เสียงสะอื้นเบา ๆ แบบข่มกลั้นน้ำเสียงเอาไว้ดังออกมาจากกองขยะในตรอกที่ทั้งมืดทั้งแคบแห่งหนึ่งเด็กน้อยวัยสักสิบขวบเศษขดตัวคุดคู้เร้นกายให้กลมกลืนกับกองขยะเพราะกลัวจะมีคนตามหานางเจอแล้วจับกลับไปยังสถานที่ที่น่ากลัวแห่งนั้นอีกทุกลมหายใจที่พ่นเข้าพ่นออกล้วนขมขื่นไปถึงขั้วหัวใจ ร่างน้อยสั่นเทิ้มด้วยความโดดเดี่ยวและหวาดกลัวหากแต่เด็กน้อยผู้นี้กลับไร้น้ำตาแม้แต่หยดเดียว มีเพียงเสียงสะอื้นในลำคอดังออกมาเป็นจังหวะเท่านั้นตอนนี้ท้องฟ้ามืดครึ้มราวอยู่ในห้วงลึกใต้หุบเหว ลมพัดกรรโชกแรงกลัวจะหอบเอาร่างเล็กพัดปลิวไปตามแรงลมนั้น เสียงฟ้าดังคำรามมาแต่ไกล ๆ บ่งบอกว่าอีกไม่นานฝนคงตกแล้วตลอดเวลาสิบปีที่ผ่านมาเด็กน้อยผู้นี้ไม่เคยหวาดกลัวกับสิ่งใด แต่วันนี้นางกลับรู้สึกถึงความสิ้นหวังเหมือนชีวิตนี้ไร้แสงสว่างให้เดินหน้าต่อไป"เจ้าต้องอดทน เจ้าต้องอดทน"เสียงแหบพร่าสั่นสะอึกพร่ำบอกตนเอง กว่าจะหนีออกมาจากค่ายโจรแห่งนั้นมิใช่เรื่องง่าย ต้องผ่านกับดักมากมายจนเกือบจะเอาตัวไม่รอด ทั้ง ๆ ที่คิดว่าสิบปีที่อยู่ในสถานที่แห่งนั้นนางจะคุ้นชินกับสภาพแวดล้อมของค่ายโจรนี้แล้ว แต่เปล่าเลย...ด้วยความเยาว์วัยทำให้การหนีอ
สตรีในอาภรณ์สีแดงกำลังร่ายรำกระบี่อยู่ในสวนดอกไม้อย่างสดใส เฟิงซูเหยากำลังใกล้สู่วัยปักปิ่นยิ่งทำให้หน้าตานางงดงามยิ่งเสียงชักกระบี่ดังขึ้นพร้อมบุรุษผู้หนึ่งกระโดดด้วยวิชาตัวเบาเข้ามายังด้านหลังนาง ปลายกระบี่คมกริบวางลงบนไหล่ของเฟิงซูเหยาที่ร่ายรำกระบี่อยู่ นางหยุดนิ่งอยู่กับที่ ไร้ความกลัวเกรงเพราะรู้ดีว่ากระบี่นี้เป็นของผู้ใด"วันนี้อากาศดี ข้าขอรำกระบี่เป็นเพื่อนเจ้า"เสียงทุ้มช่างไพเราะจับจิตของนางยิ่ง เฟิงซูเหยาไม่ตอบเป็นถ้อยคำ หากแต่ใช้ปลายกระบี่ของนางเขี่ยกระบี่ที่อยู่บนไหล่ออก ตั้งท่าเตรียมโจมตีกลับผู้ถือกระบี่อีกคนทั้งสองร่ายรำกระบี่ทั้งเหินฟ้าและบนดินอย่างสนุกสนาน สายตาทั้งสองสอดประสานกันตลอดเวลาที่รำกระบี่หมับ!เอวบางถูกสวมกอดจากทางด้านหลังจนแนบชิดกับอกแกร่งเป็นการบ่งบอกว่าสิ้นสุดกระบวนท่ารำกระบี่ในครั้งนี้แล้วดอกเหมยมากมายร่วงหล่นลงมาราวกับหิมะโปรยปรายชวนให้บรรยากาศอบอุ่นละมุนหัวใจยิ่งนัก"ข้าให้คนเตรียมของกินอร่อย ๆ ไว้ให้เจ้าแล้ว""คุณชายยังคงเห็นข้าเป็นเพียงเด็กน้อยสินะเจ้าคะ"เสียงหยอกเย้ากันอย่างสนิทสนมของเฟิงซูเหยาดังขึ้น"ในสายตาข้า เจ้ายังคงเป็นเด็กน้อยในวันนั้
"เหยาเหยาของข้า"ชื่อเรียกที่เมื่อก่อนหากได้ยินเมื่อใดหัวใจดวงน้อยของนางต้องอ่อนยวบทุกครั้ง หากแต่บัดนี้คำหวานที่อาบยาพิษเหล่านี้ทำอะไรความรู้สึกนางไม่ได้อีกต่อไปแล้ว"เหตุใดท่านถึงทำเช่นนี้"เสียงที่ถามออกไปเจือไปด้วยความตัดพ้อ แววตาของเฟิงซูเหยามีแต่ความเจ็บปวด"เจ้าผิดเองที่ทำงานไม่สำเร็จ"น้ำเสียงเขาทั้งไร้ความรับผิดชอบและไร้ความรู้สึกผิด ฟังแล้วช่างเย็นชาจนขั้วหัวใจของซูเหยาแทบหยุดเต้นงานสุดท้ายที่คุณชายผู้นี้สั่งให้นางไปทำคือลอบปลงพระชนน์องค์ชายสามอี้เฟย หากแต่นางกลับทำผิดพลาดแทงกระบี่พลาดขั้วหัวใจคนผู้นั้นจนเรื่องราวบานปลายรู้ถึงหูฮ่องเต้ทหารหลวงต่างพากันออกตามหาตัวมือสังหารกันให้วุ่น ขุนนางหลายฝ่ายที่อยากได้ผลงานต่างสืบสาวราวเรื่องจนเกือบรู้ถึงคนบ่งการ ทำให้คุณชายผู้แสนอ่อนโยนของเฟิงซูเหยาต้องเสียสละตัวเบี้ยไร้ค่าอย่างนางทิ้ง โดยการจัดสร้างหลักฐานเท็จเป็นภาพวาดแผนที่ซ่อนสุมกำลังข้าศึกแล้วนำไปซุกซ่อนไว้ในห้องนอนของเฟิงซูเหยา พร้อมกับให้คนสนิทปลอมเป็นโจรชุดดำหลอกล่อทหารยามจนมาพบหลักฐานชิ้นนี้เหม่าทันที่รักษาตำแหน่งเจ้ากรมตุลากรในขณะนั้นจึงเร่งเดินทางมาถึงจวนตะวันบูรพาพบทั้งแผ
"นักโทษเฟิงซูเหยา เจ้ามีความผิดฐานซ่อนสุมกองโจรเพื่อบุกเมืองหลวง โทษนี้หนักหนานัก หากเจ้ายอมบอกว่าใครเป็นคนบงการอยู่เบื้องหลัง โทษตายสามารถละเว้นได้"เฟิงซูเหยาที่ถูกใส่ร้ายอย่างเลือดเย็นจากคนที่นางรักสุดหัวใจค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมองบุรุษที่สวมชุดปักเลื่อมลายมังกรเช่นเดียวกับคืนวันนั้นเมื่อเก้าปีก่อนด้วยแววตาอบอุ่น"เมื่อเก้าปีก่อน ข้ากลัวความตายเยี่ยงนัก กลัวว่าจะไม่ได้เห็นโลกกว้างที่ยังไม่เคยไป กลัวจะไม่ได้พบเจอสหายใหม่ที่รู้ใจกัน กลัวจะไม่ได้ใช้ชีวิตอิสระไม่ต้องอยู่ภายใต้การกดขี่ข่มเหง แต่มาวันนี้ ความตายกลับเป็นสิ่งที่ไม่น่ากลัวเท่าเมื่อเก้าปีก่อนอีกต่อไปแล้ว""เจ้าพึมพำอันใด บอกข้ามา ใครคือคนบงการเจ้า"เฟิงซูเหยายิ้มเยาะให้กับโชคชะตาของตนเอง หาได้ใส่ใจเสียงข่มขู่ของเหม่าทันไม่ปากเป็นกระจับค่อย ๆ ขยับเอ่ยต่อ"ชีวิตข้าเกือบตายไปแล้วครั้งหนึ่งหากไม่ได้ผู้มีพระคุณที่แสนใจดีในวันนั้นช่วยไว้ วันนี้คงถึงวันที่ข้าจะตอบแทนบุญคุณคนผู้นั้นแล้ว"สตรีที่ไม่ว่าจะถูกทรมาน ทุบตี กลั่นแกล้งมามากมายเพียงไหนก็ไม่เคยมีหยาดน้ำตาสักหน มาวันนี้ น้ำใส ๆ ที่นางคิดว่าชาตินี้ทั้งชาติคงไม่ได้กลั่นมันออกมากลับ
"เจ้าขอโทษข้าเรื่องอันใด"'ทุกเรื่องที่ตอนที่ข้าเป็นเฟิงซูเหยา'"ช่างเถิด เจ้าหิวแล้วหรือไม่ ข้าจะได้ให้อาถังเอาของกินมา"เฟิงซูเหยาส่ายหน้าช้า ๆ เป็นการบอกปัด"ข้าอยากไปเยี่ยมฮูหยินรองกับท่านพี่"อยากรู้ว่าผลงานของนางจะออกมาน่าประทับใจหรือไม่"เจ้าไหวแน่นะ"สายตาของอี้เฟยมีแต่ความเป็นห่วงเป็นใยนาง แตกต่างกับน้องชายของเขาอย่างสิ้นเชิงแต่ไม่แล้ว...นางจะไม่มีวันเชื่อใจบุรุษหน้าไหนอีก ยิ่งเป็นคนที่มาจากสายเลือดเดียวกันกับองค์ชายอี้ซินนางยิ่งจะต้องหวาดระแวงเข้าไว้"ข้าไหวหากได้ท่านช่วยประคองอีกแรง"ถ้อยคำหวานกล่าวอย่างขวยเขินชาติก่อนนางเคยเป็นตัวหมากในกระดานให้น้องชายเขาใช้แล้วทิ้ง ชาตินี้คงไม่ผิดหากนางจะใช้เขาเป็นหมากเพื่อเปิดโปงใบหน้าที่ชั่วร้ายขององค์ชายห้าอี้ซินคืนบ้าง"มา ข้าประคองเจ้าเอง"ใบหน้าอี้เฟยไม่มีความเคลือบแคลงอันใดกับการละเมอของนาง ทำให้ลึก ๆ ความรู้สึกหวั่นไหวกลับก่อตัวขึ้นไม่ใช่...นี่มิใช่ความรู้สึกนาง อาจจะเป็นความู้สึกของฟ่างเซียนเซียนที่ตกค้างอยู่ภายในร่างกายนี้ใช่ ต้องเป็นอย่างที่นางคิด จะให้เป็นอื่นได้เยี่ยงไรกัน"ออกไป ออกไปให้หมด!"เสียงโวยวายดังออกมาจากกระโ
"เจ้ารู้เรื่องโจรพวกนั้นด้วย"คนที่บอกเสวียนสวี่ว่าซูเหยาถูกทำร้ายก่อนที่จะลงไปพายเรือกับสองแม่ลูกคือองค์ชายอี้เฟยที่อยู่ในเหตุการณ์ตอนนั้น แต่เขาไม่ได้เล่าลึกขนาดว่าเพราะเรื่องอะไร เป็นเจินเม่ยเองที่สารภาพความจริงออกมาจนหมดเปลือก"ลูก... ลูกไม่รู้เจ้าค่ะ"เจินเม่ยเริ่มลนลานเหลือบมองมารดาที่นอนแน่นิ่งไม่มีวี่แววว่าจะฟื้นขึ้นมาช่วยนาง"หากเจ้าไม่รู้จริงเหตุใดถึงได้พูดเรื่องที่ไม่รู้ขึ้นมา"ดวงตาคมกล้าของเสวียนสวี่จ้องบุตรสาวคนรองอย่างน่ากลัวเรื่องในจวนเขาไม่เคยก้าวก่ายเพราะมอบให้เจินซู่เป็นผู้ดูแล ทว่าหากเกิดอะไรขึ้นที่ค่ายทหารแห่งนี้เสวียนสวี่ไม่มีทางปล่อยปะละเลยไปเด็ดขาด ต่อให้ผู้ที่กระทำผิดจะเป็นเลือดเนื้อของตนเองเขาก็ไม่มีทางลดโทษให้"คือว่าข้า... ท่านพ่อ! ท่านพ่อต้องให้ความเป็นธรรมเรื่องที่ท่านแม่บาดเจ็บก่อนสิเจ้าคะ"เมื่อหาคำแก้ตัวเรื่องหนึ่งไม่ได้ เจินเม่ยเลยโวยวายเปลี่ยนเรื่องที่มารดาต้องนอนเป็นผักเน่าอยู่บนเตียงมาหลายชั่วยามแทน"เจ้าไม่ต้องกังวล วันนี้ข้าจะให้ความเป็นธรรมกับทุกคนทุกเรื่อง หากเจ้าไม่อยากตอบเรื่องนั้นก็แล้วไป งั้นข้าจะเข้าเรื่องใหม่แล้วกัน"เจินซู่ลอบถอนหายใจเบ
"พยานในเหตุการณ์ที่คุณหนูสามถูกดักทำร้าย"ไป๋เจิ้นหยางกล่าวอย่างใจเย็นก่อนจะหันไปส่งยิ้มให้ศิษย์น้องอย่างอี้เฟยเมื่อหลายวันก่อน หลังจากที่อี้เฟยตกลงกับเฟิงซูเหยาเรื่องแต่งงานกันหลอก ๆ เสร็จ เขาจึงให้ไป๋เจิ้นหยางไปสืบเรื่องความสัมพันธ์ของสกุลฟ่างรวมถึงสืบเรื่องที่มีโจรดักปล้นบุตรสาวแม่ทัพใหญ่กลางป่า"เล่าความจริงให้แม่ทัพใหญ่ฟังเดี๋ยวนี้" ต้าลู่ใช้ปลายดาบในฝักสะกิดเบา ๆ นักเลงหัวไม้สองคนก็ตัวสั่นปากสั่นด้วยความหวาดกลัว"เจ้าคือโจรที่ดักทำร้ายบุตรสาวข้า"เสวียนสวี่เอ่ยถามเมื่อเห็นท่าทีสองคนนี้ไม่น่าจะเปิดปากง่าย ๆ"ข้าน้อยผิดไปแล้ว ข้าน้อยถะ..ถูกว่าจ้างมา"หนึ่งในสองคนสารภาพขึ้นด้วยเสียงสั่นจนแทบจะฟังไม่รู้เรื่อง"ใครคือคนว่าจ้างเจ้า!"เสียงกังวาลด้วยโทสะดังจากปากแม่ทัพใหญ่เพิ่มความหวาดกลัวให้โจรสองคนนี้เป็นทวีคูณ"ฮ...ฮะ... ฮู..."โจรอีกคนเอ่ยขึ้นด้วยความกลัวและหวาดระแวง ครู่หนึ่งเขาเหลือบมองคนที่นอนอยู่บนเตียง ครั้นเห็นว่าเป็นผู้ใดความหวาดกลัวในครั้งนั้นค่อย ๆ ทุเลาลง"ฟ่างฮูหยินรองเป็นคนสั่งข้าน้อยขอรับ"โจรคนที่สองตอบเสียงดังฟังชัดตัวบงการนอนแน่นิ่งอยู่บนเตียงเช่นนั้นเขาจะหวาดกลัว
"เหตุใดท่านพ่อตาถึงได้ทำเช่นนั้น ตอนนี้เราขาดพยานในการสืบสวนเรื่องที่เซียนเอ๋อร์เกือบถูกฆ่ากลางป่าไปแล้ว"เสวียนสวี่ตำหนิบิดาของเจินซู่ แต่ยังคงสงวนท่าทีสุภาพอยู่หลายส่วน"เจ้าอยู่กินกับซู่เอ๋อร์มากี่ปีแล้ว นี่คือเลือดเนื้อของเจ้ากับนาง"อ้าวหลุนชี้ไปที่เจินเม่ยที่ตอนนี้เอาแต่ยืนมองทุกคนที่เคยรังแกนางด้วยแววตาเหยียดหยาม"นอกจากเจ้าจะไม่เชื่อใจคนในตระกูล ฮูหยินเจ้านอนบาดเจ็บอยู่ขนาดนี้ยังไม่รีบนำตัวกลับเมืองหลวง ห่วงแต่หาคนผิดเรื่องที่ผ่านไปแล้ว เห็นทีข้าคงปล่อยให้ลูกกับหลานข้าอยู่ในจวนคนไร้ความรับผิดชอบเช่นเจ้าต่อไปไม่ได้แล้ว"ดวงตาอ้าวหลุนวาวโรจน์ด้วยเพลิงโทสะ เขาเสียใจที่เห็นบุตรสาวนอนเหมือนคนตายที่ยังหายใจ ครั้นเหลือบมองดูหลานสาวที่ไม่รู้ความรู้สึกในใจจะบอบช้ำกับเรื่องไม่เป็นธรรมนี้ขนาดไหนก็ได้แต่เคียดแค้นเสวียนสวี่ยิ่งนัก"ตั้งแต่บัดนี้ สกุลเทียนไม่เกี่ยวข้องอันใดกับสกุลฟ่างอีกต่อไป""ท่านพ่อตา""ข้าคือเจ้ากรมมหาดไทยเทียนอ้าวหลุน"สิ้นถ้อยคำนั้นของอ้าวหลุน เสวียนสวี่ก็ไร้คำโต้แย้ง สองตระกูลตัดขาดสัมพันธ์ทันทีอย่างไร้ผู้ใดห้าม"ขอบพระทัยองค์ชายอี้ซินที่ส่งข่าว ข้าจะพาซู่เอ๋อร์กลับเ
ภายในฐานทัพของศัตรู เฟิงซูเหยาทำร้ายทหารของข้าศึกเพื่อชิงชุดของฝั่งนั้นมาใส่จะได้เดินไปไหนมาไหนในฐานทัพศัตรูได้ง่าย ๆ"ช้าก่อน!"เสียงนายกองที่เดินลาดตระเวนผ่านมารั้งไว้"พลทหารลาดตระเวนกำลังมุ่งหน้าไปที่ใด"เฟิงซูเหยาได้ยินคำถามคิดครู่หนึ่งจึงดัดเสียงให้ใหญ่ตอบ"ข้าน้อยจะไปเข้าห้องน้ำขอรับ"เฟิงซูเหยาตอบแต่ไม่หันหน้ากลับไป"เจ้าเป็นทหารใหม่หรือถึงไม่รู้ว่าห้องน้ำไปทิศทางใด"คนถูกถามในชุดที่ปลอมตัวอยู่ถึงกับเลิ่กลั่ก หูที่แสนดีได้ยินเสียงทหารด้านหลังชักกระบี่ขึ้นเบา ๆ เป็นสัญญาณเตือนว่าเขาไม่เชื่อใจนางแล้วมือแน่งน้อยค่อย ๆ หยิบเข็มพิษที่ซ่อนไว้ในผ้ารัดข้อมือออกมาเตรียมซัดใส่ศัตรู ทว่า..."อั่ก!"เสียงหล่นตุ้บของร่างกำยำดังขึ้นทำเอานางรีบหันกลับไปดู"อาเฟย"ทันทีที่เห็นว่าเป็นฝีมือผู้ใดเฟิงซูเหยาถึงกับตกใจเล็กน้อย"ท่านมาได้เยี่ยงไร"เมื่อเห็นว่าอีกคนไม่ทักทายกลับจึงรีบวิ่งเข้าไปใกล้แล้วชวนคุย"หากข้ามาช้างานแต่งอีกสามวันข้างหน้าคงไร้เจ้าสาวเคียงข้างไปแล้ว"อี้เฟยพูดตัดพ้อใบหน้าเงียบขรึม"ท่านช่างพูดเกินไปเมื่อครู่ข้าคนเดียวก็เอาอยู่"เฟิงซูเหยาย่นจมูกทำท่าทางแง่งอนใส่อีกคน"เอาอยู่น่
“เช่นนั้นช่วยป้าล้างผักตรงนั้นแล้วกัน”เสิ่นอี้มองตาเด็กน้อยก็รู้แล้วว่านางคงมีความทุกข์ในใจจึงไม่ใส่ใจถามสิ่งที่เฟิงพูดค้างคาเอาไว้ต่อ“วันนี้ท่านป้าจะทำกับข้าวเลี้ยงฉลองหรือเจ้าคะ”เฟิงมาอยู่ที่นี่หลายวันแล้วนางเห็นความเป็นอยู่ของทั้งสองคนว่ากินอยู่เช่นไร พอมาวันนี้เห็นของที่วางเรียงรายอยู่ตรงหน้านางรู้ในทันทีว่าต้องเป็นของที่ทำเพื่อเลี้ยงฉลองแน่นอน“วันนี้วันเกิดเฟยเอ๋อร์”เฟยเอ๋อร์หรืออี้เฟยดรุณที่เป็นคนยื่นมือพาเฟิงน้อยคนนี้ออกมาจากตรอกน่ากลัวแห่งนั้น“ข้ามิรู้ว่าวันนี้วันเกิดเสี่ยวเฟยจึงไม่ได้เตรียมของขวัญไว้”เขาเป็นถึงผู้มีพระคุณสำหรับนาง วันสำคัญเช่นนี้เฟิงยังตอบแทนอี้เฟยเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่ได้ช่างไม่สมกับที่เขาให้ชีวิตใหม่นางเอาเสียเลย“ไม่ต้องคิดมาก งั้นวันนี้ป้าจะสอนเฟิงทำอาหารโปรดเฟยเอ๋อร์ดีหรือไม่”เฟิงพยักหน้าอย่างระรื่น นางไม่จำเป็นต้องให้ของขวัญที่เป็นสิ่งของเสมอไป หากเป็นการทำอาหารแม้รสชาติจะไม่ได้เลิศรสเท่ากับพ่อครัวแม่ครัวที่อื่น แต่นางก็จะตั้งใจเรียนรู้และทำให้เขาเพื่อเป็นของขวัญวันเกิดในวันนี้“ทานสิ”เฟิงคะยั้นคะยอให้บุรุษเพียงหนึ่งเดียวที่นั่งร่วมโต๊ะอาหารลองทานอา
แฮ่ก แฮ่ก แฮ่กเสียงหอบเหนื่อยที่ดังเบาแทบจะไม่ให้ใครได้ยินแม้แต่ตัวเองดังขึ้นเด็กน้อยวัยสักสิบขวบเศษกำลังวิ่งหลบไปตามต้นไม้น้อยใหญ่เพื่อหลีกหนีการตามล่าของกองโจรที่แสนน่ากลัวเฟิงเสี้ยว“รอยเท้ามันมาทางนี้ อย่าให้มันหนีรอดไปไหนได้”เสียงหนึ่งในกลุ่มโจรที่ออกตามล่าเด็กน้อยผู้นี้ดังขึ้นร่างบอบบางคุดคู้อยู่ด้านหลังโขดหินที่มีตะไคร่น้ำเกาะจนเป็นสีเดียวกับต้นไม้เพื่ออำพลางไม่ให้ถูกโจรกลุ่มนั้นตามล่าเข้า“เฟิง ข้ารู้ว่าเจ้าแอบซ่อนอยู่แถวนี้”รองหัวหน้ากองโจรเฟิงเสี้ยวเอ่ยชื่อของนักโทษหลบหนีเสียงเรียบเย็นดรุณีน้อยได้แต่ขดตัวสั่นแทบจะลืมหายใจด้วยซ้ำ“ออกมาเถอะน่า ประมุขเฟิงรอเจ้าอยู่”เสียงอีกคนที่ออกตามล่าเอ่ยเรียกอีกแรง“ไม่ ข้าไม่ออก ข้าไม่อยากกลับไปฆ่าคนอีกแล้ว”เฟิงน้อยเอ่ยอย่างรู้สึกหวาดกลัวตลอดเวลาสิบปีมานี้ แม้คนในกองโจรเฟิงเสี้ยวจะดีกับนาง แต่ก็ทำเพื่อหวังผลประโยชน์ทั้งนั้น เห็นดรุณีน้อยฉลาดหัวไว สอนอะไรก็เก่งกาจไปเสียหมด ไม่ว่าจะเรื่องพิษ เรื่องต่อสู้ เฟิงผู้นี้ไม่เคยทำให้ประมุขแห่งกองโจรนี้ผิดหวังสักเรื่อง เพราะแบบนี้เขาเลยไม่ยอมเสียหมากตัวนี้ให้หนีออกไปจากกองโจรแห่งนี้“ระวังต
"อั่ก! จ...เจ้า"ดวงตาอี้ซินเบิกโพลง เลือดมากมายค่อย ๆ ไหลออกมาจากปากและจมูก เฟิงซูเหยาที่ถูกกระบี่ของเขาแทงไหปลาร้าก็มีสภาพไม่ต่างจากอี้ซินเช่นกัน"รสชาติของมีดเล่มนี้ยามปักที่อกท่านเป็นเช่นไรบ้างเพคะ คุณชาย"เฟิงซูเหยากระซิบออกมาแผ่ว ๆ นางเรียกอี้ซินอย่างที่เคยเรียกตอนเป็นเฟิงซูเหยา ทำเอาคนที่คุ้นชินทั้งเหตุการณ์ทั้งสรรพนามที่เคยถูกเรียกหลุบตามองนางด้วยแววตาสั่นไหว"ตอนที่ข้าปักมันลงบนอกด้วยมือของข้าเองท่านรู้หรือไม่ว่ามันไม่เจ็บปวดเลย เพราะตอนนั้นหัวใจข้าได้ตายลงก่อนที่ข้าจะแทงขั้วหัวใจตัวเองแล้ว"เฟิงซูเหยาพรั่งพรูทุกสิ่งทุกอย่างที่นางอยากเล่าในชาติที่แล้วแต่ไม่มีโอกาสให้เขาฟังด้วยความขมขื่น"เจ้าเป็นใครกันแน่"อี้ซินฝืนรวบรวมแรงทั้งหมดเอื้อมมือที่แสนจะหนักอึ้งขึ้นมากระชากผ้าปิดหน้าของสตรีตรงหน้าออกดวงตาเขาสับสนปนวูบไหวเมื่อใบหน้านี้คือใบหน้าของฟ่างเซียนเซียน แต่ประโยคที่นางเอ่ยกับตนกลับเป็นเหตุการณ์ของอีกคนที่นางผู้นี้ไม่มีวันรู้ว่าวันนั้นเมื่อสองเดือนก่อนเกิดอะไรขึ้นบ้าง"คุณชายคงกำลังสับสนใช่หรือไม่ว่าข้ารู้เรื่องราวของเฟิงซูเหยาได้เช่นไร"รอยยิ้มแห่งชัยชนะผุดพรายขึ้นบนใบหน้าสว
"อย่าคิดหนี อ๊ะ!"เฟิงซูเหยาตั้งใจจะตามสามคนนั้นไปแต่ถูกฉินเทาเข้ามาขวางเอาไว้เสียก่อนเสียงกระบี่ทั้งสองฟาดฟันกันอย่างเอาเป็นเอาตายจวบจนเฉินเทาเพลี่ยงพล้ำเสียท่าถูกเฟิงซูเหยาปลิดชีพ"สุนัขรับใช้ที่แสนซื่อสัตย์ สุดท้ายเจ้าก็ตายอย่างโดดเดี่ยวอย่างน่าเวทนา"นางกล่าวอย่างสมเพชร่างไร้ลมหายใจของฉินเทา จากนั้นจึงเร่งตามสามคนนั้นไปเพื่อไม่ให้เสียเวาไปมากกว่านี้มีดสั้นที่นางเก็บไว้กับตัวถูกขว้างออกไปแต่พลาดเป้า"เจ้านี่มันกัดไม่ปล่อยเสียจริง อยากรู้นักว่พวกนั้นจ้างวานเจ้าเท่าใดถึงยอมเสี่ยงตายขนาดนี้"เมื่อหนีไม่พ้นอี้ซินมีเพียงทางเลือกเดียวคือหันหน้าเผชิญกับนักฆ่าสาวที่ปกปิดใบหน้าเอาไว้"อย่าใช้นิสัยตนเองตัดสินผู้อื่น ไม่มีผู้ใดจ้างวานข้าทั้งนั้น หากแต่วันนี้ข้าจ้องการคิดบัญชีแค้นกับท่านด้วยเหตุผลส่วนตัว""ข้าไม่เคยรู้จักนักฆ่าเช่นเจ้ามาก่อน"หึ! แน่แหละที่เขาไม่รู้จักนางในร่างของผู้อื่นเช่นนี้"ท่านไม่รู้จักข้าแล้วเช่นไร ขอเพียงข้าจดจำความแค้นที่ท่านเคยมอบให้ข้าแต่เพียงผู้เดียวก็เพียงพอแล้ว"เฟิงซูเหยาไม่อยากเปลืองน้ำลายยิ่งกว่านี้ นางตั้งท่ากระบี่วสันหวนคืนทันที อี้ซินเห็นท่วงท่าของเพลงกระ
"ดาบนี้ตอบแทนที่ท่านพ่อชุบเลี้ยงข้ามาด้วยความเลือดเย็น"เฟิงซูเหยากระซิบแผ่วเบาข้างหูเฟิงเสี้ยวที่ถามว่านางเป็นใครเพียงแค่ได้ยินถ้อยคำนั้นดวงตาเขาก็เบิกกว้างด้วยความตกใจ"จ...เจ้า เจ้ายังไม่ตาย"น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาเบาจนเฟิงซูเหยาเองก็แทบจะไม่ได้ยิน"ข้าจะตายก่อนได้แก้แค้นคนชั่วช้าเช่นพวกท่านได้เยี่ยงไร"น้ำเสียงที่ส่งออกมามีแต่ความเคียดแค้น"จ...เจ้า ..เฮือก!"มีคำพูดมากมายที่เฟิงเสี้ยวอยากเอ่ยแต่ไม่ทันเสียแล้วเมื่อเฟิงซูเหยาแทงกระบี่เข้าไปจนสุดด้ามปลิดลมหายใจเขาจนสิ้นในครั้งเดียว"แม่นางระวัง!"เฟิงซูเหยาที่ไม่ทันระวังตัวเกือบถูกมีดจากฉินเทาปลิดชีพไปแล้ว โชคดีที่ได้ฟ่างเสวียนสวี่ร้องเตือน"ยานี้ช่วยถอนพิษได้"นางรีบยื่นขวดยาถอนพิษที่พกติดตัวมาเผื่อให้ฟ่างเสวียนสวี่ก่อนจะรีบปลีกตัวหนีไปปิดบัญชีแค้นในครั้งนี้หมับ!ทว่าข้อมือเล็กกลับถูกคว้าเอาไว้เสียก่อนด้วยฝ่ามือแกร่งของฟ่างเสวียนสวี่เอง"เซียนเอ๋อร์ นั่นเจ้าใช่หรือไม่"บิดาที่ไหนกันจะจำเพียงแววตาของบุตรสาวตนเองไม่ได้ครั้งแรกที่เขาลืมตาขึ้นมาเห็นเพียงแววตาของฟ่างเซียนเซียนที่อยู่ด้านหลังประมุขเฟิงเขาก็จับได้ในทันทีเฟิงซูเหยาไม่มีเ
"ซินเอ๋อร์แม่เปลี่ยนแผนแล้ว"คราแรกนางก็หวังจะไว้ชีวิตพระสวามีผู้นี้ให้ใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างมีความสุขจนแก่ตายอยู่หรอก แต่เพราะในใจเขายังไม่เคยลืมเกาเสิ่นอี้ผู้นั้นนางจะสงสารเขาไปไย"เสด็จแม่หมายความเช่นไร""ปล่อยเสือเข้าป่าสักวันมันต้องแว้งมากัดเรา มิสู้ตัดไฟเสียแต่ต้นลมเพื่อวันข้างหน้าที่นอนหลับสบายตา"ได้ยินมารดาพูดเช่นนั้นรอยยิ้มเหี้ยมเกรียมก็ผุดพรายขึ้น"จริงของท่านแม่ ปล่อยเสือบาดเจ็บหนีตายเข้าป่าสักวันแผลมันก็หายและตามมาเอาคืนพวกเรา""ศิษย์น้องระวังตัวด้วย"ไป๋เจิ้นหยางเห็นท่าไม่ดีจึงรีบเตือนสติอี้เฟยที่อยู่ใกล้องค์ชายห้าที่สุด"มาปิดบัญชีแค้นกันเถอะ พี่สาม"เสียงชักกระบี่ดังขึ้นอย่างพร้อมเพียงเมื่อทหารของฝ่ายฝ่าบาทและคนของกองโจรเฟิงเสี้ยวต่างเตรียมพร้อมเข้าห่ำหั่นกันเฟิงซูเหยาที่ปลอมตัวปะปนอยู่ในกลุ่มกองโจรลอบหาโอกาสเข้าไปแก้แค้นคนที่ผลักไสให้นางถึงแก่ความตายหากแต่โจรก็คือโจร คนพวกนั้นเล่นสกปรกเมื่อควันสีเทาลอยคละคลุ้งทั่วตำหนักหอมหมื่นบุปผาอย่างไม่ให้ฝ่ายอี้เฟยได้ป้องกันตัว"ระวังควันพิษ"เฟิงซูเหยารีบตะโกนบอกก่อนจะลงกระบี่ปลิดชีพคนของกองโจรที่หันไปเล่นงานนางเมื่อรู้ว่าเป็นไ
"เหม่าทัน เจ้าคนชั่ว เจ้าจับหยังเอ๋อร์ลูกข้าไป"ทันทีที่จางปิงเห็นโอรสองค์เล็กที่ตามหาไม่พบเดินเข้ามาพร้อมเหม่าทันนางร้อนใจทันที"ใต้เท้าเหม่าทันจะทำการใด"ไป๋เจิ้นหยางถามขึ้นเพราะสิ่งที่เหม่าทันทำอยู่มิได้อยู่ในแผนการในครั้งนี้ แผนของพวกเขาคือให้เหม่าทันเฝ้าองค์ชายอี้หยังเอาไว้ หากพวกเขาพลาดพลั้งเสียท่าค่อยนำตัวองค์ชายสิบมาแลก"กุ้ยเฟย ท่านอยากได้องค์ชายสิบกลับไปหรือไม่"เหม่าทันไม่สนใจคำถามไป๋เจิ้นหยางสักนิด เขาตะโกนถามจางปิงที่ยืนตัวสั่นเทาเมื่อแผนทุกอย่างที่นางวางไว้ดิบดีถูกศัตรูทั้งหลายขัดขวาง"อยากฆ่าก็ฆ่า เจ้าจะพูดพล่ามเพื่ออันใด""เสด็จพี่"อี้หยังได้ยินเช่นนั้นรู้สึกปวดร้าวไปทั้งใจแม้ตลอดมาพวกเขาจะไม่เคยเห็นตนในสายตา แต่อี้หยังยังเชื่อว่าครอบครัวต้องไม่ทิ้งเขา แต่นี่กระไร ถ้อยคำที่พี่ชายเอ่ยบอกแก่ศัตรูมิได้มีความเป็นห่วงเขาสักนิด"เอาสิใต้เท้าเหม่า ท่านกล้าฆ่าคนจริงหรือ"กระบี่ในมือเหม่าทันสั่นเล็กน้อย ตั้งแต่เกิดมาเขาตัดสินโทษประหารผู้คนมาก็เยอะแต่ไม่เคยลงมือเชือดคอผู้อื่นด้วยตัวเองสักครั้งเดียว พอถูกองค์ชายอี้ซินท้าทายเช่นนี้เขายิ่งประหม่าและกลัวการฆ่าคนขึ้นมาจับใจ"โอ๊ย!
"เจ้าคือ..."ตั้งแต่ออกปราบกองโจรนี้ ไม่เคยมีผู้ใดเคยพบหน้าประมุขของกองโจรเฟิงเสี้ยวสักคน เลยไม่แปลกที่เสวียนสวี่จะไม่รู้จักเขา"ข้าคือสามีของฮูหยินรองเจ้าอีกคนอย่างไรเล่า"น้ำเสียงที่แสนหยามเกียรติดังขึ้นฟ่างเสวียนสวี่เกือบจะชักกระบี่ออกมาหากไม่ถูกต้าลู่ที่ยืนเคียงข้างห้ามเอาไว้ก่อน"แค้นข้าหรือว่าเสียหน้าที่ต้องทนเลี้ยงเลือดเนื้อผู้อื่นจนวันที่นางตายเช่นนี้""เจ้าคนชั่วช้า!""ท่านแม่ทัพใหญ่ใจเย็น ๆ ก่อนขอรับ"ต้าลู่รีบห้ามฟ่างเสวียนสวี่ที่ตอนนี้โกรธจนแทบจะควบคุมอารมณ์ตนเองไม่อยู่"นี่แค่เรื่องเดียวที่แม่ทัพใหญ่รับรู้ยังรับแทบไม่ได้ หากท่านรู้ความจริงเรื่องบุตรสาวคนโตจะไม่กระอักเลือดตายก่อนเลยหรือ""บุตรสาวคนโต เจ้ารู้จักฟ่างเฉียนเฉียนลูกข้าได้เช่นไร"ฟ่างเสวียนสวี่ถึงกับควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ เขาตกใจไม่น้อยที่โจรชั่วช้ารู้จักบุตรสาวคนโตของเขาที่เกิดได้ไม่กี่วันก็หายตัวไป"นอกจากรู้จัก ข้ายังเปรียบเสมือนพ่อของนางอีกด้วย""เจ้าหมายความเช่นไร"หว่างคิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน จ้องหน้าประมุขเฟิงเสี้ยวอย่างกดดันให้เขารีบพูดต่อ"เจ้าคิดว่าเด็กน้อยที่เพิ่งลืมตาดูโลกจะหายออกจากจวนใหญ่โตมีข้ารับใช้เ