือไม่"บิดาที่ไหนกันจะจำเพียงแววตาของบุตรสาวตนเองไม่ได้ครั้งแรกที่เขาลืมตาขึ้นมาเห็นเพียงแววตาของฟ่างเซียนเซียนที่อยู่ด้านหลังประมุขเฟิงเขาก็จับได้ในทันทีเฟิงซูเหยาไม่มีเ
"ซินเอ๋อร์แม่เปลี่ยนแผนแล้ว"คราแรกนางก็หวังจะไว้ชีวิตพระสวามีผู้นี้ให้ใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างมีความสุขจนแก่ตายอยู่หรอก แต่เพราะในใจเขายังไม่เคยลืมเกาเสิ่นอี้ผู้นั้นนางจะสงสารเขาไปไย"เสด็จแม่หมายความเช่นไร""ปล่อยเสือเข้าป่าสักวันมันต้องแว้งมากัดเรา มิสู้ตัดไฟเสียแต่ต้นลมเพื่อวันข้างหน้าที่นอนหลับสบายตา"ได้ยินมารดาพูดเช่นนั้นรอยยิ้มเหี้ยมเกรียมก็ผุดพรายขึ้น"จริงของท่านแม่ ปล่อยเสือบาดเจ็บหนีตายเข้าป่าสักวันแผลมันก็หายและตามมาเอาคืนพวกเรา""ศิษย์น้องระวังตัวด้วย"ไป๋เจิ้นหยางเห็นท่าไม่ดีจึงรีบเตือนสติอี้เฟยที่อยู่ใกล้องค์ชายห้าที่สุด"มาปิดบัญชีแค้นกันเถอะ พี่สาม"เสียงชักกระบี่ดังขึ้นอย่างพร้อมเพียงเมื่อทหารของฝ่ายฝ่าบาทและคนของกองโจรเฟิงเสี้ยวต่างเตรียมพร้อมเข้าห่ำหั่นกันเฟิงซูเหยาที่ปลอมตัวปะปนอยู่ในกลุ่มกองโจรลอบหาโอกาสเข้าไปแก้แค้นคนที่ผลักไสให้นางถึงแก่ความตายหากแต่โจรก็คือโจร คนพวกนั้นเล่นสกปรกเมื่อควันสีเทาลอยคละคลุ้งทั่วตำหนักหอมหมื่นบุปผาอย่างไม่ให้ฝ่ายอี้เฟยได้ป้องกันตัว"ระวังควันพิษ"เฟิงซูเหยารีบตะโกนบอกก่อนจะลงกระบี่ปลิดชีพคนของกองโจรที่หันไปเล่นงานนางเมื่อรู้ว่าเป็นไ
"เหม่าทัน เจ้าคนชั่ว เจ้าจับหยังเอ๋อร์ลูกข้าไป"ทันทีที่จางปิงเห็นโอรสองค์เล็กที่ตามหาไม่พบเดินเข้ามาพร้อมเหม่าทันนางร้อนใจทันที"ใต้เท้าเหม่าทันจะทำการใด"ไป๋เจิ้นหยางถามขึ้นเพราะสิ่งที่เหม่าทันทำอยู่มิได้อยู่ในแผนการในครั้งนี้ แผนของพวกเขาคือให้เหม่าทันเฝ้าองค์ชายอี้หยังเอาไว้ หากพวกเขาพลาดพลั้งเสียท่าค่อยนำตัวองค์ชายสิบมาแลก"กุ้ยเฟย ท่านอยากได้องค์ชายสิบกลับไปหรือไม่"เหม่าทันไม่สนใจคำถามไป๋เจิ้นหยางสักนิด เขาตะโกนถามจางปิงที่ยืนตัวสั่นเทาเมื่อแผนทุกอย่างที่นางวางไว้ดิบดีถูกศัตรูทั้งหลายขัดขวาง"อยากฆ่าก็ฆ่า เจ้าจะพูดพล่ามเพื่ออันใด""เสด็จพี่"อี้หยังได้ยินเช่นนั้นรู้สึกปวดร้าวไปทั้งใจแม้ตลอดมาพวกเขาจะไม่เคยเห็นตนในสายตา แต่อี้หยังยังเชื่อว่าครอบครัวต้องไม่ทิ้งเขา แต่นี่กระไร ถ้อยคำที่พี่ชายเอ่ยบอกแก่ศัตรูมิได้มีความเป็นห่วงเขาสักนิด"เอาสิใต้เท้าเหม่า ท่านกล้าฆ่าคนจริงหรือ"กระบี่ในมือเหม่าทันสั่นเล็กน้อย ตั้งแต่เกิดมาเขาตัดสินโทษประหารผู้คนมาก็เยอะแต่ไม่เคยลงมือเชือดคอผู้อื่นด้วยตัวเองสักครั้งเดียว พอถูกองค์ชายอี้ซินท้าทายเช่นนี้เขายิ่งประหม่าและกลัวการฆ่าคนขึ้นมาจับใจ"โอ๊ย!
"เจ้าคือ..."ตั้งแต่ออกปราบกองโจรนี้ ไม่เคยมีผู้ใดเคยพบหน้าประมุขของกองโจรเฟิงเสี้ยวสักคน เลยไม่แปลกที่เสวียนสวี่จะไม่รู้จักเขา"ข้าคือสามีของฮูหยินรองเจ้าอีกคนอย่างไรเล่า"น้ำเสียงที่แสนหยามเกียรติดังขึ้นฟ่างเสวียนสวี่เกือบจะชักกระบี่ออกมาหากไม่ถูกต้าลู่ที่ยืนเคียงข้างห้ามเอาไว้ก่อน"แค้นข้าหรือว่าเสียหน้าที่ต้องทนเลี้ยงเลือดเนื้อผู้อื่นจนวันที่นางตายเช่นนี้""เจ้าคนชั่วช้า!""ท่านแม่ทัพใหญ่ใจเย็น ๆ ก่อนขอรับ"ต้าลู่รีบห้ามฟ่างเสวียนสวี่ที่ตอนนี้โกรธจนแทบจะควบคุมอารมณ์ตนเองไม่อยู่"นี่แค่เรื่องเดียวที่แม่ทัพใหญ่รับรู้ยังรับแทบไม่ได้ หากท่านรู้ความจริงเรื่องบุตรสาวคนโตจะไม่กระอักเลือดตายก่อนเลยหรือ""บุตรสาวคนโต เจ้ารู้จักฟ่างเฉียนเฉียนลูกข้าได้เช่นไร"ฟ่างเสวียนสวี่ถึงกับควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ เขาตกใจไม่น้อยที่โจรชั่วช้ารู้จักบุตรสาวคนโตของเขาที่เกิดได้ไม่กี่วันก็หายตัวไป"นอกจากรู้จัก ข้ายังเปรียบเสมือนพ่อของนางอีกด้วย""เจ้าหมายความเช่นไร"หว่างคิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน จ้องหน้าประมุขเฟิงเสี้ยวอย่างกดดันให้เขารีบพูดต่อ"เจ้าคิดว่าเด็กน้อยที่เพิ่งลืมตาดูโลกจะหายออกจากจวนใหญ่โตมีข้ารับใช้เ